๘. คูถขาทิกเปตวัตถุที่ ๑ ว่าด้วยบุพกรรมของเปรตกินคูถที่ ๑ พระมหาโมคคัลลานเถระได้ถามเปรตตนหนึ่งว่า [๑๒๘] ท่านเป็นใครหนอ โผล่ขึ้นจากหลุมคูถให้เราเห็นเช่นนี้ ท่านร้องครวญ ครางอื้ออึงไปทำไมเล่า ท่านมีการงานอันลามกเป็นแน่? เปรตนั้นตอบว่า ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ข้าพเจ้าเป็นเปรตเสวยทุกข์เกิดในยมโลก เพราะได้ ทำกรรมอันลามกไว้ จึงไปจากโลกนี้สู่เปตโลก. พระมหาโมคคัลลานเถระถามว่า ท่านทำกรรมชั่วอะไรไว้ด้วยกาย วาจา ใจหรือ เพราะผลแห่งกรรมอะไร ท่านจึงได้ประสบทุกข์เช่นนี้? เปรตนั้นตอบว่า ชาติก่อน มีภิกษุรูปหนึ่งเป็นเจ้าอาวาส อยู่ในอาวาสของข้าพเจ้า ท่านมี ปกติริษยา ตระหนี่ตระกูล มีใจกระด้าง มักด่าบริภาษ ได้ยกโทษ ภิกษุอาคันตุกะทั้งหลายที่เรือนของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าฟังคำของภิกษุนั้นแล้ว ได้ด่าพวกภิกษุทั้งหลาย เพราะผลแห่งกรรมนั้น ข้าพเจ้าจึงไปจากโลกนี้ สู่เปตโลก. พระมหาโมคคัลลานเถระถามว่า ภิกษุที่เข้าไปสู่ตระกูลของท่าน ไม่ใช่มิตรแท้เป็นมิตรเทียม เป็นคน ปัญญาทราม ทำลายขันธ์ละไปแล้ว ไปสู่คติไหนหนอ? เปรตนั้นตอบว่า ข้าพเจ้ายืนอยู่บนศีรษะของภิกษุผู้มีกรรมอันลามกนั้น กุลุปกภิกษุไปเกิด เป็นเปรตบริวารของข้าพเจ้า ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ชนเหล่าอื่นถ่ายมูตรคูถ ลงในเว็จนี้ มูตรคูถนั้นเป็นอาหารของข้าพเจ้าและข้าพเจ้ากินมูตรคูถ นั้นแล้ว ถ่ายมูตรคูถสิ่งใดลงไป กุลุปกเปรตนั้นก็เลี้ยงชีพด้วยมูตรคูถนั้น. จบ คูถขาทิกเปตวัตถุที่ ๘. พระไตรปิฎก ฉบับบาลีสยามรัฐ (ภาษาไทย) เล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๘ ขุททกนิกาย วิมาน-เปตวัตถุ เถร-เถรีคาถา
เปรตกินคูถ มันเป็นผลกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับการบริโภคเป็นหลัก คือบริโภคในทางที่ไม่ชอบ กินของที่ได้มาแบบไม่สุจริต กรรมก็เลยส่งผลให้มากินคูถ เช่นนักบวชที่กินของชาวบ้านแต่ทำตัวไม่เหมาะสม ข้าราชการกินสินบน พวกเลี้ยงชีพด้วยมิจฉาอาชีวะ พอหมดกรรมในนรกก็มากินคูถ