ปรอทสำเร็จ ของดีจากตำนาน

คุณ ทิพยจักร ช่วยลงคาถาจักรพรรดิ์หลวงปู่ดู่ให้ผมหน่อยนะครับ จะส่งทางหนี่้หรือทาง pm ก็ได้ครับ ขอโมทนาบุญดเ้วยครับ สาธุ...... ครับ

 

คาถาจักรพรรดิ์ คือคำบูชาพระของหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ โดยท่านได้บทนี้มาจากวัดประดู่ จ.อยุธยา

การท่องให้เริ่มจากการบูชาพระ โดยกล่าวดังนี้ครับ
พุทธัง เม ปูเชมิ
ธัมมัง เมปูเชมิ
สังฆัง เมปูเชมิ

พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ

ทุติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ

ตะติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ

จากนั้นอาราธณาศีล
ปาณาติปาตาเวระมะณี สิกขาปะทังสะมาทิยามิ
อะทินนาทาา เวระมะณี สิกขาปะทังสะมาทิยามิ
อะพรัหมะจริยา เวระมะณี สิกขาปะทังสะมาทิยามิ
มุสาวาทา เวระมะณี สิกขาปะทังสามาทิยามิ
สุราเมระยะมัชชะปะมาทะถานา เวระมะณี สิกขา ปะทังสามาทิยามิ

จากนั้นสวดบูชาหลวงปู่ทวดและหลวงปู่ดู่ท่านก่อนว่านะโม ๓ จบแล้วสวดบูชาว่า
นะโมโพธิสัตโต อาคันติมายะ อิติภะคะวา ๓ ครั้ง
แล้วต่อด้วย นะโมโพธิสัตโต พรหมปัญโญ อีก ๓ ครั้ง

จากนั้นตั้งนะโมแล้วสวดคาถาจักรพรรดิดังนี้

นะโมพุทธายะ พระพุทธะไตรรัตนะญาณ มณีนพรัตน์ สีสะหัสสะสุธัมมา
พุทโธ ธัมโม สังโฆ ยะธาพุทโมนะ พุทธะบูชา ธัมมะบูชา สังฆะบูชา อัคคีทานัง วะรังคันธัง สีวะลีจะมหาเถรัง อะหังวันทามิ ทูระโต อะหังวันทามิธาตุโย อะหังวันทามิ สัพพะโส พุทธะ ธัมมะ สังฆะ ปูเชมิ (ท่องตามกำลังวัน)

เวลาแผ่เมตตาให้ท่องดังนี้
สัพเพพุทธา สัพเพธัมมา สัพเพสังฆา พะลัปปัตตา ปัจเจกานัญจะยังพะลัง อะระหันตานัญจะเตเชนะ รักขันพันธามิสัพพะโส

ท่องบทนี้เสร็จ(กี่รอบก็ได้แล้วจึงท่องว่า พุทธังอธิษฐามิ ธัมมังอธิษฐามิ สังฆังอธิษฐามิ)

ถ้าจะให้ละเอียดนะครับลองเข้าไปดูที่ เว็ปของวัดถ้ำเมืองนะดู จะละเอียดและถูกต้องกว่าที่ผมนำมาลงครับ

อนุโมทนาทุกท่านครับ

 

ขอโมทนาบุญด้วยครับ คุณ ทิพยจักร ผมจะเปิดเวปและจะพยายามสวดทุกวันครับ สาธุ............. ครับ

 

“แร่บางไผ่”
“แร่บางไผ่” จัดได้ว่าเป็นธาตุกายสิทธิ์ที่มีแหล่งแร่เฉพาะใน เขตอำเภอ บางบัวทอง จังหวัดนนทบุรีเท่านั้น โดยในส่วนของพุทธคุณของแร่บางไผ่นั้น จัดได้ว่าเป็นโลหะธาตุที่นักนิยมสะสมพระเครื่องทราบดีว่าเป็นธาตุกายสิทธิ์เมื่อนำมาสร้างเป็นวัตถุมงคลจะทรงพลานุภาพความศักด์สิทธิ์เข้มขลังดังที่พระเกจิโบราณาจารย์ คือหลวงปู่จัน วัดโมลี จังหวัดนนทบุรี เมื่อในครั้งอดีตได้สร้าง”พระปิดตาแร่บางไผ่” ซึ่งจัดได้ว่าเป็นสุดยอดวัตถุมงคลที่คงความนิยมแถวหน้าตลอดมาปัจจุบันนี้การสร้างวัตถุมงคลโดยใช้แร่บางไผ่เป็นมวลสารนั้นไม่ค่อยพบเห็นกันมากด้วยเหตุผลที่ว่าพระผู้ที่เก็บแร่บางไผ่นั้นมีน้อยองค์ขณะเดียวกันพื้นที่เก็บแร่นั้นก็ลดลงตามการขยายตัวของเมือง( ในปัจจุบันพื้นที่บางส่วนกำลังถูกขายออกไปเนื่องจากรถไฟฟ้ากำลังจะสร้างผ่านเส้นทางบางจุด)ที่สำคัญคือการสร้างวัตถุมงคลที่ใช้แร่บางไผ่เป็นมวลสารนั้นทำได้ยาก รวมทั้งวัตถุมงคลไม่สวยสมบูรณ์เหมือนการใช้มวลสารอื่นๆพระครูวิสาลสรคุณ (หลวงพ่อไวพจน์ กตปุญโญ) เจ้าอาวาสวัดสามง่าม อ.บางบัวทองจ.นนทบุรี ซึ่งได้ศึกษาวิธีเก็บและหุงแร่บางไผ่ บอกว่า ถิ่นกำเนิดของแร่บางไผ่ความจริงแร่บางไผ่นั้นไม่ได้เกิดที่บางไผ่ แต่เกิดที่คลองบางคูลัด อ.บางใหญ่จ.นนทบุรี ซึ่งเป็นพื้นที่ดินเหนียวเหมาะแก่การเกษตรกรรมมาก ซึ่งไม่น่าเชื่อว่าจะมีแร่ชนิดหนึ่งซึ่งเมื่อดูผิวเผินแล้วเหมือนดินดานจับปึกและมีในเนื้อที่ไม่กว้างนักชาวบ้านที่อาศัยพื้นที่ทำนาทำสวนไม่ทราบเลยว่านี่คือแร่ชนิดหนึ่งเมื่อนำจากธรรมชาติมาหล่อหลอมด้วยไฟแรงสูงแล้วจะมีสภาพกลายเป็นแร่เหล็กทันทีเพราะแม่เหล็กจะสามารถดูดติด แต่ถ้าอยู่ตามธรรมชาติ แม่เหล็กจะดูดไม่ติด ก่อนการเก็บดินที่มีส่วนผสมของแร่บางไผ่ต้องบวงสรวงขอจากเจ้าที่ก่อนโดยจะเก็บได้เฉพาะในช่วงฤดูฝนเท่านั่น ซึ่งถ้าออกไปเก็บนอกฤดูฝนจะไม่พบปัจจุบันนี้เป็นเรื่องที่น่าเสียดายเพราะพื้นที่บริเวณดังกล่าวจากในอดีตที่เป็นเรือกสวนไร่นากลับกลายเป็นหมู่บ้าน โรงงานไปเกือบหมดแล้ว ทำให้สถานที่เก็บแร่น้อยลงไปด้วยซึ่งเป็นไปได้สูงว่าในอนาคตหากมีการสร้างหมู่บ้านจัดสรรมากๆในที่สุดก็จะไม่มีสถานที่เก็บแร่บางไผ่ >>
"คนอายุร่วม ๑๐๐ ปี เล่าให้ฟังว่า เมื่อก่อนนี้มีมากมายในเนื้อที่ของตนแต่พอมาทีหลังค่อยๆ หายไปโดยไม่มีสาเหตุ และถ้าจะเก็บจะต้องบวงสรวงก่อนมิฉะนั้นจะหาไม่เจอและต้องเก็บในฤดูฝนเท่านั้นเมื่อเก็บแร่มาได้แล้ก็นำมาแช่ไว้ในโอ่งน้ำ โดยน้ำที่ใช้แช่นั้นเป็นน้ำคาวปลา (น้ำที่ล้างตัวปลาที่ทำแล้ว) เมื่อต้องการหุงแร่ก็นำไปผึ่งแดดให้แห้งจากนั้นก็เข้าเตาหลอม เมื่อหลอมก้อนดินที่มีส่วนผสมของแร่บางไผ่ก้อนที่หนัก ๑ กิโลกรัมจะได้เนื้อแร่บางไผ่ประมาณ เพียง ๕ ขีด" หลวงพ่อไวพจน์ กล่าวพุทธคุณของแร่บางไผ่
ตามคติความเชื่อเรื่องพุทธคุณของแร่บางไผ่มีความเชื่อกันว่าความอัศจรรย์ดังกล่าวในการทำพระของหลวงปู่จันนั้นผู้นำไปใช้นำมาเล่าขานกันต่อมาว่า คงกระพันชาตรี แคล้วคลาดปลอดภัย มั่งมีศรีสุข
ในตำนานหลวงปู่จัน ผู้สร้างพระปิดตาแร่บางไผ่ ท่านมีความรู้ในการเล่นแร่แปรธาตุและรู้จักแร่ธาตุต่างๆ เป็นอย่างดีท่านจึงนำแร่ดังกล่าวนี้มาเพื่อจะแปรธาตุให้เป็นทองคำ และท่านกล่าวไว้อีกว่าแร่นี้มีความศักดิ์สิทธิ์ เมตตา คงกระพันอยู่ในตัวแล้ว จึงไม่สามารถเป็นทองคำได้ท่านจึงหันเหจากการแปรธาตุกลับมาทำเป็นพระปิดตายันต์ยุ่งที่ขึ้นชื่อลือชานักหนาปัจจุบันมีการเช่าบูชากันในราคาเกือบล้าน
นอกจากนี้แล้วแร่นั้นเสมือนมีชีวิตถ้าอยู่ตามธรรมชาติจะต้องอยู่ในน้ำเท่านั้นจึงจะนำมาหล่อหลอมแล้วมีธาตุเหล็กเหลืออยู่ถ้าอยู่ที่แห้งนานๆ ถึงแม้นำมาหล่อหลอมก็จะกลายเป็นเถ้าไม่มีธาตุเหล็กหลงเหลืออยู่เลย และก่อนที่จะนำมาหลอม เมื่อนำมาจากธรรมชาติแล้วต้องเลี้ยงด้วยน้ำคาวปลา แร่นั้นจึงจะมีน้ำหนักสมบูรณ์เมื่อมาหล่อหลอมก็จะไล่ขี้ออกได้ง่ายอย่างน่าอัศจรรย์
"นักเดินไพรสมัยก่อนอมพระปิดตาแร่บางไผ่ไว้ในปาก เดินได้เป็นวันๆ ไม่ต้องกินน้ำมีกำลังวังชา คนโบราณเอาพระแช่น้ำมันงาไว้ เอาสำลีจุ่มน้ำมางาทัดหูไปเพียงแค่นั้นก็อยู่คงแล้ว อุปเท่ห์การใช้พระแร่บางไผ่ที่ให้คุณวิเศษอีกอย่างหนึ่งคือท่านให้เอาพระแช่น้ำผึ้งไว้แล้วเอาน้ำผึ้งมากินทุกวัน ท่านว่าทำให้มีกำลัง ไม่เหนื่อยง่าย อายุยืนไปไหนมาไหนก็คล่องแคล่วไม่เจ็บป่วย ที่ดินของชาวบ้านที่มีแร่บางไผ่ไม่มีครอบครัวไหนที่ยากจนเลย มีแต่ครอบครัวมั่งคั่งแร่บางไผ่นั้นเมื่อนำมาทำพระโดยสมบูรณ์แล้ว ต้องแช่น้ำมันงาจึงจะเกิดความสวยงามชุ่มฉ่ำ และดูลึกซึ้งยิ่งนัก" นุ เพชรัตน์ กล่าว

 

พุทธคุณแร่บางไผ่เหมือนหรือใกล้เคียงกับปรอทมาก เพราะลูกศิษย์ที่เอาคตปรอทหลวงปู่ละมัยไปเอาไปแช่น้ำผึ้งกิน ก็ปรากฏว่ามีกำลังวังชาเป็นเหมือนแร่บางไผ่ ดังที่คุณทิพยจักรบอกว่าแร่บางไผ่มีธาตุปรอทอยู่ก็น่าจะเป็นจริง และใช้ได้ดังปรอทเหมือนกัน

 

ขอบคุณที่สนับสนุนด้านข้อมูลครับ เรื่องที่แร่บางไผ่มีปรอทซึมอยู่ภายใน ผมเองได้ความรู้มาจากพระอาจารย์สมศักดิ์ วัดนครอินทร์ ท่านชี้ให้ดูครับว่าแร่บางไผ่ที่แตกๆหักๆแช่อยู่ในน้ำบางก้อนจะเกิดพรายน้ำสีขาวเงินยวงขึ้นมาท่านว่าตัวพรายน้ำนี้ถ้าพ้นน้ำขึ้นมามันจะหายไปและต่อมาไม่นานแร่บางไผ่จะตายกลายเป็นสนิทขึ้นกินกลายเป็นขี้ดินไปหมด ตัวพรายน้ำสีเงินยวงดังกล่าวที่แท้ก็คือปรอทนั่นเอง

 

ขอบคุณมากครับพี่ ไว้เจอกันที่กุฏิพระอาจารย์สมบูรณ์ครับผม

 

อาจารย์โยธินขณะนำปรอทที่ผ่านการเคี่ยวด้วยว่านยาและกำลังหนืดตัวมาปั้นเป็นเม็ดประคำ

 

ทั้งสามองค์นี้เป็นปรอทชุดใหม่ที่ท่านทำเสร็จขึ้นมา ครับ

 

บรมครูพู่พู่อ่อง นักสิทธิ์แห่งเมืองมอญที่มีชีวิตอมตะ เป็นหนุ่มตลอดกาล สำเร็จฌานสมาบัติสูงสุด สำเร็จปรอทจนเป็นผู้มีฤทธิ์ที่ทั้งชาวพม่า มอญ กระเหรี่ยง ไทยให้ความนับถือ กล่าวว่าผู้ใดมีบุญท่านจะมาโปรดรับไปเป็นศิษย์ อาจารย์โยธินปั้นขึ้นบูชาครูด้วยตัวท่านเอง

เรื่องการปั้นครูบูชาครูท่านบอกว่าสมัยก่อนท่านก็ใช้สูตรนี้เคี่ยวปรอทมานานแต่ไม่สำเร็จ พอเริ่มนั่งสมาธิ บวงสรวงครู และปั้นฤๅษีและองค์ครูขึ้นบูชา ปรอทกลับสำเร็จขึ้นมาเป็นทั้งปรอทเพชรและปรอทเมฆสิทธิ์อย่างน่าอัศจรรย์ แบบนี้แหละครับที่ท่านเรียกว่าแรงครู

 

เบี้ยแก้ของดีอีกอย่างที่อาจารย์โยธินจัดสร้างขึ้นมา โดยการนำเอาปรอทเหล็กที่ผ่านการซัดด้วยว่านยา มาบรรจุลงไปในเบี้ยแก้ เพื่อสะดวกในการพกพาไปในที่ต่างๆ มีอำนาจด้านกันเขี้ยวงา ลมเพลมพัด และใช้ดูดพิษแมลงสัตว์กัดต่อยได้ด้วย

 

พระปิดตาสำเร็จปรอท จากเหล้กปรอทที่เคี่ยวด้วยว่านยาจนหมดเชื้อเหล็ก เมื่อทิ้งไว้ให้โดนอากาศจะกลับสีเป็นสีน้ำตาลอมทอง องค์นี้อาจารย์โยธิน คล้ายดี น้อมถวายให้พระอาจารย์สมบูรณ์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดหงษ์รัตนาราม คณะ ๔

ขออนุโมทนากับอาจารย์ด้วยครับ

 

ได้ความรู้ใหม่ๆๆอีกแล้วครับ ขอบคุณมากครับ

 

ขอบคุณที่ติดตามกระทู้ครับ

 

มีผู้ถามมาว่า ปรอทเหล็กกับปรอทตะกั่วต่างกันอย่างไรเห็นว่าเป็นคำถามที่ดีเลยยกมาตอบที่นี่ครับ

ขอตอบอย่างละเอียดว่า

๑ ปรอทเข้าตะกั่วถูมือแล้วดำ แต่ปรอทเหล็กถูมือไม่ดำ

๒ ปรอทเหล็กถ้าหุงใหม่ๆเอาแม่เหล็กมาล่อก็ดูดติด และแน่นอนว่าปรอทตะกั่วแม่เหล็กดูดไม่ติด

๓ ปรอทตะกั่วมีกลิ่นเหม็น ปรอทเหล็กไม่มีกลิ่น

๔ ปรอทตะกั่วไม่สามารถกลับสีตัวเองแต่ปรอทเหล็กสามารถกลับสีเป็นสีทองหรือเขียวอมทองได้

๖ ปรอทเหล็กที่หุงมาดีแล้วจะกินทองน้อย แต่ปรอทตะกั่วปิดทองคำเปลวไปเท่าไหร่ก็หายไปหมด

๗ ปรอทเหล็ก ขนาดเท่ากับปรอทตะกั่ว ปรอทเหล็กจะมีน้ำหนักเบากว่า

๘ปรอทเหล็กที่หุงมาดีแล้วจะไม่เป็นน้ำเยิ้มเหมือนปรอทตะกั่ว

ลองเอาข้อเหล่านี้ไปเปรียบเทียบครับ แต่เข้าใจว่าถ้าดูจากกระทู้นี้จะเห็นภาพของลูกปรอทเหล็กชัดเจนและความแตกต่างที่ชัดเจนในตัวอยู่แล้วครับ

 

สวัสดีค่ะ ห่างหายไปนานค่ะแต่มานั่งย้อนอ่านหลายๆหน้าค่ะ...วันนี้มีเรื่องสอบถามคุณทิพยจักรค่ะว่า การหุงปรอทโดยไม่ใช้ว่านยาซัดฆ่าพิษปรอท แต่ใช้สมาธิจิตหุงปรอท จะสามารถทำให้ปรอทแข็งตัวได้ไหมคะ...

แล้วถ้าหุงในคืนวันเพ็ญพระจันทร์เต็มดวงขึ้น 15 ค่ำ เคยมีตำราบ่งบอกไว้หรือไม่ค่ะ...

อยากสอบถามค่ะไม่ได้ลองภูมินะคะ ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ

 

คำถามนะครับ ที่ว่าใช้พลังจิตอย่างเดียวโดยไม่อาศัยว่านยาเลยฆ่าพิษปรอทและทำให้ปรอทแข็งตัวได้หรือไม่


ตอบครับ ว่าได้ จิตนี้เมื่อมีกำลัง มีศักยภาพ ย่อมสามารถแปรธาตุหรือชำระธาตุให้บริสุทธิ์ได้ เสมือนหนึ่งผู้ทรงฌานและพระอริยะเจ้าที่สามารถแปรสภาพธาตุขันธ์ตัวเองให้ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง เนื้อ ฯลฯ กลายเป็นธาตุหรือพระธาตุ อันสมควรแก่การสักการะบูชาของมนุษย์และเทวดาได้

มีตัวอย่างเรื่องนี้จากเรื่องของหลวงปู่ชุ่ม โพธิโก วัดพระบาทวังมุย จ.ลำพูน ที่ท่านเล่าไว้ว่าอาจารย์ของท่านเพ่งปรอทให้แข็งตัวสำเร็จเป็นแก้วจักรพรรดิ ส่วนองค์ท่านเองสามารถเพ่งปรอทให้แข็งตัวกลายเป็นแก้วราหูได้ แสดงให้เห็นว่าอำนาจจิตชั้นสมาบัติ ผนวกกับวาสนาเดิมที่สั่งสมมาด้านนี้ย่อมสามารถทำให้ปรอทแข็งตัวได้กลายเป็นกายสิทธิ์ได้ครับ

ตัวอย่างที่สองเรื่องของเซียนสู พรหมเชยธีระ ท่านก็ใช้สมาบัติเพ่งปรอทให้แข็งตัวเช่นกัน ปรอทของท่านสามารถเสด็จไปมาได้เองตามอัธยาศัยลูกศิษย์ของท่านทุกคนที่ได้ปรอทไว้ปรากฏว่าปรอทหนีหายหมดไม่มีใครสามารถรักษาไว้ได้สักคน

จิตถ้าฝึกฝนมาเป็นอย่างดี จนได้คุณสมบัติอันเลิศแล้วย่อมเป็นแก้วสารพัดนึกในตัวเอง ครับ

ส่วนการหุงปรอทในวันเพ็ญนั้น ถ้าตามตำราที่ค้นคว้ามิได้กล่าว แต่จากการที่เคยสอบถามอาจารย์โยธิน พบว่าการหุงปรอทนั้นต้องมีฤกษ์ยามที่เหมาะสมครับ พลังจากดวงดาวย่อมส่งผลกับการหุงธาตุ เรื่องนี้เกี่ยวข้องกันครับ สรรพสิ่งในโลก-จักรวาลล้วนผูกพันโยงใยกันอย่างซับซ้อน อำนาจของดวงจันทร์ ดวงอาทิตย์ ดวงดาวต่างๆส่งรังสีที่มีอิทธิพลและผลกระทบต่อชีวิตมนุษย์ รวมทั้งจิตใจและผลต่อธาตุต่างๆภายในโลก


ขอตอบไว้เพียงเท่านี้ เป็นคำถามที่ดีมากครับ

 

อีกคำถามหนึ่งที่ส่งเข้ามา ตอบไปแล้วทางข้อความส่วนตัวแต่เห็นว่ามีประโยชน์เลยนำมาตอบไว้ด้านหน้ากระทู้ด้วย

คำถามว่าปรอทเข้าตะกั่วสามารถนำมาสวดภาวนาด้วยคาถาบทจักรพรรดิ์ได้หรือไม่


ตอบว่าได้ครับ ของเครื่องมงคลแทบทุกอย่างสามารถนำมาประจุด้วยการสวดบทจักรพรรดิ์ได้ครับ อธิษฐานให้ปรอทเป็นประดุจแก้วจักรพรรดิ คอยแผ่เมตตาบารมีจากพระรัตนตรัย หลวงปู่ทวดหลวงปู่ดู่ ออกมาเสมอ แบบนี้ก็ยิ่งเป็นมงคล

ขอส่งเสริมการภาวนาและขออนุโมทนากับทุกท่านที่กำลังทำความเพียรอยู่ครับ

 

ขอบพระคุณเป็นอย่างสูงเลยค่ะที่ตอบข้องข้องใจ

 

ปรอทพรหมที่ดักมาจากทางฝั่งลาว นำแผ่นทองคำเปลวให้กินค่ะวันแรกเลยถ่ายรูปมา

<a href="http://image.ohozaa.com/view2/wEVUjZLba2DpNwQS" target="_blank"><img border="0" src="http://image.ohozaa.com/i/a2b/yHicXT.jpg" /></a>

<a href="http://image.ohozaa.com/view2/wEVUoBu2QEbLBfUi" target="_blank"><img border="0" src="http://image.ohozaa.com/i/94a/0pW9Pf.jpg" /></a>

<a href="http://image.ohozaa.com/view2/wEVUtVah6f2Rahaf" target="_blank"><img border="0" src="http://image.ohozaa.com/i/e48/5o5Fl8.jpg" /></a>

<a href="http://image.ohozaa.com/view2/wEVUywT8MSleKYRN" target="_blank"><img border="0" src="http://image.ohozaa.com/i/cf4/MxoA2j.jpg" /></a>