ศิษย์หลวงตาบัวขวางรัฐบาลล้วง

ในห้อง 'ข่าวพุทธศาสนา' ตั้งกระทู้โดย อธิมุตโต, 2 ตุลาคม 2007.

  1. อธิมุตโต

    อธิมุตโต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    4,741
    ค่าพลัง:
    +13,087
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ศิษย์หลวงตาบัวขวางรัฐบาลล้วง
     
  2. lotte

    lotte เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    726
    ค่าพลัง:
    +4,545
    ผมว่าเราอย่าไปยุ่งเรื่องการเมือง เศรษฐกิจดีกว่านะครับ ท่านฉลองภพ เขาระดับรมต การคลัง จบด็อกเตอร์ ขุนคลัง ท่านฉลองภพ มีความรู้เศรษฐศาสตร์อ่านมาเป็นทั้งตำราไทยอังกฤษเป็นล้านๆหน้า ผมว่าเขามีความรู้เยอะกว่านะครับ เงินไทยจะหมดแบงค์ชาติมันขึ้นอยู่กับว่า เงินหลวงตาบัวที่ทองคำหนัก10ตันหมื่นกว่าล้านบาทเงินดอลเกือบหมื่นล้าน ได้กินดอกฝากหรือเปล่า ถ้าฝากแบงค์ธนชาติเขาคิดให้ดอกร้อยละ5.5อัพ สองหมื่นล้านของหลวงตาบัวหนึ่งปีได้เท่าไรครับ5.5xสองหมื่นล้านต่อปี 1100ล้านต่อปีอันนี้หลวงตาบัวได้จริงๆจากแบงค์ธนชาติอันนี้ต้องฝากระยะยาวไม่ใช่เผื่อเรียก แบงค์ธนชาติเป็นแบงค์เดียวในไทยในเอเชียที่ให้ดอกเบี้ยฝากแพงสุดในเอเชีย เงินหลวงตาบัวไม่ได้ดอกเบี้ยเงินฝากสักบาท เงินในแบงค์ชาติตอนนี้มีอยู่2.7ล้านๆกว่า เขาจะเอาไปทำกำไรเข้าชาติหรือ อย่างไรไม่ทราบแต่เป็นไปไม่ได้ที่จะคอรับชั่นกันทุกกระทรวง สำนักพระราชวังเขาทราบดี ว่าแบงคชาติคงไม่คอรับชั่นเงิน2.7ล้านๆกว่าบาทออกไปอยู่บัญชีตนเองมั้งครับ ลองไปถามศาสตราจารย์ที่จบเศรษฐศาสตร์หรือบัญชีดูไหมครับว่า2.7ล้านๆของแบงค์ชาติจะหายไปได้ยังไง พระราชวัง กรมราชองครักษ์ ทุกกระทรวง สำนักนายก เขาจะยอมให้2.7ล้านๆหายมันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วนะครับ ต้องวิเคราะห์นานๆเงินหายไปจากแบงค์ชาติกี่แสนล้านมันต้องมีหลักฐาน คอรับชั่นมีทุกประเทศอยู่แล้ว แต่มีหลักฐานไหมเท่านั้นเอง ไม่ใช่กล่าวลอยๆมันเสียภาพพจน์ของหลวงตาบัว ผู้เป็นที่รักยิ่งอของชาวอีสาน เดี๋ยวเขาจะว่าโลกวัชชะ ได้ไม่ดีครับ อคติต่อพระเกจิทำไม
     
  3. korakots14

    korakots14 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    177
    ค่าพลัง:
    +872
    ทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่ว
     
  4. Khaning

    Khaning เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2007
    โพสต์:
    74
    ค่าพลัง:
    +197
    หลวงตามหาบัวกับวิกฤตการณ์ค่าเงินบาท
    ...เมื่อนายจอร์จ โซรอส...ฉกฉวยโอกาสเข้าโจมตีค่าเงินบาท...ในเวลานั้น ชนชั้นหัวกะทิกลุ่มเล็กๆ เพียง ๔-๕ คนของธนาคารแห่งประเทศไทย ได้พยายามต่อสู้อย่างสุดความสามารถ...โดยการขายเงินดอลล่าร์สหรัฐและซื้อเงินบาทล่วงหน้า....เป็นผลทำให้เงินทุนสำรองของประเทศทั้งหมดซึ่งเคยมีจำนวนมากถึง ๓๘.๖๕ พันล้านดอลล่าร์สหรัฐ ถูกใช้ไปจนเกือบหมดสิ้น คงเหลือเงินทุนสำรองสุทธิในช่วงเวลาสุดท้ายเพียง ๒.๘ พันล้านดอลล่าร์สหรัฐเท่านั้น
    ประเทศไทยในเวลานั้นได้ตกอยู่ในฐานะผู้พ่ายแพ้สงครามทางการเงินอย่างย่อยยับแทบจะสิ้นเนื้อประดาตัวและล้มละลายในทันทีทันใด.....ในเวลานั้นผู้คนในสังคมส่วนใหญ่เผชิญกับปัญหา...ขวัญหนีดีฝ่อ แตกตื่นตกใจ พยายามดิ้นรนกันไปคนละทิศคนละทาง ฉกฉวยโอกาสทุกอย่างเพื่อเอาตัวรอดเฉพาะตัว โดยเฉพาะธุรกิจส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง ขาดเงินทุนหมุนเวียนและหนี้สินล้นพ้นต้ว ต้องปิดกิจการจนคนงานลูกจ้างต้องว่างงานเป็นจำนวนมากมาย ตัวนักธุรกิจเองตกอยู่ในสภาพหมดอาลัยตายอยาก บ้างก็ตัดสินใจฆ่าตัวตาย
     
  5. Khaning

    Khaning เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2007
    โพสต์:
    74
    ค่าพลัง:
    +197
    ในขณะที่ผู้มีอำนาจในสังคมกำลังงุนงง ไม่รู้ว่าจะหาทางหยุดยั้งการพังทลยทางเศรษฐกิจและกรพังทลายทางความเชื่อมั่น..ด้วยวิธีใด ...คณะสงฆ์คณะหนึ่งยังครองสติไว้ได้อย่างมั่นคงและก้วเข้ามามีบทบาทด้วยการประกาศรวมใจคนไทยทั้งประเทศเพื่อกอบกู้วิกฤต ระดมเงินทุนสำรองจากประชาชนไทยทั้งในประเทศและต่างประเทศ
    หลวงตามหาบัว...ได้ออกมาระดมรับบริจาคทองคำและเงินตราต่างประเทศจากประชาชนไทย เพื่อนำส่งเข้าคลังหลวง โดยได้เดินสายรับบริจาครตั้งแต่เดือนเมายน๒๕๔๑ ถึงเดือนสิงหาคม ๒๕๔๗ รวมเป็นเงินตราต่างประเทศที่รวมรวบได้จำนวน ๑๐.๘ ล้านดอลล่าร์สหรัฐ และทองคำอีก ๑๑.๐๔ ตันคิดรวมเป็นเงินประมาณ ๘,๕๐๐ ล้านบาท
    ถึงแม้ว่าเงินจำนวนดังกล่าวรวมกันแล้วจะมีมูลค่าเพียงเล็กน้อย ไม่ถึงร้อยละ ๑ ของทุนสำรองทั้งหมดที่ได้ขาดทุนสูญหายไปจากการต่อสู้ปกป้องค่าเงินบาท แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้กลับเป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญของการปลุกปลอบขวัญ การระดมความรักชาติและความเชื่อมั่นของคนไทยคืนกลับมา
    ข้อความจากหนังสือ สันติอโศก: สามทศวรรษที่ท้าทาย ของ สุรเธียร จักรธรานนท์
     
  6. Khaning

    Khaning เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2007
    โพสต์:
    74
    ค่าพลัง:
    +197
    กรณีนี้แสดงว่าหลวงตาท่านมีภาวะผู้นำสูงมากนะคะ ทั้งยังแสดงด้วยว่าในสังคมไทย บทบาทของพระสงฆ์มีได้หลายแบบไม่จำกัด ทั้งนี้ขึ้นกับความคิดสร้างสรรค์และบารมีที่จะทำให้ความคิดนั้นสำเร็จเป็นรูปธรรมขึ้นด้วย ซึ่งสองสิ่งนี้ไม่ใช่นักวิชาการและนักการเมืองทุกคนจะมีได้
     
  7. sence

    sence เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    71
    ค่าพลัง:
    +770
    ช่ายคุณล็อตแต้ ทางพระราชวังเขาไม่ยอมให้เงินส่วนนี้มีใครไปทำปู้ยี่ปู้ยำแน่
    เพราะจะว่าไป เงินของล้นเกล้ารัชกาลที่ห้าและรัชกาลก่อนๆก็อยู่ในนั้น และ
    อีกอย่างก็เพราะไอ้พวกเรียนสูง ไอ้พวก ดร.ไม่ใช่เหรอที่ไม่ฟังใครจนพระองค์
    ท่านต้องมาตรัสเรื่อง ภูมิปัญญาชาวบ้าน เรื่องเศรษฐกิจพอเพียงและอื่นๆหน่ะ
    และก็ไอ้พวกเรียนสูงอีกนั้นแหละ ที่ออกมาบอกว่า เศรษฐกิจพอเพียง ขัดขวางการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจชาติ
    พอดีผมเรียนน้อย
    ผมเลยเชื่อในหลวง

    ถ้าพระองค์สั่งให้ผมบุกน้ำลุยไฟ ไปตายที่ไหน ถ้าเพื่อชาติ ผมทำ
     
  8. แดนโลกธาตุ

    แดนโลกธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2006
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +23,976
    หนังสือจากหลวงตาขอบิณฑบาตเกี่ยวกับเรื่องร่างพระราชบัญญัติเงินตรา

    [​IMG]


    คลังหลวงนั้นเกิดจากการรวมน้ำใจของคนทั้งชาติ
    โดยผ่านการศรัทธาจากองค์หลวงปู่มหาบัว ญาณสัมปันโน
    เพราะท่านเป็นผู้มีบารมีถึงทำได้ อยู่จะทำอย่างงี้ไม่ได้นะครับ

    </F>
     
  9. siamgirl

    siamgirl เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,682
    ค่าพลัง:
    +2,742
    อืมม....ทำไมไม่พิมพ์พ.ศ. อ่ะ
     
  10. Suchatp

    Suchatp Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    19
    ค่าพลัง:
    +59
    กอดดอลลาร์จนตายกันไปข้างหนึ่ง!

    โดย หมายเหตุผู้จัดการ 18 ตุลาคม 2550 17:14 น.


    ดัชนีหุ้นเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2550
    ร่วงกราวทั้งตลาดไทย ทั้งตลาดภูมิภาค และทั้งในตลาดทั่วโลก
    สืบสาวราวเรื่องแล้วก็ได้ความว่าเกิดจากเหตุที่มีข่าวว่าประเทศอินเดียออกคำสั่ง
    ให้สกัดการไหลเข้าของเงินดอลลาร์


    หมายความว่าธนาคารกลางของอินเดียและกระทรวงการคลังของอินเดียเห็นอันตรายของการท
    ี่เงินดอลลาร์ไหลเข้าประเทศ
    ดังนั้นจึงออกมาตรการเพื่อสกัดการไหลเข้าประเทศของเงินดอลลาร์นั้น


    แล้วทำไมบรรดานักเล่นหุ้นทั่วโลกจึงหวั่นไหวกับข่าวดังกล่าว? ทั้งๆ
    ที่ไม่เกี่ยวกับฐานะของบริษัทในตลาดหุ้นใดๆ
    ตรงนี้แหละที่คนไทยควรต้องทำความเข้าใจให้ดี


    เพราะจะไปหวังคำอธิบายหรือคำเตือนของผู้รับผิดชอบใดๆ
    ในประเทศนี้ย่อมไม่ได้เนื่องจากมีแต่จะหลอกต้มคนไทยด้วยกันเอง
    หรือไม่ก็จะแสดงความโง่ทำให้คนไทยพากันฉิบหายวายวอด


    ไม่เห็นหรือว่าท่าทีของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้ยังไม่แสดงความประสีประ
    สาใดๆ และยังเชื่อมั่นว่าการที่เงินดอลลาร์ไหลเข้ามากๆ นั้นถึงทำให้เงินบาทแข็ง
    แต่ก็จะไม่มีปัญหากับประเทศไทย

    เขาบอกว่าเขา “เอาอยู่”
    ซึ่งหมายความว่าจะปล่อยให้เงินดอลลาร์ไหลเข้าประเทศได้ตามสะดวกสบายต่อไป
    ด้วยความเชื่อว่าจะไม่เป็นอันตรายใดๆ กับประเทศไทย
    เพราะเชื่อฝีมือของตัวเองว่ารับมือกับปัญหาดังกล่าวได้

    โอ! พระเจ้าจอร์จ
    คนที่คิดเช่นนี้ทรนงองอาจยิ่งนัก
    คิดว่าตัวเองมีความรู้และสติปัญญาตลอดจนฝีไม้ลายมือเหนือกว่ารัฐบาลกลางของอินเด
    ีย และเหนือกว่านักลงทุนหรือพวกกองทุนที่เล่นหุ้นอยู่ทั่วโลกกระมัง

    สำคัญผิดอะไรหรือเปล่าโยม?
    ก็ที่ประเทศไทยฉิบหายจากกรณีกองทุนฟื้นฟูถึง 1,400,000 ล้านบาท
    และขาดทุนจากการแทรกแซงค่าเงินบาทเมื่อปีที่แล้วอีกร่วม 300,000
    ล้านบาทจนไม่มีปัญญาจะแก้ไข ถึงกับจะต้องปล้นเอาเงินในคลังหลวงไปใช้หนี้นั้น
    มันพิสูจน์ฝีมือให้เห็นกันแล้วหรือยัง และรู้สำนึกตัวเองกันบ้างหรือยัง


    อินเดียเขาออกมาตรการสกัดเงินไหลเข้าก็เพราะเขาเห็นอันตรายและที่นักลงทุนหุ้นทั
    ่วโลกตื่นตระหนกในข่าวนี้ก็เพราะเขารู้ดีว่าฐานะของเงินดอลลาร์กำลังทรุดโทรมตกต
    ่ำอย่างหนัก ถึงกับมีการออกมาตรการสกัดการไหลเข้าประเทศกันแล้ว
    ย่อมกระทบต่อตลาดหุ้นในอนาคตโดยไม่ต้องสงสัย


    เมื่อเขาหวั่นไหวเช่นนั้นเขาก็พากันเทขายหุ้น
    จึงทำให้ดัชนีตลาดหุ้นทั่วโลกร่วงกราวกรูดแดงพรืดไปหมด


    ความจริงฐานะของเงินดอลลาร์สหรัฐที่ใกล้ภาวะล้มละลายเข้าไปทุกทีนั้น
    ผู้คนเขาเข้าใจกันเป็นส่วนใหญ่ทั่วโลกแล้ว
    แต่ผู้รับผิดชอบเรื่องนี้ของไทยไม่ยอมเข้าใจ
    ยังงมงายยึดถือดอลลาร์เป็นสรณะอย่างบ้าคลั่งอยู่ต่อไป


    ประเทศจีนเขาลดอัตราส่วนเงินดอลลาร์ในกองทุนเงินสำรองระหว่างประเทศไปแล้วร่วม
    200,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ญี่ปุ่นลดไปแล้ว 200,000 ล้านเหรียญสหรัฐ
    ล่าสุดเวียดนามสั่งลดเงินดอลลาร์สหรัฐในกองทุนเงินสำรองลงให้เหลือไม่เกิน 25%
    ต่อมาประเทศกาตาร์ก็เอาตาม

    ในอีกไม่นานเท่าใดนัก
    ประเทศอาหรับทั้งหลายก็จะพากันเอาอย่างตามประเทศกาตาร์
    และจะลุกลามไปถึงกลุ่มอียู ส่วนในเอเชียนั้นไต้หวัน สิงคโปร์ บรูไน มาเลเซีย
    และใครต่อใครก็คงจะไม่ยอมเสี่ยงดำรงเงินดอลลาร์สหรัฐในกองทุนเงินสำรองไว้เหมือน
    เดิมแน่


    เงินดอลลาร์สหรัฐกำลังกลายเป็นเงินที่ทั่วโลกไม่ต้องการและพากันระบายออกจากประเ
    ทศของตน เปลี่ยนเป็นเงินสกุลอื่นหรือสินทรัพย์อย่างอื่นแทน
    เพราะเหตุนี้เงินดอลลาร์จึงตกต่ำลงทุกวัน


    ที่ตกต่ำนั้นก็เพราะว่านอกจากปัญหาวิกฤตทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ
    ตลอดจนปัญหาหนี้สินล้นพ้นตัวของสหรัฐฯ และขีดความสามารถที่ไม่อาจทำสงครามรุกราน
    อิหร่านหรือพม่าได้ดังใจ กำลังทำให้สหรัฐฯ ต้องเข้าตาจน
    เป็นผลให้เชื่อว่าเงินดอลลาร์สหรัฐยากจะฟื้นและมีแต่จะตกต่ำลง

    โลกทุกวันนี้เงินกลายเป็นสินค้า
    และเมื่อสินค้านั้นโลกไม่ต้องการ ราคาก็ตกต่ำเป็นธรรมดา

    เหตุผลเช่นนี้ชาวนาก็เข้าใจ
    เพราะเมื่อใดที่ผลผลิตข้าวล้นตลาด ความต้องการก็ไม่พอต่อปริมาณที่ผลิตได้
    ราคาก็ตกต่ำ

    ชาวสวนก็เข้าใจ
    เพราะเมื่อปีใดผลิตผลไม่เป็นที่ต้องการ ปีนั้นราคาผลิตผลก็ตกต่ำ

    แม่ค้าขายข้าวแกงก็เข้าใจ
    เพราะถ้าเมื่อใดที่รสชาติข้าวแกงที่ขายไม่เป็นที่ต้องการ
    ไม่เป็นที่พอใจของคนกินก็ขายไม่ออก ราคาก็ตก

    มีแต่ทางการไทยนี่แหละที่ไม่ยอมเข้าใจ
    ยังหลงงมงายกอดเงินดอลลาร์สหรัฐไว้ ถือเอาเงินดอลลาร์เป็นสรณะ
    และคงจะต้องกอดเงินดอลลาร์จนกระทั่งตายกันไปข้างหนึ่ง

    ก็พอจะเข้าใจว่าทำไมจึงฝันลมๆ แล้งๆ
    และกอดเงินดอลลาร์สหรัฐไว้ ถึงขนาดยอมตายก็ไม่ยอมปล่อย


    ทั้งนี้เพราะว่าธนาคารแห่งประเทศไทยได้ซื้อเงินดอลลาร์สหรัฐไว้ในการเข้าแทรกแซง
    ค่าเงินบาทเป็นจำนวนเงินมหาศาล
    เฉพาะที่ออกพันธบัตรกู้เงินไปซื้อเงินดอลลาร์เมื่อปลายปีที่แล้วก็มีจำนวนถึง 1
    ล้านล้านบาท


    เท่ากับกู้เงินไปเล่นหุ้นเงินดอลลาร์นั่นแหละ
    หรือถ้าจะพูดแบบชาวบ้านก็พูดได้อีกว่ากู้เงินไปเล่นการพนัน
    พฤติกรรมมันไม่ต่างอะไรกันที่ตรงไหน จึงเป็นผลให้ขาดทุนในวันสิ้นปีที่แล้วถึง
    180,000 ล้านบาท

    เพราะได้ซื้อเงินดอลลาร์ไว้ตั้งแต่ราคา
    45 บาทต่อเหรียญดอลลาร์สหรัฐ เมื่อค่าเงินดอลลาร์ตกต่ำลงเหลือ 34
    บาทต่อเหรียญดอลลาร์สหรัฐ ก็ขาดทุนเหรียญละ 11 บาท
    แต่อ้างว่าเป็นการขาดทุนทางบัญชีเท่านั้น
    เนื่องจากยังไม่มีการขายเงินดอลลาร์ออกไป

    ตรงนี้ไงที่ทำให้ขายดอลลาร์ออกไปไม่ได้
    เพราะถ้าขายเมื่อใดก็ขาดทุนจริงเมื่อนั้น

    แต่ลืมคิดไปว่ามาตรฐานทางบัญชีนั้น
    การขาดทุนทางบัญชีก็ถือว่าขาดทุนแล้ว
    หากเป็นธนาคารอื่นก็ต้องตั้งสำรองผลขาดทุนหรือความเสียหายนั้น
    นี่แสดงให้เห็นว่ากำลังละเมิดมาตรฐานที่ตัวเองใช้อย่างเข้มงวดกับคนอื่น


    ดังนั้นอย่าได้หวังเลยว่าจะมีมาตรการสกัดเงินดอลลาร์ไหลเข้าประเทศเพื่อป้องกันค
    วามเสียหายให้กับชาติบ้านเมือง
    เพราะมันมีเหตุจูงใจที่จะต้องกอดเงินดอลลาร์สหรัฐไว้จนตายกันไปข้างหนึ่ง.
    ...........


    คนไทยนี่มีกรรมจริงๆ
     

แชร์หน้านี้

Loading...