จิตพร้อม? รับภัยพิบัติ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย ภูภู, 6 เมษายน 2012.

  1. Wittayapon

    Wittayapon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    1,075
    ค่าพลัง:
    +19,233
    ทุกข์แท้ สุขแท้ ...

    เราคงเคยพูดคุยกันนะว่า ทำไมคนนี้ถึงไม่อยากพ้นทุกขืสะที จมอยู่ได้ ทั้งๆที่มีคนคอยบอก คอยกล่าว คอยสอนมากมาย ... เหมือนที่พี่ภูกล่าวไว้ว่า หมูไม่กลัวน้ำร้อน

    คนเรานี่ก้อแปลก ถ้ายังไม่ถึงทุกข์ที่สุดหรือ ไม่มีสิ่งใดที่ทำให้เราคิดว่าเราอยู่ไม่ได้แล้วนั่นแหละ ถึงจะมองหาทางไป

    ผู้ที่พอมีสติบ้าง หรือ มีทางที่ดีอยู่ ก้อจะเริ่มมองหาธรรม หาทางให้ใจคลายทุกข์ อาจจะเริ่มจากการทำบุญอย่างหยาบ ทำบุญ ปล่อยนก ปล่อยปลา เข้าวัด รดน้ำมนต์ หาหลวงปู่ หลวงพ่อเก่งๆ ก้อตามแต่จะไปกัน ...
    นี่คือจุดเริ่มของการเดินเข้าสู่ธรรมที่ละเอียดขึ้น
    เราจะนำของหยาบไปเรียนรู้ของละเอียดเลยนั้น ทำไม่ได้หรอกครับ เปรียบไปก้อนำเด็กอนุบาลไปสอบเรียนต่อดอกเตอร์ ... มีใจแต่ปัญญาไม่ถึงก้อไม่ยังไม่สามารถ

    หลายคนมัวแต่เหนียมอาย เนื่องด้วยยังมีอัตตาอยู่เต็มเปี่ยม อายเหลือเกิน กลัวคนเค้าจะรู้แล้วเย้ยหยัน กลัวหน้าตา ฐานะทางสังคม(จอมปลอม)ที่ยึดอยู่มันเสื่อมเสีย ก้อเลยยอมทนอยู่อย่างนั้น แก้กันไปเหมือนลิงแก้แห ... แก้ไปแก้มาก้อพันจนรอบตัว ไม่ไปเป็นสะแล้ว น่าเวทนายิ่งนัก

    หลายคนขาดสติ เอาแบบง่ายๆ ไม่ต้องอะไรมาก ตายแล้วก้อจบกัน มันจะยากอะไร จบๆชีวิตมันไป เริ่มใหม่ ไปตายเอาชาติหน้า ชาตินี้พอแล้ว ไม่ไหวแล้ว ชาติหน้าขอวัดดวงใหม่ ยอมรับสภาพ ... อันนี้ยิ่งน่าเวทนายิ่งนัก

    ตราบใดที่เรายังไม่เจอทุกข์แท้ อันที่จะทำให้เราเกิดจุดเปลี่ยนได้ น้อยคนนักที่จะหันหน้าเข้าหาธรรม

    แต่หลายคนก้อเริ่มหลง หลังจากหันหน้าเข้าหาธรรมแล้ว ... พอเริ่มดีขึ้นก้อลืมตัว ขาดสติ ลืมตนไปว่า เราต้องมาหาธรรมนั้นเพื่อสิ่งใด พอเริ่มตั่งไข่ได้ ก้อกลับไปหลงใหม่ มองหาทุกข์อันใหม่ ทุกข์ของผู้ที่ตายังไม่สว่างนั้น น่ากลัวน้อยกว่า ทุกข์ของผู้ที่เดินทางธรรมมากนัก ทุกข์ตัวนี้มีทั้ง ทุกข์จากทุกข์ ทุกข์จากสุข ทุกข์จากกรรม

    ผู้ที่กำลังเดินทางสายมรคอยู่นั้น ไม่ใช่ว่าจะหลงไม่ได้นะ หลงได้ และหลงง่ายด้วย ถ้าไม่มีหลักให้ยึด มีความเสี่ยงสูงจริงๆ ... ต้องระวังให้ดี

    สติต้องอย่าทิ้ง สมาธิ(ฌาน)อย่าให้ขาด

    ถ้าท่านยังประมาทละทิ้งสิ่งใดสิ่งหนึ่ง(สติ/สมาธิ) นั่นแลหะหนทางที่ก้าวพลาด เริ่มแล้วนะ

    เมื่อเดินมาแล้ว ต้องหมั่นทบทวนหลักชัยในจิตของท่านดีๆว่าจะทำสิ่งใด จำให้ดีนะ ...
    ไม่อยากมีทุกข์อีกแล้วใช่ไหม ไม่อยากกลับมาเกิดเพื่ออยู่กับกองทุกข์อีกใช่ไหม ... จำได้นะ

    หมั่นทบทวนตนเอง และทำๆๆๆ ตามทางที่ตถาคตท่านได้สอนไว้แล้ว ศีล สมาธิ ปัญญา เท่านั้น ที่จะทำให้ดวงจิตเจ้าพ้นจากทุกข์ มาพบ สุขแท้

    ทุกข์แท้ เกิดจากจิตเรา
    สุขแท้ ก้อเกิดจากจิตเราเช่นกัน
    รู้แล้วว่าเหตุอยู่ที่ใด แล้วจะไปดับที่อื่นทำไม ดับทุกข์ในจิตเรานี่แหละ ... พอแล้ว


    จบ.๑๑ เรือลำนี้จะไม่จม
     
  2. Wittayapon

    Wittayapon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    1,075
    ค่าพลัง:
    +19,233
    เหนื่อยเปล่า เพราะเขลาปัญญา

    หลายคนที่วิ่งหนีทุกข์ หรือวิ่งหาทางดับทุกข์(เยอะจริงๆนะ) ผิดวิธี
    เป็นการวิ่งไปข้างนอก วัดดังๆ บทสวดดีๆ น้ำมนต์ขลังๆ หลวงพ่อดังๆ พระเครื่องดีๆ
    สถานที่วิเวก สงบๆ ปราศจากผู้คน

    ท่านคงไปกันมาหมดแล้วสินะ ... แล้วเป็นอย่างไร ทุกข์มันหายไหม มันหายถาวรหรือไม่ ท่านคงตอบตนเองได้ดี ...ผมก้อเคยเป็น เคยหลง เคยวิ่งแทบตาย เพื่อหาทางคลายทุกข์ เสียเวลาไปนาน กับของภายนอก

    วิ่งไปเถอะ วิ่งจนเหนื่อยแทบตาย สุดท้ายก้อไม่จบ .... ผมพูดได้เพราะผมเป็นมาแล้ว ไม่อยากให้ทุกท่านเขลาปัญญาเช่นผม

    จิตนั้น เมื่อมีสิ่งกระทบ จิตจะวิ่งไปจับสิ่งนั้นแล้วยึดไว้ ... เป็นความเคยชินที่จิตมันทำมานานมาก มันหลงทางมานานมาก จนคิดว่าเป็นสิ่งปกติ เป็นความเคยชินมานานมากๆ

    ทำไมเราถึงต้องวิปัสสนา ...
    ทำไมพระพุทธองค์ถึงให้เดินแค่ ... ศีล สมาธิ ปัญญา

    ลองพิจารณาดีๆสิ พระพุทธองค์ท่านให้ทำที่ใด ...
    ศีล ... ใครเป็นคนทำ เราใช่ไหม มีใครทำให้เราได้ไหม คนที่ต้องรักษาศีลคือเรา มิใช่ วัดดังๆ หลวงพ่อดีๆ หาใช่ไม่ เราคือผู้รักษาศีล มิใช่สิ่งภายนอก
    สมาธิ ... ใครเป็นคนทำสมาธิ ก่อดวงจิตเราอีกนั่นแหละ มิใช่ใครเลยจะทำให้เราเกิดสมาธิได้ มิใช่สิ่งของที่ซื้อหาได้ ต้องเกิดจากจิตของเราเองทั้งนั้น ครูมิสามารถนั่งสมาธิแทนศิษย์ได้ ครูมิสามารถเกาะพระแทนท่านได้ พระเครื่องดีๆไม่สามารถทำให้จิตเกิดสมาธิเองได้ สมาธิมิได้เกิดจากการคนอื่น สิ่งอื่น เกิดจากจิตที่นิ่ง ไม่สอดส่าย
    ปัญญา ... มิได้นำพามาด้วยน้ำมนต์ หรือสถานที่สงบ ไม่มีผู้คน ปัญญามิได้มาจากการนึกคิด มิได้มาจากภูมิปัญญาทางโลก มิได้มาจากการใช้สมองสั่งการ ... แต่ปัญญาที่จะนำพาท่านให้แจ้งนั้น มาจากจิตที่เกิดปัญญาเท่านั้น จิตของเราเท่านั้นจะต้องมีปัญาเอง มิใช่ให้ครูมาสอนแล้วบอกข้อสอบ แล้วท่านตอบได้แบบนกแก้ว นกขุนทอง ... จิตที่จะเกิดปัญญา ก้อมาจาก จิตที่ทรงฌาน จนเกิดวิปัสสนาญาน จนเกิดปัญญาญาน ... เขียนเหมือนง่าย แต่จะทำได้ถ้าท่านเอาจริง

    หยุด ... วิ่งไปข้างนอก เลิกเขลาเหมือนผมสมัยก่อนได้แล้ว
    ข้างนอกนั้น ได้แค่ชั่วคราว ไม่ถาวร ได้แค่เปลือกเท่านั้น จะเอาไปทำไม เหนื่อยเปล่า

    เริ่ม ... ศึกษาตนเอง พัฒนาตนเอง ตามแนวทางแห่งมรรค ศีล สมาธิ ปัญญา
    ผู้ที่อยู่กับตนเอง ศึกษาตนเอง พิจารณาตนเอง นั่นแหละของถาวรที่ควรจะทำ
    ไม่ต้องอาศัยสถานที่ เวลา หรือบุคคลใด ทำได้ทุกที่ ทุกเวลา ทุกสภาวะ

    วันนี้ขอให้ทำแบบไม่ต้องเหนื่อยเปล่านะ ทำแบบถูกวิธีกัน มันจะได้จบ พบทางสว่าง


    จบ.๑๑ เรือลำนี้จะไม่จม
     
  3. Wittayapon

    Wittayapon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    1,075
    ค่าพลัง:
    +19,233
    กรรม

    ทำไมท่่านถึงต้องมาเกิด ... ก้อเพราะกรรมไง มาชดใช้กรรมไงครับ
    แล้วทำไม ถึงไม่ยอมรับกรรมกัน

    ทุกวาระกรรมนั้น เกิดมาจากตัวท่านเอง ทั้งกรรมจากอดีตและปัจจุบัน(กรรมใหม่อย่าไปก่อนะ ของเก่าก้อมากพอแล้วหละ ไม่เหนื่อยมั่งรึ)

    ไม่ว่าจิตบุญ หรือ จิตบำเพ็ญ จิตเกาะพระ หรือบุคคลทั่วๆไป แล้วแล้วแต่ต้องชดใช้กรรมของตนเองทั้งนั้น ...

    นี่ไง จิตบุญถึงต้องมาจัดการเศษกรรมของแต่ละท่านกันไป มิใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด
    เพราะถ้าเราไม่มีกรรมใดๆ เราคงไม่ต้องมาเกิดแล้ว หมดเวร หมดกรรมกันไปแล้ว

    สิ่งใดเกิด ก้อต้องเกิดและจัดการกันไป ด้วยปัญญา ... มิใช่ อวิชชา
    ต้องน้อมรับ และจัดการ ... มิใช่วิ่งหนี หรือเบือนหน้าหนี(กรรมมิได้หาย แต่เราแกล้งไม่สนใจ)

    ทำกันแบบง่ายๆ Simple Simple ไม่ต้องปรุงให้มันซับซ้อน
    ไม่ต้องโหยหา ให้ผู้ใดมาช่วยเรา ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน อย่าไปหวังให้สิ่งอื่นสิ่งใดมาช่วย เราทำเอง แล้วใยจะไม่จัดการเอง (ถ้ามีคนช่วยก้อโชคดีไป แต่อย่าเหลิงนะ เราไม่ได้โชคดีแบบนี้เสมอไปนะ)

    การจัดการ เราต้องใช้ปัญญา มิใช่พละกำลัง หรือเงินทอง
    อันปัญญามาแต่ใด ก้อมาจากจิตของเรานั่นแหละ

    ถ้าไม่แก้ด้วยปัญญา เชื่อผมเถอะ ไม่มีวันจบจริงๆแน่ๆ
    แก้ทีก้อแก้ให้ขาดนะ อย่าทำแบบขอไปที อย่าแก้ปัญหาแบบวัวพันหลัก ...

    เจ็บ ... แต่ จบ
    สงบ ... ก้อไม่เจ็บ
    สติ ... มิไว้ใช้งาน จงใช้งาน อย่าทำให้เสียของ

    ศีล สมาธิ จะเป็นบาตรฐานให้ท่านๆ ก้าวผ่านทุกวาระกรรมได้ เชื่อเราสิ

    เอาง่ายๆนะ เจอก้อ แก้ แค่นั้นพอ ... อย่าทำสิ่งใดยาก ไม่ใช่ทางที่ควรทำ

    สมาธิ(ปัญญา) + สติ ... จะนำพาท่านไปสู่ทางออก


    ขอให้ค้นดู มิใช่เพิกเฉย ... ยิ่งสูง ยิ่งต้องดู โดยเฉพาะผู้ที่จะทำงานให้ท่านพ่อ ...

    ขอให้ทุกท่านผ่านไปได้ด้วยปัญญา ... ผมขอส่งผลบุญบารมีของผมที่มีทั้งหมดทั้งมวลให้ทุกท่าน ขอให้ก้าวผ่านวาระกรรมแห่งตนไปได้นะครับ


    จบ.๑๑ เรือลำนี้จะไม่จม
     
  4. Wittayapon

    Wittayapon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    1,075
    ค่าพลัง:
    +19,233
    ไม่เกิดประโยชน์

    ท่านทั้งหลาย ถึงท่านจะอ่าน หรือ ฟัง ผมหรือ ผอ.พี่ภู หรือ ครูจิตบุญ ทุกๆวัน ด้วยความดื่มด่ำ ก้อหาประโยชน์อันใดไม่ ตราบเท่าที่ท่านยังไม่เริ่มปฎิบัติ

    อย่าทำตัวเป็นกูรูทางตัวหนังสือ
    อย่าทำตัวเป็นผู้ทรงภูมิจากการอ่าน การฟัง ... มันมิได้ทำให้ท่านพ้นทุกข์ได้หรอกนะครับ

    อ่านเพื่อเอาแก่น ... แล้วเน้นปฎิบัติ
    อ่านเพื่อคลายข้อสงสัย ... มิใช่อ่านแล้วมาเพิ่มความสงสัย
    อ่านเพื่อให้เริ่มทำ ... มิใช่อ่านแล้วอยากเป็นแบบเขา

    ใช้เวลากับตัวเองให้มากที่สุดนะ เราไม่รู้ว่าเราจะหมดลมกันเมื่อใด
    อ่านจนหมดลม แล้วต้องกลับมาเกิดใหม่ ... เอาอีกมั๊ยยยยย

    อ่านแต่พอดี ฟังแต่พองาม เพื่อให้เกิดกำลังใจ ได้หลัก ได้แก่น เอาไปเป็นหลักชัยในการเดิน

    ทำให้ถึงที่สุด เคยได้ฟังมั้ย พระพุทธเจ้าก่อนที่จะประทับใต้ต้นโพธิ์เพื่อเข้าสมาธิก่อนตรัสรู้ ท่านตั้งจิตว่า จะนั่งจนกว่าจะตรัสรู้ธรรม จิตใจท่านแน่วแน่ ตั้งใจจริง แม้ตายก้อยอม ...

    แล้วเราอยากได้แบบท่าน แต่ไม่ทำจริง แล้วจะหวังผลเลิศได้หรือ

    อ่านล้านคำคม ไม่เท่าหนึ่งครั้งที่ทำ
    ร้อยอาจารย์ดี มิเท่าเจ้าทำจริง

    เล็งผลเลิศ แต่มิได้ทำแบบมอบกาย ถวายชีวิต ... ย่อมไม่มีทาง
    เจ้าปลูกมะม่วง ก้อจะได้มะม่วง
    เจ้าพรวนดิน เจ้ารดน้ำ ดูแลรักษา ... มะม่วงนั้นก้อจะงอกงามตามที่เจ้าทำ

    แต่ถ้าเจ้าไม่ทำ มะม่วงจะงามและออกผลให้เจ้าได้ฉันใด


    จบ.๑๑ เรือลำนี้จะไม่จม
     
  5. Wittayapon

    Wittayapon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    1,075
    ค่าพลัง:
    +19,233
    ใครทิ้งใคร ...

    ผู้ปฎิบัติดี ปฎิบัติชอบทั้งหลาย
    เคยคิดไหม ... ทำไมเราผ่านมาหลายครู

    ครูทิ้งเรา หรือ เราทิ้งครู หรือ ทั้งคู่

    ครูก้อคือครูนะ ศิษย์มี แม้เพียงหนึ่งคน ก้อต้องสอน ไม่สามารถละทิ้งศิษย์ไปได้ รับเค้ามาแล้ว จะมาทิ้งขว้าง มันไม่ควร

    ตั้งแต่สมัยเด็กๆแล้วสินะ มีแต่ข่าว นักเรียนหนีเรียน โดดเรียน ไปเที่ยว ไปเดินห้าง ไปแทงสนุ้ก ไปดูหนังกับแฟน มากมาย หลายรูปแบบ
    เคยได้ยินไหม ครูโดดเรียน ถ้าไม่เป็นไม่ตายจริงๆ ไม่มีที่จะโดด(ครูที่มีจริยธรรมประจำใจนะ)

    ยิ่งครูทางธรรมแล้ว ยิ่งไม่มีทางนั้น เพราะครูจริงๆ มิใช่บุคคล แต่คือแก่นธรรม ที่ครุนำมาบอกต่อและแนะนำให้พวกท่านๆ
    พระพุทธองค์ได้ตรัสก่อนดับขันธ์แล้วว่า แม้เราดับขันธ์ปรินิพพานไป แต่ยังธรรมที่ยังอยู่

    ธรรมะ ไม่เคยหนีไปไหน ยังคงอยู่
    มีเพียงเราที่เอาไม่จริง ละวางก่อน
    จิตไม่สู้ เราไม่เอาจริง จึงละวาง หลีกหนีไป

    สิ่งนั้นอยู่ในจิตในใจของท่านๆนั่นแหละนะ
    มิได้อยู่ไกลเลย ... แล้วจะหนีไปไหนอีกละ
    ผ่านมาแล้วกี่ครูลองนับกันสิ แล้วทำไมยังต้องวิ่งหาครูใหม่กัน

    ใจยังสงบ ยังไม่นิ่ง อีกร้อยครูก้อไม่พอสำหรับเจ้า ...

    มีแต่เจ้านั่นแหละที่พ่ายแพ้กิเลส สิ่งยึดติดของเจ้า แล้วละเลิกไป จากทางแห่งธรรม
    แล้ววิ่งไปหาที่ใหม่

    สิ่งที่ครูสอน นั้นไม่มีต่างกันเลยนะ ศีล สมาธิ ปัญญา เหมือนกันหมด
    เพียงแต่เจ้าเอาจิตเอาใจเข้ามาศึกษา มาทำจริงๆ เดินตามแนวนี้ไม่ผิดแน่
    แต่เอาจริงกันหรือเปล่า ถามตนเองดูนะ

    ครูเป็นเพียงคน วันนึงก้อต้องคืนร่างนี้ให้โลกไป
    มีแต่ธรรมเท่านั้นที่ยังคงอยู่ เพื่อให้เราเดินทางหาให้พบเจอ

    อย่ายึดครู ให้ยึดธรรม


    จบ.๑๑ เรือลำนี้จะไม่จม
     
  6. Wittayapon

    Wittayapon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    1,075
    ค่าพลัง:
    +19,233
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=NjOGhfnBaQ4][MV] โรงเรียนของหนู - พงษ์สิทธิ์ คำภีร์ - YouTube[/ame]

    ขอมอบให้ครูจิตบุญ และผู้เรียนทุกท่าน


    จบ.๑๑ เรือลำนี้จะไม่จม
     
  7. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    ขอโมทนาสาธุๆสักล้านครั้ง
    พี่ภูหายเหนื่อยเลย ถึงผมตายก็คุ้มแล้ว
    มีคนมาเทศน์แทนผมแล้ว
    นับตั้งแต่จิตของครูวิทย์ยก ไม่ถึง10เดือนนะ จิตของท่านไปไกลมากขนาดนี้เชียวเร๊อะ!
    จิตเกาะพระพัฒนาจิตมนุษย์ได้ถึงเพียงนี้เชียวหรือ แทบไม่น่าเชื่อ
    คุณวิทย์ไม่ทำให้ผมผิดหวังจริงๆ ปลาบปลื้มจิตแทนเจ้าของดวงจิตจริงๆ
    นับตั้งแต่จิตคุณวิทย์เป็นพระ(จิตเข้าถึงพุทธะ) จิตเขาจะมีความละเอียดมาก
     
  8. Wittayapon

    Wittayapon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    1,075
    ค่าพลัง:
    +19,233
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=TZjCymk763o]วังน้ำวน (2535) - YouTube[/ame]

    วังวนแห่งรัก ... วังวนแห่งทุกข์
    จงมองทุกข์ให้เป็นธรรมดา
    บุคคลที่จะมองทุกข์เป็นธรรมดา ต้องเข้าใจทุกข์
    บุคคลที่จะเข้าใจทุกข์ ต้องมีปัญญา
    บุคคลที่จะมีปัญญาต้องทรงสมาธิ
    บุคคลที่จะมีสมาธิ ต้องรักษาศีล

    เข้าใจทุกข์ เข้าใจสุข ก้อเห็นธรรม ... ย่อมละวาง
    อย่าพยายามใช้สมองคิดให้เข้าใจ เพราะไม่มีวันเข้าใจ
    จงทำให้ดวงจิตเข้าใจ และเข้าถึงธรรม ... นั่นแหละถึงจะเข้าใจธรรม


    จบ.๑๑ เรือลำนี้จะไม่จม
     
  9. Wittayapon

    Wittayapon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    1,075
    ค่าพลัง:
    +19,233
    ผู้ที่เห็นความเลวของตนเอง ... มิใช่คนเลว
    ผู้ที่ไม่เห็นหรือพิจารณาความเลวของตนเอง ... คือ คนที่ ...(ส่วนมากจะต่อว่าโคตรเลว) แต่ผมจะเขียนว่า คนหลง
    ผู้ที่มองความเลวของผู้อื่นเป็นอารมณ์ ... นี่แหละ โคตรหลง

    ไม่มีคนดี ไม่มีคนเลว
    มีแต่สิ่งที่แจ้ง และยังไม่แจ้ง

    อยากแจ้งหรือยังอยากหลง(ไม่แจ้ง)

    ทางแจ้ง เราบอกไว้แล้ว คือ การวิปัสสนา หาทางแจ้งจากธรรม
    ทางไม่แจ้ง ง่ายนิดเดียว ... ไปคลุกกับกอลกิเลสแป้บเดียว สบายตัวเลย เห็นผลทันใจ ได้ทันตาเห็น
    ทางดีทำยาก(จริงๆง่ายนะ) เพราะฝืนกิเลส
    ทางมืดทำง่าย เพราะตามใจกิเลส


    ตกลงตอบตัวเองได้ยังว่าจะเอาทางไหน ... ตอบได้แล้วก้อลุยเลยนะ ผมจะพาไป(ทางแจ้งเท่านั้น)

    ส่วนทางอื่น ไปโบกป้ายหน้า เรือลำนี้ไม่รับครับ ขออภัยในความไม่สะดวก 5555


    จบ.๑๑ เรือลำนี้จะไม่จม
     
  10. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 70 คน ( เป็นสมาชิก 13 คน และ บุคคลทั่วไป 57 คน ) [ แนะนำเรื่องเด่น ]
    ภูทยานฌาน2, ตะกั่วป่า, จ่าติ๊ก, Dhammanee, อัญญะมณี, babooo, กรรมบท 10, Wittayapon, lovepeace, Ar_Porn, suwipha satraphai, watjojoj

    ตราบใดพวกเรายังอยู่ในโลกสังสารวัฎ
    เพราะฉะนั้น พวกเรากำลังอยู่ในโลกแห่งความไม่เที่ยง
    และคนที่หลงเป็นทุกข์กันอยู่นั้น ก็เพราะว่า เราเอาจิตไปยึดติดกับสิ่งต่างๆ

    ถามว่าเวลามีทุกข์อยู่น่ะ รู้ไหม? (รู้)
    แต่ถามว่าเรากำลังยึดติดอยู่น่ะ รู้ไหม? (ไม่รู้)
    เพราะในขณะที่จิตไปยึดติดอยู่นั้น เราไม่รู้ตัว
    แต่พอมารู้สึกตัวว่า เป็นทุกข์ไปแล้ว

    เพราะอะไร?
    ก็เพราะว่า ปกติจิตของคนเราไม่นิ่ง จึงตามไม่ทันกิเลสตนเอง
    แต่ที่ผู้ปฎิบัติธรรมทั่วไป ก็เพื่อที่จะทำให้จิตของคนเรานิ่ง
    เพราะถ้าจิตคนเรานิ่งแล้ว จะมีสติปัญญา
    แต่ถ้าสติปัญญาผู้ใดมาก ก็จะสามารถตามเท่าทันการเกิดของกิเลสทัน
    หรือ อินทรีย์ ๕ แก่กล้ามากหรือน้อยเพียงไร
    แต่ถ้าเรา(จิต)ตามรู้เท่าทันกิเลสแล้ว ต่อไปจิตเราจึงจะมองเห็นการเกิด-ดับของจิต
    เมื่อเรามองเห็นการเกิดและดับของจิตในทุกขณะจิตนั้น
    ต่อไปเราก็เห็นทุกสิ่งเป็นธรรมดา หรือ อนัตตา หรือ ความว่าง
    ไปตามความละเอียดของจิตตนเอง
    ต่อไปเราก็จะเป็นฝ่ายดูกิเลส หรือ ดูสิ่งที่มากระทบจิต
    เมื่อผู้ปฎิบัติ ฝึกฝนจนมีอินทรีย์แก่กล้า จิตก็จะนิ่ง+เฉย+รู้= ไม่ทุกข์
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 27 พฤศจิกายน 2012
  11. ไผ่มรกต

    ไผ่มรกต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    248
    ค่าพลัง:
    +1,896
    สมาธิ
    ด้านสมาธิก็ฝึกซ้อมไว้เป็นปกติ เวลาฝึกซ้อมไม่ต้องไปนั่งหลับตา หลับตามันไม่เก่ง ลืมตาอยู่อย่างนี้แหละให้จิตมันทรงสมาธิ ลืมตาอยู่อย่างนี้แหละให้จิตมันทรงตัวยอมรับนับถือกฎของธรรมดา และความเป็นจริง เห็นอะไรเข้าตายหมด เห็นคนคนตาย เห็นสัตว์สัตว์ตาย เห็นวัตถุ วัตถุธาตุพัง แล้วก็นึกถึงว่าเราจะต้องตายเหมือนกัน นี่ต้องถอยหน้า ถอยหลัง จะก้าวไปแต่ข้างหน้าแล้วไม่เหลียวหลัง ท่านทั้งหลายที่ระงับความวุ่นวายของจิตไม่ได้นั่นน่ะ เขาเรียกว่า สีลัพพตปรามาส เป็นผู้ลูบคลำในศิล จิตตปรามาส ลูบคลำใน สมาธิ ปัญญาปรามาส ลูบคลำในวิปัสสนาญาณ ทำเท่าไรเท่าไรก็ไม่พ้นความวุ่นวายของจิต มีอารมณ์หุนหันพลันแล่นโฉงเฉงโวยวาย ปราศจากเหตุผล คนประเภทนี้ทำกี่แสนกัปก็ลงนรก เพราะสักแต่ว่าปฏิบัติ ไม่รู้จักพิจารณาจิตตัวเอง ว่า ดีหรือชั่ว ***โอวาทหลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ )
     
  12. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=1vI40UAle5A]กำลังใจ - โฮป - YouTube[/ame]​
    ข้าพเจ้าขอส่งกำลังใจ
    และบุญกุศลทั้งหมด ตั้งแต่อดีตชาติจนถึงปัจจุบัน
    ให้กับพวกเราทุกๆท่าน โดยเฉพาะจิตบุญทุกท่านที่ตกหล่นฌาน
    หรือ จิตตกไปอยู่ในห้วงกฎแห่งกรรม
    หรือ กำลังเสวยเศษกรรมในส่วนเล็กน้อย(10%) หรือ ไม่ว่าเหตุผลใดๆก็ตามที
    ขอให้ดวงจิตพวกท่านได้คลายเศษกรรมนั้นๆเสีย
    พวกท่านอย่าได้แสดงความรังเกียจ หรือ ปฎิเสธดวงจิตที่กำลังตกอยู่ในห้วงกฎแห่งกรรม
    ที่กำลังเสวยกรรม และได้โปรดให้ความรักหรือความเมตตาและความเข้าใจแทนการปฎิเสธ
    เพราะนั่นคุณกำลังปฎิเสธตนเอง เพราะดวงจิตที่กำลังเสวยกรรมอยู่นั้น ก็คือ ตัวตนของคุณนี่เอง
    ขอให้มีสติสัมปชัญญะดึงน้องจิต(10%)ไปกับคุณด้วย

    เรื่องของจิต เป็นเรื่องละเอียดอ่อนมาก
    เจ้าของดวงจิตก็อย่าได้ไปฝืน ไปบังคับ ไปขู่เข่น ไปใช้ความรุนแรงไม่ได้
    เพราะอย่าลืมนะว่า จิตเป็นนาย กายเป็นบ่าว

    ขวัญเอ๋ยขวัญ มาอยู่กับเนื้อกับตัว
     
  13. อุษาวดี

    อุษาวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2012
    โพสต์:
    531
    ค่าพลัง:
    +12,151
    "..ช่วยตัวเองนะ อัตตาหิ อัตตะโนนาโถ (ตนแล เป็นที่พึ่งแห่งตน)
    พึ่งคนอื่นชื่นใจเป็นบางครั้ง ไม่เหมือนดั่งพึ่งตนผลทวี
    ตนจะเป็นคนดี หนีทุกข์โทษภัย ในวัฏฏสงสาร..
    มีพระนิพพานเป็นที่ไปเบื้องหน้า ก็เพราะตนทำดี
    สะสมบุญดีให้เกิดมีขึ้น เพราะตนพึ่งตน อันนี้ข้อสำคัญ.."

    หลวงปู่จันทา ถาวโร
     
  14. อุษาวดี

    อุษาวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2012
    โพสต์:
    531
    ค่าพลัง:
    +12,151
    เมื่อรับศีลแล้ว กระทำผิดศีล ทั้งมีเจตนาบ้าง ไม่เจตนาบ้าง จะเป็นบาปหรือไม่ ?

    “การรับศีลไปแล้วทำผิดบ้างถูกบ้าง แต่ว่าไม่ได้เจตนา เป็นแต่เพียงขาดการสำรวม ขาดสติ ทำให้ศีลเศร้าหมองนิดหน่อย

    ทีนี้การที่มารับศีลแล้วรักษาให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ไม่ได้ มีขาดตก บกพร่องบ้าง ถ้าข้อเปรียบเทียบก็เหมือนกันกับว่า ผู้ที่มีเสื้อใส่แต่เป็นเสื้อขาด ก็ยังดีกว่าผู้ที่ไม่มีเสื้อจะใส่เสียเลย


    การสมาทานศีลนี้ ถึงแม้ว่าจะขาดตกบกพร่องบ้างก็ยังดี อันนั้นเป็นเรื่องวิสัยธรรมดาของปุถุชน ก็ย่อมมีการบกพร่องบ้าง ในเมื่อฝึกไปจนคล่องตัวแล้ว มันก็สมบูรณ์ไปเอง ดีกว่าไม่ทำเลย”

    หลวงพ่อพุธ ฐานิโย
     
  15. อุษาวดี

    อุษาวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2012
    โพสต์:
    531
    ค่าพลัง:
    +12,151
    "การไม่กังวล การไม่ยึดถือ นั่นแหละวิหารธรรมของนักปฏิบัติ"

    หลวงปู่ดูลย์ อตุโล
     
  16. Golden Sky

    Golden Sky เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    575
    ค่าพลัง:
    +8,976
    เรื่องนี้จริงค่ะ ถ้าเราเห็นทุกข์ แล้วใช้ทุกข์นั้นเป็นครูสอนตัวเราเองก็จะได้ประโยนช์จากทุกข์นั้นแต่ต้องมีปัญญาด้วย เห็นด้วยปัญญาก็คื่อ เห็นแล้วพิจารณาว่าทุกข์มาจากไหน? แล้วก็จะแก้ไข้อย่างไร? และก็ต้องมีการให้อภัยกับความผิดพลาดของเราเอง คือทุกคนมีความไม่เสมอภาค เหมือนพระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่ามีคนอยู่ 4จําพวกอยู่ในโลกนี้ เราก็จะเห็นได้โดยการได้เห็นได้พูดคุยและได้สัมผัสเกี่ยวข้อง ก็เหมื่อนกันในทางธรรม ก็มีผู้พร้อมด้วย สติ สมาธิ และ ปัญญา ก็คือ มีทาน มีศิล และภาวนา เป็นพื้นฐานครบอยู่แล้วก็จะดําเนินไปได้โดยถูกทางกว่าคนที่ยังไม่พร้อมเพราะก็ได้ตามภูมิวาสนา ที่เกิดมาไม่เหมือนกัน แต่ถึงอย่างไรก็ตามผู้ปฏิบัติก็ต้องมีความเมตตา ต่อผู้ที่ยังเข้าไม่ถึ่งคือมีความ เมตตา กรุณา มุทิตา และอุเบกขา ต่อ กัน คือสร้างขันติบารมี ให้เกิดขื้นในกลุ่มชนของเรา เพ็ญ2 ขอให้กําลังใจจิตบุญทุกๆท่าน และครูผู้สอนทุกๆท่านด้วยเทอญ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 พฤศจิกายน 2012
  17. Patcharawan

    Patcharawan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    187
    ค่าพลัง:
    +3,980
    สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทนาค่ะ
     
  18. NOKMAM

    NOKMAM เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    300
    ค่าพลัง:
    +6,157
    พุทธสุภาษิต วัดหนองป่าพง หลวงปู่ชา สุภัทโธ จ.อุบลราชธานี

    [​IMG]
     
  19. NOKMAM

    NOKMAM เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    300
    ค่าพลัง:
    +6,157
    ต้นไม้พูดได้ที่ วัดหนองป่าพง จ.อุบลฯ

    [​IMG]
     
  20. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    จากสิ่งภายในสู่ภายนอก
    และสิ่งภายนอกสู่ภายใน


    จากสิ่งภายในสู่ภายนอก เช่น
    ทุกคำพูด ทุกการกระทำนั้น ล้วนมาจากภายในนั้น ก็คือ จิต นั่นเอง
    เมื่อภายใน(จิต)ของคนเราดีแล้ว ภายนอก เช่น คำพูดและการกระทำ ย่อมจะออกมาดีด้วย

    จากสิ่งภายนอกสู่ภายใน เช่น
    สิ่งต่างๆที่กำลังกระทบจิต อยู่ในทุกขณะจิตนั้น มีทั้งดีและไม่ดี และจะส่งผลโดยตรงกับจิตใจ หรือความรู้สึกของคนเรา
    แต่ถ้าพวกเราฝึกจิตมาเป็นอย่างดีแล้ว ย่อมมีสติแยกแยะ ปัญญารู้แจ้ง เห็นแจ้ง
    ย่อมจะนำพาดวงจิตไม่ให้ไปรับเอาความไม่ดี หรือ ความทุกข์เข้ามาสู่ภายใน(จิตใจ)
    แม้นกระทั่งความสุข(ในทางโลก) ก็ยังไม่เอาเข้ามาสู่จิตใจ สำหรับผู้ที่ฝึกจิตมาดีเยี่ยม ดั่งเช่น พระอรหันต์ เป็นต้น

    เพราะจิตของคนเรานั้น มี ๓ ระดับ ได้แก่ หยาบ กลาง ละเอียด
    เพราะฉะนั้นจิตของคนเรา จะสามารถละ หรือ ปฎิบัติตามได้ ก็ด้วยความละเอียดของจิตผู้นั้นๆ นั่นเอง

    สำหรับผู้ที่ปฎิบัติใหม่ ให้เริ่มต้น โดยการละของหยาบ หรือ รักษาศีลหยาบ(ศีล๕)ให้ครบบริบูรณ์เสียก่อน
    เมื่อปฎิบัติไปได้สักระยะนึง เมื่อจิตสามารถเข้าถึงความละเอียดได้ทีนิดๆ
    ศีลก็จะละเอียดตาม
    หรือ ตามกำลังใจของผู้ปฎิบัติธรรม นั่นเอง

    สำหรับผู้ปฎิบัติได้แล้ว เช่นจิตบุญ เป็นต้น ก็สามารถละหยาบ หรือ รักษาศีลหยาบได้แล้ว
    หรือ ผู้ที่ปฎิบัติเข้าถึงกระแสจิต คือทำให้จิตนิ่งหรือจิตทรงฌานได้แล้ว
    ก็สามารถละกิเลสขนาดหยาบ กลาง หรือ ละเอียดได้ในที่สุด

    แต่ทั้งนั้นและทั้งนี้ คนเราจะรู้จัก คำว่า ละ ปล่อย วาง กับสรรพสิ่งทั้งหลายทั้งปวงได้
    พวกเราจำเป็นต้องนำจิตของตนเองมาเดินมรรคเท่านั้น

    กล่าวอีกนัยนึง ก็คือ เราแค่อ่านหรือฟังธรรมะแค่นั้น จึงไม่เพียงพอ
    เพราะผู้ที่จะบรรลุธรรมได้จริงๆนั้น ต้องปฎิบัต๘๐-๙๐% เป็นอย่างต่ำ
    แต่ก่อนจะลงมือปฎิบัติธรรมนั้น จึงจำเป็นจะต้องอ่านและทำความเข้าใจเป็นอย่างดี
    เพราะถ้าเราหลับตาทำสมาธิไปแล้ว จะไม่มีใครมาสอนภายในจิตได้
    ยกเว้นผู้ที่สามารถเข้าถึงกระแสจิตได้แล้วเท่านั้น
    หรือจิตต้องถึงระดับพระโสดาบัน หรือไม่ก็พระอนาคามีเท่านั้น
    จึงจะมีครูบาอาจารย์มาช่วยสอนทางจิต หรือมาช่วยสื่อหรือสอนผ่านทางจิตได้

    เพราะฉะนั้นผู้ที่จะละกิเลสหยาบ กลาง ละเอียดตามลำดับได้นี้
    จักต้องผ่านการปฎิบัติธรรมเป็นส่วนใหญ่
    ยกเว้น เป็นผู้สัพพัญญู (ผู้รู้สิ่งทั้งปวง ผู้รู้แจ้งทั้งทางโลกและทางธรรม ส่วนใหญ่จะหมายถึง พระพุทธเจ้า)




     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 28 พฤศจิกายน 2012

แชร์หน้านี้

Loading...