พุทธศาสนา ประจำชาติอิตาลีแล้ว ราวสิบกว่าปีมาแล้ว สื่อมวลชนในยุโรปได้แถลงกันยกใหญ่ว่า พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาที่จะเติบโตเร็วที่สุดในสมัยศตวรรษที่ 21 เพราะเห็นว่ากระแสผู้นับถือเติบโตเร็วมากทั้งในทวีปยุโรป, ออสเตรเลีย และอเมริกาเหนือ ไม่ว่าฝรั่งเศส, เยอรมนี, อิตาลี, อังกฤษ, สเปน, ออสเตรเลีย ฯลฯ วัดวาอารามผุดขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง คนเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการนำพระพุทธศาสนาเข้าสู่ประเทศฝรั่งเหล่านี้แต่ไหน แต่ไรมาส่วนมากแล้วนับถือศาสนาคริสต์มาก่อน และกระแสชาวคริสต์หันมานับถือพระพุทธศาสนานี้ก็ก่อตัวอย่างต่อเนื่องมา ตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 19 ประเทศยุโรปบางแห่ง เช่น อิตาลีได้มีการเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญ ยกพระพุทธศาสนาให้เป็นหนึ่งในศาสนาสำคัญของชาติ ไม่ต่างอะไรกับศาสนาคริสต์ สมเด็จพระสันตปาปา จอห์น ปอล ที่สองซึ่งเป็นประมุขของคริสตจักร นิกายโรมันคาทอลิก ทรงมองเห็นกระแสดังกล่าว ครั้งได้ประทานสัมภาษณ์แก่วิตโดริโอ เมสซุรี่ นักเขียนและนักสื่อมวลชนที่มีชื่อของอิตาลี เมื่อ ค.ศ. 2536 อันเป็นช่วงที่มีการเฉลิมฉลองครบ 15 นับแต่ที่พระองค์ได้ ทรงรับเลือกให้ดำรงตำแหน่งสมเด็จพระสันตปาปา จึงทรงตั้งพระทัยวิพากษ์วิจารณ์เนื้อหาพระพุทธศาสนาอย่างตรงๆ ต่อมาบทประทานสัมภาษณ์ซึ่งมีหลายตอนนี้มาพิมพ์รวมเล่มในรูปหนังสือชื่อ Crossing the Threshhold of Hope (London, Jonathan Cape, 1994) มีทั้งหมด 244 หน้า (รวมดรรชนีคำศัพท์) ตอนที่ทรงวิพากษ์วิจารณ์คำสอนพระพุทธเจ้า (ซึ่งทรงเข้าพระทัยผิดๆ อยู่มาก) อยู่ในบทที่ 12 มีทั้งหมด 7 หน้า (ตั้งแต่หน้า 84-90) สาเหตุที่ทรงวิจารณ์พระพุทธศาสนา มีกล่าวชัดในบทประทานสัมภาษณ์ กล่าวคือทรงต้อง การเตือนสติชาวคริสต์ทำนองว่าไม่ควรด่วนเข้าไปนับถือคำสอนพระพุทธศาสนา แต่ควรใช้วิจารณญาณ (For this reason, it is not inappropriate to caution those Christians who enthusiastically welcome certain ideas originating in the religious traditions of the Far East, pp.89-90) ที่เป็นดังนี้ เพราะกระแสคนหันมานับถือพระพุทธศาสนา และช่วยกันเผยแผ่พระพุทธศาสนาอย่างแข็งขันในยุโรป ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันมักเป็นชาวคริสต์มาก่อน หลายคนเคยเป็นบาทหลวงระดับสูง ต่อมาก็มีฝรั่งนักวิชาการชาวพุทธหลายคนทั้งพระ ทั้งฆราวาส ซึ่งเคยเป็นชาวคริสต์มาก่อน ได้เขียนตอบโต้พระองค์ลงวารสารต่างๆ มากมาย ที่โดดเด่นก็ คือ กลุ่มพระสงฆ์ชาวอิตาเลี่ยนในอิตาลี นำโดย พระฐานวโร ได้เข้าเฝ้าเพื่อทูลชี้แจงให้สมเด็จพระสันตปาปาทรงทราบด้วยซ้ำว่าทรงอธิบาย พระพุทธศาสนาผิดๆ ยุโรปตอนนี้จึงเหมือนอินเดียครั้งพุทธกาล ศาสนาเดิมที่ผู้คนนับถือคือศาสนาพราหมณ์ แต่เมื่อพระพุทธเจ้าทรงประกาศพระศาสนาก็มีผู้เคยนับถือศาสนาพราหมณ์มานับถือ และขวนขวายเผยแผ่พระพุทธศาสนาเป็นการใหญ่ ที่จริงแล้ว พระพุทธเจ้าไม่ได้ทรงเดือดเนื้อร้อนพระทัยว่าใครจะหันมานับถือศาสนาของ พระองค์หรือไม่ ทรงสอนให้ผู้ฟังเทศน์ของพระองค์รู้จักไตร่ตรองหาเหตุผลให้รอบคอบก่อนถึงจะ เชื่อ หลายคนที่หันมานับถือคำสอนของพระองค์เคยให้ความอุปถัมภ์ศาสนาอื่นมาก่อนก็มี พระองค์ก็ทรงแนะให้คนเหล่านี้กลับไปคิดให้รอบคอบก่อนตัดสินใจ มิหนำซ้ำพระองค์ยังคงแนะให้บรรดาผู้หันมานับถือพระพุทธศาสนาเหล่านี้ยังคง อุปถัมภ์บำรุงศาสนาอื่นๆ ที่ตนเคยนับถือตามปกติไปด้วย แต่เดิม ศาสนาคริสต์ถูกลัทธิมาร์กซ์โจมตีอย่างรุนแรงมาร์กซ์ได้ประณามศาสนาว่า คือยาเสพติด เพราะสอนให้ประชาชนศรัทธาแบบหัวปักหัวปำโดยไม่ใช้ปัญญาไตร่ตรอง หลายอย่างขัดแย้งหลักวิทยาศาสตร์ เช่น โลกแบน, โลกเป็นศูนย์กลางของจักรวาล ฯลฯ นักวิทยาศาสตร์ที่ค้นพบความจริงใหม่ ๆ หลายคนถูกศาสนจักรลงโทษจนตายในคุก แต่เมื่อพระพุทธศาสนาเข้าสู่ยุโรป พระพุทธศาสนาได้สอนให้ปัญญาชนชาวยุโรปได้เข้าใจความหมายของ Religion เสียใหม่ว่า ศาสนาของพระพุทธเจ้าคือคำสอน ซึ่งทรงสอนให้ผู้ฟังใช้ปัญญาพิจารณาอย่างถ่องแท้ก่อนจะปลงใจเชื่อ ไม่ใช่เทวโองการ (Gospel)จากพระเจ้าซึ่งแย้งไม่ได้ พระสงฆ์หรือพุทธสาวกก็มิใช่มิชชันนารี ซึ่งมีภารกิจหลักคือจาริกไปชี้ชวนให้ใครต่อใครมานับถือพระศาสนา พระสงฆ์หรือพุทธสาวกมีหน้าที่เพียงอธิบายคำสอนของพระพุทธเจ้าให้ คนที่สนใจฟังเท่านั้น ใครไม่สนใจฟัง ชาวพุทธก็ไม่เคยใช้กฎหมายหรือรัฐธรรมนูญบังคับให้นับถือ ไม่เคยตั้งกองทุนให้การศึกษาฟรี แล้วสร้างเงื่อนไขให้ผู้รับทุนเปลี่ยนมาเป็นชาวพุทธ ไม่เคยสร้างที่พักอาศัยให้หรือแจกทานให้อาหารฟรีๆ แล้ววางเงื่อนไขให้คนมาขออาศัยตนต้องหันมานับถือศาสนาในภาวะจำยอม ขณะที่ศาสนาคริสต์ต้องใช้ความพยายาม อย่างหนักเพื่อดึงศรัทธาชาวยุโรปให้นับถือเหมือนเดิม ในเวลาเดียวกัน ก็พยายามแสวงหาผู้นับถือใหม่ๆ ในประเทศเอเชียให้มากยิ่งขึ้น ความใจกว้างและมีหลักคำสอนที่เป็นสัจธรรม เชิญชวนให้มาพิสูจน์ด้วยการปฏิบัติเองและเน้นให้ใช้ปัญญาไตร่ตรองให้รอบคอบ ก่อนนับถือ ทำให้พระพุทธศาสนาได้รับการยอมรับจากวิญญูชนไปทั่วโลก นักปรัชญาและนักวิทยาศาสตร์ดัง ๆ ระดับโลกจำนวนมาก เช่น โซเพน ฮาวเออร์, ไอน์สไตน์ ต่างหันมานับถือพระพุทธศาสนา นับแต่พระพุทธศาสนาเข้ายุโรปสมัยศตวรรษที่ 19 ก็มีงานวิจัยหลายชิ้นแสดงสถิติว่าคนยุโรปและอเมริกาชาติต่าง ๆ หันมาเข้าวัดในพระพุทธศาสนามากขึ้นบ้าง ประกาศตนเป็นพุทธมามกะมากขึ้นบ้าง สถานปฏิบัติธรรมทางพระพุทธศาสนาซึ่งรวมทั้งวัดวาอารามเพิ่มขึ้นที่นั่นที่ นี่ประจำบ้าง เดือน ธ.ค. ที่ผ่านมาก็มีข่าวออกมาอีกว่า ดาราฮอลลี้วูดอังกฤษ ชื่อ ออร์นันโด บลูม ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้แสดงนำในหนังเรื่อง The Lord of the Rings ได้ทำพิธีประกาศตนเป็นพุทธมามกะต่อหน้าสาธารณชนอย่างเป็นทางการไปเรียบร้อย แล้ว ระหว่างทหารอเมริกันพยายามไล่บี้ทหารอิรักอย่างเมามันตามคำสั่งของ ประธานาธิบดีบุชไม่นานมานี้ ทหารอเมริกันคนหนึ่งนามว่า เจเรมี่ ฮินซ์แมน วัย 26 ปี ได้ตัดสินใจหนีทัพอเมริกาในอิรักไปปักหลักลี้ภัยในแคนาดา เขาให้เหตุผลว่าสงครามที่อเมริกาทำกับชาวอิรักเป็นสงครามผิดกฎหมาย ประเด็นที่น่าสนใจก็คือเขาเป็นชาวพุทธที่สนใจปฏิบัติธรรมคนหนึ่ง เขาให้สัมภาษณ์ว่าคำสอนพระพุทธศาสนาสอนให้เขาไม่อยากทำสงคราม เขาตั้งปฏิญาณว่าจะรับใช้ชาติหรือพิทักษ์ชาติจากการรุกรานของข้าศึกศัตรู แต่มิใช่ไปทำสงครามแบบก้าวร้าวต่อชาติอื่นดังที่ทหารอเมริกันกำลังทำอยู่ใน อิรักเวลานี้ ผมได้ข่าวจากหนังสือพิมพ์ Lanka Daily News ในลังกาตั้งแต่ 23 ต.ค. ที่แล้วว่าปัจจุบันพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาที่เติบโตเร็วที่สุดในแคนาดา ประเทศแคนาดาเป็นประเทศที่มีพื้นที่กว้างที่สุดในอเมริกาเหนือ พระพุทธศาสนาเข้าแคนาดาในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 และมาบูมขึ้นตั้งแต่ช่วงทศวรรษ 2503-2513 (1960s) เป็นต้นมา ช่วงนั้นมีการสำรวจพบว่าวัดชาวพุทธมีแค่ 18 วัด มีชาวแคนาดาปฏิบัติธรรมราวๆ 10,000 คน แต่เมื่อสำรวจผู้นับถือพระพุทธศาสนาอีกครั้งในพ.ศ. 2528 ชาวพุทธมีเพิ่มขึ้นเป็น 50,000 คน หกปีหลังจากนั้นคือพ.ศ. 2534 รัฐบาลสำรวจคร่าวๆ อีกครั้งพบว่าผู้ประกาศตนเป็นพุทธมามกะมีเพิ่มเป็น 163,415 คน รัฐมาสำรวจครั้งล่าสุดอีกครั้ง เมื่อพ.ศ. 2544 พบว่าพุทธมามกะแท้ ๆ มีไม่ต่ำกว่า 5 แสนคน แซงหน้าจำนวนผู้นับถือศาสนาฮินดูและศาสนาซิกข์ ซึ่งเคยตามหลัง จำนวนผู้นับถือยังเติบโตแบบก้าวกระโดดเช่นนี้ทุกปี ผลสำรวจยังบอกว่าวัด, สถานที่ปฏิบัติธรรม หรือศูนย์กลางของชาวพุทธในแคนาดาตอนนี้มีเกือบๆ จะถึงหนึ่งพันแห่งทั่วประเทศ เมืองที่มีชาวพุทธมากที่สุดคือ ออนตาริโอ, บริติชโคลัมเบีย และควิเบก ข่าวยังลงด้วยว่าแม้จำนวนคนนับถือจะยังอยู่เรือนแสน แต่จำนวนผู้แสดงความสนใจและเริ่มศึกษาพระพุทธศาสนาบ้างแล้วมีหลายล้านคนทั่ว ประเทศ เมื่อ 9 พ.ย. ที่ผ่านมา โฆษกประจำรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย กระพือข่าวว่า องค์ทะไลลามะจะได้รับอนุญาตให้เข้ารัสเซีย หลังจากถูกแบนเพราะเกรงจะกระทบความสัมพันธ์กับจีน หลังจากรัสเซียเซ็นสัญญามิตรภาพกับจีน เมื่อ พ.ศ. 2544 แต่ชาวรัสเซียก็แสดงจุดยืนชัดเจน ว่าองค์ทะไลลามะจะมาเยือนด้วยภารกิจศาสนา เมื่อกระแสประชาชนเรียกร้องหนักขึ้น รัสเซียก็ยอมอนุญาตให้ท่านเข้ารัสเซียแต่โดยดี ปลาย พ.ย.ที่ผ่านมา ท่านทะไลลามะจึงมีโอกาสแสดงธรรมโปรดพุทธบริษัทและประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก ที่เมืองกัลมิเกีย ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงมอสโกประมาณหนึ่งพันไมล์ ชาวรัสเซียหลายคนในเมืองนี้มีบรรพบุรุษเป็นชาวมองโกลซึ่งอพยพจากทางตะวันตก ของจีนเข้าสู่รัสเซียเมื่อราว 4 ร้อยกว่าปีมาแล้ว พระพุทธศาสนาที่นำเข้ามาจึงเป็น พระพุทธศาสนาแบบทิเบต ผลปรากฏว่า มีชาวพุทธและผู้สนใจทั่วๆ ไปชาวรัสเซียแห่กันมาฟังธรรมล้นหลามเป็นจำนวนหลายพันคน ผู้สื่อข่าวรายงานลงใน Ireland Online ว่าจากจำนวนประชากรของเมืองนี้ ทั้งหมดราว 3 แสนคน ประมาณครึ่งหนึ่งนับถือพระพุทธศาสนา รัสเซียมีประชากรราว 144 ล้านคน ในจำนวนนี้มีราว 1 ล้านคน ที่ประกาศตนเป็นพุทธมามกะ ผมดูภาพรวมพระพุทธศาสนาจากข่าวสารต่างๆ แล้วก็รู้สึกได้ว่าวัฒนธรรมแบบพุทธกำลังเติบโตและเบ่งบานในหลาย ๆ ประเทศของทวีปยุโรป, ออสเตรเลีย และอเมริกาบางแห่ง เช่น รัสเซียแม้จะเติบโตช้า แต่ปีที่กำลังจะผ่านไปนี้ก็เริ่มมีการติดต่อกันอย่างใกล้ชิดมากขึ้น ผมคิดว่าปัญญาชนในประเทศทุนนิยมทั่วโลกเวลานี้คงเอือมระอากับ “ทุนนิยมเสรี” หรืออีกชื่อหนึ่งว่า กระแสโลกาภิวัตน์กันไม่น้อยและก็คงเห็นชัดเจนแล้วว่ามีแต่ศาสนาเท่านั้นที่ จะช่วยเปลี่ยนให้มนุษย์มีความเป็นผู้เป็นคน(ใจสูง) มากขึ้น ท่ามกลางกระแสสังคมที่มีแต่นายทุนจอมตะกละตะกรามแสวงหากำไรสูงสุดอยู่ทุก แห่ง ดังนั้น จึงเริ่มผ่อนปรนให้ผู้นำศาสนาทำงานได้สะดวกขึ้น ที่มา : ดร.ปฐมพงษ์ โพธิ์ประสิทธินันท์ คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
ความปิติที่เกิดกับผม ทำให้การบรรยายด้วยคำพูดไร้ความหมายโดยสิ้นเชิง "พุทธกิจ" โดยพุทธสาวก โดยพระธรรมฑูต โดยพุทธบริษัทแบบอนันไตย ไร้ขอบเขตโดยสิ้นเชิง โดยสัจจะแห่งสากลโลกธาตุ ด้วยจิตอันเป็นพุทธะ ด้วยจิตอันเป็นกุศล ส้พเพเตอันตะยารามี วินาสสันตุ อะเสสะโต อันตรายทั้งหลายที่จะบังเกิดกับโลกธาตุ จงวินาสจบสิ้นไปด้วยตัวมันเอง ณ บัดนี้ ด้วยเดชแห่งจิตอันเป็น พุทธะ ทั้งมวล
อ่านข้อความเบื้องต้นแล้ว เกิดความปิติยินดีมากคะ ที่ชาวต่างประเทศแทบยุโรป หันมานับถือศาสนาพุทธ เพราะศาสนาพุทธเป็นคำสอน จากองค์พระสัมมา สัมพุทธเจ้า ใครนำไปปฏิบัติ ก็จะรู้ด้วยตนเอง เกิดผลเกิดประโยชน์ และมีเหตุมีผลพิสูจน์ได้ ศาสนาพุทธไม่ได้เป็นศาสนาตามความเชื่อและงมงายคะ สาธุบุญรักษาคะ
แต่เป็นห่วงศาสนาพุทธในประเทศไทยมาก เรากำลังถูกทลายจากพระภิกษุ และ ฆารวาส ดั่งเป็นข่าวมาให้เราชาวพุทธ ต้องเศร้าสลดใจ ในพฤติกรรมที่เลวร้าย ที่ผ่านๆมา เป็นดั่งที่พระพุทธองค์ ทรงตรัวไว้ว่า พระพุทธศาสนาจะเสื่อมลง เพราะพวกเรากันเอง มิใช่ใครอื่นมาทำลาย
ผมอ่านแล้วเกิดปิติจนน้ำตาไหลเลยครับ ตัวผมเองเคยเปลี่ยนไปนับถือคริสต์อยู่ช่วงหนึ่ง และ ได้เป็นนักบวชคริสต์ (Christian Brother) ด้วย อยู่เกือบ 6 ปี เพราะตอนนั้นไปเรียนต่อปริญญาโท ที่อเมริกา และ รัฐที่ผมอยู่ก็ไม่มีวัดไทยเลย มี Missionary จาก 2 นิกาย มาแย่งกันสอน คัมภีร์ไบเบิลให้ผม จนพวกเค้าแทบจะทะเลาะกันเลย เวลาเจอกันหน้าบ้านผม (อาจเพราะผมขาดที่พึ่งทางใจในช่วงที่อยู่ที่อเมริกาครับ เลยเปลี่ยนไปเป็นคริสต์ และตอนนั้นผมอาจจะยังไม่ใช่ชาวพุทธที่ดีพอ) ยังโชคดีที่เมื่อผมกับมาเมืองไทย ญาติพี่น้องไม่เห็นด้วยที่ผมไปนับถือคริสต์ เพราะ ผมจะเคร่งมาก แล้วเที่ยวไปสอนคนนั้นคนนี้ เค้าคงรำคาญหนะ ดีนะที่เค้าไม่เออออไปกับผม ไม่งั้นผมคงไม่มีสิ่งเตือนใจ และได้กลับมาเป็นชาวพุทธอีกครั้ง ผมจะเป็นชาวพุทธไปจนวันตายและจะขอเกิดในศาสนาพุทธในทุกๆชาติครับ • สิ่งที่ดีมากๆ คือผมได้กลับมาศึกษา ปฏิบัติธรรมในทางพุทธศาสนามาเป็นเวลา เกือบจะ 10 ปี ทุกวันนี้ ทำทาน, รักษาศีล, และ ทำสมาถะและวิปัสสนากรรมฐาน เสมอครับ • ไปบวชพราห์ม และ บวชพระ ถ้ามีโอกาสเสมอครับ รักพุทธศาสนา มากๆ โชคดีที่เกิดมาเป็นคนไทยได้พบพระพุทธศาสนา จริงๆ ครับ ผมจะพยายามทำให้ดับไม่มีเชื้อ (นิพพาน) ให้เร็ว ที่สุดครับ ทั้งนี้ก็ขึ้นกับอำนาจวาสนาบารมีของผมด้วยนะครับว่าจะได้ถึงเมื่อไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องขอบพระคุณ หลวงปู่ หลวงตา คุณครูบาอาจารย์ทุกท่านที่ได้ช่วยกันเผยแผ่พระพุทธศาสนาไปทั่วโลกครับ ตื้นตันใจจริงๆ ครับ
อนุโมทนาในบทความที่สร้างความเลื่อมในและศรัทธา ปสาทะในคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายิ่งขึ้นครับ
ต่อท้ายบทความให้จะได้สมบูรณ์ ในขณะที่ ประเทศสารขัณฑ์ที่กล่าวว่าเป็นศูนย์กลาง ศาสนาพุทธของโลก กลับมีเรื่องราว ฉาวโฉ่ ไม่เว้นแต่ละวัน (ล่าสุดเช้านี้ก็ เณรตุ๊ดแต๋วแตก แหกชิมิ) ทั้งงมงาย ละทิ้งคำสอนเดิม เจ้าพ่อ เจ้าแม่ ลัทธิแอบอ้างศาสนาเต็มบ้านเต็มเมือง เราจะเอาไงกันดี...
ระหว่างทหารอเมริกันพยายามไล่บี้ทหารอิรักอย่างเมามันตามคำสั่งของ ประธานาธิบดีบุชไม่นานมานี้ ทหารอเมริกันคนหนึ่งนามว่า เจเรมี่ ฮินซ์แมน วัย 26 ปี ได้ตัดสินใจหนีทัพอเมริกาในอิรักไปปักหลักลี้ภัยในแคนาดา เขาให้เหตุผลว่าสงครามที่อเมริกาทำกับชาวอิรักเป็นสงครามผิดกฎหมาย ประเด็นที่น่าสนใจก็คือเขาเป็นชาวพุทธที่สนใจปฏิบัติธรรมคนหนึ่ง เขาให้สัมภาษณ์ว่าคำสอนพระพุทธศาสนาสอนให้เขาไม่อยากทำสงคราม เขาตั้งปฏิญาณว่าจะรับใช้ชาติหรือพิทักษ์ชาติจากการรุกรานของข้าศึกศัตรู แต่มิใช่ไปทำสงครามแบบก้าวร้าวต่อชาติอื่นดังที่ทหารอเมริกันกำลังทำอยู่ใน อิรักเวลานี้ น่าสนใจว่า ชายคนนี้มีหิริโอตตัปปะ มีคุณธรรมของความเป็นนักรบที่แท้ (ซึ่งไม่สามารถวัดได้จากเครื่องแบบ) เป็นการตัดสินใจอันกระทำได้ยากยิ่งในโลกยุคปัจจุบัน โดยเฉพาะการขัดขืนผู้บังคับบัญชาหรือผู้ที่มีอำนาจกว่า ทั้งที่จริงแล้วผู้เข้มแข็งควรเป็นฝ่ายปกป้อง ไม่ใช่ผู้ทำลายหรือทำร้ายผู้ที่อ่อนแอกว่า
พุทโธอัปปมาโณ ธัมโมอัปปมาโณ สังโฆอัปปมาโณ สฺวากฺขาโต ภควตา ธมฺโม สนฺทิฏฺฐิโก อกาลิโก เอหิปสฺสิโก โอปนยิโก ปจฺจตฺตํ เวทิตพฺโพ วิญฺญูหิ
แสดงว่าอิตาลีเริ่มเบิกบานด้วยธรรมของพระพุทธเจ้า จะมีผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน อีกมากมาย สงสารแต่ที่เมืองไทย อีกพวกพระแต๋วไม่รู้ว่าจะมาบวชทำไม เขาห้ามบวชตั้งแต่แรกแล้ว อยากกินข้าวฟรีมั้ง ใครที่รู้ตัวว่าไม่เข้าท่าก็สึกไป แล้วจะแหวกซิมิๆแบบไหนก็ได้ ไม่มีใครว่า แต่ถ้าบวชอยู่ทำมันน่าเกลียด น่ารังเกียจ เพราะมันผิดวินัย พ่อแม่ควรสอดส่องด้วยไม่ใช่บวชแล้วได้บุญ ถ้ารู้ว่าลูกหลานเป็นแบบนี้ก็อย่าให้บวชเลย
อนุโมทนา สาธุ....ฝรั่งศิโรราบยอมรับแล้วมีดวงตาเห็นธรรมแล้ว ไทยล่ะไม่ยอมรับแถมยังคัดค้านเพราะฝ่ายการเมืองนี่แหละจมอยู่ในกิเลส กิน กาม เกียรติ มืดบอดแม้กระทั่งไม่ยอมประกาศให้ศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติทั้งๆที่ตนเองก็นับถืออยู่