'พระเจ้าชู้-พระหกนิ้ว'แห่งเดียวในสยามณวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width=567 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>"พระเจ้าชู้ พระหกนิ้ว"แห่งเดียวในสยามณวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร</TD></TR><TR><TD vAlign=top>24 สิงหาคม 2550 03:22 น.</TD></TR><TR><TD class=Text_Story vAlign=top><!-- [/IMG] วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหารต.ในเมืองอ.เมืองจ.นครศรีธรรมราชนอกจากเป็นที่ประดิษฐานของพระบรมธาตุเดจีย์แล้วคนส่วนใหญ่รู้เพียงว่า "เป็นต้นกำเนิดขององค์จตุคามรามเทพ" แต่มีน้อยคนนักที่ไม่รู้ว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในวัดมหาธาตุฯแห่งนี้ มีเรื่องราวอีกมากมายที่ชาวพุทธยังไม่รู้ แม้คนนครศรีธรรมราชเองก็ยังไม่ค่อยมีใครรู้มากนักว่า วัดแห่งนี้ถือเป็นสถานที่ประดิษฐานของ "พระพุทธรูปเจ้าชู้หรือพระแขนขาดที่ศักดิ์สิทธิ์และพระพุทธรูปหกนิ้ว"ที่ นายนริศน้อยทับทิม มัคคุเทศน์และฐานะผู้เชี่ยวชาญประวัติศาสตร์นครศรีธรรมราช เล่าว่า พระพุทธรูปทั้งสององค์นี้ถือเป็นปริศนาธรรมที่ต้องการให้ชาวพุทธได้รับรู้ถึงปาฏิหาริย์ที่เล่าขานเป็นตำนาน เป็นแหล่งเรียนรู้ทางพระพุทธศาสนาได้เป็นอย่างดี พระพุทธรูปแขนขาดมีตำนานที่แอบแฝงในเรื่องเร้นลับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ โดยใครเชื่อก็เชื่อ แต่ใครไม่เชื่อก็อย่าไปลบหลู่ เหมือนเขาบอกว่า เสียงลือเสียงเล่าอ้างอันใดเอย ต้องค้นหาความรู้ พระพุทธรูปแขนขาดองค์นี้มีตำนานบอกว่าในยามวิกาลท่านแปลงร่างเป็นบุรุษที่หล่อเหลามากทีเดียว แล้วท่านได้ไปรักกับผู้หญิงคนหนึ่งที่เป็นผู้หญิงกำพร้าอายุประมาณ ๑๔ ปี หรือ ๑๕ ปี จึงอยู่คนเดียวโดยไม่มีพ่อแม่ดูแลทำให้พระองค์นี้เกิดความลุ่มหลง เพราะเวลาเที่ยงคืนพระองค์นี้ได้แปลงร่างเป็นผู้ชายแล้วไปอยู่กับเด็กสาวคนนี้ เมื่อพระองค์นี้ได้ไปอยู่กับเด็กคนนี้ในยามค่ำคืนที่บ้านหลังนั้นพอดีที่ข้างบ้านมีลุงอยู่คนหนึ่งได้ยินเสียงคนคุยกัน ทำให้เกิดความสงสัย จนวันหนึ่งประมาณตีสี่เศษๆ ได้เห็นผู้ชายเดินลงมาจากบ้านหลังนี้โดยศรีษะล้าน คุณลุงคนนี้ได้เดินตามไปเรื่อยๆ พอตามมาถึงวัดพระมหาธาตุฯ ชายคนดังกล่าวได้หายตัวไป ความในใจของคุณลุงคนนี้ได้เห็นเป็นเช่นนั้นแล้ว พระสงฆ์จะปฏิบัติตัวแบบนี้ไม่ได้แล้ว ถือว่าผิดกาเม เสพเมถุนอย่างนี้เอาไว้ไม่ได้แล้ว นายนริศเล่าต่อว่า ด้วยความพยายามาของคุณลุงคนนี้จึงลับมีดจนคมเพื่อจะไปฆ่าพระสงฆ์รูปนี้ให้จงได้ จนพระรูปนี้ได้ทำภาระกิจเสร็จเรียบร้อยแล้ว จากนั้นได้เดินลงมาจากบ้านของผู้หญิงกำพร้า จังหวะที่ก้าวลงจากบันไดมาถึงขั้นที่สามเท่านั้น คุณลุงคนนี้จึงได้เอามีดดาบที่เตรียมเอาไว้ฟันลงไปที่พระรูปนั้นทันที แต่ปรากฎว่าพระรูปนั้นได้เอามือมารับแทนจนแขนขาด ด้วยความศักดิ์สิทธิ์ของท่านถือท่านจึงได้เดินต่อไป ด้วยความพยายามของคุณลุงนี้จึงได้เดินตามมาจนถึงวัดพระมหาธาตุฯ แล้ว ประกอบสมัยนั้นเส้นทางเดินมายังวัดพระมหาธาตุฯ มีความเปลี่ยวอย่างมาก บ้านคนไม่ได้มีมากมายอย่างปัจจุบัน ตรงนี้เองทำให้คุณลุงกลัวผีจึงไม่ตามแล้วได้เดินกลับบ้าน ความพยายามของคุณลุงพอถึงตอนเช้าพระฉันเพลเสร็จคุณลุงได้เดินตามรอยเลือดที่ฟันพระเมื่อคืน แล้วเดินตามไปเรื่อยๆ จนได้ไปหยุดดูเลือดที่หน้าพระพุทธรูป ทันใดนั้นคุณลุงแก่จึงก้มดูเลือดว่าทำไมเลือดมาหยุดอยู่ตรงนี้ พอเงยหน้าไปดูองค์พระพุทธรูปองค์นี้เท่านั้น ถึงกับตะลึงเมื่อเห็นว่าพระองค์นี้แขนขาด ตรงนี้เองจึงเป็นความเชื่อว่า พระพุทธรูปองค์นี้ต้องแปลงกายเป็นพระสงฆ์แล้วไปที่บ้านผู้หญิงกำพร้า คุณลุงคนนี้ได้เอาผ้ามาพันธนาการเพื่อไม่ให้ท่านไปไหน แล้วสังเกตให้ดีว่าบนเศียรขององค์พระไม่ได้เป็นเจดีย์ แต่เป็นเขาใช้ปลายดาบปักลงไป เพื่อให้คนเห็นจะได้หวาดกลัว จึงเป็นที่มาของพระเจ้าชู้ นอกจากนี้ภายในวัดยังมีพระพุทธรูปอีกองค์หนึ่งที่ชาวบ้านเรียกว่าพระหกนิ้ว ซึ่งประดิษฐานอยู่ใต้พระบรมธาตุ หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า ตีนพระธาตุ ที่มีนิ้วขึ้นมาหกนิ้ว ช่างสร้างขึ้นมาไม่ได้เป็นเพราะช่างตั้งใจปั้นให้เกิน หรือระหว่างปั้นนายช่างนั่งหลับหรือไม่ ทั้งสองอย่างนั้นไม่ใช่เป็นเรื่องมหัศจรรย์เลย แต่พระหกนิ้วที่วัดมหาธาตุฯ สมัยก่อนถือเป็นแหล่งเรียนรู้มาตั้งแต่ก่อนสุโขทัย "พระพุทธรูปหกนิ้วนี้สร้างขึ้นมาเพื่อเตือนสติอารมณ์ว่า ใครพูดหรือบอกอะไรแล้วอย่าเชื่อทั้งหมด องค์สมเด็จสัมมาพุทธเจ้าทรงตรัสว่า ใครบอกอะไรอย่าเชื่อให้บรรลุหรือเรียนรู้ แล้วค้นหาด้วยตัวเอง เพราะบางเรื่องที่มีคนบอกกับเรามาก็ต้องมีเรื่องที่โกหกอยู่บ้าง ดังนั้น เราได้รับฟังอะไรมาก็ต้องพิจารณาให้รอบครอบอย่างมีสตินั่นเอง" นายนริศกล่าว เรื่อง สุทธิคุณ กองทอง ภาพ ประเสริฐ เทพศรี --> วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหารต.ในเมืองอ.เมืองจ.นครศรีธรรมราชนอกจากเป็นที่ประดิษฐานของพระบรมธาตุเดจีย์แล้วคนส่วนใหญ่รู้เพียงว่า "เป็นต้นกำเนิดขององค์จตุคามรามเทพ" แต่มีน้อยคนนักที่ไม่รู้ว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในวัดมหาธาตุฯแห่งนี้ มีเรื่องราวอีกมากมายที่ชาวพุทธยังไม่รู้ แม้คนนครศรีธรรมราชเองก็ยังไม่ค่อยมีใครรู้มากนักว่า วัดแห่งนี้ถือเป็นสถานที่ประดิษฐานของ "พระพุทธรูปเจ้าชู้หรือพระแขนขาดที่ศักดิ์สิทธิ์และพระพุทธรูปหกนิ้ว"ที่ นายนริศน้อยทับทิม มัคคุเทศน์และฐานะผู้เชี่ยวชาญประวัติศาสตร์นครศรีธรรมราช เล่าว่า พระพุทธรูปทั้งสององค์นี้ถือเป็นปริศนาธรรมที่ต้องการให้ชาวพุทธได้รับรู้ถึงปาฏิหาริย์ที่เล่าขานเป็นตำนาน เป็นแหล่งเรียนรู้ทางพระพุทธศาสนาได้เป็นอย่างดี พระพุทธรูปแขนขาดมีตำนานที่แอบแฝงในเรื่องเร้นลับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ โดยใครเชื่อก็เชื่อ แต่ใครไม่เชื่อก็อย่าไปลบหลู่ เหมือนเขาบอกว่า เสียงลือเสียงเล่าอ้างอันใดเอย ต้องค้นหาความรู้ พระพุทธรูปแขนขาดองค์นี้มีตำนานบอกว่าในยามวิกาลท่านแปลงร่างเป็นบุรุษที่หล่อเหลามากทีเดียว แล้วท่านได้ไปรักกับผู้หญิงคนหนึ่งที่เป็นผู้หญิงกำพร้าอายุประมาณ ๑๔ ปี หรือ ๑๕ ปี จึงอยู่คนเดียวโดยไม่มีพ่อแม่ดูแลทำให้พระองค์นี้เกิดความลุ่มหลง เพราะเวลาเที่ยงคืนพระองค์นี้ได้แปลงร่างเป็นผู้ชายแล้วไปอยู่กับเด็กสาวคนนี้ เมื่อพระองค์นี้ได้ไปอยู่กับเด็กคนนี้ในยามค่ำคืนที่บ้านหลังนั้นพอดีที่ข้างบ้านมีลุงอยู่คนหนึ่งได้ยินเสียงคนคุยกัน ทำให้เกิดความสงสัย จนวันหนึ่งประมาณตีสี่เศษๆ ได้เห็นผู้ชายเดินลงมาจากบ้านหลังนี้โดยศรีษะล้าน คุณลุงคนนี้ได้เดินตามไปเรื่อยๆ พอตามมาถึงวัดพระมหาธาตุฯ ชายคนดังกล่าวได้หายตัวไป ความในใจของคุณลุงคนนี้ได้เห็นเป็นเช่นนั้นแล้ว พระสงฆ์จะปฏิบัติตัวแบบนี้ไม่ได้แล้ว ถือว่าผิดกาเม เสพเมถุนอย่างนี้เอาไว้ไม่ได้แล้ว นายนริศเล่าต่อว่า ด้วยความพยายามาของคุณลุงคนนี้จึงลับมีดจนคมเพื่อจะไปฆ่าพระสงฆ์รูปนี้ให้จงได้ จนพระรูปนี้ได้ทำภาระกิจเสร็จเรียบร้อยแล้ว จากนั้นได้เดินลงมาจากบ้านของผู้หญิงกำพร้า จังหวะที่ก้าวลงจากบันไดมาถึงขั้นที่สามเท่านั้น คุณลุงคนนี้จึงได้เอามีดดาบที่เตรียมเอาไว้ฟันลงไปที่พระรูปนั้นทันที แต่ปรากฎว่าพระรูปนั้นได้เอามือมารับแทนจนแขนขาด ด้วยความศักดิ์สิทธิ์ของท่านถือท่านจึงได้เดินต่อไป ด้วยความพยายามของคุณลุงนี้จึงได้เดินตามมาจนถึงวัดพระมหาธาตุฯ แล้ว ประกอบสมัยนั้นเส้นทางเดินมายังวัดพระมหาธาตุฯ มีความเปลี่ยวอย่างมาก บ้านคนไม่ได้มีมากมายอย่างปัจจุบัน ตรงนี้เองทำให้คุณลุงกลัวผีจึงไม่ตามแล้วได้เดินกลับบ้าน ความพยายามของคุณลุงพอถึงตอนเช้าพระฉันเพลเสร็จคุณลุงได้เดินตามรอยเลือดที่ฟันพระเมื่อคืน แล้วเดินตามไปเรื่อยๆ จนได้ไปหยุดดูเลือดที่หน้าพระพุทธรูป ทันใดนั้นคุณลุงแก่จึงก้มดูเลือดว่าทำไมเลือดมาหยุดอยู่ตรงนี้ พอเงยหน้าไปดูองค์พระพุทธรูปองค์นี้เท่านั้น ถึงกับตะลึงเมื่อเห็นว่าพระองค์นี้แขนขาด ตรงนี้เองจึงเป็นความเชื่อว่า พระพุทธรูปองค์นี้ต้องแปลงกายเป็นพระสงฆ์แล้วไปที่บ้านผู้หญิงกำพร้า คุณลุงคนนี้ได้เอาผ้ามาพันธนาการเพื่อไม่ให้ท่านไปไหน แล้วสังเกตให้ดีว่าบนเศียรขององค์พระไม่ได้เป็นเจดีย์ แต่เป็นเขาใช้ปลายดาบปักลงไป เพื่อให้คนเห็นจะได้หวาดกลัว จึงเป็นที่มาของพระเจ้าชู้ นอกจากนี้ภายในวัดยังมีพระพุทธรูปอีกองค์หนึ่งที่ชาวบ้านเรียกว่าพระหกนิ้ว ซึ่งประดิษฐานอยู่ใต้พระบรมธาตุ หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า ตีนพระธาตุ ที่มีนิ้วขึ้นมาหกนิ้ว ช่างสร้างขึ้นมาไม่ได้เป็นเพราะช่างตั้งใจปั้นให้เกิน หรือระหว่างปั้นนายช่างนั่งหลับหรือไม่ ทั้งสองอย่างนั้นไม่ใช่เป็นเรื่องมหัศจรรย์เลย แต่พระหกนิ้วที่วัดมหาธาตุฯ สมัยก่อนถือเป็นแหล่งเรียนรู้มาตั้งแต่ก่อนสุโขทัย "พระพุทธรูปหกนิ้วนี้สร้างขึ้นมาเพื่อเตือนสติอารมณ์ว่า ใครพูดหรือบอกอะไรแล้วอย่าเชื่อทั้งหมด องค์สมเด็จสัมมาพุทธเจ้าทรงตรัสว่า ใครบอกอะไรอย่าเชื่อให้บรรลุหรือเรียนรู้ แล้วค้นหาด้วยตัวเอง เพราะบางเรื่องที่มีคนบอกกับเรามาก็ต้องมีเรื่องที่โกหกอยู่บ้าง ดังนั้น เราได้รับฟังอะไรมาก็ต้องพิจารณาให้รอบครอบอย่างมีสตินั่นเอง" นายนริศกล่าว เรื่อง สุทธิคุณ กองทอง ภาพ ประเสริฐ เทพศรี </TD></TR></TBODY></TABLE> --------------------- Ref. http://www.komchadluek.net/2007/08/24/j001_132357.php?news_id=132357
เป็นเรื่องราวที่แปลกและมหัศจรรย์มากจริงๆครับ ทำไมลุงไม่ย้อนไปดูมือที่ตัดว่าหลุดไปอยู่ที่ไหนล่ะครับ จะได้รู้ว่ามือคนหรือมือพระกันแน่
จากข้อความ เพื่อเตือนสติอารมณ์ว่า.... "ใครพูดหรือบอกอะไรแล้วอย่าเชื่อทั้งหมด องค์สมเด็จสัมมาพุทธเจ้าทรงตรัสว่า ใครบอกอะไรอย่าเชื่อให้บรรลุหรือเรียนรู้ แล้วค้นหาด้วยตัวเอง เพราะบางเรื่อง ที่มีคนบอกกับเรามา ก็ต้องมีเรื่องที่โกหกอยู่บ้าง ดังนั้น เราได้รับฟังอะไรมาก็ต้องพิจารณาให้รอบครอบอย่างมีสตินั่นเอง" สาธุ.... ..................................................................................
พระพุทธรูป มี "นิ้วมือ 6 นิ้ว" มีประวัติว่ามีการสร้างขึ้น เพื่อเตือนสติ.... ลองมาดูพระพุทธรูป "นิ้วพระบาท 6 นิ้ว" บ้าง ซิครับ.... จะเชื่อได้ไหม หนอ.... ดูรายละเอียด เพิ่มเติมได้ที่.... http://www.palungjit.org/board/showt...t=75308&page=8 ...................................................................................<!-- / message --><!-- sig -->
ทำไมพระถึงเจ้าชู้ "พระเจ้าชู้" จะดีหรือคะ....แล้วมีคนกราบไหว้หรือเปล่าคะ...หรือว่าท่านตั้งพระพุทธรูปไว้สอนใจเพียงเท่านั้น
ตอนอ่านข่าวจากหนังสือพิมพ์แปลกใจกับเรื่องราวของพระเจ้าชู้ หากพระพุทธคือตัวแทนของพระพุทธเจ้าให้เราได้บูชา เหตุใดพระพุทธรูปนั้นจึงกลายมาเป็นคนแล้วไปอยู่กับผู้หญิงล่ะคะ เพราะพระพุทธเจ้า...พระองค์เสด็จดับขันธปรินิพพานไปแล้ว พระองค์เป็นผู้ไม่มีกิเลสอีกแล้ว หากความสงสัยเป็นการปรามาสพระรัตนตรัย..ก็ขออโหสิกรรมมา ณ ตรงนี้ด้วยค่ะ
อนุโมทนาสาธุครับ อ่านแล้วได้ความรู้เยอะมาก คนโบราณท่านก็ช่างคิดผูกเรื่องราวจนน่าสนใจ ขอบคุณครับที่นำมาบอกกล่าว