เชิญเข้าร่วมสนทนาพิเศษเรื่อง มิติ ความฝัน ชาติภพ จิตวิญญาณ โดย @โนวา อนาลัย@ [Writer]

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย mead, 8 สิงหาคม 2007.

  1. Chalhoei

    Chalhoei เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    289
    ค่าพลัง:
    +3,166
    ขอต้อนรับคุณ ศิโรตม์ ครับ ลงมาเป็นนักเรียนจิตวิญญาณด้วยกันซิครับ จุดประสงค์ก็เพื่อแบ่งปันประสบการณ์กันไม่ว่าจะเป็นประสบการณ์ในอดีต หรือหลังจากที่ศึกษาหนังสือของอาจารย์อนาลัยก็ได้ครับ
    เรื่อง CD เสียงคงต้องรอเกือบปีนะครับ เพราะกว่าอาจารย์ท่านจะทำครบ 10 เล่ม ก็คงนาน อาจารย์ท่านเมตตา ทุ่มเทให้กับพวกเรามากเลยครับไหนจะต้องคอยตอบคำถามพวกเราใหนจะต้อง ลงข้อมูลในเว็บ และมึโครงการทำ animation สำหรับเด็ก และอีกหลายๆ อย่าง เงินเดือนก็ไม่มี ฉนั้นเราต้องลงมาเป็นนักเรียนให้ท่านมีกำลังใจกันเยอะ เป็นร้อย เป็นพันอย่างที่อาจารย์ฝันไว้
    ช่วยกันนะครับ
     
  2. khajornwan

    khajornwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    901
    ค่าพลัง:
    +4,468
    พี่นักเขียนคะ เป็นความจริงที่ว่าในแต่ละวันอารมณ์และความรู้สึกนึกคิดของเรามักจะเปลี่ยนแปลงไปวันละหลาย ๆ อารมณ์และความรู้สึกนึกคิด แต่เราจะทำอย่างไรจึงจะสามารถค้นหาความรู้สึกนึกคิดอันลุ่มลึกที่เป็นเอกลักษณ์ส่วนตัวของตัวเอง เนื่องจากในปัจจุบันยังไม่สามารถสัมผัสได้ว่าอารมณ์ไหนที่อยู่กับเราอย่างคงที่และยาวนานที่สุด และอารมณ์ที่ว่านี้จะมีประโยชน์กับเราในแง่ของการดำเนินชีวิตของเราอย่างไรคะ?
    (verygood)
     
  3. khajornwan

    khajornwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    901
    ค่าพลัง:
    +4,468
    ยินดีต้อนรับเข้าสู่ห้องวิทย์ค่ะคุณศิโรตม์..
    อ่านข้อความของคุณแล้วรู้สึกทึ่งมากเลยที่คุณสามารถอ่านหนังสือธรรมะของท่านพุทธทาสได้
    ขจรวรรณพยายามอ่านหนังสือของท่านมาหลายหนแล้วแต่ก็ยังไม่ค่อยเข้าใจ เพราะธรรมะของท่านลึกซึ้งมาก
    วันหลังถ้ามีโอกาสช่วยพิมพ์มาให้อ่านบ้างนะคะ ( ประมาณว่าแปลไทยเป็นไทยน่ะค่ะ.. )
    เพราะอยากจะเรียนรู้ในแนวของท่านมากค่ะ..
    (verygood) (verygood) (verygood)
     
  4. khajornwan

    khajornwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    901
    ค่าพลัง:
    +4,468
    ใช่ค่ะ.. คุณ Zipper ปัญหาทุกปัญหาย่อมมีทางออกเสมอค่ะ
    ค่อย ๆ แก้ด้วยสติสัมปะชัญญะของเราค๊า..
    ขอไปกำลังใจให้สามารถผ่านพ้นไปได้ทุก ๆ เรื่อง
    แก้ปัญหา.. ง่ายนิดเดียว.. อิอิ..
    (b-flower)
     
  5. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,085
    ขนดอกไม้มาเป็นกำลังใจให้คุณ Zipper ครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 124.jpg
      124.jpg
      ขนาดไฟล์:
      29.5 KB
      เปิดดู:
      66
    • 246.jpg
      246.jpg
      ขนาดไฟล์:
      23.1 KB
      เปิดดู:
      35
    • 10696-8.gif
      10696-8.gif
      ขนาดไฟล์:
      8.4 KB
      เปิดดู:
      289
    • aa9.gif
      aa9.gif
      ขนาดไฟล์:
      57.1 KB
      เปิดดู:
      290
    • animal013.gif
      animal013.gif
      ขนาดไฟล์:
      8.2 KB
      เปิดดู:
      294
    • L5118340-14.jpg
      L5118340-14.jpg
      ขนาดไฟล์:
      45.4 KB
      เปิดดู:
      34
    • L5118340-18.jpg
      L5118340-18.jpg
      ขนาดไฟล์:
      19 KB
      เปิดดู:
      33
    • L5123403-0.jpg
      L5123403-0.jpg
      ขนาดไฟล์:
      29.5 KB
      เปิดดู:
      35
  6. virojch

    virojch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มกราคม 2007
    โพสต์:
    22
    ค่าพลัง:
    +264
    ปิ๊ง cleared ครับผม ขอบคุณมากๆครับ (คำอธิบาย อ.พี่ ผมพยายามอ่านหลายๆครั้งครับ) แต่ผมก็เกิดคำถามเพิ่มขึ้นอีกครับ จากคำอธิบายของ อ.พี่ (ขออภัยจริงๆครับ สงสัยอีกแล้ว) เส้นทางอันเป็นไปได้อันเป็นอนันต์ ที่เกิดจากสติสัมปชัญญะ ทั้งที่รู้เห็นหรือที่เล็ดลอดเราไป(ไม่ได้ตั้งใจ) ไม่น่าจะเป็นสิ่งเดียวกับที่เราเรียกว่า ความคิด ใช่ไหมครับ แต่บางครั้งความคิดก็กลายเป็นสติสัมปชัญญะ ถูกไหมครับ ก็เลยสงสัยเส้นทางอันเป็นไปได้อันแตกต่างกันระหว่างสติสัมปชัญญะ กับ ความคิด ขอ อ.พี่ ช่วยอธิบายให้ฟังหน่อยครับ (หรือคือสิ่งเดียวกัน) เพราะบางครั้งผมก็เกิดความคิดไม่ดีตั้งหลายครั้ง (กิเลสในตัวทั้งโลภ ทั้งโกรธ ทั้งหลง) การที่เราคิดไม่ดีจะก่อเกิดเส้นทางอันเป็นได้ทุกครั้งไหมครับ เพราะบางทีควบคุมความคิดไม่ได้ครับ(ไม่อยากให้จิตวิญญาณเสมือนร่วมร่างนิสัยไม่ดี) ถึงแม้ผมจะพยายามดึงสติไม่ไห้หลงไปกับความคิดโดยดึงให้มาอยู่กับลมหายใจ(พุทโธ)แทน
    (b-smile)
    ขอขอบคุณคุณ axzon47 ด้วยครับที่ช่วย อ.พี่ อธิบายให้ผมฟัง
     
  7. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489
    AudioBooks

    (f)ขอต้อนรับคุณ ศิโรตม์ สู่ห้องวิทย์ฯ ค่ะ (bb-flower
    พี่นักเขียนกำลังทำ AudioBook จากหนังสือชุด 10 เล่มนี้อยู่ค่ะ ได้ทำเป็น Podcast ให้ฟ้งฟรีได้ที่ http://www.novaanalai.com/novaanalai/Podcast/Archive.html พยายามจะ upload ไปเรื่อยๆรายสัปดาห์จนกว่าจะครบหมดทุกเล่ม (ตราบเท่าที่โรงพิมพ์เขายังไม่ว่านะคะ-ตอนนี้เขาเพียงแค่งอนๆ) แต่ต้องใช้เวลาค่อนข้างมากค่ะ หากออกวางตลาดคงจะทะยอยออกทีละชุด คือ ทีละเล่มค่ะ

    พวกโจรสลัดมักจะ copy เป็น MP3 ได้ไม่ยากหรอกค่ะ (เอ้าบอกใบ้ให้อีกแล้ว) ในห้องวิทย์ฯนี่ก็มีพวกโจรสลัด (น่ารักๆ) อยู่หลายคน หาก download ไม่ได้บอกมาแล้วกัน เดี๋ยวก็มีคนช่วยแน่ๆ พี่นักเขียนไม่หวงหรอกค่ะ แต่ขอช่วยกันอุดหนุนหน่อยนะคะเวลาแผ่นจริงออกวางตลาด (rose)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  8. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489
    ความคิด-สติสัมปชัญญะ-ตัวตนบนเส้นทางแห่งความเป็นไปได้ การบ้าน#2


    ดีใจจังที่คุณ vir กลับมาด้วยคำว่า ปิ๊ง กับ cleared เป็น past tense ทำให้โล่งอกว่าพี่นักเขียนได้ให้ความกระจ่างไปบ้างแล้ว มีคำถามใหม่ๆดีๆมาอีกแล้ว มา clear กันต่อไปเรื่อยๆจนกว่าจะปิ๊งแว้บ พวกเราในห้องวิทย์ฯที่ง่วนอยู่กับหุ่นยนต์ใต้โต๊ะบ้าง หลังห้องบ้าง เดี๋ยวคงลุกขึ้นมาฟังคำถามของคุณ vir และช่วยตอบด้วยล่ะค่ะ

    ก่อนอื่นพี่นักเขียนขอขยายความคำว่า ความคิด (thoughts) กับ สติสัมปชัญญะ (consciousness) ก่อน เพื่อที่เราจะได้มีความเข้าใจตรงกันว่า คำ 2 คำที่เรากำลังพยายามตีความหมายและหาความสัมพันธ์ของมันนี้ ครอบคลุมอะไรบ้าง

    ความคิด (thoughts) หมายถึง กระบวนการทางจิต (mental process หรือ mental activity) ซึ่งครอบคลุม :
    การวางแผน (planning)
    การแสดงความเห็น (opinions)
    การสร้างความคิดรวบยอด (conception)
    การตึความหมาย (interpretation)
    การให้เหตุผล (reasoning)
    การใช้อารมณ์-จินตนาการ-กับบุคคล วัตถุสิ่งของ หรือเหตุการณ์ต่างๆ (feelings)
    การสร้างสรรค์ (หากคิดในแง่บวก) (creativity)
    การทำลาย(หากคิดในแง่ลบ) (destruction)
    การตั้งใจที่จะทำบางสิ่งบางอย่าง (intention)
    การคาดหวัง เช่น คาดหวังว่าบางสิ่งบางอย่างจะเป็นไปในทิศทางจำเพาะ (hope/speculation)
    การมีความรู้สึกต่อบุคคล เช่น รู้สึกรัก เคารพ บูชา (affection)
    การพิจารณา (contemplation)
    การเปรียบเทียบ (comparison)
    ความคิดมักสัมพันธ์กับ ช่องว่าง-ระยะทางและกาลเวลาเสมอ เช่นเมื่อเราคิดวางแผนงาน เรามักคิดถึงระยะเวลา สถานที่ หรือ deadline หรือ เมื่อเราเปรียบเทียบบางสิ่งบางอย่าง มันมักเกี่ยวพันกับการปรากฏของสิ่งที่เปรียบเทียบ ไม่ว่าจะเป็นบุคคลหรือวัตถุสิ่งของ โดยเป็นไปต่างกาลเวลา หรือต่างสถานที่ เป็นต้น

    สติสัมปชัญญะ (consciousness) หมายถึง ภาวะจิต (state of mind) หรือเรียกได้ว่าเป็นภาวะของอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิด ซึ่งครอบคลุม :
    การคิด (thinking)
    การมีความรู้สึกตื่นตัว ซึ่งทำให้เรารับรู้ภาวะอันเป็นไปในสภาพแวดล้อมรอบตัวเรา (awareness)
    การมีอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิด หากปราศจากสติสัมปชัญญะเราจะตระหนักไม่ได้ว่า เรากำลังมีอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดใดๆอยู่ในขณะหนึ่งๆ (emotions+imaginations+feelings = mind)
    ความเชื่อหลายชุด (beliefs)
    ความคิดเห็นหลายอย่าง (opinions)
    ความรู้สึกหลายชนิด (feelings)
    ความรู้สึกและความอ่อนไหวต่อสาระจำเพาะบางอย่าง (sensitivity)
    สติสัมปชัญญะจึงเป็นภาวะของจิต หรือภาวะของอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิด ซึ่งทำให้เรามีความระแวดระวัง ในความคิด-ความรู้สึกและสภาพแวดล้อมของเรา

    หากความคิดกับสติสัมปชัญญะเป็นสิ่งที่มีขนาด อาจอุปมาอุปมัยได้ว่า ความคิดเป็นเพียงหน่วยเล็กๆที่อยู่ภายในสติสัมปชัญญะอีกทีหนึ่ง ในภาวะหนึ่งๆของสติสัมปชัญญะ-แม้ว่าเราจะกำลังมีความคิดจดจ่ออยู่กับเรื่องใดเรื่องหนึ่งเพียงเรื่องเดียว เช่นกำลังขบคิดเกี่ยวกับการแก้ปัญหาในหน้าที่การงาน แต่สติสัมปชัญญะของเราก็เต็มไปด้วยความคิดอื่นๆ ข้อมูลความรู้อื่นๆอีกมากมายที่เราสามารถดึงเอามาใช้เพื่อแก้ปัญหาร่วมกับความคิดหนึ่งๆที่เรากำลังจดจ่ออยู่ เราอาจมองไม่เห็นว่าภายในสติสัมปชัญญะ ณ ช่วงขณะนั้นๆ เราไม่ได้มีเพียงความคิดเดียว แม้ว่าเรากำลังจดจ่อกับการแก้ปัญหาซึ่งดูเสมือนจะเป็นเพียงเรื่องเดียวหรือความคิดเดียว แต่ธรรมชาติของสติสัมปชัญญะ ซึ่งหมายถึงการจดจ่ออย่างคมชัดของจิตวิญญาณ-สามารถครอบคลุมได้กว้างไกลมากกว่าหนึ่งความคิด-มากกว่าหนึ่งเรื่อง ซึ่งตามธรรมชาติที่แท้จริงแล้ว-ท่านอาจารย์อนาลัยกล่าวว่า-สติสัมปชัญญะของเราครอบคลุมมากกว่าหนึ่งมิติ-มากกว่าหนึ่งชาติภพ-มากกว่าหนึ่งเส้นทางแห่งความเป็นไปได้ด้วยซ้ำไปในปัจจุบันหรือในทุกขณะจิต

    อุปมาอุปมัยต่อไปว่า หากสติสัมปชัญญะคือสภาวะแวดล้อมอันกว้างใหญ่ไพศาลที่เปรียบได้กับจักรวาล และดวงดาวแต่ละดวงเปรียบได้กับความคิดที่ผุดขึ้นมากมาย บางความคิดก็สว่างไสวเสมือนดาวฤกษ์ บางความคิดก็มืดปราศจากแสงสว่างในตนเองเสมือนดาวเคราะห์ ทุกครั้งที่เรามีอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิด เราก่อเกิดพลังงานที่ทำให้เกิดการระเบิดหรือเกิด Big Bang ขึ้นในจักรวาล จากนั้นความคิดหรือดวงดาวใหญ่น้อยผุดขึ้นหรือหลั่งไหลออกมาจาก White Holes ทำให้จักรวาลขยายตัว หรือทำให้สติสัมปชัญญะขยายตัวออกไป

    อุปมาอุปมัยต่อไปว่า จักรวาลทางกายภาพที่เรารู้จัก หรือสติสัมปชัญญะระดับปกติที่เรารู้จักหรือรู้เห็นว่ามันก่อเกิดภาวะทางกายภาพที่เราสัมผัสรับรู้ได้ตามปกตินี้ คือเส้นทางแห่งความเป็นไปได้เพียงเส้นเดียวที่เรารู้เห็น และเราเรียกมันว่าเส้นทางแห่งความเป็นจริง

    ความคิดที่เราไม่ได้ทำให้กลายเป็นความเป็นจริงหายไปไหน ? มันกลับเข้าไปสู่ Black Holes แล้วมันก็ไปผุดออก ณ White Holes อื่นๆ ในจักรวาลอื่นๆ หรือในสติสัมปชัญญะในระดับอื่นๆ กล่าวได้ว่ามันไปก่อเกิดเป็นโลกแห่งความเป็นจริงบนเส้นทางแห่งความเป็นไปได้เส้นอื่นๆที่เราไม่ได้รู้เห็น เช่นเดียวกับที่เราไม่ได้รู้เห็นจักรวาลอื่นๆนอกจากจักรวาลที่เป็นระบบสุริยจักรวาลของเราเท่านั้น

    ตามอุปมาอุปมัยที่กล่าวมานี้จะเห็นได้ว่า แม้เราจะคิดว่าความคิดหลายๆความคิดที่ไม่เคยมาสู่ความเป็นจริง ไปผุดขึ้น ณ เส้นทางแห่งความเป็นไปได้เส้นอื่นๆเสมอ หรือกลายเป็นความเป็นจริงในชาติภพอื่น-โลกอื่น-มิติอื่นหรือจักรวาลอื่นๆเสมอ แล้วมันมาสัมพันธ์อะไรกับการเป็นบุคคลตัวตนในโลกแห่งความเป็นจริงโลกเดียว ชาติภพเดียว และเส้นทางแห่งความเป็นไปได้เส้นเดียวที่เรารู้จักหรือเรียกมันว่าเส้นทางแห่งความเป็นจริง

    ท่านอาจารย์อนาลัยได้กล่าวไว้ว่า รูปกายตัวตนของเราไม่ได้คงที่อย่างที่เราคิด รูปกายของเรานั้นตามธรรมชาติแล้วกะพริบ เกิด-ดับ อยู่ตลอดวันเวลาเสมือนดาวฤกษ์หรือหิ่งห้อย เมื่อมันกะพริบสว่าง รูปกายหรือตัวตนของเราก็ปรากฏอยู่ในโลกนี้-ชาติภพนี้-มิตินี้-เส้นทางแห่งความเป็นไปได้เส้นนี้ที่เรารู้จัก แต่ระหว่างที่มันกะพริบดับล่ะ มันไปอยู่ที่ไหน ? สาระเหล่านี้-จำเป็นต้องคิดตามแบบ slow motion แต่ความเป็นไปตามธรรมชาตินั้นเร็วกว่าแสง เมื่อมันกะพริบดับ-รูปกายของเราไปกะพริบเกิดหรือสว่างไสวอยู่ ณ โลกอื่น-ชาติภพอื่น-มิติอื่น-เส้นทางแห่งความเป็นไปได้เส้นอื่น

    เรารู้เห็นรู้เห็นโลกอื่น-ชาติภพอื่น-มิติอื่น-เส้นทางแห่งความเป็นไปได้เส้นอื่นไหม?
    เรารู้เห็นโลกอื่น-ชาติภพอื่น-มิติอื่น-เส้นทางแห่งความเป็นไปได้เส้นอื่นตลอดเวลา แต่เรารู้เห็นได้เพียงทีละโลก-ทีละชาติภพ-ทีละมิติ-และทีละเส้นทางแห่งความเป็นไปได้ ทีี่ท่านอาจารย์อนาลัยกล่าวว่า จิตวิญญาณจดจ่อกับภาวะใด จิตวิญญาณมีชีวิตอยู่-เป็นอยู่-ดำเนินไปในภาวะนั้น พร้อมด้วยรูปกายที่คล้องจองกับภาวะนั้น คำกล่าวนี้มีความเป็นไปลึกซึ้งและรวดเร็วฉับพลันเกินกว่าที่ระบบประสาทของเรา ซึ่งดำเนินไปตามเส้นทางแห่งกาลเวลาจะรู้เห็นได้

    ทุกจุดผกผันแห่งความนึกคิด เมื่ออารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดของเราเปลี่ยนแปลงไป เราเปลี่ยนวิถีการจอจ่อของจิตวิญญาณด้วยสติสัมปชัญญะไปสู่โลกอื่น-ชาติภพอื่น-มิติอื่น-เส้นทางแห่งความเป็นไปได้เส้นอื่นที่แตกต่างๆไปจากความคิดหรือขณะจิตที่แล้ว แต่เรามองไม่เห็นรอยต่อของการเปลี่ยนโลก เปลี่ยนชาติภพ เปลี่ยนมิติ หรือเปลี่ยนเส้นทางแห่งความเป็นไปได้ การเปลี่ยนแปลงทั้งหมดก้าวข้ามระบบประสาทของเราไปโดยสิ้นเชิง

    ความคิดทุกความคิด ก่อเกิดเส้นทางแห่งความเป็นไปได้เสมอ เมื่อเราจดจ่อกับความคิดที่ไม่ดี เราก็ก้าวล่วงไปสู่เส้นทางแห่งความเป็นไปได้เส้นใหม่ที่คล้องจองกับความคิดนั้น เมื่อเราเปลี่ยนความคิดและจดจ่อกับความคิดที่ดีทดแทน เราก็ก้าวล่วงไปสู่เส้นทางแห่งความเป็นไปได้เส้นใหม่ที่คล้องจองกับความคิดนั้นๆอย่างฉับพลัน

    โลกอื่น-ชาติภพอื่น-มิติอื่น-เส้นทางแห่งความเป็นไปได้เส้นอื่นสำคัญหรือสัมพันธ์กับการเป็นรูปกายตัวตนตัวเดียว ร่างเดียวที่เรารู้เห็นอย่างไร ?
    โลกอื่น-ชาติภพอื่น-มิติอื่น-เส้นทางแห่งความเป็นไปได้เส้นอื่นสำคัญและสัมพันธ์กับการเป็นรูปกายตัวตนตัวเดียว ร่างเดียวที่เรารู้เห็นตลอดวันเวลา เพราะจิตวิญญาณจดจ่อกับภาวะใด จิตวิญญาณมีชีวิตอยู่-เป็นอยู่-ดำเนินไปในภาวะนั้น ซึ่งหมายความว่า เมื่อเรามีความคิดขึ้นมา เรามักจะจดจ่อกับอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดนั้นๆ เช่นทุกข์ สุข เศร้าหมอง ร่าเริง โกรธ เกลียด ลุ่มหลง รัก จิตวิญญาณก็ก่อเกิดเส้นทางแห่งความเป็นไปได้ที่คล้องจองกับความคิดอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดนั้นๆขึ้นมา แล้วจิตวิญญาณก็ไปมีชีวิตอยู่-เป็นอยู่-ดำเนินไปในภาวะนั้นเสมอ

    คุณ vir พูดถูกและว่องไวมากที่จับได้ว่า ความคิดในแง่ลบของตนเองจะก่อเกิด จิตวิญญาณเสมือนร่วมร่างต่างมิติที่นิสัยไม่ดี ซึ่งแม้ว่าเขาจะไม่ได้อยู่ร่วมมิติกับเรา แต่อารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดของเขาก็ถ่ายทอดมาสู่เราในระบบเครือข่ายแห่งจิตวิญญาณเสมอ และนอกจากนั้น ความคิดในแง่ลบของเราก็ยังก่อเกิดจิตวิญญาณต่างร่างแต่ร่วมวัตถุประสงค์ และจิตวิญญาณต่างร่างแต่ร่วมมิติกับเราอีกด้วย สรุปคือ ไม่ว่าเราจะนึกคิดด้วยอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดใดๆ ความคิดนั้นๆก่อเกิดตัวตนทั้งหลายที่เราจะต้องรับมือเสมอ

    สรุป
    ความคิดทั้งหลาย เป็นปัจจัยก่อเกิดเส้นทางแห่งความเป็นไปได้อันเป็นอนันต์
    สติสัมปชัญญะ เป็นภาวะจิตหรือการจดจ่ออย่างคมชัดของจิตวิญญาณที่ทำให้เราเผชิญกับเส้นทางแห่งความเป็นไปได้นั้นๆ หรือเผชิญกับความคิดซึ่งเป็นไปตามความเชื่อ-อารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิด ที่แปลงสภาพเป็นโลกแห่งความเป็นจริง


    -------------------------------------------------------------------------------------
    พี่นักเขียนได้ให้การบ้านคราวก่อนนี้ ให้พวกเราหาภาพในวัยเด็กมา post เพื่อช่วยให้เราระลึกถึงความคิดความฝัน อารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดของเราในวัยนั้น และพิสูจน๋สมการว่า ความฝันเหล่านั้นกลายมาเป็นความจริงหรือไม่จริงเพราะเหตุใด

    วันนี้คุณ vir ถามคำถามเข้ามาตรงกับการบ้านชุดต่อไปพอดี คือ ตัวตนบนเส้นทางแห่งความเป็นไปได้

    พี่นักเขียนขอให้พวกเราหาภาพของตัวเรา ในวัยต่างๆต่อจากวัยที่เราได้นำมา post ไว้คราวก่อน หากใครเคย post แล้วขอให้เอารูปคราวก่อนมา post ซ้ำด้วยนะคะ post ต่อด้วยภาพวัยต่างๆ หรือจะใช้ภาพที่ถ่ายภาพในโอกาสต่างๆ หรือภาพที่ถ่ายไว้ห่างกันหลายๆเดือน หรือหลายปีก็ได้ สัก 3-4 ภาพ มา post เรียงกันไว้ เราจะมาพิจารณาดูตัวตนของเราจากภาพเหล่านั้นว่า เราคืิอบุคคลเดิม-ตัวตนเดิม-ในโลกแห่งความเป็นจริงโลกเดิม-มิติเดิม-จักรวาลเดิม อย่างที่เราทั้งหลายคิดหรือไม่ เราเป็นตัวตนที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง มีรูปกายเดิมที่เปลี่ยนไปในช่องว่าง-ระยะทางและกาลเวลาเดิม จริงหรือไม่ ?

    เมื่อเอาภาพหลายภาพของเรามา post แล้ว ขอให้พวกเราย้อนกลับไปพิจารณาว่า รูปภาพหรือรูปกายแต่ละรูป มีอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดในขณะนั้นๆอย่างไร ประสบการณ์ชีวิตในขณะนั้นๆคล้องจองกับความเป็นไปของรูปกายหรือตัวตนนั้นอย่างไรบ้าง


    ใครยังไม่เคยส่งการบ้านมาก่อน มาส่งพร้อมคราวนี้ได้เลยนะคะ ห้องวิทย์ฯไม่มีสอบตก มีแต่ A กับ A
    A แรกคือ Ambition = ความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะประสพแต่ความสุข ความสำเร็จในชีิวิต
    A ที่สองคือ Absolute = การมีพลังอำนาจอย่างเต็มเปี่ยมที่จะทำให้ชีวิตของเราเป็นไปตามปรารถนา (rose)
     
  9. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489
    อารมณ์ความรู้สึกนึกคิดลุ่มลึกอันเป็นเอกลักษณ์

    หากจะเรียกอารมณ์ความรู้สึกนึกคิดลุ่มลึกอันเป็นเอกลักษณ์ว่าเป็นพรสวรรค์ พี่นักเขียนเชื่อว่าไม่ผิด และรู้สึกชื่นชมที่คุณเฉลยเรียกอารมณ์นี้ว่าพรสวรรค์ เพราะหากเราตระหนักได้ว่า เรามีพรสวรรค์ในด้านใด เมื่อใดก็ตามที่เราได้ใช้พรสวรรค์นั้นๆ เราย่อมจะรู้ถึงพลังอำนาจ-ความแกร่งและความทนทานของมัน เราจะสามารถขับเคลื่อนพลังอำนาจนี้ไปในโลกแห่งความเป็นจริงและประสบการณ์ชีวิตของเราได้ไม่มากก็น้อย เพราะไม่ว่าเราจะทำสิ่งใด หากเราทำด้วยพรสวรรค์ เราย่อมทำได้อย่างดีเลิศ ด้วยความมั่นใจ มั่นคง

    แต่ถ้าหากเราจะเรียก อารมณ์ความรู้สึกนึกคิดลุ่มลึกอันเป็นเอกลักษณ์ ว่าเป็นพรสวรรค์ เราต้องตระหนักอีกด้วยว่า พรสวรรค์นี้เป็นพรที่พวกเราทุกคนได้รับมาอย่างเสมอเหมือนกัน แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นเอกลักษณ์คือไม่ซ้ำกัน ไม่มีของใครดีหรือด้อยกว่ากัน แต่แตกต่างกัน และเราแต่ละคนต่างก็สามารถนำมันมาใช้ในทิศทางจำเพาะ จากมุมมองจำเพาะของเราไปในทิศทางที่สร้างสรรค์ที่สุดที่เราจะทำได้ไม่น้อยไปกว่ากัน

    อารมณ์ความรู้สึกนึกคิดลุ่มลึกอันเป็นเอกลักษณ์ เรียกได้ว่าเป็นอารมณ์ความรู้สึกนึกคิดของตัวตนภายในซึ่งมองเห็นโลกภายนอกผ่านดวงตาอันเป็นกายภาพของเราแต่ละคน ผ่านมุมมองจำเพาะของรูปกายตัวตนของเรา อารมณ์ความรู้สึกนึกคิดลุ่มลึกอันเป็นเอกลักษณ์ เป็นเอกลักษณ์จำเพาะตัวที่ทำให้เรา-เป็นเราแปลกแยกไปจากส่วนย่อยอื่นๆที่รวมกันเป็นจิตวิญญาณรวม ซึ่งเสมือนเป็นเอกเทศ และเป็นปัจจัยที่ทำให้เราทั้งหลายสร้างโลกส่วนตัวของเราขึ้นมา อารมณ์ความรู้สึกนึกคิดลุ่มลึกอันเป็นเอกลักษณ์ ไม่ใช่อารมณ์ที่แยกการเป็นตัวตนเรา-เขา ในทางตรงกันข้าม-มันเป็นอารมณ์ที่ทำให้เราตระหนักในความเป็๋นอันหนึ่งอันเดียวกันของจิตวิญญาณ และในขณะเดียวกันก็ตระหนักว่า ความเป็นเอกลักษณ์จำเพาะของเรานั้นจะสนับสนุนเกื้อกูลจิตวิญญาณในรูปกายตัวตนอื่นๆ อันเป็นหนึ่งเดียวกับเรานั้นได้อย่างไร?

    เมื่อเราทั้งหลายตระหนักได้ว่า เรามีพรสวรรค์หรือความเป็นเอกลักษณ์จำเพาะที่ไม่มีใครเหมือนและไม่เหมือนใคร และตระหนักถึงธรรมชาติของความเป็นจริงที่ว่า จิตวิญญาณของเราเป็นระบบเครือข่ายซึ่งมีความเป็นหนึ่งเดียว เราไม่ได้ถือกำเนิดเป็นบุคคลตัวตนที่เป็นเอกเทศแยกเรา-เขา-อย่างเด็ดขาดจากทุกคนในโลก แม้เราจะมีอารมณ์ความรู้สึกนึกคิดลุ่มลึกอันเป็นเอกลักษณ์อันเป็นเอกเทศ แต่มันก็เป็นไปเพื่อให้เราตระหนักในความสำคัญของตัวเราว่า เราเปรียบเสมือนชิ้นส่วนของภาพต่อของจักรวาลอันสมบูรณ์ ภาพนี้จะขาดชิ้นส่วนใดๆไปไม่ได้แม้แต่ชิ้นเดียว อารมณ์ความรู้สึกนึกคิดลุ่มลึกอันเป็นเอกลักษณ์ของเราจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นจะต้องเข้ากันได้สนิทกับชิ้นส่วนอื่นๆของภาพรวมทุกชิ้น ไม่ใช่แต่เฉพาะชิ้นส่วนที่ล้อมรอบตัวเราเท่านั้น เพราะทุกชิ้นส่วนมีชีวิตชีวาและส่งผลกระทบถึงกันหมด

    พี่นักเขียนได้เอ่ยถึงคุณเบิร์ด-ธงชัย ซึ่งกล่าวได้ว่าเป็นผู้มีพรสวรรค์ในการเป็นนักแสดง ซึ่งเมื่อเราฟังคุณเบิร์ดให้สัมภาษณ์ เรามักจะได้ยินคุณเบิร์ดกล่าวขอบคุณบรรดาแฟนๆและกล่าวว่า เขาจะรักษาธงชัยของผู้ชมอย่างดีตลอดไป คำกล่าวนี้น่าจะทำให้พวกเราพอมองเห็นได้ว่า เมื่อบุคคลหนึ่งๆนำพรสวรรค์ของเขาหรือนำเอาอารมณ์ความรู้สึกนึกคิดลุ่มลึกอันเป็นเอกลักษณ์มาใช้ เขานำตนเองไปไว้ ณ ศูนย์กลางของโลกส่วนตัวของเขาด้วยการนำความรู้และทักษะของเขามาใช้อย่างดีที่สุด - "เพื่อผู้อื่น" แต่ผลที่เขาได้รับคือ เขาได้เป็น-ได้มี-ได้ทำ-สมความปรารถนา เช่นเดียวกันกับ Elvis ผู้ซึ่งเป็นนักดนตรีขวัญใจชาวโลกที่คุณ Mead บอกว่า เหมือนว่า Elvis ไม่เคยตาย เราอาจจะไม่ค่อยมองในแง่กลับกันมากนักว่า นักร้อง นักแสดง หรือบุคคลสำคัญผู้เป็นที่รักของผู้คนจำนวนมากนั้น เขากลายเป็นที่รักได้เพราะเขาให้ความรักมากมายกับผู้ชมของเขาเป็นจุดเร่ิมต้น เรามักจะไม่ได้ตระหนักถึงต้นกำเนิดหรือที่มาของความสำเร็จและความรักมากมายจากแฟนเพลง หรือผู้ชมว่า มันเป็นผลสะท้อนกลับมาสู่นักแสดงผู้ประสพความสำเร็จอย่างสูงเหล่านั้นได้ ด้วยความรักมากมายที่เขามีให้ผู้ชมตั้งแต่แรกเริ่ม

    เราทั้งหลายมีประสบการณ์ชีวิตไม่มากก็น้อยที่เราเป็นส่วนหนึ่งหรือเป็นชิ้นส่วนของภาพต่อของภาพรวมหน่วยเล็กที่สุด อันได้แก่ครอบครัวของเรา และนอกจากนี้เราก็ยังเป็นส่วนหนึ่งของภาพรวมที่ใหญ่ขึ้นไปอีกได้แก่ การเป็นส่วนหนึ่งของทีมงาน ของสังคม ของประเทศชาติ ของสังคมโลก

    ทุกจุดที่เราดำเนินชีวิต เราเป็นภาพต่อชิ้นเล็กที่สำคัญยิ่งต่อภาพรวมนั้นๆราวกับว่าเราคือศูนย์กลางของภาพ พรสวรรค์ของเราคือการเป็นชิ้นส่วนที่ทำให้ชิ้นส่วนอื่นๆเข้ากันได้สนิทอย่างกลมกลืนที่สุด การสร้างสรรค์ที่ดีที่สุดย่อมเกิดขึ้นจากการเข้ากันได้อย่างสนิท-การเกื้อกูลกันอย่างสมบูรณ์ เสมือนภาพวาดที่ส่วนประกอบทุกส่วนกลมกลืนกันอย่างหาที่ติไม่ได้ ศิลปะที่มีความกลมกลืนมักเรียกว่า เป็นผลงานที่มี Unity หรือมีความเป็นหนึ่งเดียว ซึ่งเกิดจากการบูรณาการส่วนประกอบมากมายเข้าด้วยกัน

    เมื่อใดก็ตามที่เราเป็นส่วนหนึ่งของสังคมและกิจกรรมใดๆในโลก และเราทำหน้าที่จากจุดยืนและมุมมองของเราอย่างดีที่สุด ด้วยการใช้ความรู้ความสามารถ-ความรักและความจริงใจที่จะเกื้อกูลให้ภาพรวมนั้นออกมาได้อย่างสมบูรณ์ที่สุด เราจะพบว่าเราได้ใช้พรสวรรค์หรืออารมณ์ความรู้สึกนึกคิดลุ่มลึกอันเป็นเอกลักษณ์ของเราได้อย่างเป็นธรรมชาติที่สุด

    พี่นักเขียนเชื่อว่า เราจะค้นพบอารมณ์ความรู้สึกนึกคิดลุ่มลึกอันเป็นเอกลักษณ์ของเราได้ในภาวะที่เราทำจิตใจให้สงบสุขและพิจารณาตนเองในแง่ดี มองหาคุณงามความดีในตัวเราให้พบ รักในคุณสมบัติส่วนนั้นและนำมันมาใช้ให้คุ้มค่าที่สุด ในฐานะที่เราเป็นศูนย์กลางหรือเป็นชิ้นส่วนของภาพรวมที่สำคัญ ไม่ว่าเราจะอยู่ ณ จุดใดๆของครอบครัว สังคม หรือโลก

    เราจะค้นพบอารมณ์ความรู้สึกนึกคิดลุ่มลึกอันเป็นเอกลักษณ์ได้ก็ต่อเมื่อเราสำรวจความเชื่อในแง่ลบเกี่ยวกับตนเอง เกี่ยวกับโลกและประสบการณ์ชีวิตและเรียนรู้ที่จะขจัดความเชื่อในแง่ลบเหล่านี้ออกไปให้ได้มากที่สุดที่จะทำได้ ด้วยการเตือนใจตนเองเสมอ ดังเช่นที่ท่านอาจารย์อนาลัยกล่าวว่า
    ก้าวต่อไปสำหรับการพัฒนาจิตวิญญาณด้วยการเปลี่ยนความเชื่อเป็นความรู้ คือการเตือนใจตนเองเสมอว่า สิ่งทั้งหลายที่เธอเชื่อ
    อาจจะไม่ใช่ความเป็นจริงเสมอไป

    จากหนังสือ อิสระแห่งความปรารถนา บทที่ 5 ความเชื่อส่วนบุคคล กับ โลกแห่งความเป็นจริง
    ท่านอาจารย์อนาลัยได้ให้บทฝึกฝนที่่ 1 (หน้า 44 - 47) ซึ่งเป็นวิธีการที่จะสัมผัสกับ อารมณ์ความรู้สึกนึกคิดลุ่มลึกอันเป็นเอกลักษณ์ของเราได้

    พี่นักเขียนขอคัดลอกมาให้พวกเราอ่านและทดลองปฏิบัติ

    บทฝึกฝนที่ ๑
    ฉันขอให้เธอทดสอบความเป็นจริงด้วยการนั่งหลับตาอยู่ในความเงียบสงัด พยายามสัมผัสกับอารมณ์และความรู้
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • Book5.gif
      Book5.gif
      ขนาดไฟล์:
      19.4 KB
      เปิดดู:
      34
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 กันยายน 2007
  10. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489
    สิ่งที่ปราศจากความหมาย กับ สัญญาณเตือนที่สำคัญ

    ท่านอาจารย์อนาลัยได้กล่าวไว้ว่า สิ่งต่างๆที่ปรากฏในชีวิตประจำวันของเราล้วนมีความหมาย แม้แต่โทรศัพท์ที่โทรเข้ามาผิดเลขหมายหรือแม้แต่ใบไม้ร่วง

    ประสบการณ์ที่เราทั้งหลายเรียกว่าการแคล้วคลาด อาจเป็นสิ่งที่ถูกเลื่อนไปจากช่องว่าง-ระยะทางและกาลเวลาเพราะสิ่งที่เราคิดว่าปราศจากความหมายเข้ามาแทรก เช่น การแคล้วคลาดจากการไปสู่เหตุการณ์ร้ายแรงเช่นอุบัตเหตุ ณ จุดหนึ่งๆบนท้องถนน เพียงเพราะเราต้องรับโทรศัพท์ที่โทรเข้ามาผิดเลขหมายก่อนที่เราจะออกจากบ้าน เพราะเราติดไฟแดงนานเกินเหตุ เพราะติดคนข้ามถนน ฯลฯ

    ประสบการณ์มดนักปราชญ์มารุมคุณ Mead ทั้งฝูงเป็นเรื่องน่าคิด เพราะนอกจากว่าการจดจ่อของจิตหรือการนึกคิดจะเหนี่ยวนำให้ประสบการณ์ต่างๆปรากฏขึ้นในชีวิตของเราแล้ว พี่นักเขียนยังเชื่อว่า มันมีความหมายมากกว่าเพียงแค่ปรากฏขึ้นเฉยๆ เช่น การปรากฏของมดจำนวนมากอาจเป็นสัญญาณเตือนภัยบางอย่างา เช่น น้ำท่วม เป็นต้น

    พี่นักเขียนเคยขับรถไปเที่ยวชะอำทุกสุดสัปดาห์เพื่อไปพักผ่อน ขากลับมักจะแวะซื้อผลไม้ข้างทาง วันหนึ่งไปถึงแล้วลงจากรถไม่ได้เพราะกองทัพมดเต็มถนนไปหมด มันเดินจากฝั่งทะเลข้ามถนนไปอีกฝั่งหนึ่ง แม้ถนนจะลาดยางแอสฟัลท์สีดำสนิทก็มองเห็นมดแดงเป็นปื้นๆปกคลุมถนนมากมายเป็นระยะไกลหลายกิโลอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน แม่ค้าบ่นกันใหญ่่ว่าไม่รู้มดมาจากไหนมากมาย พี่นักเขียนมองดูท้องฟ้าก็สดในดี พยากรณ์อากาศก็ไม่ได้บอกว่าชะอำจะเกิดพายุมากมายอะไร นอกจากจะมีฝนตก

    ปรากฏว่าสัปดาห์ต่อมาชะอำถูกพายุกระหน่ำ น้ำท่วมเสียหากอย่างหนัก กว่าน้ำจะลดใช้เวลากว่า 2 สัปดาห์

    เมื่อเกิด Tsunami นักวิจัยก็พบว่าไม่มีสัตว์ที่เสียชีวิตเลยนอกจากมนุษย์ แม้ฝูงวัวควายที่ชาวบ้านเลี้ยงไว้ก็พากันอพยพหนีไปล่วงหน้า มนุษย์โบราณรู้ดีว่าสัตว์โลกรู้และมักตอบสนองต่อภัยธรรมชาติได้อย่างทันการ แต่มนุษย์สมัยใหม่กับไม่เคยให้ความสนใจกับสัตว์มากเท่ากับเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ที่มนุษย์สร้างขึ้นมาเอง

    หากมนุษย์รู้จักอาศัยการเตือนภัยจากสัตว์โลกอื่นๆ นักวิทยาศาสตร์อาจจะไม่ต้องเสียเวลามากมายไปกับการคิดค้นและประดิษฐ์เครื่องมือซับซ้อนที่มีราคาสูง และเอาเวลาไปคิดค้นเรื่องจิตวิญญาณแทน

    หัวหน้าห้องวิทย์ฯของเราเกือบจะถูกกองทัพมดรับประทานซะแล้ว
    Mead แปลว่า Wine ที่ทำจากน้ำผึ้ง มิน่าร้องเพลง Blue Hawaii ของ Elvis ได้หวานสนิทใจนะคะ ขอ Love Me Tender อีกเพลงสิคะ
    [​IMG]
    (rose)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 มิถุนายน 2008
  11. oakpr

    oakpr เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    20
    ค่าพลัง:
    +264
    ออกBooth

    ไม่ทราบว่าต้องติดต่อกับใครครับ รบกวนคุณ meed หน่อยครับอยากได้เบอร์ติดต่อคนที่ดูแลเรื่องสัมนานะครับ
     
  12. khajornwan

    khajornwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    901
    ค่าพลัง:
    +4,468
    ขอขอบคุณพี่นักเขียนมาก ๆ เลยค่ะที่กรุณาชี้แนะวิธีการค้นหาอารมณ์ความรู้สึกนึกคิดลุ่มลึกอันเป็นเอกลักษณ์ของเรา มีเรื่องน่าแปลกอยู่อย่างสำหรับตัวเองก็คือ ถ้าหากเราเกิดข้อสงสัยอะไรในวันนี้หรือมาตั้งคำถามในห้องวิทย์นี้มักจะได้รับคำตอบในคืนนั้น ซึ่งอาจจะเป็นไปในรูปของความฝันหรือความรู้สึกนึกคิดเมื่อตื่นขึ้นมาในตอนเช้าของอีกวันหนึ่ง และคำตอบก็มักจะสอดคล้องกับคำกล่าวของพี่นักเขียนเสมอ เช้าของวันนี้ก็เหมือนกันค่ะ ได้รับรู้ความรู้สึกที่เด่นชัดของตัวเองจากประสบการณ์ที่ผ่านมาตั้งแต่เล็กจนโต และประสบการณ์ของเราก็คล้าย ๆ กับคนในครอบครัวของเราด้วย ครอบครัวของเรามักจะได้รับบททดสอบด้าน การอดทน อดกลั้น ให้อภัย และความเสียสละ อยู่เสมอ โดยเฉพาะการให้โดยไม่หวังผลตอบแทนหรือเสียสละความสุขส่วนตัวให้ผู้อื่น บางครั้งต้องสัมผัสกับความเจ็บปวด ความโกรธ ความเหงา ความเศร้า จากการให้และเสียสละ บางครั้งก็ออกแนวปกป้องผู้อื่นที่อ่อนแอกว่า หรือช่วยเหลือผู้อื่นให้มีความสุข ส่วนตัวเองจะเป็นอย่างไรไม่ค่อยสนใจเท่าไร ( เหมือนตัวเองเป็นคนดียังงัยชอบกล )

    ก็ไม่ทราบว่าคิดไปเองรึปล่าวนะคะพี่นักเขียน แต่จะลองสังเกตุพฤติกรรมของตัวเองไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะมั่นใจค่ะ..
    (b-flower)
     
  13. khajornwan

    khajornwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    901
    ค่าพลัง:
    +4,468
    ขออนุญาตตอบแทนคุณ Mead นะคะ เห็นว่าคุณ Mead เธอไปต่างจังหวัดน่ะค่ะ เกรงว่าจะไม่ทันการณ์..
    คุณโอ๊คลองสอบถามคุณดาราที่สำนักพิมพ์ดูนะคะ เพราะท่านเป็นผู้ประสานงาน Tel. ( 02 ) 5123176
    เคยเห็นผู้ไปร่วมฟังบรรยายหลายท่านถือหนังสือของท่านอาจารย์อนาลัยอยู่หลายท่านเหมือนกันนะคะ
    แต่เข้าใจว่าคุณ Mead คงจะหมายถึง Both ในงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์รึปล่าว?
    ดีค่ะ.. จะได้ Promote หนังสือของท่านอาจารย์ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้นในสายตาชาวไทย..
    ขออนุโมทนา.. สาธุ.. ด้วยค่ะ..
    (b-flower)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 กันยายน 2007
  14. oakpr

    oakpr เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    20
    ค่าพลัง:
    +264
    ขอบคุณอย่างสูง

    ขอบคุณมากครับสำหรับ ความเมตตา
    ผมได้ติดต่อไปแล้วครับ รอคุณดาราตอบกลับมาครับ ขอบคุณมาก ๆ ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 กันยายน 2007
  15. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    (bb-flower(bb-flower(bb-flower

    ขอบคุณคุณขจรวรรณมากครับ ช่วยให้เบอร์ติดต่อกับคุณโอ๊ค พี่ดาราเป็นเจ้าของสำนักพิมพ์จิตจักรวาล คงให้ข้อมูลการออก Booth ศูนย์สิริกิตต์ได้ครับคุณโอ๊ค มีอะไรให้ช่วยบอกได้นะครับ +++

    เรื่องสิ่งที่ปราศจากความหมาย กับ สัญญาณเตือนที่สำคัญ (มด)
    ใช่เลยครับพี่นักเขียน..ระหว่างเดินทางไป-กลับ เห็นน้ำในหลายๆพื้นที่เอ่อขึ้นมาเสมอผิวถนนแล้วหลายจุดและมีฝนตกหนักในหลายพื้นที่ มดน่าจะเป็นสัญญาณเตือนภัยเรื่องน้ำท่วมที่เห็นง่ายที่สุดแล้วครับ..ปีนี้เตรียมยกของขึ้นที่สูงได้เลยครับ ดูแล้วปีนี้น้ำจะท่วมไม่แพ้ปีก่อน ส่วนเรื่องเพลงนั่นผมว่าฟังของจริงร้องดีแล้วครับ..(เดี๋ยวเค้าจะขายไม่ออก อิอิ)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 กันยายน 2007
  16. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    กลับมาจากเพชรบูรณ์คราวนี้ มีเรื่องจะมาเล่าให้ฟังด้วยครับ
    มีเหตุให้ผมไปรับรู้เรื่องเกี่ยวกับชาติภพของพ่อขุนผาเมืองและบุคคลที่เกี่ยวข้องกับท่านมาครับ ก่อนจะมาเป็นสุโขทัยนี่ผ่านเรื่องราวสำคัญๆต่อเนื่องกันหลายภพชาติของท่านหลายเรื่อง..(ข้อมูลนี้เล่าผ่านญาณของพระท่านนึงที่วัดหินกลิ้ง อ.หล่มเก่า) เหมือนได้เรียนรู้แง่มุมของประวัติศาสตร์ที่ขาดหายและเรื่องราวชาติภพของบุคคลในประวัติศาสตร์ในอีกแง่มุมหนึ่งครับ ติดตามอ่านกันครับ ได้ข้อมูลมาเมื่อคืนนี้ด้วยความ "ไม่บังเอิญ"


    แต่ช่วงนี้ขอทำงานก่อน วันเสาร์คงเล่าให้อ่านกันได้ครับ
     
  17. penpilai

    penpilai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2007
    โพสต์:
    18
    ค่าพลัง:
    +216
     
  18. penpilai

    penpilai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2007
    โพสต์:
    18
    ค่าพลัง:
    +216
     
  19. Chalhoei

    Chalhoei เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    289
    ค่าพลัง:
    +3,166
    อาจมี เฮ แน่เลย โดยเฉพาะรูปผม พรุ่งนี้จะเอามาลงครับ คืนนี้ขอค้นก่อน
    อยากได้ A กับ A ครับ
     
  20. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489

    ขอตอบคุณน้องขจรวรรณ กับ คุณน้อง penpilai ด้วยคำตอบที่ได้มาจากความฝันล่าสุด
    พี่นักเขียนมีประสบการณ์เช่นเดียวกับคุณน้องขจรวรรณนับตั้งแต่ได้สื่อสารกับท่่านอาจารย์อนาลัยในความฝัน หรือเผชิญกับสถานการณ์คล้ายคุณน้อง penpilai คือได้คำตอบที่ยังหาไม่พบจากประสบการณ์ที่ดูเสมือนว่าเป็นความบังเอิญเสมอๆ กล่าวคือ พี่นักเขียนมักจะได้คำตอบเสมอๆในความฝันหรือชั่วเสี้ยวินาทีก่อนที่จะลืมตาตื่นขึ้นในยามเช้า หรือในบางขณะที่กำลังเพลิดเพลินเช่น นั่งชมนก ชมไม้ หรือเฝ้าดูกระรอก กระต่ายในสวนหลังบ้านเงียบๆตามลำพัง คำตอบจะผุดขึ้นมา หลังจากนั้นมักจะมาพบคำถามในห้องวิทย์ฯที่ตรงกับคำตอบที่ได้มาเสมอ เช้ามืดวันนี้พี่นักเขียนได้รับคำตอบสำหรับคำถามของคุณน้องขจรวรรณ คุณน้อง penpilai และเชื่อว่าเป็นคำตอบสำหรับเจ้าของคำถามอีกหลายท่านที่ไม่ได้ log-in เข้ามา post คำถามด้วย คำตอบที่ได้จากความฝันล่าสุดมีดังนี้ :


    เมื่อจิตวิญญาณของเธอทั้งหลายเปิดรับฉันอย่างหมดใจ จิตวิญญาณของเธอไม่ได้เปิดรับบุคคลตัวตนใดๆ หากแต่ได้เปิดรับข้อมูลความรู้หมวดที่ครอบคลุมสาระเกี่ยวกับเส้นทางใหม่สู่การเป็นอิสระจากความปรารถนา ข้อมูลความรู้จากหมวดความรู้นี้จะหลั่งไหลจากจิตวิญญาณ(ของฉัน)มาสู่จิตวิญญาณ(ของเธอ)โดยตรงอย่างเป็นธรรมชาติเสมอ หากเธอจะมองหามัน-เธอจะพบคำตอบที่จิตวิญญาณของเธอใฝ่รู้เสมอ คำตอบทั้งหลายจะปรากฏในชีวิตประจำวันของเธอ เมื่อเธอตระหนักได้ถึงการรับความรู้จากภายในจากจิตวิญญาณสู่จิตวิญญาณโดยตรงด้วยสติสัมปชัญญะ เธอจะมองเห็นภาพสะท้อนของความรู้หรือคำตอบทั้งหลายปรากฏเป็นความคิด เสียงภายใน วัตถุธาตุ บุคคล ปรากฏการณ์ในชีวิตประจำวันทั้งยามตื่น และยามฝัน

    ฉันอยากจะกล่าวว่า ข้อมูลความรู้จากหมวดความรู้นี้จะหลั่งไหลจากจิตวิญญาณมาสู่จิตวิญญาณโดยตรงอย่างเป็นธรรมชาติเสมอ โดยไม่ต้องกล่าวว่า ของฉัน-ของเธอ เพราะตามธรรมชาติความเป็นจริงแล้ว จิตวิญญาณปราศจากเจ้าของและตัวตนจำเพาะ การถ่ายทอดข้อมูลความรู้จากจิตวิญญาณไปสู่จิตวิญญาณเป็นไปได้ด้วยกลไก 3 ประการคือ :
    1. ความใฝ่รู้
    2. เจตนา
    3. ความเชื่อในทางที่ถูกต้อง



    1. ความใฝ่รู้ ในที่นี้หมายถึงความใฝ่รู้เกี่ยวกับธรรมชาติความเป็นจริงของจิตวิญญาณ หากเธอปราศจากความใฝ่รู้ด้วยสติสัมปชัญญะในระดับตามปกติของเธอ แม้ว่าความรู้จะหลั่งไหลจากต้นกำเนิดมาสู่จิตวิญญาณของเธอมากมายเพียงใด เธอก็จะมองหามันไม่พบ เสมือนว่าเธอมองข้ามคนใกล้ตัวที่มีความรู้มากมายที่จะให้เธอได้ แต่เธอกลับให้คุณค่าหรือตีคุณค่าของเขาเพียงน้อยนิด ไม่ต่างไปจากการที่บุคคลมองข้ามครูบาอาจารย์ของตนเองไป และพอใจกับความรู้อันจำกัดของตนเองและไม่แสวงหาความรู้หรือสื่อสารกับครูบาอาจารย์ของเขาด้วยความทะนง แม้ครูบาอาจารย์จะให้ความรู้แก่เขามากมายเพียงใด นอกจากเขาจะไม่เห็นคุณค่าแล้ว เขาก็มักจะมีความเชื่อในทางที่ผิดว่า ความรู้ที่ครูบาอาจารย์ให้แก่เขาเป็นสิ่งที่เขารู้ได้ด้วยตนเอง


    2. เจตนา ความรู้อันเป็นสากลโลกของจิตวิญญาณเป็นสิ่งที่มีพลังอำนาจมหาศาล ฉันได้กล่าวไว้ใน ความฝันกับวิถีแห่งจิตวิญญาณ ถึงประสาทสัมผัสภายในหรือประสาทสัมผัสที่หก ซึ่งเป็นคุณสมบัติตามธรรมชาติของจิตวิญญาณไว้ว่า - หากปราศจากการใช้ประสาทสัมผัสภายใน จิตวิญญาณจะไม่อาจพัฒนาก้าวหน้าไปได้ แต่เธอจะไม่อาจใช้ประสาทสัมผัสภายในได้จนกว่าเธอจะรู้จักและเข้าใจมันได้อย่างถ่องแท้ - การที่เธอทั้งหลายจะเข้าใจถึงประสาทสัมผัสภายในได้อย่างถ่องแท้ เป็นไปได้ด้วยเจตนาอันบริสุทธิ์ อันเป็นเจตนาที่แท้จริงของตัวตนภายใน ซึ่งประสานตัวตนภายในอื่นๆและตัวตนภายนอกทั้งหลายซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของระบบเครือข่ายของจิตวิญญาณเข้าด้วยกัน เจตนาอันบริสุทธิ์ของตัวตนภายในเป็นสิ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงหรือบิดเบือนไปจากต้นกำเนิดตามธรรมชาติ เพราะมันเป็นปัจจัยที่หลอมรวมจิตวิญญาณทั้งหลายให้มีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งได้ว่า ทำให้จิตวิญญาณเป็นหนึ่งเดียวกับความรู้

    เจตนาของตัวตนภายนอก-ของบุคคลผู้มีความเชื่อในทางที่ผิด มักเป็นไปด้วยการแบ่งแยกตัวตนเรา-เขา เป็นไปด้วยความปรารถนาที่มุ่งหวังโดยเอาตนเองเป็นที่ตั้ง เธอทั้งหลายจะสัมผัสกับเจตนาของตัวตนภายในได้ไม่ยาก เพราะมันจะทำให้เธอตระหนักถึงความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน สัมผัสกับความรัก การช่วยเหลือเกื้อกูล สัมผัสกับอารมณ์และความรู้สึกนึกคิดลุ่มลึกอันเป็นเอกลักษณ์ของเธอ หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งได้ว่า สัมผัสกับความรักอันปราศจากเงื่อนไข ปราศจากความอิจฉาริษยา ปราศจากความโกรธ ปราศจากการแตกแยก ปราศจากการกล่าวโทษ การให้-การรับเป็นไปด้วยการมีความรักและความปรารถนาที่จะช่่วยเหลือเกื้อกูลกันและเห็นแก่ประโยชน์สุขของส่วนรวมเป็นที่ตั้ง มิใช่เป็นไปด้วยความโลภและความปรารถนาที่จะเอาความดีความชอบเพื่อตนเอง

    ความสุขใจอันลุ่มลึกที่เกิดจากการให้ด้วยความรักอันปราศจากเงื่อนไขและความปรารถนาที่จะช่วยเหลือเกิื้อกูลผู้อื่นอย่างหมดใจ จะทำให้เธอสัมผัสกับอารมณ์และความรู้สึกนึกคิดลุ่มลึกอันเป็นเอกลักษณ์ของเธอ เธอจะรู้สึกได้ถึงความรักและศรัทธาที่เธอมีต่อจิตวิญญาณของตนเอง สัมผัสได้ถึงความพึงพอใจที่เธอคือจิตวิญญาณที่มาถือกำเนิดเป็นร่างกายเนื้อหนัง และได้ใช้ความรู้-ความสามารถและทักษะจำเพาะอันเป็นเอกลักษณ์ของตนเอง หรือใช้พลังอำนาจของตนเองอย่างดีที่สุดเพื่อประโยชน์สุขของผู้อื่น


    3. ความเชื่อในทางที่ถูกต้อง เป็นกลไกที่ทำให้จิตวิญญาณเป็นหนึ่งเดียวกันกับความรู้ หากบุคคลมีความเชื่อในทางที่ผิด เช่น เชื่อว่าเขาหาความรู้ได้จากภายนอก ได้จากบุคคลที่เขาเรียกว่าเป็นผู้วิเศษเหนือมนุษย์ ความเชื่อดังกล่าวจะนำพาให้เขาแสวงหาความง่าย แสวงหาสิ่งที่มีพลังอำนาจสำเร็จรูป เช่นวัตถุสิ่งของที่เขาคิดว่าเมื่อได้มาครอบครองแล้วจะทำให้ตนแปลงสภาวะเป็นอื่นที่เหนือชั้นไปกว่าเดิมได้อย่างฉับพลันหรือในระยะเวลาอันสั้น การแสวงหาความรู้จากภายนอกมักจะดำเนินต่อไปยาวนาน เพราะไม่ว่าบุคคลหรือวัตถุสิ่งของเหล่านั้นจะดูเสมือนว่ามีพลังอำนาจมากมายเหนือชั้นเพียงใด พลังอำนาจเหล่านั้นไม่อาจถ่ายทอดมาสู่สติสัมปชัญญะของตัวตนภายนอกของเขาได้ ทำให้เขาต้องแสวงหาต่อไปอีก

    พลังอำนาจที่แท้จริงของจิตวิญญาณ คือ ปัญญาอันเกิดจากการเปลี่ยนความเชื่อเป็นความรู้จะถ่ายทอดจากภายใน-มาสู่ภายในเสมอ หากเธอทั้งหลายมองหามันจากภายนอก เธอจะไม่มีวันหามันพบ สิ่งที่เธอพบในบุคคลหรือวัตถุสิ่งของ เป็นเพียงเงาหรือภาพสะท้อนที่ฉายจากจิตวิญญาณออกมาสู่โลกภายนอกเท่านั้น เมื่อเธอรับเอาวัตถุธาตุต่างๆมา มันไม่ต่างจากการเก็บเอาเพียงเงาของพลังอำนาจที่แท้จริงของจิตวิญญาณมาและเชื่อว่าเธอได้ต้นฉบับของมันมาด้วย

    ในทางตรงกันข้าม-หากเธอมีความเชื่อในทางที่ถูกต้อง และได้รับความรู้ภายในได้อย่างแท้จริง พลังอำนาจของจิตวิญญาณจะหลั่งไหลไปสู่ทุกสิ่งทุกอย่าง ปรากฏเป็นความคิด วัตถุธาตุ บุคคล ปรากฏการณ์ในชีวิตประจำวันทั้งยามตื่นและยามฝัน ซึ่งทำให้เธอมองเห็นและตระหนักได้ว่า สิ่งที่ปรากฏขึ้นเป็นจินตภาพและกายภาพเหล่านั้น เป็นภาพสะท้อนของความรู้ที่แท้จริงที่เธอได้รับจากภายใน และสิ่งที่ปรากฏในโลกทางกายภาพนั้นๆ ทุกสิ่งมีความหมาย แม้แต่คำพูดที่เอ่ยเอื้อนออกมาจากปากของเด็กน้อยที่ไร้เดียงสา คำกล่าวที่ออกมาจากปากของบุคคลที่สังคมวินิจฉัยว่าโง่เขลาหรือด้อยปัญญา คำกล่าวที่ออกมาจากปากของบุคคลที่ศาสนาตัดสินว่าไม่ใช่คนดี ไม่มีบุญ ไม่อยู่ในศีลในธรรม ไกลพระเจ้า ปรากฏการณ์ที่ดูเสมือนจะไร้ความหมาย กลับมีความหมายและให้ข้อมูลความรู้และคำตอบมากมายแก่เธอ

    ความเชื่อที่ผิดหนึ่งๆมักนำไปสู่กลุ่มความเชื่ออื่นๆที่ผิดซึ่งสนับสนุนกัน มันมักทำให้เธอมองเห็นได้ยากว่า มันเป็นเพียงความเชื่อซึ่งไม่ใช่ความรู้ ศาสนาและสังคมของเธอสร้างคำนิยามมากมายที่แสดงให้เห็นถึงความแตกต่างที่อยูุ่สุดคนละปลายขั้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวกับความดี-ความชั่ว บุญ-บาป สูง-ต่ำ เทวดา-ปิศาจ

    เมื่อเธอมีความเชื่อว่าเธอใฝ่หาธรรมชาติความเป็นจริงของจิตวิญญาณและเธอเชื่อว่าหามันพบ เพราะเธอสัมผัสกับสิ่งต่างๆที่อยู่นอกเหนือประสาทสัมผัสที่ห้าของเธอได้ เธอมักนำความคิดเหล่านี้มาสร้างฐานให้กับตนเอง เช่น พิจารณาว่าเธอได้นำพาจิตวิญญาณของเธอไปสู่หนทางที่เป็นความดี เป็นบุญ สู่ภาวะที่สูงขึ้น ใกล้ชิดเทวดามากขึ้น ในขณะเดียวกันความเชื่อของเธอก็มักจะทำให้เธอพิจารณาต่อไปว่า ผู้ที่ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปในทิศทางเดียวกันกับเธอ คือผู้ที่ยังต่ำกว่า ยังมีกรรม หรือไกลเทวดา

    เมื่อใดก็ตามที่ความเปลี่ยนแปลงทั้งหลายที่เกิดขึ้นจากการใฝ่หาความรู้เกี่ยวกับจิตวิญญาณทำให้เธอมองเห็นความแตกแยก หรือความแตกต่างของตนเองไปจากผู้คนรอบตัวเธอมากขึ้นไปอีก เธอกลับไม่ได้ตระหนักว่า ความรู้ที่เธอได้รับนอกเหนือไปจากประสาทสัมผัสที่ห้า หรือเชื่อว่ารับได้ด้วยประสาทสัมผัสที่หก หรือ ประสาทสัมผัสภายในนั้น แม้เธอจะรับได้จริงด้วยสติสัมปชัญญะของตัวตนภายใน แต่เมื่อมันมาสู่สติสัมปชัญญะของตัวตนภายนอกของเธอ-มันก็ยังไม่ใช่ความรู้ที่แท้จริง เพราะสิ่งที่เธอรับได้กลับถูกบิดเบือนไปด้วยความเชื่อที่ผิด

    มันอาจจะเป็นสิ่งแปลกประหลาดหากฉันจะบอกเธอว่า หากประสาทสัมผัสที่หกของเธอทำงานได้อย่างเป็นธรรมชาติด้วยความรู้ความเข้าใจอย่างชัดแจ้ง และข้อมูลความรู้ที่เธอได้รับมาสู่สติสัมปชัญญะภายนอกของเธอโดยไม่ได้ถูกบิดเบือนไปด้วยความเชื่อที่ผิด เธอกลับจะพบว่า การเป็นบุคคลตัวตนของเธอนั้นเป็นหนึ่งเดียวกับสรรพสิ่งทั้งหลาย ความแปลกแยกแตกต่างจากผู้อื่นหรือการแบ่งแยกเรา-เขา จะจางหายไป คำว่า ความดี-ความชั่ว บุญ-บาป สูง-ต่ำ เทวดา-ปิศาจ แทบจะปราศจากความหมาย เพราะเมื่อเธอพบกับความเป็นหนึ่งเดียวอันเป็นแก่นแท้ของจิตวิญญาณ การแบ่งแยกทั้งหลายจะไร้ความเป็นจริง

    จากนิทานเรื่องน้ำค้างกับเมล็ดข้าว ฉันได้เล่าว่า
    ต้นข้าวมากมายออกรวงสีทอง และเต็มไปด้วยต้นข้าวที่บ้างก็มีรวงข้าวที่แน่นจนยอดของมันโน้มลงสู่ดิน บ้างก็ชูยอดสูงสู่ฟ้า บ้างก็มีเมล็ดที่สมบูรณ์เป็นพิเศษ พวกมันมีความสุขและงอกงามร่วมกันอย่างร่าเริง พวกมันขอบใจก้อนหิน เมฆน้อย เมฆใหญ่ น้ำค้างหยดแรก น้ำค้างหยดที่สอง น้ำค้างหยดที่สาม น้ำค้างหยดที่สี่ น้ำค้างหยดที่ห้า น้ำค้างหยดที่หก น้ำค้างหยดที่เจ็ด และ น้ำค้างหยดที่แปด......
    .........ไม่ว่าเมล็ดข้าวสีดำจะงอกงามได้เร็วช้าเพียงใด มันก็เต็มไปด้วยแนวโน้ม ความเป็นไปได้อันหลากหลายเป็นอนันต์ และมันก็จะเติมเต็มช่องว่างแห่งประสบการณ์ในทิศทางของมันได้ในที่สุด ไม่ว่าในช่องว่าง-ระยะทางและกาลเวลา เมล็ดข้าวเหล่านั้นจะเรียกการเจริญงอกงามของของมันว่าเร็ว-ช้า ก่อน-หลัง ก้าวหน้า-ล้างหลัง ล้มเหลวหรือประสพความสำเร็จ

    ในโลกแห่งความเป็นจริงหลากมิติ-นาข้าว ท้องถิ่นกันดาร ฝน น้ำค้าง และความแห้งแล้ง ล้วนเป็นมิติจำเพาะที่ทำให้เมล็ดข้าวเติมเต็มช่องว่างแห่งประสบการณ์และคุณค่าชีวิตของมันได้อย่างเป็นเอกลักษณ์ จากมมุมมองจำเพาะ และ จากความเชื่อจำเพาะ


    ความเชื่อที่ว่า ความก้าวหน้าของจิตวิญญาณซึ่งพัฒนาไปได้ด้วยการขยายการรู้เห็นด้วยประสาทสัมผัสภายใน จะทำให้เธอกลายเป็นรวงข้าวที่ชูช่อเหนือรวงข้าวอื่นๆ จึงเป็นความเชื่อที่ไม่ใช่ความรู้หรือความเป็นจริง เพราะข้าวเต็มรวงย่อมน้อมลงสู่ดินเสมอ

    -------------------------------------------------------------------------------------
    ใครเป็นเจ้าของคำถามที่ยังไม่ได้เป็นสมาชิก หรือเป็นสมาชิกแล้วแต่ไม่ได้ post คำถาม ขอเชิญเข้ามานั่งกลางห้องวิทย์ฯ ให้พวกเราพัดวี-บริการขนม-น้ำ-เสียงเพลง-เสียงหัวเราะ และแลกเปลี่ยนความรู้กันอย่างเปิดเผยได้ทุกเมื่อค่ะ (rose)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 กันยายน 2007

แชร์หน้านี้

Loading...