งานนี้ พระเกษมไม่รอด ฝ่ายธรรมยุต มหาเถระสมคมจ่อฟัน พระอจ.เกษมประพฤติผิดพระวินัย

ผมก็บอกอยุ่ ผิดผมก็ว่าไปตามผิด ถูกผมก็พูดว่าถูก

ผมก็ไม่ใด้ชมท่านไปทุกเรื่อง ด้านไม่ดีท่านก็มี ด้านไม่เหนด้วยกับท่านท่านก็มี ท่านก็บอกอยุ่ท่านทำอะไรผลาดไปก็ให้เตือน ท่านก็ยอมรับท่านผิด ส่วนเรื่องพระพุทธรูปผมก็ยังให้ความเคารพอยุ่

แต่ไม่ใด้ไปติดถึงความมหัสจรรย์ ความโลภ ความหลง อภินิหาร แบบที่คนสมัยนี้เค้าเชื่อกัน

อย่ามองคนด้านเดียวสิคับ ด้านดีๆท่านมีคุนก็ไม่มอง ผมท้าให้พิสูจน์ด้วยตัวเองก็ไม่กล้ากัน

พระอ่ะคือพระคับไม่ใช่อรหันต์ ยังมีความเป็นคนอยู่แต่ถือศีล

ตามกฎหมายท่านโดนเรียกอะไรผมไม่รุ้นะ ทางพระพุทธศาสนาท่านไม่ใด้ทำอะไรให้ปราชิก

ไม่รักไม่ชอบก็อย่าไปว่า ทั้งๆที่ไม่รุ้ คุนไม่ใด้มาหวังดีแต่มาร้ายกัน คุนพูดข้อดีของท่านบ้างไหมตั่งเข้ามา เพราะพวกคุนไปรับแต่ข่าวร้ายๆมา ไม่เคยพิสูจอะไรผิดถูก จิตใจฮึกเหิมอยากด่าพระเจ้า

 

คุนภานุเดชคุนมีอะไรคุยผมลับๆดีกว่า เปลืองเนื้อที่มากอิกอย่างคุนไม่ใด้สนใจที่ผมพิมเลย คุยในนีิ้คนพิมแข่งกันเยอะ. ผมขอแบบ1ต่อ1 คับ คุยกันง่ายดี ใด้ปรับความเข้าใจกันด้วย


Line id. bokujoumonogatari

Msn Sa17_peace@hotmail.com

 

เอาเถอะครับ อย่าได้หมางใจกันเลยนะครับ ถือซะว่าเราชาวพุทธด้วยกัน ลึกๆแล้วต่างก็มีเจตนาดีด้วยกันทั้งนั้น
และยังไงก็ต้องเป็นหน้าที่ของพุทธบริษัท คือเราๆทั้งหลายนี่แหละครับ ที่ต้องช่วยกันจรรโลงพระพุทธศาสนาให้สืบทอดต่อไปอีกยาวนานถึงรุ่นลูก รุ่นหลาน

และเหตุผลส่วนใหญ่ที่ทุกคนเข้ามาในเว็บนี้ก็เพื่อศึกษาหาความรู้กันทั้งนั้น
เปรียบสถานที่แห่งนี้เป็นต้นไม้ใหญ่แผ่กิ่งก้านสาขาให้สัตว์น้อยใหญ่ได้เข้ามาพักอาศัยร่มเงา
อาจมีกระทบกระทั่งกันทางความคิดบ้าง ก็เป็นเรื่องปกติ อภัยให้กันได้ก็อภัยให้กันเสียนะครับ อย่าได้ผูกเวร
ถือเป็นอภัยทาน เป็นการสละกิเลส สลัดความขุ่นมัวออกจากจิตใจ เป็นการให้ที่ไม่ต้องสูญเสียอะไร แถมยังจิตเป็นอิสระจากความคับข้องใจอีก

คิดว่าคงคลายความสงสัยไปได้แล้วนะครับ ว่าทำไมชาวพุทธที่แท้ถึงยังต้องมีการแสดงความเคารพศรัทธา
แสดงความกตัญญู กราบไหว้พระพุทธรูป แสดงความนอบน้อมต่อไตรสรณคมน์ เป็นธรรมเนียมปฏิบัติสืบต่อกันมาจนถึงทุกวันนี้ ต่อไปอย่าได้ไปดูถูกคนที่เขาสงบสำรวมจิต นอมน้อมกราบไหว้เลยนะครับ

คราวหน้าถ้ามีเวลามากกว่านี้ผมจะชวนคุณสนทนา ประเด็นเรื่องพระเกษมบ้างนะครับ

 

ผมก็เหนื่อยใจคับ ผมมาบอร์ดนี้ไม่ใด้หวังให้ใครมาศรัทธาพระเกษม
แค่อยากให้คนที่รุ้จักท่านด้านเดียว เปิดใจเลิกว่าท่านเสียๆหายๆให้เป็นบาปเพราะแค่ความไม่รู้

ข่าวสื่อต่างๆเค้าทำเพื่อรายการเพื่อตัวเองทั้งนั้นคับ ผมไม่เคยเห็นข่าวไหนเขียนเลย พระเกษม ผุ้ต่อต้านพระการให้เงินพระ และการที่พระรับเงินจากญาติโยม ผุ้ต่อต้านวัตถุมงคล และการที่พระใส่ผ้าเหลืองหากิน ๆลๆ

เห็นโครมๆกันแต่ข่าวเสียๆหายๆ ๆลๆ

คนไม่รุ้ก็ด่าท่านเสียๆหายๆ ผมก็เคยเป็นหนึ่งในนั้น ผมยอมรับเลย
แต่ผมก็ไปเปิดดูยูทุ้ป ตอนแรกกะว่าจะด่าแรงๆเหมือนกัน เอาให้เจ็บไปเลย
แต่ผมเห็นท่านเทศสนุก มีสาระ ยิ้มไปเทศไปเปิดตำราสอนคน เออจริงของท่าน ศีลพระห้ามรับเงินมี ตั่งแต่เดกจนโตผมให้มาตลอด ตั่งประเพณีเผาศพ จน ถึงการให้บุญแผ่เมตตา ท่านพูดถูกหมด หลังจากนั้นผมก็เปิดใจและเคารพท่าน เหมือนที่เคารพพระองอื่นๆ และเข้าใจอะไรในสังคมศาสนาที่กำลังหลอกลวงคนอยู่บ้าง

พระคือคนธรรมดาถือศีลคับ

สมัยรัชกาลที่สาม เณรเล่นกันในหวังหลวงอย่างกับลิงอย่างกับข้าง รัชการที่3ท่านตรัสว่า ช่างเณรเถิดปล่อยท่านเล่นบ้างจะเป็นอะไรไป เณรก็คือเด็กคับ

พระเตะตระก้อ รัชการที่สามท่านตรัส ถึงเวลาเลิกท่านก็เลิกกันเอง

อย่างคราวมีงานฉลองวัดพระเชตุพนฯ มีพระเณรเดินเบียดเสียดกับคฤหัสถ์ชายหญิง พลุกพล่านไปหมด ก็มีคนนำเรื่องนี้กราบทูล รัชกาลที่ 3 ก็รับสั่งว่า ก็คนมันเยอะ เบียดกันไม่ใช่เรื่องแปลก

คนไทยมักคิดว่าพระที่บวชแล้วต้องเป็นพระอรหันต์เลย ต้อง มารยาท นิ่มนวล พูดจาไพเราะ ใช้คำสุภาพ พระท่านก็เอาใจเราโดยเล่นบทอรหันต์กับพวกเรา ต่อหน้าเรา ท่านวางท่ากริยางดงามลับหลังเราก็ไม่รู้อะไรเลย

พอตานี้มีพระพูดดุดันใช้คำพ่อขุนราม พากันรับไม่ใด้ ไม่ใช่ในอุดมคติของเรา พากันวิพากวิจารณ์คับ

ผมเลยสงสัยว่าต้องพระที่ตีสองหน้ากับเราหรือเราถึงควรเถิดทูลบูชา

หลังจากนั้นผมจึงเลิกมองคนแต่เปลือกนอกเลิกเชื่อข่าว ผมทำอะไรจะเชื่ออะไรแต่ละอย่าง ผมจะดู ฟัง คิดตาม หาเหตุผล จึงจะตัดสิน

และผมเคยล่วงเกินพระเกษมเอาใว้มาก ทั้งใจและวาจา ผมอยากให้คนคิดแบบผมสมัยก่อนใด้กลับใจเลิกมองค้นหาแต่มุมเสียท่าน เพื่อผมใด้ลดกรรมที่ทำกับท่านใว้บ้าง

แต่ยิ่งทำเหมือนยิ่งยุ

เห็นคนพวกนี้ด่าว่าพระเกษม มันเหมือนกระจกส่องเงาตัวเองให้ย้อนไปดูว่าเมื่อก่อนผมชั่วแค่ไหนในอดีต

ผมเหนื่อยแล้ว

 

จริงๆมานึกดูพระเกษมก็กล่าวถูกนะเรื่องพระพุทธรูป ในรูปที่เห็นพระพุทธรูปถูกเผาทำเอาเราใจไม่ดี เพราะยึดติดกันมาตั้งนานว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ยอมรับสมัยก่อนถ้าไม่มีข่าวนี้ดังขึ้นมา ดิฉันคนนึงที่จะว่าไปเหมือนบาป เพราะอบหาสะสม พระสวยๆ เชื่อเถอะว่าชาวไทยหลายคนก็เป็นแบบนี้ เล่นพระ สะสมพระ เดี๋ยวนี้มายึดกันเสียแล้วว่า พระพุทธรูปของที่นั้นที่นี้ขลัง มีฤทธิ์ หาใช่เคารพคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าไม่ หลายคนไหว้พระพุทธรูป เคารพเหมือนเป็นตัวแทนพระพุทธเจ้าแต่ กลับรักษาศีล ห้า ไม่ได้ อย่างนี้นะเรียกเป็นชาวพุทธที่ดีได้อย่างไร

 

ไม่ควรจะมีกระทู้นี้เลยครับ ผมอ่านแล้วก็เหนื่อยใจบอกไม่ถูก อย่าพูดมากกว่านี้เลยครับ อ้างไปอ้างมาไม่เห็นใครจะถูก หรือใครมีสิทธิ์จะมาตัดสินว่าถูก ท่านผิดก็เรื่องของท่าน ท่านก็รับของท่านเอง ท่านถูกเราก็ว่าไปตามเรื่อง แล้วแค่ตีความไปเถอะ ใครจะขึ้นสวรรค์ลงนรกก็เรื่องของเขาเถอะ อย่าไปแช่งเขา

 

หนังสือจำเลยเกษม ไม่ใช่ไม่เคยอ่าน เบิกบุญเบิกกรรมอะไรแกนั่นหนะ ตั้งแต่เล่มแรกหน้าปกขาวน้ำเงิน ออกมาตั้งแต่สมัยแกไม่ค่อยมีชื่อเสียงแล้ว....แต่ก่อนต่อต้านสวดมนต์ ต่อต้านภาวนาด้วยซ้ำ แกบอกว่าสวดมนต์นี่เป็นอันตรายแก่ภพภูมิโดยรอบให้ได้รับความเดือดร้อน เป็นต้นหละ ถ้างั้นพระสวดมนต์ทำวัตรผิดหมดทุกวัดหละไม่เหลือ....

ต่อต้านภาวนาไม่พอ ต่อมาเผาพระพุทธรูป ด่าพระมหาเถระ หรือพระสงฆ์อื่นที่ไม่เห็นด้วยกับตน เอาความเห็นตัวเองเป็นใหญ่.....เข้าไปอ่านไปฟังที่แกเทศน์บิดเบือนพระไตรฯเยอะมาก...คือเอาตามความเห็นแกนั่นหละ แปลเข้าตัวเอง....ไม่ต่างจากกัลญาณมิตรหลายท่านกล่าวไว้นั่นหละ....

ถ้าไม่มีมูลใครเขาจะไปว่าแกได้ เพราะความหัวแข็ง หัวดื้อไม่ฟังใคร เพราะเป็นไม้แก่ดัดยากนั่นหละ ตอนนี้ไม่ดูไปหละคณะสงฆ์ใครเขาเห็นด้วยกับแก....ไม่มีมูลใครเขาจะว่าเหรอ...ก็มีแต่ผู้ที่ศรัทธาโดยไม่ศึกษา หาว่าแกโดนแกล้งนั่นหละ....

ตอนนี้สังคมก็ลงโทษแกแล้วไง กรรมแกได้รับแล้ว ตกเป็นจำเลย ฝ่ายศาสนาก็ไม่สนใจ ไม่มีใครไปช่วยเหลือ ฝ่ายกฏหมายก็ไม่เอาด้วย ก็ไม่เพราะตัวแกเองหลอกเหรอ ใครเขาไปทำให้ล่ะ.....กรรม....

 

ขอดูตัวอย่างที่บอกว่าพระเกษมบิดเบือนหน่อยครับ ไม่ใช่กล่าวหามาลอยๆ
ส่วนเรื่องสวดมนร์ พระเกษม บอกว่าสวดได้แต่ มนร์ ที่พระพุทธองค์สร้างขึ้น
และอีกอีกอย่าง คนสวดมนส่วนใหญ่ ไม่เข้าใจความหมาย ยิ่งบางบทสวด
พูดถึงถวายชีวิตให้พุทธศาสนา แต่คนสวดก็ทำไม่ได้กลายเป็น มุสา บาปอีก
ลองมองถึงความเป้นจริงซิครับ อย่าเอาความรู้สึก เข้าใจว่าทำกันมานาน
จนสิ่งที่ผิด เข้าเป็นเนื้อเดียวกันกับสิ่งที่ถูก เหมือนกับพระที่ใช้เงิน
ผมจำได้ตอนผมเด็กๆ พระพุทธศาสนา น่าเลื่อมใสกว่าปัจจุบันมาก
เพราะสมัยก่อน มีน้อยมากที่พระไปบวชเพื่อต้องการเงิน แต่ปัจจุบัน
80 % เลยมั่ง ไปบวชเพื่อหาเงิน พระดีๆ สวนใหญ่จะอยู่วัดป่า

 

เอาง่ายๆเลยนะครับ คุณลองไปดูสิ

คำว่า อุทเทสิกเจดีย์ นี่สำนักจำเลยเขาแปลกันว่าอย่างไร

 

เรื่องใช้เงินไม่ใช้เงิน จำเลยเจ้าสำนักเขาก็จ่ายไปแล้วหละ 20,000 บาท....

ข้อนี้นี่ถือว่าเขาใช้เงินไม

 

ยกขา ยกแข่ง รำมวย เตะ ถีบ เก้าอี้ สไตร์วัดเส้าหลิน

อาบัติ ทุกกฏ

จับเงิน รับเงิน อาบัติ ทุกกฏ

ปรงอาบัติ แล้วหาย

มันต่างกันตรงไหน

โล้นเษม เลือก เอาเฉพาะ ที่ตัวเองชอบใจ

พูดแต่ดีเข้าตัว เอาชั่วให้คนอื่น

 

อันนี้ผมไม่รู้หรอกครับ ว่าเงินของพระเกษมไหม แต่ผมมั่นใจว่าไม่ใช่
และเรื่องทนายอะไรทุกอย่าง พระเกษมมีลูกศิทษ์เป็นทนายครับ


ที่สัมคัญ ท่านไม่ได้ใช้เงินแบบพระทุกวันนี้ เอาเงินไปซื้อประทัดมาจุดในวัด มาซื้อบ้านผมมาแต่ละรอบ 3.000+
และไม่ซื้อบุหรี ไม่สูบบุหรี่ เหมือนกระทุกวันนี้ครับ

พระไม่สมควรมีเงินเก็บด้วยซํ้า เพราะการที่บวชเพราะต้องการตัดทางโลก
นั่งรถก็ฟรี อาหาร ญาติโยมก็หามาให้ แค่นี้ไม่พออีกหรอครับ ที่มีเหตุผมมาอ้าง
มันก็แค่เหตุผลจอมปลมอเพื่อที่ตัวเองจะได้ไม่รู้สึกผิด หลายคนไม่อยากเข้าวัด
เพราะพระมันเน่าไงครับ(บางคน) ออกข่าวทุกวัน ขายยาบ้า ข่มขืน เสพยาในกุฏิ

และไหนจะมีรูปพระกับสีกาในเน็ตอีก ผมรู้สึกเลย พระทุกวันนี้ เสือมมาก
ปลาเน่าไม่กี่ตัวทำให้พุทธศาสนาต้องแปดเปือน

เหมือนที่เค้าเคยบอกนั้นแหละ

ศาสนาไม่เคยเสือม แต่คนตั้งหากละที่เสือม

 

คุณก็ได้แต่ด่าๆ เอาคลิบให้ดูก็ไม่ดู เพราะคุณเลือกที่จะดูแต่มุมแย่ๆ
ท่านก็อธิบายแล้วว่าจะแสดง ไม่นึกคิดบ้างหรอครับ พระแสดงอาการแบบนั้น
ทำไมลูกศิทษ์ถึงไม่ตกใจและไม่เข้าไปห้าม เพราะท่านบอกไว้ก่อนแล้ว
คุณอาจจะมองว่าพระรับเงินใช้เงินเป็นเรื่องธรรมดา แต่ผมจะบอกให้นี่แหละ
คือตัวทำลายพุทธศาสนา ที่แถ้จริง บวชมาเพื่อหาเงิน เพราะด้วยเหตุผลแค่นี้
เลยไม่ค่อยเคร่งอะไรกับกฏ เพราะไม่ได้ต้องการมาบวชเพื่อที่จะหลุดพ้น

ที่ผมพูดไม่ได้พูดตามอะไรเลย แต่ที่พูดเพราะเห็นอยู่ว่าปัจจุบันมันมีปัญหานี้จริงๆ
หรือคุณจะปฏิเสท

 

ผมอาจไม่เก่ง พระไตรปิฎก แบบพวกคุณทั้งหลาย แต่ผมก็ได้สัมผัส กับความเป็นจริง
ของปัจจุบัน ว่ามันเกิดปัญหาอะไรอยู่ อะไรที่เป็นตัวกัดกินพุทธศาสนา ผมถึงได้บอกไง
ปัญฆาหลักคือ พระใช้เงิน ลองลงมาก็พวกเล่นมนดำคาถา ทำให้คนงมงาย แทนที่
คนจะสนใจพระที่ปฏิบัตดีปฏิบัตชอบ กลับกลายวิ้งเข้าหาแต่พระ ปลุกเสกของดี
พระไหนให้หวยแม่น คนก็ไปหาเยอะ มันเป้นหน้าที่สงฆ์ไหมครับ ที่ดึงคน
เข้าหากิเลส แบบนี้ ผมไม่ได้ขอให้เข้าใจจในความคิด แต่ขอละ ให้ควายสัมคัญ
กับเรื่องนี้เถอะ มันกัดกินพุทธศาสนา มาหลายปีแล้ว

 

โลกยุคปัจจุบันนี้มีปัญหากระทบกระทั่งมากมายเกิดขึ้น แม้กระทั่งในวงการพระศาสนาเองก็มีเหตุ มีปัจจัยที่ทำให้เกิดความมัวหมองขึ้นหลายประการ โดยเฉพาะความเสื่อมที่เกิดขึ้นมาจากความเข้าใจที่ผิด การปฏิบัติผิด การวางตนผิดของผู้สืบทอดพระพุทธศาสนา คือ พุทธบริษัท๔ อันได้แก่ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา นี่เอง

ด้วยความห่วงใยในอนาคตของพระพุทธศาสนา ชาวพุทธจึงควรทำความเข้าใจและมีท่าทีปฏิบัติให้ถูกต้องอย่างไร

หน้าที่ของพุทธบริษัท ๔ มีดังนี้ คือ

๑. ศึกษาพระธรรมให้รู้ ให้เข้าใจ และสามารถนำไปประพฤติปฏิบัติได้ถูกต้องตามสมควรแก่ธรรม (ประโยชน์ตน)

๒. มีส่วนช่วยเผยแพร่ สามารถแนะนำ เกื้อกูลผู้อื่นให้เข้าใจและปฏิบัติตามได้อย่างถูกต้อง
(ประโยชน์ท่าน)

๓. พุทธบริษัท๔ ต้องสามารถชี้แจงแก้ไขให้ถูกต้องตามหลักธรรมของพระพุทธศาสนา
สามารถปกป้อง เมื่อมีผู้กล่าวติเตียน จาบจ้วงพระรัตนตรัย หรือแสดงคำสอนให้ผิดพลาด คลาดเคลื่อน หรือกล่าวจ้วงจาบพระธรรมวินัย


ดังที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงตรัสกับพญามาร เมื่อคราวที่มาทูลขอให้พระพุทธเจ้าทรงเสด็จดับขันธปรินิพพานว่า


" ดูก่อนมารผู้มีบาป

ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ผู้เป็นสาวก สาวิกา

ของตถาคตยังไม่ฉลาด ไม่ได้รับแนะนำ ยังไม่แกล้วกล้า

ไม่เป็นพหูสูต ไม่ทรงธรรม ไม่ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม

ไม่ปฏิบัติชอบ ไม่ประพฤติตามธรรม

เรียนกับอาจารย์ของตน จักบอก จักแสดง จักบัญญัติ จักแต่งตั้ง

จักเปิดเผย จักจำแนก จักทำให้ตื้น จักแสดงธรรมมีปาฏิหาริย์

ข่มขี่ปรับปวาทที่เกิดขึ้น ให้เรียบร้อยโดยสหธรรมไม่ได้ เพียงใด

ดูก่อนมารผู้มีบาป ตถาคตจักยังไม่ปรินิพพาน เพียงนั้น "

(มหาปรินิพพานสูตร)


โดยเฉพาะสมัยนี้ มีกระบวนการทำลายพระพุทธศาสนาแอบแฝงเข้ามาหากิน หาผลประโยชน์ บิดเบือนพระสัทธรรมไปในรูปแบบต่างๆมากมาย ชักชวนคนให้เกิดมิฉาทิฏฐิ หลงผิดไปเสีย
ชาวพุทธจึงควรมีการอบรมตน เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง เพื่อละสิ่งอันเป็นอกุศล เพื่อกุศล เพื่อความเจริญงอกงามที่จะเกิดขึ้นต่อไป


ในประเด็นพระเกษมนั้น ถือเป็นเรื่องใหญ่ เป็นเรื่องร้ายแรงอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ที่มีการกระทำจาบจ้วงต่อองค์พระพุทธปฏิมา ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่ชาวพุทธให้ความสำคัญนับถือเป็นอุทเทสิกเจดีย์ เป็นที่เคารพสักการะ เพื่อเป็นเครื่องสงบสำรวมจิต น้อมระลึกถึงองค์พระรัตนตรัย โดยการกระทำของภิกษุผู้เข้ามาบวชในพระพุทธศาสนาเสียเอง แถมยังมีการกระทำชักจูงให้ผู้ที่เลื่อมใสศรัทธาตนได้เห็นชอบจำนวนมาก และยังได้มีการกระทำต่างๆที่กระทบกระเทือนจิตใจชาวพุทธ เช่นแสดงกิริยาก้าวร้าว รุนแรง หยาบคาย ไม่เคารพเถระผู้ใหญ่ผู้ตักเตือน ไม่เคารพจารีตประเพณี โดยอ้างความไม่ยึดมั่นถือมั่น ไม่ประพฤติตามหลักเสขิยวัตร มีวาจาทุพภาษิต แสดงธรรมโดยอ้างอิทธิฤทธิ์ คุณวิเศษของตน อ้างว่าตนไม่จับต้องเงินทอง มีศีล มีวินัยเหนือกว่าครูบาอาจารย์ทั้งหลาย

โดยทั้งหมดนี้พระเกษมมีลูกศิษย์ลูกหาที่เห็นชอบและให้การสนับสนุนมากมาย
ซึ่งไม่น่าแปลกใจที่จะเป็นเช่นนั้น

เพราะพระเกษม อาศัยอ้างอิงตำราพระไตรปิฎก มาตีความตามความเห็นของตน
สั่งสอนชาวบ้านให้เกิดความเลื่อมใสศรัทธาไปว่าตนสอนถูกตรงพระธรรมวินัยที่สุด ตนเองเป็นผู้เปิดธรรม เปิดวินัย ตนเองไม่ยึดติดสมมุติใดๆ ไม่ยุ่งเกี่ยวเงินทอง ไม่มีพระเถระอื่นๆ ไม่มีผู้ใดอีกแล้วที่จะทำได้อย่างนี้อีก

รวมกับเนื้อความจากพระไตรปิฎกตอนต่างๆที่ชาวบ้านอาจจะไม่เคยศึกษาด้วยตนเอง หรือไม่เคยได้ยินได้ฟังมาก่อน
จึงกลายเป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์น่าเลื่อมใสในหมู่ลูกศิษย์ลูกหาของตน ว่าครูอาจารย์ของตนสอนถูกสอนตรงที่สุด
สลับสอดแทรกกับอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ต่างๆของตน เห็นนรกสวรรค์ ภูติผีปีศาจ รู้จุติเกิด-ตายของสัตว์โลก รู้อดีตของตน เห็นกรรมของผู้อื่นมากมาย รู้จิตดับ หาใครมาเปรียบเทียบกับตนไม่ได้อีกแล้ว ตนเองเป็นผู้เดียวในปัจจุบัน ที่ว่ามีลักษณะคล้ายกับพระธรรมมิกราช ผู้เปิดพระธรรมวินัย

และใช้ประเด็นต่างๆเหล่านี้มาต่อต้าน ภิกษุรูปอื่นๆ ชักจูงให้เกิดความแตกแยกขึ้นในหมู่พุทธศาสนิกชน
โดยไม่ระลึกว่าตนก็ได้ประพฤติตนนอกแนวทางพระพุทธศาสนาไปแล้ว ด้วยการลบหลู่พระรัตนตรัย
ด้วยทิฏฐิความถือรั้น เป็นผู้ว่ายากในหมู่สงฆ์สาวก ซึ่งไม่ใช่การกระทำที่เป็นการส่งเสริมศาสนาเลย


ขออนุญาตยกข้อความจากพระไตรปิฏกบางส่วน ที่บางท่านอาจยังไม่เคยได้ยกมาศึกษา
จากหนังสือ ตำราดูพระภิกษุ (พระพุทธทำนายเกี่ยวกับอนาคตภัยของพระพุทธศาสนา)
รวบรวมโดยท่านพุทธทาสภิกขุ มาให้พิจารณากันว่ามีการกระทำใดบ้างที่เข้าข่ายนี้ในปัจจุบัน


ภิกษุเถระวิปริต

ภิกษุทั้งหลาย! ภิกษุเถระที่ประกอบด้วย ๕ อย่างเหล่านี้แล้ว ย่อมเป็นผู้ปฏิบัติเพื่อทำมหาชนให้เสื่อมเสีย ทำมหาชนให้หมดความสุข ทำไปเพื่อความฉิบหายแก่คนเป็นอันมาก ไม่เป็นประโยชน์เกื้อกูล เป็นไปเพื่อความทุกข์ทั้งแก่เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ๕ อย่างอะไรกันเล่า? ๕ อย่าง คือ

๑. ภิกษุเถระ บวชมานาน มีพรรษาอายุกาลมาก

๒. เป็นที่รู้จักกันมาก มีเกียรติยศ มีบริวาร ทั้งคฤหัสถ์ และบรรพชิต

๓. เป็นผู้ร่ำรวยลาภด้วยจีวร อาหาร ที่อยู่ และยารักษาโรค

๔. เป็นผู้มีความรู้ จำธรรมที่ฟังแล้ว สั่งสมธรรมที่ฟังแล้ว ฯลฯ

๕. (แต่) เป็นมิจฉาทิฏฐิ มีความเห็นวิปริต

ภิกษุทั้งหลาย! ภิกษุนี้ทำคนเป็นอันมาก ให้ห่างจากพระสัทธรรม ให้ตั้งอยู่ในอสัทธรรม ประชาชนทั้งหลายย่อมถือเอาแบบอย่างของภิกษุนั้นไป เพราะคิดว่าเขาเป็นภิกษุเถระบวชมานาน มีพรรษายุกาลมากบ้าง เพราะคิดว่าเขาเป็นภิกษุเถระ ที่มหาชนเชื่อถือรู้จักกันมาก มีเกียรติยศ มีบริวารมาก ทั้งคฤหัสถ์และบรรพชิตบ้างเพราะคิดว่าเขาเป็นภิกษุเถระ ที่ร่ำรวยลาภด้วยจีวร อาหาร ที่อยู่ ยารักษาโรคบ้าง เพราะคิดว่าเขาเป็นภิกษุเถระที่เป็นผู้มีความรู้จำธรรมที่ฟังแล้ว สั่งสมธรรมที่ฟังแล้วได้บ้าง ดังนี้

ภิกษุทั้งหลาย! ภิกษุเถระที่ประกอบด้วย ๕ อย่างเหล่านี้แล้วย่อมเป็นผู้ปฏิบัติเพื่อทำมหาชนให้เสื่อมเสีย ทำมหาชนให้หมดความสุขทำไปเพื่อความฉิบหายแก่คนเป็นอันมาก ไม่เป็นประโยชน์เกื้อกูล เป็นไปเพื่อความทุกข์ ทั้งแก่เทวดาและมนุษย์ทั้งหลายแล.

(ปญฺจก.องฺ ๒๒/๑๒๙/๘๘)



ภิกษุนอกบัญชี

ภิกษุทั้งหลาย! ภิกษุเหล่าใด เป็นคนหลอกลวง กระด้าง
พูดพล่าม ยกตัว จองหอง ใจฟุ้ง ภิกษุเหล่านั้น ไม่ใช่ "คนของเรา"

ภิกษุทั้งหลาย! ภิกษุเหล่านั้นได้ออกไปนอกธรรมวินัยนี้เสียแล้ว
และภิกษุเหล่านั้นย่อมไม่ถึงความเจริญงอกงามไพบูลย์ในธรรมวินัยนี้ได้เลย.

(จตุกฺก.องฺ ๒๐/๓๓/๒๖)


ภิกษุแหวกแนว

ภิกษุทั้งหลาย! ภิกษุผู้เป็นที่เชื่อถือของมหาชนทั่วไป เมื่อมีการกระทำสามอย่างต่อไปนี้แล้ว ได้ชื่อว่าเป็นผู้ทำมหาชนให้เสื่อมเสีย ทำมหาชนให้หมดสุข ทำไปเพื่อความฉิบหายแก่มหาชน ไม่เป็นประโยชน์เกื้อกูล แต่เป็นไปเพื่อความทุกข์ ทั้งแก่เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย
การกระทำสามอย่าง อะไรบ้างเล่า? สามอย่างคือ

ทำการชักชวนมหาชนในกายกรรม ฯลฯ

ทำการชักชวนมหาชนในวจีกรรม ฯลฯ

ทำการชักชวนมหาชนในการบำเพ็ญทางจิต อันผิดแนวแห่งการทำให้พ้นทุกข์ในพระศาสนา

ภิกษุทั้งหลาย! ภิกษุผู้เป็นที่เชื่อถือของมหาชนทั่วไป เมื่อมีการกระทำสามอย่างเหล่านี้แล้ว ได้ชื่อว่าเป็นผู้ทำมหาชนให้เสื่อมเสีย ทำมหาชนให้หมดสุข ทำไปเพื่อความฉิบหายแก่มหาชน ไม่เป็นประโยชน์เกื้อกูล แต่เป็นไปเพื่อความทุกข์ ทั้งแก่เทวดา และมนุษย์ทั้งหลายแล.

(ติก.องฺ ๒๐/๑๓๓/๔๕๐)

 

สาวกเกษมไม่มีใครกล้าตอบคำถามด้านบนเลยหรือไง

 

บทสรุปของชาวพุทธ

ควรพิจารณาจากความผิดพลาด ทั้งของตนเองและผู้อื่น
ให้เป็นบทเรียน เพื่อที่จะได้ไม่ทำผิดพลาดซ้ำ

พึงเปลี่ยนปัญหาให้เป็นปัญญา พิจารณาให้เห็นถ่องแท้
แล้วจึงสงบใจเป็นกลาง วางเฉยอยู่ในอุเบกขาธรรม

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ทำกรรมเช่นใด ย่อมได้รับผลเช่นนั้น


เราชาวพุทธผู้เชื่อมั่นในปัญญาตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า พึงสังวรระวังต่อการมุ่งมั่นทำความชอบคือ

๑.เพียรระวัง เพื่อไม่ให้อกุศลธรรม(ที่ยังไม่เกิด)เกิดขึ้น

๒.เพียรละ เพื่อละอกุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้ว

๓.เพียรเจริญ เพื่อให้กุศลธรรม(ที่ยังไม่เกิด)เกิดขึ้น

๔.เพียรรักษา เพื่อรักษาความเจริญมั่นคง บริบูรณ์ของกุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้วเทอญ.

 

ก็ตอบไปแล้วนิครับ ไม่ได้อ่านหรอ อย่างมองแต่สิ่งที่อยากมองซิครับ มองให้รอบๆ คุณอยากดูแต่ท่านยกขาเผาพระพุทธรูป คุณก็จะได้ดูแค่นั้น

 

คุณรู้ได้อย่างไรว่า จำเลยเกษม ไม่ได้จ่ายเงินด้วยตนเอง ถ้าจำเลยเกษมไม่ได้จ่ายเอง ก็ต้องเซ็นต์ลายมือกำกับเอกสารทั้งหมด ก็ถือว่าจำเลยเกษมใช้เงินตัวเองอยู่ดี เพราะเป็นชื่อของตัวเองชัดเจน ทุกอย่าง ทุกลายมือชื่อ จะจ่ายเอง หรือให้ คนอื่นจ่าย จะให้ทนายจ่าย จะเอาเงินเก็บไว้ในกระเป๋าคนอื่นแล้วให้คนอื่นควักแทนตัวเองมาจ่าย ก็ชื่อว่าจำเลยเกษมจ่ายอยู่ดี จำเลยเกษมใช้เงินเพื่อตัวเองอยู่ดี เพราะว่าตัวเองติดคดีความ..... พูดอย่างไรก็ไม่ขึ้นครับ.....

แล้วคุณรู้ได้อย่างไรว่าจำเลยเกษมมีลูกศิษย์เป็นทนาย ไม่ได้จ้างเขามา.....จำเลยเกษมอาจจ้างทนายมาก็ได้ คุณรู้ได้ไงว่าไม่มี คุณรู้จักทนายเขาเหรอ คุณหาหลักฐานมาสิ ไม่ใช่กล่าวลอยๆ...

เรื่องอะไรก็ตามถ้าขึ้นถึงศาล มีค่าใช้จ่ายทั้งนั้นหละครับ ว่าตั้งแต่เติมน้ำมันออกสำนักมาแล้ว ...และเรื่องขึ้นศาลทีไม่ใช่มารอบเดียว หลายรอบครับ ยิ่งตัวเองเป็นจำเลย เรื่องไม่จบ ไม่ใช่ว่านั่งแช่แต่อยู่สำนักนะ ต้องมารายงานตัวต่อศาลตลอดให้รู้ว่าจำเลยไม่หนีคดี....เดินเรื่องสารพัด ทั้งค่าเดินเรื่องสารพัด...คุณไม่รู้ระเบียบการไม่รู้กฏหมายก็อย่างว่านั่นหละ.....

 

เขาไม่มีความสามารถตอบให้คุณได้หลอกครับ เพราะว่ามันไม่มีคำตอบ....