WarRoom - อาสาสมัครเตรียมการเฝ้าระวังประสานงานเตรียมพร้อมเพื่อรองรับสถานการณ์ปี 2013

เกาหลีใต้สั่งปิดเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์เพิ่มอีก 1 แห่ง

วันพฤหัสบดีที่ 17 มกราคม 2556 เวลา 14:13 น.



เตาปฏิกรณ์ "อุลจิน-1" ของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ "อุลจิน" จำเป็นต้องระงับการเดินเครื่องช่วงคราว สาเหตุจากปัญหาด้านเทคนิค

วันนี้ ( 17 ม.ค. ) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ว่า ทางการเกาหลีใต้สั่งระงับการเดินเครื่องของเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์แห่งหนึ่งทันที เนื่องจากปัญหาขัดข้องทางเทคนิค นับเป็นความขัดข้องครั้งล่าสุดที่เกิดขึ้นกับระบบโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ของประเทศ

โฆษกบริษัท โคเรีย ไฮโดร แอนด์ นิวเคลียร์ พาวเวอร์ แพลนต์ ผู้ประกอบการโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ “อุลจิน” ที่ตั้งอยู่ห่างจากกรุงโซลไปทางตะวันออกเฉียงใต้ราว 330 กิโลเมตร แถลงว่า บริษัทจำเป็นต้องระงับการเดินเครื่องเตาปฏิกรณ์ “อุลจิน-1” เป็นการชั่วคราวเพื่อตรวจสอบสภาพโดยละเอียด หลังเจ้าหน้าที่ควบคุมตรวจพบสัญญาณความผิดพลาดในส่วนของมาตรวัด

อย่างไรก็ตาม ทางบริษัทยืนยันว่า ไม่มีการรั่วไหลของกัมมันตภาพรังสี หรือสารเคมีอันตรายอื่นๆที่จะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และสุขภาพของประชาชนในพื้นที่โดยรอบแน่นอน

เหตุการณ์สั่งระงับการทำงานของเตาปฏิกรณ์แห่งดังกล่าว เกิดขึ้นเป็นครั้งที่ 2 ในรอบระยะเวลาไม่ถึง 6 เดือน นอกจากนี้ เตาปฏิกรณ์ อีก 2 แห่งจำเป็นต้องปิดตัวลงโดยอัตโนมัติเป็นการชั่วคราวเช่นกัน เมื่อช่วงเดือนต.ค. ตามด้วยการสั่งปิดเตาปฏิกรณ์ 3 จาก 6 แห่งของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ “ยองกวาง” หนึ่งในโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ เมื่อเดือนพ.ย.

ปัจจุบันเกาหลีใต้มีเตาปฏิกรณ์ทั้งสิ้น 23 แห่ง มีกำลังการผลิตกระแสไฟฟ้าคิดเป็น 35% ของปริมาณความต้องการกระแสไฟฟ้าทั้งประเทศ ทว่าการทยอยปิดเตาปฏิกรณ์ลงทีละตัวภายในระยะเวลาไล่เลี่ยกัน สร้างความกังวลให้แก่ประชาชนจำนวนมากว่า ประเทศอาจต้องประสบภาวะขาดแคลนกระแสไฟฟ้าในอนาคต ทำให้รัฐบาลเกาหลีใต้ต้องทำการซ้อมรับมือทั่วประเทศ หากเกิดกรณีกระแสไฟฟ้าสำรองลดลงเหลือน้อยกว่า 4 ล้านกิโลวัตต์ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

เกาหลีใต้สั่งปิดเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์เพิ่มอีก 1 แห่ง |

B5 - War Room Falkman

 

วิกฤต! พะยูน จ.ตรัง เหลือ 135 ตัว เกยตื้นเพิ่มกว่า 2 เท่า

วันพฤหัสที่ 17 มกราคม 2556


(ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต ไม่เกี่ยวข้องกับข่่าว)

วานนี้ (16 ม.ค.) นายนพพล ศรีสุข อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.) เปิดเผยว่า จากรายงาน สถานการณ์พะยูนใน จ.ตรัง พบว่าในช่วงปี พ.ศ.2555 พบพะยูนเพียง110-135 ตัว มีจำนวนลดลงกว่าปี พ.ศ.2554 ที่พบพะยูน 134-150 ตัว

โดยสาเหตุเกิดจากการล่าเพื่อนำไปทำยาชูกำลัง รวมทั้งนำงาไปทำเครื่องประดับ ขณะที่อัตราการพยูนเกยตื้นเพิ่มขึ้นมากกว่าสองเท่า คือ 11 ตัว เมื่อเปรียบเทียบกับอัตราการเกยตื้นในรอบ 20 ปี (พ.ศ. 2535-2554) ซึ่งมีค่าเฉลี่ย 4.6 ตัวต่อปี

ทั้งนี้พะยูนที่เกยตื้นมากกว่า 95% จะเสียชีวิต โดยมีสาเหตุหลักจากการจมน้ำขณะติดเครื่องมือประมง นอกจากนี้ยังพบมีการอพยพย้ายถิ่นของพะยูนจาก จ. ตรังไปยังแหล่งหญ้าทะเลใกล้เคียง เนื่องจากผลกระทบจากกิจกรรมทางทะเลหรือการเสื่อมโทรมลงของแหล่งหญ้าทะเลอาหารของพะยูน

นายนพพลยังกล่าวอีกว่า ข้อมูลชีววิทยาของพะยูนแสดงให้เห็นว่าอัตราการตายของพะยูนเพียง 5% จะทำให้จำนวนประชากรพะยูนไม่เพิ่มขึ้น เป้าหมายของการอนุรักษ์จำนวนประชากรพะยูนจึงต้องลดอัตราการตายให้เหลือน้อย กว่า 5%โดยทาง ทช.จะจัดทำมาตรการร่วมกับชุมชนและหน่วยงานในพื้นที่และมีการบังคับใช้อย่างจริงจัง โดยมีการติดตามตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง ร่วมกับการรักษาและฟื้นฟูแหล่งหญ้าทะเลในพื้นที่ต่อ

วิกฤต! พะยูน จ.ตรัง เหลือ 135 ตัว เกยตื้นเพิ่มกว่า 2 เท่า |

B5 - War Room Falkman

 

ดูให้จบนะครับ

[ame=http://www.youtube.com/watch?v=7fNnR6U0ejM]26 คนค้นคน ผมอยากบวช ตลอดชีวิต แต่ - YouTube[/ame]

 

พบปลาตายนับหมื่นตัวตายเกลื่อนชายฝั่งสหรัฐฯ

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 18 มกราคม 2556 00:29 น.

ปลาตายนับหมื่นตัวถูกคลื่นซัดเกยตื้นชายฝั่งเกาะพาวลีย์ ทางใต้ของมลรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐฯช่วงต้นสัปดาห์ เหตุปลาเกยตื้นหมู่ครั้งที่ 2 ในรอบสัปดาห์ ทำเอานักวิทยาศาสตร์ฉงนและเร่งหาคำตอบปรากฏการณ์ตายหมู่ครั้งนี้

ปลาขนาดเล็กหลายหมื่นตัว ถูกคลื่นซัดขึ้นมาเกยตื้นชายฝั่งเกาะพาวลีย์ ใกล้เกาะมาซันโบโร รอบนอกวิลมิงตัน ทางเหนือของแคลิฟอร์เนีย โดยตำรวจยืนยันถึงการตายหมู่ดังกล่าวและแจ้งเรื่องไปยังกรมทรัพยากรธรรมชาติ

เบื้องต้นมีข้อสันนิษฐานเกี่ยวกับทฤษฎีเทอร์มอลช็อกหรือการที่อุณหภูมิของน้ำลดลงอย่างทันทีทันใด อย่างไรก็ตาม ด้วยที่กรมทรัพยากรธรรมชาติแคลิฟอร์เนีย ระบุว่าบริเวณชายฝั่งแถบนี้ไม่ได้ประสบกับภาวะอากาศหนาวเหน็บยามค่ำคืน ข้อสันนิษฐานนี้จึงไม่น่าจะใช่คำตอบที่ถูกต้องนัก
http://www.manager.co.th/Home/ViewNews.aspx?NewsID=9560000006949

 

หิมะถล่มอังกฤษ กระทบการสัญจร-ปิดโรงเรียนหลายพันแห่ง

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 19 มกราคม 2556 01:32 น.

เอเอฟพี - หิมะซัดถล่มทั่วอังกฤษในวันศุกร์(18) เป็นผลให้ต้องยกเลิกเที่ยวบินตามท่าอากาศยานต่างๆและโรงเรียนอีกมากกว่า 3,000 แห่งต้องหยุดเรียน

สนามบินฮีทโธรว์ หนึ่งในท่าอากาศยานพลุกพล่านที่สุดของโลก ยกเลิกเที่ยวบินแล้ว 365 เที่ยวบิน ในนั้นมีทั้งเที่ยวบินระยะสั้นและทางไกล โดยเวลานี้เจ้าหน้าที่ได้ใช้รถกวาดหิมะ 24 คันคอยเคลียร์รันเวย์ 2 เส้น



โฆษกหญิงบอกต่อว่าศูนย์กลางการบินทางตะวันตกของลอนดอนแห่งนี้ มีการวางแผนรับมือกับหิมะไว้อย่างดี นับตั้งแต่เหตุหิมะตกหนักและสภาพรันเวย์เป็นน้ำแข็ง สร้างความโกลาหลแก่การเดินทางในช่วงคริสต์มาสเมื่อปี 2010

ขณะเดียวกันก็มีรายงานว่ารถไฟยูโรสตาร์ที่แล่นระหว่างลอนดอนกับบรัสเซลส์ ก็จำเป็นต้องยกเลิกการเดินทาง 4 เที่ยวในวันศุกร์(18) ส่วนขบวนอื่นๆแม้สามารถแล่นบริการได้ตามปกติ แต่ผู้โดยสารก็ต้องเจอกับปัญหาล่าช้าเล็กน้อย สืบเนื่องจากข้อจำกัดด้านความเร็วท่ามกลางสภาพอากาศอันเลวร้าย



กระนั้นก็ตามสภาพอากาศอันเลวร้าย ส่งผลกระทบต่อสนามบินเบอร์มิงแฮม ตอนกลางของอังกฤษและท่าอากาศยานเซาท์แฮมป์ตัน ทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศ ที่ต้องปิดบริการตลอดทั้งวัน ขณะที่หิมะซึ่งตกลงมาอย่างหนักยังเป็นผลให้เจ้าหน้าที่ต้องตัดสินใจปิดสนามบินต่างๆที่คาร์ดิฟฟ์ ในแคว้นเวลส์ และบริสตอล ทางตะวนตกเฉียงใต้ของอังกฤษ รวมถึงเกาะเจอร์ซีย์

โรงเรียนกว่า 3,000 แห่งทั่วอังกฤษ ต้องปิดการเรียนการสอน และสภาพอากาศเลวร้ายก่อการจราจรตัดขัดอย่างหนักบนท้องถนนหลายสาย นอกจากนี้แล้วความวุ่นวายยังลุกลามไปถึงเครือข่ายการเดินรถไฟด้วย

สำนักงานอุตุนิยมวิทยาของสหราชอาณาจักร ประกาศเตือนภัยระดับ"สีแดง" ซึ่งไม่ค่อยเกิดขึ้นบ่อยครั้งหนัก ในพื้นที่บางส่วนทางตอนใต้ของเวลส์ โดยในบางพื้นที่พยากรณ์กันว่าอาจจะมีหิมะตกลงมาหนากว่า 30 เซนติเมตรเลยทีเดียว






Around the World - Manager Online - หิมะถล่มอังกฤษ กระทบการสัญจร-ปิดโรงเรียนหลายพันแห่ง

 

นครซิดนีย์ เผชิญอากาศร้อนที่สุดในรอบ 74 ปี

เขียนโดย nuntarat โพสต์เมื่อ วันศุกร์ที่ 18 มกราคม 2556



MThai News: สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นครซิดนีย์ของประเทศออสเตรเลีย เผชิญสภาพอากาศร้อนจัดในรอบ 74 ปี อุณหภูมิสูงสุดอยู่ที่ 46 องศาเซลเซียส ขณะที่บันทึกสถิติอากาศร้อนที่สุดในซิดนีย์ครั้งสุดท้ายคือ เดือนมกราคม 1939 ที่เนินเขาอ็อบเซอร์วาทอรี ฮิลล์ อุณหภูมิอยู่ที่ 45.3 องศาเซลเซียส
ทั้งนี้ที่เนินเขาอ็อบเซอร์วาทอรี ฮิลล์ขณะนี้วัดอุณหภูมิได้ 45.8 องศาเซลเซียส ขณะที่พื้นที่อื่นๆรอบนอกซิดนีย์ มีอุณหภูมิสูงกว่า โดยที่เมืองเพ็นริธทางตะวันตก บันทึกอุณหภูมิได้ 46.5 องศาเซลเซียส
ด้านรัฐนิวเซาท์เวลส์แล้วขณะนี้เกิดไฟป่าแล้วทั้งหมด 84 จุด ในจำนวนนี้มี14 จุดยังไม่สามารถควบคุมได้ คาดการณ์ว่าอุณหภูมิจะกลับมาสูงเกิน 40 องศาเซลเซียสอีกครั้ง ขณะที่สำนักงานควบคุมไฟป่าประจำรัฐแจ้งว่า ไฟป่าในอุทยานแห่งชาติวอร์รัมบังเกิล ลามออกนอกแนวป้องกันแล้วช่วงเช้าวันนี้ หลังจากเผาบ้านเรือนไป 51 หลัง และพื้นที่อุทยานกว่า 280,000 ไร่
นอกจากนี้พื้นที่ชายฝั่งอย่างเมืองเบก้าก็เผชิญอุณหภูมิกว่า 44.6 องศาเซลเซียส ส่วนเมืองวิลเลียมทาวน์อุณหภูมิอยู่ที่ 44.8 องศาเซลเซียส ซึ่งอากาศร้อนจัดยังทำให้สายไฟของทางรถไฟได้รับความเสียหาย ส่งผลให้การเดินทางหยุดชะงัก
MThai News

นครซิดนีย์ เผชิญอากาศร้อนที่สุดในรอบ 74 ปี | ข่าว ข่าวรายวัน ข่าววันนี้ ข่าวการเมือง
อุณหภูมิ “ซิดนีย์” ทุบสถิติร้อนที่สุดในรอบกว่า 70 ปี | เดลินิวส์

 

ออสเตรเลียเกิดไฟป่าอีก-พบชายนิรนามตาย1

18 ม.ค. 56 17.20 น.



สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า ในวันนี้ (18 ม.ค.) เกิดเหตุไฟป่าลุกไหม้ที่ออสเตรเลียอีกครั้ง บวกกับอุณหภูมิที่มีความร้อนสูง ส่งผลให้เกิดไฟป่าไหม้บ้านของประชากรนับสิบหลังคาเรือน เจ้าหน้าที่ตำรวจและนักดับเพลิง รีบให้ความช่วยเหลือทันที หลังได้รับแจ้งเกิดเหตุภัยธรรมชาติซ้ำซ้อนขึ้นอีกครั้งเจ้าหน้าที่รายงานอย่างต่อเนื่อง ว่า ชายนิรนาม 1 คน ซึ่งบ้านของเขาอยู่ห่างออกไปจากที่เกิดเหตุ ประมาณ 200 เมตร (120 ไมล์) ทางตะวันออกของเมลเบิร์น ในรัฐวิกตอเรีย ได้รับผลกระทบอย่างหนัก จึงเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตของเจ้าของบ้านดังกล่าว อย่างอนาถ ขณะนี้ ยังไม่สามารถระบุจำนวนของผู้ได้รับบาดเจ็บได้แน่ชัด

ออสเตรเลียเกิดไฟป่าอีก-พบชายนิรนามตาย1

 

อินโดฯยังระทมน้ำท่วมหนักตายแล้ว 11 ศพ

วันศุกร์ที่ 18 มกราคม 2556 เวลา 13:06 น.



ชาวกรุงจาการ์ตา ของอินโดนีเซีย ยังคงได้รับความเดือดร้อนหนักจากน้ำท่วมครั้งใหญ่ ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 11 ศพ
วันนี้ ( 18 ม.ค. ) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซียว่า มีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 11 ศพ และไร้ที่อยู่อาศัยอีกกว่า 18,000 คน จากเหตุอุทกภัยครั้งใหญ่ถล่มเมืองหลวงของอินโดนีเซียเมื่อช่วงต้นสัปดาห์

นายซูโตโป เปอร์ดว นูโกรโฮ โฆษกสำนักงานบรรเทาภัยพิบัติแห่งชาติ แถลงในวันนี้ว่า แม้ระดับน้ำจะเริ่มทรงตัว แต่จำนวนผู้เสียชีวิตกลับเพิ่มขึ้นอยู่ที่อย่างน้อย 11 ศพแล้ว เป็นเด็ก 2 ศพ อายุ 2 ปี และ 13 ปีตามลำดับ นอกจากนี้ ในจำนวนผู้เสียชีวิตทั้งหมด 5 ศพ เสียชีวิตจากการถูกกระแสไฟฟ้าช็อต


อย่างไรก็ตาม ทางการสามารถควบคุมสถานการณ์โดยรวมได้แล้ว แม้ระดับน้ำในพื้นที่ราว 8% ของกรุงจาการ์ตาจะยังคงเพิ่มสูงอยู่ก็ตาม


อุทกภัยที่เกิดขึ้นทำให้การจราจรบนถนนหลายสายติดขัดเป็นอัมพาต รวมถึงกระแสน้ำยังสร้างความเสียหายให้แก่เสาไฟฟ้า ทำให้ประชาชนเกือยทั่วทั้งเมืองต้องตกอยู่ภาวะขาดแคลนกระแสไฟฟ้า เนื่องจากเจ้าหน้าที่จำเป็นต้องปิดสถานีจ่ายกระแสไฟฟ้าย่อยกว่า 1,000 แห่ง เพื่อตรวจสอบสภาพ และทำการซ่อมแซมระบบ

อินโดฯยังระทมน้ำท่วมหนักตายแล้ว 11 ศพ | เดลินิวส์

 

ชายรัสเซียรอดตกรถไฟ-เผชิญอากาศติดลบ30องศาฯ

18 ม.ค. 56 20.12 น.



สื่อต่างประเทศ รายงานว่า หลังจากแจ้งเหตุ ชายชาวรัสเซีย วัย 42 ปี เกิดพลัดตกออกมารถไฟกลางทาง ซึ่งออกจากสถานีในทางทิศตะวันออก โดยเขาต้องหนีความตายวิ่งเอาชีวิตรอด ระยะทางทั้งหมด 7 กิโลเมตร ท่ามกลางอากาศหนาวเย็นสุดขั้ว -30 องศาเซลเซียส เจ้าหน้าที่ตำรวจ กล่าวว่า ถือว่าเขาโชคดีมาก เนื่องจาก เขาต้องทนกับสภาพอากาศที่เลวร้าย เพียงสวมแค่กางเกงขายาว เสื้อยืด และรองเท้าแตะ และในขณะนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงสอบสวนต่อไปว่า เกิดจากอุบัติเหตุพลัดตกลงไปจริงหรือไม่

ชายรัสเซียรอดตกรถไฟ-เผชิญอากาศ30องศาฯ

 

เชียงใหม่-ประกาศพื้นภัยพิบัติแล้งแล้ว 22 อำเภอ

วันศุกร์ ที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2556



จังหวัดเชียงใหม่ประกาศพื้นที่ประสบภัยพิบัติแล้งเพิ่มอีก 4 อำเภอ รวมเป็น 22 อำเภอจากทั้งหมด 25 อำเภอ ขณะที่ทุกภาคส่วนเตรียมการช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบภัยพร้อมแล้ว

โดยล่าสุดประกาศเพิ่มอีก 4 อำเภอคือ ดอยเต่า แม่ออน ดอยหล่อ และ สารภี โดยทุกหน่วยงานได้เตรียมการเฝ้าระวังและตั้งศูนย์ป้องกันแก้ไขปัญหาภัยแล้ง หมอกควัน ไฟป่า และ ภัยหนาว ที่ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ และประกาศเปิดตัวโครงการตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา เนื่องจากปีนี้อากาศหนาวเย็น และหลังจากนี้จะมีภัยแล้งตามมา ประกอบกับปีที่ผ่านมาไม่มีพายุใหญ่เข้าเชียงใหม่

ขณะที่หลายภาคส่วนเป็นห่วงน้ำสำหรับทำการเกษตร และได้ประชาสัมพันธ์ทำความเข้าใจกับเกษตรกรให้ปลูกพืชที่ใช้น้ำน้อย พื้นที่นอกเขตชลประทานควรงดปลูกพืชและงดการเลี้ยงปลาในกระชัง เนื่องจากอาจจะมีปัญหาน้ำที่ปล่อยไปไม่เพียงพอ และไม่สม่ำเสมออาจจะทำให้ปลาตายได้

ทั้งนี้ทางจังหวัดเชียงใหม่ได้ประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเตรียมการแก้ปัญหาเป็นระยะ โดยนายอำเภอทุกอำเภอจะเป็นเจ้าภาพหลักบูรณาการทำงานร่วมกับท้องถิ่น สำรวจจุดเสี่ยงในพื้นที่และรายงานให้จังหวัดทราบ จัดหาแหล่งน้ำสำรองและสำรวจแหล่งน้ำเพื่อเก็บกักไว้ใช้ในช่วงแล้งนี้ ขณะเดียวกันเตรียมรถน้ำพร้อมออกแจกจ่ายน้ำดื่มเมื่อมีการร้องขอ







เชียงใหม่-ประกาศพื้นภัยพิบัติแล้งแล้ว 22 อำเภอ ข่าวต่างประเทศ ข่าวอาชญากรรม ข่าวสังคม ข่าวเศรษฐกิจ ข่าวการเมือง ข่าวด่วน ข่าว ข่าวสด ข่าววันนี้ สลากกินแบ่งรัฐบาล ข่าวดารา ข่าวบันเทิง : ครอบครัวข่าว 3

 

อุณหภูมิล่าสุด



Maps and Radar | Weather Underground

 

หมดเกลี้ยง! ชาวอังกฤษตื่นหิมะจะตกหนัก แห่ซื้อของตุนเพียบ




เว็บไซต์เดลิเมลของอังกฤษ รายงานว่า ประชาชนในอังกฤษและเวลส์ต่างพากันซื้ออาหารเพื่อตุนไว้สำหรับอากาศหนาวจนเกลี้ยงซูเปอร์มาเก็ตหลายแห่ง หลังอุณหภูมิลดต่ำลงไปอยู่ที่ - 9 องศาเซลเซียส และคาดว่าจะเป็นเช่นนี้ต่อเนื่องไปอีกหลายวัน

นอกจากนี้ ยังมีคำพยากรณ์อากาศที่ว่า หิมะจะตกหนักติดต่อกัน 40 ชั่วโมง ไม่ควรออกจากบ้านเว้นแต่ในกรณีที่จำเป็นเท่านั้น ยิ่งทำให้ประชาชนแตกตื่นแห่แย่งซื้อของตุนกันอย่างเต็มที่ และของอีกอย่างที่หลายคนซื้อไปกันเป็นหลายตันนั่นก็คือ เกลือ เพื่อนำไปจัดการกับสภาพอากาศที่หนาวเย็นเช่นนี้

ทั้งนี้ ประชาชนรายหนึ่งในนิวบิวรี่ เบอร์คไชร์ เปิดเผยว่า พวกเราแย่งซื้ออาหารไปจนถึงของใช้จำนวนมากเพื่อไปตุนเอาไว้ ทำให้คนที่มาที่หลังซื้อไม่ทัน ด้านพนักงานซูเปอร์มาร์เก็ตบอกว่า เหตุการณ์ชุลมุนวุ่นวายยิ่งกว่าช่วงเทศกาลเสียอีกต้องคอยรับมือกับประชาชนหลายร้อยคน ที่แย่งกันซื้อของใช้และอาหาร หลังได้รับคำเตือนว่า ไม่ควรออกจากบ้านยกเว้นในกรณีที่จำเป็นเท่านั้น

นอกจากนี้ ถนนหลายสายและการคมนาคมหลายเส้นทางต่างเป็นอัมพาต เนื่องจากได้รับผลกระทบจากหิมะตกหนักหลายวันในหลายพื้นที่ เช่น มิดแลนด์ส, นอร์ธ เวสต์, เซาท์ เวสต์, ยอร์คไชร์ และฮัมเบอร์ และต่างได้รับคำเตือนว่าจะมีหิมะตกหนักตั้งแต่ 25 เซนติเมตรขึ้นไป โดยจะเริ่มที่เวลส์เป็นที่แรก

หมดเกลี้ยง! ชาวอังกฤษตื่นหิมะจะตกหนัก แห่ซื้อของตุนเพียบ

 

ปภ. เตือน 9 จว.ใต้ ระวังมรสุม 18-21 ม.ค.นี้

18 ม.ค. 56 08.38 น.



นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กล่าวว่า จากการประสานข้อมูลสภาพอากาศ กับกรมอุตุนิยมวิทยา คาดช่วงวันที่ 18 - 21 ม.ค. 2556 มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมภาคใต้และอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้นทำให้มีฝนตกเพิ่มขึ้น ฝนตกหนักบางแห่งและคลื่นลมแรง อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากและดินโคลนถล่มในพื้นที่ 9 จังหวัด ได้แก่ เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี นราธิวาส จึงขอเตือนประชาชนในพื้นที่ดังกล่าว ให้ติดตามพยากรณ์อากาศและประกาศเตือนภัยอย่างใกล้ชิด พร้อมปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด รวมถึงหมั่นสังเกตสัญญาณความผิดปกติทางธรรมชาติ จะได้อพยพหนีภัยได้อย่างทันท่วงที ส่วนคลื่นลมอ่าวไทย มีกำลังแรง ชาวเรือควรเพิ่มความระมัดระวังการเดินเรือในระยะนี้

ทั้งนี้ ปภ.ได้ประสาน 9 จังหวัด และศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 4 ประจวบคีรีขันธ์ เขต 11 สุราษฎร์ธานี เขต 12 สงขลา จัดเจ้าหน้าที่และมิสเตอร์เตือนภัย ติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์ภัยตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมจัดเตรียมเครื่องมืออุปกรณ์ประจำจุดเสี่ยงให้พร้อมเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้ทันทีที่เกิดสถานการณ์ภัย รวมถึงประกาศแจ้งเตือนให้ชาวเรือและผู้ประกอบการท่องเที่ยวทางทะเลเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ สำหรับประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากภาวะฝนตกหนัก และคลื่นลมแรง สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ที่สายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง

ปภ. เตือน 9 จว.ใต้ ระวังมรสุม 18-21 ม.ค.นี้

 

มณฑลซินเจียงของจีน เผชิญพายุหิมะและหมอกลงจัด

เกิดหิมะตกหนักในเขตปกครองตนเองของทิเบต และเขตปกครองตนเองอุ้ยกูร์ ในมณฑลซินเจียงของจีน ตั้งแต่เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ส่งให้ทัศนวิสัยในการมองเห็นต่ำกว่า 30 เมตรในทิเบต และต่ำกว่า 20 เมตรในบางพื้นที่ของมณฑลซินเจียง

หิมะที่ตกอย่างหนัก และกระแสลมแรง ได้เริ่มพัดกระหน่ำเขตปูรัง ในทิเบต ตั้งแต่เช้าวันพฤหัสบดีและอากาศยังคงเลวร้ายต่อเนื่องจนถึงวันศุกร์ ซึ่งเป็นเวลากว่า 40 ชั่วโมงแล้ว ในเขตพื้นที่ราบมีหิมะตกหนักสูงกว่า 40 เซนติเมตร ส่วนในพื้นที่ต่ำกว่า มีหิมะตกหนาและลึกประมาณ 1.2 เมตรและยังทำให้ทัศนวิสัยในการมองเห็นไม่ถึง 30 เมตร

ถนนสายเดียยวที่นำไปสู่ภายนอก ถูกตัดขาด และยังไม่สามารถกลับมาใช้ในการสัญจรได้ เพราะพายุหิมะยังคงพัดกระหน่ำต่อเนื่องจนถึงวันนี้ ตำรวจชายแดนติดอาวุธ , เจ้าหน้าที่ดับเพลิง และหน่วยงานด้านจราจร ได้ถูกส่งไปช่วยเหลือประชาชน ขุดหิมะและซ่อมเรือนกระจกที่ใช้ปลูกผัก และช่วยกำจัดหิมะออกจากถนนด้วย

นอกจากนี้ ยังมีหมอกหนาจัด ในพื้่นที่หลายส่วนของมณฑลซินเจียง ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อการจราจร คาดว่าหิมะจะยังคงตกอย่างต่อเนื่องในมณฑลซินเจียง รวมทั้งเขตต้าเจิ้ง และอัลไตย์และเชื่อว่า พายุหิมะจะพัดกระหน่ำพื้นที่แถบภูเขาจนถึงเที่ยงคืนด้วย ในพื้นที่ทางตะวันตกของมณฑลซินเจียง ต้องเผชิญหมอกหนา เนื่องจากอุณหภูมิในภูมิภาคลดต่ำ และทัศนวิสัยในการมองเห็นเหลือไม่ถึง 20 เมตร ส่งผลกระทบต่อการจราจรเช่นกัน

มณฑลซินเจียงของจีน เผชิญพายุหิมะและหมอกลงจัด

 

อุตุฯเผยช่วงเที่ยงวันอุณหภูมิสูงขึ้น1-3องศาฯ

วันจันทร์ที่ 21 มกราคม พ.ศ.2556 11:59น.



กรมอุตุฯ พยากรณ์อากาศช่วงเที่ยงวัน ความกดอากาศสูงกำลังอ่อนลง อุณหภูมิสูงขึ้น 1-3 องศาฯ

กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์ ลักษณะอากาศทั่วไป เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ บริเวณความกดอากาศสูง หรือมวลอากาศเย็นที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบน และทะเลจีนใต้ มีกำลังอ่อนลง ทำให้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก อุณหภูมิจะสูงขึ้น 1-3 องศาเซลเซียส และมีหมอกเพิ่มมากขึ้นในตอนเช้า ขอให้ประชาชนเพิ่มความระมัดระวังในการสัญจรบริเวณที่มีหมอกไว้ด้วย สำหรับลมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมภาคใต้และอ่าวไทยมีกำลังอ่อนลง ทำให้คลื่นลมบริเวณอ่าวไทยมีกำลังอ่อนลงด้วยในระยะนี้

พยากรณ์อากาศสำหรับกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล ตั้งแต่เวลา 12.00 น. วันนี้ - 12.00 น. วันพรุ่งนี้ อากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า อุณหภูมิจะสูงขึ้น 1-2 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 22-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ช.ม.

อุตุฯเผยช่วงเที่ยงวันอุณหภูมิสูงขึ้น1-3องศาฯ : INN News

B5 - War Room Falkman