พระพุทธเจ้าน้อย เสด็จนิวัติ กลับสู่แดนประสูติลุมพินีวัน ประเทศเนปาล

ในห้อง 'ข่าวพุทธศาสนา' ตั้งกระทู้โดย phakhawat, 2 เมษายน 2013.

  1. phakhawat

    phakhawat สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    4
    ค่าพลัง:
    +24
    พระพุทธเจ้าน้อย
    เสด็จนิวัติ กลับสู่แดนประสูติลุมพินีวัน ประเทศเนปาล

    เปิดทางแห่งศรัทธา

    ​บัดนี้เรามาถึงแล้วซึ่งลุมพินีวัน ตามพุทธประวัติเรารู้กันเป็นอย่างดีว่าบริเวณนี้คือสังเวชนียสถานที่พระพุทธองค์ ทรงโปรดเลือกให้เป็นที่รองรับฝ่าพระบาท คราวเสด็จอุบัติสู่มนุษยโลก ซึ่งสมเด็จพระนางสิริมหามายาพุทธมารดา ได้ถวายการประสูติพระราชกุมาร เมื่อวันเพ็ญวิสาขะ ณ ลุมพินีวันที่แห่งนี้ พระพุทธเจ้าน้อยเสด็จจากครรโภทรพุทธมารดาสิริมหามายา พระบาทของพระบรมศาสดา ประทับลงพื้นแผ่นดินนี้เป็นครั้งแรก สถานที่แห่งนี้เป็นที่รับลมหายใจแห่งความเป็นมนุษย์ครั้งแรก

    พระพุทธเจ้ามีรูปร่างยังเล็กอยู่ ขนาดพอกับร่างกายของเด็กน้อย เพราะพระองค์อุบัติมาเพื่ออยู่อย่างมนุษย์อยู่และจะเป็นครูผู้สอนมนุษย์ ก็ต้องมีสิ่งที่มนุษย์ยอมรับได้ไม่ยาก พระองค์ทรงตรัสพระอาสภิวาจา คือพูดเองได้อย่างองอาจ ว่า “เราเป็นผู้เลิศที่สุดในโลก เราเป็นผู้เจริญที่สุดในโลก เราเป็นผู้ประเสริฐที่สุดในโลก ชาตินี้เป็นชาติสุดท้าย บัดนี้ภพใหม่ไม่มีแก่เราอีก” เราควรได้ภาคภูมิใจที่มีสรณะที่พึ่งของเราคือพระพุทธเจ้า ผู้มีบุญญาธิการ พูดเองได้ตั้งแต่ยังน้อยๆ อยู่เลย จากนั้นยังเสด็จพระดำเนิน ๗ ก้าว ท่ามกลางมหาสมาคมแห่งทวยเทพดาและประยูรญาติ ทั้งโกลิยวงศ์และศากยวงศ์อย่างพร้อมหน้า ณ ที่แห่งนี้เมื่อ ๘๐ ปี ก่อนมีพุทธศักราช

    สติปัญญาพิจารณาองค์ธรรม

    ​ต่อแต่นี้ไป จะนำท่านเข้าสู่ภาคศาสนาพิธี คือการบูชา สักการะ สวดมนต์ อันผู้มีศรัทธาจักปฏิบัติต่อสถานที่นี้เสมอด้วยสมัย พระพุทธเจ้ายังทรงพระชนม์ชีพอยู่ การบูชาด้วยการปฏิบัติจึงชื่อว่าได้นำท่านเข้าเฝ้าพระบรมศาสดา ในภาคศาสนธรรม ปฏิบัติคือ การเจริญในคำสอนโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่จุดนี้ ให้หมวดธรรมในพระอาสภิวาจา ที่ทรงตรัสในที่แห่งนี้ให้เจริญในสติปัญญาพิจารณาองค์แห่งธรรมนั้น และนำท่านสู่ภาคธรรมบรรยายประกอบ จากพระไตรปิฎก พระสูตร พระวินัย พระอภิธรรม ขอให้เราทุกท่านมีจิตอันปราศจากข้อกังขา ในพระบรมศาสดา จะเป็นมลทินใจที่เป็นอันตรายต่อความเจริญของหลักธรรมคือความดีทั้งมวล

    ในเบื้องหน้าของท่านจะเห็นเสาศิลาที่สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช อันเป็นเครื่องยืนยันได้แน่นสนิทจนจิตเข้าสัมผัสได้ ว่า ณ จุดแห่งนี้พระพุทธเจ้าผู้เป็นศาสดาเอกของเทวดาและมนุษย์ประสูติที่นี่ คือ เสด็จจากครรภ์ของแม่สิริมหามายาที่นี่ และที่ตั้งบนโต๊ะหมู่ที่พึ่งจุดเครื่องสักการะโดยชวนให้ท่านทอดสายตามาร่วมและรวมพลังจากดวงตาให้เห็นว่า ณ ที่แห่งนี้พระพุทธเจ้าองค์น้อยๆ ซึ่งเป็นที่พึ่งอันประเสริฐของเราพระองค์ทรงหย่อนพระบาทลงประทับลงดินมีบัวทองขึ้นรองบาท ณ ที่ตรงนี้ องค์พระพุทธปฏิมาน้อยๆ องค์นี้ อันเชิญมาประดิษฐานเพื่อเป็นพุทธานุสติ ให้ระลึกถึง เข้าถึง และรู้ซึ้งถึงพระคุณ ด้วยความแก่กล้าแห่งศรัทธา ถ้าเราทอดสายตาไปสัมผัสกับเสาหินพระเจ้าอโศก หลายท่านคงยังรู้สึกฝืดหรือฝืนใจให้เข้าถึงเข้าใกล้ดังกล่าว แต่บัดนี้เรามีพระพุทธเจ้าองค์น้อยๆ มาตั้งไว้เป็นเครื่องแสดงให้เป็นสื่อฟูใจขึ้นก็จะเป็นการง่ายในพุทธานุสติ

    ปฐมพระพุทธรูปปางประสูติ

    พระพุทธเจ้าน้อย เป็นปางที่เน้นให้เป็นสัญลักษณ์แห่งพุทธานุสติ จะยกระดับจิตของเราให้เห็นความสำคัญของสังเวชนียสถานที่ประสูติ เพราะหากไม่มีเพราะพระพุทธเจ้าน้อยปางนี้แสดงไว้ ณ ที่จุดกำเนิดเกิดพระวรกายของพระพุทธเจ้าแล้ว สังเวชนียสถานทั้ง ๔ แห่ง ที่ประสูติคงมีพระพุทธรูปขาดแหว่งหายไปปางหนึ่ง เราคิดอย่างนี้เพราะเราอยากจะให้มี ที่ยังไม่มีก็คงเพราะยังไม่มีคนคิดประดิษฐาน ถ้าเราเห็นความเป็นจริงในรูปธรรมคงจะไม่มีใครสงสัยหรอกว่า พระพุทธรูปปางใดๆ จะมีขึ้นมาได้ตามมา ก็ต้องบอกว่าเมื่อมีพระพุทธเจ้าองค์น้อยปางนี้นี้ ทำให้ปางอื่นๆ เกิดตามมา

    เมื่อมานมัสการสังเวชนียสถานครั้งแรก(๒๕๒๔) ได้สวดมนต์สักการะที่เสาหินพระเจ้าอโศกยังได้ปีติว่า เรามาไหว้ที่พระพุทธเจ้าประสูติ แต่พอเข้าไปที่มายาเทวีวิหาร เจ้าหน้าที่บอกว่านี่คือพระเบบี้บุดดา ภาษาฝรั่งที่เขาพูดเราก็ยังไม่สนิทหูมากนัก แต่เพราะมีศรัทธาต่อพระพุทธองค์ จิตของเราก็พุ่งออกไปแตะฝ่าพระบาทพระพุทธเจ้าองค์น้อยนั้นอย่างปราศจากข้อกังขาที่ปิดกั้นแต่ประการใด

    ในขณะนั้นสืบทอดถึงขณะนี้หยั่งถึงได้ว่า พระพุทธเจ้าของเราขณะยังองค์น้อยๆ เคยกล่าวพระอาสภิวาจาที่นี้ ขอให้ทุกท่านผู้มานั่งบนผืนแผ่นดินศักดิ์สิทธิให้มีจิตเข้าถึงพระคุณ คือ พุทธคุณ พุทธานุภาพ พุทธปาฏิหาริย์ อันเป็นสื่อนำเข้าถึงพุทธานุสติ ผู้มานั่งในสถานที่นี้แม้ครั้งแรก หรือครั้งแล้วครั้งเล่า จิตของเขาย่อมยิ่งเข้าถึง หากเราอยู่ห่างไกล หรือยังไม่เคยมา หรือแม้เพียงสัมผัสอย่างแผ่วเบาย่อมเข้าถึงเช่นนี้ได้ยากอย่างแน่นอน

    อรรถกถาขานพระนาม

    อันว่าพระนามอรรถกถาจารย์เรียกขานกันตามกำลังแห่งการบำเพ็ญบารมีว่า ๑. พระโพธิสัตว์ คือขณะบำเพ็ญบารมีจนจุติจากสวรรค์หยั่งลงสู่พระครรภ์ ๒. เมื่อเสด็จออกจากครรภ์พุทธมารดาชื่อที่เราเรียกขานคือพระราชกุมารหรือใน กาล ต่อมาคือพระสิทธัตถะราชกุมาร ๓. เมื่อเสด็จมหาภิเนษกรม คือออกบวช ในพุทธประวัติกล่าวพระนามว่า พระมหาบุรุษ ๔. เมื่อการตรัสรู้โดยชอบด้วยพระองค์เอง ได้พระนามว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ๕. เมื่อเทศนาโปรดปัญจวัคคีย์ได้นามว่า พระบรมศาสดา ผู้เป็นศาสดาเอกของโลก ทั้งมวลที่บรรยายให้ได้เจริญในศรัทธาต่อพระพุทธเจ้าน้อยที่ตั้งอยู่เฉพาะหน้าของเรานี้

    ศิลาอโศกเสาหลักแห่งสัญญลักษณ์

    ​สถานที่แห่งนี้ ครั้งนั้นเป็นอุทยานหลวง นามว่า ลุมพินีวัน ในการอารักข์ดูแลของราชวงศ์ทั้ง ๒ สวนลุมพินีอุทยานที่อุดมด้วยป่าสาละที่ร่มเงาหนาออกดอกสะพรั่ง ส่งกลิ่นหอมในวันเพ็ญเดือน ๖ เมื่อความเจริญมีมา ความเสื่อมก็มีตามมาเป็นธรรมดา ความรกร้างว่างเปล่าก็ย่างเข้าครองพื้นที่ กระทั่ง ๒๓๖ ปีล่วงเข้าสมัยจอมเจ้าจักรพรรดิอโศกมหาราช พระองค์เสด็จมาที่นี่พร้อมพระสงฆ์หมู่ใหญ่ มีพระโมคคัลลีบุตรติสสะเถระเป็นประธานและทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้สร้างเสาศิลาสลักจารึกให้รู้ว่า สถานที่นี้เป็นที่ พระพุทธเจ้าผู้เป็นศาสดาเอกของโลก ผู้เป็นศาสดาเดียวของเราประสูติ ณ สถานที่ลุมพินีวันนี้ เสาศิลาจารึกที่ตั้งบนดินเสียดยอดขึ้นฟ้าให้ตาเราเห็นอยู่เบื้องหน้านั้น เป็นสัญญลักษณ์หรือเครื่องหมายของสังเวชนียสถานที่ประสูติของพระพุทธเจ้ามานาน และเป็นภาพติดตาพอมองเห็นเสาศิลาก็นึกถึงลุมพินี

    คือสัญญลักษณ์แห่งพระพุทธองค์

    ในกาลต่อมาเมื่อมีประเทศผู้นับถือพระพุทธศาสนา มีศรัทธา จาริกมาแสวงบุญถึงที่ลุมพินีวันสถาน มีพุทธานุสสติระลึกถึงพระพุทธเจ้า เมื่อครั้งทรงประสูติ เมื่อสร้างวัดในนามประเทศของตนขึ้นแล้ว ก็จะสร้างพระพุทธเจ้าน้อยขึ้น ซึ่งมีลักษณะที่ยืนชูนิ้วชี้ขึ้นฟ้า แสดงท่าชี้ลงดิน เหมือนๆ กัน จะมีต่างกันบ้างก็ตรงจุดที่เด่นคือพระพักตร์ ชาติใดสร้างจะปั้นด้วยปูน สลักด้วยหิน หรือเทด้วยทอง ก็จะมองหน้าตาหรือพระพักตร์เหมือนคนชาตินั้นๆ ไปด้วย เรียกว่าทุกวัดต้องมีพระพุทธเจ้าน้อยปางประสูติองค์นี้ไว้วัดของตน ในบริเวณสวนลุมพินีครั้งยังมีมายาเทวีวิหารหลังเก่ายังมีพระเบบี้บุดดาหรือพระพุทธเจ้าน้อย อยู่องค์หนึ่ง ใครมาที่วิหารแห่งนี้ก็จะปิดทองจนแทบมองไม่เห็นพระพักตร์ นั่นคือความศรัทธาของคนทั้งหลาย ที่มาถึงลุมพินี เมื่อพบเห็นพระพุทธเจ้าองค์น้อย ๆ ก็จะมีธรรมารมณ์ไปเป็นพิเศษ



    ความปรารถนาพุทธนานาชาติในลุมพินี

    ดังที่กล่าวแล้วว่า วัดนานาชาติที่สร้าง ในบริเวณลุมพินีวัน มีพระพุทธเจ้าน้อย เรียกได้ว่าทุกวัดไม่มีเว้นเลย ทั้งสายมหายาน จีน ญี่ปุ่น เกาหลี มองโกเลีย ภูฏาน ทิเบต ทั้งสายเถรวาท พม่า เนปาล ลังกา เป็นต้น ทุกวัดเมื่อวันเพ็ญพระจันทร์เต็มดวง พระสงฆ์ทุกชาติก็จะไปสวดมนต์ที่บริเวณเสาศิลาพระเจ้าอโศกมหาราช เมื่อสวดมนต์เสร็จแล้วพระนานาชาติก็จะปรารภธรรม และกล่าวถึงเหมือนเจตนาประสงค์ร่วมกันว่า ควรจะมีพระพุทธเจ้าน้อยไว้ให้เป็นที่ปฏิบัติศาสนกิจสักการะบูชา

    แต่ก็ด้วยความเป็นห่วงถึงพุทธลักษณะจะมีพระพักตร์เหมือนชาติใด ความประสงค์ตรงกันแต่ต้องสงวนท่าที ที่ต้องการให้มีพระพุทธเจ้าน้อยจากประเทศของตนมาประดิษฐานไว้ ในที่อันเป็นที่โล่งแจ้งแสดงให้เห็นในเชิงสัญญลักษณ์ว่าพระพุทธเจ้าของเราประสูติที่นี่ นานแสนนานกาลเวลาผ่านไปเหมือนความประสงค์จะให้มีพระพุทธเจ้าน้อยมาประดิษฐานที่นี่จะถูกกาลเวลาเก็บไว้ในความเงียบ คงเป็นเพราะกรรมการบริหารเองคงตัดสินใจลำบากเพราะมีหลายชาติมากที่มาสร้างวัดในลุมพินี กระทั่งประเทศไทยได้รับความยินยอมไว้วางใจจาก LDT. ให้บูรณะลุมพินีสถานที่ประสูติตามแผน และงานบูรณะก็สำเร็จตามแผนทุกประการ งดงาม โปร่งใส ความเชื่อมั่นต่อชาวพุทธไทยก็ยิ่งทวีคูณ คณะกรรมการพัฒนาลุมพินี ซึ่งเป็นตัวแทนของรัฐบาลเนปาล ขอให้สร้างพระพุทธเจ้าปางประสูติมาประดิษฐานที่ลุมพินีวันด้วย สวนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ก็จะครบวงจรการบูรณปฏิสังขรณ์เหมือนการยกระดับทางโลกสวนลุมพินีให้สูงเพียงระดับสายตาของสากล

    สะพานบุญเชื่อมต่อก่อความสำเร็จ

    นับเป็นความโชคดีของชาวไทยที่ได้รับเกียรติอย่างสูง และความไว้วางใจอย่างดีซึ่งงานนี้มีผู้อาสาเป็นสะพานบุญ คือ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ สะพานบุญที่เชื่อมต่อจากภูเขาทองถึงลุมพินี มีกำหนดหล่อพระพุทธปฏิมาปางประสูติ พระพุทธเจ้าน้อยที่ปริมณฑลท้องสนามหลวง เหมือนหนึ่งเป็นจุดกลางใจของคนไทยทั้งชาติแล้วนำมาประดิษฐานที่ลุมพินีวัน ให้เป็นสัญญลักษณ์ในสถานที่ประสูติ องค์พระพุทธเจ้าน้อยจากประเทศไทย ซึ่งประดิษฐานไว้บนแท่นทองอันสง่าให้ทุกชาติ ทุกศาสนาได้สักการะโดยทั่ว ที่ฐานแท่นสูงอันมีพระพุทธเจ้าน้อยตั้งอยู่ ใครผ่านมาก็ย่อมรู้ว่าพระพุทธเจ้าน้อยองค์นี้ชาวพุทธไทยตั้งใจร่วมกันสร้างไว้ ต่างก็จะน้อมนมัสการ ทำประทักษิณและบันทึกภาพเกียรติคุณที่พสกนิกรไทยที่สร้างขึ้นเพื่อถวายเป็นพระราชกุศล แผ่นจารึกอักษรไทยและอังกฤษกับภาษาเนปาล จุดนี้น่าจะเป็นบุญด้วยพุทธานุภาพให้เกียรติคุณพระพุทธศาสนาแผ่ไพศาล

    สังเวชนีย์ ๔ ตำบล พุทธะ ๔ ปาง ครบถ้วน

    ​จะกล่าวถึงสังเวชนียสถานทั้ง ๔ ตำบล ที่มีพระพุทธปฏิมาเป็นสัญญลักษณ์ของสถานที่นั้นๆ คือ ที่ตรัสรู้มีพระปางมารวิชัย พระพุทธเมตตาในมหาเจดีย์ สถานที่แสดงพระธรรมจักร มีพระพุทธรูปปางปฐมเทศนา สถานที่ปรินิพพาน มีพระพุทธรูปปางปรินิพพาน เป็นเสมือนพระพุทธปฏิมาแสดงให้เห็นถึงพุทธกิจในที่นั้นๆ แต่ในสถานที่ประสูติสวนลุมพินีวันมีสัญญลักษณ์คือเสาศิลาจารึกของพระเจ้าอโศกเท่านั้น การที่ชาวพุทธไทยได้โอกาสบุญสร้างพระพุทธเจ้าน้อยโดยความเห็นชอบของยูเนสโก อนุญาตให้ ชาวพุทธไทยอันเชิญเสด็จพระพุทธเจ้าน้อย องค์พุทธปฏิมาปางประสูติมาประดิษฐานไว้ที่ลุมพินีวัน ให้เป็นที่ประจักษ์และรับการสักการะของชาวพุทธที่มาแสวงบุญจากทั่วโลก

    แซ่ซ้องสาธุการอนุโมทนาเทอญ

    นับว่าเป็นเกียรติประวัติของประเทศไทย และเป็นการรวมใจของชาวไทยที่ร่วมใจกันเป็นหนึ่งเดียว ประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนาย่อมบันทึกไว้นานเท่านาน นับเป็นโอกาสดีอย่างยิ่ง และน้อมกราบในเมตตาของเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ ประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ในฐานะประธานผู้กำกับดูแลพระธรรมทูตไปต่างประเทศ ที่มอบหมายงานสู่มือให้ท่านเจ้าคุณพระพรหมสิทธิ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศ เป็นผู้ช่วยประสานกับพระธรรมทูตไทยในพื้นที่ลุมพินี โดยสนับสนุนดูแลการบูรณะและประดิษฐานพระพุทธเจ้าปางประสูติ ที่คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์รับเป็นสะพานบุญ ต่อเชื่อมสายศรัทธาให้ชาวไทยรวมใจเป็นหนึ่งเดียว เข้าสู่การบูรณปฏิสังขรณ์ในโครงการที่เป็นงานใหญ่ บุญใหญ่ และสนองเจตนาของชาวพุทธนานาชาติที่มีวัดในอุทยานสวนลุมพินีวัน และกรรมการบริหารลุมพินีวัน ด้วยความเห็นชอบของ Unesco ที่ขอให้ประเทศไทยสร้างพระพุทธเจ้า ซึ่งเป็นปางประสูติมาประดิษฐานให้เป็นพุทธสัญญลักษณ์ ในสถานที่พระพุทธเจ้าประสูติ ณ ที่นี้ โดยมีชาวพุทธไทยเป็นเจ้าภาพหลัก ด้วยความอุตสาหะอย่างแรงกล้างานที่เริ่มต้นในวันนั้น จึงปรากฏผลอย่างงดงามในวันนี้

    บรรยายให้สำนักงานศาลยุติธรรม
    ที่สวนลุมพินีวัน ณ ประเทศเนปาล
    พระมหาสมพร ชาตเมธี ป.ธ.๘,วท.บ
    ​ถอดความ ๒๒ มีนาคม ๒๕๕๖
    ธรรมทูตปุจฉา
    ​...พระพุทธเจ้าน้อย

    โดย พระราชรัตนรังสี (วีรยุทฺโธ)

    ------------------------------------------------------------------------------------

    ท่านผู้บริหาร ท่านผู้ทรงวุฒิ คณาจารย์ คณะพระธรรมทูต ทุกๆท่าน ขอขอบคุณในคำถามที่ต้องการคำตอบจากหัวหน้าพระธรรมทูตสายประเทศอินเดียเนปาลว่า ในประเทศไทยมีการหล่อพระพุทธปฏิมาปางประสูติ ที่เรียกกันโดยผู้ศรัทธาว่า พระพุทธเจ้าน้อย โดยคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ ได้ชักชวนสายบุญชาวพุทธไทยร่วมกันบำเพ็ญบุญประกอบพิธีหล่อขึ้นที่ปริมณฑลท้องสนามหลวงเมื่อวันที่ ๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ นั้น
    อันว่าพระพุทธเจ้าน้อยในที่นี้ หมายถึงพระพุทธเจ้า ครั้งยังมีพระวรกายองค์น้อยๆ อยู่ ยังไม่โตใหญ่เจริญวัย ที่ถามว่าแล้วทำไมไม่เรียกว่าพระโพธิสัตว์ หรือ เจ้าชายสิทธัตถะ ไปเรียกขานว่าพระพุทธเจ้าน้อยได้อย่างไร เพราะท่านยังเป็นเด็กยังไม่เป็นพระพุทธเจ้า คิดว่าจะเป็นประโยชน์มากสำหรับ ท่านที่จะไปประกาศพระพุทธศาสนาในประเทศต่างๆ ทั่วโลก คำตอบของผมคงเป็นส่วนหนึ่งเท่านั้น ส่วนรายละเอียดเชิงลึกคิดว่านักปราชญ์ผู้ฉลาดล้ำคงให้คำที่แจ้งแทงตลอดยิ่งขึ้น
    ขอตอบแบบถนอมเวลาของการบรรยายภาควิชาการว่า พิธีหล่อพระพุทธเจ้าปางประสูติหรือที่เรียกขานในงานว่า พิธีเททองหล่อพระพุทธเจ้าน้อย ซึ่งมีขึ้นเมื่อวันที่ ๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ เป็นที่ทราบกันว่าปีนี้เป็นปีแห่งที่พุทธทั่วโลกร่วมฉลองพุทธชยันตี ๒๖๐๐ ปีแห่งการตรัสรู้ พระพุทธเจ้าน้อยองค์นี้สร้างขึ้นมาหลังจากที่ พระพุทธองค์ตรัสรู้แล้ว ๒๖๐๐ ปี เราจึงเรียกว่าพระพุทธเจ้าได้ จะให้เรียกนามว่าพระโพธิสัตว์หรือนามว่าเจ้าชายสิทธัตถะก็คงเรียกได้ตามกำลังบารมีพระชนมายุ แต่เมื่อพระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้แล้วก็คงถวายพระนามตามที่องค์พระผู้ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เองว่า พระพุทธเจ้า ขอทำความเข้าใจกับท่านพระธรรมทูตทั้งหลายว่า สรีระกายของพระพุทธเจ้าของเราสมัยเมื่อทรงประสูติที่ลุมพินีวัน ยังทรงพระเยาว์ ในส่วนพระวรกายที่ยังเป็นเด็ก พระองค์ยังเล็กๆ อยู่ตามที่เราเห็น พระพุทธรูปองค์น้อยองค์นี้ก็คือพระพุทธเจ้าของเรานี่เอง ถ้าเราจะกล่าวขานถึงพระนามอย่างเชิดชูด้วยศรัทธาต่อพระองค์ ในฐานะพระบรมศาสดาผู้เป็นที่พึ่งอย่างสูงว่า พระพุทธเจ้าน้อย ก็เป็นการสานและเสริมสร้างอินทรีย์ให้แก่กล้าด้วยพระนามอันเป็นสุดแห่งความเป็นมงคลแก่ผู้กล่าวถึงได้
    การที่จะให้เรียกชื่ออื่น จะให้เรียกว่าอย่างไรจึงจะเหมาะ ก็มีสามารถนำมาเป็นบทแห่งการพรรณนาคุณได้อัญเชิญพระนามมาพรรณนาในพระคุณตามกำลังสติปัญญาสู่ศรัทธาอันบริสุทธิอย่างพระนาม พุทธเจ้าน้อย เพราะพระองค์ทรงตรัสรู้แล้ว อย่างที่เรารู้ในปีพุทธชยันตี คือ ๒๖๐๐ ปีแห่งการตรัสรู้ เราก็กล่าวถึงพระนามของพระองค์ว่าพระพุทธเจ้าได้ เพื่อเสื่อให้เห็นว่า พระพุทธเจ้าขณะที่ทรงเยาว์วัย คือยังเป็นเด็กน้อยอยู่ ก็จึงเรียกขานพระนามด้วยความศรัทธาสูงสุดว่า พระพุทธเจ้าน้อย เป็นชื่อมีพลังของผู้มีความศรัทธาเลื่อมใส ยกย่องเชิดชูสรรเสริญ แม้เพียงภาษาและอักษรจะไม่คุ้นหู รูปชินตาก็ตาม ขอให้เข้าถึง พระพุทธะเป็นเบื้องต้นให้ใจถึงพุทธคุณ ก็จะเป็นการเปิดทางให้กุศลเกิดขึ้นกับเรา
    เราชาวพุทธไทยมีโอกาสมาทำบุญในที่ประสูติหรือที่เกิดของพระพุทธเจ้า ขอให้อานิสงส์เกิด คือให้เกิดความคิดดี เกิดการพูดดี เกิดการทำดี ขอให้สิ่งดีงามตามพุทธบารมีเกิดขึ้นในแผ่นดินไทย ในจิตใจของคนไทย เกิดความสงบร่มเย็นถึงสามจังหวัดภาคใต้ เราทำบุญที่เกิดของสุดยอดของคนดีที่โลกสรรเสริญให้เป็นศาสดาเอกคือพระพุทธเจ้าของเรา เราสร้างพระพุทธเจ้าน้อยมาประดิษฐานไว้แดนประสูติ คือ แผ่นดินที่รองรับการเกิดของพระบรมศาสดานั้น จงมีพลังเกิดความดีงามให้กับผืนแผ่นดินไทย ชาวไทยทั่วโลก จงได้รับอานิสงส์โดยทั่ว
    ----------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    พระมหาสมพร ชาตเมธี ป.ธ. ๘ วท.บ
    ถอดความจาก พิธีเปิดการศึกษาอบรมเชิงปฏิบัติการพระธรรมทูตไปต่างประเทศของมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัยร่วมกับสมัชชาสงฆ์อเมริกา สหภาพยุโรป สหราชอาณาจักร พระธรรมทูตสายประเทศอินเดีย-เนปาล
    ณ ศาลาสถาบันโพธิคยาวิชชาลัย(ชั่วคราว) วัดไทยพุทธคยา ๒๒ มีนาคม ๒๕๕๖[/SIZE]
     
  2. พรเกษม

    พรเกษม Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2012
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +54
    พระพุทธเจ้าน้อย เคยบวชเรียนมา ไม่มีนะครับ ไม่มี... :mad:
     
  3. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    ในช่วงภัทรกัปป์
    มีพระพุทธเจ้าน้อยเพิ่มขึ้นมาในปีพุทธศักราช 2556 เเบบฉับพลัน!!? ณ ประเทศไทย
    เอาลงเพิ่มเติมในหนังสือหลักสูตรวิชาพระพุทธศาสนาด้วย เอ้า!!!ยกเลิกวิชานี้ไปเเล้วนี่
     
  4. chuchart_11

    chuchart_11 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    764
    ค่าพลัง:
    +2,932
    ขออนุโมทนาสาธุ ธรรมใดที่ท่านสำเร็จแล้ว ขอข้าพเจ้าสำเร็จด้วยเทอญ สาธุๆๆ
     
  5. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,302
    พระพุทธเจ้าน้อยคือใคร และหมายถึงอะไรหรือคะ ทำไมยุคหลังมานี้มี คำศัพท์ ใหม่ๆ ชื่ออะไรที่ผิดแผกแหวกนวปจากพระไตรปิฏกมากมายจัง
     
  6. wara99

    wara99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    379
    ค่าพลัง:
    +892
    ถ้าตั้งชื่อแบบนี้ อีกสัก ๑๐๐ ปี ๑,๐๐๐ ข้างหน้า คงสร้างความสับสนให้คนรุ่นหลัง
    ถ้าชื่อปาง สิทถราชกุมาร หรือทำนองที่ยังไม่ถึงพระพุทธฯก็คงไม่มีใครต้าน
    แต่ปางพระพุทธเจ้าน้อยนี่ ไม่มีหรอกครับ สับสนเปล่าๆ
    เข้าใจเจตนาดีของคนสร้าง แต่ตั้งชื่อแบบนี้น่ากลัว จะผิดเพี้ยนในภายหลัง
    กราบไป ก็สงสัยไป ตรัสรู้ตอนไหน ต้องหาต้นตอกันอีก ถ้าบอกว่ามาจากไทย เขาคงว่าไทยก็เพี้ยน
     
  7. นางไพจิตต์

    นางไพจิตต์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    320
    ค่าพลัง:
    +956
    ...............................................................................
    ก็แค่นักการเมืองบางคนคิดว่าการทำแบบนี้แล้วจะทำให้ล้างบาปที่ตัวเองก่อกรรมไว้กับประเทศไทยและสถาบันได้..สร้างกระแสว่าเป็นคนธรรมะธรรมโม ก็แค่นั้น....:boo:...แต่หารู้ไม่ว่าเป็นการสร้างความเลอะเทอะให้พระพุทธศาสนา....
     

แชร์หน้านี้

Loading...