เมื่อพระอภิญญาท่านว่า...

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย toplus99, 20 พฤศจิกายน 2011.

  1. ภิศรณ์

    ภิศรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 เมษายน 2012
    โพสต์:
    278
    ค่าพลัง:
    +1,495
    เยี่ยมเลยค่ะพี่ต้อยของหนู ต้องอย่างนี้สิคะสุดยอด มอง+ดีจังค่ะ(f)

    คุณtoplus99เจ้าขา แน่ใจนะเจ้าคะว่าจะไม่ขอทั้งยาแผนปัจจุบันจากแม่ต้อย หรือ แผนไทยสมุนไพรสุดล้ำลึก จากคุณpegaojung ถ้าอย่างนั้นก็เจ๋งค่ะ มาให้กำลังใจเป็นกองเชียร์อยู่ค่ะ
    chearr
     
  2. pegaojung

    pegaojung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    1,720
    ค่าพลัง:
    +9,448
    น้อมกราบ สมเด็จองค์​ปฐม _/\_
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • image30.jpeg
      image30.jpeg
      ขนาดไฟล์:
      690.8 KB
      เปิดดู:
      49
    • image30.1.jpeg
      image30.1.jpeg
      ขนาดไฟล์:
      164.4 KB
      เปิดดู:
      46
    • image30.2.jpeg
      image30.2.jpeg
      ขนาดไฟล์:
      907.9 KB
      เปิดดู:
      46
    • image30.3.jpeg
      image30.3.jpeg
      ขนาดไฟล์:
      24.6 KB
      เปิดดู:
      46
    • image30.4.jpeg
      image30.4.jpeg
      ขนาดไฟล์:
      225.3 KB
      เปิดดู:
      47
  3. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    47,346
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,046
    ประวัติและการสร้างสมเด็จองค์ปฐม
    หลวงพ่อพระราชพรหมยาน(หลวงพ่อฤๅษี วัดท่าซุง)

    สมเด็จองค์ปฐม ท่านเป็น พระพุทธเจ้าพระองค์แรกของโลก ทรงพระนาม สมเด็จพระพุทธสิกขี เนื่องจากพระพุทธเจ้า ได้ตรัสรู้แล้วมากมายนับได้ แสนองค์ ฉะนั้นพระนามของพระองค์จึงซํ้ากัน โดยเฉพาะพระนาม สมเด็จพระพุทธสิกขี มีด้วยกัน ๕ พระองค์ จึงได้ขนานนามของสมเด็จองค์ปฐมว่า สมเด็จพระพุทธสิกขีที่ ๑ จึงนับได้ว่า พระพุทธองค์ทรงเป็น สมเด็จองค์ปฐมบรมครู อย่างแท้จริง

    สมัยที่พระพุทธองค์ได้ทรงอุบัติในโลกมนุษย์ ซึ่งขณะนั้นคนมีอายุขัยประมาณ ๘ หมื่นปี พระพุทธองค์ทรงผนวชออกมหาภิเนษกรมณ์ เมื่อพระชนมายุได้ ๔ หมื่นปี หลังจากผนวชได้ ๒ หมื่นปี จึงบรรลุอภิเษกสัมมาสัมโพธิญาณตรัสรู้ เป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์แรกของโลก พระพุทธองค์ทรงโปรดเวไนยสัตว์ ประมาณ ๒ หมื่นปี จึงได้เสด็จดับขันธปรินิพพาน

    พระพุทธองค์ ทรงใช้เวลาอันยาวนานถึง ๔๐ อสงไขยกัปเศษในการบำเพ็ญพระบารมี เพื่อแสวงหาพระโพธิญาณด้วยพระองค์เอง ทรงใช้เวลาอันยาวนานในการบำเพ็ญพระบารมี เนื่องจากพระพุทธองค์เป็นพระพุทธเจ้าพระองค์แรก จึงไม่มีแบบอย่างที่จะให้พระพุทธองค์ได้ศึกษาเป็นแนวทางในการปฏิบัติเพื่อ บรรลุพระโพธิญาณ ระยะเวลาที่บำเพ็ญพระบารมี จึงใช้ถึง ๔๐ อสงไขยกัปเศษ


    การพบสมเด็จองค์ปฐมครั้งแรก
    ของพระเดชพระคุณหลวงพ่ อพระราชพรหมยาน


    เมื่อประมาณ พ.ศ. ๒๕๑๑ คืนหนึ่ง พระเดชพระคุณหลวงพ่อกำลั งสอนพระกรรมฐาน และเมื่อเสร็จจากการแนะนำ ก็ได้ทำสมาธิ ก็เกิดสิ่งที่ไม่คาดคิดมาก่อนปรากฏขึ้น คือ เห็นพระพุทธเจ้าในปางพระนิพพานทรงยืนสองแถวยาวเหยียดไปข้างหน้าแล้วก็พนมมือ

    พระเดชพระคุณหลวงพ่อมีความรู้สึกในใจว่า บางทีอาจจะเป็นอุปาทาน เพราะว่า พระพุทธเจ้าไม่เคยก้มศีรษะให้ใคร แม้แต่บ้านเรือนเล็ก ๆ หลังคาตํ่า ๆ หากพระพุทธองค์เสด็จเข้าไป หลังคาก็จะสูงขึ้นเอง แต่เวลานี้เห็นพระพุทธเจ้ายืนพนมมือ เมื่อนึกเพียงนี้ ก็เห็นภาพหลวงปู่ปาน ปรากฏขึ้นข้างหน้า หลวงปู่ปาน ท่านบอกว่า

    “คุณ..ไม่ใช่อุปาทาน ประเดี๋ยวพระพุทธเจ้าองค์ปฐมจะเสด็จมา”

    อีกประมาณ ๕ นาที ปรากฏว่ามีพระพุทธเจ้าอีกองค์ รูปร่างท่านใหญ่โตมาก สูงมาก มาในรูปของปางพระนิพพาน เดินมาระหว่างช่องกลาง พระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ก้มศีรษะแสดงความเคารพ พอพระองค์เดินไปถึงพระเดชพระคุณหลวงพ่อ ทรงตรัสว่า

    “ข้าจะนั่งที่ไหนหว่า… ในเมื่อไม่มีที่นั่ง ข้าก็เอาหัวแกเป็นแท่นก็แล้วกั น”

    พระพุทธองค์ ก็เลยนั่งบนหัวของพระเดชพระคุณหลวงพ่อ แล้วทรงตรัสกับพระเดชพระคุณหลวงพ่อว่า

    “นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ก่อนที่แกจะสอนพระกรรมฐานก็ดี จะพูดธรรมก็ดี บอกฉันก่อน ฉันจะให้พูดตอนไหน จะให้เทศน์ตอนไหน ให้ว่าตามนั้น”

    เป็นอันว่าเมื่อใดก็ตาม ที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อเทศน์ก็ ดี สอนพระกรรมฐานก็ดี สอนธรรมก็ดี พระเดชพระคุณหลวงพ่อ ไม่เคยได้พูดตามใจคิดเลย เป็นเพราะพระพุทธองค์ท่านดลใจให้พระเดชพระคุณหลวงพ่อพูด และแนะนำธรรม ซึ่งบางครั้ง อาจจะไม่เป็นที่ถูกใจของทุกคน เพราะพระพุทธองค์ ท่านอาจจี้จุดเฉพาะคนใดคนหนึ่ง แต่บางคนอาจจะไม่ถูกใจก็ได้ นี่เป็นเรื่องธรรมดา พระเดชพระคุณหลวงพ่อก็คิดว่า เมื่อพระพุทธองค์ท่านมีบุญคุณอย่างนี้ จึงคิดที่จะหล่อรูปของท่าน

    ต่อมาเมื่อ พระเดชพระคุณหลวงพ่อ ได้เจริญพระกรรมฐานแล้ว จึงได้อาราธนาสมเด็จองค์ปฐม ขอพบ พระพุทธองค์ท่านก็ปรากฏให้เห็น ทรวดทรงสวยงามมาก หน้าของท่านอิ่ม เหมือนรูปไข่ แก้มอิ่ม ทรงยิ้มน้อยๆ ริมฝีปากไม่บุ๋ม ไม่เหมือนพระพุทธเจ้าที่เขาปั้ นกัน จะพบว่าช่างเขาปั้นแก้มตรงปากจะบุ๋มลงไป

    แล้วสมเด็จองค์ปฐม ก็แสดงรูปร่างสมัยเป็นมนุษย์ และก็เปลี่ยนมาเป็นปางพระนิพพาน พระเดชพระคุณหลวงพ่อ ก็ถามว่า ถ้าจะปั้นรูปของพระองค์ จะให้ปั้นแบบไหน จะให้ปั้นปางพระนิพพานหรือมนุษย์

    พระพุทธองค์บอกว่า ให้ปั้นแบบนี้ก็แล้วกัน พระพุทธองค์ทรงแสดงภาพให้ดู เป็นเหมือนกับพระพุทธรูป และมีเรือนแก้วแบบพระพุทธชินราช รูปที่ทรงให้ปั้น ไม่เหมือนกับรูปจริงของท่าน แต่พระองค์ท่านต้องการให้ปั้นแบบที่ท่านต้องการ

    พระพุทธองค์ได้มาแสดงภาพ ให้พระเดชพระคุณหลวงพ่อดูถึง ๓ วัน ติด ๆ กัน วันละประมาณ ๑ ชั่วโมง พระเดชพระคุณหลวงพ่อก็ได้ดูอย่ างละเอียด แต่ก็คิดในใจว่า ช่างเขาปั้น แต่เขาไม่เห็นภาพ เขาจะปั้นได้ไม่เหมือน จึงได้ขอบารมีพระองค์ท่าน เวลาช่างปั้น ขอได้โปรดดลใจให้เป็นไปตามพระพุทธประสงค์ พระองค์ท่านก็ยอมรับ


    ※ คัดย่อจาก หนังสือ มรดกของพ่อ หลวงพ่อพระราชพรหมยาน
    วัดจันทาราม(วัดท่าซุง) จ.อุทัยธานี
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 มกราคม 2013
  4. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    47,346
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,046
    เลยมักจะป่วยบ่อยๆ

    =========================
    พี่ไม่เคยลาป่วยเลยนะ มีแต่ OTประจําเลย สงสัย"ธรรมะโอสถ"chearr
     
  5. pegaojung

    pegaojung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    1,720
    ค่าพลัง:
    +9,448

    "ธรรมะโอสถ" เป็นยาขนานเอก รักษาได้ทั้งกายและใจไม่มียาใดเทียบได้

    แต่ในสังคมปัจจุบัน ส่วนใหญ่ได้พากันตามกระแสโลก จนเกิดโรคมากมาย

    ส่วนคนที่มีธรรมในจิตชีวิตสดใสอยู่แล้ว อย่างพี่ต้อยเจ้าค่ะ

    ;ปรบมือcatt7_heart+love_
     
  6. toplus99

    toplus99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,620
    ค่าพลัง:
    +13,004
    พี่น้อง ช่วยอวยกันไปมายกใหญ่..พอหอมปาก หอมคอ ชื่นใจดี

    ไปตจว. มาหลายวัน เรื่องราวไปถึงไหนกันแล้วครับเนี่ย!
     
  7. pegaojung

    pegaojung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    1,720
    ค่าพลัง:
    +9,448

    เรื่องราวก็มาถึงตรงที่ ท่านอ.toplus99 มาพอดีเลยย black_pig

    ไปตจว.กลับมาแล้ว ต้องมีเรื่องมีราว เอ้ยยย มีเรื่องเล่าแน่ๆเลย

    เป็นเช่นนั้น ใช่มั๊ยเจ้าคะท่านประธานครอบครัว

    อ้อนน.. ฟังเรื่องเล่าหยิกนิดเจ็บหน่อย
    catt7
     
  8. toplus99

    toplus99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,620
    ค่าพลัง:
    +13,004
    คุณ pegaojung นี่ร้ายเนอะ ล้อมหน้าล้อมหลัง

    แอบเข้าหน้าบ้าน ปีนรั้วหลังบ้าน ส่งพริก ขโมยเกลือ ยกกับข้าวมาให้กิน
    แล้วแอบขโมยผักเราติดมือกลับบ้าน นัวไปหมด
    ต้อนเรา ทั้งล่อหลอก ทั้งปลอบ ขู่ สารพัด
    พอเผลอก็แอบมา หยอดยิ้มหวานให้อีก..หลากหลายกลยุทธจริงๆ


    ของเขาเยอะจริงๆ ยอมเลย


    คนอะไรหนอ..น่ารักจังฮู้!!!
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 มกราคม 2013
  9. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    47,346
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,046
    การปฏิบัติภาวนา

    หลักการปฏิบัติธรรมเบื้องต้นแนวหลวงปู่ดู่


    คำภาวนา

    พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
    ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
    สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ

    มีความหมายว่า “ข้าพเจ้าขอรับเอาพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ เป็นที่พึ่งที่ระลึก” ซึ่งจะขอขยายความเทียบตามหลักของ วิสุทธิมรรคคัมภีร์ ที่รจนาโดยสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ ดังนี้

    ๑. ฐานของจิต

    การกำหนดฐานของจิต ให้กำหนดไว้ที่หน้าผาก หรือระหว่างคิ้วทั้งสอง ตามหลักของ วัดประดู่ทรงธรรม และของ สมเด็จพระสังฆราชไก่เถื่อน วัดพลับ ถือว่าเป็นฐานที่ ๗ ซึ่งตามหลักท่านวางไว้ถึง ๙ ฐาน โดยฐานต่างๆ เหล่านี้ เป็นเสมือนทางผ่านของลมหายใจที่ไปกระทบ เหมือนกับหลักของอานาปานสติ ฐานทั้ง ๙ ฐานที่กำหนดไว้ มีดังนี้

    ฐานที่ ๑ อยู่ต่ำกว่าสะดือ ๑ นิ้ว
    ฐานที่ ๒ อยู่เหนือสะดือ ๑ นิ้ว
    ฐานที่ ๓ อยู่ที่ทรวงอก หรือที่ตั้งของหทัยวัตถุ
    ฐานที่ ๔ อยู่ที่คอหอย หรือตรงกลางลูกกระเดือก
    ฐานที่ ๕ อยู่ที่ท้ายทอย เรียกว่า โคตรภูญาณ
    (ทางวิทยาศาสตร์ถือเป็นที่ตั้งของสมองส่วน CEREBELLUM)
    ฐานที่ ๖ อยู่ตรงกลางกระหม่อม
    ฐานที่ ๗ อยู่กึ่งกลางหน้าผาก เรียกว่า อุณาโลม หรือทิพยสูญระหว่างคิ้ว
    ฐานที่ ๘ อยู่ระหว่างตาทั้ง ๒ ข้าง
    ฐานที่ ๙ อยู่ปลายจมูก

    หลวงปู่ท่านบอกว่า การที่ให้ตั้งจิตไว้ตรงตำแหน่งกลางหน้าผากที่เดียวในเบื้องต้นนั้น ก็เพื่อจะได้ไม่ไปพะวงกับลมหายใจ ซึ่งอาจทำให้จิตใจวอกแวกในขณะที่ปฏิบัติ สำหรับผู้เริ่มภาวนาบางราย แต่ฐานสำคัญที่ท่านเน้นก็คือ ฐานที่ ๖ (ตรงกลางกระหม่อม) ท่านว่าฐานจริงๆ อยู่ตรงนี้ แต่จะต้องให้มีความชำนาญในทางสมาธิเสียก่อน จึงค่อยเอาจิตไปตั้งที่ฐานนี้ เพราะจะมีกำลังมาก สำหรับฐานที่หน้าผากนั้น ถ้าท่านเคยดูภาพยนต์อินเดียที่มีพระศิวะเขาจะเรียกว่า ตรีเนตร หรือตาที่ ๓ คือ ถ้าภาวนาให้ถูกจุด จะทำให้จิตสงบได้ง่าย และมีทิพยจักขุญาณเกิดขึ้น วิธีการภาวนา คือ ให้ใจเสมือนกับเราคิดเรื่องใดเรื่องหนึ่ง แต่ในที่นี้ให้นึกถึงจุดเดียวคือคำภาวนา เหมือนกับเราคิดเลขในใจทำนองนั้น ทำใจเฉยๆ ไม่ต้องคาดคั้น คิดเดา หรืออยากเห็นนั่นเห็นนี่ เพราะเรื่องเหล่านี้ล้วนเป็นนิวรณ์ทั้งสิ้น หน้าที่หรืองานของเราในที่นี้คือ ภาวนา

    ๒. คำภาวนา

    คำภาวนาที่ให้ภาวนา คือ ให้เรามีจิตระลึกถึงภาษาพระ หมายถึง พุทธานุสติ ธัมมานุสติ สังฆานุสติกรรมฐาน ทำใจให้มีการเคารพเลื่อมใสในพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ อันจะเป็นกรรมฐาน ที่ทำให้ผู้ที่มีศรัทธาจริตหรือมีความเชื่อ เข้าถึงธรรมะได้โดยง่าย

    ๓. เครื่องชี้ว่าจิตสงบ

    เมื่อปฏิบัติจนจิตเริ่มสงบแล้ว จะเกิดความสว่างขึ้นที่จิต พร้อมกันนั้นจะมีสิ่งที่เป็นตัวชี้บอกว่า จิตของเราเป็นอย่างไรบ้าง อันได้แก่ปิติต่างๆ เช่น อาการขนลุก ตัวเบา น้ำตาไหล ร่างกายโยกโคลง รู้สึกเหมือนกายขยายใหญ่ เป็นต้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้ จะเป็นตัวชี้ถึงจิตว่า เริ่มจะสงบแล้ว ให้ผู้ปฏิบัติวางใจเฉยๆ อย่าไปยินดีหรือยินร้าย บางท่านที่มีนิสัยวาสนาบารมีทางรู้ทางเห็นภายใน ก็อาจจะเกิดองค์พระปรากฎขึ้นจากแสงสว่างเหล่านั้น

    ในเรื่องการเห็นแสงสว่างนี้ บางสำนักท่านว่าอย่าไปสนใจ เอามืดดีกว่า เพราะเดี๋ยวจะหลง แต่ตามความเห็นของผู้เขียน นึกถึงคำบาลีที่ว่า “นัตถิ ปัญญา สมาอาภา” แสงสว่างเทียบด้วยปัญญาไม่มี ดังนั้น ผู้ที่เห็นแสงสว่างปรากฎขึ้น ก็เป็นนิมิตอันหนึ่ง ซึ่งแสดงให้รู้ประจักษ์อยู่ที่ตัวเราต่างหากว่า จะใช้แสงสว่างนี้ไปในทางที่ถูกต้องหรือไม่ เพราะหลวงปู่ท่านบอกว่า การปฏิบัติต้องทำให้รู้ เห็น เป็น และได้ สำหรับในขั้นต้นนี้ “รู้” หมายถึง ให้มีสติรู้อยู่กับคำภาวนา เมื่อ “เห็น” ก็ให้รู้ว่า “เห็น” อะไร รู้จักกลั่นกรองด้วยสติปัญญา และเมื่อมีความชำนาญแล้วก็จะเป็น “เป็น” นั้นคือเห็นองค์พระได้ทุกครั้ง และสามารถที่จะทำ “ได้” เมื่อต้องการทำให้เกิดขึ้น นี่แหละคือหลักแห่ง “อภิญญา”

    หลักในการนั่งสมาธิ ให้ขาขวาทับขาซ้าย มือขวากำพระวางบนมือซ้าย ให้นิ้วหัวแม่มือทั้งสองจรดกัน วางบนตักพอสบายๆ ปรับกายให้ตรง ผ่อนคลายกล้ามเนื้อทุกส่วน สูดลมหายใจยาวๆ ลึกๆ สัก ๓ ครั้ง

    ครั้งที่ ๑ ให้ภาวนาว่า พุทธัง สรณัง คัจฉามิ
    ครั้งที่ ๒ ภาวนาว่า ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ
    และครั้งที่ ๓ ภาวนาว่า สังฆัง สรณัง คัจฉามิ

    จากนั้นจึงผ่อนลมหายใจให้เป็นไปตามธรรมชาติ ยังไม่ต้องนึกคิดสิ่งใด ทำใจให้ว่างๆ วางอารมณ์ทั้งที่เป็นอดีตและอนาคต เมื่อลมหายใจเริ่มละเอียด และจิตใจเริ่มโปร่งเบาขึ้นบ้างแล้วจึงค่อนเริ่มบริกรรมภาวนา โดยกำหนดจิตไว้ที่หน้าผาก (เอาสติมาแตะรู้เบาๆ) แล้วตั้งใจภาวนาคาถาไตรสรณคมน์ ดังนี้

    พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
    ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
    สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ

    เมื่อบริกรรมภาวนาจบแล้ว ก็ให้วกกลับมาเริ่มต้นใหม่เช่นนี้เรื่อยไป

    มีสิ่งที่ควรทราบเพิ่มเติม ก็คือ ขณะที่บริกรรมภาวนาอยู่นั้น ให้มีสติระลึกอยู่กับคำภาวนา โดยไม่ต้องสนใจกับลมหายใจ คงปล่อยให้ลมหายใจเข้าออกเป็นไปตามธรรมชาติ ปราศจากการควบคุมบังคับ ภาวนาด้วยใจที่สบายๆ และให้ยินดีกับองค์พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ที่เกิดขึ้นในจิต เมื่อจิตมีความสงบสว่าง ก็น้อมแผ่เมตตาออกไป โดยว่า

    พุทธัง อนันตัง
    ธัมมัง จักรวาลัง
    สังฆัง นิพพานะ ปัจจะโยโหตุ

    แล้วตั้งใจภาวนาต่อไป

    เมื่อจิตถอนขึ้นจากความสงบ ให้ยกเอากายหรือเรื่องหนึ่งเรื่องใดขึ้นพิจารณา โดยน้อมไปสู่พระไตรลักษณ์ คือ

    อนิจจัง (ความไม่เที่ยง)
    ทุกขัง (ความทนได้ยาก)
    และอนัตตา (ความไม่ใช่ตัวตนอันเที่ยงแท้)

    เมื่อรู้สึกว่าจิตเริ่มซัดส่ายหรือขาดกำลังในการพิจารณา ก็ให้วกกลับมาภาวนาคาถาไตรสรณคมน์อีก เพื่อดึงจิตให้เข้าสู่ความสงบอีกครั้ง ทำสลับเช่นนี้เรื่อยไปจนกว่าจะเลิก

    ก่อนจะเลิกให้อาราธนาพระเข้าตัว โดยว่า

    สัพเพ พุทธา สัพเพ ธัมมา สัพเพสังฆา
    พะลัปปัตตา ปัจเจกานัญจะยังพะลัง
    อะระหันตานัญ จะเตเชนะ
    รักขัง พันธามิ สัพพะโส

    พุทธัง อธิษฐามิ ธัมมัง อธิษฐามิ สังฆัง อธิษฐามิ

    แล้วจึงแผ่เมตตาอีกครั้ง โดยว่าเช่นเดียวกับที่กล่าวแล้วในตอนต้น

    อนึ่ง การภาวนานั้นท่านให้ทำได้ทุกอิริยาบท คือ ยืน เดิน นั่ง นอน การปฏิบัติจึงจะก้าวหน้า และชื่อว่าตั้งอยู่ในความไม่ประมาท....


    ที่มา http://www.watthummuangna.com/home/comm ... opic=101.0
    กราบ กราบ กราบ หลวงปู่ดู่ด้วยเศียรเกล้าเจ้าค่ะ
    ขอให้เจริญในธรรมทุกๆท่านค่ะ


    .....................................................
     
  10. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    47,346
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,046
    อาจารย์เราเหมือนเดิมแล้ววว

    ==============================
    นี่ละๆ น้องแตนของ มดตะนอยUSAละ:cool:
     
  11. toplus99

    toplus99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,620
    ค่าพลัง:
    +13,004
    ขอบคุณ พลังจิต เว็บ พระพุทธศาสนา ธรรมะ พระไตรปิฎก ลึกลับ อภิญญา วิทยาศาสตร์ทางจิต Buddhism Buddhist

    ได้รับหนังสือนี้จากเพื่อนร่วมอาชีพ นำมาให้ ไม่นึกว่าจะมีหนังสือเช่นนี้ แรกได้อ่านดูก็มีความสงสัยหลายหัวข้อ ทำการทดลองดูด้วยตัวเอง ผลที่ได้รับต้องยอมรับว่าดีทีเดียว สุขภาพที่สั่นคลอน เริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้น
    ไม่เสียหายแน่นอน ถ้าจะเผยแพร่เป็นสาธารณะให้บุคคลหลากหลายได้รู้ ได้ทดลองทำดู ด้วยความรู้ที่ไม่ยาก วัสดุหาได้ทั่วไป วิธีทำไม่ซับซ้อน สุขภาพร่างกายของประชากรไทยอาจจะดีขึ้น โรคร้ายอาจห่างไกลร่างกายของผู้สิ้นหวัง เนื้อนาบุญใดที่เกิดขอผู้เผยแพร่รุ่นก่อนๆข้าพเจ้า จนถึงข้าพเจ้าจงรับไปด้วยกัน


    แนะนำ
    อ.สุทธิวัสส์ คำภา
    อาจาร์ยสุทธิวัสส์ คำภา ท่านเป็นผู้มีความเชี่ยวชาญเรื่องการใช้ลูกดิ่งสำหรับประเมินสาวะสุขภาพ ผสมผสานกับความรู้เรื่องธรรมชาติบำบัดท่านได้นำความรู้ออกช่วยเหลือผู้ป่วยและผู้ที่กำลังมีความเสื่อมของร่างกาย โดยไม่เลือกชั้นเลือกฐานะ อาจารย์เป็นผู้มีจิตเมตตาสูง ปรารถนาที่เผยแพร่ความรู้แก่ผู้ที่สนใจให้เป็นผู้ช่วยที่ดีใกล้ตัว เพื่อจะนำไปใช้ดูแลตนเอง และคนรอบข้าง พร้อมทั้งช่วยเหลือผู้อื่นเมื่อมีโอกาส ท่านคิดว่าถ้าคนไทยรู้จักเลือกอาหารที่มีประโยชน์กิน สุขภาพก็จะแข็งแรง ปลอดภัยจากการเจ็บป่วยงบประมาณที่รัฐต้องจ่ายไปเพื่อสั่งซื้อยาจากต่างประเทศก็ย่อมลดลงด้วย

    อาจารย์สทธิวัสส์ คำภา เป็นนักธรรมชาติบำบัดที่มีพื้นฐานจากครอบครัวแพทย์แผนไทย ประกอบกับมีประสบการณ์ในการสืบค้นภูมิปัญญา ไทยตามแนวธรรมชาติ
    บำบัดยาวนานกว่า 30 ปีทั่วประเทศ ได้ค้นคว้าการแพทย์ในพระไตรปิฎกของพระพุทธศาสนา ท่านได้ศึกษา pendulum จากแพทย์ประจำตัวประธานาธิบดีเวเนซูเอล่า และได้พัฒนาประสานกับภูมิรู้ ภูมิธรรมที่กว้างขวางและลึกซึ้งของท่าน นำ pendulum มาประเมินภาวะสภาพโดยวิธีธรรมชาติได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด จึงนับเป็นการแก้ปัญหาระบบของการประเมินสภาวะสุขภาพโดยวิธีธรรมชาติ ของการแพทย์แบบองค์รวม
    อาจารย์สุทธิวัสส์ ได้เผยแพร่ความรู้เรื่องสุขภาพ โรคภัยไข้เจ็บเกิดจากมูลเหตุตามพระไตรปิฎกคือ
    1. กรรม
    2. จิต
    3. พลัง
    4. ร่างกายและอาหาร

    ซึ่ง pendulum สามารช่วยประเมินภาวะทั้ง 4 มิติได้อย่างละเอียดถี่ถ้วน อาศัยความรู้ความสามารถและประสบการณ์ที่มากมายของอาจารย์ ทำให้การแก้ปัญหาเป็นไปได้อย่างดีรอบด้านและมีประสิทธิผล
    ที่สำคัญที่สุดคือ จิตใจที่ดีงามสูงส่งของอาจารย์สุทธิวัสส์ที่ท่านเป็นคนผู้ไม่หวงวิชา ท่านได้เผยแพร่ความรู้ต่างๆ มากมายแก่ผู้สนใจ ลูกศิษย์ ฯลฯ ทั้งเรื่อง pendulum พลังจิต การจัดกระดูกคอและกระดูกหลัง อาหารบำบัด การอาบน้ำรักษาโรค การพอกตัว (Body detox) ฯลฯ คนไทยสามารถพึ่งตนเองได้ในการประเมินภาวะสุขภาพของตนเองสามารถบำบัดรักษาสุขภาพให้แข็งแรง สมบูรณ์ อายุยืนยาว ยังประโยชน์ให้กับตนเอง ครองครัวสังคมไทยและสังคมโลกต่อไป.

    ตารางเวลาร่างกาย
    ช่วงเวลา ระบบที่เกี่ยวข้อง ข้อควรปฏิบัติ
    01.00-03.00 ตับ นอนหลับพักผ่อนให้หลับสนิท
    03.00-05.00 ปอด ตื่นนอน สูดอาการบริสุทธิ์
    05.00-07.00 ลำไส้ใหญ่ ขับถ่ายอุจจาระ
    07.00-09.00 กระเพาะอาหาร กินอาหารเช้า
    09.00-11.00 ม้าม พูดน้อย กินน้อย ไม่นอนหลับ
    11.00-13.00 หัวใจ หลีกเลี่ยงความเครียดทั้งปวง
    13.00-15.00 ลำไส้เล็ก งดอาหารทุกประเภท
    15.00-17.00 กระเพาะปัสสาวะ ทำให้เหงื่อออก(ออกกำลังกายหรืออบตัว)
    17.00-19.00 ไต ทำให้สดชื่น ไม่ง่วงเหงาหาวนอน
    19.00-21.00 เยื่อหุ้มหัวใจ ทำสมาธิ หรือสวดมนต์
    21.00-23.00 ระบบความร้อนของร่างกาย ห้ามอาบน้ำเย็น ห้ามตากลม ทำร่างกายให้อบอุ่น
    23.00-01.00 ถุงน้ำดี ดื่มน้ำก่อนเข้านอน
     
  12. toplus99

    toplus99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,620
    ค่าพลัง:
    +13,004
    ที่สำคัญที่สุดคือ จิตใจที่ดีงามสูงส่งของอาจารย์สุทธิวัสส์ที่ท่านเป็นคนผู้ไม่หวงวิชา ท่านได้เผยแพร่ความรู้ต่างๆ มากมายแก่ผู้สนใจ ลูกศิษย์ ฯลฯ ทั้งเรื่อง pendulum พลังจิต การจัดกระดูกคอและกระดูกหลัง อาหารบำบัด การอาบน้ำรักษาโรค การพอกตัว (Body detox) ฯลฯ คนไทยสามารถพึ่งตนเองได้ในการประเมินภาวะสุขภาพของตนเองสามารถบำบัดรักษาสุขภาพให้แข็งแรง สมบูรณ์ อายุยืนยาว ยังประโยชน์ให้กับตนเอง ครองครัวสังคมไทยและสังคมโลกต่อไป.

    การแพทย์ตะวันออกถือว่า กลางวันและกลางคืนมีความสัมพันธ์กับสุขภาพของมนุษย์อย่างแยกไม่ออก โดยมองลึกลงไปอีกว่า ช่องเวลา 24 ชั่วโมงในหนึ่งวันนั้น ภายร่างกายของมนุษย์ยังมีการไหลเวียนของพลังชีวิตที่ผ่านอวัยวะภายในร่างกายซึ่งประกอบด้วย อวัยวะตันอวัยวะกลวง
    อวัยวะตัน หมายถึงหัวใจ เยื่อหุ้มหัวใจ ปอด ม้าม ตับ ไต
    อวัยวะกลวง หมายถึง กระเพาะอาหาร ถุงน้ำดี ลำไส้ใหญ่ ลำไส้เล็ก กระเพาะปัสสาวะ ระบบความร้อนของร่างกาย
    การไหลเวียนของพลังชีวิต (ลมปราณ) ที่ผ่านแต่ละอวยวะนั้นจะใช้เวลาสองชั่วโมง ทั้งหมดมี 12 อวัยวะ รวม 24 ชั่วโมง คือหนึ่งวัน เรียกว่า “ นาฬิกาชีวิต”
    ตัวอย่าง เช่นการไหลเวียนของเส้นลมปราณปอด จะมีพลังไหลเวียนเริ่มต้นที่เวลา 03.00 น. และสูงสุดในช่วงประมาณ 04.00 จากนั้นค่อยๆลดลง และออกจากเส้นลมปราณปอดไปยังเส้นลมปราณลำไส้ใหญ่ เวลา 05.00 น. การรักษาโรคเส้นลมปราณปอดที่ให้ประสิทธิภาพสูงสุดจึงควรอยู่ระหว่างเวลา 0.00-05.00 น. ได้มีการศึกษาวิจัยพบว่า ผลของการใช้ยาตะวันตกคือ ยาดิติตาลิสในการรักษาโรคหัวใจล้มเหลว (มีการคั่งของน้ำในปอดการให้ยาในช่วงเวลา 04.00 น.จะให้ผลออกฤทธิ์ประมาณสี่สิบเท่าของการให้เวลาอื่น การเคลื่อนไหวของพลังชีวิตของอวัยวะภายในมีกฎเกณฑ์ ที่แน่นอนและสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับเวลา (นาฬิกาชีวิต) ร่างกายเราจึงมีกลไกการปรับตัวมีการสร้างสารคัดหลั่งฮอร์โมน การทำงานของระบบต่างๆ ฯลฯเป็นไปตามสภาวะธรรมชาติที่เปลี่ยนแปลงไป
    การดำเนินชีวิตและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในชีวิตประจำวันให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติ จึงเป็นหลักฐานของการมีสุขภาพที่ดี และมีอายุยืนปราศจากโรค โดยแบ่งเป็นช่วงเวลาดังนี้
    01.00-03.00 น. เป็นช่วงเวลาของตับ ควรนอนหลับพักผ่อน ถ้าใครนอนหลับได้ดีเป็นประจำในช่วงเวลานี้ ตับจะหลั่งสาร ราโทนิน (meratonine) เพื่อฆ่าเชื้อโรค ทำให้หน้าอ่อนกว่าวัย นอกจากร่างกายหลั่งสารราโทนินเป็นประจำแล้ว ยังหลั่งสารเอนโดรฟิน(endorphin) ออกมาด้วยจึงไม่ควรกินอาหาร เพราะจะทำให้ตับทำงานหนักและเสื่อมเร็ว หน้าที่หลังของตับคือขจัดสารพิษในร่างกาย
    ส่วนหน้าที่รอง คือ
    1. ช่วยไตในการดูแลผม ขน เล็บ ถ้าตับมีปัญหา ผม ขน เล็บจะไม่สวย
    2. ช่วยกระเพาะย่อยอาหาร ถ้ากินบ่อยๆ จะทำให้ตับทำงานหนักตับ จะหลั่งน้ำย่อยออกมามาก จึงไม่ได้ทำหน้าที่หลัก เป็นเหตุให้สารพิษตกค้างในตับ

    03.00-05.00 น. ปอด เป็นช่วงเวลาของปอด จึงควรตื่นนอนเพื่อสูดอากาศบริสุทธิ์ และรับแสงแดดในยามเช้า ผู้ที่ตื่นนอนช่วงนี้เป็นประจำปอดจะดี ผิวดีขึ้น และ จะเป็นคนที่มีอำนาจในตัว

    05.00-07.00 น. ลำไส้ใหญ่ เป็นช่วงเวลาของลำไส้ใหญ่ ควรขับถ่ายอุจจาระทำให้เป็นนิสัยทุกเช้า ถ้าไม่ถ่ายให้ใช้วิธีกดจุดที่ตำแหน่งสองข้าจมูก ถ้ายังไม่ถ่ายให้ดื่มน้ำอุ่น 2 แก้ว ถ้ายังไม่ถ่ายให้ดื่มน้ำผึ้งผสมมะนาว โดยใช้ น้ำ 1 แก้ว + น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ + น้ำมะนาว 4-5ลูก ทำดื่มจนกว่าจะถ่ายหรือบริหารโดยยืนตรง หายใจเข้า แล้วก้มลงพร้อมทั้งหายใจออก เอามือท้าวเข่าแขม่วท้องจนเหมือนว่าหน้าท้องไปติดสันหลัง

    07.00-09.00 น. เป็นช่วงเวลาของกระเพาะอาหาร กระเพาะอาหารจะทำงาน ถ้ากินอาหารในช่วงเวลานี้ทุกวัน กระเพาะอาหารจะแข็งแรง ถ้าปล่อยให้กระเพาะอาหารอ่อนแอ จะส่งผลให้เป็นคนตัดสินใจช้าขี้กังวล ขาไม่ค่อยมีแรง ปวดเข่า หน้าแก่เร็วกว่าวัย

    09.00-11.00 น. ม้าม เป็นช่วงเวลาของม้าม ม้ามจะอยู่ชายโครงด้านซ้าย มีหน้าที่ควบคุมเม็ดเลือด สร้างน้ำเหลือง ควบคุมไขมัน คนที่ปวดศีรษะบ่อยมักมาจากความผิดปกติของม้าม อาการเจ็บชายโครงสาเหตุมาจากม้ามกับตับ
    - ม้ามโต ม้ามจะไปเบียดปอด ทำให้เหนื่อยง่าย ผอมเหลือง ตาเหลือง สร้างเม็ดเลือดขาวได้น้อย
    - ม้ามชื้น อาหารและน้ำที่กินเข้าไปจะแปรสภาพเป็นไขมันจึงทำให้อ้วนง่าย
     
  13. toplus99

    toplus99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,620
    ค่าพลัง:
    +13,004
    11.00-13.00 น. เป็นช่วงเวลาของหัวใจ หัวใจทำงานหนักช่วงเวลานี้ จึงควรหลีกเลี่ยงความเครียด เหตุที่ทำให้ต้องใช้ความคิดหนัก และหาทางระงับอารมณ์ตื่นเต้นหรืออาการตกใจให้ได้

    15.00-17.00 น. เป็นช่วงเวลาของกระเพาะปัสสาวะ แนวพลังของกระเพาะปัสสาวะเริ่มจากหัวตา > ผ่านหน้าผาก > ศีรษะ > ท้ายทอย > แผ่นหลังทั้งแผ่น > สะโพก > ด้านหลังขา > หัวเข่า > น่อง > ส้นเท้า > นิ้วก้อย กระเพาะปัสสาวะ จะเกี่ยวข้องกับระบบความจำ ไทรอยด์และระบบเพศทั้งหมด
    ช่วงเวลานี้ควรทำให้เหงื่อออก อาจออกกำลังกายหรืออบตัว กระเพาะปัสสาวะจะได้แข็งแรง ข้อควรระวังถ้าเหงื่อมีโซเดียมปนออกมามากไตจะวาย แต่ถ้ามีโปตัสเซียมปนออกมามาก หัวใจจะวาย แก้ไขเรื่องหัวใจวายด้วยการให้ดื่มน้ำส้มหรือน้ำมะนาวเพื่อเติมโปตัสเซียม
    (ผู้ที่มีโปตัสเซียมน้อยต้องระวังเรื่องการฉีดยาชา เพราะยาชา ยะทำให้โปตัสเซียมลดลงอย่างรวดเร็ว หัวใจอาจวายได้ง่าย
    การอั้นปัสสาวะบ่อยๆ ปัสสาวะจะ ถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือด ทำให้เหงื่อที่ออกมามีกลิ่นเหม็นเหมือนปัสสาวะ

    17.00-19.00 น. เป็นช่วงเวลาของไต จึงควรทำใจให้สดชื่นไม่ง่วงเหมาหาวนอนในช่วงเวลานี้ ผู้ใดมีอาหารง่วงนอนช่วงเวลานี้ แสดงว่ามีปัญหาเรื่องไตเสื่อม ถ้านอนหลับแล้วเพ้อ แสดงว่าอาหารหนักมาก
    - ไตซ้ายจะคุมสมองด้านขวา ซึ่งควบคุมด้านความคิดสร้างสรรค์ อารมณ์สุนทรี รักสวยรักงาม ชอบแต่งตัว ถ้าไตซ้ายมีปัญหา อารมณ์รักสวยรักงามจะหมดไป กลายเป็นคนปล่อยเนื้อปล่อยตัว และเป็นคนขี้ร้อน
    - ไตขวาจะคุมสมองด้านซ้าย ซึ่งควบคุมความจำ ถ้าไตขวามีปัญหา ความจำจะเสื่อม และเป็นคนขี้หนาว (ผู้ที่ไตแข็งแรงจะเป็นคนทีอายุยืน เป็นคนกล้า)
    ถ้าลำไส้เล็กมีไขมันเกาะมาก อาหารที่อยู่ในรูปของสารละลายจะผ่านลำไส้เล็กไม่ได้ จึงตกเป็นภาระของไต เป็นผลให้ไตทำงานหนัก จึงกลายเป็นโรคไต ผู้ที่เป็นโรคไต สมองจะเสื่อม ปวดหลัง เป็นหวัดง่าย มีเสลดในคอ
    การดูแลคือ ตอนเช้าอาบน้ำเย็น ตอนเย็นให้อาบน้ำอุ่น กรณีที่อาบน้ำไม่ได้ ให้ใช้วิธีแช่เท้า แต่น้ำควรใส่สมุนไพรที่ถูกกับโฉลกของผู้ป่วย เช่นขิง ข่า กระชาย อย่างใดอย่างหนึ่ง
    19.00-21.00 น. เป็นช่วงเวลาของเยื่อหุ้มหัวใจ ช่วงเวลานี้ควรจะสวดมนต์ ทำสมาธิ ปัญหาเกี่ยวกับเยื่อหุ้มหัวใจ คือหัวใจโต หัวใจรั่ว เส้นโลหิตหัวใจตีบ ดังนั้นผู้ป่วยต้องระวังเรื่องตื่นเต้น ดีใจ การหัวเราะ กรณีเส้นเลือดขอด ต้องดูและเยื่อหุ้มหัวใจให้แข็งแรง ควรใส่เสื้อผ้าชุดสีดำ เทา เอาเท้าแช่ในน้ำอุ่น

    21.00-23.00 น. เป็นช่วงเวลาที่ต้องทำให้ร่างกายอบอุ่น จึงห้ามอาบน้ำเย็นในช่วงนี้ เพราะจะทำให้เจ็บป่วยได้ง่าย อย่าไปตากลม เพราะเป็นช่วงที่ลมเป็นพิษ
    23.00-01.00 น. เป็นช่วงเวลาของถุงน้ำดี (ถุงน้ำดีเป็นถุงสำรองเก็บน้ำย่อยที่ออกมาจากตับ) อวัยวะใดในร่างการเมื่อขาดน้ำ จะมาดึงน้ำจากถุงน้ำดี ทำให้ถุงน้ำดีข้น เป็นผลให้อารมณ์ฉุนเฉียว สายตาเสื่อม เหงือกจะบวม ปวดฟัน นอนไม่หลับ ตื่นกลางดึก หรือตอนเช้าจะจาม (ถุงน้ำดีจะโยงไปถึงปอด) จะปวดศีรษะข้างเดียวหรือสองข้าง โดยไม่ทราบสาเหตุ (ผู้ที่ตัดถุงน้ำดีออก เมื่อตรวจด้วยลูกดิ่งจะพบว่า ถุงน้ำดีข้น มักมีอาการปวดขา ปวดสะโพก)
    ทางแก้คือ อย่าใส่ชุดนอนที่เป็นผ้าใยสังเคราะห์ ไนล่อน ชุดนอนที่ทำจากใยสังเคราะห์จะไปดูดน้ำในร่างกาย ควรสวมชุดผ้าฝ้าย ดีที่สุด ไม่ควรนอนบนที่นอนสูงๆ เพราะทำให้เสียน้ำในร่างกาย ดังนั้นควรดื่มน้ำก่อนเข้านอน หรือก่อนเวลา 23 น.
     
  14. toplus99

    toplus99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,620
    ค่าพลัง:
    +13,004
    ช่วงนี้คนใกล้ตัว...ทั้งเพื่อนเก่า เพื่อนปัจจุบัน เพื่อนหญิง เพื่อนชาย
    ทั้งสนิทมาก สนิทน้อย อายุน้อยกว่า มากกว่า
    ต่างทะยอยตายให้รู้ ให้เห็น....เพราะโรคมะเร็ง จะด้วยเหตุผล..ที่มาที่ไปสารพัดกันไป

    สวดศพ เผาผีกันจนกลิ่นศพเพื่อนแตะฝังจมูก..ฟุ้งในจิตไปหมด

    แวะมาเวปบอร์ดพลังจิตบ้าง..ก็มีแต่บรรดาเหล่าชาวปัญญาโลกเจริญ
    ที่ไม่ศรัทธาหัวใจใครเลย ผุดลอยฟุ้งเต็มไปหมด..ขู่กรรโชก ขานรับ ..โอ้งๆ
    ที่พร้อมกระหนำเสริมชั่วให้ผู้อื่นอยู่ดาษดื่น...

    อย่างถามง่ายๆ แค่ว่ามั่นใจว่า เจ้าปัญญาดี อยากช่วยคนโง่..และรู้ทันคนชั่วทั้งหลาย
    รู้จัง รู้ดีนักแล้วใช่ไหม !

    ถามง่ายๆว่า..ตายแล้วสิ้นลม..จะไปอยู่ไหนดี ?
    พอจะรู้ พอจะมีคำตอบให้ตัวเองหรือยัง..สำหรับเจ้าคนฉลาดเอ๋ย!
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 กุมภาพันธ์ 2013
  15. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    47,346
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,046
    แบ่งเป็นช่วงเวลา

    =====================
    คนทํางานเวรดึกที่นี่ก็ดีนะ เพราะจะตรงกันเป๊ะเลยตามเวลาที่เมืองไทย ชอบ ชอบ อนุโมทนาสาธุกับข้อความดีๆและมีประโยชน์ค่ะcatt1
     
  16. lomdadbaimai

    lomdadbaimai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    217
    ค่าพลัง:
    +1,379
    ดีใจนะคะที่คุณเจ้าบ้านกลับมา

    รู้สึกว่าเว็บพลังจิตจะเปลี่ยนไปพอสมควรนับแต่ช่วงน้ำท่วมเมื่อปี 2554 แต่อย่างไรก็ได้รับข้อมูลมากจากที่นี่ค่ะ ที่เหลือคือ ความสามารถในการวิเคราะห์แยกแยะค่ะ ซึ่งต้องหาความเห็นจากหลาย ๆ ฝ่ายร่วมกันค่ะ

    สุดท้ายได้คำตอบที่สำคัญมากจากมิตรผู้หนึ่งว่า "อย่ากลัว" นับว่าโชคดีนะคะ ที่แม้จะไม่ได้รู้ในเรื่องธรรมะมากมาย แต่สุดท้ายก็ยังได้เรียนบ้าง เพื่อจะได้ไม่ตายเปล่า

    ขอโมทนาสาธุกับข้อธรรมของทุกท่านนะคะ
     
  17. pegaojung

    pegaojung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    1,720
    ค่าพลัง:
    +9,448
    ข่าวจากแม่ต้อยSupatorn

    "น้องRasri โทรมาและยังอยู่ที่New Jersey

    คิดถึงหัวหน้าครอบครัวและน้องๆทุกคนค่ะ"


    hello4
     
  18. toplus99

    toplus99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,620
    ค่าพลัง:
    +13,004
    โลกเรามีหลายบาทวิถี..toplus99 ก็ทำหน้าที่ไปตามวิธีของตน..
    และไม่เคยคิดเพื่อดำรงวิธีเพื่อรายได้และหากินบนความตื่นตระหนกหวาดกลัวของใคร
    ทั้งเพื่อหาเงินทองเรี่ยไรจากญาติมิตรธรรม และคนทั้งหลายในเวปพลังจิตทุกท่านด้วยอันเกิดจากกระทู้ของข้าพเจ้า

    ถ้ามีผู้ใดแจ้งหรือร้องเรียนมาว่า.".ฉันรู้สึกว่าเขาหากิน...ถูกหลอก หรือต้องสูญเสียเงินหรือปัจจัยใดๆที่เกิดจากสัมพันธ์ที่เกิดกับเจ้าของกระทู้นี้...นามว่า Toplus99 อันไม่สมควร

    ข้าพเจ้า Toplus99 ยินดีรับผิดชอบในความเสียหายทั้งหลายที่เกิดขึ้น.. ทั้งหลายทั้งปวง
    ที่เกิดขึ้น ข้าพเจ้ายินดีชดใช้คว่ามเสียหายทั้งหลายที่เกิดขึ้น และยินดีให้ดำเนินการทางกฏหมายโดยไม่มีเงื่อนไขทั้งสิ้น

    ฉะนั้น...ห้ามปากแมว..ถ้าตัวเองไม่เดือดร้อน


    พร้อมลุยหาก..ตัวเองไม่ผิดและเจตนาดี ..
     
  19. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    47,346
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,046
    ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 5 คน ( เป็นสมาชิก 4 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) [ แนะนำเรื่องเด่น ]
    supatorn, toplus99+, Jinnyflower, ทิพย์ปทุม
    ======================
    เจอแล้วๆท่านอาจารย์"Toplus99" สวัสดีค่ะ ขอให้ท่านมีความสุขทั้งทางกายและทางใจค่ะ :z16
     
  20. toplus99

    toplus99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,620
    ค่าพลัง:
    +13,004
    ข้าพเจ้าเชื่อมั่นลึกๆว่า...ในขนวนการภัยพิบัติของไทยเรา

    ตัวเองอาจได้รับรหัสบางอย่าง ที่ต้องเดินไปตามเรื่อง ที่ไม่รู้ที่ที่มาชัดเจน..ว่าคืออะไรกันแน่!

    ข้าพเจ้ายืนยันว่า..ไม่ใช่ผู้มีญานรู้พิเศษที่เหนือกว่าคนทั่วไป
    ไม่ใช่ผู้รู้เหนือธรรมชาติใดๆ..ทั้งสิ้น

    เพียงแต่ด้วยกลกาลแต่ครั้งใดบางอย่างไม่รู้..ที่ทำให้มันหลุดหลงเข้าไปในรหัสวงจรนี้
    ..เท่านั้นเอง

    เรื่องของใครของมัน..ต่างคน ต่างทำหน้าที่ ตามภาระโอกาสที่พึงมี

    ฉะนั้นมันเรื่องของมึง และเรื่องของกู...แค่นั้นเอง

    (โทษเหอะ!...อาจฟังดูไม่วิจิตรนัก..แต่ธรรมชาติว่ากันเช่นนั้นจริงๆ)
     

แชร์หน้านี้

Loading...