ของดีราคาถูก พระหลักร้อย พุทธคุณหลักล้าน

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย mayakarn, 22 กรกฎาคม 2011.

  1. วุฒิ สิงห์

    วุฒิ สิงห์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    1,428
    ค่าพลัง:
    +13,055
    สวัสดี ชาวหลักร้อยทุกคนครับ วันนี้นำเสนอของหลวงพ่อฑูรย์ วัดโพธ์นิมิต ครับพระของท่านนี้ก็เป็นของดีราคาถูกอีกสำนักนึงครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC04302.JPG
      DSC04302.JPG
      ขนาดไฟล์:
      879.1 KB
      เปิดดู:
      540
    • DSC04303.JPG
      DSC04303.JPG
      ขนาดไฟล์:
      878.5 KB
      เปิดดู:
      329
  2. mayakarn

    mayakarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    354
    ค่าพลัง:
    +19,921
    :cool::cool::cool::cool::cool::cool::cool::cool::cool:
     
  3. coolsunny

    coolsunny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    1,237
    ค่าพลัง:
    +1,474
    เหรียญนี้เห็นบางที่ยังขายอยู่หลักร้อยครับ แต่ผมดูแล้ว เป็นหนึ่งในสุดยอดพิธีในยุคนั้นเลยครับ ที่ยอดเยี่ยมไปอีกก็คือ ในหลวงท่านทรงเสด็จมาเป็นประธานในพิธีด้วยครับ

    เหรียญพระบรมราชชนก หลังเจ้าฟ้าศิริราช
    งานฉลอง 84 ปีศิริราช พ.ศ.2517


    จอมพลเรือ สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก (พระราชสมภพ 1 มกราคม พ.ศ. 2435 - สวรรคต 24 กันยายน พ.ศ. 2472) เป็นพระบรมราชชนกในพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทรและพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงมีคุณูปการแก่กิจการแพทย์แผนปัจจุบันและการสาธารณสุขของประเทศไทยเป็นอย่างมาก ประชาชนโดยทั่วไปมักคุ้นเคยกับพระนามว่า "กรมหลวงสงขลานครินทร์"หรือ"พระราชบิดา"และบางครั้งก็ปรากฏพระนามว่า "เจ้าฟ้าทหารเรือ"และ"พระประทีปแห่งการอนุรักษ์สัตว์น้ำของไทย" ส่วนชาวต่างประเทศเรียกพระนามว่า "เจ้าฟ้ามหิดล"

    เหรียญนี้สร้างในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จเททองหล่อพระและเหรียญที่ระลึก 84 ปี ศิริราช ณ วัดบวรนิเวศ วันที่ 3 กันยายน 2516 เวลา 17.59 น.

    พระเกจิคณาจารย์ที่เจริญชัยมงคลคาถาดังนี้
    1.สมเด็จพระสังฆราช (วัดพระเชตุพล)
    2.พระพุทธโฆษาจารย์ (วัดราชบพิธ)
    3.พระญาณสังวร (วัดบวรนิเวศ)
    4.พระวันรัต (วัดสังเวช)
    5.พระธีรญาณมุนี (วัดจักรวรรดิ)
    6.พระมหารัชชมังคลาจารย์ (วัดราชบพิตร)
    7.พระธรรมปาโมกข์ (วัดราชประดิษฐ์)
    8.พระธรรมโสภณ (วัดบวรนิเวศ)
    9. พระเทพวราภรณ์ (วัดบวรนิเวศ)
    10.พระเทพญาณวิศิษฐ์ (วัดบวรนิเวศ)

    พระภิกษุที่มานั่งปรก และสวดพุทธาภิเษกในพิธีเททอง
    1. พระราชธรรมาภรณ์ (หลวงพ่อเงิน) วัดดอนยายหอม
    2. พระครูนนทกิจวิมล ( หลวงพ่อชื่น) วัดตำหนัก
    3. พระครูโสภณกัลยาณวัฒน์ (หลวงพ่อเส่ง) วัดกัลยาณ์
    4. พระครูประสาธน์วิทยาคม (หลวงพ่อนอ) วัดกลาง
    5. พระครูสุตาธิการี (หลวงพ่อทองอยู่ ) วัดหนองพระอง
    6. พระครูศรีพรหมโสภิต (หลวงพ่อแพ) วัดพิกุลทอง
    7. พระครูสังฆรักษ์ (หลวงปู่หิน) วัดระฆัง
    8. พระครูวิริยะกิตติ (หลวงปู่โต๊ะ )วัดประดู่ฉิมพลี
    9. พระโพธิวรคุณ (หลวงพ่อไพฑูรย์) วัดโพธิ์นิมิต
    10. พระอาจารย์เส็ง วัดบางนา

    และบรรดาเกจิคณาจารย์อีกมากมาย อาทิ เช่น
    1. หลวงพ่อเกษม เขมโก สุสานไตรลักษณ์ จ.ลำปาง
    2. หลวงปู่แหวน สุจิณโณ จ.เชียงใหม่
    3. หลวงปู่อุดมเวชวรคุณ (หลวงพ่อเมือง) จ.ลำปาง
    4. หลวงปู่สิม พุทธาจาโร จ.เชียงใหม่
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  4. วุฒิ สิงห์

    วุฒิ สิงห์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    1,428
    ค่าพลัง:
    +13,055
    รายนามพระเกจิที่มาปลุกเสกล้วนแล้วแต่สุดยอดครับ วันนี้ของผมขอนำเสนอ เหรียญหลวงพ่อวอน วัดโพธิ์แก้วนพคุณ สิงห์บุรี เป็นเหรียญตายไม่ทันหลวงพ่อครับแต่พิธีปลุกเสกดีหนึ่งในเกจิคือหลวงพ่อกวย วัดบ้านแค ชน. เป็นเหรียญแรกที่ผมห้อยตอนเด็กๆ ในพื้นที่สวยๆหลักร้อยต้นๆไม่เกินสองสามร้อย นอกพื้นที่อาจหลักสิบครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC04261.JPG
      DSC04261.JPG
      ขนาดไฟล์:
      731.7 KB
      เปิดดู:
      382
    • DSC04262.JPG
      DSC04262.JPG
      ขนาดไฟล์:
      776.2 KB
      เปิดดู:
      199
  5. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    19,513
    ค่าพลัง:
    +53,107
    [​IMG]
     
  6. coolsunny

    coolsunny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    1,237
    ค่าพลัง:
    +1,474
    ๒ เหรียญนี้ ผมไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมยังหลักร้อยอยู่...

    เหรียญพระนิรันตรายแบบพัดยศ และแบบเสมา

    [​IMG]
    [​IMG]

    วัดราชประดิษฐ์สถิตมหาสีมารามราชวรวิหารปี2515 ชื่อเดิมคือ “วัดราชประดิษฐ์สถิตธรรมยุติการาม” เรียกสั้นๆว่าวัดราชประดิษฐ์ฯ เป็นวัดประจำรัชกาลที่ 4 และเป็นพระอารามแห่งแรกของคณะสงฆ์ฝ่ายธรรมยุติ ซึ่งรัชกาลที่4 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้น ภายในวัดมีศิลปะในยุครัตนโกสินทร์งดงามตระการตาให้ชมมากมาย มีจิตรกรรมฝาผนังภาพการชมสุริยุปราคาในสมัยรัชกาลที่ 4 และเป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธสิหิงค์ด้วย

    เมื่อสร้างวัดราชประดิษฐ์ ฯ เสร็จเมื่อปี พ.ศ.2408 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ ได้โปรดเกล้าฯ ให้อาราธนาพระสาสนโสภณ จากวัดบวรนิเวศฯ มาครองวัดราชประดิษฐ์ฯ เป็นเจ้าอาวาสองค์แรก ซึ่งต่อมาภายหลังในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯ ได้ทรงดำรงตำแหน่งเป็นสมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ 9 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ สถิต ณ วัดราชประดิษฐ์สถิตมหาสีมาราม เมื่อปีพ.ศ.2436 ถึงปีพ.ศ.2442 รวม 6 พรรษา ประวัติของสมเด็จพระสังฆราช (สา ปุสฺสเทโว) เมื่อย้อนไปเมื่อพระชนมายุได้ 18 ปี ทรงแปลพระปริยัติธรรม 9 ประโยค ได้เป็นเปรียญเอกตั้งแต่ยังทรงเป็นสามเณร นับเป็นสามเณรองค์แรกที่ได้เป็นเปรียญ 9 ประโยคในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ต่อมาได้ลาสิกขาไปเป็นฆราวาสอยู่พักหนึ่ง และเมื่อพระชนมายุได้ 38 ปี ได้กลับมาอุปสมบทใหม่ ว่ากันว่า ได้ทรงเข้าแปลพระปริยัติธรรมอีกครั้งหนึ่ง และทรงแปลได้หมดทั้ง 9 ประโยค จึงมีผู้กล่าวถึงพระองค์ด้วยสมญานามว่า "สังฆราช 18 ประโยค"(โสฬส)

    ในปีพ.ศ.2515 เพื่อเป็นที่ระลึกแก่ศิษย์ยานุศิษย์ในการฉลองวัดครบรอบ 108 ปี ทางวัดได้จัดสร้างวัตถุมงคล พระกริ่งโสฬส เหรียญพระนิรันตรายแบบพัดยศ และแบบเสมา (เหรียญทั้งสองแบบ จำนวนสร้างอย่างละ 50,000 องค์ เท่ากัน) ได้มีการจัดพุทธาภิเษก ในพระอุโบสถวัดราชประดิษฐ์สถิตมหาสีมารามเป็นเวลา 9 วัน 9 คืน ตั้งแต่วันที่ 16-24 พฤศจิกายน 2515 โดยได้นำชนวนมาจาก การเททองหล่อพระนิรันตรายรุ่นแรก ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเสด็จเททองในการครั้งนี้ ทรงเสด็จฯ เททองหล่อ พระนิรันตราย (ขนาดบูชา) เมื่อวันที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2515 จำนวน 908 องค์ ตามจำนวนสั่งจอง จากนั้นจึงนำทองชนวนที่เหลือจากที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเททองไปจัดสร้างพระกริ่งนิรันตราย ทั้งพิมพ์ใหญ่ พิมพ์เล็ก สมเด็จพระพุทธ โฆษาจารย์ได้เมตตามาเป็นประธานในการจุดเทียนชัย และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระสุหร่ายวัตถุมงคล รวมพระเกจิ 108 รูปอธิษฐานจิต ปลุกเสกอาทิ
    1...พระราชสุทธาจารย์ (หลวงพ่อโชติ ระลึกชาติ) จ.นครราชสีมา เป็นประธาน
    2...หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี กรุงเทพฯ
    3..หลวงปู่แหวน วัดดอยแม่ปั๋ง จ.เชียงใหม่
    4...หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง จ.สิงฆ์บุรี
    5…หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม จ.นครปฐม
    6…หลวงพ่อหลิว วัดไร่แตงทอง จ.นครปฐม
    7… หลวงพ่อเนื่อง วัดจุฬามณี จ.สมุทรสาคร
    8...หลวงพ่อเทียม วัดกษัตราธิราช จ.อยุธยา
    9…หลวงปู่คร่ำ วัดวังหว้า จ.ระยอง
    10… หลวงพ่อรวย วัดตะโก จ.อยุธยา,
    11…หลวงพ่อประสิทธิ์ วัดไทรน้อย จ.นนทบุรี
    12… หลวงปู่ดู่ วัดสะแก จ.อยุธยา
    13..หลวงปู่ศรีจันทร์ วัดเลยหลง จ.เลย
    14.. พระอาจารย์วัน อุตฺตโม วัดถ้ำอภัยดำรงธรรม, จ.สกลนคร
    15…หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่, จ.ระยอง
    16…หลวงปู่ขาว วัดถ้ำกลองเพล, จ.อุดรธานี
    17… หลวงปู่เทสก์ วัดหินหมากเป้ง จ.หนองคาย
    18…หลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่ จ.สุพรรณบุรี
    19…หลวงพ่อพรหม วัดช่องแค จ.นครสวรรค์
    20..หลวงพ่อถิร วัดป่าเลไลยก์ จ.สุพรรณบุรี
    21..หลวงพ่อกี๋ วัดหูช้าง จนนทบุรี
    22..หลวงตามหาบัว วัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี ฯลฯ
    นอกจากนี้ยังมีพระคณาจารย์สายวิปัสสนาทั้ง 4 ภาค ร่วมนั่งอธิษฐานจิตปลุกเสกเป็นเวลา 9 วัน 9 คืน โดยผลัดกันวันละ 12 รูป
     
  7. วุฒิ สิงห์

    วุฒิ สิงห์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    1,428
    ค่าพลัง:
    +13,055
    ท่านคงอยากโปรดคนเบี้ยน้อยหอยน้อยน่ะครับ ผมมีแบบพัดยศอยู่เหรียญนึงใด้มาเมื่อสามสี่ปีที่แล้ว สามเหรียญร้อยรวมๆมา ชื่อท่านเป็นมงคลน่าบูชาจริงๆครับ
     
  8. coolsunny

    coolsunny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    1,237
    ค่าพลัง:
    +1,474
    เบื่องหลังความสำเร็จของพระของขวัญ หลวงพ่อสด วัดปากน้ำ
    ก็คือผงของหลวงพ่อผี่งนี่เองครับ


    หลวงพ่อผึ่ง วัดสว่างอารมณ์ราษฎร์


    [​IMG][​IMG]


    หลวงพ่อผึ่งท่านได้สร้างพระเนื้อผงไว้อยู่หลายพิมพ์ ซึ่งเป็นพระที่น่าสนใจมากสำนักหนึ่ง แถมปัจจุบันยังพอหาได้ไม่ยากนักและสนนราคาก็ไม่แพงนักด้วยครับ

    หลวงพ่อผึ่ง ท่านเกิดที่บ้านไผ่หมู่ ตำบลต้นตาล อำเภอสองพี่น้อง จังหวัดสุพรรณบุรี เมื่อปี พ.ศ.2426 โยมบิดาชื่อ หร่าย โยมมารดาชื่อ ปุย อาชีพชาวนา ฐานะครอบครัวค่อนข้างยากจน ต่อมาบิดามารดาได้แยกทางกัน หลวงพ่อผึ่งอยู่กับมารดา จึงต้องช่วยทำนาตั้งแต่เด็ก มารดาของหลวงพ่อต้องการให้หลวงพ่อผึ่งอ่านออกเขียนได้จึงนำไปฝากเรียนกับ หลวงพ่อแสง วัดคลองมะดัน ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบ้านนัก หลวงพ่อผึ่งท่านเป็นคนขยันหมั่นเพียร เล่าเรียนหนังสือไทยและขอม สามารถอ่านเขียนได้คล่องแคล่วแตกฉานตลอดจนบทสวดมนต์ ต่อมาเมื่ออายุครบบวชในปีพ.ศ.2488 จึงได้อุปสมบทที่วัดสองพี่น้อง โดยมีพระปลัดบุญยัง เป็นพระอุปัชฌาย์ หลวงพ่อเหนี่ยง อินทโชโต เป็นพระกรรมวาจาจารย์ หลวงพ่อโหน่ง อินทวัณโณ เป็นพระอนุสาวนาจารย์

    หลวงพ่อผึ่งบวชได้หนึ่งพรรษา หลวงพ่อสด วัดปากน้ำฯ ซึ่งเป็นคนสองพี่น้องก็มาบวชที่วัดสองพี่น้อง จำพรรษาอยู่กุฏิเดียวกันกับหลวงพ่อผึ่งและหลวงพ่อหอม ท่านทั้งสามองค์สนิทสนมกันมากออกธุดงค์ด้วยกันและใฝ่เรียนวิปัสสนากรรมฐาน ได้เดินทางไปศึกษาวิชาวิปัสสนากรรมฐานกับหลวงพ่อปลื้ม สำนักวัดเขาใหญ่ อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี เมื่อศึกษาแล้วก็กลับมาจำพรรษาอยู่ที่วัดสองพี่น้องตามเดิม ส่วนหลวงพ่อสดท่านมาจำพรรษาอยู่ที่วัดปากน้ำภาษีเจริญ

    ต่อมาหลวงพ่อผึ่งมาอยู่ที่วัดสว่างอารมณ์ ต.บ้านกุ่ม อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ.2462 มีขบวนแห่มาอย่างครึกครื้น หลวงพ่อโหน่ง หลวงพ่อสด และหลวงพ่อหอม ก็มาส่งด้วย ท่านมาถึงก็เริ่มก่อสร้างวัดสว่างอารมณ์ ทันทีด้วยการขอแรงชาวบ้านช่วยกันขุดคูรอบวัด ปลูกมะพร้าวบนคันคู ขุดดินถมเป็นเนินเพื่อสร้างพระอุโบสถ หลวงพ่อผึ่งท่านจะแจกพระผงของท่านให้แก่ญาติโยมที่มาร่วมแรงร่วมใจกันสร้างวัด

    พระเครื่องหลวงพ่อผึ่ง
    หลวงพ่อผึ่งท่านได้สร้างผงวิเศษขึ้นมานานแล้ว ท่านได้เขียนยันต์ด้วยดินสอพองในกระดานชนวน เสร็จแล้วลบ ท่านเขียนเป็นเวลาหลายปี เก็บไว้หลายปี๊บ ในปีพ.ศ.2493 หลวงพ่อสดยังมาขอผงวิเศษของหลวงพ่อผึ่งไปผสมสร้างพระของท่านเลย ในการสร้างพระของหลวงพ่อผึ่งท่านจะใช้สายสิญจน์ 108 เส้น วงรอบบริเวณที่จะทำพระ ผู้ที่จะทำการพิมพ์พระจะต้องชำระล้างร่างกายให้สะอาด และถือศีล จึงจะเข้าร่วมพิมพ์พระของท่านได้ เมื่อสร้างพระเสร็จแล้วท่านก็จะนำพระทั้งหมดเข้าไว้ในพระอุโบสถ ให้พระสวดมนต์เช้าเย็น และกลางคืน เป็นเวลา 3 เดือน หลังจากนั้นท่านก็

    พระเนื้อผง ที่หลวงพ่อผึ่งท่านสร้างมีด้วยกัน 13 พิมพ์ คือ
    1 พิมพ์สามเหลี่ยม
    2 พิมพ์ถวายเนตร
    3 พิมพ์พุทธกวัก
    4 พิมพ์พิชิตมาร
    5 พิมพ์นางกวัก
    6 พิมพ์กำแพงหย่อง
    7 พิมพ์สังกัจจายน์
    8 พิมพ์สมเด็จ 7 ชั้น
    9 พิมพ์สมเด็จอกร่อง
    10 พิมพ์ชินราช
    11 พิมพ์เชียงแสน
    12 พิมพ์สังฆาฏิ
    13 พิมพ์ประภามณฑล

    ทุกพิมพ์เป็นเนื้อผงสีขาวล้วน เหมือนพระสมเด็จวัดระฆัง แต่มีขนาดเล็กกว่า กว้างประมาณ 1.5 ซม. สูง 2.5 ซม. เว้นพิมพ์สังฆาฏิ ที่กว้าง 2.0 ซม. สูง 3 ซม. พิมพ์ที่นำมาลงวันนี้เป็นพระปางถวายเนตรของท่านครับ

    ข้อมูลจาก บทความพระเครื่อง
    ด้วยความจริงใจ แทน ท่าพระจันทร์
    ที่มาหนังสือพิมพ์ข่าวสด
     
  9. mayakarn

    mayakarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    354
    ค่าพลัง:
    +19,921
    อันนี้ชอบมากกกกกก ต้องหามั่งแล้ววววววว
     
  10. coolsunny

    coolsunny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    1,237
    ค่าพลัง:
    +1,474
    แปลก !!! แพทย์ และหมอฮือฮา....เพราะเมื่อเอกซเรย์พระคุณเจ้ารูปหนึ่ง ปรากฏว่ากระดูกแขนเป็นแก้วสีใสหมดทั้งแขน พอสอบถามที่มาที่ไปปรากฏว่าพระคุณเจ้ารูปนี้คือหลวงพ่อประสิทธิ์ ปุญมากโร แห่งวัดป่าหมู่ใหม่ (อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่) ท่านก็เป็นพระป่ากรรมฐานศิษย์สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต คุณหมอทั้งหลายที่ใน ร.พ.สวนดอก (เชียงใหม่) ต่างยกย่องกล่าวขานถึงหลวงพ่อว่าน่าอัศจรรย์แท้ เพราะเขาถ่าย X-ray ท่านออกมาปรากฏว่ากระดูกข้างในเป็นแก้วทั้งหมด หมอๆ ทั้งหลายในโรงพยาบาลสวนดอก เลยเคารพท่านมาก ท่านพระอาจารย์ประสิทธิ์องค์นี้หลวงตามหาบัวก็ยืนยันในความดีและคุณธรรมของท่าน

    ข้อมูลจากหนังสือพิมพ์ข่าวสด วันศุกรที่ 8 มีนาคม 2545

    พระปิดตามหาลาภ ฝังปฐวีธาตุ สร้างวิหารไทลื้อ ออกปี ๕๔

    [​IMG]

    พระปิดตามหาลาภได้เข้าพิธีอธิษฐานจิตโดยองค์หลวงพ่อประสิทธิ์ ปุญญมากโร ณ วัดศรีมุงเมือง เมือวันที่ ๒๗ ตุลาคม ๒๕๕๓ ที่ผ่านมา เดิมท่านพระอาจารย์เอกตั้งใจจะแจกในงานทอดผ้าป่าปูนซีเมนต์ในการก่อสร้างวิหารไทลือปุญญมากโร แต่หลังจากพระอาจารย์เอกตัดสินใจจะจัดงานวันเกิด เป็นการแสดงมุทิตาจิต และเป็นการแสดงความกตัญญูถวายแด่องค์หลวงพ่อประสิทธิ์ พระปิดตาที่เดิมจารึกไว้ ๑๕ เมษายน ๒๕๕๓ จึงเปลี่ยนจากของที่ระลึกงานผ้าป่ากระเบื้อง มาเป็นของที่ระลึกสำหรับผู้ร่วมทำบุญแสดงมุทิตากตัญญูต่อองค์หลวงพ่อประสิทธิ์

    สำหรับปฐวีธาตุนับเป็นของหายากเพราะหาผู้ทำได้จริงแทบไม่มี บางท่านคิดว่าหินธรรมดาให้องค์ไหนอธิษฐานจิตก็เป็นปฐวีธาตุเหมือนกัน เท่าที่ทราบ คิดว่าไม่เป็นเช่นนั้น เคยได้ยินมาว่าหลวงปู่คำพัน โฆษปัญโญ วัดธาตุมหาชัย ต้องอธิษฐานจิตหินถึง ๒๗นาที ถึงจะเป็นปฐวีธาตุ ท่านเจ้าคุณนรฯ วัดเทพศิรินทร์ และหลวงปู่คำพัน วัดธาตุมหาชัยล้วนรับรองว่า "ปฐวีธาตุ" ของท่านสามารถกันอันตรายทั้งหลายได้แม้แต่กัมมันตภาพรังสีหรือนิวเคลียร์ แม้หลวงปู่คำพันจะอธิษฐานปฐวีธาตุไว้เป็นจำนวนมาก แต่ทุกวันนี้หายากเหลือเกิน ที่ได้มาก็อาจจะลงใจเชื่อยากเพราะหินเก็บตรงไหนก็ได้เหมือนกัน

    สำหรับปฐวีธาตุนับเป็นของหายากเพราะหาผู้ทำได้จริงแทบไม่มี บางท่านคิดว่าหินธรรมดาให้องค์ไหนอธิษฐานจิตก็เป็นปฐวีธาตุเหมือนกัน เท่าที่ทราบ คิดว่าไม่เป็นเช่นนั้น เคยได้ยินมาว่าหลวงปู่คำพัน โฆษปัญโญ วัดธาตุมหาชัย ต้องอธิษฐานจิตหินถึง ๒๗นาที ถึงจะเป็นปฐวีธาตุ ท่านเจ้าคุณนรฯ วัดเทพศิรินทร์ และหลวงปู่คำพัน วัดธาตุมหาชัยล้วนรับรองว่า "ปฐวีธาตุ" ของท่านสามารถกันอันตรายทั้งหลายได้แม้แต่กัมมันตภาพรังสีหรือนิวเคลียร์ แม้หลวงปู่คำพันจะอธิษฐานปฐวีธาตุไว้เป็นจำนวนมาก แต่ทุกวันนี้หายากเหลือเกิน ที่ได้มาก็อาจจะลงใจเชื่อยากเพราะหินเก็บตรงไหนก็ได้เหมือนกัน

    ปฐวีธาตุ หรือก็คือธาตุดิน แต่ถ้าบอกว่าปฐวีธาตุเจ้าคุณนรฯ กลับกลายเป็นวัตถุกายสิทธิ์ที่มีอานุภาพครอบคลุมคุ้มครองผู้บูชาอย่างเอกอุ กันได้กระทั่งกัมมันตภาพรังสี หรือนิวเคลียร์ สืบต่อจากท่านเจ้าคุณนรฯ ก็มีอีกหลายองค์ที่สามารถทำก้อนหินธรรมดาให้กลายเป็นวัตถุกายสิทธิ์ได้ ไม่ว่าจะเป็นองค์หลวงปู่ขาว หลวงปู่ดูลย์ หลวงปู่คำพัน และหลวงปู่อ่อนสา

    ทุกวันนี้ปฐวีธาตุเหล่านี้ล้วนเป็นตำนาน ที่พอหาได้และมั่นใจ ก็ต้องยกให้ปฐวีธาตุหลวงปู่คำพันที่บรรจุอยู่ในพระเครื่องท่านบางรุ่น และปฐวีธาตุหลวงปู่อ่อนสา ที่บรรจุอยู่ในพระปิดตาสมจินตนา นอกนั้นอาศัยความเชื่อใจทั้งสิ้น หิน เก็บตรงไหนก็เหมือนๆ กัน พลังจากเนื้อในหาใช่สิ่งที่ปุถุชนคนเดินดินเช่นเราจะรับทราบ

    หลังจากสิ้นหลวงปู่คำพัน ก็พอทราบว่าท่านพ่อเมืองท่านพอทำปฐวีธาตุได้ แต่ปัจจุบันทราบว่าท่านได้งดเสียแล้ว และโบ้ยให้ไปหาปฐวีธาตุหลวงปู่อ่อนสาแทน จนเมื่อต้นปีที่ผ่านมา เพื่อนผมคนหนึ่งได้เข้าไปกราบหลวงพ่อประสิทธิ์ ปุญญมากโร ซึ่งบังเอิญวันนั้นท่านเอก เจ้าอาวาสวัดศรีมุงเมือง ก็ได้เข้าไปกราบหลวงพ่อประสิทธิ์เช่นกัน เป็นการไปโดยไม่ได้นัดหมาย เพื่อนผมได้กราบเรียนถามหลวงพ่อประสิทธ์ว่า

    “หลวงพ่อครับ หลวงพ่อเคยได้ยินเรื่องปฐวีธาตุท่านเจ้าคุณนรฯ กับหลวงปู่คำพันรึเปล่าครับ”

    “เคยได้ยินอยู่”

    “หลวงพ่อทำได้รึเปล่าครับ ปฐวีธาตุ”

    “ทำได้อยู่”

    “เขาว่าปฐวีธาตุท่านเจ้าคุณนรฯ กับหลวงปู่คำพัน กันนิวเคลียร์ได้ ถ้าหลวงพ่อทำจะกันได้เหมือนกันรึเปล่าครับ”

    หลวงพ่อพยักหน้ารับ

    “ท่านเจ้าคุณนรฯ ใช้หินบางบ่อ หลวงปู่คำพันใช้หินแม่น้ำโขง ไม่ทราบของหลวงพ่อจะต้องใช้หินที่ไหนครับ”

    “ปฐวีธาตุ ก็คือธาตุดิน หินที่ไหนก็ใช้ได้หมด...”
     
  11. Nov18

    Nov18 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    190
    ค่าพลัง:
    +180
    ขอบคุณครับข้อมูลดีดีเพียบเลย

    หลวงพ่อผึ่งโดนใจมากๆครับ ไม่ทราบว่ามีเก้ไหมครับ ไม่ทราบมีวิธีดูไหมครับของหลวงพ่อสร้าง จะได้หาไว้บูชาบ้าง สาธุๆ
     
  12. coolsunny

    coolsunny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    1,237
    ค่าพลัง:
    +1,474
    เท่าที่ได้คุยกับเพื่อนหลายๆ คนมา พอจะสรุปได้ว่า

    พระเก๊นั้น มีแทบทุกสำนักที่มีชื่อเสียงแหละครับ

    ยิ่งพระ หรือวัตถุมงคลที่มีค่านิยมไม่สูงยิ่งเยอะครับ

    เพราะเดี๋ยวนี้ คนปลอมพระเปลี่ยนกลยุทธ์มาขายพระถูก

    กันแล้วครับ เพราะขายง่ายกว่าพระแพงๆ นั้นเอง

    ฉะนั้น ก่อนเช่าหาควรศึกษาก่อนครับ อย่างน้อยก็

    พยายามหาของจริงดูให้ได้ซักครั้งก่อน แล้วจดจำไว้

    หรือไม่ก็เช่าจากที่ๆ เค้ารับประกันพระของเค้าครับ
     
  13. mayakarn

    mayakarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    354
    ค่าพลัง:
    +19,921
    [​IMG]
     
  14. coolsunny

    coolsunny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    1,237
    ค่าพลัง:
    +1,474
    เหรียญสวย คลาสสิคดีจังครับ

    มีประวัติ ความเป็นมาของท่านมั่งมั๊ยครับ
     
  15. tawinpao

    tawinpao เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    47
    ค่าพลัง:
    +156
    สำหรับผมขอยกให้รุ่นนี้ครับ "หลวงปู่ทวด เนื้อผงว่าน ๑๐๘ ผสมดิกากยายักษ์ หลวงปู่หมุน ฐิตสีโล ออกวัดสุทัศนเทพวราราม คณะ ๗ พิธีพุทธาภิเษก ๕ ครั้ง ๒๕๔๓ – ๒๕๔๔ รุ่น พระเจ้า ๕ พระองค์"
    รุ่นนี้ได้แบบ two in one สำหรับผู้ที่ศรัทธาหลวงปู่ทวดและหลวงปู่หมุน
    ตามประวัติหลวงปู่หมุนท่านไปแลกเปลี่ยนวิชากับพระอาจารย์ทิมมา ผมว่าท่านสามารถอัญเชิญหลวงปู่ทวดได้ แต่ท่านเป็นพระเกจิแบบคมในฝักครับ ไม่ได้โพนทะนาให้ใครฟัง
    ส่วนราคาตอนนี้ยังแค่หลักร้อย แต่เมื่อก่อนทำมาเพื่อแจก ต่อไปก็ไม่แน่เพราะพระเครื่องของหลวงปู่หมุนทุกรุ่นราคาไปไกล

    ขออนุญาตท่านเจ้าของพระนำรูปมาลงนะครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  16. mayakarn

    mayakarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    354
    ค่าพลัง:
    +19,921
    เหรียญนี้เป็นเหรียญรุ่น 2 ครับ (ถ้าจำไม่ผิด รู้สึกว่าจะสร้างปี 2508) จะเหมือนกับเหรียญรุ่นแรกเลย
    เคยมีคนสอนวิธีแยกมาให้ (รุ่นแรกสร้างปี 24xx) แต่ลืมง่ะ แต่ที่แน่ๆ ที่เห็นปล่อยๆ กัน หลายๆ พัน เป็นเหรียญรุ่น 2 แล้วบอกเป็นรุ่นแรกซะเยอะครับ
    อีกอย่างเหรียญที่หลวงพ่อแฉ่งท่านสร้างเองมีเพียงเหรียญรุ่นแรกเพียงรุ่นเดียวนะครับ
    เหรียญรุ่น 2 นี้ไม่ทันท่าน หรือที่เรียกกันว่าเป็นเหรียญตายครับ แต่ตอนนี้คนพื้นที่เริ่มหาเก็บรุ่น 2 กันแล้ว เพราะหารุ่นแรกไม่ได้ และราคายังต่างกันอีกหลายเท่าตัวเลย (ก็ประมาณ เลขศูนย์ตัวท้าย 1 หรือ 2 ศูนย์)
    สำหรับเหรียญรุ่นแรกของท่าน ราคาหลายๆ พัน ถึงหมื่น และหายากมากกกกก

    หลวงพ่อแฉ่งท่านเรียนวิชากับพระอาจารย์เก่งๆ หลายองค์ เช่น

    พระครูวิมลคุณากร (ศุข เกสโร) วัดปากคลองมะขามเฒ่า
    พระภาวนาโกศลเถร (เอี่ยม สุวณฺณสโร) วัดหนัง
    หลวงพ่อคง ธมฺมโชโต วัดบางกะพ้อม
    พระครูถาวรสัมณวงค์ (อ๋อย) วัดไทร
    พระวิสุทธรังษี (เปลี่ยน อินฺทสโร) วัดไชยชุมพลชนะสงคราม (วัดใต้)
    หลวงพ่อหรุ่น พุทธสโร วัดช้างเผือก
    หลวงพ่อแช่ม อินทโชโต วัดตาก้อง
    พระอธิการวัตร วัดปากลัด ตำบลบางตะบูน อำเภอบ้านแหลม จังหวัดเพชรบุรี
    พระอธิการทรัพย์ วัดเขาตะเครา ตำบลบางครก อำเภอบ้านแหลม จังหวัดเพชรบุรี
    พระอธิการคล้ำ วัดปากคลอง ตำบลบางครก อำเภอบ้านแหลม จังหวัดเพชรบุรี
    พระครูสุวรรณมุนี หลวงพ่อฉุย วัดพระทรง อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบุรี

    และท่านยังมีสหธรรมิก (เพื่อนทางธรรม) ที่มีชื่อเสียงอีกหลายองค์ เช่น

    หลวงพ่อจง พุทฺธสโร วัดหน้าต่างนอก ตำบลหน้าไม้ อำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
    พระครูอโศกธรรมสาร (โศก) วัดปากคลอง ตำบลบางครก อำเภอบ้านแหลม จังหวัดเพชรบุรี
    หลวงพ่อทองศุข อินฺทโชโต วัดโตนดหลวง ตำบลบางเก่า อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี
    หลวงพ่อแฉ่งเมือง ปุญฺญมาโค วัดคงคาราม อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบุรี
    หลวงพ่อกลอย วัดเขายี่สาร ตำบลยี่สาร อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสาคร
    พระครูญาณวิลาศ (แดง รตฺโต) หลวงพ่อ วัดเขาบันไดอิฐ อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบุรี
    หลวงพ่อจ้อย ฐิตปุญโญ วัดเขาสุวรรณประดิษฐ์ ตำบลดอนสัก อำเภอดอนสัก จังหวัดสุราษฎร์ธานี

    ของดีของท่านอีกอย่างที่คนพื้นที่รุ่นเก่าๆ ต่างก็หวงแหนคือตะกรุดครับ
    พ่อตาของผมท่านเป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อแฉ่ง (ตอนเด็กๆ เดินบิณฑบาตรตอนเช้ากับท่านทุกวัน) หลวงพ่อท่านเคยทำตะกรุดให้ 1 ดอก วิธีการทำคือดำน้ำลงไปจาร ในคืนเดือนเพ็ญ พ่อตาผมเล่าว่าท่านดำลงไปทีนานมากกกกก
    ข้อห้ามของตะกรุดคือห้ามเอาเข้าซ่อง ห้ามด่าพ่อแม่
    ทีนี้พ่อตาผมเป็นทหารเรือ ออกเรือไปเป็นเดือนกลับขึ้นฝั่งเพื่อนทหารชวนไปเที่ยวผู้หญิง พ่อตาผมก็ไปด้วย จะเพราะเมาหรือว่าอะไรไม่รู้ ตะกรุดที่คาดเอาไว้ที่เอวไม่เคบถอด กลับหายไปเฉยๆ ซะงั้น พอกลับไปวัดไปกราบหลวงพ่อ ยังไม่ทันเล่าว่าตะกรุดหาย ก็โดนท่านด่าแล้วว่าไปเที่ยวผู้หญิง พอมองไปข้างหน้าหลวงพ่อมีตะกรุดดอกที่เคยคาดที่เอวไว้ตลอดไม่เคยถอดวางอยู่ตรงหน้าหลวงพ่อ พอขอคืนหลวงพ่อท่านก็ไม่ยอมให้อีกเลย
     
  17. tatty

    tatty เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    8,976
    ค่าพลัง:
    +8,226
    หลวงพ่อแฉ่ง ผมก็มี เหรียญสวยคมมาก ไม่รู้ว่ารุ่นไหนเหมือนกัน แต่ดูจากกะไหล่ไม่น่าจะเก่าถึงยุครุ่นแรก เดี๋ยวถ่ายรูปมาให้ดูครับ
     
  18. พลศิริ

    พลศิริ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    7,978
    ค่าพลัง:
    +18,982
    แม้จะราคาหลักร้อย ก็ไม่ใช่ว่าจะหาได้ง่าย ๆ นะครับ เพราะที่คุยกันมา ผมบ่มีเลย:'(
     
  19. mayakarn

    mayakarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    354
    ค่าพลัง:
    +19,921
    [​IMG]

    พระครูสิริธัชสมาจารย์(หลวงปู่บุญตา วิสุทธสีโล) วัดคลองเกตุ อ.โคกสำโรง จ.ลพบุรี
    มีนามเดิมว่า บุญตา นามสกุล พาซื่อ โยมบิดาชื่อ นายอุด โยมมารดาชื่อ นางทุม พาซื่อ
    เกิดที่บ้านโนนสะคาม จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวันที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2449
    ท่านมีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน 4 ท่าน คือ
    1. นายอ้วน พาซื่อ
    2. นายรุณ พาซื่อ
    3. นางลา พาซื่อ
    4. หลวงปู่บุญตา วิสุทธสีโล
    เมื่ออายุได้ 3 ขวบ บิดาย้ายถิ่นฐานไปอยู่บ้านพระเสาร์ อ.มหาชนะชัย จ.ยโสธร

    ชีวิตในวัยเยาว์อายุ 12 ปี ได้ศึกษาภาษาไทย ณ วัดพระเสาร์ จนถึงชั้น ป. 3 จึงออกมาช่วยบิดามารดาทำนา
    จนกระทั่งอายุ 16 ปี บิดามารดาพาย้ายถิ่นฐานไปอยู่บ้านจาน อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์
    และได้ย้ายไปอยู่บ้านหนองมะนาว ต.ขอนแก่น อ.สำโรงทาบ จ.สุรินทร์
    จนอายุได้ 23 ปี มารดาก็เสียชีวิต ท่านจึงได้บวชหน้าไฟเพื่อทดแทนคุณมารดา

    ท่านอุปสมบทเมื่อวันที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2472 ที่วัดหนองม้า ต.หนองฮะ อ.ศรีขรภูมิ จ.สุรินทร์
    โดยมีพระอธิการกลัด เจ้าอาวาสวัดสะเม็ด เป็นพระอุปัชฌาย์
    พระอาจารย์กา วัดสะเม็ด เป็นพระกรรมวาจา
    พระอธิการเผือ วัดบ้านเครือ เป็นพระอนุสาวนาจารย์
    ท่านได้รับฉายาว่า "วิสุทธสีโล" แปลว่า "ผู้มีศีลอันบริสุทธิ์"
    เมื่อบวชแล้วได้จำพรรษาอยู่กับพระอาจารย์กลัด พระอุปัชฌาย์ในวัดสะเม็ด
    ได้เริ่มเรียนการปฏิบัติกัมมัฏฐานอย่างจริงจังกับผู้เป็นอุปัชฌาย์
    พร้อมกับเรียนพระปริยัติธรรมควบคู่ไปด้วยและก็สอบได้นักธรรมชั้นตรีในพรรษาแรก

    เมื่อจิตใจพึงพอใจอยู่กับความสงบประกอบกับหลวงปู่ท่านได้สมาธิแล้ว
    ก็ทำให้เกิดความเบื่อหน่ายที่จะต้องอยู่กับสิ่งแวดล้อมแห่งผู้คน
    จึงขออนุญาตพระอาจารย์กลัดแสวงหาครูบาอาจารย์สอนวิชา
    โดยไปจำพรรษาที่วัดกลาง จังหวัดบุรีรัมย์
    เพราะทราบว่ามีครูบาอาจารย์ดีในวัดหลายองค์
    ท่านจึงได้ศึกษาวิชาต่างๆ หลายแขนงทั้งทางด้านปฏิบัติธรรม ด้านคาถาอาคม
    ไสยศาสตร์ แต่เนื่องจากวิชาอาคมต่างๆ ส่วนใหญ่เป็นภาษาขอมท่านจึงคิดที่หาที่เรียนภาษาขอม
    จึงเดินทางไปยังวัดเขื่องใน จังหวัดอุบลราชธานี
    เรียนภาษาบาลีและอักขระขอม ใช้เวลาเรียนอยู่ 4 ปีเต็มจนแตกฉานในภาษาบาลีและอักขระขอม

    จบแล้วจึงไปจำพรรษาที่วัดพระเสาร์เป็นเวลา 3 พรรษา
    และท่านก็ปรารถนาจะกราบนมัสการพระธาตุพนม ซึ่งไม่เคยไปมาก่อน
    ท่านจึงออกเดินทางธุดงค์ไปยังวัดพระธาตุพนม ค่ำไหนก็ปักกลดที่นั่น
    ทำการสำรวจจิตใจด้วยตนเอง ทบทวนด้วยเรื่องของสังขารอยู่ในป่าทึบ
    จนกระทั่งถึงวัดพระธาตุพนม และอยู่ที่วัดพระธาตุพนม 7 วัน

    จากนั้นออกธุดงค์ต่อไปทางจังหวัดเชียงใหม่ไปพักอยู่วัดอุโมงค์
    เป็นวัดที่พระชาวศรีลังกามาสอนธรรมะ
    ท่านอยู่ที่นั่น 15 วัน ก็ธุดงค์ต่อไปทั่วภาคเหนือและภาคอิสาน

    ปี พ.ศ. 2474 หลวงปู่เดินธุดงค์อยู่เชียงใหม่
    ท่านทราบว่าเจ้าคุณอุบาลีคุณูปมาจารย์ (จันทร์ สิริจนฺโท) แสดงธรรมอยู่ที่วัดเจดีย์หลวง
    ท่านดีใจมากที่จะได้พบพระสุปฏิปันโน
    และท่านก็ได้รับความเมตตาชี้แนะแนวทางธรรม
    หลังจากนั้นท่านจึงธุดงค์ไปวัดป่าสาลวัน จ.นครราชสีมา
    ไปฝากตัวเป็นศิษย์หลวงพ่อเสาร์ กันตสีโล
    ซึ่งหลวงพ่อเสาร์ ท่านเชี่ยวชาญเรื่องปัฏฐวีกสิณ เตโชกสิณ อาโปกสิณ และวาโยกสิณ
    หลวงพ่อเสาร์ท่านได้เมตตาสอนปัฏฐวีกสิณให้
    โดยนำดินมาปั้นเป็นก้อนกลมๆ ขนาดเท่าหม้อใหญ่และขนาดขันน้ำ โดยมองให้เห็นอยู่อย่างนั้น
    แล้วลืมตามาเพ่งใหม่คือ การเพ่งดินเป็นอารมณ์ และในการฝึกนั้นจะมีพระมหาปิ่น ปญฺญาธโร
    และพระอาจารย์สิงห์ ขันตคยาโม เป็นผู้เข้มงวดในการฝึก
    จนกระทั่งหลวงปู่บุญตา เข้าถึงปฐวีกสิณอย่างรวดเร็วกว่าศิษย์ท่านอื่นๆ

    จากนั้นท่านจึงกราบลาหลวงพ่อเสาร์ และพระมหาปิ่น ธุดงค์มาทางจังหวัดลพบุรี
    และมาพักอยู่วัดพรหมมาสตร์ มาอยู่กับหลวงพ่อพุทธวรญาณได้ศึกษาธรรมะอยู่ 1 พรรษา
    จากนั้นจึงเดินทางเข้าไปกรุงเทพฯ ไปอยู่วัดมหาธาตุ
    พร้อมกับปฏิบัติธรรมกัมมัฏฐานกับพระเทพสิทธิมุนี ภาวนายุบหนอ พองหนอ
    เพ่งสติให้เป็นมหาสติปัฏฐาน ปฏิบัติได้ 2 เดือนเศษก็มีความชำนาญและช่ำชองอย่างรวดเร็ว

    ออกจากวัดมหาธาตุ ย้อนกลับไปยังจังหวัดนครสวรรค์
    ได้ฝากตัวเป็นศิษย์หลวงพ่อเดิม พุทธสโร แห่งวัดหนองโพ ได้ศึกษาวิชากับหลวงพ่อเดิมหลายอย่าง
    เช่น การสร้างมีดหมอเทพศาสตราตามตำรับเดิมแท้ ฯลฯ
    และท่านได้ไปเรียนวิชากับหลวงพ่อทองวัดเขากบ ซึ่งท่านมีชื่อเสียงในการเล่นแร่แปรธาตุ

    จากนั้นได้เข้าศึกษาพระธรรมที่วัดศรีษะเมือง หรือวัดนครสวรรค์ ซึ่งมีชื่อเสียงทางปริยัติธรรม
    หลวงปู่บุญตาจึงได้ศึกษาจนสำเร็จนักธรรมชั้นโทและนักธรรมชั้นเอก
    ท่านอยู่ที่ในนครสวรรค์ 4 พรรษา จากนั้นก็กลับมาลพบุรี มาจำพรรษาอยู่ที่วัดหนองบัว ต.คลองเกตุ
    อ.โคกสำโรง จ.ลพบุรี และได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาส ในปี 2483
    ท่านอยู่ที่วัดหนองบัว 3 พรรษา จากนั้นจึงกลับไปเยี่ยมภูมิลำเนาเกิด โดยไปจำพรรษาที่วัดพระเสาร์
    เป็นเวลา 3 พรรษา จากนั้นก็กลับมาเป็นเจ้าอาวาสวัดหนองบัวอีกครั้งหนึ่ง

    ในการอยู่วัดหนองบัวท่านก็ได้โน้มน้าวจิตใจของญาติโยมเข้าวัดปฏิบัติธรรม
    ควบคู่ไปกลับการสอนปริยัติธรรมให้กับพระภิกษุสามเณร
    รวมทั้งเป็นที่พึ่งของญาติโยมในภาวะเจ็บไข้ท่านก็ใช้พลังอำนาจทางจิตทำการรักษา
    รวมทั้งผู้ที่ถูกคุณไสยมนต์ดำ หลวงปู่สยบมาแล้วทั้งนั้น
    ชื่อเสียงด้านการสอนธรรมะและปฏิบัติธรรมของหลวงปู่ ทำให้ผู้ใหญ่ระดับสูงในอำเภอโคกสำโรง
    อาราธนานิมนต์ไปยังอารามแห่งใหม่
    ท่านอยู่วัดหนองบัวครั้งหลัง 3 พรรษา ปี 2492 ก็ได้รับคำสั่งให้ไปปกครองวัดสิงห์คูยาง
    ซึ่งอยู่ใจกลางชุมชนตลาดอำเภอโคกสำโรง ท่านพัฒนาวัดสิงห์คูยาง จนก้าวหน้า
    และได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งพระครูสังฆรักษ์บุญตา พระฐานานุกรมของพระกิตติญาณมุนี
    (พระพุทธวรญาณ) เจ้าคณะจังหวัดลพบุรี รวมระยะเวลาปกครองวัดสิงห์คูยาง 23 พรรษา

    ขณะที่ท่านพำนักอยู่วัดสิงห์คูยางนั้นท่านเดินทางสู่วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์
    เพื่อขอรับการฝึกปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฏฐานตามแนวทางของพระธรรมธีราชมุนี (โชดกญาณสิทธิ ป.ธ.9)
    ในรุ่นที่ 3 และได้รับการยกย่องจากพระเดชพระคุณ พระพิมลปัญญาว่า เป็นพระวิปัสสนาจารย์ชั้นเยี่ยม
    เพราะเข้าสมาธิได้เป็นที่ 1 สามารถทำให้ร่างกายไม่ไหวติงนานนับ ถึง 1 วัน 1 คืน
    ถึงขั้นมีผู้ทดสอบยกร่างของท่านจากที่เดิมไปที่แห่งใหม่ โดยที่ท่านั่งของท่านยังคงเดิมไม่ไหวติง
    เพราะหลวงปู่ท่านเข้าถึงสภาวะจิตขั้นสูงแล้ว

    วัดคลองเกตุ ต.คลองเกตุ อ.โคกสำโรง ถึงยุคเสื่อมโทรมร้างเจ้าอาวาส
    ชาวบ้านตำบลคลองเกตุได้พร้อมใจกันไปขอร้องท่านผู้ใหญ่ในอำเภอ
    ขออาราธนานิมนต์ไปปกครองวัดคลองเกตุไปเป็นหลักของชาวบ้านคลองเกตุ
    เพราะความศรัทธาที่มีต่อท่านตั้งแต่ครั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดหนองบัว ซึ่งอยู่ในตำบลเดียวกัน

    คณะสงฆ์ผู้ใหญ่ได้สอบถามหลวงปู่ หลวงปู่ก็ตอบตกลงเพราะว่าวัดสิงห์คูยางเจริญแล้ว
    และอยู่กลางอำเภอ และเห็นว่าวัดคลองเกตุเงียบสงบ
    เหมาะแก่การเจริญภาวนา ปฏิบัติธรรม ท่านจึงตอบตกลงทันที

    วันที่ 25 มกราคม 2514 ขบวนชาวบ้านคลองเกตุ ได้จัดขบวนไปรับหลวงปู่ถึงวัดสิงห์คูยาง
    เพื่อไปดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดคลองเกตุ ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา
    หลวงปู่ท่านก็ได้ไปบริหารจัดการและพัฒนาจนเจริญก้าวหน้าจนเป็นวัดคลองเกตุในปัจจุบัน

    หลวงปู่บุญตาท่านมีความช่ำชองในการเพ่งกสิณไฟเป็นพิเศษ
    ถึงขนาดที่กำหนดจิตเสกพระให้แก่ผู้ศรัทธาเพียงชั่วอึดใจ
    พระที่ท่านเสกให้ถึงกับร้อนจัดขึ้นทันที
    และที่น่าอัศจรรย์คือมีผู้ห้อยพระของท่านถูกฟ้าผ่า แต่รอดตายได้อย่างปาฏิหารย์
    วัตถุมงคลของท่านทุกรุ่น ประสบการณ์เพียบ....เรื่องแคล้วคลาด ปลอดภัย โชคลาภ
    มีพูดคุยปากต่อปากของลูกศิษย์ของท่านไม่ขาดปากตลอดจนถึงปัจจุบันนี้
    และวัตถุมงคลของท่านไม่มีวางให้เห็นตามแผงพระทั่วไป เพราะลูกศิษย์เห็นจะเก็บไว้หมด
    นานๆ ทีจึงจะเห็นวัตถุมงคลของท่านออกมาให้เห็นตามตลาดพระบ้าง
    กสิณไฟเหนือฟ้า วาจาสิทธิ์
    ลูกศิษย์ของหลวงพ่อบุญตา ทั้งใกล้และไกลได้ประจักษ์ถึงคุณวิเศษของท่านคือ วาจาสิทธิ์
    ถ้อยคำที่ท่านพูดออกไปนั้นมักเป็นความจริงเสมอ จนได้รับการยกย่องว่า หลวงปู่บุญตาวาจาสิทธิ์
    หลวงปู่ท่านเป็นพระกัมมัฏฐานที่มีจิตใจสะอาดมองโลกในงแง่ดีเสมอ
    กายวาจาและจิตใจของท่านบริสุทธิ์จริงไม่มีการพลั้งเผลอขาดสติ
    จิตใจแน่วแน่อยู่ในพุทธคุณ วาจาที่กล่าวออกมาจึงบังเกิดความศักดิ์สิทธิ์
    เป็นที่รู้กันไม่ว่าหลวงปู่จะพูดอะไรก็เป็นไปอย่างนั้น จะทักใครให้อยู่ดีมีความสุข
    คนนั้นก็จะเป็นไปตามที่หลวงปู่พูด คนเกเรข่มเหงไม่ว่าผู้เฒ่าผู้เฒ่าผู้แก่ระรานเขาไปทั่ว
    เมื่อหลวงปู่ทราบก็จะสั่งสอนให้กลับเนื้อกลับตัวเสียใหม่
    ให้ปฏิบัติแต่ในสิ่งที่ดีงามก่อนจะสาย หากคนนั้นรับปากแล้วไม่กระทำตามหรือดูหมิ่น
    ในคำสอนของหลวงปู่ก็จะต้องได้รับความวิบัติจนถึงหายนะไปในที่สุดดังที่ประจักษ์กันมาแล้ว
    คำพูดของท่านที่ลูกศิษย์ได้ยินเสมอคือ ช่างเขาเถอะ

    หลวงปู่ท่านเป็นผู้ที่ให้เสมอ ผู้ใดขออะไร ท่านก็มีแต่ให้ ท่านมักพูดน้อย
    วาจาไพเราะ ผิวพรรณผ่องใสงดงาม ผู้ที่เข้ามากราบท่าน พบท่านแล้วจะเกิดความเลื่อมใสเป็นอย่างยิ่ง
    สิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของท่านก็คือ การเพิ่มพลังกำลังใจให้แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยาก
    หรือที่ภาษาของชาวบ้านเรียกว่า ต่ออายุหรือต่อชะตา
    ชาวบ้านใกล้ไกลจะมาให้ท่านสงเคราะห์อยู่อย่างสม่ำเสมอ คนป่วยที่ว่าไม่น่ารอด
    ไปหาหมอไหนๆ ก็ส่ายหน้า แต่ถ้ามากราบนิมนต์ให้ท่านทำหรือแนะนำให้ไปปฏิบัติ
    ก็จะหายจากอาการที่เป็นอยู่ และจะดีขึ้นในวันต่อมา เป็นความมหัศจรรย์จริงๆ

    หลวงปู่ท่านจะอบรมสั่งสอนให้ศิษย์เป็นคนดีหนีทุกข์ยากได้สำเร็จ
    ดั่งคำพูดของท่านว่า "อาตมาเป็นพระภิกษุสงฆ์ บวชแล้วได้อาศัยอาหารของชาวบ้าน
    เลี้ยงตัวตนจึงนับด้วยพระคุณ ดุจทองคำอันมีค่า
    แต่ยังด้อยกว่าข้าวเพียงหนึ่งคำที่ฉันผ่านลำคอ
    ดังนั้น แม้เวลาใดขณะใดญาติโยมมาหา อาตมาก็ต้องต้อนรับขับสู้ด้วยจิตที่มีเมตตายินดี"

    หลวงปู่ท่านได้เมตตาอบรมความคิดคติธรรมคำพรประสิทธิ์แด่ลูกศิษย์ ดังนี้
    1. ให้ทำความสงบทางจิตใจ
    2. ให้ขยันหมั่นเพียร
    3. อย่าเกียจคร้านให้สร้างเนื้อสร้างตัวโดยเร็ว
    4. ให้ทำตัวเป็นคนดี จะได้หลุดพ้นความยากจนและความทุกข์
    5. มีให้เกินใช้ มีมากใช้น้อย
    6. ได้ให้เกินเสีย คือทำงานมีเงินควรเก็บไว้แต่เวลาใช้ก็อย่าใช้มากให้ประหยัด
    7. คบเพื่อนที่ดี เพื่อนที่แนะนำไปในทางที่ดี
    8. สวดมนต์ภาวนา สร้างกุศลเพื่อหลุดพ้นภพชาติ
    ขอให้ญาติโยมทุกคนหมั่นเจริญภาวนาหาเหตุผลแยกแยะความดีความชั่ว
    ดูให้ออกมองให้เห็นและหมั่นทำความดีรักษาศีล เจริญธรรม
    ชีวิตที่อับเฉาของญาติโยมก็จะดีขึ้นมีความสุขขึ้น
    เพราะพระธรรมย่อมนำความสุขสงบความร่มเย็นมาให้

    สมัยก่อนมีลูกศิษย์ได้ถามหลวงปู่บุญตาว่า ทำไมฟ้าจึงผ่าคนแล้วไม่ตายครับ
    หลวงปู่ตอบว่า ฟ้าคงจะทดลองบุญบารมีเขากระมัง
    ลูกศิษย์ท่านนั้นก็ถามว่า ทดลองบารมีใครหรือครับ
    หลวงปู่ตอบกลับไปว่า ลองสวดมนต์บ่อยๆ นั่งกัมมัฏฐานเรื่อยๆ นะ เดี๋ยวก็จะรู้เอง
    ลูกศิษย์คนนั้นก็ได้แต่รับปากว่า...ครับ...หลวงปู่...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 เมษายน 2013
  20. mayakarn

    mayakarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    354
    ค่าพลัง:
    +19,921
    [​IMG]
     

แชร์หน้านี้

Loading...