จิตพร้อม? รับภัยพิบัติ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย ภูภู, 6 เมษายน 2012.

  1. มาลินี UK

    มาลินี UK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    807
    ค่าพลัง:
    +12,713
    จิตบุญ 104 ขออนุโมทนาบุญกับ จิตบุญ 116 -117 แลู้สอนะคูณครูสอนผู้สอนทุกๆท่านด้วยค่ะอนุโมทนามิ.
     
  2. Patcharawan

    Patcharawan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    187
    ค่าพลัง:
    +3,980
    กราบอนุโมทนาบุญกับจิตบุญดวงที่๑๑๖และจิตบุญดวงที่๑๑๗และครูผู้สอนด้วยค่ะ สาธุ...
     
  3. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    ประกาศ! ของชาวจิตบุญ​

    ขอทำความเข้าใจ
    เรื่อง การอัญเชิญดวงจิตของพระพุทธเจ้า
    เข้ามาประทับในกาย ในจิตของเหล่าจิตบุญ


    ในขณะที่ลูกๆของท่านพ่อพาร่างกายพักผ่อนอยู่นั้น
    แต่พวกเราไม่เคยทราบมาก่อนเลยว่า ท่านพ่อและพระเดชพระคุณพระราชพรหมยาน
    พยายามทรงงานหนักเพื่อลูกหลานของท่าน
    พระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ ทรงพยายามทุกวิธีทาง ที่จะนำพาดวงจิตของพวกเราให้พ้นจากกองทุกข์
    ให้พวกเราออกจากทุกข์กันให้จงได้
    เมื่อออกจากกองแห่งทุกข์นี้กันได้แล้ว
    ต่อไปก็นำจิตให้เข้าถึงความละเอียดแห่งจิตตนเอง นั่นก็คือ ละขันธ์ ๕ ให้ได้เด็ดขาด
    เพราะถ้าละขันธ์ ๕ ไม่เด็ดขาด พวกเราก็ยังไม่พ้น คำว่า ทุกข์ไปได้

    เพราะฉะนั้น จิตบุญ โดยเฉพาะครูผู้สอนจิตเกาะพระ ท่านจะต้องการเข้าให้ถึงความละเอียดแห่งจิต
    เพราะผลจะติดตามมา นั่นก็คือ อินทรีย์จะแก่กล้าขึ้นไปตามลำดับของจิต
    เมื่ออินทรีย์แก่กล้า จะทำให้เรามีสติปัญญามากตามไปด้วย
    นั่นก็จะหมายถึง กำลังใจ โดยเฉพาะผู้ที่เกี่ยวข้องกับงานจิตเกาะพระ
    จิตจะต้องบริสุทธิ์จริงๆ จิตจะต้องเป็นกลางจริงๆ และจิตจะต้องเข้าถึงความเป็นอนัตตาจริงๆ
    หรือความว่างจริงๆ

    ไม่ใช่ เมื่อวานนี้ข้าว่าง แต่วันนี้ข้าไม่ว่าง อันนี้ถือว่า ใช้ไม่ได้

    จึงเป็นเหตุที่มา ที่ไป ตามที่จิตบุญทั้งหลาย ไม่เข้าใจกัน
    เหตุผลว่า..ทำไม๊? ถึงได้มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น
    ก็เพราะว่า บบ.กำลังใช้กายหยาบของพวกเราทำงานในโลกมนุษย์
    เพื่อการงานที่เกี่ยวข้องของโลกทิพย์ หรือ คิด-พูด-ทำ ที่เกี่ยวกับงานสืบทอดพระพุทธศาสนา
    ตามที่เหล่าจิตบุญได้น้อมจิต หรือได้อัญเชิญดวงจิตพระพุทธเจ้ามาประทับหรือครอบกาย ครอบจิตนั้น
    ไม่ใช่ หมายถึง ไปให้พวกเราท่องภาวนากันเฉยๆ ตามที่พวกเราเข้าใจกัน
    เพียงแต่ครั้งแรก ให้เราน้อมจิตรับ หรืออัญเชิญดวงจิตของพระพุทธเจ้า ของตนตามที่แจ้งไปแล้ว
    โดยการภาวนาภายในจิต แต่ต้องทำในขณะที่จิตเป็นสมาธิหรือทรงฌาน

    เมื่อผู้ใดภาวนาจนจิตสามารถจำได้เองแล้ว ต่อไปจิตผู้นั้นจะมีกำลังใจมาก
    และสิ่งที่ตามมา ก็คือ จิตละเอียดมากขึ้น สติปัญญามากขึ้น หรืออินทรีย์ก็จะแก่กล้ามากขึ้น
    แค่อาศัยกำลังใจตนเอง หรือ ตามที่พวกเราทรงฌาน(กำลังฌาน)นั้น ไม่เพียงพอแก่การงาน
    โดยเฉพาะผู้ที่เกี่ยวข้องกับการงาน หรือ ถวายงานของท่านพ่อ ตามที่กล่าวไปแล้ว

    เมื่อผู้ใดภาวนาไปจนจิตเขาจำเองได้แล้ว ต่อไป คำว่า คราบมนุษย์นั้นจะค่อยๆหายไปทีละนิดๆ
    หรือกำลังใจตนเองที่มีอยู่นั้น ก็จะกลายเป็นเสมือนกำลังใจอันมหาศาลของพระพุทธเจ้าขึ้นมาทันที
    หรือจากเมื่อก่อนดวงจิตที่เคยเป็นดวงน้อยๆก็จะใหญ่ขึ้นมาทันที
    และผลสุดท้ายที่ได้ ก็คือ เราจะมีพลังจิตมากและสามารถละ(ตัด)ขันธ์๕ ได้เด็ดขาดมากทีเดียว(เด็ดขาดจริงๆนะ)
    เมื่อผู้ใดสามารถทำได้อย่างนี้แล้ว คำว่า ทุกข์ สุข ยินดี ไม่ยินดี หรือ โลกธรรม จะหายไปทันที
    เพราะจิตเข้าถึงความละเอียดมากนี้ จิตเกิดสำรวมมากขึ้น จิตมีสติสัมปชัญญะมากขึ้น
    ไม่ว่าจะทำกิจการ หรือ การงานในทางโลกหรือทางธรรม เราก็สามารถกระทำได้ผลสำเร็จเป็นอย่างดี
    อานิสงส์ของการน้อมนำพระพุทธคุณเข้ามาสู่จิตตนนั้น มีมากเกินบรรยาย

    ส่วนจิตบุญผู้ใด โดยเฉพาะอินทรีย์ยังไม่แก่กล้า สมควรน้อมรับเข้ามาไว้ในกายในจิตของตน
    ส่วนผู้ใดจะน้อมรับดวงจิตของท่านพ่อ ก็ไม่ผิดอะไร ตามใจชอบ ตามจริตของตน
    แต่หลักใหญ่ใจความมันอยู่ที่ว่า เมื่อน้อมรับเข้ามาประทับในกายในจิตของตนเองแล้ว
    โดยเฉพาะจิตบุญ ที่รักเคารพ เลื่อมใสและศรัทธาต่อพระผู้มีพระภาคเจ้ามากๆนั้น
    ไม่ว่าจะเป็นพระพุทธเจ้าพระองค์ใด จะได้ผลดีมาก ก็คือ จิตเราจะศักดิ์สิทธิ์ไปในตัว

    สำหรับเรื่อง ปัจจัตตัง เป็นเรื่องรู้ได้เฉพาะตน คือ หลังผลที่เราปฎิบัติได้นั้น ที่เราเรียกว่า ปฎิเวธ
    แต่สำหรับเรื่อง พระพุทธเจ้านั้น เป็นเรื่อง อจินไตย ยิ่งกว่า คำว่า ปัจจัตตังเสียอีก

    ปล.แต่ถ้าจิตบุญท่านใด ไม่เข้าใจให้ถามมาใหม่
    การน้อมรับหรือนำเอาดวงจิตของพระพุทธเจ้าเข้ามาสู่จิตตนเอง ถือว่าเป็นสิ่งมงคลยิ่งแล้ว
    เพราะปกติคนธรรมดานั้น ก็เข้าถึงกระแสจิต กระแสธรรมได้ยากยิ่งนัก
    แต่จิตบุญ(บางท่าน) ผมเชื่อว่า เข้าถึงจิต..ตถาคต หรือ ดวงจิตพระพุทธเจ้าได้

    ตามคำสุภาษิตว่า..

    ผู้ใดเห็นทุกข์ ผู้นั้นเห็นธรรม
    ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็น..ตถาคต


    (แต่ก่อนจะเห็นธรรมนั้น จะต้องเห็นจิตตนเองก่อน ขออนุญาตเพิ่มเติม)

    เพิ่มเติม
    อจินไตย แปลว่า สิ่งที่ไม่ควรคิด
    หมายถึงสิ่งที่ไม่อาจเข้าใจได้ด้วยตรรกะสามัญของปุถุชน มี 4 อย่างได้แก่
    1.พุทธวิสัย วิสัยแห่งความมหัศจรรย์ของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย เช่น การเดินบนดอกบัว7ก้าวและเปล่งอาสภิวาจาของพระพุทธเจ้า
    2.ฌานวิสัย วิสัยแห่งอิทธิฤทธิ์ของผู้มีฌาน ทั้งมนุษย์ และ เทวดา
    3.กรรมวิสัย วิสัยของกฎแห่งกรรม และวิบากกรรม คือการให้ผลของกรรมที่สามารถติดตามไปได้ทุกชาติ
    4.โลกวิสัย วิสัยแห่งโลก คือการมีอยู่ของสวรรค์ นรก และ สังสาระวัฏ

    ในทางพระพุทธศาสนาไม่แนะนำให้คิดเรื่องอจินไตย เพราะวิสัยปุถุชนไม่อาจเข้าใจได้โดยถูกต้องถ่องแท้ ทั้งเพราะความเข้าใจไม่ได้ในฐานะที่เป็นของลึกซึ้ง เป็นเรื่องทางจิต หรือเป็นเรื่องที่ไม่สามารถหาคำตอบที่สิ้นสุดได้ ถ้าคิดมากจริงจังในการหาคำตอบเหล่านั้นจากการคิดเดาเอาด้วยตรรกะเองจึงอาจกลายเป็นคนบ้าได้ อจินไตยในเรื่องทางจิตจึงเป็นเรื่องที่รู้ได้ด้วยการบรรลุธรรมชั้นสูงเท่านั้น

    ปล.ขออนุญาตนำมาลงที่กระทู้ด้วย เพราะบางท่านไม่อยากมี ไม่อยากเข้า Facebook

    จิตบุญจะไปกลัวทำไม๊ กิเลสโลก กิเลสเฟสบุ๊ค แล้วเราจะไปรู้ไม๊ว่า..
    สอบผ่านหรือไม่ผ่าน
    พี่ภูขออนุญาตบ่นตามครูเพ็ญ..คิคิ
     
  4. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    ขออภิมหาโมทนาบุญกับ..
    คุณศศิวรรณ จิตบุญ 116
    คุณเคลื่อน จิตบุญ 117
    พระอาจารย์ชัชวาลย์ และผู้ที่เกี่ยวข้องทุกท่านด้วยครับ
    สาธุๆๆ

    ปล.ท่านพระอาจารย์ชัชวาลย์นี่ ท่านขยันเสียจริงๆนะ ยกทีเป็นคู่ๆเลย
    ใกล้ละๆ ท่านจะได้สำนักเป็นของตนเองเสียทีนะ
    สาธุๆๆ
     
  5. Pugsley

    Pugsley เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    282
    ค่าพลัง:
    +4,825
    ขออนุโมทนาบุญกับคุณศศิวรรณ จิตบุญ 116 , คุณเคลื่อน จิตบุญ 117
    รวมทั้งพระอาจารย์ชัชวาลย์ และผู้ที่เกี่ยวข้องทุกท่านด้วยนะค่ะ...สาธุ สาธุ สาธุค่ะ
     
  6. Patcharawan

    Patcharawan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    187
    ค่าพลัง:
    +3,980
    สมบัติน้ำเเข็ง

    โอวาทของหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ ที่บอกว่า "ที่แกทำ ๆ ไปน่ะ มันสูญเปล่า ชีวิตจะมีค่าก็ตอนไหว้พระ สวดมนต์ ภาวนาเท่านั้น" บางคนคงแย้งท่านในใจว่า มันส
    ูญเปล่าที่ไหนกัน เราทำงาน ทำกิจกรรมต่าง ๆ เราก็ได้ผลงาน ได้เงินได้ทองมาเลี้ยงชีวิตตัวเรา แถมยังเอาไปสงเคราะห์ญาติได้อีก

    มาถึงตอนนี้ เมื่อเราอายุมากขึ้นประสบการณ์ชีวิตทำให้เราเห็นภาพชัดเจนยิ่งขึ้น ๆ ว่า ที่ทำ ๆ ไป ไม่ว่าจะดูซับซ้อน วิจิตรเพียงใด มันก็แค่ "หาอยู่ หากิน" เลี้ยงอัตภาพร่างกายเท่านั้น อย่างมากก็เพิ่มความภาคภูมิใจในผลงาน พอหมดลมแล้วก็หมดกัน เอาติดตัวไปไม่ได้ ไม่เหมือนอย่างกิจกรรมการภาวนาเพื่อพัฒนายกระดับจิตใจ มันกินลึกและเอาติดตัวข้ามภพข้ามชาติไปได้

    สมบัติทางโลก ๆ จะมากมายและวิจิตรประณีตขนาดไหน มันก็เป็นแค่ "สมบัติน้ำแข็ง" อยู่ดี เพราะมันจะค่อย ๆ ละลาย เรากำมันไว้ได้แค่ชั่วครู่ชั่วยามเท่านั้น

    หลวงปู่เคยเล่าว่า "เด็กทารกทั่วไปเกิดมาก็กำมือมา บ่งบอกการเกิดมาพร้อมกับความยึดมั่นถือมั่น"

    พวกเราลองพิจารณาดูเถิด สุดท้ายตอนตายทุกคนก็ต้องแบมือหมด แม้น้ำที่คนเขามารดน้ำศพ ก็ยังกำเอาไว้ไม่อยู่เลย

    อาหารที่สุดแสนประณีตก็ได้แค่อิ่ม บ้านที่เป็นดุจคฤหาสน์ก็แค่ที่พักอาศัยหลับนอนไปคืนหนึ่ง ๆ มนุษย์สร้างสมมุติที่ซับซ้อนหรอกตัวเองเสียจนหลงลืมความจริงพื้นฐานของชีวิต

    "สมบัติน้ำแข็ง" คือ ข้อที่ควรคิดคำนึงเพื่อเตือนจิตเตือนใจตนเองไว้เสมอ ๆ เพื่อให้ตระหนักว่ากิจกรรมชีวิตอันใดที่เราควรทุ่มเท กิจกรรมชีวิตอันใดที่ทำเพียงแค่พอเป็นเครื่องอาศัย
     
  7. pattranit uk

    pattranit uk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 เมษายน 2012
    โพสต์:
    174
    ค่าพลัง:
    +1,446
    ขอแสดงความยินดีและอนุโมทนาจิตบุญดวงที่ 113 , 114, 115, 116 117และคุุณครูอาจารย์ผู้สอนผู้มีเมตตาทุกท่านค่ะ สาธุ สาธุ สาธุค่ะdeeja__ahe llo _car
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 ธันวาคม 2012
  8. เมธญา

    เมธญา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    92
    ค่าพลัง:
    +1,584
    สาธุ ขออนุโมทนาบุญกับจิตบุญ 116 และ จิตบุญ 117 และท่านพระอาจารย์ชัชวาลย์ และครูผู้สอนทุกท่านค่ะ...
     
  9. UncleGee

    UncleGee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2012
    โพสต์:
    4,086
    ค่าพลัง:
    +10,246
    _/\_ สาธุ
    ขออนุโมทนากับจิตบุญดวงที่ ๑๑๖ และ ๑๑๗ และพระอาจารย์
    รวมทั้งคุณครูจิตบุญทุกท่านด้วยครับ
     
  10. ลุงไชย

    ลุงไชย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    645
    ค่าพลัง:
    +2,436
    ขอโมทนาบุญ กับจิตบุญ ดวงที่ ๑๑๖ และดวงที่ ๑๑๗ พระอาจารย์ชัชวาล และครูจิตบุญทุกท่านครับ..สาธุ
     
  11. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    เบื่อความทุกข์กันหรือยัง?
    อยากจะออกจากทุกข์กันหรือยัง?


    คนเราเกิดมาพร้อมกับตัวทุกข์
    นั่นก็คือ ร่างกาย
    พวกเรานับว่ายังโชคดี ที่มีร่างกายครบบริบูรณ์ ทั้งกายใจและสมอง
    เมื่อเปรียบเทียบกับคนพิการทั้งกายใจและสมอง

    ที่บอกกับพวกเราว่า โชคดีที่มีร่างกาย
    เพราะร่างกายนี้เป็นสมบัติของโลก
    เพราะร่างกายนี้ ล้วนเป็นตัวทุกข์ คือคอยผลิตตัวทุกข์ให้กับเรา
    เมื่อคนเราทุกข์มาเยือนมากๆเข้า ก็เลยอยากจะออกจากความทุกข์
    ความทุกข์ไม่มีผู้ใดหนีพ้นเลยสักคนเดียว
    เพราะฉะนั้น ก็อย่าไปวิ่งหนีทุกข์ วิ่งหาสุขภายนอกกายใจกันเลย
    ในเมื่อหนีทุกข์ไม่ได้ ก็ต้องยอมรับเท่านั้นเอง
    ส่วนความสุขก็เหมือนกัน ความสุขทางโลกนั้น มีได้ก็แค่ชั่วคราว
    เพราะความสุขถาวรนั้น มันก็อยู่ภายในจิตตนเอง

    แต่สำหรับความทุกข์นั้น พวกเราหนีไม่พ้นใช่ไหม
    ในเมื่อหนีไม่พ้น ก่อนที่เราจะยอมรับความทุกข์กัน
    เพราะฉะนั้น พวกเราก็ต้องมาเรียนรู้เรื่อง ตัวทุกข์
    ตัวทุกข์ ก็คือ ขันธ์ ๕
    หรือ รูป๑ ก็คือร่างกาย นาม๔ ก็คือเวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ
    เมื่อเรียนรู้เรื่องตัวทุกข์ ก็ต้องมาเรียนรู้เรื่อง ความจริงแห่งทุกข์
    หรือที่มาที่ไปของความทุกข์นี้ แท้ที่จริงแล้วมันคืออะไร

    สรุปแล้ว ผู้ปฎิบัติจะต้องรู้และทำความเข้าใจเรื่อง อริยสัจ ๔
    ที่เหลือไปอ่านเพิ่มเติมเองสำหรับผู้ที่ไม่รู้
    แต่ผู้ที่จะเข้าใจธรรมะได้อย่างลึกซึ้งนั้น จึงไม่ใช่เป็นเรื่องของความเข้าใจอย่างเดียว
    แต่จะเป็นเรื่องของความเข้าถึง
    แต่การเข้าถึงนี้มีอยู่หลายทาง การอ่าน การฟัง และการปฎิบัติ

    ถามว่าเรารู้+เข้าใจธรรมเพียงอย่างเดียว แต่ทำไม๊ ทำใจไม่ค่อยได้ หรือ ทำตามเดี๋ยวนี้ไม่ได้
    ยกเว้นนักภาวนา หรือ ผู้ปฎิบัติ
    แต่ก็มีผู้ปฎิบัติหลายระดับจิตอีก เพราะความละเอียดของจิต ต่างกันไป
    เพราะยิ่งจิตของผู้ปฎิบัตินิ่งมากหรือละเอียดมาก สติปัญญาของผู้ปฎิบัติท่านนั้นก็จะไม่มีความทุกข์เลย

    เพราะเมื่อจิตเริ่มนิ่ง เช่น จิตเกิดปิติ จิตอยู่ในระดับอุปจารสมาธิ(เฉียดฌาน) ไปถึงฌาน
    เราก็ลืมความทุกข์ไปได้ชั่วคราวเท่านั้น
    แต่ถ้าเมื่อไหร่ จิตออกจากสมาธิหรือฌาน จิตก็จะหลงไปตามกระแสโลกได้เหมือนเดิม

    เพราะฉะนั้น ต่อให้พวกเราเข้าถึงความละเอียดของจิต เช่น ฌาน๘ ก็ตาม
    แต่เมื่อไหร่ออกจากสมาธิหรือฌาน เราก็ทุกข์ได้เหมือนเดิม
    นอกเสียจากนำจิตไปเดินมรรค คือ ผ่านทั้งสมถกรรมฐานและวิปัสสนา
    จนจิตได้ปัญญาญาณ หรือ เรียกสั้นๆว่า ญาณ(ยาน)
    และตรงนี้แหล่ะ!
    ที่พวกเราสามารถจะหลุดพ้นสิ่งทั้งปวงได้ ที่ว่ามานี้กันได้

    เพราะฉะนั้น ผู้ที่อยากออกจากทุกข์ จำเป็นต้องมาเรียนรู้เรื่อง ทุกข์
    หรือ เรื่องอริยสัจจ์ และ กฎธรรมดา(กฎไตรลักษณ์)
    และนำจิตมาเรียนรู้ธรรมะ โดยการเข้าให้ถึงหรือให้ปฎิบัติธรรมสำเร็จ
    จนมีดวงตาเห็นธรรม หรือ จิตได้พระโสดาบันเป็นอย่างต่ำ
    ความทุกข์ถึงจะลดน้อยลงไป

    แต่ถ้าพวกเราไม่เอาทั้งสุข ทั้งทุกข์ ละขันธ์ ๕ ได้เด็ดขาด
    ต้องการไปพระนิพพาน เพราะเบื่อการเกิด เบื่อทุกข์
    พวกเราก็ต้องปฎิบัติจนกว่าหลุดพ้น คือจะต้องนำจิตตั้งอยู่เหนือขันธ์ ๕
    หรือ เป็นจิตอรหันต์

    เพราะฉะนั้น วันนี้พวกเราพร้อมหรือยัง?
    ปฎิบัติเพื่อออกจากทุกข์ หรือ เพื่อความหลุดพ้นกัน

    ปล.ขอให้พวกเราจงกำหนดชะตาชีวิตตนเอง หรือ กำหนดการไปของดวงจิต(จุติ)
    อย่าปล่อยไปตาม..ยถากรรมของตนเองเลย
    จริงอยู่..ไม่มีผู้ใดหลีกหนีกฎแห่งกรรมได้ แต่เราต้องเพียรพยายาม
    คือ หยุดกรรมไม่ดี สร้างแต่กรรมดี เพียงอย่างเดียว
    เพราะอนาคตจะดีหรือไม่นั้น ก็อยู่ที่กรรมปัจจุบัน เท่านั้น
    ว่าเราทำดีหรือไม่ดี
    แต่ทำบุญจะมาหักลบกลบหนี้บาปไม่ได้นะ
    มีแต่..ทำบุญ สร้างบารมี หนีกรรมที่ไม่ดี

    ภู..ปูธรรมะสบายๆ

     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 7 ธันวาคม 2012
  12. dutchanee

    dutchanee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    1,127
    ค่าพลัง:
    +12,745

    โมทนาสาธุกับจิตบุญ 116 และ 117
    และพระอาจารย์ชัชวาล
     
  13. อุษาวดี

    อุษาวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2012
    โพสต์:
    531
    ค่าพลัง:
    +12,151
    จิตก่อนตาย

    เรื่องจิตก่อนตายนั้น สำคัญมากหากเวลาดับจิต หากจิต"ดี" ก็ได้ไปที่ "ดีๆ"หากจิต “หมอง” จิต “ร้าย” ก็จะไปสู่ “อบายภพ” ที่ร้อนร้ายในทันใด ซึ่งจิตก่อนตายนี้ เป็นของไม่แน่นอน บังคับไม่ได้ แล้วแต่วาระหรือกรรมจะพาให้เป็นไป ด้วยเหตุนี้บางคน แม้เคยทำบุญมามากต่อมากแต่ตายไปกลับไปตกนรกทั้งนี้เป็นเพราะ"จิตหมอง"ก่อนตาย บางคน แม้จะทำบาปทำกรรมมามากมาย แต่ตายไป กลับไปอยู่บนสวรรค์ทั้งนี้เพราะเกิด"จิตใส"ตอนดับจิต กรณีทั้งสองแบบ ล้วนมีบันทึกไว้ในพระไตรปิฏกมาแล้วทั้งสิ้น

    แต่สำหรับคนที่เคย"ฝึกจิต"มาก่อนวินาทีที่รู้ตัวว่า อย่างไรเสียจะต้องตายหรือดับจิตลงไปแน่ๆหาก"ทำเป็น" ก็อาจพลิกจิตยกขึ้นสู่ภูมิสูง ไปสู่"สุคติ"หรือ"อริยะ" ไป "สุคติภพ"หรือ"อริยภูมิ" เลยก็ได้

    สำหรับวิธีตกกระไดพลอยกระโจน (สู่สุคติภพหรืออริยภูมิ)ของพระราชวุฒาจารย์หลวงปู่ดุลย์ อตุโล วัดบูรพาราม สุรินทร์ ก็คือ
    ปล่อยวางทั้งอดีต อนาคต และปัจจุบันอยู่กับความไม่มีไม่เป็น ว่าง สว่าง บริสุทธิ์ หยุดการปรุงแต่ง หยุดการแสวงหา หยุดกิริยาจิต ไม่มีอะไรเลยไม่ยึดถืออะไรสักอย่าง

    พระอริยเจ้ามีจิตไม่ส่งออกนอกจิตไม่หวั่นไหว จิตไม่กระเพื่อมมีสติอย่างสมบูรณ์เป็น วิหารธรรมมีสติอย่างสมบูรณ์ เป็นเครื่องอยู่วิธีทำหยุดคิด อย่าส่งจิตออกนอกมีสติอย่างสมบูรณ์เป็นเครื่องอยู่แต่เรื่องของการ"พลิกจิต" ช่วงสุดท้ายนี้ หลวงปู่ดุลย์ท่านว่าบุคคลนั้นๆต้องเคย"ฝึก"มาก่อน จึงจะทำได้จริง พอดี
    ธรรมะหลวงปู่ดุลย์ อตุโล
     
  14. อุษาวดี

    อุษาวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2012
    โพสต์:
    531
    ค่าพลัง:
    +12,151
    คำสอนสมเด็จองค์ปฐม

    ให้ระวังอารมณ์เซ็งไว้ให้ดี เพราะเป็นเหตุถ่วงอารมณ์ให้จิตหมอง ดูสาเหตุเซ็งเอาไว้ให้ดี ไม่มีคุณกับจิตเลย จงหมั่นชำระจิตให้ผ่องใส อย่าปล่อยให้จิตเศร้าหมองนาน หาสาเหตุให้พบ แล้วหมั่นแก้ที่ต้นเหตุ จิตจักได้เป็นสุข มีการปฏิบัติกรรมฐานดีขึ้น

    ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น
    รวบรวมโดย พล.ต.ท. นพ. สมศักดิ์ สืบสงวน
     
  15. mooda94

    mooda94 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    19
    ค่าพลัง:
    +299
    ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 7 คน
    ( เป็นสมาชิก 4 คน และ บุคคลทั่วไป 3 คน ) [ แนะนำเรื่องเด่น ]
    mooda94, เดือนห้า, rasa84000, fein

    หายไปไหนกันอ่ะ
     
  16. ธรรมมณี

    ธรรมมณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,044
    ค่าพลัง:
    +14,027
    สาธุ สาธุ สาธุ ขออนุโมทนาบุญกับจิตบุญน้องใหม่ดวงที่ 116&117 แล้วจ้าาา พร้อมทั้งครูผู้สอนคือท่านพระอาจารย์ชัชวาลย์ด้วยค่ะ สาธุ๊ สายท่านมาแรงแซงโค้งจริงๆ :cool:
     
  17. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    [​IMG]

    ยายบอกแย๊ววว ว่า...
    บนผืนโลกแห่งวัฎสงสารนี้ มันไม่เที่ยง มันไม่เที่ยงน่ะ ลูกหลานเอ๊ย!

    สงสัยลูกหลานจะเกิดไม่ทันยาย ตอนเมื่อยายยังเป็นฉาวๆ ยายน่ะสวยระดับมิสยูนิเวิร์สเชียวน๋า
    เอิ๊กกกๆๆ

    แต่มาบัดนาว!
    ยายก็ล่วงเลยมาจนป่านนี้แย๊ววว
    อีกไม่นาน ยายก็ต้องตกเป็นสมบัติของโลกแล้วนะ
    ไม่เหมือนครั้งก่อน
    ครั้งที่ยายยังเป็นสาวเอ๊าะๆ ก็เคยตกเป็นสมบัติของคุณตา
    แต่มาบัดนี้ คุณตาก็ไม่รอด ต้องตกเป็นสมบัติของโลกจนได้

    เห่อๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
    รีบไปนิพพานบนดินกันก่อน จะเหี่ยวๆๆๆๆๆ เหมือนยายกันนะลูกหลานเอ๊ย
    อย่าไปลืมตัวว่า..ข้าฯคือ สาวสองพันปี
    อันนั้นหนุ่มๆ มันยอเรา มันชมเรา มันจ้องจะฟั..เราเฉยๆนะลูกเอ๊ย!

    แหม๊! ยายยเหนื่อยจังเลย
    ยายขอนอนยาวก่อนนะ
    เห่อๆๆๆๆๆ​
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 7 ธันวาคม 2012
  18. Wittayapon

    Wittayapon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    1,075
    ค่าพลัง:
    +19,233
    โมทนาบุญกับ จิตบุญ๑๑๖ ๑๑๗ และครูผู้สอนด้วยครับ


    จบ.๑๑ เรือลำนี้จะไม่จม
     
  19. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    [​IMG]

    ความงามของธรรมชาติ มักจะมีอะไรบางอย่างแอบแฝงอยู่เสมอ
    เช่น ความน่ากลัว ความเจ็บปวด ความเงียบเหงา

    คนเราก็เหมือนกัน เห็นสวยๆ หล่อๆ เท่ๆ เนี๊ย! จงพึงระวังให้ดี
    โดยเฉพาะ ถ้าจิตผู้ใดตกไปในดงกิเลส เช่น ความรัก ความโกรธ ความโลภ ความหลง
    มันก็พร้อมที่จะออกมาทำร้ายกันและกันได้ทุกเมื่อ เช่น อกหัก เหงา ทำร้ายกายและใจกัน พบกันเพื่อจาก เป็นต้น
    และสิ่งเหล่านี้แหล่ะ ที่คนเรามักไม่อยากพบเจอ

    เพราะฉะนั้น บนผืนโลกแห่งวัฎสงสารนี้
    ล้วนแต่ไม่มีอะไรเที่ยงแท้แน่นอน มันเป็นทุกข์มากกว่าสุข และไปบังคับเอาตามแต่ใจเราก็ไม่ได้
    พอได้พบเจอกันแล้ว ก็หนีไม่พ้น คำว่า กรรม วิบากกรรม หรือ กฎแห่งกรรม
    เพราะฉะนั้นพวกเราที่หลงมาเกิดกันนี้ ก็อย่าไปสงสัยว่ากรรมของเรามีอะไรบ้าง
    ขอนึกแค่ว่า วันๆนึงมีแค่ ยี่สิบสี่ชั่วโมง เรามีอารมณ์ใดบ้าง หรือ มีอะไรมากระทบจิตเราบ้าง

    เห่อ มากมายก่ายกองนัก พวกเราอย่าหลงไปตามหามันนะ แต่ถ้าพบเจอก็ค่อยว่ากันอีกที

    แต่ตอนนี้ขอนำจิตตนเอง ไปฝากไว้ข้างบนพระนิพพานจะดีกว่าไหม๊?

    แต่ถ้าผู้ใดหลงนำจิตไปตั้งอยู่แต่กรรม โดยเฉพาะกรรมไม่ดี เผอิญเราตายตอนนี้ จะทำยังไง๊
    เพราะอย่าลืมนะว่า
    พอคนเราสิ้นลมหายใจแป๊บ จิตก็จะไปจุติแห่งใหม่ปั๊บ ยกเว้น ผู้หมดอายุขัยก่อน ก็ต้องรอพี่ยมมารับ
    ตายแล้วไปไหน...
    ก็ไปตามกรรมที่ครั้งเจ้ามีชีวิตอยู่นั่นไงเล่า!

    สำหรับผู้ยังพอมีลมหายใจที่เหลืออยู่
    ก็อย่ามัวหลงระเริงอยู่กับกิเลสกันนะ
    รีบๆตักตวง สะสมบุญ สะสมบารมีแห่งตนมากๆ
    เพราะนั่นจะหมายถึง ยานที่จะนำพาเรา(ดวงจิต)ไปภพภูมิที่ดีกว่า
    สำหรับผู้ที่ยังละเหล้า เบียร์ หรือสิ่งมึนเมา ตายไปก็ต้องไปดื่ม ไปเสพต่อเมืองนรกต่อนะ

    สตินะ..สติ
    ฌานนะ..ฌาน
    ปัญญานะ..ปัญญาญาณ


    สิ่งที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ ก็คือ บุญกุศลหรือบารมี ที่จะติดตามพวกเจ้าไปสู่ภพภูมิที่ดี
    แล้วพวกเจ้าจะไปหลงหาความสุขนอกจิตตนเองทำไม

    รู้ทั้งรู้
    พระพุทธเจ้า พระอริยเจ้า ท่านก็เฝ้าบอก เฝ้าเตือนพวกเจ้ากับพวกเจ้าทั้งหลายมายาวนาน
    แต่พวกเจ้า หลงไปใช้อายตนะผิดๆกัน สิ่งดีๆไม่รู้จะรับหรือน้อมนำมาปฎิบัติกัน
    ได้แก่
    พระธรรมหรือคำสั่งสอนของพระพุทธองค์ เจริญรอยตามอริยมรรค
    เป็นต้น​
     
  20. Wittayapon

    Wittayapon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    1,075
    ค่าพลัง:
    +19,233
    ที่มา ... ที่ไป

    แต่ละดวงจิตล้วนมีที่มา
    ภพชาติที่ผ่านมาล้วนเป็นสิ่งที่นำพาแต่ละดวงจิตมา ณ เวลาปัจจุบันนี้
    ไม่มีคำว่าบังเอิญ ไม่มีคำว่า มาอย่างไร ... ทุกสิ่งล้วนแล้วแต่เกิดจากผลจากการกระทำในอดีตทั้งสิ้น
    ไม่ว่าจะ กรรมดี หรือ กรรมชั่ว ...

    แต่เรามักจะลืมตัว หรือแกล้งลืมกันว่า ... ทำไมเหตุต่างๆไม่ว่าดีหรือร้ายต้องมาเกิดกับตัวเรานั้น ... จนเรามองว่าไม่มีอะไร ก้อชิน ก้อยู่ๆกันไป ก้อแค่นั้น

    แต่ถ้าเราทราบ เรารู้ แล้ว ... คงไม่มีผู้ใดคิดที่จะทำสิ่งที่ไม่ดี หรือ คิดที่จะจมอยู่ในกองทุกข์อีกต่อไปแม้เพียงสักเสี้ยววินาที

    ... เราเรียกขั้นต้นนี้ว่า เริ่มตื่นบ้างแล้ว เริ่มเห็นแล้วว่า ทุกข์ทั้งนั้น ทุกข์จริงๆ

    เมื่อตื่นแล้วจะทำอย่างไรให้พ้นทุกข์ละ ... คราวนี้ก้อขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลว่าจะเลือกทางใด ... บ้างก้อเลือกง่ายๆ ไม่สนใจอันใด ตายๆไปก้อจบ หมดทุกข์กันไป
    แต่ยังทราบนิว่า ที่ตายนะ แค่กายเท่านั้นนะ ที่คืนธรรมชาติเค้าไป
    แล้วดวงจิตของเราละ มันมิได้ตายไปด้วยนิ ...
    จิตยังคงต้องไปเวียนว่ายต่อไปในวัฏฏะ ...
    ทำดี ก้อไปดีหน่อย ...
    ทำชั่ว ก้อไปภพภูมิที่ไม่ดีไป ตามแต่ผลกรรมของแต่ละบุคคลไป

    แต่ไม่ว่าจะไปดี หรือ ไปไม่ดี ล้วนแล้วแต่ หนีไม่พ้นทุกข์ ...
    ทุกข์ จาก ทุกข์ ...
    ทุกข์ จาก สุข ...

    แล้วยังอยากจะไปเกิดกันอีกหรือ ...

    ดวงจิตเรามีที่มา ... ห้ามไม่ได้ เพราะส่งผลมาจากอดีต
    แต่ที่ไปนี่สิ ... เราเลือกได้ ว่าจะไปแบบใด ได้ทุกรูปแบบ จะเลวสุดขั้ว ลองดูสิ นรกมันจะเป็นแบบไหน เอาให้ลึกสุดๆเลย(สุดท้าย ก้อ ทุกข์ ... ไม่ควรยึด)
    หรือ จะดีสุดๆ .. อยากไปจัง เทวดา พรหม คงจะสุขน่าดู(สุดท้าย ก้อ ทุกข์ ... ไม่ควรยึด)

    ทางที่ควรไป พระพุทธองค์ท่านทำให้เราเห็นแล้ว ... แต่ทำไม จึงยังลังเล สงสัย
    จะรอทำไม
    สุขแท้ จากดวงจิตที่หลุดพ้น มิใช่ทางสายเอกที่ควรเดินหรือ

    จิตเรานี้ รอให้ท่านเลือกทางที่จะไป ... มิใช่ใครเลือกให้ท่านหรอกนะ
    ท่านเลือกเองทั้งนั้น ทำเองทั้งนั้น

    ลองนั่งทบทวนตนเอง และถามตนเองสิ ถึงเวลาหรือยังที่จะเลือกที่ไปให้ดวงจิตตนเอง


    จบ.๑๑ เรือลำนี้จะไม่จม
     

แชร์หน้านี้

Loading...