จิตพร้อม? รับภัยพิบัติ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย ภูภู, 6 เมษายน 2012.

  1. pporjai

    pporjai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    8,909
    ค่าพลัง:
    +16,491
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=Q3f12dQQcys]บ้านที่แท้จริง - YouTube[/ame]​
     
  2. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    47,304
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,046
    พระพุทธเจ้าองค์แรก

    พระพุทธเจ้าองค์แรกท่านใช้เวลาบำเพ็ญนานเท่าไหร่หลังจากมีโลกกำเนิดขึ้น
    ตอบ พระพุทธะองค์ ทรง ใช้เวลา 5,000 ปีนั่ง ประทับตรัสรู้อยู่ใต้ต้นไม้ 25 ต้น ๆ ละ 200 ปี เพราะพระองค์ไม่เคยสร้างพระบารมี และ ไม่เคยได้รับพุทธพยากรณ์ในศาสนาพระพุทธเจ้าพระองค์ใดพระองค์มาก่อนเลย
    และมีคัมภีร์ปฐมมูลรับรองพระนาม คือ " พระติกขะคัมมะสัมมาสัมพุทธเจ้า"
    ค้นคว้าได้ที่หอสมุดแห่งชาติ


    *********************************
     
  3. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    47,304
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,046
    พระพุทธเจ้า๑๑๖พระองค์

    1. พระสมันตประภาสตถาคต
    2. พระสรรววิทตถาคต
    3. พระสมันตวิศุทธตถาคต
    4. พระตามรวจันทนคันธตถาคต
    5. พระจันทนประภาสตถาคต
    6. พระมณีเกตุตถาคต
    7. พระนันทิครรภ์มณีรัตนกูฎตถาคต
    8. พระสรรวโลกสุขทรรศมหาวีรยตถาคต
    9. พระมณีธวัชทีปประภาสตถาคต
    10. พระชญาโลกประภาสตถาคต
    11. พระสาครศรีรัศมีประภาสตถาคต
    12. พระวัชรวัลษัฎฎประกาศสุวรรณตถาคต
    13. พระมหาการุณิกประภาตถาคต
    14. พระไมตรีพลราชาตถาคต
    15. พระไมตรีครรภ์ตถาคต
    16. พระจันทนคุหวยูหชัยตถาคต
    17. พระภัทรสุศิรสตถาคต
    18. พระสุมติตถาคต
    19. พระไวปุลยวยูหราชาตถาคต
    20. พระสุวรรณกุสุมราชาตถาคต
    21. พระรัตนฉัตรประภานีศวรพลราชาตถาคต
    22. พระอากาศรัตนปัทมประภาตถาคต
    23. พระไวฑูรยวยูหราชาตถาคต
    24. พระสมันตทฤษฏวรรณกายประภาสตถาคต
    25. พระอักโษภัยชญานประภาตถาคต
    26. พระสรวมารชิตราชาตถาคต
    27. พระปรัชญารัศมีประภาสตถาคต
    28. พระชญานปรัชญาศรีตถาคต
    29. พระไมตรีฤษิประภาสตถาคต
    30. พระสุนิรวาณจันทรโฆษวรสรวราชาตถาคต
    31. พระโลกวิศุทธประภาตถาคต
    32. พระนาโคตมราชาตถาคต
    33. พระสูรยจันทรประภาตถาคต
    34. พระสูรยจันทรมณีประภาตถาคต
    35. พระปรัชญาเกตชัยตถาคต
    36. พระสีหนาทีศวรพลราชาตถาคต
    37. พระสุโฆษศรีตถาคต
    38. พระนิตยประภาสวัชตถาคต
    39. พระอาโลกประทีปตถาคต
    40. พระชญานเตชประทีปราชาตถาคต
    41. พระธรรมชัยราชาตถาคต
    42. พระสุเมรุประภาตถาคต
    43. พระสุมนปุษปประภาตถาคต
    44. พระอุทุมพรวิชัยราชาตถาคต
    45. พระมหาชญานพลราชาตถาคต
    46. พระอักโษภัยนันทิประภาตถาคต
    47. พระอมิตโฆษสวรราชาตถาคต
    48. พระชญานประภาตถาคต
    49. พระสุวรรณสาครประภาตถาคต
    50. พระไศเลนทรสาครมตีศวรภิภุราชาตถาคต
    51. พระมหาภิภุประภาตถาคต
    52. พระสรรวธรรมนิตยปูรณราชาตถาคต
    53. พระศากยมุนีตถาคต
    54. พระวัชรครรภตถาคต
    55. พระรัตนารจิตถาคต
    56. พระนาเคศวรราชาตถาคต
    57. พระวีรเสนตถาคต
    58. พระวีรนันทินตถาคต
    59. พระรัตนาคนีตถาคต
    60. พระรัตนจันทรประภาตถาคต
    61. พระอโมฆทรรศินตถาคต
    62. พระรัตนจันทรตถาคต
    63. พระวิมลตถาคต
    64. พระนิรมลตถาคต
    65. พระสุรทัตตตถาคต
    66. พระพรหมทัตตตถาคต
    67. พระวรุณตถาคต
    68. พระวรุณเทวตถาคต
    69. พระภัทรศรีตถาคต
    70. พระจันทนศรีตถาคต
    71. พระอนันเตาชสตถาคต
    72. พระประภาสศรีตถาคต
    73. พระอโศกศรีตถาคต
    74. พระนารายณตถาคต
    75. พระกุสุมศรีตถาคต
    76. พระปัทมชโยติสตถาคต
    77. พระธนศรีตถาคต
    78. พระสมฤติศรีตถาคต
    79. พระปริกีรตินามศรีตถาคต
    80. พระอินทรเกตุธวัชตถาคต
    81. พระสุวิกรานตศรีตถาคต
    82. พระยุทธชัยตถาคต
    83. พระวิกรานตตถาคต
    84. พระสมันตาวภาสวยูหศรีตถาคต
    85. พระรัตนปัทมวิกรานตตถาคต
    86. พระรัตนปัทมสุสถิตสาลราชตถาคต
    87. พระธรรมธาตุครรภกายอมิตาภะตถาคต
    89. พระพุทธตัณหังกร
    90. พระพุทธเมธังกร
    91. พระพุทธสรณังกร
    92. พระพุทธทีปังกร
    93. พระพุทธโกณทัญญะ
    94. พระพุทธมังคละ
    95. พระพุทธสุมนะ
    96. พระพุทธเรวัตะ
    97. พระพุทธโสภิตะ
    98. พระพุทธอโนมทัสสี
    99. พระพุทธปทุม
    100. พระพุทธนารทะ
    101. พระพุทธปทุมุตระ
    102. พระพุทธสุเมธะ
    103. พระพุทธสุชาตะ
    104. พระพุทธปิยะทัสสี
    105. พระพุทธอรรถทัสสี
    106. พระพุทธธรรมทัสสี
    107. พระพุทธสิทธัตถะ
    108. พระพุทธติสสะ
    109. พระพุทธปุสสะ
    110. พระพุทธวิปัสสี
    111. พระพุทธสิขี
    112. พระพุทธเวสสภู
    113. พระพุทธกกุสนธะ
    114. พระพุทธโกนาคมน์
    115. พระพุทธกัสสปะ
    116. พระพุทธโคดม


    **********************************
     
  4. pporjai

    pporjai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    8,909
    ค่าพลัง:
    +16,491
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=x5eeAwq7skM]เรื่องการปล่อยวาง - YouTube[/ame]​
     
  5. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    พระคาถามงกุฎพระพุทธเจ้า
    [​IMG]
    เคล็ดในการใช้คาถา " มงกุฎพระพุทธเจ้า "​

    เนื่องจากตอนนี้ หลาย ๆ คนถูกรบกวนจากเจ้ากรรกนายเวรกัน มีหลายรูปแบบ
    ซึ่งก็ปรากฏว่า ได้ใช้คาถาบทนี้กัน โดยอัตโนมัติ และ ได้ผลครับ

    คาถามีอยู่ว่า . . .

    " อิติปิโส วิเสเสอิ อิเสเส พุทธนาเมอิ อิเมนา พุทธตังโสอิอิโสตัง พุทธปิติอิ "
    ว่า 3 จบ 9 จบ สำหรับอานิสงค์ของคาถานี้เป็น คาถาครอบจักรวาล เรานำไปใช้ในทางกุศลได้
    ทุก ๆ เรื่อง โดยมีประวัติ ของการใช้คาถานี้มายาวนาน ส่วนใหญ่ในราชสำนัก แม้ พระบาทสมเด็จ
    พระจุลจอมเกล้า รัชกาลที่ 5 ท่านก็ทรงพระคาถานี้เป็นประจำมีที่ปรากฏเป็นปาฏิหาริย์ ก็ครั้งที่
    ถูกทูตต่างประเทศนำม้าเทศตัวใหญ่แต่เป็นม้าพยศ มาท้าให้ท่านทรงพระองค์ท่านได้ใช้พระคาถานี้
    เสกหญ้าให้ม้ากินก่อนม้าตัวนั้นก็กลับเชื่องให้พระองค์ทรงม้า แต่โดยดีเรื่องนี้ทำให้รัชกาลที่ 6

    ผู้ทรงสร้างพระบรมรูปทรงม้าถวายเสด็จพ่อของท่าน
    ได้ทรงแฝงนัยยะแห่งกฤษดาอภินิหารนี้เพื่อเทิดทูนพระคุณท่านเอาไว้

    คราวนี้เรามาดูว่าเคล็ดในการว่าคาถาบทนี้กัน

    หลักในการว่าคาถาให้มีความศักดิ์สิทธิ์นั้น มีพื้นฐานจาก " จิต " เป็นสำคัญ หากจิตมีสมาธิสูง
    ตั้งมั่นคาถาก็ยิ่งทรงความศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นระหว่างที่ว่าคาถาให้ จับลมหายใจสบายพร้อม ๆ กับ
    การภาวนาคาถาบทนี้ เป็นขั้นที่ 1 ระดับสูงกว่านี้ ในสมัยกรุงศรีอยุธยา ท่านใช้คาถาบทนี้
    โดยมีนิมิต กำกับคาถา โดยทรงพุทธนิมิต ไว้ดังนี้ โดยตั้งกำลังใจว่าเรา ขอกราบอาธารณาบารมี
    พระพุทธเจ้าเสด็จประทับเหนือเศียรเกล้าของข้าพเจ้าเพื่อ.......ปกปักรักษาคุ้มครองข้าพเจ้าด้วยเทอญ

    จากนั้นทำตามได้เลยครับ

    " อิติปิโส วิเสเสอิ อิเสเสพุทธนาเมอิ อิเมนา พุทธตังโสอิ อิโสตังพุทธปิติอิ "
    เมื่อว่าคาถาจบ คาบที่ 1 ก็กำหนดอาราธณาพุทธนิมิต
    อยู่เบื้องหน้าของศีรษะของเรา และ ทรงพุทธนิมิตนี้เอาไว้

    " อิติปิโส วิเสเสอิ อิเสเส พุทธนาเมอิอิเมนา พุทธตังโสอิ อิโสตัง พุทธปิติอิ "
    ว่าคาถาจบที่ 2 ก็กำหนดพุทธนิมิตอีกพระองค์หนึ่ง อยู่เบื้องขวา
    ของศีรษะของเรา และ ทรงพุทธนิมิตทั้งหมดเอาไว้
    " อิติปิโส วิเสเสอิ อิเสเสพุทธนาเมอิ อิเมนา พุทธตังโสอิ อิโสตังพุทธปิติอิ "
    ว่าคาถาจบที่ 3 ก็กำหนดพุทธนิมิตอีกพระองค์ อยู่ด้านหลังของศีรษะเรา และ ทรงพุทธนิมิตเอาไว้

    " อิติปิโสวิเสเสอิ อิเสเส พุทธนาเมอิ อิเมนา พุทธตังโสอิ อิโสตังพุทธปิติอิ "
    ว่าคาถาจบที่ 4 ก็กำหนดพุทธนิมิตอีกพระองค์ อยู่ด้านซ้าย และ ทรงพุทธนิมิตเอาไว้

    " อิติปิโส วิเสเสอิ อิเสเสพุทธนาเมอิ อิเมนา พุทธตังโสอิ อิโสตังพุทธปิติอิ " ว่าคาถาจบที่ 5 ก็กำหนด
    พุทธนิมิตอีกพระองค์อยู่ด้านตะวันออกเฉียงเหนือของศีรษะของเรา และ ทรงพุทธนิมิตเอาไว้

    " อิงติปิโสวิเสเสอิ อิเสเส พุทธนาเมอิ อิเมนา พุทธตังโสอิ อิโสตังพุทธปิติอิ " ว่าคาถาจบที่ 6 ก็กำหนด
    พุทธนิมิตอีกพระองค์ อยู่ด้านตะวันออกเฉียงใต้ของศีรษะของเรา และ ทรงพุทธนิมิตเอาไว้

    " อิติปิโส วิเสเสอิ อิเสเส พุทธนาเมอิ อิเมนาพุทธตังโสอิ อิโสตัง พุทธปิติอิ " ว่าคาถาจบที่ 7 ก็กำหนด
    พุทธนิมิตอีกพระองค์ อยู่ด้านตะวันตกเฉียงใต้ของศีรษะของเรา และ ทรงพุทธนิมิตเอาไว้

    " อิติปิโส วิเสเสอิ อิเสเส พุทธนาเมอิ อิเมนาพุทธตังโสอิ อิโสตัง พุทธปิติอิ " ว่าคาถาจบที่ 8 ก็กำหนด
    พุทธนิมิตอีกพระองค์ อยู่ด้านตะวันตกเฉียงเหนือของศีรษะของเรา และ ทรงพุทธนิมิต
    เอาไว้ทั้ง 8 พระองค์เรียงวนรอบศีรษะของเรา

    " อิติปิโส วิเสเสอิ อิเสเสพุทธนาเมอิ อิเมนา พุทธตังโสอิ อิโสตังพุทธปิติอิ "ว่าคาถาจบที่ 9กำหนด
    พุทธนิมิตพระพุทธเจ้าองค์ใหญ่เสด็จประทับกึ่งกลางศีรษะเป็นยอดมงกุฎเปล่งประกายพรึก
    ทุกๆพระองค์เป็น มงกุฎเพชรพระพุทธเจ้าทั้งเก้าพระองค์บนเศียรเกล้าของเรา


    เมื่อทำได้แล้วจะเข้าใจได้ทันทีว่าคาถานี้ทำไมจึงมีชื่อว่า คาถามงกุฎพระพุทธเจ้า และ ให้ทรง
    มงกุฎพระพุทธเจ้านี้เอาไว้ตลอดเวลาเป็นการทรงอารมณ์ในพุทธานุสตกรรมฐาน
    คืนเดียวเห็นผลมีความก้าวหน้ามาเล่าให้เพื่อนๆท่านอื่นฟังด้วยครับ​

     
  6. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 14 คน ( เป็นสมาชิก 3 คน และ บุคคลทั่วไป 11 คน ) [ แนะนำเรื่องเด่น ]
    ภูทยานฌาน2, Natcha@uk

    @CoffeeMate
     
  7. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=6Rg4SG3x-lg]อวยพรวันเกิด - YouTube[/ame]​
    สุขสันต์วันเกิดเด้อครูละเอียด
    ขอให้ครูใหญ่แห่งบ้านจิตเกาะพระ จงสุขกาย สบายใจ และเจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปด้วยเทอญ

    ด้วยรักและผูกพัน
    ภู..ภูทยานฌาน ตัวแทนจิตบุญและทุกๆท่าน ณ ที่นี้ด้วย​
     
  8. pporjai

    pporjai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    8,909
    ค่าพลัง:
    +16,491
    [​IMG]

    ขอให้ครูเพ็ญ..มีความสุข..สดชื่น..
    สวยวัน สวยคืน..เป็นขวัญใจศิษย์ ๆ ทั้งหลาย ๆ..ตลอดไปนะคะ..


    คุณครูไหวใจร้าย แต่ปรารถนาดีต่อศิษย์ทุก ๆ คนค่ะ..รัก ๆ นะคะ..
     
  9. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    47,304
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,046
    ******************************
    กราบคุณครูเพ็ญcatt1 ขอให้ท่านเป็นมิ่งขวัญของพวกเราไปอีกนานเท่านานค่ะHBDs;aa2;aa53catt4catt2:z11
     
  10. UncleGee

    UncleGee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2012
    โพสต์:
    4,086
    ค่าพลัง:
    +10,246
    *.*
    สุขสันต์วันเกิด คุณครูเพ็ญ ครับ
     
  11. ลูกพลัง

    ลูกพลัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    413
    ค่าพลัง:
    +8,932
           เมื่อพระพุทธเจ้า...แสดงธรรมแก่ภิกษุทั้งหลาย แล้วตรัสถามพระสารีบุตรว่าเชื่อหรือไม่ว่าบุคคลผู้มีศรัทธามากย่อมหยั่งถึงอมตธรรมได้ พระสารีบุตรกล่าวว่า
    "ไม่เชื่อ เพราะศรัทธาหากไม่สดับ ไม่เห็น ไม่ทราบ ไม่ทําให้แจ้งด้วยปัญญา บุคคลใดเชื่อด้วยศรัทธาเพียงอย่างเดียวก็อาจเชื่อคนเหล่าอื่นมีเดียรถีย์เป็นต้น ก็ด้วยศรัทธาเป็นประการเดียวได้เช่นเดียวกัน"
    ภิกษุทั้งหลายโจษกันว่าพระสารีบุตรอวดดีแข่งพระพุทธเจ้า เป็นมิจฉาทิฏฐิ พระพุทธเจ้าทรงทราบความแล้วจึงตรัสภาษิตว่า...

    ผู้ไม่เชื่อใครง่ายจนกว่า...
    จะพิสูจน์ด้วยตนเอง ๑
    ผู้รู้แจ้งพระนิพพาน ๑
    ผู้หมดการเวียนว่ายตายเกิด ๑
    ผู้หมดโอกาสที่จะทำดีหรือชั่ว ๑
    ผู้หมดกิเลสที่ทำให้หวัง ๑
    ห้าประเภทนี้แลเรียกว่า “ยอดคน”


    ขอให้ทุกๆท่านเจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปด้วยเทอญ.. สาธุสวัสดี
     
  12. เ่ต่าโบราณ

    เ่ต่าโบราณ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2010
    โพสต์:
    713
    ค่าพลัง:
    +3,624
    เปิดมาเจอว่าเป็นวันเกิด ครูเพ็ญ ขอพรพระ...ให้ประทานพรแด่ ครูเพ็ญนะคะ หนูไม่บังอาจอวยพร ส่งความปรารถนาดีอย่างเดียวค่ะ
     
  13. อุษาวดี

    อุษาวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2012
    โพสต์:
    531
    ค่าพลัง:
    +12,151
    "...อย่าพากันขี้เกียจขี้คร้าน
    การทำบุญให้ทาน เป็นทางก้าวเดินเพื่อความพ้นทุกข์
    การรักษาศีล การภาวนา ให้พากันอบรมจิตใจ
    ถ้าจะปล่อยให้แต่กิเลสตัณหามันขยี้ขยำนี้ก็ไม่มีวันดี
    คืนไหนแหละที่จะพ้นทุกข์ไปได้....."

    หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
     
  14. อุษาวดี

    อุษาวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2012
    โพสต์:
    531
    ค่าพลัง:
    +12,151
    โลกทั้งโลกไม่มีอะไรสุข มีแต่ทุกข์ นี่คืออริยสัจ

    สมเด็จองค์ปฐม ทรงพระเมตตาตรัสสอนเรื่องนี้ไว้ มีความสำคัญดังนี้

    ๑. พิจารณาไปเถิด วงจรชีวิตของบุคคลทั่วไป จักเห็นทุกสิ่งทุกอย่างไม่เที่ยง โลกทั้งโลกไม่มีอะไรสุข มีแต่ความทุกข์เป็นที่รับรอง นี่คืออริยสัจ เห็นธรรมภายนอก แล้วจงน้อมเข้ามาถึงธรรมภายใน แม้จักวางจิตให้คลายจากการเกาะติดอกุศลกรรม ยังไม่ได้สนิทเลยทีเดียว ก็จักเข้าใจในกฎของกรรมของเการกระทำทั้งความดีและความชั่ว

    ๒. การพิจารณาจักมีเหตุ มีผลให้เห็นกฎของกรรม ก็จักเป็นปัจจัยให้เกิดเบื่อหน่ายการมีร่างกายได้เช่นกัน และเข้าใจในกรรมใครกรรมมันได้ชัดเจนจนลงตัวธรรมดา หรือเข้าหาอริจสัจหรือกฎของกรรมได้ดีขึ้น แต่จักให้ดียิ่งขึ้นไปอีก ก็พึงศึกษากฎของกรรมของตนเองเป็นดีที่สุด เช่นสัทธรรม ๕, โลกธรรม ๘ เป็นต้น

    ๓. หากศึกษากรรมของตนจนเป็นที่เข้าใจ จิตจักมีหิริโอตตัปปะสูงขึ้น ละอายและเกรงกลัวผลของกรรมชั่ว จักไม่กล้ากระทำกรรมทั้ง ๓ ประการ คือ มโนกรรม-วจีกรรม-กายกรรมสืบต่อไป อีกทั้งทำให้พรหมวิหาร๔ ทรงตัว

    ๔. เมื่อเข้าใจกฎของกรรม ก็จักเมตตา-กรุณา รักและสงสารจิตของเราที่โง่มานานแล้ว เพราะตกอยู่ภายใต้อกุศลกรรม ทำให้ต้องมาเกิดมีร่างกายให้พบกับกฎของกรรมอยู่ทุกวันนี้ ความรักและสงสารนี้ หากมีกำลังให้ตนเองทรงตัวแล้ว ก็จักเผื่อแผ่ไปยังบุคคลอื่นด้วย ยิ่งเห็นใครทำชั่วมากขึ้นเท่าใด ก็ยิ่งสงสารมากขึ้นเท่านั้น เพราะจิตมีเมตตา กรุณา เห็นโทษเห็นทุกข์อันจักเบียดเบียนแก่ผู้กระทำกรรมนั้นในที่สุดสำหรับตัวมุทิตาก็มีกำลังมากขึ้น เพราะจิตระงับกรรมที่เป็นอกุศลได้ คือ โกรธ-โลภ-หลง จิตจึงสงบเยือกเย็น ตัวมุทิตาที่มีในจิตตนย่อมแผ่ไปถึงผู้อื่นด้วย จิตมีแต่ความหวังดี ความหวังร้ายหมดไป เพราะเห็นกฎของกรรม เห็นอริยสัจ เห็นเป็นธรรมดาไปหมด ในที่สุดอุเบกขา เห็นกรรมใครกรรมมันว่า กรรมนั้นไม่ผูกพันหรือผูกพันกับเรา จิตมีปัญญาเป็นผู้รู้ จักเห็นกฎของกรรมได้เด่นชัดมาก

    ๕. คำว่า ผู้รู้ มิได้หมายถึง มีแต่เฉพาะพระตถาคตเจ้าทั้งหลายเท่านั้น ที่ตรัสนี้รวมไปถึงพระปัจเจกพุทธเจ้า และพระอรหันต์ผู้รู้ตามพระพุทธเจ้าด้วย อุเบกขาขั้นสูง มีกำลังสูง เป็น สังขารุเบกขาญาณ จึงเผื่อแผ่ไปถึงผู้อื่นที่ประสบกฎของกรรมที่เขากระทำนั้นๆ ผู้รู้ในขั้นสูงนี้ ย่อมไม่ฝืนกฎของกรรม และจักรู้ว่าควรสงเคราะห์หรือไม่ควร มีประโยชน์หรือไม่มีประโยชน์กับการสงเคราะห์นั้น ๆ

    ๖. การประพฤติปฏิบัติในพรหมวิหาร๔ ของท่านผู้รู้ ย่อมไม่เสียเปล่า เพราะท่านรู้แจ้งในกฎของกรรม และอริยสัจนั่นเอง คือ เห็นโลกทั้งโลก ชีวิตทุกชีวิตหนีกฎของกรรมไปไม่พ้น ใครทำดีได้ดี ใครทำชั่วได้ชั่ว ไม่มีเปลี่ยนแปลงเป็นอื่นไปได้เลย

    ๗. ถ้าเข้าใจธรรมในธรรมเหล่านี้ จิตจักเคารพในกฎของกรรม สามารถเข้าใจและพิจารณาให้เข้ากับพระธรรมคำสั่งสอนได้อย่างดี จักเห็นผลของการละเมิดพระธรรมวินัย หรือศีล ๕, กรรมบถ ๑๐ ชัดขึ้น ๆ จนหมดความสงสัยในเรื่องของกฎของกรรมว่าเที่ยงเสมอและให้ผลไม่ผิดตัวด้วย เพราะจิตมันกลัวบาปเสียอย่างเดียว (หิริ - โอตตัปปะหรือ เทวธรรม มีกำลังสูง) จักหยุดกรรมทั้ง ๓ ประการได้หมด หากทำได้อำนาจของอริยสัจก็เต็มกำลังเข้าถึงใจ ปัญญาขั้นสูงก็พิจารณาทุกข์ได้จนถึงที่สุด

    ๘. สำหรับพวกเจ้า ย่อมยังมีอารมณ์เผลออยู่บ้างเป็นธรรมดา เพราะหากไม่เผลอเลยเจ้าก็เป็นพระอรหันต์ จึงมิใช่ของแปลกเมื่อเผลอ แต่จงอย่าละความเพียรเสียอย่างเดียว หมายถึงในทางที่ถูก อย่าเพียรทำกรรมชั่ว ให้เพียรละกรรมชั่ว โดยมีศีล-สมาธิ-ปัญญาเป็นบรรทัดฐาน และที่ไม่ได้ผลเพราะบารมี ๑๐ ไม่ทรงตัว พรหมวิหาร ๔ ก็ไม่ทรงตัว อิทธิบาท ๔ หย่อนยาน จิตไปเกาะกรรมที่ร่างกายต้องประสบมากไป รวมทั้งไม่วางกรรมของผู้อื่นที่เข้ามากระทบด้วย จึงเท่ากับไม่ยอมรับกฎของกรรม และอริยสัจอย่างจริงใจ นี่ก็เป็นอุปสรรคของการปฏิบัติธรรมของพวกเจ้าจุดใหญ่

    ๙. หากอยากเป็นคนฉลาด ก็จงอย่าทิ้งอริยสัจ หรือกฎของกรรม จักได้เป็นผู้รู้เต็มกำลัง คือ จบกิจในชาติปัจจุบัน ถ้าอยากเป็นคนโง่ ก็จงคิดสะเปะสะปะ เกาะโน่น คว้านี่ ไม่ปล่อยวางกรรม ก็จงอยู่เกิดอยู่ตายกันต่อไป ดังนั้น เวลาจักพูดถึงกฎของกรรม หรืออริยสัจ ๔ ในระดับนี้ จักต้องเลือกผู้ฟัง และจักต้องรู้ถึงภูมิฐานของการปฏิบัติธรรมของผู้นั้นด้วย จักเสียเวลาเปล่า จงอย่าลืมการวัดกำลังจิตของบุคคล จักต้องใช้หลักตัดสังโยชน์ ๑๐ เป็นหลักสำคัญ การเข้าถึงมรรคผลมี ๘ ระดับ คือมรรค ๔ ผล ๔ อย่าพูดโดยการเหวี่ยงแหคลุมเอา เพราะจักไม่ได้ปลาเลย ต้องเห็นระดับจิตของผู้ฟังหรือคู่สนทนาก่อน คือ เห็นตัวปลาก่อน จึงจักเหวี่ยงแหลงไป

    ๑๐. ถ้าจิตเราสงบมากเท่าใด คือ อย่าให้อุปาทานครอบงำจิต มีศีล - สมาธิ - ปัญญาแจ่มใสระงับนิวรณ์ ๕ ได้ดี เห็นภาพพระแจ่มใส ขอบารมีพระพุทธองค์คุมจิตในขณะนั้น ให้จิตใสเหมือนกระจกเงา ภาพอะไรผ่านมาจักเห็นได้ชัด การขอบารมีพระคลุมจิตอยู่นั้น การสนทนาธรรมก็จักมีผลดี และจงอย่าตำหนิกรรมของผู้ที่เข้ามาร่วมสนทนา เมื่อทราบระดับจิตของผู้นั้นแล้ว จงพิจารณาว่านี่เป็นธรรมดาของเขา ตำหนิกรรมเข้าเมื่อใด อุปาทานจักเกิดขึ้นเมื่อนั้น อคติจักเกิดขึ้นในจิตเราเอง เป็นการไม่เคารพกฎของกรรม ไม่เคารพอริยสัจ คำว่า อคติไม่เอียงซ้าย - ไม่เอียงขวา คือ ราคะกับปฏิฆะ หากทำได้จิตจักสงบในขณะสนทนาธรรม ไม่หวั่นไหวในธรรม มีความมั่นคงในธรรม คือ ยอมรับกฎของกรรม หรือธรรมในธรรมของแต่ละบุคคล ยอมรับธรรมในธรรมของตนเอง จึงจักได้ชื่อว่าเป็นการปฏิบัติในมัชฌิมาปฏิปทา

    ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น รวบรวมโดย พล.ต.ท. นพ. สมศักดิ์ สืบสงวน
     
  15. ลูกพลัง

    ลูกพลัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    413
    ค่าพลัง:
    +8,932
    รู้วาระจิต
    พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

    เทศน์เช้า วันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๔๐
    ณ วัดสันติธรรมาราม ต.คลองตาคต อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

     
    เดี๋ยวจะหาว่าเราไปละลาบละล้วง..... การระลึกชาติได้ระลึกได้ทั้งนั้นแหละ จิตพระอรหันต์เป็นจิตที่อ่อนควรแก่การงาน สิ่งใดๆ จะทำนี่ทำได้ทั้งหมดเลย เพียงแต่จะทำหรือไม่ทำเท่านั้น เห็นไหม ในการทำงานไง อย่างการเข้าสมาบัติ การเหาะเหินเดินฟ้า มันเหมือนกับเราทำงานหาเงินกันมา แล้วพอเรามีเงินมากแล้ว เรามีคนใช้เต็มบ้านเลย เราใช้คนอื่นทำงานแทน เราจะไม่ไปทำให้เหนื่อยหรอก

    ใครจะไปอาบเหงื่อต่างน้ำอีก ในเมื่อเราเคยอาบเหงื่อต่างน้ำมาแล้ว อาบเหงื่อต่างน้ำมาจนมีเงินในบ้านของตัวเองมหาศาลเลย พอมีมหาศาลจะใช้คนอื่นทำงานแทน ตัวเองไม่ต้องไปทำไง อาบเหงื่อต่างน้ำ คือฌานสมาบัติเข้าไปนี่เพื่อจะไปรู้ตรงนั้นไง การลงไปรู้มันต้องเข้าฌานสมาบัติ แต่เรื่องของแม่มันเป็นเรื่องของสายสัมพันธ์ สายกรรม ไม่ต้องเข้าสมาบัติ พอจิตสงบรู้เลย

    เรื่องระลึกชาติ เรื่องความรู้ต่างๆ นะเป็นอภิญญา ๖ หูทิพย์ ตาทิพย์ ปรมัตถวิชา รู้วาระจิต รู้ได้หมด แต่ความรู้นี้ไม่ได้แก้กิเลสเลย ไร้สาระ! ไม่มีความหมาย ไม่ตื่นเต้นเลย.. โลกตื่นเต้นกันไง นี่ความเห็นมันต่างกันตรงนี้ เราไม่ตื่นเต้นๆ เปล่านะ เรากลับเห็นเป็นโทษของนักปฏิบัติด้วย การจะมาวัดนี้ มาถึงเขื่อน มาถึงปากทาง รถจอดอยู่นั่นน่ะ คิดว่ามาถึงวัดนี้แล้ว มาถึงประตูน้ำไง แล้วก็เล่น ประตูน้ำมันดี ที่นี่นะน้ำมันไหลผ่านมันเย็นเนาะ ทิวทัศน์มันสวยงาม แหม.. มาถึงประตูน้ำมีต้นไม้ลมเย็นนอนเล่นกันอยู่นั่น มาถึงวัดเราไหม?

    การวิปัสสนาไป การทำไปจะเห็นทุกคน นิมิตเอย อะไรเกิดขึ้นมันเป็นสิ่งที่เป็นโทษกับนักปฏิบัติอย่างมหาศาลเลย เรากลับเห็นโทษนะ เราไม่เคยเห็นคุณของเรื่องนี้เลย เว้นไว้แต่ผู้ที่ชำระกิเลสแล้วเป็นคุณ แต่ผู้ที่ไม่ชำระกิเลสอย่ามาโม้ อย่าโม้ การเห็นความยึดทุกอย่างมันเห็นแล้วมีรสชาติ ติดไปหมด ดีก็ติด ชั่วก็ติด ความเห็นก็ติด เราเห็น เรารู้ เราเก่ง ติดหมด ความเป็นเราเข้าไปยึดมั่นเป็นโทษกับการปฏิบัติ ถึงบอกว่ามันเป็นดอกไม้ข้างทางไง มันเป็นผลข้างเคียงของการปฏิบัติไง

    การปฏิบัติคือการชำระกิเลส การกินอาหารนี่เรากินเพื่อร่างกายใช่ไหม? กินเพื่อร่างกาย กินเพื่อชีวิตอยู่รอดใช่ไหม? ทีนี้คนเขาจะกินกัน เขาจะกินรสชาติอร่อยๆ นั่นล่ะติดอย่างนั้นแหละเหมือนกันเลย เรากินอาหารเพื่อจะให้ร่างกายเราแข็งแรง เพื่อเราอยู่รอด ดำรงชีวิตอยู่ แต่ต้องไปกินปลาซาบะ ต้องไปกินกุ้งมังกรตัวหนึ่ง ๕ แสน ตัวหนึ่ง ๕ ล้านอย่างนั้นน่ะ เห็นไหม

    เหมือนกัน กินอาหารก็เพื่อวิปัสสนาให้หมดกิเลส การหมดกิเลส เยี่ยม เยี่ยมที่สุดคือการกินอาหาร แต่คนติดในรสชาติไง ติดในความมุ่งหมายไง ติดในนิมิตไง ติดในการระลึกรู้ไง อันนี้เป็นโทษ แต่มันเป็นคุณสำหรับผู้ที่ผ่านแล้ว อันนี้มันเป็นการดักวาระจิตไง เป็นการสั่งสอนไง มันจะเป็นคุณต่อเมื่อผู้นั้นเป็นครูอาจารย์ แล้วเอาเรื่องนี้มาสอนลูกศิษย์ มาดักหน้าลูกศิษย์

    อันนี้จะเป็นคุณประโยชน์ ประโยชน์ในเมื่อใช้มันเป็นวิธีการไง แต่เป็นวิธีการการสอนคน ไม่ได้สอนตัวเองนี่นา เป็นบ่อเกิด เป็นการขุดหลุมพรางให้ตัวเองหลงทางไง ฉะนั้น เราถึงมองคุณค่าอย่างนี้ไง เวลาเพื่อนเอ็งพูด พวกเอ็งตื่นเต้นกัน เห็นไหม เราเห็นแล้ว เพราะเราสลด สลดตรงไหน? สลดที่พระหลงตรงนี้กันมามาก ตรงนี้คือบ่อหลุมดำที่ทำให้การปฏิบัติไม่เดินไปไง

    เหมือนกับนั่งสมาธิไปแล้วนั่งหลับไง การนั่งหลับนั้นเป็นบ่อให้จิตตกตรงนั้นตลอด มันถึงได้สลดไง อาจารย์พูดนี่ซึ้งจริงๆ ที่อาจารย์พูดเพราะอาจารย์ปฏิบัติมา เวลาธรรมเกิดนะ ตามหลักในศาสนาเป็นอย่างนั้นจริง หลวงปู่มั่นอยู่ในป่า สมเด็จฯ ถามว่า

    “หลวงปู่มั่นอยู่ในป่าไปฟังครูบาอาจารย์มาจากไหน? อยู่ในป่าใครมาสอน”

    “ผมอยู่ในป่าผมฟังธรรมตลอด ธรรมจะเกิดตลอดเลย ผมฟังธรรมตลอดเวลา”

    นี่มันก็เรื่องจริง เห็นไหม ธรรมมันเกิด แล้วในตำราก็เรื่องจริง ธรรมมันเกิด เรานั่งสมาธิอยู่นี่เราจะเกิดเลย สมมุติว่าเราสงสัยเรื่องขันธ์ ๕ พอจิตสงบปั๊บจะมีครูบาอาจารย์ หรือว่าเป็นรูปของธรรมรูปใดรูปหนึ่งจะมาสั่งสอนเลย ขันธ์ ๕ เป็นอย่างนั้น ขันธ์ ๕ เป็นอย่างนี้ จะสอนตลอด เราสงสัยอยู่มันจะระเบิดเลย ออกเลย จะออกมาเลยนะ ความรู้อันนี้จะออกมา นี่ธรรมมันเกิด แต่อาจารย์มหาบัวบอกว่า “กิเลสมันเกิด” ค้านกับพระไตรปิฎกไหม? ค้าน

    พระไตรปิฎกบอกว่า “ธรรมมันเกิด” อาจารย์มหาบัวบอกว่า “กิเลสมันเกิด” แล้วสำหรับเรานะ ครับ กิเลสมันเกิด เพราะมันรู้แล้วมันเก่ง เพราะฉันรู้ แหม.. เมื่อคืนนี้ธรรมมันเกิดอย่างนั้นๆ เกิด ฉันนี่เก่ง ฉันนี่ใหญ่ กิเลสเกิดไหม? ภาวนาต่อไปไหม? ติดตรงนั้นอีกหลายเดือน กว่าจะเลาะตรงนี้ออก นี่นักปฏิบัติ

    ถูกต้อง ธรรมมันเกิดจริงๆ แต่เกิดให้กิเลสมันรู้ แล้วกิเลสมันยึดไง แต่ธรรมมันเกิดตามสภาวะ แต่ความยึดมั่นถือมั่นของกิเลสที่มันไปเกาะเข้าเลยเป็นกิเลส จริงๆ อันนั้นเป็นธรรม แต่ความไม่รู้ไปเกาะก็เลยเป็นกิเลส มาเชื่อตัวเองซะ.. ถ้าธรรมมันเกิด จริง ธรรมมันเกิด เราก็ว่าธรรมมันเกิด แล้วเวลาอาจารย์มหาบัวบอกกิเลสมันเกิด ก็จริงอีกแหละ เพราะกิเลสมันเป็นอย่างนั้นจริงๆ

    มึงลองไปรู้อะไรเข้าสิ นั่งไปสิ ลองรู้เข้าสิ คุยอีก ๕ ปีไม่จบ คุยแล้วคุยเล่า คุยอยู่นั่นแหละว่ากูรู้ กูเก่ง ไม่เดินไปไหนเลย แล้วมันรู้อะไร? รู้เรื่องอดีตชาติ รู้เมื่อ ๕ ปีที่แล้ว ป่านนี้ยังคุยอยู่นะ ยังโม้อยู่นะ กูจะตายอยู่แล้วยังโม้อยู่นี่ อู๋ย.. ผมเคยได้อันนั้นครับ ผมเคยได้อันนี้ครับ ทั้งๆ ที่มันจะตายอยู่แล้ว มันยังโม้อยู่นั่นแหละ โม้อดีตไง กิเลสเกิดไหม?

    เวลากิเลสเกิด นี่วุฒิภาวะของใจ คำพูดของคนๆ หนึ่ง คนอื่นตีความไม่ออก พออาจารย์มาบอกว่ากิเลสมันเกิด แหม.. มันถูกใจ ไอ้ชาวบ้านว่า อู๋ย.. ธรรมมันเกิด อยากจะรู้ว่าธรรมมันเกิด นี่จะชักเข้ามาตรงนี้ ตรงที่ว่าคนนั้นรู้อันนี้ คนนี้รู้อันนี้ สำหรับเรานะลิเก ละคร ไม่สนใจเลย

    กาฬเทวิลอยู่บนพรหม เวลาพระพุทธเจ้าเกิด.. นี่อยู่ในพระไตรปิฎก กาฬเทวิลลงมาจากพรหมนะมาดู เพราะว่าเทวดาส่งกันขึ้นไปว่าพระพุทธเจ้าเกิด อยากมาดู มาเห็นหน้าแล้วร้องไห้ ทั้งดีใจ ทั้งร้องไห้ไง แล้วตามประวัตินี่ระลึกชาติได้ ๔๐ ชาติ ระลึกอดีต อนาคตได้ ๔๐ ชาติ ระลึกชาติได้ ๘๐ ชาติ เห็นไหม แล้วทำไมร้องไห้ล่ะ?

    ร้องไห้เพราะเขาเป็นพราหมณ์ไง เขาเรียนมนต์เวทย์ไง เขารู้ว่าลักษณะ ๓๒ เป็นอย่างไร นี่พระพุทธเจ้าแน่นอนเลย อู้ฮู.. ดีใจมากเลย แล้วก็ร้องไห้ เป็นเพื่อนกับพระเจ้าสุทโธทนะ พระเจ้าสุทโธทนะถามเลย “ดีใจเพราะอะไร?”

    นี่พระพุทธเจ้าเกิดแล้ว เพราะนี่โอ้โฮ.. มีฌานสมาบัตินะ ไปนอนอยู่บนพรหมก็ยังได้ นี่เป็นมนุษย์นะ ระลึกชาติได้หมดเลย แต่ชำระกิเลสไม่ได้ ไม่รู้วิธีการ กายนี้ขนาดเหาะได้ ระลึกชาติได้หมดตลอดเลย แต่ทำอะไรไม่ได้ นี่ดีใจมากเลยจะมีคนมาสอน

    “แล้วที่ร้องไห้ล่ะ?”

    “ก็ผมต้องตายก่อน”

    องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้นี่ตายแล้ว นี่เพิ่งเกิด กว่าจะออกปฏิบัติ กว่าจะรู้ กว่าจะมาเป็นพระพุทธเจ้า กาฬเทวิลนี่จะตายอยู่แล้ว ขนาดรู้วันตายของตัวด้วย เก่งไหมวันตายของตัว รู้วันตายของตัวแล้วร้องไห้ด้วย นับประสากับไอ้ขี้หมาพวกนี้ ไร้สาระ!

    โยม : (เสียงไม่ชัดเจน)

    วันนี้วันปีใหม่ เริ่มต้นปีใหม่ปี ๔๑ นะ ปีที่แล้วสิ้นปีไปปี ๔๐ เมื่อวานมีคนมาหาหลายคนว่าขอพรๆ ว่าให้อายุ วัณโณ สุขัง พลังนั้นล่ะ ให้พร ให้พรไป นี่ก็มาขอพร เพราะมันไม่ไหวไง เพราะว่าพอขอพรนี่เพื่อจะไปแบบว่าความเป็นธุรกิจ ไอ้พวกความเป็นอยู่ไง

    อันนั้นมันเป็นปัจจัยส่วนหนึ่งนะ มันเป็นที่ว่าพระพุทธเจ้าสอนปัจจัย ๔ ไง ปัจจัยเครื่องอยู่อาศัย เห็นไหม มันเป็นเครื่องอยู่อาศัย แม้แต่ทุกๆ คนต้องยอมรับ ในโลกนี้เศรษฐกิจมันจะเจริญขนาดไหน มันก็ต้องมีขาขึ้นและขาลง มันเป็นสิ่งอาศัยไง มันมีขาขึ้นและขาลง เห็นไหม เวลามันขาลง ทีนี้ลงหมดเลยขาลง เวลาขาขึ้นเพราะมันไม่คงที่ไง สิ่งที่ไม่คงที่คือสิ่งที่พึ่งไม่ได้ เราไปหาสิ่งที่พึ่งไม่ได้ว่าเป็นที่พึ่ง เป็นเครื่องอาศัยไม่ใช่ที่พึ่ง

    ปีกลาย ปีที่ผ่านพ้นไปมันปี ๔๐ ใช่ไหม? แล้วเราเป็นชาวพุทธ เราก็ว่าอริยสัจไง ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค เห็นไหม มรรค ๔ โสดาปัตติมรรค สกิทาคามิมรรค อนาคามิมรรค อรหัตตมรรค แล้วก็ ๔๐ ไง ๔ อย่างเราได้ ๐ ไง ปีนี้ปี ๔๑ อริยสัจเราได้ซัก ๑ ไหม? ปี ๔๑ กับปี ๔๐ ปี ๔๐ เรามีอริยสัจ ๔ แต่เราได้ ๐ มรรค ๔ เราก็ได้ ๐ อันนี้ปี ๔๑ เราจะได้ ๑ ไหม?

    นี่ให้พร ให้พรอย่างนี้เลยนะ พุทโธ พุทโธ พุทโธไง พุทโธพอจิตสงบมันว่างจากกิเลสชั่วคราวไง มันจะมีความสุขต่างกับที่ว่าปัจจัย ๔ เราที่ว่าโลกเสื่อมๆ ธุรกิจแย่ลงๆ นี้มันเป็นขาลง ทุกคนยอมรับว่าเป็นขาลง ทีนี้เวลาขาขึ้น มองมาเทียบกันแล้วมันเป็นสิ่งอาศัย มันไม่ใช่สิ่งที่พึ่ง ขนาดทุกคนยอมรับว่ามันเจริญแล้วต้องเสื่อม เห็นไหม ทุกคนยอมรับว่าเจริญแล้วต้องเสื่อม เวลามันเสื่อมนี่ยอมรับว่าเสื่อม แต่ก็เจ็บปวดทุกข์ร้อนกับมัน

    แต่ไอ้สิ่งสมบัติที่ควรจะเป็นสิ่งที่พึ่งจริงสิ เห็นไหม เวลาไปหาอาจารย์ อาจารย์จะบอกเลย “ฝากอย่างเดียวฝากพุทโธ..” ฝากพุทโธ พูดถึงพุทโธมันสะเทือนถึงพระพุทธเจ้าทุกองค์ พุทโธมันอยู่ที่ใจไง ใจของเรานี่พุทธะอยู่ที่ใจ ผู้รู้อยู่ที่ใจ ใจเป็นตัวรู้ไง ตัวเข้าใจไง ไอ้ตัวพุทธะตัวนี้ตัวสำคัญ ฉะนั้นเอาตรงนี้ มีความสุขไง ถึงบอกว่า ๔๑, ๔๐ ไง

    จะกลับก่อนเนาะ เออ.. มีธุระจำเป็น ไป
     
  16. หนุนทอง

    หนุนทอง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    22
    ค่าพลัง:
    +51
    สุขสันต์วันเกิดค่ะครูเพ็ญขอให้มีความสุขกายสุขใจมีความสำเร็จทั้งทางโลกและทางธรรมยิ่ง ๆขึ้นไปนะคะ
     
  17. NOKMAM

    NOKMAM เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    300
    ค่าพลัง:
    +6,157
    สวัสดีค่ะ คุณพี่พอใจ สบายดีนะเจ้า ;aa41
     
  18. NOKMAM

    NOKMAM เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    300
    ค่าพลัง:
    +6,157
    [​IMG]
     
  19. NOKMAM

    NOKMAM เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    300
    ค่าพลัง:
    +6,157
    [​IMG]
     
  20. NOKMAM

    NOKMAM เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    300
    ค่าพลัง:
    +6,157
    สุขสันต์วันเกิดค่ะ พี่เพ็ญHBDs;43jaah


    [​IMG]
     

แชร์หน้านี้

Loading...