จิตพร้อม? รับภัยพิบัติ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย ภูภู, 6 เมษายน 2012.

  1. Wittayapon

    Wittayapon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    1,075
    ค่าพลัง:
    +19,233
    วันนี้วันดี จะเกิดบุญใหญ่ ขอให้ทุกท่านเตรียมโมทนา

    ดูให้ดีนะ ดูให้ดี ...


    จบ.๑๑ เรือลำนี้จะไม่จม
     
  2. Wittayapon

    Wittayapon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    1,075
    ค่าพลัง:
    +19,233
    จิตที่บอบช้ำนั้น มิใช่จิตที่บอบช้ำ
    เพียงแต่เจ้าไปปรุงให้มันช้ำเอง มันจึงทุกข์

    ถ้าเจ้าไม่ปรุง มันก้อไม่ช้ำ
    ยึดติดไป ปรุงไป พาลแต่จะทุกข์

    ละวางไป อยู่กับจิตตนเองไป แค่นี้เองนะ ... เจ้าจะพบสุขแท้

    เราเฝ้ามองดูทุกดวงจิต ...
    ตราบใดที่ยังมีขันธ์นี้ ย่อมเป็นไปตามวาระกรรมที่ยังดำรงอยู่ อย่าคิดว่าไม่ปกติ
    ที่เจ้ายังต้องมาเกิดนี้ เพื่อสิ่งใด วาระกรรมนั้นมิใช่หรือ
    แล้วเจ้าจะมองกรรมนั้นให้มันไม่ปกติทำไม ...

    กรรมใหญ่เพียงใด เพียงแต่เจ้ามองให้ปกติ มันก้อปกติ
    กรรมเล็ก แต่เจ้ามองไม่ปกติ มันจะยิ่งใหญ่ไปเรื่อยๆ

    ใช้สติให้เป็นประโยชน์นะ


    จบ.๑๑ เรือลำนี้จะไม่จม
     
  3. Natcha@uk

    Natcha@uk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    618
    ค่าพลัง:
    +9,444

    บทเรียนสอนใจ

    สาธุ สาธุ สาธุ.... กราบท่านพ่อ เหนือเศียรเกล้า...เจ้าค่ะ...
    สติมา ปัญญาเกิด ... จริง จริง

    ตราบใดที่ยังมีขันธ์ 5 อยู่ ประมาทไม่ได้เลยจริงๆ จงเป็นเพียงแค่ผู้ที่มองดูกิเลส ที่เยี่ยมเยือนมาเท่านั้น อย่าได้ลงไปเล่นกับมันอย่างเด็ดขาด. สติ..สติ กับ จิตที่นิ่ง เท่านั้น ที่จะรู้เท่าทัน และจัดการกับมันได้...
     
  4. pattranit uk

    pattranit uk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 เมษายน 2012
    โพสต์:
    174
    ค่าพลัง:
    +1,446
    บทปลงสังขาล. หลวงพ่อสังวาล เขมโก ต.หนองผักนาก อ.สามชุก จ.สุพรรณบุรี ''มนุษย์เราเอ๋ย เกิดมาทำไม นิพพานมีสุข อยู่ไยมิไป ตัณหาหน่วงหนัก หน่วงชักหน่วงไว้ ฉันไปไม่ได้ ตัณหาผูกพัน ห่วงนั้นพันผูก ห่วงลูกห่วงหลาน ห่วงทรัพย์ศฤงคาร จงสละเสียเถิด จะได้ไปนิพพาน ข้ามพ้นภพสาม ยามหนุ่มยามสาวน้อย หน้าตาแช่มช้อย งามแล้วทุกประการ แก่เฒ่าหนังยาน แต่ล้วนเครื่องเหม็น เอ็นใหญ่เก้าร้อย เอ็นน้อยเก้าพัน มันมาทำเข็ญใจ ให้ร้อนให้เย็น เมื่อยขบทั้งตัว ขนคิ้วก็ขาว นัยน์ตาก็มัว เส้นผมบนหัว ดำแล้วกลับหงอก หน้าตาเว้าวอก ดูน่าบัดสี จะลุกก็โอย จะนั่งก็โอย เหมือนดอกไม้โรย ไม่มีเกสร จะเข้าที่นอน พึงสอนภาวนา พระอนิจจัง พระอนัตตา เราท่านเกิดมา รังแต่จะตาย ผู้ดีเข็ญใจ ก็ตายเหมือนกัน เงินทองทั้งนั้น มิติดตัวไป ตายไปเป็นผี ลูกเมียผัวรัก เขาชักหน้าหนี เขาเห็นซากผี เปื่อยเน่าพุพอง หมู่ญาติพี่น้อง เขาหามเอาไป เขาวางลงไว้ เขานั่งร้องไห้ แล้วคืนกลับมา อยู่แต่ผู้เดียว ป่าไม้ชายเขียว เหลียวไม่เห็นใคร เห็นแต่ฝูงแร้ง เห็นแต่ฝูงกา เห็นแต่ฝูงหมา ยื้อเเย่งกันกิน ดูน่าสมเพช กระดูกเราเอ๋ย เรี่ยรายแผ่นดิน แร้งกาหมากิน เอาเป็นอาหาร เที่ยงคืนสงัด ตื่นขึ้นมินาน ไม่เห็นลูกหลาน พี่น้องเผ่าพันธุ์ เห็นแต่นกเค้า จับเจ่าเรียงกัน เห็นแต่นกแสก ร้องแรกแหกขวัญ เห็นแต่ฝูงผี ร้องให้หากัน มนุษย์เราเอ๋ย อย่าหลงนักเลย ไม่มีแก่นสาร อุตส่าห์ทำบุญ ค้ำจุนเอาไว้ จะได้ไปสวรรค์ จะได้ทันพระพุทธเจ้า จะได้เข้านิพพาน. ''อะหัง วันทามิ สัพพะโส อะหัง วันทามิ นิพพานะปัจจะโย โหตุ ฯ ขอกราบ กราบ กราบ หลวงพ่อสังวาล เขมโก และขออนุโมทนาบุญด้วยค่ะ สาธุ สาธุ สาธุ ค่ะ
     
  5. Golden Sky

    Golden Sky เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    575
    ค่าพลัง:
    +8,976
     
  6. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    47,308
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,046
    นโมฯ ด้วยกุศลกรรมอันดีงามที่ข้าพเจ้าเคยกระทำบำเพ็ญไว้ด้วยดีแล้ว นับแต่ต้นชาติภพ
    หากมีอกุศลกรรมอันใด ที่อาจเคยประมาทพลาดพลั้งดวงจิตท่านใดไว้ ไม่ว่าจะชาติภพใดใดด้วยกาย วาจา ใจ ระลึกได้ก็ดี ระลึกไม่ได้ก็ดี เจตนาก็ดี ไม่เจตนาก็ดี บัดนี้ข้าพเจ้าได้รับการอบรมสั่งสอนรับพระสัทธรรมแท้ จากสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว
    ขอน้อมจิตสมาการลาโทษทุกข์อันอาจก่อเกิดทุกกรณี มายังท่าน ณ บัดนี้
    และหากมีอกุศลกรรมอันใดที่ท่าน อาจเคยมีกับข้าพเจ้ามา ข้าพเจ้าก็ขออกุศลกรรมทั้งปวงแปรเป็นโมฆะกรรม ถวายเป้นอภัยทาน เป้นพุทธบูชาด้วยเช่นกันนะคะ
    และขออำนาจแห่งความดีงามที่ข้าพเจ้าได้กระทำบำเพ้ญได้ด้วยดีแล้วทุกประการรวมกับอำนาจกุศลกรรมที่ท่าน กระทำได้ดีแล้วทั้งปวงเช่นกัน
    จงส่งผลเป้็นพลวัตร ปัจจัย มายังวิถีการดำรงชีวิตในสภาพการครองกายส้งขารขันธ์ภพภูมินี้ของท่านให้ได้รับการเสวยสุข ปลดเปลื้องจากสภาพทุกข์ เหตุเภพภัย อุปสรรค ตลอดจนหมู่มารที่กำลังประสบ เผชิญอยู่สู่ความสุข สงบร่มเย็น ทั้งกายใจ ตลอดธาตุขันธ์ ทุกทิพาราตรีกาล โดยขอให้วาระจากนี้ไปเป็นวาระแห่งก่อเกื้อกูลหนุนส่งสภาวะธรรม ซึ่งกันและตลอดไป ตราบสู่กระแสพระนิพานอันอมตธรรม นะคะ สาธุค่ะ

    **********************************************
     
  7. อุษาวดี

    อุษาวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2012
    โพสต์:
    531
    ค่าพลัง:
    +12,151
    ธรรมโอวาท สมเด็จองค์ปฐม

    ขอสรุปต้นเหตุที่ยังเอาดีไม่ได้ โดยย่อ ๆ ดังนี้

    ๑. ชอบสงสัยธรรมที่ตนยังปฏิบัติไม่ถึง

    ๒. พวกขี้สงสัย เวลาตายก็ตายไปพร้อมกับความสงสัย มีจิตเศร้าหมองก็ต้องกลับมาเกิดแล้วสงสัยต่อไปไม่รู้จบ

    ๓. ธรรมะในพระพุทธศาสนาเป็นปัจจัตตัง ถ้าธรรมพ้นโลกจิตเรายังปฏิบัติไม่ถึง สงสัยไปก็มีแต่ขาดทุน เพราะพระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า “ธรรมใดที่เธอยังไม่รู้ ยังไม่เห็น ก็ควรจะเชื่อท่านผู้รู้ผู้เห็นไปก่อน ต่อเมื่อเธอปฏิบัติจนเกิดผลแล้ว รู้เห็นได้ด้วยตนเองแล้ว เธอจักเชื่อ หรือไม่เชื่อก็ย่อมได้”

    หมายเหตุ ธรรมในข้อ ๓ นี้ พระองค์สอนเฉพาะพวกที่มีศรัทธาในพระองค์อย่างแท้จริง คือ มีพระรัตนตรัย หรือมีพระพุทธ พระธรรม และพระอริยสงฆ์ เป็นที่พึ่งประจำจิตตลอดชีวิต กำลังปฏิบัติบูชาอยู่ด้วยศีล-สมาธิ-ปัญญา หรือทาน-ศีล-ภาวนา มิได้สอนพวกเดียรถีย์หรือพวกนอกศาสนาที่มาถามปัญหาพระองค์ พวกเหล่านั้นพระองค์จะสอนอีกแนวหนึ่ง คือ ใช้กาลามสูตร หรือเกสปุตตสูตร ที่เขียนเน้นจุดนี้ไว้ เพราะมีบุคคลที่ยังไม่รู้จริง รู้ไม่ถึงเอากาลามสูตรมาสอนชาวบ้านให้เข้าใจผิดๆ เพราะไม่รู้เจตนาของพระพุทธองค์ ซึ่งเป็นพระสัพพัญญูหรือมีพุทธญาณแต่ผู้เดียว ผู้อื่นไม่มี รายละเอียดมีอยู่มาก จึงขอเขียนไว้สั้นๆแค่นี้ก่อน

    ๔. สิ่งที่มีค่าสูงสุดในโลกทั้ง ๓ นี้ก็คือพระธรรม ในเมื่อพระองค์ทรงเมตตามาแนะนำพระธรรมให้ถึงตัวเราแล้ว เหตุใดเราจึงยังสงสัยในธรรมนั้น ๆ เพราะความโง่หรือกฎของกรรมบังจิตเราไว้จึงยังมองไม่เห็นคุณค่าของพระธรรม

    ๕. ผู้ยังมีกิเลสมาก ก็เห็นทรัพย์สินเงินทองเป็นของมีค่า แต่ผู้ปฏิบัติธรรมจนจิตถึงธรรมแล้วจะเห็นว่า สิ่งใดๆในโลกนี้จะมีค่ายิ่งกว่าพระธรรมนั้นไม่มีเลย ใครจะมีเงินทองทรัพย์สินจนมีค่านับไม่ถ้วน ตายแล้วเอาไปไม่ได้เลย ต่างกับพระธรรม ตายแล้วเอาไปได้ทุกคน

    ๖. จงหมั่นสงสารผู้ละเมิดพระธรรม เพราะเขาไม่มีโอกาสรู้ตัวว่าเขาเองก็อยู่ในพระธรรม แต่เป็นธรรมบทบัญญัติไหนล่ะ กุศลาธัมมา (ธรรมที่เป็นกุศล) อกุศลาธัมมา (ธรรมที่เป็นอกุศล) อัพยากตาธัมมา (ธรรมที่ไม่เป็นกุศลและอกุศล หรือธรรมที่นำไปสู่ความพ้นทุกข์ เพราะไม่มีอารมณ์ปรุงแต่ง หรือไม่มีอุปาทาน) ทุกชีวิตอยู่โดยพระธรรมทั้งสิ้น กรรมหรือธรรมเป็นกฎตายตัว ใครทำสิ่งใด ก็ย่อมได้สิ่งนั้นตอบสนองแน่นอน

    ๗.เรื่องอภัยทาน เป็นทานภายในที่มีค่าสูงสุด ชนะทานทั้งปวง ความจริงอภัยทานก็คือธรรมทานขั้นสูงสุด จริงอยู่ พระองค์ทรงตรัสว่า “การให้ธรรมเป็นทานชนะทานทั้งปวง” แต่ทรงตรัสเสริมว่า “การให้อภัยทานเป็นบุญสุดยอดของธรรมทาน” ความสำคัญของอภัยทาน อยู่ที่เราจะต้องทำให้เกิดขึ้นกับจิตของเราก่อนจึงจะเป็นของจริง แล้วจึงนำของจริงนั้นไปให้ผู้อื่นได้ พระอริยเจ้าเบื้องสูงคือพระอนาคามีผลขึ้นไปถึงพระอรหันต์เท่านั้นจึงจะมีของจริง

    จาก...หนังสือ ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น เล่ม ๓

    รวบรวมโดย... พล.ต.ท.นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน
     
  8. อุษาวดี

    อุษาวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2012
    โพสต์:
    531
    ค่าพลัง:
    +12,151
    ธรรมโอวาท สมเด็จองค์ปฐม

    สิ่งที่ต้องจำไว้ ในการปฏิบัติธรรมเพื่อความพ้นทุกข์ (บางตอน)


    ๑. “อย่าเสียดายอะไรในโลกทั้งหมด” (เพราะเป็นอารมณ์ ๒ คือ พอใจกับไม่พอใจ ซึ่งปิดกั้นมรรคผลนิพพานไว้หมด) (พอใจเท่ากับโลภะหรือราคะ ไม่พอใจเท่ากับปฏิฆะหรือโทสะ)

    ๒. “อย่าทิ้งอนิจจาวะตะสังขารา” (คืออย่าทิ้งไตรลักษณ์และมรณานุสสติ ซึ่งสามารถระงับกิเลสได้อย่างฉับพลัน และฆ่ากิเลสทุกชนิดได้ในที่สุด)

    ๓. “หากร่างกายไม่ดี ให้คลายจิตจากงานทางโลกทั้งปวง” (เพราะหากจิตเกาะกายก็คือเกาะทุกข์ ผลยิ่งทุกข์มากขึ้นให้ปฏิบัติตามข้อ ๑๕ และ ๑๖)

    ๔.“สภาพจิตใกล้สิ่งไหนเกาะสิ่งนั้น รับสัมผัสสิ่งดีก็ยึดดี รับสัมผัสสิ่งเลวก็ยึดเลว” (จุดนี้สำคัญมากตอนใกล้จะตายจิตเกาะบุญหรือความดีก็ไปสวรรค์ จิตเกาะบาปหรือความชั่วก็ไปนรก ผู้ไม่ประมาทจึงซ้อมตาย และพร้อมตายอยู่เสมอ)

    ๕. “อย่าฝืนกายเพราะยิ่งฝืนยิ่งทุกข์” (จุดนี้คืออริยสัจ ซึ่งเป็นปัญญาสูงสุดในพุทธศาสนา เพราะทุกข์กายหรือทุกขสัจ ทรงให้กำหนดรู้ว่าธรรมดาของมันเป็นอย่างนี้แหละ ไม่มีใครแก้ไขให้เป็นอย่างอื่นได้ สิ่งที่ต้องฝืนคือสมุทัย ต้นเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์ต่างหาก)

    ๖. “ทุกข์ใดเกิดต้องพยายามหาเหตุให้พบ แล้วปลดเสียให้ได้” (หรือใช้หลักอริยสัจเป็นหลักสำคัญในการแก้ปัญหา ทั้งทางโลกและทางธรรม)

    ๗. “อย่ามัวหลงศพเดินได้อยู่” (อย่าหลงส้วมเคลื่อนที่หรือหนังหุ้มขี้) เท่ากับจงอย่าหลงอย่าติดในร่างกายของเราและของผู้อื่น หากตัดได้ก็เท่ากับตัดสักกายทิฏฐิ จบกิจในพระพุทธศาสนาก็จบที่จุดนี้

    ๘. “ตัดความกังวล ตัดความกลัวตายด้วยการพิจารณา” (การพิจารณาทำให้เกิดปัญญา ให้พิจารณาหาความจริงที่กายเรา และจิตเราเป็นสำคัญ เมื่อพบแล้วให้ยอมรับความจริงนั้นๆ จนกว่าจิตจักวางความกังวลใจลงได้ จึงจักเข้าถึงอริยสัจอย่างแท้จริง)

    ๙. “หากวางขันธ์ ๕ ได้อย่างเดียวก็วางทุกสิ่งได้หมด” (คนฉลาดพระองค์สอนสั้นๆ เพียงแค่นี้ก็จบกิจในพุทธศาสนาได้แล้ว เพราะสิ่งที่เรารักและหวง-ห่วงมากที่สุด ก็คือร่างกายที่เราอาศัยอยู่นี่แหละ)

    ๑๐. “อย่าเพ่งโทษผู้อื่น อย่าสนใจจริยาของผู้อื่น” เพราะเป็นอุปกิเลสหรือสะเก็ดความดีในพุทธศาสนามีย่อๆ ๕ ข้อ คืออย่าเสือก-อย่าซ่า-อย่าหลง-อย่าเป็นตำรวจ และอย่าเป็นผู้แทน

    ๑๑. “ตั้งอารมณ์ให้ถูกให้เป็นสัมมาทิฏฐิ” (เพราะหากตั้งอารมณ์ผิด ผลที่ได้จะผิดตลอด หากตั้งอารมณ์ถูก ผลที่ได้ก็จะถูกตลอด)

    ๑๒. “อย่าทิ้งธาตุ ๔, อาการ ๓๒, อสุภกรรมฐาน, มรณานุสสติ, ไตรลักษณญาณและอานาปานุสสติ เท่าอนุสสติ สุดท้ายคือ กายคตานุสสติ, มรณานุสสติ และอุปสมานุสสติ”

    ๑๓. “อย่าให้จิตว่างจากพระกรรมฐาน” (เพราะจิตมีสภาพเกาะ หากให้จิตเกาะความดีความชั่วก็เข้าไม่ได้ หรือเกาะบุญดีกว่าเกาะบาป)

    ๑๔. “หนีภัยทุกชนิดหนีไม่พ้นหรอก เพราะเป็นกฎของกรรม ซึ่งเที่ยงเสมอและให้ผลไม่ผิดตัวด้วย” (ทรงเน้นสัทธรรมทั้ง ๕ คือ ทุกข์ภัยจากการเกิด แก่ เจ็บ ตาย ต้องพลัดพรากจากของรักของชอบใจ และมีความปรารถนาไม่สมหวัง)

    ๑๕. “ซ้อมวางภาระของขันธ์ ๕ ไว้เสมอ หรือซ้อมตายและพร้อมที่จะตายอยู่เสมอ” (นี่คืออนุสสติสุดท้ายสำหรับผู้ไม่ประมาท ในความตาย จิตมีความพร้อมที่จะเข้าสู่พระนิพพานอยู่เสมอ)

    ๑๖. “เห็นทุกข์-เห็นโทษ-เห็นภัยจากการมีร่างกายไว้เสมอ” (จะมีผลทำให้เกิดนิพพิทาญาณ คือ เบื่อกาย เบื่อเกิด เพราะไม่อยากเกิดมาพบกับทุกข์ในโลกนี้อีก จิตจะมั่นคงในความไม่เกิด คือ นิพพานจุดเดียว)

    ๑๗. “ให้หยุดอารมณ์ท่องเที่ยวเสีย” (เพราะอารมณ์ท่องเที่ยว คือ อารมณ์เกาะโลกหรือเกาะทุกข์ จึงยากที่จะพ้นทุกข์)

    ๑๘. “หากชีวิตยังอยู่ อย่าทิ้งการทำบุญ และการกำหนดรู้ลมหายใจเข้าและออก หรืออานาปานัสสติ

    ๑๙. “อย่าต่อกรรมให้ตัดกรรม” (หากหวังจะไปพระนิพพานชาตินี้)

    ๒๐. “ยังเอาดีไม่ได้เพราะขาดสัจจะบารมี” (หากขาดหรืออ่อนในบารมีใด มีผลทำให้อีก ๙ บารมีอ่อนตาม)

    ๒๑. “ธรรมทานภายนอกกับธรรมทานภายใน มีผลแตกต่างกันมาก” เท่ากับ (สร้างพระภายนอกกับสร้างพระภายในมีผลแตกต่างกันสุดประมาณ พระภายนอกเราสร้างกันมานับไม่ถ้วนองค์ สร้างเท่าไหร่ก็พังหมดเท่านั้น เพราะตกอยู่ภายใต้กฎของไตรลักษณ์ แต่พระภายในตั้งแต่พระโสดาบันขึ้นไป ใครสร้างได้แล้วจะเที่ยงไม่เสื่อมไม่พังอีก เพราะพ้นอำนาจ พระไตรลักษณ์ได้อย่างถาวร คือ ไม่มีวันที่จะตกนรกหรืออบายภูมิ ๔ อีกต่อไปตลอดกาล

    ดังนั้น พวกเราจงเพียรพยายามเร่งสร้างพระภายในกันเถิด อย่ามัวหลงติดพระภายนอกกันจนขาดปัญญาบารมี เลยถึงพระนิพพาน ได้ช้าหรือยาก)

    ๒๒. หลักปรมัตถทาน ๓ ข้อ

    ก) ต้องไม่เสียดายในทานที่ทำ

    ข) ต้องไม่หวังผลตอบแทนใดๆทั้งสิ้น

    ค) ต้องไม่อธิษฐานขออะไรทั้งสิ้น นอกจากพระนิพพาน

    จุดมุ่งหมาย

    เพื่อให้ผู้อ่านเกิดปัญญา โดยถือหลักว่าเห็น หรืออ่าน หรือฟัง แล้วให้จำให้ได้เป็นประการแรก

    ขั้นสอง นำธรรมนั้นมาคิด - พิจารณาด้วยสติ-ปัญญาของตนเองจนเข้าใจในธรรมนั้นๆ

    ขั้นสาม นำธรรมนั้นๆ ไปปฏิบัติที่กายและจิตของตนอย่าไปยุ่งกับกายและจิตของผู้อื่น จนเกิดปัญญา หรือตัวรู้ขึ้นด้วยตนเอง คือ รู้วิธีกำจัดกิเลส - ตัณหา - อุปาทานและอกุศลกรรม ให้หมดไปจากจิตของตน ให้จำย่อ ๆ ๔ คำว่า
    เห็น - จำ - คิด - รู้ หรือ อ่าน - จำ - คิด - รู้ หรือ ฟัง - จำ - คิด - รู้


    จาก...หนังสือ ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น เล่ม ๓

    รวบรวมโดย พล.ต.ท. นพ. สมศักดิ์ สืบสงวน
     
  9. watjojoj

    watjojoj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    562
    ค่าพลัง:
    +9,793
    ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 11 คน ( เป็นสมาชิก 7 คน และ บุคคลทั่วไป 4 คน ) [ แนะนำเรื่องเด่น ]
    watjojoj, Dhammanee, วชระ, UncleGee, aomnitta, dutchanee, ketmaneek

    สองท่านนี้มาด้วยกันอ่ะเปล่าครับ
     
  10. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    ขอขยายต่อ​

    สรุปแล้ว พวกเราอย่าไปหลงขันธ์ ๕ และพยายามตัดขันธ์ ๕ ของตนเองให้ได้เด็ดขาดด้วย
    มิฉะนั้น อยู่ก็จะรู้สึกว่าทุกข์ ไปก็ทุกข์
    ยิ่งไปพระนิพพาน ก็ยิ่งแล้วใหญ่ คือไปไม่ได้แน่นอน
    ไปพระนิพพานได้ ต้องพากันทั้งรูป ทั้งนาม หรือ ขันธ์ ๕ ในเบื้องต้นก่อน

    ทิ้งมันไปซะ ทำจิตให้เป็นดั่งพระ
    เช่น ลูกคือพระ พระคือลูก
    ท่องแค่นี้ก่อนสำหรับกำลังตนเองน้อย หลังท่องเสร็จจิตจะเป็นพระทันที กายไม่เป็นช่างปะไร
    เพราะกายเป็นแค่สมบัติของโลก ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา อีกต่อไป
    ตัดกิเลสได้ตรงนี้ แต่ถ้ากำลังใจไม่ถึง ให้นำจิตไปเดินตามรอยอริยมรรค หรือ มรรคมีองค์ ๘
    นี่คือ หนทางเดียวที่จะหลุดพ้น ทั้งทุกข์ ทั้งวัฎฎะ
    เรื่องจิตเป็นของจริง เรื่องกายเป็นของหลอกลวง
    คนจริง คนมีปัญญาเท่านั้น ที่จะเลือกแค่จิตดวงเดียว นอกนั้นทิ้งหมด
    ทิ้งในที่นี้หมายถึง โลกหลังความตาย เราจะต้องไม่เอาอะไรไป
    แต่ในขณะที่ยัง มี/อยู่/เป็น/ได้ หรือ ยังมี/ครองขันธ์ ๕ อยู่นั้น อย่าได้นำจิตไปยึดติดเด็ดขาด
    เพราะมันไม่เที่ยง มันทุกข์ มันไม่มีตัวตนหรือ เราไม่สามารถบังคับให้เป็นไปตามใจชอบของเราได้
     
  11. NOKMAM

    NOKMAM เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    300
    ค่าพลัง:
    +6,157
    [​IMG]
     
  12. NOKMAM

    NOKMAM เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    300
    ค่าพลัง:
    +6,157
    [​IMG]
     
  13. pporjai

    pporjai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    8,909
    ค่าพลัง:
    +16,491
    ขอบคุณโลกที่ช่วยสอนธรรมะชีวิต...

    มนุษย์เราเวียนว่าย ตายเกิด ไม่มีที่สิ้นสุด ตามที่สมเด็จพระปฐมบรมบิดาเราทรงสั่งสอน.. จึงให้เราเพียรสั่งสมความดี ..กำลังใจ..โลกนี้คือละคร ต้องเกิด แก่ เจ็บ ตาย ใช้เวรใช้กรรม..น้ำตาของสรรพสัตว์เกิดขึ้นทุกขณะเมื่อต้องละจากของรักของชอบ ร่ำไห้ ทุกขเวทนา นับภพ นับชาติ ไม่ถ้วน จะร้องไห้ร่ำไปทำไมกับโลกที่ไม่มีอะไร... หากเราเชื่อฟังคำสอน แก่นธรรม..คงยังไม่สายเกินไป ร่างกายไม่ใช้ของเรา แต่เป็นของเจ้ากรรมนายเวร สุข ทุกข์ สลับกันไปมา หัวเราะ ร้องไห้ แสวงหา ภพ ชาติ ไม่มีอะไรยั่งยืนเป็นอมตะ...

    ข้าพเจ้าขอกราบน้อมเศียร..ก้มลงกราบสมเด็จพระปฐมบรมบิดา..ที่ได้ทรงกรุณารับรองความถูกต้องในดวงจิตของข้าพเจ้า... ข้าพเจ้าจะพีงเพียรมานะฝึกดวงจิต สร้างสติปัญญาให้ยิ่ง ๆ ขึ้น..มุ่งมานะกลับสู่บ้านเดิม จิตเดิม จะพิจารณากายใน กาย จนเบื่อหน่าย ตัดขันธ์ 5 ทำลายความเข้าใจที่ไม่ถูกต้อง ทำลายความทะยานอยาก..จะขอตั้งจิต ไม่ขอเกิดอีกแล้ว จะตั้งจิตแน่วแน่ไปสู่พระนิพพาน กับสมเด็จพ่อ..สาธุ ๆ ๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 25 พฤศจิกายน 2012
  14. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=94YSTIkTyXk]ยังยิ้มได้ / Young Yim Dai - พลพล - YouTube[/ame]
    ข้ามแม่น้ำ ข้ามภูเขา เราใช้แค่กำลังกาย
    และมีสิ่งเดียวเท่านั้น
    ที่จะสามารถข้ามอดีต ข้ามปัจจุบัน ไปสู่อนาคต
    นั่นก็คือ กำลังใจ

    แม้นกระทั่ง ข้ามสัญญา(ความทรงจำในอดีต) ข้ามความทุกข์ ข้ามความรู้สึกของตนเอง
    หรือ เรื่องการปฎิบัติธรรม ก็เหมือนกัน

    แต่กำลังใจนั้น เราสามารถสร้างกันได้
    กำลังใจมี ทั้งภายนอก ภายใน
    กำลังใจภายนอก ได้แก่ ได้จากคนที่เรารักหรือคนที่รักเรา หรือสิ่งของภายนอกต่างๆ
    แต่กำลังใจภายใน ได้แก่ การทำบุญทำทาน(บุญเล็กน้อย)
    การสวดมนต์ไหว้ ฟังเทศน์ ฟังธรรม สร้างพระประธานสร้างโบสถ์ สร้างวัด(บุญขนาดกลาง)
    การปฎิบัติธรรม(บุญใหญ่)

    แต่สำหรับผู้ที่จะออกจากความหลงได้ จะต้องอาศัยกำลังใจสูงเป็นเท่าตัว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 26 พฤศจิกายน 2012
  15. pporjai

    pporjai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    8,909
    ค่าพลัง:
    +16,491
    ขอบพระคุณสำหรับกำลังใจของ อ.ใหญ่ภูค่ะ..

    คงไม่มีอะไรทำให้เราละเลิกจากความหลงได้..
    หากเราไม่เรียนรู้และเปลี่ยนแปลงตนเอง ..
    วนเวียนอยู่แต่รอยล้อเกวียนเดิม ๆ ..

    หยุดสร้างภพ ชาติเสียทีเถิด..
    ขอชาตินี้เป็นชาติสุดท้ายสำหรับเรา..

    เพลงเพราะซึ้งมากค่ะ..
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 26 พฤศจิกายน 2012
  16. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    47,308
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,046
    น้องพอใจเลิกพอใจ

    ===============================
    อนุโมทนาสาธุกับคุณน้องพอใจค่ะ ขอเอาใจช่วยให้น้องพอใจเลิกพอใจในขันธ์๕ ตัดห่วงได้สําเร็จค่ะฝึกทําไปเรื่อยๆนะ"จิต"จะได้ แข็งแกร่ง เพราะเสด็จพ่อรอน้องอยู่นะคะ ({)
     
  17. อุษาวดี

    อุษาวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2012
    โพสต์:
    531
    ค่าพลัง:
    +12,151
    กฎของกรรม มันผันผวนชีวิตและจิตใจ
    คนที่เป็นปุถุชนได้เสมอๆ เพราะ ระดับจิต
    ยังไม่เข้าถึงขั้นอริยบุคคล ขั้นสูงสุด

    เป็นเพราะ ไม่รู้ วาระกฎของกรรม

    ไม่รู้ วงจรของกฎของกรรม
    ความเคารพ ในกฎของกรรมจึงไม่เกิด

    จิตปุถุชน จึงไหลขึ้นไหลลง
    ตามวาระแห่งกรรม
    อันเป็นกุศลและอกุศลนั้นๆ

    อย่าไปโทษใครว่า ผิด ถูก
    ทุกสิ่งทุกอย่าง ที่เกิดขึ้น
    ล้วนแล้วแต่ เป็นกฎของกรรมทั้งสิ้น

    คนผิด คนถูกนั้นไม่มี
    มีแต่วาระกรรมดี กรรมชั่วเท่านั้น
    ที่ส่งผลให้ มีการกระทำนั้นๆ ไป


    (พระธรรมคำสอน…หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค)
     
  18. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    จิตนะจิต เป็นผู้ทำหน้าที่ปล่อยวาง
    ไม่ใช่เรา หรือ แค่ลมปากพูด คำว่า ปล่อยวางเฉยๆ เท่านั้น

    จิตนะจิต เป็นผู้ที่จะไปพระนิพพาน มิใช่กาย
    จิตนะจิต ของตนเองพยายามอยู่กับมันให้มากๆ เพื่อค้นหาดวงจิตเดิมแท้ให้ได้
    จิตนะจิต ก็คือ ความรู้สึกนึกคิดของเราเองเท่านั้น
    นี่แหล่ะ! เรียกว่า จิต
    เจตสิก หรือ อารมณ์ของจิตน่ะ ไม่เกี่ยวนะ คนละเรื่อง
    จิตส่วนจิต เจตสิกก็ส่วนของเจตสิก แยกให้ออก แยกให้ชัดเจน
    เหมือนจิตบุญแยกกาย แยกจิตน่ะ เพียงแต่จะต้องแยกให้เด็ดขาดจริงๆ
    แต่..ถ้ารู้ว่าเราตายในอีกภายในหนึ่งชั่วโมงนี้ เราเองจะต้องนิ่งสงบ ยอมรับความจริงกับมันได้
    โดยที่ไม่กระวนกระวายใจ
    ถามว่าทำยากไหม๊ ตอบว่ายาก แต่ก็ต้องทำอยู่ดี
    แต่ถ้าจิตบุญที่มีอินทรีย์แก่กล้าแล้ว อันนั้นไม่น่าเป็นห่วง

    แต่ถ้าผู้ใดรู้สึกตัว(สติ)ว่าจะต้องไปแล้ว(ตาย) ก็จงอย่าห่วงอาลัย อาวรณ์กับบุคคลข้างหลังเด็ดขาด
    ให้หันไปดูที่จิต ว่าจิตเราจะไปจุติที่ไหน
    และกำหนดจิตไปทันที

    จงท่องจำกันไว้ให้ดีๆว่า คนที่เรารัก หรือ คนที่รักเรา หรือ สมบัติต่างๆนั้น
    ก็คือ เป็นสิ่งสมมุติเท่านั้นเอง
    เกิดมาภพหนึ่ง ชาติหนึ่ง ก็แค่มี-อยู่-เป็น-ได้ กับสิ่งสมมุติเท่านั้นเอง
    แม้นกระทั่งร่างกายของเราเอง ก็ยังต้องละเลย ทิ้งเลย
    ไม่ใช่ละแค่ลมปาก ต้องทำให้ได้ด้วย แต่จะทำได้อินทรีย์ก็จะต้องแก่กล้า
    เอาง่ายๆ ก็คือ ท่องกันว่า เราคือพระ พระคือเรา เพียงเท่านี้ เดี๋ยวก็ลืมกายเข้าสักวัน
    เพราะเราจะมัวเอากำลังใจตามลำพังตนเองฝ่ายเดียว มันไม่เพียงพอ
    เพราะกายเป็นสมบัติของโลกเท่านั้น

    จิตหรือดวงจิต ก็คือ ความรู้สึกนึกคิดต่างหากเล่า คือตัวเราจริงๆ แต่เป็นในรูปพลังงาน(พลังจิต)

    แต่ถ้าใครไม่เคยกำหนด หรือ ระลึกถึงความตายของตนเองเป็นอารมณ์ คอยหมั่นทำกันให้ชินกันเข้าไวนะ จะได้ไม่เป็นเป็นผู้หลงกาย

    ปล.ยืมธรรมะของคุณจุ๋มเยอรมันหน่อยนะว่า..ไม่มีใครนำควายไปพระนิพพาน
    พวกเราเป็นพุทธบุตรของพระพุทธเจ้า จะต้องเลิศด้วยปัญญา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 26 พฤศจิกายน 2012
  19. pporjai

    pporjai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    8,909
    ค่าพลัง:
    +16,491
    สาธุ ๆ ๆ จ้า ๆ ๆ ฝึก ๆ ๆ ปฏิบัติ ๆ ๆ มิใช่ท่อง ๆ ๆ จำไปสอบ...จะจำไว้จนตาย ไม่มีใครนำควายไปพระนิพพาน..
     
  20. อุษาวดี

    อุษาวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2012
    โพสต์:
    531
    ค่าพลัง:
    +12,151
    ** การอยู่กับคน **

    1.ในหมู่คนดี ย่อมมีคนไม่ดีปะปนอยู่ด้วยเป็นของธรรมดา
    จึงไม่ควรใส่ใจ คนไหนดีเราก็สรรเสริญ คนไหนไม่ดีเราก็ออกห่าง ไม่ยกย่อง


    2.จงรักคนทุกคน ไว้ใจบางคน

    3.อย่าทำผิดต่อทุกคน

    4.จงดูตนเสมอ

    5.เกิดเป็นคน จะสอนคน ต้องสอนตนก่อน

    6.เมื่อถูกสอน อย่าทำค้อนคำสอนเขา จะดีคนหรือคนดีจงติเรา
    จะโกรธเขาหรือเขาโกรธดูโทษตัว

    โอวาทคำสอน พระครูปราโมทย์ธรรมธาดา หลวงปู่หลอด ปโมทิโต​
     

แชร์หน้านี้

Loading...