อยากได้คำสอนทางธรรมะเกี่ยวกับเรื่องปล่อยวางค่ะ

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย เลิฟริว, 6 พฤษภาคม 2013.

  1. เลิฟริว

    เลิฟริว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤษภาคม 2013
    โพสต์:
    67
    ค่าพลัง:
    +207
    ตอนนี้มีจิตใจที่ว้าวุ่น ติดทุกข์อยู่กับเรื่องหนึ่งมากๆ
    อยากได้คำสอนทางธรรมเกี่ยวกับเรื่องปล่อยวางมากๆค่ะ
     
  2. buakwun

    buakwun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    2,830
    ค่าพลัง:
    +16,613
    จงจำไว้ว่า ไม่มีสิ่งใดจะมาทำให้ท่านเป็นทุกข์ได้ นอกจากความคิดผิด ๆ ของท่านเอง ถ้าคิดผิด ท่านจะเป็นทุกข์ ถ้าคิดถูก ท่านก็จะไม่เป็นทุกข์ จงตั้งใจไว้ว่า ถ้าจะรู้สึกเป็นทุกข์หงุดหงิดเมื่อไร ท่านจะสลัดมันทิ้งเมื่อนั้น ท่านจะไม่เก็บไว้ในใจ ถ้าท่านสลัดอารมณ์ไม่ดีให้หลุดได้เมื่อใด ท่านก็จะรู้แจ้งธรรมะเมื่อนั้น ท่านจะหมดทุกข์เมื่อนั้น ท่านจะได้รับสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตท่าน ในนาทีที่ท่านสลัดอารมณ์หงุดหงิดไม่สบายออกไปจากใจได้

    จงตามดูความรู้สึกภายในจิตอยู่เสมอ ถ้าจะวิตกกังวลให้ตัดทิ้งเลย ถ้าจะหงุดหงิดให้ตัดทิ้งเลย ถ้าจะห่วงอะไรให้ตัดทิ้งเลย ถ้าทำอย่างนี้อยู่เสมอ ปัญญาของท่านจะเต็มเปี่ยมอยู่เสมอในจิต นี่แหละคือทรัพย์อันประเสริฐสุดในชีวิตท่าน และสิ่งเลวร้ายต่าง ๆ ก็จะสลายตัวไปเองในที่สุด ปัญหาที่ทำให้ท่านหนักใจเป็นทุกข์ จะไม่เกิดขึ้นในจิต ถ้าท่านทำจิตให้สลัดอารมณ์ดีร้ายเหล่านี้อยู่เช่นนี้เสมอ

    มีเวลาว่าง จงน้อมจิตสู่สมาธิอันสะอาดบริสุทธิ์อยู่เสมอ แม้จะทำวันละ 5 นาที สมาธิที่ถูกต้องพอก็จะเกิดขึ้นในจิตได้เช่นเดียวกัน และจะเพิ่มปริมาณความสงบสะอาดของมันเรื่อยไป จิตของท่านจะมั่นคงแข็งแกร่งยิ่งขึ้นไป เมื่อมีปัญหายุ่งยากเกิดขึ้น จงหยุดคิดทุกอย่างก่อน ให้น้อมจิตสู่การกำหนดลมหายใจ นับ 1-2 กลับไปกลับมาพร้อมกับลมหายใจนั้น สักนาทีหนึ่ง แล้วน้อมจิตเข้าไป พิจารณาปัญหานั้นว่า นี่มันคืออะไร ทำอย่างไรเราจึงจะไม่เป็นทุกข์ไปกับมัน เราควรทำอย่างไร จึงจะทำให้เรื่องนี้มันสงบไปได้อย่างถูกต้องที่สุด

    หลักสำคัญที่จะลืมไม่ได้คือ จงปล่อยวางอยู่เสมอ จงทำจิตให้ปล่อยวาง อย่าเก็บเอาสิ่งต่าง ๆ มาค้างไว้ในจิตใจด้วยความอยากเป็นอันขาด แล้วปัญหาทุกอย่างก็จะสลายตังไปในที่สุด โดยที่ท่านจะไม่เป็นทุกข์

    จงคิดเสมอว่า ชีวิตท่านกำลังเดินเข้าหาความตาย และการพลัดพรากจากทุกสิ่งในโลกนี้ เพราะฉะนั้นอย่าประมาท คืออย่ามัวเมาสนุกสนานอยู่ในโลก โดยไม่หาทางรอดพ้นให้กับตัวเอง เพราะความประมาทอย่างนั้น มันจะทำให้ท่านพลาดโอกาส ที่จะได้รับสิ่งที่ดี ๆ ในชีวิต ซึ่งหมายถึงสติปัญญาความหลุดพ้น

    จงทำจิตให้ปล่อยวางอยู่เสมอ แล้วปัญหายุ่งยากก็จะสลายไป อย่าตระหนี่ อย่าเห็นแก่ตัว อย่าเห็นแก่ได้ และจงให้ทานอยู่เสมอ อย่างท้อแท้ในการฝึกจิตให้สงบและฉลาด

    ศีล สมาธิ ปัญญา เท่านั้นคือทางออกไปจากความทุกข์ทั้งหลายทั้งปวง ทางอื่นหรือความเชื่ออื่น ไม่สามารถจะทำให้หลุดพ้นออกไปจากความทุกข์ได้
     
  3. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    ก่อนที่จะปล่อยวางได้ ต้องมองเห็นทุกข์ก่อนค่ะ และเืมื่อเห็นทุกข์แล้วก็นำทุกข์นั้นมาพิจารณาให้เห็นธรรม คือ ธรรมชาติ และธรรมดา

    การที่จะเห็นธรรมชาติที่เป็นไป ก็ต้องเห็นการเปลี่ยนแปลง แปรปรวน ของสิ่งรอบกาย หรือแม้แต่กายและใจของเรา ที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ไม่เคยหยุดนิ่ง มันเปลี่ยนแปลงจากรักเป็นเกลียด เปลี่ยนจากอยากได้เป็นไม่อยากได้ เปลี่ยนจากชอบเป็นไม่ชอบ ฯลฯ

    ดูความเปลี่ยนแปลงง่ายๆ จากท้องฟ้า หรือดวงอาทิตย์ ที่หมุนเวียนในแต่ละวันซิคะ ฟ้าบางวันก็สว่างสดใส บางวันมันก็หม่นครึ้ม ดวงอาทิตย์ก็มีขึ้นมีลง นี่คือธรรมชาติ ไม่มีใครไปบังคับให้เป็น มันเกิดขึ้นมาเอง ตั้งอยู่ของตัวมันเอง แล้วมันก็หายไปเอง เป็นอยู่อย่างนี้เรื่อยไป เฉกเช่นเดียวกันกับความทุกข์ มีเข้ามา ตั้งอยู่ แล้วก็หายไป ความแปรปรวนต่างๆ เหล่านั้น ล้วนเกิดจากเหตุปัจจัยปรุงแต่ง กระทุ้งให้กิเลส ตัณหา อุปทาน ที่มีอยู่เดิมๆ แล้วในใจ กระเพื่อมขึ้นมาเป็น รัก โลภ โกรธ หลง เหตุเหล่านี้ ทำให้ใจหมองเศร้าเป็นทุกข์ มองให้เห็นความจริง อย่าต่อต้านความจริงค่ะ เปิดใจรับ

    เมื่อเห็นได้ดังนี้แล้ว ก็จะมองเห็นธรรมชาติว่ามันเป็นเช่นนั้นเอง เมื่อมันเป็นเช่นนั้นเองแล้ว นี่คือกฏธรรมดา ใจน้อมเข้าไปรู้เรื่องธรรมดาแล้ว จิตก็จะปล่อยวางได้เองค่ะ
     
  4. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    การปล่อยวาง คลายทุกข์ แบบง่ายๆ

    สิ่งที่เราเป็นทุกข์ในปัจจุบันนี้ สาเหตุส่วนหนึ่งมาจากโลกปัจจุบันที่เปลี่ยนแปลงไป เราเองต้องอยู่ในโลกนี้ โลกแห่งการเป็นเหยื่อความเจริญด้านวัตถุ สิ่งล่อใจมีมาก ทำให้กิเลสมากขึ้นตามลำดับ ดังนั้นการปล่อยวางทั้งด้านวัตถุที่เป็นรูปธรรม และการปล่อยวางทางจิตใจที่เป็นนามธรรม จึงเป็นหนทางให้เราคลายความทุกข์ลงได้ เช่น ไฮเทคเกินไปก็ทำตัวให้ โลว์เทคบ้าง เคยขับรถ ก็ลองปล่อยแล้วมาขึ้นรถเมล์บ้าง เคยเอะอะโวยวายไม่พอใจเมื่อมีใครทำอะไรไม่ถูกใจ ก็หัดเฉยให้อภัยบ้าง เคยแต่งตัวพิถีพิถัน ก็มาแต่งตัวตามสบายบ้าง เป็นต้น

    การปล่อยวาง คือปล่อยวางความยึดมั่นถือมั่นในสิ่งทั้งปวง ข้อนี้สำคัญที่สุดในการคลายเครียดทุกวิธีที่กล่าวมาแล้วข้างต้น เพราะเป็นการตัดต้นตอของความทุกข์ทั้งมวลลงได้ เมื่อยึดมั่นถือมั่นมากก็ต้องทุกข์มาก ถ้าปล่อยวางลงได้มากก็เบามากสุขมาก แล้วความเครียดก็ลดลงหรือหายไปเลย

    ยึดมั่นสิ่งใด ก็ทุกข์เพราะสิ่งนั้น

    เมื่อยึดมั่นในสิ่งใด ก็เป็นทุกข์เพราะสิ่งนั้น ฉะนั้น พระพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ว่า...

    สพ.เพ ธม.มานาลํ อภินิเวสาย" แปลว่า "สิ่งทั้งปวงไม่ควรเข้าไปยึดมั่นถือมั่น" นี้เป็นหลักธรรมชั้นสูงขั้นวิปัสสนาในพระพุทธศาสนา

    แต่สำหรับเราปุถุชนนั้น ยังยึดมั่นถือมั่นอยู่ เพราะยังมีกิเลสอยู่ จะปล่อยวางให้เด็ดขาดนั้นยังทำไม่ได้ เพราะฉะนั้น ใครจะยึดมั่นในเรื่องอะไรก็ยึดเถิด แต่อย่ายึดให้มากเกินไป เพราะสิ่งทั้งปวงในโลกนี้มันไม่มีอะไรเที่ยงแท้แน่นอน มันเป็นทุกข์ มันตกอยู่ในสภาพเดิมไม่ได้ ต้องพังสลายไปในที่สุด และไม่มีอะไรเป็นของเราที่แท้จริงเลย เห็นได้ชัดเมื่อคนเราตาย เราต้องทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างไว้หมดสิ้นแล้วจากโลกนี้ไป นำไปได้แต่บุญและบาปติดตัวไปได้เท่านั้น นอกนั้นต้องทิ้งไว้ทั้งสิ้น มอบให้โลกเขาไป แม้แต่ร่างกาย เพราะได้ยืมของโลกเขามาใช้ชั่วคราว

    วิธีการในการปล่อยวางมีหลายอย่าง สำหรับคนเราที่ยังไม่อาจปล่อยวางทุกอย่างได้ ก็ควรใช้การปล่อยวางแบบง่าย ๆ ไปก่อน คือ รู้จัดปิดหูปิดตาและปิดปากเสียบ้าง เหมือนอย่างรูปปริศนาธรรมเป็นรูปลิง 3 ตัว โดยตัวหนึ่งปิดหู ตัวหนึ่งปิดตา อีกตัวหนึ่งปิดปาก ตามหลักพระพุทธศาสนา ถือว่าคนเราบางคราวแม้ไม่ใบ้ก็ทำเหมือนเป็นใบ้เสียบ้าง แม้ไม่หนวกก็ทำเหมือนหนวกเสียบ้าง แม้ไม่บอดก็ทำเป็นบอดเสียบ้าง ถ้าทำเป็นคนรู้เห็นไปหมดแล้ว ก็เท่ากับไปแส่หาความทุกข์ไม่หยุดหย่อน

    อย่างสมมติว่า เราเห็นคนรักหรือลูกหลานไปทำบางสิ่งบางอย่างอันไม่น่าพอใจ บางครั้งเราก็ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นเสียบ้าง เพราะถ้ารู้เห็นมากมันก็วุ่นวาย และทำให้เครียดมาก เช่น ในบางครั้งบางคนแม้ตนไม่รู้ ไม่เห็น ไม่ได้ยิน แต่ได้พยายามสืบเสาะให้มันเห็นจนได้ แล้วในที่สุดก็มานั่งทุกข์นอนทุกข์ เพราะไม่มีอุบายรักษาใจหรือปล่อยวางไม่เป็น

    เพราะฉะนั้น อุบายในการคลายเครียดเช่นนี้ ท่านจึงกล่าวเป็นกลอนไว้ว่า...

    ปิดหูซ้ายขวา>>>>>>ปิดตาสองข้าง
    ปิดปากเสียบ้าง>>>>>นั่งนอนสบาย

    ในการปล่อยวางการยึดมั่นนั้น คนเราจะต้องเห็นพระไตรลักษณ์ว่า ขันธ์ 5 หรือทุกสิ่งทุกอย่างในโลก อันย่อเหลือแต่รูปกับนาม ว่ามันตกอยู่ในอำนาจของพระไตรลักษณ์ คือ ไม่เที่ยง เป็นทุกข์และเป็นอนัตตา คือหาตัวเจ้าของที่แท้จริงไม่ได้

    ความทุกข์หรือความเครียดของคนเราไม่ใช่น้อยที่เกิดจากความยึดมั่นถือมั่น บางคนแม้จะตายแล้ว ก็ยังไม่ยอมปล่อยวาง ชีวิตมีแต่หนักอึ้ง เพราะแบกแต่ภาระการงานและยึดมั่นเอาไว้
     
  5. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    ** วิธีปฏิบัติให้เกิดความปล่อยวาง

    วิธีปฏิบัติให้เกิดความปล่อยวางอันเป็นอุบายแก้ทุกข์หรือคลายเครียดอย่างหนึ่งนั้นคือทำอย่างไร? ในที่นี้จะขอเสนออุบายแก้ทุกข์หรือคลายเครียด ให้เกิดการปล่อยวางลงได้ ดังต่อไปนี้

    1. เมื่อเกิดอะไรขึ้น ให้รวมลงในพระไตรลักษณ์ให้หมด คือถ้าอะไรเกิดขึ้นในชีวิตเรา ไม่ว่าดีหรือไม่ดี ก็ให้รวมลงไปว่าสิ่งเหล่านั้นไม่เที่ยง มันเป็นทุกข์และมันเป็นอนัตตา ไม่มีอะไรเป็นของเราที่แท้จริงเลย จึงไม่ควรเข้าไปยึดมั่นถือมั่น ถ้ารวมลงในพระไตรลักษณ์ได้ ใจมันจะเบาจะว่าง แต่ถ้าตรงกันข้าม ใจมันจะหนักจะเครียด จะมีแต่ความร้อนกระวนกระวาย

    2. ให้เห็นว่าสิ่งใดสิ่งหนึ่งเกิดขึ้น สิ่งนั้นต้องดับ คือให้ยอมรับความจริงว่า ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นล้วนแต่ต้องดับไปในที่สุดทั้งสิ้น แม้แต่ดวงอาทิตย์ก็ต้องดับ โลกนี้ก็ต้องสลาย ไม่มีอะไรเหลือ ดังที่พระอัญญาโกณฑัญญะ ได้ดวงตาเห็นธรรมครั้งแรกว่า "สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีการเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นทั้งหมดก็มีการดับไปเป็นธรรมดา" เช่น คนเราเมื่อมีการเกิดก็ต้องมีการตายเป็นธรรมดา แม้ปัญหาความยุ่งยากในชีวิตอะไรก็ตามที่ยังแก้ไม่ตกเมื่อมันเกิดขึ้นมันก็ต้องดับไป นี้คือกฎของธรรมชาติอย่างหนึ่งของสิ่งทั้งหลาย ไม่ต้องไปบังคับหรือยึดมั่นถือมั่นมากจนเกินไป เพราะถือมั่นมาก ก็ทุกข์มากและทำให้เครียดด้วย

    3. อย่าแบกงานไว้มากเกินไป คือ การแบกงานมากเกินไปนั้นมันหนัก มันเครียด มันวุ่นวาย และทุกข์ใจมาก แม้เราจะทำใจว่า เราจะทำงานด้วยใจว่างไม่ยึดมั่นถือมั่นแต่เมื่อเราไปรับงานแบกงานไว้มาก ใจจะสงบได้ยาก และงานจะเสียได้ง่าย เพราะทำไม่ทัน และจะเป็นเหตุให้เกิดความตึงเครียดทั้งด้านร่างกายและจิตใจ ฉะนั้น ผู้ที่ได้ความสงบสุขที่เรียกว่าสันติบทนั้น ต้องเป็นคนไม่แบกงานไว้มากจนเกินไป คือต้องเป็นคนมีงานไม่มากจนเกินไป ที่เรียกว่า อัปปกิจโจ มีงานน้อย ทำงานแต่พอประมาณ แก่ความรู้ความสามารถของตน จึงจะเกิดความเบากายเบาใจได้ง่าย คือให้วางงานลงเสียบ้าง ถ้าไม่วางก็จะหนักอยู่ตลอดไป แม้เราปุถุชนไม่อาจจะวางได้ตลอดไป แต่วางลงเสียบ้างและก็จะคลายเครียดได้

    4. ให้ปฏิบัติพร้อมกับกำหนดลมหายใจเข้าออก คือในการนำธรรมะขั้นปล่อยวางมาปฏิบัตินั้นถ้าเราปฏิบัติในขณะเจริญกรรมฐาน เช่น กำหนดลมหายใจเข้าออก ก็ให้กำหนดดังนี้ เมื่อหายใจเข้าให้ภาวนาว่า "ปล่อยวาง" เมื่อหายใจออกก็ภาวนาว่า "ปล่อยวาง" ปล่อยวางอะไร? คืออะไรก็ได้ที่ทำให้ยุ่ง ปล่อยวางมันให้หมด โดยเฉพาะปล่อยวางนามรูป ที่จะให้เข้าไปยึดมั่นว่าเป็นตัว เป็นตน เป็นเรา เป็นเขา เมื่อหายใจเข้าก็ภาวนาว่าปล่อยวาง เมื่อหายใจออกก็ปล่อยวาง แม้ที่สุด ร่างกายของเราก็ต้องปล่อย แล้วมันก็เบา จะรู้สึก เย็นขึ้นมา

    5. ให้ทำงานด้วยความไม่ยึดมั่น คือทำงานเพื่องาน เพื่อความสำเร็จของงาน ทำความดีเพื่อความดี ไม่ใช่ทำเพื่อยศ เพื่อตำแหน่งเกียรติยศชื่อเสียง ไม่ใช่ทำเพื่อตัวเรา เพื่อของเรา ถ้าทำอย่างนั้นมันจะวุ่นวายใจ เมื่อสิ่งทั้งหลายไม่สมใจตน จงทำงานไปพร้อมกับให้ความรู้สึกอยู่เสมอว่าทำความดีเพื่อความดี ทำงานเพื่อความสำเร็จของงาน ทำด้วยความเพลิดเพลิน ไม่รีบร้อนจนเกินไป เพราะในที่สุด เราต้องปล่อยวางหมดทุกสิ่งทุกอย่าง แม้ไม่ปล่อยก็ต้องปล่อย เมื่อเราต้องจากโลกนี้ไป

    6. ให้ถือหลักพุทธภาษิตว่า "สิ่งทั้งปวงไม่ควรยึดมั่นถือมั่น" เมื่อปล่อยวางลงได้ก็เป็นสุข

    ดังคำกลอนที่ว่า...

    >>>>>>>>สิ่งทั้งปวง>>>>>>>ควรหรือ>>>>>>>จะถือมั่น
    >>>>>>> เพราะว่ามัน>>>>>>>ก่อทุกข์>>>>>>>มีสุขไฉน
    >>>>>>>ยึดมั่นมาก>>>>>>>ทุกข์มาก>>>>>>>ลำบากใจ
    >>>>>>>ปล่อยวางได้>>>>>>>เป็นสุข>>>>>>>ทุกคืนวัน

    หากท่านสาธุชนทั้งหลายใช้อุบายแก้ทุกข์หรือคลายเครียดดังกล่าวมาตั้งแต่ข้อแรกจนถึงข้อสุดท้ายนี้ ก็จะทำให้ความทุกข์ความเดือดร้อนที่เกิดขึ้นบรรเทาเบาบางลง ความเครียดก็จะลดลง แล้วความสุขและความสงบก็เข้ามาแทนที่ ด้วยอำนาจการประพฤติธรรม

    แม้อุบายคลายเครียดบางอย่าง จะเป็นธรรมชั้นสูง แต่ก็เป็นหลักธรรมในพระพุทธศาสนาที่เราสามารถนำมาประยุกต์กับชีวิตประจำวันของเราได้ หากเข้าใจในหลักการปฏิบัติเพียงพอ เพราะว่า ผู้ใดพระพฤติธรรม พระธรรมย่อมคุ้มครองผู้นั้น พระธรรมที่เราประพฤติแล้วย่อมนำความสุขมาให้ การที่เราได้รับความสุขความเจริญนั้น คืออานิสงส์หรือประโยชน์แห่งการประพฤติธรรม

    ที่มา : http://www.oknation.net/blog/doyourbest/2010/08/10/entry-3
     
  6. buakwun

    buakwun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    2,830
    ค่าพลัง:
    +16,613
    โยม ไม้อันที่อาตมาถืออยู่นี่นะ มันสั้น หรือว่า มันยาว?

    โยม ไม้อันนี้ธรรมชาติแท้ ๆ ของมันมีแค่นี้ เท่านี้ ... มันไม่สั้น และก็ไม่ยาว

    โยม ความต้องการที่จะให้ไม้นี้มันสั้นเข้า หรือยาวออก นั่นแหละ "ทุกข์"
    ทุกสิ่งทุกอย่าง ถ้าเรายอมตามธรรมชาติที่มันเป็นอยู่ ยอมที่ไหน ทุกข์ก็ไม่เกิดที่นั่น

    สมมุติว่าวันนี้ โยมหาเงินได้ ๑๐๐ บาท ธรรมชาติของมันแค่ ๑๐๐ บาท
    จะอยากให้ได้มากกว่านั้น...ก็ไม่ได้
    จะอยากให้ได้น้อยกว่านั้น...ก็ไม่ได้
    หาได้ ๕๐ บาท ธรรมชาติของเขาก็แค่นั้น
    หาไม่ได้เลย ธรรมชาติของมันก็เท่ากับหาไม่ได้เลย
    ยอมตามธรรมชาติที่มันเป็นทุกอย่าง ทุกแห่ง ทุกข์ก็ไม่เกิด

    ธรรมะอย่างนี้ปฏิบัติที่ไหนก็ได้ เวลาใดก็ได้
    ใคร ๆ ก็ปฏิบัติได้ ปฏิบัติเมื่อไหร่ ที่ไหน...ทุกข์ก็ไม่เกิดเมื่อนั้น ที่นั่น

    โยม อีกอย่างหนึ่ง สมมุติว่าถ้าเราจะปลูกต้นไม้
    อันดับแรก เราต้องเตรียมดินให้ดี ขุดหลุมกว้างเมตร ลึกเมตร
    คลุกดินด้วยปุ๋ยคอกอย่างดี แล้วจึงปลูกต้นไม้ลงไป
    เมื่อปลูกแล้ว เราต้องคอยดูแล โดยหมั่นรดน้ำ พรวนดิน ดายหญ้า
    และล้อมรั้วกันอันตรายให้

    หน้าที่ของเรามีเพียงแค่นี้ ทำให้ครบ ทำให้ดีที่สุด

    ส่วนผลที่ต้นไม้จะให้นั้น บางชนิด ๑ ปีให้ผล
    บางชนิด ๓ ปี ๕ ปี ๑๐ ปี
    นั่นเป็นเรื่องของเขา เป็นเรื่องของต้นไม้เขาเอง

    โยม อย่าลืมนะ หน้าที่ของเรานั้น
    ทำเหตุให้ดีที่สุดเท่านั้น ส่วนผลที่จะได้รับเป็นเรื่องของเขา
    ถ้าเราดำเนินชีวิต โดยมีการปล่อยวางเช่นนี้แล้ว ทุกข์ก็ไม่รุมล้อมเรา

    ธรรมะอย่างนี้...ใคร ๆ ก็ปฏิบัติได้
    ปฏิบัติที่ไหนก็ได้ ปฏิบัติเมื่อไรก็ได้

    ธรรมะจาก หลวงปุ่ชา สุภัทโท

     
  7. markdee

    markdee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    745
    ค่าพลัง:
    +1,911
    วางไม่ได้หรอกค่ะยิ่งวางยิ่งคิด จะหลบลี้หลีกหนีไปที่ไหนความคิดมันก็จะตามไปทุกที่...
    ต้องดูมันค่ะดูสิว่ามันมันจะทุกข์ไปถึงไหน มันจะมีอีกไหมที่จะทุกข์กว่านี้ แล้วถ้าเลยจากทุกข์นี้ล่ะจะเป็นอะไร? ไปดูต้นตอของความทุกข์ว่าเกิดจากอะไร แก้ไขได้ไหม ถ้าแก้ไม่ได้จะทำอย่างไร? ทำอย่างไรล่ะเมื่อแก้ไม่ได้ เมื่อแก้ไม่ได้ก็ต้องจำนนต่อความจริงยอมรับความผิดพลาดนั้นเสีย ถ้ายังไม่ผ่านตรงนี้ก็ยังปล่อยวางไม่ได้หรอกค่ะ
     
  8. ROMBO

    ROMBO สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    8
    ค่าพลัง:
    +14
    ไม่ต้องไปทำอะไรกับมัน ไม่ต้องไปคอยที่จะปล่อยวางอะไร ให้มันเป็นไปเอง เกิดเอง ดับเอง ของมันเอง ของมันเอง
     
  9. ประปราย

    ประปราย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    107
    ค่าพลัง:
    +301
    คิดเสียว่า สิ่งนั้น ไม่ใช่ของเราตั้งแต่แรก ไม่ใช่ตัวเราตั้งแต่แรก ไม่ใช่อารมณ์เราตั้งแต่แรก

    แม้แต่ตัวเอง ก็ไม่ได้มีตั้งแต่แรก

    คิดว่า มันไม่ใช่ของเรา ไม่มีอะไรเป็นของเราจริงๆเลย

    ธรรมชาติของทุกสิ่ง มันเปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลาอยู่แล้วค่ะ

    ทุกวันนี้ ทุกข์ ทำ 2 อย่าง ถ้าอยากคิด เพื่อหาสาเหตุ ก็คิดๆๆๆ คิดให้พอ

    พอได้ความคิดแล้ว ทุกข์ ฝึกให้กำลังใจตัวเอง จากการอ่านข้อคิดดีๆในบอร์ดนี้ หรือไม่ก็ เจริญสติ จับลมหายใจตัวเอง ถ้าเป็นคนที่ฝึกสมาธิอยู่แล้ว จะง่ายขึ้นค่ะ


    ยังไงก็ขอให้กำลังใจน่ะค่ะ
     
  10. Sir-Pai

    Sir-Pai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 เมษายน 2010
    โพสต์:
    1,157
    ค่าพลัง:
    +3,358
    ผมลองขอโพสบ้างนะครับ

    ความทุกข์ ความเกลียด ความชัง หรือความไม่สบายใจทั้งหลายแหล่ล้วนเปรียบเสมือนโคลนครับ ยิ่งเรามีสิ่งเล่านี้มากเท่าไหร่ตัวเราก็จะยิ่งเปื้อนครับ ล้างออกยาก สกปรก เหนียว ทางที่ดีทำใจสบายๆครับ ใช้สติดับอารมณ์ทั้งปวง ค่อยๆฝึกการใช้สติโดยการใช้สมาธิอาจนั่งสมาธิ ซ้ายหนอ ขวาหนอ รู้ตัวตลอดก็ได้ แล้วโคลนที่มีเหล่านั้นจะค่อยๆถูกสติล้างออกไปครับ

    เจริญในธรรมนะครับ :cool:
     
  11. Thanks-Epi

    Thanks-Epi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    984
    ค่าพลัง:
    +2,950
    วันนี้ ตื่นนอนไม่หลับเพราะมีเรื่องในใจ น้ำตาไหล ทำให้นั่งสมาธิไม่ได้หลายวันแล้ว

    พยายามนอนดูลมหายใจก็เผลอบ่อยๆ

    อยู่ ๆ คำว่า "ไตรลักษณ์" ก็ผุดขึ้นในใจ น้ำตาที่ไหลอยู่ ก็ไหลมากขึ้น เมื่อนึกต่อถึงคำว่า ...อนัตตา....

    แล้วน้ำตาก็หยุดลงได้ ต่อด้วยคำสอนของหลวงพ่อชา ที่ "อะไรแปลว่า ศาสนาพุทธ"
    (แล้วก็กลับมานั่งสมาธิซัก 15 นาที ก็ไม่ไหวแล้ว ทั้งๆที่พยายามบอกว่า ปัจจุบันคือลมหายใจนะ)
    บอกตัวเอง......ไม่เป็นไร พรุ่งนี้นั่งใหม่ (บอกตัวเองในใจ)
    เผลอ ก็เริ่มใหม่ (ญาติธรรม สอนเสมอ)

    ตอนแรกคิดๆ ว่าจะมาโพสถามค่ะ แต่ตอนนี้ ทุกข์เอง ตอบเองได้ค่ะ
     
  12. firstini

    firstini เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,213
    ค่าพลัง:
    +3,770
    คนที่เรารักที่สุด เราไม่อยากให้เขาตาย เขาก็ต้องตาย
    แม้แต่เราเองเราก็ต้องตาย

    เคยเห็นคนตายแบกอะไรไปด้วยมั้ย...
    เราคนเป็น พยายามเข้าใจในเรื่องพวกนี้
    การปล่อยวาง อยู่ๆมาปล่อยมันไม่ง่าย
    เหมือนคนติดบุหรี่ อยู่ๆจะมาบอกให้เลิกเลยก็ยาก
    มันต้องหาอุบายในการปลดปล่อย
    ศึกษาเรื่องอนุสติให้มากจะช่วยได้

    อนุสติคือการตามระลึกถึง นึกถึงอยู่บ่อยๆ
    ได้แก่ พระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ ความตาย ความเสื่อมสภาพสกปรกของร่างกาย
    ลมหายใจ พระนิพพาน เทวดา การบริจาค ศีล
    เมื่อตามนึกถึงบ่อยๆแล้ว อาการปล่อยวางจึงจะค่อยๆมี
     
  13. แก้วกัลลยา

    แก้วกัลลยา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    57
    ค่าพลัง:
    +570
    เมื่อปล่อยให้ความทุกข์เข้าครองใจได้แล้ว...หมายถึงสติตามรู้ไม่ทัน
    ...ปล่อยให้ใจปรุงแต่งในเหตุแห่งทุกข์นั้น...ยากจะปล่อยวาง
    ตั้งสติ...ทำใจให้นิ่ง หาต้นตอ...ของเหตุแห่งทุกข์นั้น....ยกขึ้นพิจารณาบ่อยๆ..ซ้ำ...
    ...ดูอาการของทุกข์นั้น...ดูเฉยๆไม่ปรุงแต่งแล้วยกขึ้นสู่ไตรลักษณ์ ...
    กฏของความไม่เที่ยง ...เกิดขึ้น...ตั้งอยู่...ดับไป ทุกข์นั้นเมื่อถึงที่สุด....ก็จางคลายไปเอง...
     
  14. Lanna141

    Lanna141 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    35
    ค่าพลัง:
    +62
    ปล่อยวางคือเราไม่พยายามเก็บมันไว้ในใจ ถ้าเราไม่เก็บมันไว้ ก็เท่านั้นหละ
     
  15. daowdeaw

    daowdeaw เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 เมษายน 2013
    โพสต์:
    537
    ค่าพลัง:
    +1,558
    คำสอนที่เข้าใจผิดกันมาก แล้วก็ถกเถียงกันมากที่สุด ตามความคิดเห็นของตนก็คือเรื่อง “การปล่อยวาง” หรือ “การทำงานด้วยจิตว่าง” นี่แหละ การพูดอย่างนี้เรียกว่าพูด “ภาษาธรรม” เมื่อเอามาคิดเป็นภาษาโลกมันก็เลยยุ่ง แล้วก็ตีความหมายว่าอย่างนั้น ทำอะไรก็ได้ตามใจชอบล่ะซิ

    ความจริงมันหมายความอย่างนี้ อุปมาเหมือนว่าเราแบกก้อนหินหนักอยู่ก้อนหนึ่ง แบกไปก็รู้สึกหนัก แต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรกับมัน ก็ได้แต่แบกอยู่อย่างนั้นแหละ พอมีใครบอกว่า ให้โยนมันทิ้งเสียซิ ก็มาคิดอีกแหละว่า

    “เอ...ถ้าเราโยนมันทิ้งไปแล้ว เราก็ไม่มีอะไรเหลือน่ะซิ” ก็เลยแบกอยู่นั่นแหละ ไม่ยอมทิ้ง

    ประโยชน์ของการปล่อยวาง ถ้าจะมีใครบอกว่า โยนทิ้งไปเถอะ แล้วจะดีอย่างนั้น เป็นประโยชน์อย่างนี้ เราก็ยังไม่ยอมโยนทิ้งอยู่นั่นแหละ เพราะกลัวแต่ว่าจะไม่มีอะไรเหลือ ก็เลยแบกก้อนหินหนักไว้ จนเหนื่อยอ่อนเพลียเต็มที จนแบกไม่ไหวแล้วก็เลยปล่อยมันตกลง ตอนที่ปล่อยมันตกลงนี้แหละ ก็จะเกิดความรู้เรื่องการปล่อยวางขึ้นมาเลย

    เราจะรู้สึกเบาสบาย แล้วก็รู้ได้ด้วยตัวเองว่าการแบกก้อนหินนั้นมันหนักเพียงใด แต่ตอนที่เราแบกอยู่นั้นเราไม่รู้หรอกว่าการปล่อยวางมีประโยชน์เพียงใด

    ดังนั้น ถ้ามีใครมาบอกให้ปล่อยวาง คนที่ยังมืดอยู่ก็ไม่รู้ไม่เข้าใจหรอก ก็จะหลับหูหลับตาแบกก้อนหินก้อนนั้นอย่างไม่ยอมปล่อย จนกระทั่งมันหนักจนเหลือที่จะทนนั่นแหละ ถึงจะยอมปล่อย แล้วก็จะรู้สึกได้ด้วยตัวเอง ว่ามันเบามันสบายแค่ไหนที่ปล่อยมันไปได้

    ต่อมาเราอาจจะไปแบกอะไรอีกก็ได้ แต่ตอนนี้เราพอรู้แล้วว่า ผลของการแบกนั้นเป็นอย่างไร เราก็จะปล่อยมันได้โดยง่ายขึ้น ความเข้าใจในความไร้ประโยชน์ของการแบกหาม และความเบาสบายของการปล่อยวางนี่แหละ คือตัวอย่างที่แสดงถึงการรู้จักตัวเอง

    ความยึดมั่นถือมั่นในตัวของเราก็เหมือนก้อนหินหนักก้อนนั้น พอคิดว่าจะปล่อย “ตัวเรา” ก็เกิดความกลัวว่า ปล่อยไปแล้วก็จะไม่มีอะไรเหลือ เหมือนกับที่ไม่ยอมปล่อยก้อนหินก้อนนั้น แต่ในที่สุดเมื่อปล่อยมันไปได้ เราก็จะรู้สึกเองถึงความเบาสบายในการที่ไม่ได้ยึดมั่นถือมั่น
     
  16. AYACOOSHA

    AYACOOSHA เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    368
    ค่าพลัง:
    +2,253
    พระบรมศาสดาได้ตรัสไว้ว่า...กิเลสทั้งปวงล้วนแล้วแต่เกิดจากการคิดถึง...คำนึงถึง...ไม่ได้เกิดจากตัวของมันเอง...เปรียบเหมือนของสวยงามหากเราไม่ไปคิดคำนึงถึงมันแล้ว..มันก็อยู่ตามประสาของมันอยู่อย่างนั้น...แต่ถ้าหากเมื่อใดเราได้เอาใจเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยแล้ว...เมื่อนั้นมันจะกัดกินหัวใจเราทันที...นี้แลเป็นเหตุที่มาของความทุกข์...เรามัวแต่คิดตามที่เราได้เห็น...ได้ยิน..ได้รู้..ได้สัมผัส...แต่เราลืมไปเลยว่าทุกสิ่งทุกอย่างล้วนแล้วแต่ถูกอุปโหลกขึ้นมาทั้งนั้น..เรา..เขา..สัตว์..สิ่งของ...รวย..จน..สุดท้ายว่างเปล่า......ทุกข์ทางใจเป็นของท่าน...ท่านไม่ปลดให้ตัวเอง..แล้วใครที่ไหนจะมาปลดให้ท่าน...คนอื่น ๆก็ได้แต่เพียงแนะนำเท่านั้น...ทุกข์เกิดขึ้นที่ใด...ให้ดับมันที่นั้นแล...สวัสดี..
     
  17. เลิฟริว

    เลิฟริว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤษภาคม 2013
    โพสต์:
    67
    ค่าพลัง:
    +207
    ขอบคุณเพื่อนๆในนี้มากๆเลยค่ะ แอนดีใจมากที่ได้มาพบเจอเว็บนี้
    มีความทุกข์อย่างไร ได้เพื่อนในเว็บนี้คอยให้กำลังใจ บางครั้งสิ่งที่เราท้อ
    เราไม่อาจพูดหรือบอกกล่าวกับคนใกล้ตัวได้ เพราะถ้าเราอ่อนแอ คนใกล้ตัวเรา
    ก้อจะอ่อนแอไปด้วย เพราะฉะนั้นเราต้องเป็นหลักให้กับคนใกล้ตัว แต่ในเว็บนี้
    เราสามารถแสดงความอ่อนแอของเราได้ ต้องขอบคุณเพื่อนๆในบอร์ดนี้มากจริงๆน้ะค้ะ
    ยังงัยแอนขอฝากเนื้อฝากตัวในบอร์ดนี้ด้วยน้ะค้ะ
    [/SIZE]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 พฤษภาคม 2013
  18. ลุงมหา๑

    ลุงมหา๑ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    931
    ค่าพลัง:
    +3,937
    ไม่เห็นต้องยุ่งยากอะไร

    ขออนุญาตครับ

    สวดไตรสรณคมณ์ ตลอดเวลาซิครับ


    "พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ"
    "ธรรมมัง สะระณัง คัจฉามิ"
    "สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ"


    วิธีนี้ละง่ายที่สุด ทรงประสิทธิผลสูงที่สุด
    ลองดูนะครับ
    ง่ายๆอย่างนี้ ถ้าทำไม่ได้ ก็ไม่ต้องไปหาวิธีอื่นๆอีก

    ขอโมทนา ขออนุโมทนา
    ขอบคุณครับ
    ลุงมหา

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 พฤษภาคม 2013
  19. เลิฟริว

    เลิฟริว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤษภาคม 2013
    โพสต์:
    67
    ค่าพลัง:
    +207
    แอนจะท่องไว้ขึ้นใจเลยค่ะ "รู้ ละ"
     
  20. เลิฟริว

    เลิฟริว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤษภาคม 2013
    โพสต์:
    67
    ค่าพลัง:
    +207
    วิธีนี้แอนยังไม่เคยลอง แต่เดี๋ยวพรุ่งนี้ปัญหายังจบ แอนจะลองใช้วิธีนี้ค่ะ ขอบคุณมากเลยค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 พฤษภาคม 2013

แชร์หน้านี้

Loading...