ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,895
    โลกจะสูญพันธ์แค่ไม่กี่ทศวรรษ!!!
    วันที่ 25 ตุลาคม 2550 - เวลา 13:33:12 น.

    ไม่ว่าระดับน้ำทะเลในเขตร้อนของโลกจะร้อนขึ้นสักเพียงใด ที่ผ่านมา โลกก็เคยเผชิญกับการสูญพันธุ์ครั้งใหญ่มาแล้วหลายล้านปี แต่คราวนี้นักวิทยาศาสตร์วิตกว่า การสูญพันธุ์นั้นอาจเกิดขึ้นอีก แต่ภายในระยะเวลาเพียงไม่กี่ทศวรรษ หาใช่หลายสิบล้านปีก่อน

    จากการศึกษารอบใหม่ของวารสารโรแยล'โซไซตี้ บี'บอกว่า การสูญพันธุ์ครั้งใหญ่ 4 ใน 5 เหตุการณ์ เกี่ยวโยงกับอุณหภูมิทะเลร้อนขึ้น ซึ่งนั่นเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าโลกทั้งใบร้อนกันไปหมด โดยผู้เชี่ยวชาญบอกว่า จากการตรวจสอบสถิติของฟอลซิลในช่วงที่ผ่านมา ยิ่งอุหภูมิโลกเพิ่มขึ้นสูงเท่าไหร่ การสูญพันธ์บนโลกมนุษย์ก็จะเกิดมากขึ้นเท่านั้น

    จากการอ้างของนักวิทยาศาสตร์ชั้นนำของโลกบอกว่า โลกอยู่ในห้วงต้องเผชิญกับการสูญพันธุ์ในระยะเดียวกับเมื่อปี 100 ปี ก่อน หากการปล่อยสารก่อปฎิกิริยาเรือนกระจกยังไม่บรรลุสัมฤทธิ์ผล นอกจากนี้ จากการศึกษาอีกด้านพบด้วยว่า มนุษย์ในยุคโบราณนี่แหละที่เป็นตัวการทำให้เกิดภาวะสูญพันธุ์ของโลก เพราะฝีมือการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดอ๊อกไซด์ในระดับสูง

    โดยรายงานดังกล่าวระบุว่า ทีมนักค้นคว้าได้พิจารณาว่า จากสถิติการตรวจสอบซากฟอสซิสในช่วง 10 ล้านปีผ่านมา พบว่า จริง ๆ อุณหภูมิที่วิเคราะห์กันไม่ใช่อุณหภูมิที่แท้จริง จากการเปรียบเทียบกับสัตว์พันธุ์ต่าง ๆ และสิ่งมีชีวิตที่มีความหลากหลายทางชีวภาพอื่น ๆ พวกเขาพบว่า สัตว์พันธุ์ต่าง ๆ บนโลกตายเพราะอุณหภูมิที่สูงขึ้น

    โดยทีมงานได้เริ่มตรวจสอบอุณหภูมิในท้องทะเลเขตร้อน ซึ่งเป็นวิธีเดียวที่จะใช้พิสูจน์สถิติจากซากฟอสซิลได้ ซึ่งในหลายล้านปีก่อน พวกเขาพบว่า จะเกิดวัฎจักรด้านอุณหภูมิจากภาวะโลกร้อนเพราะสารก่อปฎิกิริยาเรือนกระจก เข้าสู่วัฎจักรแห่งยุคน้ำแข็ง

    โดยทุกครั้งที่อุณหภูมิบนท้องทะเลเขตร้อนอยู่ที่ระดับ 7 องศาเซลเซียส หรือร้อนกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน และหากดำเนินเช่นนี้นอีกหลายล้านปี จะทำให้โลกเราเกิดภาวะสตว์โลกสูญพันธุ์เกลี้ยง เรียกว่าเป็นภาวะสูญเสียที่จะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงเวลาที่ว่า

    แม้ว่าผลศึกษานี้จะได้โยงการสูญพันธุ์ครั้งมหาศาลของโลกกับภาวะโลกร้อนเพิ่มขึ้ น แต่ก็ยังไม่ได้มีการฟันธงชัดๆ ว่า สิ่งที่มีชีวิตบนโลกสูญพันธุ์เพราะอิทธิพลใดมากน้อยไปกว่ากัน

    อย่างเช่น จากการสูญพันธุ์ครั้งใหญ่ในช่วงครั้งล่าสุด ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อ 65 ล้านปีก่อน ซึ่งรวมที้งการสูญพันธุ์ของไดโนเสาร์ ไม่มีการอธิบายว่าเพราะเหตุใดสัตว์พันธุ์นี้เพราะเหตุจึงสูญพันธุ์อย่างรวดเร็ว ซึ่งตามทฤษฎีที่ผ่านมา ๆ ที่นักวิทยาศาสตร์พยายามอธิบายกันก็คือ บางทีโลกในขณะนี้อาจเจออุกกาบาตถล่มก็ได้!

    ขณะที่อีกทฤษฎีที่ถูกเสนอด้วยก็เรื่อง จากภาวะโลกร้อนนี่แหละ เช่น ปรากฎการณ์ภูเขาไฟระเบิด ที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดอ๊อกไซด์จำนวนมหาศาล มากพอที่จะทำให้ไดโนเสาร์ทั้งโลกสูญพันธุ์

    อย่างไรก็ตาม กลุ่มนักวิจัยอีกกลุ่มที่มุ่งศึกษาเรื่องก๊าซคาร์บอนไดอีอกไซด์ บอกว่า พวกเขาเชื่อว่าการสูญพันธุ์ของสิ่งมีชีวิตบนโลก มีสาเหตุเกี่ยวเนื่องกับภาวะอุณหภูมิทะเลร้อนขึ้น

    โดยปีเตอร์ วอรด์ ศาสตราจารย์แห่งมหาวิทยาลัยด้านชีวภาพบอกว่า การเพิ่มขึ้นของก๊าซคาร์บอนไดอ๊อกไซด์ตามธรรมชาติ ได้ทำให้อากาศและทะเลร้อนขึ้น และเมื่อท้องทะเลร้อนขึ้น ผลที่จะเกิดขึ้นก็คืออ๊อกซิเจนจะน้อยลง ก่อนจะคายสารไฮโดรเจนแพร่สู่อากาศและท้องทะเล ทำลายสิ่งมีชีวิตบนโลก

    เรียกว่าเป็นนี่เป็นวัฎจักรที่ย้อนทำลายโลกอย่างเป็นลูกโซ่นั่นเอง!!!

    'ปีเตอร์ วอร์ด'ยังบอกว่า เขาได้ตรวจสอบการสูญพันธุ์ทั้งใหญ่และเล็ก 13 ประเภทในอดีตที่ผ่านมา และได้พบ'โซ่เกี่ยวโยงพื้นฐาน'นั่นคือ พบก๊าซคาร์บอนไดอ๊อกไซด์ในอากาศเพิ่มขึ้น และระดับอ๊อกซิเจนที่ลดลง ที่เขาเชื่อว่าเป็นปัจจัยไปสู่การสูญพันธุ์ของสิ่งมีชีวิตบนโลกในยุคก่อน

    ขณะที่สมาชิกทีมวิจัยร่วมของเขายังเสริมว่า พบว่าการเพิ่มของก๊าซคาร์บอนไดอ๊อกไซด์ ในอากาศ เกิดขึ้นตรงกับช่วงที่สิ่งมีชีวิตบนโลกตายเกลี้ยง แต่มันได้สร้างสภาพอุณหภูมิที่ดีขึ้นสำหรับความหลากหลายทางชีวภาพ

    ว่าไปแล้ว ผลวิจัยดังกล่าวยังถือว่าสอดคล้องกับของคณะกรรมการรัฐบาลระหว่างชาติ ซึ่งเพิ่งคว้ารางวัลโนเบล ไพร้ซ์ ไปหมาด ๆ (ร่วมกับอัล กอร์)ที่ชี้ว่า อุณหภูมิโลกที่สูงขึ้นเกิดขึ้นในช่วงเดียวกับที่โลกเจอการสูญพันธุ์ของสิ่งมีชีวิตอย่างมโหฬาร จะเพิ่มขึ้นถึงระดับปัจจุบันได้เพียงอีกศตวรรษ หากโลกยังคงมีการปล่อยสารก่อปฎิกิริยาเรือนกระจก

    โดยก่อนหน้านี้ คณะวิจัยนี้ฯ เชื่อว่า สิ่งมีชีวิตบนโลกบนโลก 20-30 เปอร์เซนต์ น่าจะเสี่ยงสูญพันธุ์ หากอุณหภูมิโลกเพิ่มขึ้นอีก 3-4 องศาเซลเซียส

    ขณะที่นายโธมัส เลิฟจอย์ ประธานศูนย์วิจัยด้านวิทยาศาสตร์,เศรษฐศาสตร์ และสิ่งแวดล้อม ประจำกรุงวอชิงตัน บอกว่า เพราะว่าเราได้เคยเห็นการเปลี่ยนแปลงด้านระบบนิเวศวิทยาอย่างหลายเท่าตัวเพียงแค่อุณหภูมิเพิ่มขึ้นไม่มากนัก เราก้คาดได้แล้วว่า ต่อไปโลกจะต้องเจอการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงแน่

    ส่วนคามิลล่า ปาร์มาซาน นักชีววิทยาแห่งมหาวิทยาลัยเท็กซัส ซึ่งลงมือศึกษาเรื่องสิ่งมีชีวิตกำลังเปลี่ยนแปลงไปตามภาวะโลกร้อน บอกว่า เขารู้สึกอึ้งกับรายงานจากแม็ทธิว และมองว่ามันมีแนวโน้มที่เป็นไปได้อย่างยิ่ง

    ด้านริชาร์ด อัลเลย์ ศาสตราจารย์ด้านภูมิศาสตร์วิทยาแห่งรัฐเพนซิลวาเนีย บอกว่า รายงานนี้จะทำให้บางคนที่บอกว่า โลกร้อนขึ้นกว่าในช่วงที่ผ่านมา พอจะโล่งอกได้ และเราก็ยังมีเวลาพอที่จะจัดการกับวิกฤตเรื่องนี้

    ถอดความจากรายงานของเซธ โบเนสไตน์ ผู้สื่อข่าวสายวิทยาศาสตร์ สำนักข่าวเอพี
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 ตุลาคม 2007
  2. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,895
    ชี้โลกเข้ายุคผลิตน้ำมันถึงจุดอิ่มตัวแล้ว!
    วันที่ 25 ตุลาคม 2550 - เวลา 13:56:57 น.

    เผยผลศึกษาเมืองเบียร์ชี้โลกเข้ายุคน้ำมันผลิตถึงจุดสูงสุดแล้วตั้งแต่ปี 2006 ก่อนเข้าสู่สงครามและภัยพิบัติ


    โดยสถาบัน'เอเนอร์จี้ วอช'ซึ่งตั้งอยู่ในเยอรมัน ออกรายงานเผยแพร่เมื่อวันอังคารตามที่ผ่านมาตามเวลาท้องถิ่น ระบุว่า โลกได่เข้าสู่ภาวะอิ่มตัวในการผลิตน้ำมันตั้งแต่ปี 2006 และจากนั้นการผลิตน้ำมันของโลกลดลงเรื่อย ๆ 3 เปอร์เซนต์ต่อปี และประเมินว่าในปี 2030 การผลิตน้ำมันในโลกนี้จะยุติลง

    นอกจากนี้ พลังงานในรูปแบบอื่น ๆ เช่น ถ่านหิน,ยูเรเนียม และเชื้อเพลิงต่าง ๆ ก็จะลดลงด้วย ซึ่งหากเชื้อเพลิงน้ำมันลดลง ย่อมจะนำไปสู่ภัยสงคราม ความวุ่นวายปั่นป่วนทางสังคม ภัยพิบัติของมนุษย์

    ด้านนายฮันส์ โจเซฟ เฟล ส.ส.เยอรมัน กล่าวว่า รายงานศึกษานี้เป็นเรื่องจริงจังมาก เพราะเท่ากับว่าโลกกำลังจะเข้ายุควิกฤตทางเศรษฐกิจอีกไม่กี่ปีข้างหน้า เพราะปริมาณการผลิตน้ำมันลดลง

    อย่างไรก็ตาม นักวิจัยด้านพลังงานน้ำมันและแก๊ส แห่งศูนย์วิจัยศึกษาพลังงานโลก ประจำกรุงลอนดอน กล่าวโจมตีว่า รายงานดังกล่าวเป็นเรื่องตื่นตูม เพราะถึงขณะนี้โลกยังมีอุปทานน้ำมันที่เพียงพอ และจะยังไม่มีวิกฤตขาดแคลนน้ำมันเกิดขึ้น และแม้ว่าการผลิตน้ำมันอาจจะลดลง แต่การที่น้ำมันแพงขึ้น ก็เพราะโลกยังไม่สามารถหาแหล่งพลังงานอื่น ๆ มาทดแทนได้ต่างหาก

    http://www.matichon.co.th/news_detail.php?id=8513&catid=6
     
  3. nondanun

    nondanun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    5,980
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +32,612
    [​IMG]
    วิกรม กรมดิษฐ์
    ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทอมตะคอร์ปอเรชั่น จำกัด
    ผู้ก่อตั้งมูลนิธิอมตะ เขียนหนังสือ"ผมจะเป็นคนดี"แจกนักเรียน นักศึกษา คนพิการผู้ด้อยโอกาส และ ผู้ต้องขังในเรือนจำทั่วประเทศ


    ในจับเข่าคุยตอนที่ผ่านมา
    อมตะคาสเซิ่ล ลงทุน 2,000 ล้านบาท บนเนื้อที่ 6 ไร่ ณ นิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร จ.ชลบุรี
    คุณสรยุทธ์ถามคุณวิกรมว่าทําไมต้องสร้างสูง 8 เมตร
    คุณวิกรมบอกว่าเผื่อน้ำท่วมโลก ส่วนตัวเขาเชื่อเรื่อง Globlal warming มาก
    ถ้าหากเกิดน้ำท่วมโลกจริง อมตะคาซเซิ่ลจะต้องอยู่อมตะตามชื่อ
    รวมถึงเรื่องที่สร้างมุมแฉกบริเวณเสาด้านรอบไว้กรณีที่เกิดอุกกาบาตชนอ่าวไทยก็จะไม่ได้รับผลกระทบ
    คุณวิกรมเชื่อมั่นว่าอมตะคาซเซิ่ลจะทนทานมาก เพราะสร้างกําแพงล้อมรอบหนา 1 เมตร ด้วยหินทราย
    นอกจากนี้คุณวิกรมยังพูดถึงถ้ำที่หลบภัยใต้ดินที่เตรียมไว้ด้วย กรณีฉุกเฉิน มีอาหาร เสบียง ทุกอย่างพร้อมสรรพ ซึ่งเตรียมการไว้หมดแล้ว คุณวิกรมยังพูดติดตลกว่า ถึงวันนั้นคุณสรยุทธิ์จะไปหลบภัยในนั้นกับผมก็ได้

    ขออภัยที่หาภาพมาโพสไม่ได้เนื่องจากจะมีปัญหาเรื่องลิขสิทธิ์ ครับ
    อมตะคาซเซิ่ลปัจจุบันกําลังดําเนินการอยู่ในระหว่างก่อสร้าง
     
  4. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    อีกไม่นานคงได้คุยกันกับคุณวิกรม ครับ ขอเวลาต่อคอนเนคชั่นนิดหนึ่ง

    เป็นเหตุบังเอิญที่น้องสาวคุณวิกรม พี่สมหะทัย พานิชชีวะ เป็นรุ่นพี่ที่จุฬา เคยได้คุยกันเรื่องมูลนิธิอมตะแต่ยังไม่เคยคุยรายละเอียด และไม่ทราบว่าคุณวิกรมเชื่อในเรื่องนี้ด้วย ลงว่ากล้าให้สัมภาษณ์ออกทางสื่อขนาดนี้ก็นับว่าไม่ธรรมดาแล้วครับ

    จะลองตามข่าวเรื่องนี้ให้อีกครั้งครับ ตามเหตุการณ์ที่พาไป เพราะเมื่อต้นปีนี้ก็พึ่งไปทานเลี้ยงที่บ้านคุณวิกรมมารวมทั้งได้รับหนังสือ "ผมจะเป็นคนดี"พร้อมลายเซ็นมาอ่านหนึ่งเล่ม ดูปฏิปทาแล้ว คุณวิกรมก็อยู่ในพุทธภูมิวิสัยท่านหนึ่งครับ
     
  5. พุทธโกมุท

    พุทธโกมุท เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    314
    ค่าพลัง:
    +2,807
    เอ ... ที่ผมเคยฝันไว้ เรื่องศรีวิกรม หรือศรีวิกรณ์ จะเป็นคนเดียวกันหรือเปล่านะ คล้ายๆ

    <TABLE class=tborder id=post697276 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>

    </TD><TD class=alt1 id=td_post_697276 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- message -->คืนวันที่ 7 กย. เวลาประมาณ 4:00 น.

    ฝันไปว่าไปที่ โรงพักเพื่อแจ้งความใบขับขี่หาย เพื่อขอทำใบขับขี่ใหม่ ขณะเดินขึ้นบนโรงพักมีตำรวจนายหนึ่งทักว่า "จะไปไหนมาคุยกันก่อน" เราก็ตอบว่าไม่เป็นไร เราจะไปแจ้งความทำใบขับขี่ใหม่ เค้าก็คะยั้นคะยอ จะแนะนำให้ แล้วก็พาไปนั่งที่เก้าอี้ตัวหนึ่ง พอนั่งเสร็จเค้าก็หยิบพระมา 3 องค์เป็นล็อกเก็ต จำได้องค์หนึ่งเป็นรูปหลวงปู่ปาน ด้านหลังเป็นสมเด็จองค์ปฐม ปางพระนิพพาน เค้าให้เรา จากนั้นก็แนะนำตัวบอกว่านามสกุล "ศรีวิกรม" เค้าได้รับมอบหมายให้มีหน้าที่มารวบรวมพลที่มาเกิด บอกว่าเราเองก็มีหน้าที่ มัวแต่ทำอะไรอยู่ จากนั้นมีอาการปีติ (ร้องไห้ในฝัน) แล้วก็ตื่นขึ้น เกือบๆตี 4 พอเช้ามี Misscall จากคุณคณานันท์ ลองโทรกลับไปบอกว่านัดกันที่สวนลุม เลยตามไปสมทบ ได้ความรู้กลับมาเพียบเลยครับ
    <!-- / message --><!-- sig -->
    ____________________________________________________________
    พุทธโกมุท : ดอกบัวรองพระบาทของพระพุทธเจ้า เมื่อคราวประสูตร ตรัสรู้ และปรินิพพาน
    <!-- / sig -->

    </TD></TR><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">[​IMG] [​IMG]<SCRIPT type=text/javascript> vbrep_register("697276")</SCRIPT> [​IMG] </TD><TD class=alt1 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right><!-- controls --><TABLE id=table1 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD align=left><!-- Start Post Groan Hack -->[​IMG] <!-- End Post Groan Hack --></TD><TD><!-- Start Post Thank You Hack -->[​IMG] <!-- End Post Thank You Hack -->[​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] <!-- / controls --></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><!-- post 697276 popup menu -->

    <!-- End Post Thank You Hack --><!-- Start Post Groan Hack --><SCRIPT type=text/javascript><!--function post_groan_give_697276(){ fetch_object('post_groan_button_697276').style.display = 'none' fetch_object('post_thanks_button_697276').style.display = 'none' do_groan_add = new vB_AJAX_Handler(true) do_groan_add.onreadystatechange(groan_add_Done_697276) do_groan_add.send('showthread.php?do=post_groan_add_ajax&p=697276')}function groan_add_Done_697276(){ if (do_groan_add.handler.readyState == 4 && do_groan_add.handler.status == 200) { fetch_object('post_groan_box_697276').innerHTML = do_groan_add.handler.responseText }}function post_groan_remove_all_697276(){ do_groan_remove_all = new vB_AJAX_Handler(true) do_groan_remove_all.onreadystatechange(groan_remove_all_Done_697276) do_groan_remove_all.send('showthread.php?do=post_groan_remove_all_ajax&p=697276') fetch_object('post_groan_button_697276').style.display = '' fetch_object('post_thanks_button_697276').style.display = '' }function groan_remove_all_Done_697276(){ if (do_groan_remove_all.handler.readyState == 4 && do_groan_remove_all.handler.status == 200) { fetch_object('post_groan_box_697276').innerHTML = do_groan_remove_all.handler.responseText }}function post_groan_remove_user_697276(){ do_groan_remove_user = new vB_AJAX_Handler(true) do_groan_remove_user.onreadystatechange(groan_remove_user_Done_697276) do_groan_remove_user.send('showthread.php?do=post_groan_remove_user_ajax&p=697276') fetch_object('post_groan_button_697276').style.display = '' fetch_object('post_thanks_button_697276').style.display = '' }function groan_remove_user_Done_697276(){ if (do_groan_remove_user.handler.readyState == 4 && do_groan_remove_user.handler.status == 200) { fetch_object('post_groan_box_697276').innerHTML = do_groan_remove_user.handler.responseText }}//--></SCRIPT>
    <!-- End Post Groan Hack --><!-- start adv-->





    <!-- / close content container --><!-- / post #697276 --><!-- post #697454 --><!-- open content container --><!-- this is not the last post shown on the page --><TABLE class=tborder id=post697454 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid"><!-- status icon and date -->[​IMG] 10-09-2007, 03:10 PM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right>#427 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>kananun<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_697454", true); </SCRIPT>



    ทีม เสียงพระธรรมเทศนา


    สมาชิกยอดฮิต



    [​IMG]



    เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: วันนี้ 09:04 PM​


    วันที่สมัคร: May 2006​


    ข้อความ: 3,689 <!-- Start Post Thank You Hack -->​


    ได้ให้อนุโมทนา 27,579 ครั้ง ​


    ได้รับอนุโมทนา 53,502 ครั้ง ใน 3,692 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->​


    พลังการให้คะแนน: 5954 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]






    </TD><TD class=alt1 id=td_post_697454 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- message -->ขออนุญาตแปลความฝันของคุณพุทธโกมุทครับ



    ซึ่งอันที่จริงก็แปลกันตรงตัวได้อยู่แล้ว แต่จะขอเพิ่มเเตมเนื้อหาขึ้น



    คือมีผู้คนมากมายหลายๆคนที่ มาเกิดในชาติปัจจุบันนี้และมีหน้าที่บางอย่างที่ต้องกระทำ เป็นภาระกิจที่ตนเองได้อธิฐานมาก่อนลงมาเกิดในชาตินี้



    แต่พอถึงเวลา ก็เกิดเพลิดเพลินใน"โลก" ขึ้นมา ลืมเลือนภาระกิจที่ตั้งใจทำเอาไว้



    ก็เป็นหน้าที่ของพุทธภูมิด้วยกันมาช่วยกันสะกิด บางท่านก็ผุดรู้ ตื่นขึ้นจากภายในได้เร็ว บางท่านก็ช้า แถมมีบางท่านที่เบี้ยวอีกเหมือนกัน โดยเฉพาะท่านที่อธิฐานมาสนับสนุนด้านเสบียงกรัง ฝ่ายกองหน้ากลาตายตะลุยรบไปข้างหน้าแล้ว ฝ่ายเสบียงก็ยังไม่ส่งกำลังบำรุงสักที



    ตัว หลวงปู่เคราก็เคยได้ปรารถให้พวกเราฟังว่า มีคนที่มีหน้าที่ลงมาเกิดหลายๆคน แต่มาเบี้ยวซะก็มี หลายคนเพลิดเพลินในทรัพย์สินสมบัติ ที่ต้องนำมาใช้ในพระพุทธศาสนา และงานของส่วนรวม เมื่อถึงเวลาที่ข้างบนเขาตัดบัญชีทิ้ง แทนที่จะได้มาสร้างบารมีอย่างที่ได้ตั้งใจเอาไว้ก็กลับกลายเป็น ต้องถูกลงโทษไปด้วยเสียเอง




    ช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาแห่งการปลุกตื่น รวมพลผู้ที่มีหน้าที่ แล้ว ดูจาก



    -การจัดงานมหาสโมสรสันนิบาตพุทธภูมิ


    -การที่มีการมาเข้าฝันท่านต่างๆ ให้ตื่นตัวรู้หน้าที่


    -การปรากฏนิมิตรจากหลวงปู่ หลวงพ่อ ครูบาอาจารย์ท่านต่างๆให้ได้รู้ในหน้าที่ของตนเอง



    ดังนั้นขออย่าได้นิ่งนอนใจเมื่อได้รับสัญญานเหล่านี้ครับ



    แต่ผมก็เข้าใจ ที่หลายท่านอาจขี้เซาหน่อยกว่าจะปลุกกว่าจะเรียกก็อาจที่จะนานหน่อยกว่าจะรู้ตัว



    การบอกด้วยปากหรือเล่าให้ฟังนั้น ไม่สู้สะกิดให้เจ้าตัว "รู้ ตื่นขึ้น จากภายใน"ครับ เพราะจะรู้แจ้งแทงตลอดหมด สิ้นความสงสัยในหน้าที่ของตนเองที่ได้อธิฐานเอาไว้ครับ



    ที่อยากลุ้นอีกอย่างหนึ่งว่าฝันของคุณพุทธโกมุทแม่นหรือไม่ ก็คือ ตำรวจในฝันท่านนั้น นามสกุล "ศรีวิกรม "หรือ "ศรีวิกรณ์" ครับ



    ส่วนพระที่ปรากฏเป็นหลวงปู่ปานและสมเด็จองค์ปฐม นั้นหมายความถึง คุณพุทธโกมุทนั้นเป็นพุทธภูมิ ซึ่งหลวงปู่ปานและสมเด็จท่านดูแลคุ้มครองอยู่ครับ


    <!-- / message --><!-- sig -->​

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  6. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,792
     
  7. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,792

    ขอไปหลบภัยด้วยคนนะ (b-smile)
     
  8. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,792
    <TABLE height=34 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD style="PADDING-LEFT: 30px">พระพี่นางฯทรงประชวร มีพระวรกายอ่อนแรง [25 ต.ค. 50 - 21:37]
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE class=text cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD align=middle><TABLE class=text cellSpacing=0 cellPadding=0 width="85%" border=0><TBODY><TR><TD>
    [​IMG]วันนี้ (25 ต.ค.) สำนักพระราชวังออกแถลงการณ์สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยานิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ทรงพระประชวรฉบับที่ 1 ว่าเมื่อวันที่ 15 มิ.ย. 2550 สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยานิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ทรงมีพระอาการผิดปกติเกี่ยวกับพระนาภี คณะแพทย์ได้ถวายตรวจพระวรกายและเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ พบมะเร็ง จึงได้กราบทูลเชิญให้ประทับรักษาพระองค์ ณ โรงพยาบาลศิริราข โดยถวายการรักษาด้วยพระโอสถ พระอาการโดยรวมดีขึ้นบางระยะ ทรงและทรุดลงบางช่วงเวลา <?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    เช้าวันนี้ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยานิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ มีพระวรกายด้านขวาอ่อนแรง คณะแพทย์ได้ถวายตรวจพระสมองด้วยเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ พบว่ามีเนื้อสมองด้านซ้ายตายเป็นวงกว้าง จากเส้นเลือดสมองอุดตัน จึงได้ถวายพระโอสถรักษา และเฝ้าติดตามพระอาการอย่างใกล้ชิด จึงขอประกาศมาให้ทราบโดยทั่วกัน<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    </TD></TR></TBODY></TABLE>http://www.thairath.co.th/onlineheadnews.html?id=65875</TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  9. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,194
    สุดยอด"10 อันดับสัตว์อันตราย"


    <CENTER style="TEXT-ALIGN: left"></CENTER>วารสาร ลีฟไลฟ์ นิตยสารด้านวิทยาศาสตร์ และวิทยาการจัดอันดับ สุดยอด 10 สัตว์ ที่ถือว่า อันตราย ที่สุดสำหรับมนุษย์เป็นครั้งแรก ประเมินจากประสบการณ์ที่ชาวต่างประเทศ เขาเจอสัตว์อันตรายเหล่านี้กันมานักต่อนักแล้ว บางตัวคุ้นหน้าคุ้นตากันดี หรืออาจเหมือนเป็นสัตว์ที่ใกล้ตัวเรา แต่เขาบอกว่าอันตราย ริงๆ ถ้าไปยุ่งกับมัน



    และนี่ก็คือ 10 อันดับยอดสัตว์อันตรายสำหรับมนุษย์ จากการบอกเล่าของ "ลีฟไลฟ์"

    1. ยุง (ร้ายกว่าเสือ)

    <CENTER style="TEXT-ALIGN: center">[​IMG] </CENTER>
    <CENTER style="TEXT-ALIGN: left">บางชนิดก็แค่กัดเจ็บๆ ครับ แต่บางชนิดที่แหละร้ายชนิดร้ายกาจต้องพยายามเลี่ยงเอาไว้ เพราะมันสามารถเป็นพาหะนำโรคร้ายสู่มนุษย์ ซึ่งปีหนึ่งๆ พบว่า คนเราตายเพราะยุงเนี่ยได้คร่าประชากรโลกกว่าสองล้านคนทีเดียว

    2. กบพิษ"พันธุ์ดารต์"
    </CENTER>
    <CENTER style="TEXT-ALIGN: center">[​IMG] </CENTER>
    <CENTER style="TEXT-ALIGN: left">เจ้ากบที่เห็นเนี่ยไม่เหมาะสำหรับไปจูบมันแน่ๆ ก็เพราะว่า มันสามารถผลิตสารพิษร้ายแรง เพื่อใช้ป้องกันตัวเองจากการถูกคุกคามของสัตว์อื่นๆ เขาบอกว่ากบประเภทนี้แค่ตัวเดียวมีพิษขนาดทำให้คนตายได้ถึง 10 คน!

    3. งูเห่าเอเชีย

    </CENTER><CENTER style="TEXT-ALIGN: center">[​IMG]</CENTER>
    <CENTER style="TEXT-ALIGN: left">แม้ว่าดูเหมือนจะไม่ค่อยมีพิษ แต่จริงๆ แล้วมันเนี่ยแหละอันตรายกว่างูสายพันธุอื่น โดยสถิติคนถูกงูกัดตาย 5 หมื่นคนต่อปี ก็ถือว่าอันตรายสำหรับมนุษย์แล้ว

    4. แมงกระพรุนออสเตรเลีย
    </CENTER>
    <CENTER style="TEXT-ALIGN: center">[​IMG]</CENTER><CENTER></CENTER><CENTER style="TEXT-ALIGN: left">พิษของมันถือว่าอันตรายสุดๆ ด้วยหนวดที่มีเป็นจำนวนมาก ยาวกว่า 15 ฟุต เชื่อไหมว่าหนวดแต่ละเส้นสามารถคร่ามนุษย์ได้กว่า 60 คน </CENTER><CENTER style="TEXT-ALIGN: left"></CENTER><CENTER style="TEXT-ALIGN: left">

    5. ฉลามขาว
    </CENTER>
    <CENTER style="TEXT-ALIGN: center">[​IMG]</CENTER><CENTER></CENTER><CENTER style="TEXT-ALIGN: left">อันตรายสุดๆ ถ้าเผชิญหน้ากับมัน คุณมีสิทธิจะโดนเขี้ยวฉลามที่ว่ากันว่ามีถึง 3 พันซี่ขย้ำจนเหลือแต่กระดูก หากไปเที่ยวว่ายน้ำในทะเลแล้วเปิดโอกาสให้มันได้กลิ่นเลือดละก้อ

    6. สิงโตแอฟริกา

    </CENTER><CENTER style="TEXT-ALIGN: center">[​IMG] </CENTER><CENTER></CENTER><CENTER style="TEXT-ALIGN: left">ถือว่าเป็นสุดยอดของนักล่าของสัตว์บก เพราะทั้งใหญ่โต ว่องไว ฟันก็คมกริบ ว่ากันว่าแค่แมวตัวใหญ่ก็เกือบจะเป็นนักล่าที่สมบูรณ์แบบได้เหมือนสิงโตเลย ทีเดียว

    7. จระเข้น้ำเค็ม

    </CENTER><CENTER style="TEXT-ALIGN: center">[​IMG] </CENTER><CENTER></CENTER><CENTER style="TEXT-ALIGN: left">อันตรายแน่ๆ ถ้าไปแช่น้ำในทะเลสาปอยู่นานๆ เพราะมันชอบซ่อนอยู่ในหนองน้ำ คอยเหยื่อที่ผ่านมาก่อนจะตะปบ ลากลงน้ำ ก่อนจะขย้ำคุณ จนใครก็จำสภาพไม่ได้ กลายเป็นศพเท่านั้นเอง

    8. ช้างแอฟริกาดัมโบ้

    </CENTER><CENTER style="TEXT-ALIGN: center">[​IMG] </CENTER>
    <CENTER style="TEXT-ALIGN: left">แม้ใครจะคิดว่าช้าง เป็นมิตรกับมนุษย์ก็ตาม แต่เจ้าพันธ์ดัมโบ้ นี้ เขาว่ามันดุร้ายอันตรายใช่ย่อย เพราะปีหนึ่งมีคนตายเพราะเจ้าช้างพันธุ์นี้กว่า 500 คนทั่วโลก เพราะน้ำหนักมันถึง 16,000 ปอนด์ เรียกว่ามันเป็นสัตว์หนักที่สุดที่ทับมนุษย์

    9. หมีขั้วโลก
    </CENTER>
    <CENTER style="TEXT-ALIGN: center">[​IMG] </CENTER><CENTER></CENTER><CENTER style="TEXT-ALIGN: left">แน่ละว่าจริงๆ แล้วมันอาจดูน่ารัก(เหมือนหมีแพนด้า?)ถ้าอยู่ในสวนสัตว์ แต่ในป่าหรือในขั้วโลก บ้านของมันแล้ว มันจะกินลูกแมวน้ำเป็นอาหาร และถ้าสนุกขึ้นคิดจะเล่นกันลูกแมวน้ำแล้ว ถือว่าอันตรายสุดๆ เพราะมันสามารถพุ่งเข้าชนเรา ก่อนจะใช้อุ้งเท้าตบ

    10. วัวพันธุ์แอฟริกา
    </CENTER>
    <CENTER style="TEXT-ALIGN: center">[​IMG] </CENTER>
    <CENTER style="TEXT-ALIGN: left">ถ้ามันเจอผู้รุกรานก่อน ก็จะพุ่งจะชาร์จก่อนทันที เอาแค่ว่ามันมีน้ำหนักตัว 1,500 ปอนด์ และมีเขาแหลม 1 คู่ถ้าเจอแค่ตัวเดียวอาจเคราะห์ดีรอดชีวิตได้ แต่ถ้าโชคร้ายคือ มันกรูกันมาเป็นฝูงแล้ว รับรองว่าจะโดนเหยียบขย้ำร่างจนเละเท่านั้นเอง

    ข้อมูลและภาพประกอบจาก
    [​IMG]
    ที่มา http://hilight.kapook.com/view/16650
    </CENTER>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 ตุลาคม 2007
  10. marry5000

    marry5000 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    126
    ค่าพลัง:
    +293
    ข้อความนี้เราก็นำมาตอบกระทู้กันให้เป็นอุทาหรณ์ของผู้ที่ประมาท เพราะข้อความนี้เป็นข้อมูลจริงขององค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="100%" bgColor=#ffffff>ข่าววิทยาศาสตร์: รับมือโรคร้ายสายพันธุ์ใหม่</TD></TR><TR><TD bgColor=#ffffff colSpan=2>
    <TABLE width="98%" align=center border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG][​IMG] นับย้อนหลังไป 10 ปี องค์การอนามัยโลกได้รับแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับโรคที่เกิดขึ้นใหม่รวมทั้งสิ้น 30 โรค ซึ่งสาเหตุของการระบาดมาจาก เชื้อโรคปรับตัวเองให้ทนทานมากขึ้น การอพยพของสัตว์เพาะเชื้อโรค วิถีชีวิตมนุษย์เปลี่ยนไป ความแออัดของประชากร รู้เช่นนี้อย่าเพิ่งตื่นตระหนกไป เอาเวลามาเตรียมรับมือกับเชื้อร้ายสายพันธุ์ใหม่กันดีกว่า...

    10 กฎทองที่ต้องท่องให้ขึ้นใจและปฏิบัติตาม
    1. ฉีดวัคซีนป้องกันโรคต่างๆ ตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุขให้ครบถ้วน ตามแพทย์นัดหมาย
    2. รักษาความสะอาด ตัวคุณเองและที่อยู่อาศัย, หมั่นล้างมือ ทั้งก่อนและหลังกินอาหาร, หลังไอ จาม สั่งน้ำมูก, หลังใช้ห้องน้ำ,หลังเปลี่ยนผ้าอ้อมให้เด็ก,หลังดูแลผู้ป่วย,หลังจับต้องสัตว์
    [​IMG] 3. ใส่ใจกับอาหารและวิธีปรุง ได้แก่ การเก็บอาหารในอุณหภูมิที่พอเหมาะก่อนปรุง, ปรุงอาหารให้สุก, ล้างผักและผลไม้ให้สะอาดก่อนกิน, ล้างอุปกรณ์ในครัวให้สะอาด
    4. ออกกำลังกาย และรักษาสุขภาพให้แข็งแรง
    5. ใช้ถุงยางอนามัย ทุกครั้งเมื่อมีเพศสัมพันธ์ และเลี่ยงการฉีดยาเสพย์ติด
    6. หลีกเลี่ยงบริเวณเสี่ยงต่อโรค ถ้าจำเป็นต้องเข้าใกล้บริเวณเสี่ยง ต้องรีบอาบน้ำฟอกสบู่ให้สะอาด และซักล้างเสื้อผ้า(ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อได้ก็ดี) แล้วนำไปตากแดดจัดๆ ให้แห้งสนิท และอย่าเข้าใกล้สัตว์ที่ไม่คุ้นเคยโดยเฉพาะสัตว์ป่า
    7. ถ้าต้องเดินทางปฏิบัติภารกิจข้ามประเทศ หรือจำเป็นต้องเดินทางไกล ควรปรึกษาแพทย์หรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุข เกี่ยวกับสถานการณ์โรคติดต่อของประเทศนั้นๆ และแนวทางป้องกัน
    8. ถ้าป่วย โดยเฉพาะหลังกลับจากในประเทศที่มีโรคระบาด, เคยเข้าใกล้สัตว์กลุ่มเสี่ยง,หรือใกล้ชิดผู้ป่วย ควรรีบพบแพทย์ และแจ้งรายละเอียดให้ครบถ้วน
    9. กินยาปฏิชีวนะให้ถูกต้องตามแพทย์สั่งจนหมด ไม่ควรแบ่งจากผู้อื่นหรือซื้อยากินเอง
    10. พบแพทย์ด่วน ถ้ากินยาปฏิชีวนะแล้วไม่ดีขึ้น
    รู้จักกับโรคร้ายสายพันธุ์ใหม่

    1. โรคซาร์ส (โรคทางเดินหายใจเฉียบพลัน รุนแรง)
    ติดต่อจาก คนสู่คนโดยการหายใจหรือสัมผัสสารคัดหลั่งของผู้ป่วย
    อาการ ระยะแรกมีไข้สูง ปวดศีรษะและกล้ามเนื้อ ระยะที่2 จะมีการไอแห้ง หายใจเร็วและลำบากเพราะปอดอักเสบ อาจมีภาวะหายใจวาย และเสียชีวิตได้ ซึ่งระยะที่ 2 เป็นระยะที่แพร่เชื้อได้มาก อัตราการเสียชีวิตจากโรคนี้ประมาณ 4 % ผู้ป่วย 96 % จะหายป่วยภายใน 2-3 สัปดาห์
    การรักษา โรคนี้ทำได้เพียงรักษาตามอาการ ยังไม่มีวัคซีนป้องกัน

    2. โรคไข้สมองอักเสบเวสต์ไนล์
    ติดต่อจาก สัตว์มาสู่คน มีสัตว์เพาะเชื้อโรค คือ นก และพาหะนำโรคคือ ยุง
    อาการ เริ่มปรากฏใน 2-21 วันหลังติดเชื้อ แต่ส่วนใหญ่ไม่แสดงอาการ อาการเฉพาะ คือ มีอาการเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของระดับความรู้สึกตัว ผู้ป่วยซึมลง, สับสนเอะอะโวยวาย, แขนขาเป็นอัมพาต และโคม่าในที่สุด ซึ่งเหล่านี้เป็นผลจากสมองอักเสบ อย่างไรก็ดียังมีผู้ป่วยอีกร้อยละ 35 ที่มีอาการเยื่อหุ้มสมองอักเสบเพียงอย่างเดียว คือ มีไข้ ปวดหัวรุนแรง คอและหลังแข็ง แต่ระดับความรู้สึกตัวไม่เปลี่ยนแปลง
    การรักษา รักษาตามอาการ เพราะไม่มีวัคซีนป้องกัน แต่ขณะนี้อเมริกาได้ทดลองผลิตวัคซีนป้องกันไวรัส เวสต์ไนล์มาใช้ในการศึกษาวิจัย ซึ่งได้ผลดีพอสมควร

    3. โรคสมองเสื่อมในคนที่เกิดจากเชื้อวัวบ้าตัวใหม่ (vCJD)
    ติดต่อจาก การบริโภคเนื้อของสัตว์ที่ติดเชื้อ มีรายงานว่าสามารถติดต่อโดยการได้รับเลือดของผู้ติดเชื้อด้วย แต่ไม่พบรายงานการติดเชื้อจากการดื่มนม หรือผลิตภัณฑ์จากนม
    อาการ มีลักษณะอาการทางจิต ซึมเศร้า ประสาทรับความรู้สึกผิดปกติ เช่น รู้สึกว่าผิวเหนียวเหนอะหนะ มีอาการทางระบบประสาท ได้แก่ สับสน เสียการทรงตัว เดินลำบาก ท้ายสุดจะเคลื่อนไหวไม่ได้ และเสียชีวิตในที่สุด
    การรักษา ไม่มีการรักษาที่จำเพาะ และมีอัตราการตายถึง 100 เปอร์เซนต์ แนวทางป้องกัน ป้องกันการนำเข้าผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์ในประเทศที่มีการระบาด

    4. เชื้อไวรัสนิปาห์
    ติดต่อจาก การสัมผัสกับสารคัดหลั่ง และเนื้อเยื่อของหมูที่ติดเชื้อ
    อาการ เป็นเชื้อโรคที่ทำให้เกิดโรคไข้สมองอักเสบ จะเกิดอาการประมาณ 2 วันจนถึง 2 สัปดาห์หลังจากสัมผัสโรค ทุกรายมีอาการไข้สูง กินยาลดไข้ไม่ได้ผล ปวดศีรษะรุนแรง ปวดกล้ามเนื้อเมื่อยตามตัว อาการเหล่านี้จะเป็นอยู่ประมาณ 12-24 ชั่วโมง ตามด้วยอาการซึม สับสน ชัก โคม่า และทำให้เสียชีวิตภายใน 48 ชั่วโมง เนื่องจากสมองไม่ทำงาน
    การรักษา ทำได้เพียงรักษาตามอาการ เพื่อให้ร่างกายมีเวลาต่อสู้กับเชื้อไวรัสเท่านั้น ทั้งนี้มีการใช้ยา ไรบาวิริน (ribavirin) กับผู้ป่วยบางรายพบว่าช่วยลดความรุนแรงของโรคได้บ้าง ในรายที่รอดชีวิตหรือหายจากโรคอย่างเฉียบพลันอาจเกิดโรคทางสมองซ้ำได้อีก และผู้ป่วยมักมีอาการทางสมองเนื่องจากส่วนของเนื้อสมองบางส่วนถูกทำลาย
    แนวทางป้องกัน เชื้อโรคนี้ถูกทำลายได้ง่ายด้วยการใช้สบู่ หรือผงซักฟอก หรือยาฆ่าเชื้อ

    5. ไข้เลือดออกอีโบล่า
    ติดต่อจาก ติดต่อจากคนสู่คนได้ ด้วยการสัมผัสโดยตรงกับเลือด สารคัดหลั่ง อวัยวะภายใน และอสุจิของผู้ป่วย
    อาการ ระยะฟักตัวของเชื้อตั้งแต่ 2 -21 วัน ผู้ป่วยจะมีไข้สูงทันทีทันใด อ่อนเพลีย ปวดศีรษะมากและกล้ามเนื้อ เจ็บคอ ตาพร่ามัว ตามด้วยอาเจียน ท้องเสีย มีผื่นขึ้นตามผิวหนัง ในช่วงท้ายจะมีเลือดออกตามจมูก ปาก ตัวและใต้ผิวหนัง อวัยวะภายใน เช่น ตับ ไต กระเพาะอาหาร และลำไส้เล็ก ทำให้ตับและไตวาย ผู้ป่วยช็อค และเสียชีวิตได้ในเวลาตั้งแต่ 4 -10 วัน
    การรักษา ไม่มีวัคซีนเฉพาะทำได้เพียงรักษาตามอาการ ถ้าป่วยรุนแรงต้องรีบแก้ไขการขาดน้ำโดยให้น้ำเกลือแร่ทางหลอดเลือดดำ

    6. ระวังไข้หวัดนกกลายพันธุ์
    ติดต่อจาก สันนิษฐานว่า นกในธรรมชาติบางสายพันธุ์โดยเฉพาะ "นกเป็ดน้ำ" เชื้อนี้จะอยู่ในสารคัดหลั่งของสัตว์ที่ป่วย เช่น น้ำมูก น้ำลาย เมื่อคนสัมผัสเชื้อจะติดมากับมือ และเข้าสู่ร่างกายทางเยื่อบุของจมูกและตา รวมถึงการกินสัตว์ที่ป่วยแบบไม่ปรุงให้สุก
    อาการ ระยะฟักเชื้อประมาณ 1-3 วัน หลังจากรับเชื้อ 3-7 วัน ผู้ติดเชื้อจะมีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ คือ มีไข้สูง หนาวสั่น ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัว ไอ มีน้ำมูก น้ำตาไหล ถ้าภูมิคุ้มกันไม่ดีจะมีอาการรุนแรง คือ หอบ หายใจลำบาก ปอดอักเสบรุนแรง ซึ่งเสี่ยงต่อการเสียชีวิตถึงร้อยละ 70
    การรักษา แพทย์จะใช้ยา โอเซลทามิเวีย โดยเริ่มกินภายใน 48 ชม. หลังมีอาการ โดยกินติดต่อกันประมาณ 5 วัน และรักษาตามอาการ เช่น ให้ออกซิเจนหากหายใจหอบ หรือพบว่าระดับออกซิเจนในร่างกายต่ำ ซึ่งอาจส่งผลให้หัวใจวายได้ และให้สารน้ำในกรณีที่รับประทานอาหารไม่ได้ รวมถึงให้ยาปฏิชีวนะถ้าสงสัยว่าจะมีการติดเชื้อร่วมของแบคทีเรีย

    7. ไข้เหลือง
    ติดต่อจาก พบการติดเชื้อได้ทั้งในคนและลิง โดยติดต่อจากคนสู่คนได้ เชื่อว่ายุง Addes และ Haemogogus (พบในทวีปอเมริกาเท่านั้น) เป็นพาหะของโรค
    อาการ เชื้อมีระยะฟักตัว 3-6 วัน และหลังจากนั้นจะเริ่มปรากฏอาการระยะแรก คือ มีไข้ ปวดกล้ามเนื้อร่วมกับปวดศีรษะ หนาวสั่น เบื่ออาหาร คลื่นไส้อาเจียน ชีพจรเต้นช้าผิดปกติ หลังจาก 3-4 วันอาการจะดีขึ้นเอง แต่มีผู้ป่วยอีก 15 % ที่จะเข้าสู่ระยะที่สองภายใน 24 ชม. โดยมีไข้กลับ โลหิตเป็นพิษ ตัวเหลือง ปวดท้อง อาเจียน มีเลือดออกปาก จมูก ตา กระเพาะอาหาร ทำให้อาเจียนและถ่ายเป็นเลือด เนื่องจากไตวาย มีโปรตีนในปัสสาวะ (ลักษณะคล้ายไข่ขาวปนมากับน้ำปัสสาวะ) และปัสสาวะไม่ออก ในระยะนี้ผู้ป่วยครึ่งหนึ่งจะเสียชีวิตภายใน 10-14 วัน ส่วนที่เหลือจะหายเป็นปกติโดยอวัยวะต่างๆ ไม่ถูกทำลาย
    การรักษา โชคดีที่มีวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัสนี้ ซึ่งฉีดเพียงครั้งเดียวจะได้ผลร้อยละ 99 และมีภูมิคุ้มกันในร่างกายอยู่นานอย่างน้อย 30-35 ปี ทั้งยังพบว่าผู้ป่วยที่หายจากโรคจะมีภูมิคุ้มกันขึ้นเอง และยังไม่มีรายงานการป่วยซ้ำ

    8. โรคอาหารเป็นพิษจากเชื้ออีโคไลน์
    ติดต่อจาก วัว และคน โดยเชื้อจะอยู่ในอุจจาระ ติดต่อโดยการปนเปื้อนในอาหารโดยเฉพาะเนื้อวัวบด นมดิบ กินอาหารที่ไม่สะอาดมีแมลงวันตอม หรือล้างมือไม่สะอาดหลังถ่ายอุจจาระแล้วหยิบจับอาหาร
    อาการ แบคทีเรียชนิดนี้จะก่อพิษที่ชื่อว่า Verotoxin ทำให้ท้องเสียเป็นน้ำ อุจจาระเป็นเลือด เม็ดเลือดแดงแตกตัวจนไตถูกทำลาย มีผื่นจ้ำเลือดตามตัว แต่อาการที่แตกต่างจากอาหารเป็นพิษทั่วไปคือ ไม่มีไข้
    การรักษา รักษาตามอาการ แต่ไม่แนะนำให้ใช้ยาปฏิชีวนะ เพราะอาจทำให้เกิดอาการไตวายตามมา

    9. โรคมือเท้าปาก จากเชื้อเอนเทอโรไวรัส 71
    ติดต่อจาก การสัมผัส น้ำลาย น้ำมูก ตุ่มโรค ของผู้ป่วย, การไอจามรดกัน, การล้างมือไม่สะอาดหลังถ่ายอุจจาระแล้วหยิบจับสิ่งของเข้าปาก หรือสัมผัสผู้อื่น
    อาการ 3-6 วันหลังได้รับเชื้อจะมีไข้ มีตุ่มและแผลในปาก และอาจมีตุ่มหัวใสเล็ก ๆ ไม่คันแต่แดงและเจ็บที่ฝ่ามือฝ่าเท้า หากติดเชื้อสายพันธุ์ที่ไม่รุนแรงจะทุเลาเองภายใน 7-10 วัน แต่ถ้าเป็นเชื้อเอนเทอโรไวรัส 71 อาจทำให้ ซึม อ่อนเพลีย เหนื่อย เบื่ออาหาร ไม่ยอมดื่มน้ำ อาเจียนบ่อย เกิดภาวะสมองหรือก้านสมองอักเสบ ร่วมกับภาวะน้ำท่วมปอด และเลือดออกที่ปอด หรือกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ ทำให้เด็กเล็กๆ เสียชีวิตได้
    การรักษา รักษาตามอาการเพราะไม่มียารักษา แต่ควรให้ยาฆ่าเชื้อตามผิวหนังเพื่อป้องกันไม่ให้ติดเชื้อแบคทีเรียซ้ำซ้อน

    10. โรคลีเจียนแนร์ (Legionnaires disease)
    ติดต่อจาก ติดต่อได้ด้วยการหายใจเอาเชื้อเข้าไป แบคทีเรียชนิดนี้จะชอบอยู่ในน้ำที่มีอุณหภูมิค่อนข้างอุ่น ซึ่งพบมากในระบบน้ำร้อนที่เป็นฝักบัว, ส่วนระบายความร้อนของเครื่องปรับอากาศ , เครื่องทำความชื้น, อ่างน้ำวน, อ่างน้ำร้อน, เครื่องมือช่วยหายใจ, และน้ำพุสำหรับตกแต่งอาคารต่างๆ แต่ไม่มีรายงานว่าติดจากคนสู่คน
    อาการ เบื่ออาหาร อ่อนเพลีย ปวดกล้ามเนื้อ ปวดศีรษะ ภายใน 1วันจะมีไข้หนาวสั่นตัวร้อนอุณหภูมิถึง 39-40 องศาเซลเซียส ไอ แต่ไม่มีน้ำมูก และเสมหะ ปวดท้อง อุจจาระร่วง หากเอ็กซเรย์ดูปอดจะพบว่าอักเสบเป็นปื้นหรือจุดขาว ซึ่งสามารถส่งผลให้การหายใจล้มเหลว และเสียชีวิตได้ มักพบผู้ป่วยที่ป่วยพร้อมๆ กันเป็นกลุ่ม
    การรักษา เนื่องจากเป็นเชื้อแบคทีเรีย จึงสามารถใช้ยาปฏิชีวนะได้ แพทย์จะใช้ยากลุ่ม อิริโทรมัยซิน แนวทางป้องกัน หลีกเลี่ยงละอองจากน้ำพุในที่สาธารณะเพราะอาจเป็นแหล่งเพาะเชื้อได้, หมั่นทำความสะอาดเครื่องปรับอากาศ และควรตั้งอุณหภูมิระบบน้ำร้อนให้สูงกว่าหรือเท่ากับ 50 องศาเซลเซียส เพื่อลดความเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อ

    11. โรคติดเชื้อไวรัสฮันทา
    ติดต่อจาก การสัมผัสโดยตรง หรือสูดดม สารคัดหลั่งของสัตว์ฟันแทะที่ติดเชื้อ โดยเฉพาะหนู
    อาการ หลังจากรับเชื้อ 2-4 สัปดาห์ จะเริ่มมีไข้ ปวดเมื่อยตามตัว เกล็ดเลือดต่ำ มีจุดเลือดออกตามผิวหนังคล้ายไข้เลือดออก ระยะที่ 2 อาจกินเวลาเพียงแค่ชั่วโมงหรือเป็นวัน ผู้ป่วยจะปัสสาวะออกน้อย, ความดันเลือดต่ำ ถ้าเจาะเลือดตรวจจะพบว่ามีเกล็ดเลือดต่ำและความเข้มข้นของเลือดสูง เป็นสาเหตุให้มีเลือดออกทั่วร่างกาย ระยะที่ 3 ไตจะทำงานลดลง และเกิดไตวาย ซึ่งใช้เวลาราว 3-7 วัน ซึ่งในระยะที่ 2 และ 3 ผู้ป่วยจะเสี่ยงต่อการเสียชีวิตที่สุด ระยะที่ 4 ถ้าไม่เสียชีวิตด้วยภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ผู้ป่วยจะเริ่มปัสสาวะออกมาก เพราะไตเริ่มฟื้นตัวถือว่ามีโอกาสรอดสูง
    การรักษา ทำได้เพียงรักษาตามอาการเท่านั้น เช่น ถ้าความดันต่ำแพทย์จะให้สารน้ำ และให้เกล็ดเลือดในกรณีที่เกล็ดเลือดต่ำ เพราะปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนป้องกัน

    12. อหิวาตกโรคสายพันธุ์ O139 และ O 1
    ติดต่อ โดยการกินอาหารหรือน้ำที่ปนเปื้อนอุจจาระหรืออาเจียนของผู้ติดเชื้อ
    อาการ ท้องร่วงอย่างรุนแรง แต่อาจไม่ปวดท้อง ถ่ายเป็นน้ำไม่มีเนื้ออุจจาระ และสีน้ำอุจจาระเป็นสีเหมือนน้ำซาวข้าว เพราะน้ำชะเอาเยื่อบุทางเดินอาหารออกมาด้วยทำให้มีกลิ่นคาว ซึ่งส่งผลให้ร่างกายเสียน้ำ และเกลือแร่อย่างรุนแรง หากได้รับทดแทนเข้าร่างกายไม่ทันจะทำให้ช็อกและเสียชีวิตได้ ภายใน 1 วัน
    การรักษา ดื่มน้ำและเกลือแร่ทดแทนให้เพียงพอ หากเสียน้ำมาก ๆ อาจต้องให้น้ำเกลือ และเนื่องจากเป็นเชื้อแบคทีเรียจึงรักษาด้วยยาปฏิชีวนะได้ โดยกลุ่มยาที่แพทย์ใช้ คือ เตต้าซัยคลิน หรือ ควิโนโลน

    13. กาฬหลังแอ่น
    ติดต่อจาก การคลุกคลีใกล้ชิดกับผู้ป่วย หรือผู้ที่เป็นพาหะ
    อาการ มีไข้สูงทันทีทันใด ปวดหัวมาก อ่อนเพลีย คลื่นไส้อาเจียน เจ็บคอ ปวดข้อ กล้ามเนื้อ ขา และหลัง ต่อมาจะมีเลือดออกใต้ผิวหนังเป็นจุดแดงขึ้นตามตัว แล้วกลายเป็นจ้ำเลือดสีคล้ำและตกสะเก็ดดำ มักมีอาการเยื่อหุ้มสมองอักเสบ คือ มีอาการคอแข็งร่วมด้วย ในรายที่รุนแรงจะซึม ชัก ช็อก และเสียชีวิตภายใน 24 ชั่วโมงหลังเริ่มมีอาการ ส่วนในรายที่หาย เลือดจะไปเลี้ยงปลายนิ้วมือนิ้วเท้าไม่พอ ทำให้นิ้วเน่า แห้งดำ
    การรักษา มีวัคซีนที่ฉีดป้องกันได้ และหากมีอาการควรรีบพบแพทย์เพื่อรับการรักษาทันที

    14. ไข้หวัดใหญ่
    ติดต่อจาก ส่วนใหญ่ติดต่อกันทางการหายใจ โดยเฉพาะในชุมชนที่อยู่กันหนาแน่น ในที่ที่อากาศถ่ายเทไม่สะดวก โดยเฉพาะในช่วงอากาศเย็น ความชื้นต่ำเชื้อจะอยู่ในสภาพแวดล้อมได้นาน
    อาการ ปวดหัว หนาวสั่น มีไข้ทันทีทันใด ปวดกล้ามเนื้อ อ่อนเพลียมาก ไอแห้ง ๆ แล้วมีอาการคัดจมูกน้ำมูกไหล เจ็บคอ อาจมีอาการเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหารร่วมด้วยเช่น ท้องร่วง คลื่นไส้อาเจียน เป็นต้น และยังสามารถเกิดโรคแทรกซ้อน ทั้งปอดบวมจากเชื้อไวรัส หรือแบคทีเรีย ซึ่งถ้าป่วยรุนแรงสามารถเสียชีวิตได้
    การรักษา แม้จะมีวัคซีนป้องกันก็ตาม แต่เนื่องจากไข้หวัดใหญ่มีหลายสายพันธุ์จึงเสี่ยงต่อการติดสายพันธุ์อื่นอยู่ดี

    15. อาวุธจากไข้ทรพิษ (Small pox) หรือฝีดาษ
    ติดต่อทาง ลมหายใจ และการสัมผัสผู้ป่วย เมื่อได้รับเชื้อจะทำให้เป็นไข้ มีตุ่มขึ้นตามตัว อวัยวะต่างๆ อักเสบ หากไม่ได้ฉีดวัคซีนป้องกันก็ต้องอาศัยภูมิคุ้มกันในตัวต่อสู้กับโรค ปัจจุบันโรคนี้ได้สูญพันธุ์จากโลกนี้แล้ว แต่ทั้งนี้ก็ยังไม่แน่ใจว่าอาจมีบางประเทศเก็บเชื้อนี้ไว้เพื่อการบางอย่าง

    16. อาวุธจากเชื้อแอนแทรกซ์
    ติดต่อ สู่คนได้ด้วยการกินเนื้อวัว ควาย หรือแกะเหล่านั้นที่ปรุงไม่สุก หรือผู้ชำแหละเนื้อสัตว์ที่ติดเชื้อ
    อาการ เมื่อเข้าสู่ร่างกายจะทำให้ลำไส้อักเสบ ท้องเสีย ถ้าเชื้อกระจายเข้าสู่กระแสเลือดจะทำให้เลือดเป็นพิษ อวัยวะต่างๆ ทำงานล้มเหลว และเสียชีวิต หากติดเชื้อทางบาดแผล จะทำให้เกิดเป็นตุ่มติดเชื้อ แล้วลามสู่กระแสเลือด แบคทีเรียชนิดนี้มีความพิเศษคือ หากสภาพไม่เหมาะกับการดำรงชีวิต จะเปลี่ยนตัวเองเป็นสปอร์และลอยไปตามลมเพื่อเพาะเชื้อใหม่ได้ มนุษย์จึงติดเชื้อนี้จากการสูดดมได้ เช่น การติดเชื้อในกลุ่มสตรีที่ทอพรมขนแกะในอดีตเป็นต้น ซึ่งการติดด้วยวิธีนี้เป็นการติดต่อที่ร้ายแรงที่สุด เพราะเชื้อเข้าสู่ปอดโดยตรง ทำให้ปอดปวม หายใจไม่ได้ รวมถึงกินเยื่อหุ้มหัวใจทำให้หัวใจบีบตัวไม่ได้ มีเลือดตกในเพราะเลือดเป็นพิษ ทำให้เยื่อหุ้มสมองและสมองอักเสบ

    http://www.healthandcuisine.com/hc2004/h_special.asp </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  11. Bajang

    Bajang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    148
    ค่าพลัง:
    +1,268
    บางตัวมันก็น่ากลัวจริง โดยเฉพาะ ฉลาม ถ้า น้ำท่วม แต่ผมคิดว่า สุดยอดสัตว์อันตราย คือ สัตว์ ที่ชื่อ ว่า "คน"
     
  12. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,792
    .
     
  13. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,194
    ภูเขาไฟบนเกาะสุลาเวสีเริ่มปะทุ

    [​IMG]

    จาการ์ตา 25 ต.ค.
     
  14. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,705
    ค่าพลัง:
    +51,934
    *** เราทุกคน คือ ไทย ****

    *** รู้อยู่ ****
    <O:p</O:p

    รู้อยู่...คนไทย ลูกไม่ชอบพ่อก็มีมาก<O:p</O:p
    รู้อยู่....มีคนไทยด้วยกัน คิดโค่นล้มสถาบันหลัก<O:p</O:p
    รู้อยู่... มีคนไทยด้วยกัน ถูกต่างชาติหลอกใช้งานบั่นทอนบ้านเมือง<O:p</O:p
    รู้อยู่....ต่างชาติเขาวางตัว คนไทยบางคนให้เป็นใหญ่<O:p</O:p
    รู้อยู่.... คนไทยด้วยกัน คิดจะก่อการ...ฆ่าพี่น้องคนไทยด้วยกัน<O:p</O:p
    รู้อยู่... คนไทยด้วยกัน คิดเปลี่ยนการปกครอง<O:p</O:p
    รู้อยู่.... คนไทยด้วยกัน คิดตามแบบอย่างที่รัสเซีย<O:p</O:p
    รู้อยู่....ชาวไทย จะสูญเสียใหญ่หลวง<O:p</O:p
    รู้อยู่... ภาคใต้ จะถูกแบ่งแยกสามจังหวัดคืบคลานถึงชุมพร<O:p</O:p
    รู้อยู่.... เพื่อนบ้าน จะฉวยโอกาสบุกปักธงถึงบางประกง<O:p</O:p
    รู้อยู่... ทางอีสาน จะยึดเอาดินแดนบ้าง<O:p</O:p
    รู้อยู่.... ทางเหนือแถบเชียงราย เชียงใหม่จะถูกยึดตามมา<O:p</O:p
    รู้อยู่...ดินแดนแถวตาก จะถูกแบ่งไปบ้าง<O:p</O:p
    รู้อยู่....ดินฟ้าอากาศ จะลงโทษพิพากษา<O:p</O:p
    รู้อยู่...แม่น้ำโขง จะล้นท่วมประเทศไทย<O:p</O:p
    รู้อยู่... สงครามใหญ่ จะเกิดขึ้น<O:p</O:p
    รู้อยู่....อาวุธนำวิถี ๔ ลูก จะผิดพลาด มาตกลงเมืองหลวงไทย<O:p</O:p
    รู้อยู่... โลกจะระส่ำระสาย <O:p</O:p
    รู้อยู่....คลื่นทะเลยักษ์สูงเท่าภูเขา จะซัดกวาดภาคใต้ และดินแดนเพื่อนบ้านที่ไร้เมตตาหายไป<O:p</O:p
    รู้อยู่...คนไทยที่โหดร้าย จะไปไม่รอด ยิ่งกว่าสุนัขตายซากข้างถนน ไร้คนสนใจ<O:p</O:p
    รู้อยู่....ว่าทั้งหมดนี้ คือ กรรม...ผลจากการกระทำในอดีต<O:p</O:p
    รู้อยู่... ทุกคนอยากเป็นคนดี อยากมีความสุข<O:p</O:p
    รู้อยู่.... หนทางรอดหนึ่งเดียว คือ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 ตุลาคม 2007
  15. สไบนาง

    สไบนาง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    44
    ค่าพลัง:
    +481
    ไม่รู้ว่าชาตินี้จะมีหน้าที่คอยช่วยเหลือคนอื่นๆ ได้หรือเปล่า กลัวแต่ว่าพอถึงเวลานั้นจริงๆ ลำพังตัวเองยังเอาชีวิตไม่รอดมาช่วยคนอื่นๆ มาเวปนี้ได้ก็โดยบังเอิญแท้ๆ แต่ก็ได้ความรู้เยอะมากๆ ได้ทำบุญก็ด้วย อยากจะไปรวมกลุ่มกับคนอื่นๆในเวป ไอ้เราก็ดันมีภาระเยอะ (สงสัยจะมีกรรม) ทุกวันนี้ก็พยายามทำความดีเยอะๆ ไม่เบียดเบียนใคร ช่วยเหลือคนอื่นๆเท่าที่ทำได้ ก่อนนอนจะสอนลูกๆ ให้สวดมนต์ (เขายังเล็กอยู่เลยค่ะ..แต่เขาก็พยายามสวดมนต์ตามแม่..ทั้งๆที่ฟังแล้วยังไม่ค่อยจะรู้เรื่องเท่าไร) ให้เขามีพระธรรมอยู่ในหัวใจ สอนให้เขาเป็นเด็กดี อย่างน้อยๆ อาจจะเป็นความดีเพียงเล็กน้อยที่ช่วยโลกได้ก็ได้นะคะ ฮิๆ
     
  16. มหัศฤทธิ์

    มหัศฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    222
    ค่าพลัง:
    +855
    ตื่นเต้นจัง......
     
  17. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,194
    เรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์สอนใจ....
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ตะลึง! พบปลาตะกละกลืนปลาใหญ่กว่าตัวเอง 4 เท่าจนท้องแตกตาย</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>27 ตุลาคม 2550 21:01 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>

    [​IMG]

    เดลิเมล์ - ชาวประมงรายหนึ่งพบปลาจอมตะกละ ที่กลืนกินปลาขนาดใหญ่กว่าตัวเองถึง 4 เท่า ลอยมาตามน้ำแนวชายฝั่งทางใต้ของหมู่เกาะแกรนด์ เคย์แมน ดินแดนของอังกฤษในทะเลแคริบเบียน

    แมคเฟอร์สัน ดอร์สัน ไรท์ ชาวประมง พบวัตถุลอยน้ำผ่านมาใกล้เรือของเขา ซึ่งเขาพบว่าเป็นปลาขนาดยาว 7.5 นิ้ว แต่ที่น่าตกใจคือบริเวณท้องของมันบ่งบอกว่ามันกินปลาที่มีขนาดถึง 34 นิ้ว หรือยาวกว่าตัวมันเองมากกว่า 4 เท่า

    ไรท์กล่าวว่า โดยปกติแล้ว ปลาใหญ่น่าจะกินปลาเล็ก แต่เจ้าปลาจอมตะกละ ฉายา เดอะ เกรต สวอลเลอร์ ตัวนี้กลับกินปลาที่มีขนาดตัวใหญ่กว่าพุงของตัวมันเองเสียอีก

    "ตอนผมเจอมันครั้งแรก ผมไม่อยากจะเชื่อตาตัวเองเลย มันเพิ่งตายอย่างเห็นได้ชัด ผมจึงตัดสินใจต้องเอามันขึ้นมาบนเรือ และนำมันไปให้กระทรวงสิ่งแวดล้อมตรวจสอบมันต่อไป" ไรท์กล่าว

    และจากการตรวจสอบในเวลาต่อมาของนักวิทยาศาสตร์ ก็ยืนยันได้ว่าเจ้าปลาเล็กจอมตะกละตัวนี้ได้กินปลาอินทรีงู (snake mackerel) ที่มีขนาดใหญ่มาก และดุร้าย มิหนำซ้ำยังมีขนาดความยาวมากกว่าตัวมันเองมากกว่า 4 เท่า

    นายซัตทอน นักวิทยาศาสตร์แห่งสถาบันสมุทรศาสตร์ฮาร์เบอร์ แบรนช์ เสริมว่า น่าจะมีการศึกษาเป็นรายงานทางวิทยาศาสตร์ รวมถึงสิ่งที่น่าทึ่งว่าเพราะเหตุใดเจ้าเกรต สวอลเลอร์ตัวนี้ถึงไม่ถูกเจ้าอินทรีงูกินเข้าไปก่อนได้

    ที่มา http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9500000127655
     
  18. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,194
    นักวิทยาศาสตร์เตือนภัย ภูเขาไฟอินโดฯ ใกล้ระเบิด

    [​IMG]
    บลิตาร์ อินโดนีเซีย 27 ต.ค. - นักวิทยาศาสตร์อินโดนีเซียออกมาเตือนภูเขาไฟเคลุต บนเกาะชวาขณะนี้อยู่ในสภาพปะทุอย่างรุนแรงใกล้จะระเบิดอยู่แล้ว

    ดร.คริสตันโต นักวิทยาศาสตร์อินโดนีเซียระบุว่า ภูเขาไฟเคลุต ซึ่งมีความสูงถึง 1,731 เมตร ซึ่งสงบมานาน ได้เริ่มปะทุขึ้นอีกครั้งเมื่อวันที่ 16 ตุลาคมที่ผ่านมา จนส่งผลให้ทางการต้องสั่งอพยพชาวบ้านที่อยู่ใกล้เคียงกว่า 130,000 คนในรัศมีโดยรอบ 10 กิโลเมตรไปยังที่ปลอดภัย นักวิทยาศาสตร์ที่เฝ้าจับตาดูภูเขาไฟลูกนี้เผยว่า ขณะนี้อุณหภูมิที่บริเวณปากปล่องอยู่ในระดับ 39 องศาเซลเซียส เกือบเท่ากับระดับ 40 องศาเซลเซียส ก่อนระเบิดขึ้นเมื่อปี 2533 ซึ่งแสดงให้เห็นว่า หินละลายภายในภูเขาไฟกำลังมีการเคลื่อนไหวอย่างรุนแรง ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งบอกว่า การระเบิดอย่างรุนแรงกำลังใกล้จะมาถึงแล้ว

    ดร.อากุส บูเดียนโต นักภูเขาไฟวิทยาของอินโดนีเซีย กล่าวว่าย้ำว่า ศูนย์กลางการเคลื่อนไหวภายในภูเขาไฟได้ขยับขึ้นมาใกล้ปากปล่องมากขึ้นทุกทีจากที่เคยห่างกว่า 5 กิโลเมตร ขณะนี้เหลือไม่ถึง 1 กิโลเมตรแล้ว และว่า ในการระเบิดเมื่อปี 2533 ได้มีการสั่นไหวอย่างรุนแรงบริเวณปากปล่องนานติดกันกว่า 1 ชั่วโมงก่อนที่จะเกิดระเบิดอย่างรุนแรงติดตามมา และเมื่อวันที่ 19 ตุลาคมนี้ภูเขาไฟเคลุตได้สั่นไหวอย่างรุนแรงเป็นเวลาเกือบ 1 ชั่วโมงก่อนจะสงบนิ่งลงในที่สุด. -สำนักข่าวไทย

    [ 2007-10-27 : 18:04:59 ]

    อุตุฯ เตือนฉบับ 9 ใต้ฝนหนัก 6 จังหวัดระวังน้ำท่วม น้ำป่า

    [​IMG]

    สำนักข่าวไทย 27 ต.ค.
     
  19. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,194
    ปฎิบัติการยับยั้งภัยพิบัติในปี ค.ศ.1999
    (ท่านผู้อ่านโปรดใช้วิจารณญาน)

    ธรรมบูรณา ภารกิจศักดิ์สิทธิ์กับบทเรียนการกู้ชาติทางจิตวิญญาณของ ศรี อรพินโธ (ตอนที่ 11)

    11. สิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริง

    อาศรมบูรพา ตั้งอยู่บนยอดเขาเล็กๆ แห่งหนึ่งใกล้กับป่าละอู จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ความพิเศษของยอดเขาที่เป็นที่ตั้งของอาศรมแห่งนี้ คือ มันมีลักษณะเป็นเนินเขาที่ตั้งอยู่โดยมีภูเขาใหญ่ล้อมรอบแบบที่เรียกกันว่า​
     
  20. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,194
    12. สิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริง (ต่อ)

    สถานที่ที่มีการเปิดของ
     

แชร์หน้านี้

Loading...