การพูดคำหยาบในศาสนาพุทธคืออะไรคะ

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย Konklong123, 26 พฤศจิกายน 2012.

  1. Konklong123

    Konklong123 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +3
    คือสงสัยอะค่ะว่าการพูดคำหยาบจริงๆแล้ว
    มันหยาบขนาดไหน ประมาณไหน
    ถ้าคำว่า "กู" "มึง" เป็นคำหยาบ
    งั้นในสมัยสุโขทัย อยุธยา คงบาปกันหมดแล้วเสียกระมัง
    ขออภัยแอดมินด้วยนะคะ
    คือสงสัยจริงๆ
     
  2. อินทรบุตร

    อินทรบุตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    2,511
    ค่าพลัง:
    +7,320
    ดูที่เจตนา ตามยุคสมัยนั้นๆ

    ในสมัยที่คำว่า กู มึง เป็นการใช้ตามปกติ ผู้ใช้ไม่มีเจตนาให้เป็นคำหยาบคาย ก็ไม่มีกรรม ไม่มีการผิดศีล

    คำพูดใดๆ ก็ตาม ถ้าผู้พูด มีเจตนาให้ออกมาหยาบคาย จะด้วยความมุ่งร้ายก็ดี หรือ ด้วยความคะนองปากก็ดี อันนั้นย่อมเป็นกรรม และ ผิดศีล

    เช่นเดียวกัน หากเป็นคำพูดที่สุภาพ แต่จงใจใช้เพื่อหวังร้ายต่อผู้อื่น หรือโกหกหลอกลวงผู้อื่น ก็เป็นกรรม
     
  3. pnumso

    pnumso เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2010
    โพสต์:
    39
    ค่าพลัง:
    +173
    ตามความเข้าใจผม ศีล 5 ข้อที่ 4 มุสา ถ้าจะให้บริสุทธิ์จะจริงไม่เป็นศีลขาด ศีลทะลุ ศีลด่าง ศีลพร้อย เป็นการรักษาศีลที่มุ่งเน้นไม่ให้เราใช้เจตนาในคำพูดไปในทางที่ทำให้ผู้ฟังเข้าใจว่าสิ่งที่ไม่ใช่ความจริงคือเรื่องจริง ใช้เจตนา ใช้คำที่แต่งเติมให้ผิดไปจากเรื่องที่ไม่ใช่ความจริง และที่สำึคัญเจตนานั้นมุ่งที่จะให้ร้าย ด่าทอ สบท ส่อเสียด ก้าวร้าว ทำให้ผู้อื่นได้รับความเสียหายจากคำพูดเหล่านั้น คำพูดที่ผู้ฟังได้ยินแล้วเกิดโมหะ โลภะ โทสะ ล้วนแต่เป็นทำให้ศีลข้อนี้เสื่อม ซึ่งถ้าจะเทียบกันกับโบราณกาล คำว่า กู มึง เจตนาไม่ได้ใช้แบบในปัจจุบันที่ภาษาของคนไทยระบุว่าคำเหล่านี้เป็นคำหยาบที่ไม่สุภาพ คำที่ใช้ลองคิดย้อนไปถ้าคำว่ากู มึง คือคำสุภาพ ฉัน เธอ คืำอคำหยาบ คำเหล่านี้ก็เป็นเพียงนามสมมติที่ผู้คิดค้นภาษาใช้เพื่อแทนตัวตน แทนความคิด ความรู้สึก ซึ่งอาจจะมีทั้งที่ดีและไม่ดี ตามเจตนาที่สร้างคำขึ้นมาใช้

    ดังนั้นคำหยาบที่ยุคนึงอาจจะเป็นคำสุภาพ แต่พอภาษาที่ใช้ปรับเปลี่ยนไปตามยุคและบัญญัติขึ้นมาใหม่ว่าควรใช้คำอื่นที่เหมาะสมกว่า ก็หาใช่ว่าคำในยุคก่อนนั้นเป็นคำหยาบ ซึ่งคำหยาบในสมัยก่อนหรือสมัยนี้จึงไม่ใช่บทสรุปว่ามีเจตนาแบบเดียวกันและใช้เหมือนกัน แต่ในเรื่องของศีล 5 ข้อ 4 เรื่องมุสา เป็นเรื่องที่ของการงดเว้นคำเหล่านี้ เพราะทำให้ศีลไม่บริสุทธิ์เนื่องจากคำเหล่านี้ใช้ไปในทางที่แทน โทสะ โลภะ โมหะ ซึ่งแสดงถึงผู้ปฏิบัติธรรมะยังมีจิตที่ปรุงแต่งเอา โทสะ โลภะ โมหะ มาใช้ทางวจีกรรมซึ่งเ็ป็นอกุศลและเป็นบาป ศีลข้อ 4 จึงมุ่งให้ผู้ปฏิบัติลด ละ เลิก ความหลุ่มหลงมัวเมา ความโกรธ ความโลภ ไม่ให้แสดงออกมาทางวจีกรรม

    ผมพูดจากที่คิดอาจจะผิดถูกผู้มีความรู้ทั้งหลายช่วยชี้แนะและแนะนำต่อด้วยครับ
     
  4. firstini

    firstini เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,213
    ค่าพลัง:
    +3,770
    คำหยาบ คือคำพูดแล้วก่อให้เกิดความสะเทือนใจ
    เช่น
    ถ้าลูกพูดกับพ่อแม่ว่า กู มึง อันนี้ก็สร้างความสะเทือนใจให้พ่อแม่
    แต่ถ้าพูดกับเพื่อนเหล่าเดียวกัน ก็เฉยๆ

    หรือถ้ากำลังคุยกันถึงสัตว์เลื้อยคลานประเภทเหี้ย
    ว่ามันเดินมาทางนั้น มันกินอย่างนี้ นิสัยมันเป็นอย่างนั้น
    เหี้ยก็ไม่ใช่คำหยาบ
    แต่ถ้าเราบอกว่าใครหรือกิริยาของใคร เหี้ย อันนี้ก็หยาบ

    มันต้องดูว่าพูดแล้วเขารื่นเริง หรือขุ่นข้องหมองใจมั้ย
     
  5. พูน

    พูน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    595
    ค่าพลัง:
    +2,479
    เอาตามที่รู้ละกัน คำหยาบ ก็หมายถึงคำพูดที่ทำลายน้ำใจ ทำลายกำลังใจของอีกฝ่ายหนึ่ง ที่เป็นผู้รับฟังเราเป็นวาจาไม่สมควรแก่ถสานที่ และกาละที่จะพูด ทีนี้ถ้าอย่างเพื่อนกันปกติพูด กู มึง กันอยู่เป็นปกติ อยู่ดีๆ มาถือศีล ไปคุยกับเพื่อน ไปเรียกคุณ ผม เพื่อนก็จะสงสัยว่า นี่มึงเป็นอะไรไปแล้ว มีปัญหาทางสมองหรือเปล่า แบบนี้ก็ไม่ถูก เพราะใช้วาจาไม่เหมาะกับสถานที่ ไม่เหมาะกับกาละ ถ้าอย่างสมัยก่อนที่สรรพนามเรียกเป็น กู มึง เขาไม่ถือว่าผิดพอมาเป็นปัจจุบัน กลับถือว่าเป็นคำหยาบ ก็ใช้ให้เหมาะกับกาละไงครับ You ก็คุณ ท่าน เธอ หรือ เอ็ง หรือ มึง, I ก็คือ ผม ฉัน ดิฉัน หรือกู, They ก็คือ พวกท่าน พวกเขา หรือ พวกมึง ถ้าไม่เหมาะกับสถานที่ กับไม่เหมาะกับกาละ ตาม Definition ก็ถือเป็นคำหยาบทั้งหมดครับ ภาษาไทยมีกาละหลายช่วงเวลา ไม่เหมือนภาษาอังกฤษ กาละที่ว่านี่ทั้งเวลาตามปฏิทิน กับเวลาที่เราอยู่ในสถานที่ต่างๆ อย่างเราเป็น ประธานในงานแต่งงาน เราไปพูดว่า ขอให้คู่บ่าวสาว พวกมึงทั้คู่จงสุขสมหวัง คนฟังเขาคงถีบเอา ว่าเชิญไอ้ถ่อยที่ไหนขึ้นไปพูด กาละตามสถานที่ก็ต้องพิจารณาด้วยครับ
    ดีแล้วครับ ทำแล้ว สงสัย ก็พยายามหาคำตอบ ศีลเราจะละเอียดขึ้นเรื่อยๆ ดีใจด้วยครับ :cool:
     
  6. Ron_

    Ron_ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    568
    ค่าพลัง:
    +1,284
    สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระวิหารเวฬุวันกลันทกนิวาป- *สถาน ใกล้พระนครราชคฤห์ ก็สมัยนั้นแล ท่านพระปิลินทวัจฉะย่อมร้องเรียก ภิกษุทั้งหลายด้วยวาทะว่าคนถ่อย ครั้งนั้นแล ภิกษุมากรูปด้วยกัน เข้าไปเฝ้า พระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ถวายบังคมแล้วนั่งอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้ว ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ท่านพระปิลินทวัจฉะ (ผู้เป็นพระอรหันต์ขีณาสพ) ย่อม ร้องเรียกภิกษุทั้งหลายด้วยวาทะว่าคนถ่อย ลำดับนั้นแล พระผู้มีพระภาคตรัส เรียกภิกษุรูปหนึ่งว่า ดูกรภิกษุ เธอจงไปเรียกปิลินทวัจฉภิกษุมาตามคำของเราว่า ดูกรอาวุโสวัจฉะ พระศาสดารับสั่งให้หาท่าน ภิกษุนั้นทูลรับพระผู้มีพระภาคแล้ว เข้าไปหาท่านพระปิลินทวัจฉะถึงที่อยู่ ครั้นแล้วได้กล่าวกะท่านปิลินทวัจฉะว่า ดูกรอาวุโส พระศาสดารับสั่งให้หาท่าน ท่านพระปิลินทวัจฉะรับคำภิกษุนั้นแล้ว เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ถวายบังคมแล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง พระผู้มีพระภาคได้ตรัสถามท่านพระปิลินทวัจฉะว่า ดูกรปิลินทวัจฉะได้ยินว่า เธอย่อมร้องเรียกภิกษุทั้งหลายด้วยวาทะว่าคนถ่อยจริงหรือ ท่านพระปิลินทวัจฉะ ทูลรับว่า อย่างนั้น พระเจ้าข้า ฯ              ลำดับนั้นแล พระผู้มีพระภาคทรงมนสิการถึงขันธ์อันมีในก่อนของท่าน พระปิลินทวัจฉะ แล้วตรัสกะภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลาย อย่ายกโทษ (อย่าโกรธ) วัจฉภิกษุเลย วัจฉภิกษุย่อมไม่มุ่งโทษ (ไม่มีเจตนาร้าย) เรียกภิกษุทั้งหลายด้วยวาทะว่า คนถ่อย วัจฉภิกษุเกิดในสกุลพราหมณ์ ๕๐๐ ชาติ โดยไม่เจือปนเลย วาทะว่า คนถ่อยนั้นวัจฉภิกษุประพฤติมานาน เพราะเหตุนั้น วัจฉภิกษุนี้ย่อมร้องเรียก ภิกษุทั้งหลายด้วยวาทะว่าคนถ่อย ฯ              ลำดับนั้นแล พระผู้มีพระภาคทรงทราบเนื้อความนี้แล้ว ได้ทรงเปล่ง อุทานนี้ในเวลานั้นว่า                           มายา มานะ ย่อมไม่เป็นไปในผู้ใด ผู้ใดมีความโลภสิ้น                           ไปแล้ว ไม่มีความยึดถือว่าเป็นของเรา ไม่มีความหวัง บรรเทา                           ความโกรธได้แล้ว มีจิตเย็นแล้ว ผู้นั้นชื่อว่าเป็นพราหมณ์                           ผู้นั้นชื่อว่าเป็นสมณะ ผู้นั้นชื่อว่าเป็นภิกษุ ฯ

    ปิลินทวัจฉสูตร
     
  7. Konklong123

    Konklong123 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +3
    ขอบคุณทุกความเห็นนะคะ
    ที่ทำให้เข้าใจ มีคนชอบบอกว่าหนูเป็น
    "เจ้าหนูจำไม" 55+
     
  8. firstini

    firstini เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,213
    ค่าพลัง:
    +3,770
    คำหยาบคือ คำที่พูดแล้วคนฟังระคายหู

    เช่น ลูกชายกลับมาถึงบ้าน เจอหน้าพ่อ ก็ทักเลยว่า
    "เฮ้ย กูกลับมาบ้าน มึงมีอะไรให้กูแดกบ้างมั้ย"
     
  9. naroksong

    naroksong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    412
    ค่าพลัง:
    +1,135
    การพูดด้วยโทสะจัดว่าเป็นคำหยาบครับ

    ถ้าไม่มีโทสะจะ กู มึง ยังไงก็จัดว่าเป็นถ้อยคำที่อ่อนหวาน

    ขอให้เจริญในธรรมครับ
     
  10. thepkere

    thepkere เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    1,018
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +3,449
    เป็นผู้พูดเท็จ คือ เขาอยู่ในสภา ในบริษัทในท่ามกลางญาติ ในท่ามกลางเสนา
    หรือในท่ามกลางราชสกุล ถูกผู้อื่นนำไปเป็นพยานซักถามว่า มาเถิดบุรุษผู้เจริญ
    ท่านรู้สิ่งใดจงพูดสิ่งนั้น ดังนี้ บุคคลผู้นั้นเมื่อไม่รู้ก็กล่าวว่ารู้หรือเมื่อ
    รู้ก็กล่าวว่าไม่รู้ เมื่อไม่เห็นก็กล่าวว่าเห็น หรือเมื่อเห็นก็กล่าวว่าไม่เห็นเป็นผู้กล่าวเท็จทั้งรู้
    เพราะเหตุแห่งตนบ้าง เพราะเหตุแห่งผู้อื่นบ้าง เพราะเหตุเห็นแก่อามิสเล็กน้อยบ้าง ด้วยประการดังนี้ ๑

    เป็นผู้พูดส่อเสียด คือ ฟังข้างนี้แล้วไปบอกข้างโน้นเพื่อทำลายคนหมู่นี้ หรือฟังข้างโน้น
    มาบอกข้างนี้ เพื่อทำลายคนหมู่โน้น ยุยงคนทั้งหลายผู้สามัคคีกันให้แตกกัน หรือส่งเสริมคนผู้
    แตกกันแล้วชอบความแยกกัน ยินดีความแยกกัน เพลิดเพลินในความแยกกัน กล่าวแต่คำ
    ที่ทำให้แยกกัน ๑

    เป็นผู้พูดคำหยาบ คือกล่าววาจาหยาบช้า กล้าแข็งเดือดร้อนผู้อื่นเสียดสี
    ผู้อื่น ใกล้ต่อความโกรธ ไม่เป็นไปเพื่อสมาธิ ๑


    เป็นผู้พูดเพ้อเจ้อ คือกล่าวไม่ถูกกาล
    กล่าวไม่จริง กล่าวไม่อิงอรรถ กล่าวไม่อิงธรรม กล่าวไม่อิงวินัย กล่าววาจาที่ไม่มีหลักฐาน ไม่
    มีที่อ้างอิง ไม่มีที่สิ้นสุด ไม่ประกอบด้วยประโยชน์ โดยกาลอันไม่ควร ๑

    พระไตรปิฎก ฉบับบาลีสยามรัฐ (ภาษาไทย) เล่มที่ ๒๔
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 มกราคม 2013
  11. ฐสิษฐ์929

    ฐสิษฐ์929 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    876
    ค่าพลัง:
    +1,844
    เจตนาหังภิกขเว

    ทุกอย่างจะประกอบด้วยเจตนาครับ
    ลักษณะการใช้คำที่สังคมรับไม่ได้และถือว่าเป็นคำหยาบนั้น หากนำมาใช้ก็เป็นคำหยาบทั้งนั้น
    ยุคนี้ยุคไหน สมัยใด ท่านก็รู้อยู่แล้ว หากว่าท่านได้รู้ว่าคำใดไม่ควรใช้ในสมัยนี้ หากใช้ก็แสดงว่ามีเจตนาที่ชัดอยู่ในตัวอยู่แล้วว่าท่านใช้คำหยาบ ไม่เกี่ยวกับยุคในอดีตสมัยสุโขทัย หรืออยุธยา หรอกครับ
    บางคำก็อาจฟังดูดี แต่มีเจนาร้ายแฝงอยู่ แม้นว่าไม่เป็นคำหยาบก็ไม่ควรใช้ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 มกราคม 2013
  12. tukkuru

    tukkuru เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    76
    ค่าพลัง:
    +213
    คำอะไรก็ได้ครับ...คุณคนคลอง123 ที่ผู้ฟังได้ยินแล้วจิตมีโทสะ หรือ จิตเกิดอกุศลครับ
     
  13. jikkiijang

    jikkiijang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    215
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +335
    ผมว่าขึ้นอยู่กับอารมณ์และเจตนานะครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...