อานิสงค์วิหารทาน...พระอานนท์ถวายวิหารทานในพระพุทธศาสนา

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย เทพออระฤทธิ์, 26 เมษายน 2009.

  1. เทพออระฤทธิ์

    เทพออระฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    4,573
    กระทู้เรื่องเด่น:
    4
    ค่าพลัง:
    +22,048
    อานิสงค์วิหารทาน
    ในอดีตชาติพระอานนท์เถระยอดพุทธอุปัฏฐาก
    ได้เคยสร้างมหาวิหารถวายเป็นสังฆทานแด่
    คณะสงฆ์นับแสนรูป<O:p</O:p
    การถวายวิหารเป็นสังฆาราม เป็นสิ่งที่มีมาตั้งแต่สมัยพุทธกาล ซึ่งพระบรม
    ศาสดาทรง มีพุทธานุญาต ตามคำกราบทูลขอของท่าน ราชคหเศรษฐี เนื่องจาก
    ทรงเล็งเห็นประโยชน์ว่า เป็นสิ่งที่จะช่วยอำนวยความสะดวกให้สงฆ์ได้บำเพ็ญ
    สมณธรรม ขจัดขัดเกลากิเลสอาสวะในใจให้หมดสิ้นไป ดังนั้นวิหารทาน
    จึงเป็นมหาทานที่มีอานิสงส์อันยิ่งใหญ่ ส่งผลทำให้มีความสุขในทุกที่ ทุกสถาน
    และสมบูรณ์ด้วยมนุษย์สมบัติ ทิพยสมบัติ กระทั่งนิพพานสมบัติ

    ดังเรื่องราวในอดีตชาติของพระอานนท์เถระ ยอดพุทธอุปัฏฐาก ที่ได้เคยสร้างมหาวิหารถวายเป็นสังฆทานแด่คณะสงฆ์นับแสนรูปทำให้ท่านได้รับผลบุญอันยิ่งใหญ่ไม่มีประมาณ ส่งผลให้ความปรารถนาของท่านเต็มเปี่ยมในภพชาติสุดท้ายจนมาเป็นบุคคลผู้ใกล้ชิดกับพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามากที่สุด มีโอกาสได้ฟังธรรมและสอบถามธรรมะ ในสำนักของพระบรมศาสดา จนกระทั่งได้รับการยกย่องว่าเป็น "ยอดของภิกษุผู้เป็นพุทธอุปัฏฐาก" และเป็น "ยอดของภิกษุผู้เป็นพหูสูต"อีกด้วย ดังเรื่องราวในอดีตชาติดังต่อไปนี้

    ในแสนกัปนับแต่ภัทรกัปนี้ พระบรมศาสดา ทรงพระนามว่า "ปทุมุตตระ"ได้อุบัติขึ้นแล้วในโลก แต่เดิมพระองค์ทรงมีพระนามว่า"อุตตรกุมาร" เป็นพระราชโอรสของพระเจ้าอานันทะ แห่งนครหังสวดี ด้วยบุญบารมีที่ได้ทรงสั่งสมมาจนเต็มเปี่ยมแล้ว ทำให้ทุกครั้งที่ทรงยกพระบาทเพื่อจะเหยียบลงบนแผ่นดินดอกบัวหลวงดอกใหญ่ก็ชำแรกแผ่นดิน ขึ้นมา กลีบดอกบัว วัดได้ ๙๐ ศอก เกสร ๓๐ ศอก ฝัก ๑๒ ศอก มีละอองเกสรประมาณ ๙ หม้อ ส่วนพระบรมศาสดา ทรงมีความสูง ๕๘ ศอก ระหว่างพระพาหาทั้งสองวัดได้ ๑๘ ศอก พระนลาต ๕ ศอก พระหัตถ์และพระบาทยาว ๑๑ ศอก เมื่อพระองค์ทรงเหยียบดอกบัว ละอองเกสรที่มีประมาณ ๙ หม้อ ก็ฟุ้งขึ้น กลิ่นหอมกระจายไปทั่วทุกสารทิศ จึงทำให้พระองค์ทรงมีพระนามเช่นนั้น
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    สุมนกุมารปรารถนาตำแหน่งภิกษุผู้ใกล้ชิด
    พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
    <O:p</O:p
    พระพุทธองค์ทรงมีพระเชฏฐภาดา คือ น้องชายร่วมบิดา ชื่อสุมนกุมารแม้จะไม่ได้เสด็จออกผนวชตามพระเจ้าพี่ แต่ก็มีความเคารพเลื่อมใสในบวรพระพุทธศาสนา เมื่อว่างเว้นจากกรณียกิจก็หาโอกาสไปฟังธรรมจากพระบรมศาสดาเป็นประจำมิได้ขาด ทุกครั้งที่เสด็จไปเฝ้าพระเจ้าพี่นั้น สุมนกุมารสังเกตเห็นว่า พระเถระชื่อสุมนะ เป็นที่โปรดปราน

    ของพระผู้มีพระภาคเจ้าเป็นพิเศษ เวลาจะไปเข้าเฝ้าพระพุทธองค์ ต้องขออนุญาตจากพระเถระรูปนี้ก่อน เพราะท่านจะรู้เวลาอันควรหรือไม่ควร ทำให้พระกุมารอยากได้รับตำแหน่งของภิกษุผู้ใกล้ชิดพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบ้าง จึงปรารภกับพระพุทธองค์

    พระบรมศาสดาทรงแนะนำให้สุมนกุมารเริ่มทำทาน สมาทานศีล รักษาอุโบสถศีล จึงจะเป็น ที่โปรดปรานของพระองค์ จากนั้นทรงรับสั่งให้ พระกุมารสร้างมหาวิหารขนาดใหญ่ เพื่อรองรับภิกษุถึง ๑แสนรูปที่จะมาฉันภัตตาหารในพระราชวัง สุมนกุมารจึงซื้ออุทยานของกุฎุมพีโสภะ ในราคา ๑ แสนกหาปณะ อีกทั้งทรงสละทรัพย์ส่วนพระองค์ อีก ๑ แสนกหาปณะ เพื่อสร้างมหาวิหารทันที ทรง รับสั่งให้สร้างพระคันธกุฎีสำหรับพระผู้มีพระภาคเจ้า และได้สร้างกุฎีและมณฑปเพื่อเป็นที่พักสำหรับ ภิกษุสงฆ์<O:p</O:p


    เมื่อสร้างเสร็จแล้วได้อาราธนาภิกษุสงฆ์ ๑ แสนรูป มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นประธานมา ฉันภัตตาหาร แล้วกล่าวคำน้อมถวายมหาวิหารว่า "ข้าแต่พระมหามุนี ขอพระองค์จงทรงรับอุทยานชื่อโสภนะ ที่ข้าพระองค์ทรงสร้างเป็นมหาวิหารสำหรับภิกษุสงฆ์
    ด้วยเถิด"<O:p</O:p
    พระกุมารทรงถวายมหาทานตลอด ๗ วัน ในวันที่ ๗ ทรงถวายผ้าไตรจีวรแด่ภิกษุ ๑ แสนรูป แล้วทูลขอพรว่า<O:p</O:p

    ่"ข้าพระองค์ได้สร้างวิหารถวายแด่ภิกษุสงฆ์ครั้งนี้ มิได้กระทำบุญเพราะหวังสมบัติ คือ ความเป็นท้าวสักกเทวราชทั้งมิได้กระทำเพราะหวังพรหมโลกเลย แต่ทำเพราะปรารถนาความเป็นพุทธอุปัฏฐาก อยากเป็นที่โปรดปรานเหมือนพระสุมนอุปัฏฐากของพระองค์
    ในอนาคตกาล ด้วยเถิด"<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    สุมนกุมารสร้างวิหารแล้วถวายมหาทานตลอด ๗ วัน<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงตรวจดูว่า ่"ความคิดอันยิ่งใหญ่ของพระกุมารนี้ จักสำเร็จหรือเปล่าหนอ ทรงทราบว่า ในกัปที่หนึ่งแสนนับจากภัทรกัปนี้ไป พระโคดมพุทธเจ้าจักอุบัติขึ้น และพระกุมารนี้จักได้เป็นอุปัฏฐากของพระพุทธเจ้าพระองค์นั้น จึงตรัสให้พรว่า<O:p</O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 กุมภาพันธ์ 2013
  2. Pandhaka

    Pandhaka เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    672
    ค่าพลัง:
    +458
    "ผ้ากฐินสีเงินประดับคริสตัล" นี้พระสงฆ์สามารถใช้ได้ด้วยเหรอครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 26 กุมภาพันธ์ 2013
  3. เทพออระฤทธิ์

    เทพออระฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    4,573
    กระทู้เรื่องเด่น:
    4
    ค่าพลัง:
    +22,048
    "ขอให้สิ่งที่ทรงประสงค์ ทรงปรารถนาแล้วทั้งหมด จงเป็นผลสัมฤทธิ์ ขอให้พระดำริทั้งปวงจงเต็มรอบ เหมือนพระจันทร์ในวันเพ็ญฉะนั้น"พระกุมารได้ทรงสดับแล้ว ทรงพระดำริว่า"ขึ้นชื่อว่าพระพุทธเจ้าทั้งหลายย่อมไม่มีพระวาจา เป็นสอง" นับตั้งแต่นั้นมาสุมนกุมารจึงตั้งใจทำ ความดีตลอดแสนปี เมื่อละจากอัตภาพนั้นแล้ว ท่านเวียนวนอยู่แต่ในสุคติภูมิอย่างเดียวภพชาติสุดท้ายทรงถือกำเนิดเป็นพระโอรสของพระเจ้า อมิโตทนะและได้เป็นสหชาติ คือ ประสูติในเวลาเดียวกันกับพระผู้มีพระภาคเจ้าของเรา เมื่อท่านเสด็จออกผนวชก็ได้รับแต่งตั้งเป็นยอดเอตทัคคะในด้านพหูสูตรวมถึงเป็นยอดพุทธอุปัฏฐาก ผู้เป็นที่โปรดปรานของพระบรมศาสดา นอกจากนี้ท่านได้รับการยกย่องจากพระพุทธองค์ว่าในบรรดาภิกษุ ผู้เป็นพุทธอุปัฏฐากในภัทรกัปนี้ ซึ่งมีพระพุทธเจ้าเสด็จมาอุบัติแล้วถึง ๓ พระองค์ พระอานนท์ทำหน้าที่ได้สมบูรณ์ที่สุด<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    การสั่งสมบุญนำความสุขมาให้ทั้งในโลกนี้และโลกหน้า<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    จะเห็นว่า การ ที่พระอานนท์ได้ตำแหน่งอันเลิศนี้มา อีกทั้งเป็นผู้แจ่มแจ้งในคำสอนของพระ บรมศาสดา ก็เพราะอานิสงส์ที่ ี่เคยถวายมหาวิหารเป็นสังฆทานและตั้งความปรารถนาไว้เช่นนั้น เพราะฉะนั้นอานิสงส์ในการสร้างมหาวิหาร จึงไม่ใช่เรื่องพอ
    ดีพอร้าย เป็นบุญใหญ่ที่บังเกิดขึ้นได้ยาก ต้องอาศัยกำลังศรัทธาและกำลังทรัพย์ที่หามาได้ด้วยความยากลำบาก ดังนั้นเมื่อมีโอกาสได้ทำบุญสร้างวิหารแด่พระสงฆ์ ก็ให้รีบขวนขวาย อย่าปล่อยให้โอกาสทองในชีวิตของเราผ่านไป อย่างน่าเสียดาย

    เฉกเช่นเดียวกับ การสร้าง "มหารัตนวิหารคต"ซึ่งเป็นโอกาสทองของผู้มีบุญทุกคน ที่จะได้มีส่วนร่วมสร้างศาสนสถานอันยิ่งใหญ่ เพื่อรองรับพุทธบุตร จากทั่วโลกหลายแสนรูป ที่จะมาเจริญสมาธิภาวนา และบำเพ็ญศาสนกิจต่างๆ ร่วมกันในวันสำคัญทาง พระพุทธศาสนา โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อยอยกพระพุทธศาสนาให้สูงเด่น และเพื่อสืบทอดอายุของพระพุทธศาสนาไปอีกนานนับพันปี จึงนับเป็นบุญลาภอันประเสริฐของพวกเราทุกคนที่จะได้มีโอกาสสร้าง"มหาวิหารทาน" ดุจเดียวกับผู้มีบุญในกาลก่อน บัดนี้ มหา รัตนวิหารคดใกล้เสร็จสมบูรณ์แล้ว คงเหลือเพียงการก่อสร้าง"หลังคา" ชั้นที่ ๒ รวม๓๐๐,๐๐๐ ตารางเมตร<O:p</O:p

    ซึ่งจะใช้เป็นพื้นที่สำหรับถวายการต้อนรับคณะสงฆ์ได้ถึงคราวละหลายแสนรูป ช่วยอำนวยความสะดวกในการบำเพ็ญสมณธรรมเพื่อผลแห่งการฟื้นฟูพระธรรมคำสอนดั้งเดิมให้หวนกลับคืนมาอีกครั้งดั่งสมัยพุทธกาล จึงนับเป็นมหากุศลอันยิ่งใหญ่ สำหรับผู้ที่ได้มีส่วนร่วมสร้างซึ่งบุญนี้จะคอยเกื้อหนุนเราทุกคน ให้มีความสุขความสำเร็จไปทุกภพทุกชาติเพราะความปรารถนาทุกอย่างของมนุษย์จะเป็นจริงได้ ล้วนต้องอาศัยบุญเป็นหลักทั้งสิ้นเมื่อสั่งสมบุญจนเต็มเปี่ยมแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างที่ได้ตั้งใจไว้ย่อมสำเร็จสมความปรารถนาทุกประการ ดังนั้น พระพุทธองค์ จึงทรงสอนให้คนเราพึงข่มความตระหนี่ แล้วนำทรัพย์ออกให้ทานเพราะบุญเป็นเพียงที่พึ่งเดียวของเหล่าสัตว์ในโลกหน้า ดังที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตรัสไว้ในอันนสูตรว่า
    <O:p</O:p
    "บุคคลพึงนำความตระหนี่ออกไปเสีย
    พึ่งข่มความตระหนี่ ซึ่งเป็นตัวมลทิน
    แล้วพึงให้ทานเถิด
    เพราะบุญทั้งหลาย
    เป็นที่พึ่งของเหล่าสัตว์ในโลกหน้า<O:p</O:p
    <O:p

    ที่มา<O:p</O:p
    http://dharma.exteen.com/20070812/entry

    ถาม : แล้วอย่างหนูทำบุญทุกวันหยอดเงินบาทหนึ่ง หยอดเงินหน้าหิ้งพระค่ะ แล้วหนูยังไม่ได้เอามาถวายถือเป็นการทำบุญหรือเปล่าคะ ?

    ตอบ : เป็นแล้ว เพราะว่าเราตั้งใจอยู่แล้วว่าเงินส่วนนี้จะทำบุญ ถ้าหากว่าเราตายตอนนั้นผลบุญอันนั้นเราได้เลย แต่พระขาดทุน เพราะยังไม่ได้รับสตางค์ (หัวเราะ) อันนี้ไม่ต้องกังวล อันนี้เป็นบุญอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าของเรานี่ เจตนามันเป็นบุญอยู่แล้ว พอเราได้ทำไปผลบุญนั้นก็เป็นอันสำเร็จแล้ว มันก็เหลืออยู่เพียงว่ามีวาระมีโอกาสก็เอาเงินนั้นมาถวายพระ เพราะฉะนั้นห้ามตายก่อน ตายก่อนพระขาดทุน

    อธิษฐานบารมีนี่สำคัญนะ เป็นบารมีที่สำคัญมาก คนที่ไม่ถึงระดับปรมัตถบารมีใช้อธิษฐานไม่เป็นด้วยซ้ำไป บางคนก็เข้าใจผิดว่า อธิษฐานบารมี อย่างเช่นว่า ทำบุญแล้วขอให้เป็นนั่นขอให้เป็นนี่ ขอให้ได้นั่นขอให้ได้นี่ปรากฏว่าเป็นการโลภเขาไปคิดอย่างนั้น อันนั้นไม่ใช่ อธิษฐานบารมีเป็นการเจาะจงว่าผลบุญที่เราทำจะให้มันเกิดอะไร จะให้เกิดขึ้นเมื่อไหร่ สำหรับตัวเราเป็นการเจาะจงเวลา ถ้าหากว่าเราต้องการของอย่างหนึ่งตอนนี้ ถ้าเราไม่ตั้งใจไว่กอนมันมาอีกโน่นปี ๒ ปี ข้างหน้า ซึ่งไม่มีประโยชน์กับเราแล้ว

    อธิษฐานบารมีเป็นการยิงปืนเล็งเป้าเพื่อให้ถูกต้องเป้าหมาย ถ้าหากยิงเหวี่ยงแหส่งเดชไปมันอาจจะไม่ถูกเป้าหมายเลยก็ได้ สิ่งที่เราทำไม่ว่าจะดีหรือชั่วเขาส่งผลอยู่แล้ว

    อธิษฐานบารมีนี่เป็นการจำกัดว่าจะให้เกิดขึ้นเมื่อไหร่ เกิดผลอย่างไร มันไม่ได้โลภอะไรเลย เพียงแต่กำหนดให้มันแน่นอนลงไปเท่านั้น เรื่องของอธิษฐานบารมีนี่ถ้าหากว่าเราสร้างสาเหตุได้เพียงพอ ผลมันก็จะเกิด ทีนี้ถ้าหากว่าเหตุมันยังไม่พอผลมันก็ยังไม่เกิดหรอก

    อย่างเช่นว่าน้ำขวดนี้ ยกตัวอย่างน้ำนี่ง่ายดี ถ้าหากว่าโยมสร้างเหตุเพียงพอก็คือ น้ำมันจะเต็มขวดแล้ว โยมตั้งใจอธิษฐานขอน้ำขวดหนึ่งโยมได้แน่นอน แต่ถ้าหากว่าน้ำมันแค่นี้ แล้วโยมตั้งใจขอน้ำขวดหนึ่งโยมได้แน่นอน แต่ถ้าหากว่าน้ำมันแค่นี้ แล้วโยมตั้งใจขอน้ำเต็มขวด เขาก็ให้เราไม่ได้เพราะว่ายังไม่เต็ม
    เพราะฉะนั้นเราต้องทำเหตุให้เพียงพอ ผลถึงจะได้ เรื่องของธรรมะเป็นเรื่องตรงไปตรงมา

    ที่หลวงพ่อโตวัดระฆัง ท่านบอกว่า ถ้าเจ้าไม่สร้างเอาไว้แล้ว เที่ยวไปขอร้องขอต่อคนอื่นเมื่อไหร่เจ้าจะได้ เพราะฉะนั้นก็เลยจำเป็นอยู่ตรงนี้ว่า เราต้องทำให้เพียงพอ ถึงเวลาอธิษฐานว่าเราต้องการอย่างไรมันถึงจะเป็นอย่างนั้น




    สนทนากับพระเล็ก สุธมฺมปญฺโญ

    ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ

    เว็บ กระโถนข้างธรรมาสน์
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 กุมภาพันธ์ 2013
  4. มุ่งเต็มใจ

    มุ่งเต็มใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2006
    โพสต์:
    7,755
    ค่าพลัง:
    +23,467
  5. nui_sirada

    nui_sirada เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มกราคม 2008
    โพสต์:
    399
    ค่าพลัง:
    +371
    mo ta na boon ka
     
  6. trirut

    trirut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2008
    โพสต์:
    1,420
    ค่าพลัง:
    +1,499
    [​IMG]ครับ
     
  7. เก๋ณัฐา

    เก๋ณัฐา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    5,680
    ค่าพลัง:
    +57,773
    ขอร่วมมหาอนุโมทนาสาธุการ แม้นวันนี้บารมีเรายังไม่ถึง แต่ขอให้บุญกุศลที่เราได้เพียรสั่งสมมาตั้งแต่อดีตจนปัจจุบันทุกชาติทุกภพจงเป็นพลวปัจจัยดลให้เราได้สร้างสมบารมีสำเร็จยิ่งๆขึ้นไปทุกชาติภพตราบจนบารมีเต็มได้สำเร็จพระโพธิญาณิเป็นพระพุทธเจ้าองค์หนึ่งในอานคตกาลเบื้องหน้าโน้นด้วยเทอญสาธุสาธุสาธุ
     
  8. chuchart_11

    chuchart_11 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    764
    ค่าพลัง:
    +2,932
    ขออนุโมทนาสาธุ ธรรมใดที่ท่านสำเร็จแล้ว ขอข้าพเจ้าสำเร็จด้วยเทอญ สาธุๆๆ
     
  9. โอม อุดมชัย

    โอม อุดมชัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    512
    ค่าพลัง:
    +2,527
  10. janya

    janya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    82
    ค่าพลัง:
    +109
    ขออนุโมทนาบุญในธรรมทานของท่านด้วยค่ะ สาธุ อนุโมทามิ
     

แชร์หน้านี้

Loading...