พระเขี้ยวแก้วและพระอัฐิธาตุของหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ

ในห้อง 'หลวงปู่ดู่ และ หลวงตาม้า' ตั้งกระทู้โดย Wisdom, 10 กันยายน 2007.

  1. Wisdom

    Wisdom ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    1,669
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +26,542

    หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ มรณภาพ เมื่อวันอังคารที่ ๑๗ มกราคม ๒๕๓๓
    ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานน้ำสรงศพและพวงมาลา




    [​IMG]

    [​IMG]

    ญาติโยมและศิษยานุศิษย์จากทั่วสารทิศ ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยาและจังหวัดใกล้เคียง
    ได้เดินทางมากราบเคารพศพ และรดน้ำสรงศพ หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ กันอย่างเนืองแน่น

    [​IMG]

    [​IMG]

    หลังจากหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ มรณภาพ เมื่อวันที่ ๑๗ มกราคม พ.ศ.๒๕๓๓
    ทางวัดสะแกได้ตั้งศพบำเพ็ญกุศล และมีพิธีสวดพระอภิธรรมทุกวัน
    จนถึงวันพระราชทานเพลิงศพ ในวันที่ ๒๐ เมษายน ๒๕๓๔

    [​IMG]

    [​IMG]

    ภาพพิธี พระราชทานเพลิงศพ หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ
    ในวันที่ ๒๐ เมษายน พ.ศ.๒๕๓๔
    [​IMG]

    [​IMG]

    <!-- / message --><!-- attachments -->​

    <!-- / message --><!-- attachments -->​

    <!-- / message --><!-- attachments -->​
     
  2. Wisdom

    Wisdom ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    1,669
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +26,542
    พระเกศา, ฟัน, พระอัฐฐิ ของหลวงปู่ดู่

    พระเกศาของหลวงปู่ดู่

    [​IMG]

    ฟันของหลวงปู่ดู่

    [​IMG]

    พระอัฐฐิของหลวงปู่ดู่

    [​IMG]

    พระอัฐฐิ ของหลวงปู่ดู่

    [​IMG]

    <!-- / message --><!-- attachments -->​
    <!-- / message --><!-- attachments -->
     
  3. Wisdom

    Wisdom ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    1,669
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +26,542
    พระเขี้ยวแก้วของหลวงปู่ดู่

    [​IMG]

    พระเขี้ยวแก้วของหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ

    [​IMG]

    <!-- / message --><!-- attachments -->
    <FIELDSET class=fieldset><LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>[​IMG] [​IMG] [​IMG]
    </FIELDSET>
    ------------------------------------------

    เรื่องพระธาตุพระธรรมธาตุหลวงตาม้า
    วัดถ้ำเมืองนะศิษย์หลวงปู่ดู่
    เล่าว่าหลวงปู่สอนท่านว่า
    (แกะจากคำพูดของท่านโดยตรงเพราะจดไว้)


    [​IMG]

    ----------------------------------------------

    ธรรมธาตุเกิดจากจิตธาตุธรรมคือพลังงาน(จิต)

    การจะเปลี่ยนธาตุมันต้องมาจากธาตุธรรม(จิต)ก่อน
    ถ้าจิตไม่มีธรรมจะทำให้ธาตุเป็นธรรมธาตุไม่ได้
    ซึ่งก็คือจิตหมายถึงว่าจิตมีธรรม
    จิตก็จะแปรธาตุให้มีความละเอียด
    จิตไปเปลี่ยนสภาพของดินน้ำไฟลมให้มีความละเอียด
    ส่วนที่แข็งก็เป็นเกล็ดพระธาตุ
    ซึ่งเรียกกันว่าธรรมธาตุเช่นพวกขน พวก กระดูก หรือ
    พวก ธาตุต่างๆที่รวมตัวกันเป็นธรรมธาตุด้วยอำนาจ

    จิตการอฐิษฐานของผู้มีธรรมะ มีจิตอันเป็นธาตุธรรม
    จนไปเปลี่ยนธาตุให้
    เป็นธรรมธาตุหรือพระธาตุนั้นเอง

    แต่ส่วนมากพระธาตุคำๆนี้จะนิยมใช้กับกระดูกของผู้หมดกิเลศแล้ว
    ซึ่งแปรสภาพเป็นพระธรรมธาตุ ซึ่งเป็นธาตุซึ่งเกิดขึ้นด้วยอำนาจจิต
    ของผู้มีธรรมนั้นเอง พลังงานพุทธคุณ ของพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์

    ธรรมธาตุเหล่านี้มีพลังงานบริสุทธิ์อยู่ในตัวอันเกิดจากธาตุธรรม(จิต)
    ของผู้หมดกิเลศแล้วหรือผู้ที่ทรงและโน้มนำพลังงานธาตุธรรม
    บริสุทธิ์ของพระพุทธพระธรรมพระสงฆ์ได้ พระธาตุหรือธรรมธาตุ
    จึงสามารถเสด็จได้หรือแสดงปาฎิหารย์ได้และอื่นๆ
    เป็นศิริมงคลแก่การกราบไหว้หรือน้อมนำพลังงานมาปฎิบัติที่จิต

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]
    <!-- / message --><!-- attachments -->

     
  4. Wisdom

    Wisdom ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    1,669
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +26,542
    [​IMG]
    หลวงปู่ดู่.
    "ผู้ใดที่เคยสร้างบุญสร้างกุศลมากับข้า
    เคยเป็นศิษย์เป็นอาจารย์
    เป็นลูกเป็นหลาน
    สร้างบุญกุศลมากับข้ามา


    แม้ในชาตินี้ไม่ได้พบสังขารธรรม
    ของข้า แต่พอพบ
    เห็นหลักธรรมคำสั่งสอนของข้า
    แล้วเกิดศรัทธา
    คนผู้นั้นแหละเคยสร้างบุญ
    สร้างกุศลมากับข้า
    เคยเป็นศิษย์เป็นอาจารย์
    เป็นลูกเป็นหลานของข้า



    ขอให้ตั้งใจปฏิบัติธรรมะภาวนาไตรสรณคมณ์
    พุทธัง สรณัง คัจฉามิ ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ
    สังฆัง สรณัง คัจฉามิ


    เวลาเหลืออีกไม่มากแล้ว
    รีบพากันปฏิบัติเพื่อจะได้ไว้เป็นที่พึ่งในภายหน้า
    ข้าจะคอยช่วยศรัทธาข้าจริงนับถือข้าจริง


    แกคิดถึงข้า ข้าก็คิดถึงแก แกไม่คิดถึงข้า
    ข้าก็คิดถึงแก
    ข้าอยู่ใกล้ ๆ แกจำไว้ "

    ข้อความนี้เป็นวาจาที่หลวงปู่เคยกล่าวเอาไว้.

    [b-wai][b-wai][b-wai]

    นะโมโพธิสัตโตพรหมปัญโญ
    นะโมโพธิสัตโตพรหมปัญโญ
    นะโมโพธิสัตโตพรหมปัญโญ

    ----------------------------------------------------


    [​IMG]

    หลวงปู่จากไปแค่เพียงสังขารเท่านั้น
    แต่หลวงปู่มิเคยจากไปจากจิตใจของลูกหลานทุกผู้ทุกนาม
    เพียงแต่พวกเรานึกถึงหลวงปู่ อย่างที่หลวงปู่เคยบอก
    หลวงปู่อยู่ในใจพวกเราเสมอ


    ในเรื่องของความตาย หลวงปู่เคยพูดเสมอว่า "ท่านสู้แค่ตาย" และเมื่อท่านถึงคราวละสังขาร ท่านก็แสดงถึงสัจธรรมคำพูดท่าน คือ ท่านหัวใจวายในขณะที่ท่านกำลังจะออกมาโปรดญาติโยมตามปกติ ญาติโยมบางท่านเกิดความข้องใจว่า ทำไมหลวงปู่จึงไม่นั่งสมาธิละสังขาร ผู้เขียนจึงระลึกถึงคำพูดของท่านอาจารย์ดูลย์ อตุโล ในคราวที่ปีนเขาขึ้นไปเยี่ยมพระอาจารย์ฝั้น อาจาโร ที่ถ้ำขามด้วยความยากลำบาก ท่านบอกกับอาจารย์ฝั้นว่า "ท่านไม่มีวิบากของสังขาร ถ้าเห็นว่าไปไม่ไหวก็ทิ้งไปเลย" แสดงถึงจิดของท่านที่เตรียมหร้อมทุกอิริยาบท หลวงปู่ดู่เช่นกัน ท่านไม่เคยแสดงอาการเจ็บป่วยแบบล้มหมอนนอนเสื่อให้ลูกศิษย์ได้ปฐมพยาบาล อย่างมากที่สุดคือ ท่านอนุญาตให้นายแพทย์ทำการให้น้ำเกลือ หรือฉีดยาเพื่อการสงเคราะห์เท่านั้น บางครั้งแพทย์ลงความเห็นว่า ท่านควรจะไปรักษาที่โรงพยาบาล ท่านก็ไม่ยอมไป หลวงปู่เพียงแต่บอกว่า "ไม่เป็นไร" ถ้าลูกศิษย์แสดงความกังวลออกมาท่านจะพูดออกมาว่า "ยังไม่ตายหรอก ถ้าตายเมื่อไรจะบอก" แสดงถึงความกล้าหาญ ไม่กลัวในความตายของหลวงปู่ ไม่ว่าจะเป็นเวลาใดก็ตาม

    ลูกศิษย์ที่รับใช้หลวงปู่เล่าให้ผู้เขียนฟังว่า มีอยู่วันหนึ่งดูอาการของหลวงปู่ไม่ดีอย่างมาก คิดในใจว่าจะไปโทรศัพท์เรียกนายแพทย์ หลวงปู่รีบบอกว่า "ไม่ต้องโทรไปบอก ข้าไม่เป็นไร" ด้วยความที่เธอเป็นห่วง จึงโทรตามนายแพทย์มา เมื่อนายแพทย์มาถึงและตรวจอาการก็ไม่พบอะไร เมื่อนายแพทย์กลับไปแล้ว อาการท่านก็เป็นแบบเดิม และในวันนี้ ก็เป็นวันสุดท้ายของหลวงปู่ที่จะละสังขารจริงๆ มีญาติโยมจะนำสังฆทานมาถวายท่านในตอนเย็น หลวงปู่สั่งให้ไปถวายพระองค์อื่น เงินให้ใส่ในตู้ทำบุญ นับแต่นี้ไปท่านจะเลิกรับสังฆทาน...



    <!-- / message --><!-- sig -->
     
  5. Wisdom

    Wisdom ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    1,669
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +26,542
    [​IMG]

    "ข้าไม่มีศิษย์เอก ไม่มีคนโปรด
    ข้ารักศิษย์ทุกคนเหมือนกันหมด
    ข้าอยู่กับทุกคน และช่วยเหลือเหมือนกัน
    อยู่ที่ใครจะเข้าถึงข้าได้หรือไม่
    หมั่นภาวนาเข้าไว้"

    .....................


    รูปถ่ายหลวงปู่ปรากฎกลายเป็นพุทธนิมิต

    [​IMG]

    ความเป็นมา - ความเป็นไป

    ช่วงที่ ๑​

    ประมาณเดือนตุลาคม พ.ศ.๒๕๐๙ ข้าพเจ้านายยวง พึ่งกุศล (ปัจจุบันบวชเป็นพระภิกษุวัดสะแก) (สมัยเขียนเรื่อง-leo_tn) ป่วยเป็นโรคท้องเดินอย่างกระทันหัน ได้ไปอยู่โรงพยาบาลปัญจะมาธิราชอุทิศ หมอจัดให้อยู่ในห้องพิเศษ (มีเตียงคู่และห้องน้ำ) แต่ละวันแต่ละคืน ข้าพเจ้าต้องเข้าห้องน้ำเพื่อถ่ายแบบยิบย่อย คือถ่ายมากแล้วก็ค่อยๆ ถ่ายน้อยลง แต่ต้องเข้าห้องน้ำอยู่เรื่อย ไม่มีกากถ่ายไปนั่งเบาสักนิดก็ยังดี ประมาณ ๒ ถึง ๓ นาที ก็ต้องไปเข้าห้องน้ำอีก เป็นอยู่อย่างนี้เรื่อยไปจนกว่าจะถึงเวลาเช้ามืดตี ๒ ถึงตี ๔ ก็จะอ่อนเพลียหมดกำลังหลับไปเอง พอเช้ามืดใกล้สว่างจะต้องลุกขึ้นทำสมาธิบนเตียง ซึ่งมีครูถมยาทำสมาธิอีกเตียงหนึ่ง ทุกวันทุกคืนเป็นอย่างนี้ประมาณ ๑๐ วัน

    ในคืนวันหนึ่ง ข้าพเจ้าก็เข้าๆ ออกๆ ห้องน้ำ ตั้งแต่ตอนหัวค่ำปวดท้องเหลือเกิน จะลุกขึ้นเดินก็ตัวขดตัวงอ มือประคองท้องอยู่เรื่อยไป งีบหลับไปได้หน่อยก็ตื่นขึ้นมา ต่างคนต่างทำสมาธิกันไป คืนนั้นข้าพเจ้าหลับตาเห็นแสงสว่างอย่างมากเป็นลำยาวไกลออกไปข้างหน้าอย่างประมาณหาที่สุดมิได้ แสงสว่างนั้นยิ่งมากขึ้นๆ แล้วก็ใหญ่ขึ้นจนมองเห็นต้นไม้ใบไผ่ ใบไม้สีเขียวชะอุ่มไกลลิบสุดลูกนัยน์ตา จากนั้นข้าพเจ้าได้เห็นแสงสว่างเป็นรัศมีของดวงอาทิตย์อ่อนๆ แล้วก็ค่อยๆ ลอยตัวขึ้นทีละน้อยๆ จนเห็นว่าดวงอาทิตย์โผล่ขึ้นมาจากริมเขาชายต้นไม้ เป็นสีเหลืองเข้มค่อยๆ ลอยขึ้นๆ จากน้อยมาหามาก จนใกล้จะถึงครึ่งวงกลมของดวงอาทิตย์ ตอนนั้น จิตของข้าพเจ้าได้เห็นองค์หลวงพ่อทวด เหยียบน้ำทะเลจืดได้อย่างชัดเจน!


    ความเป็นมา - ความเป็นไป
    ช่วงที่ ๒

    ข้าพเจ้าดีใจมาก รู้สึกว่าตัวของข้าพเจ้าสั่นด้วยความดีใจ ดวงอาทิตย์ค่อยๆ ลอยขึ้นทีละน้อย จนกระทั่งเต็มดวง ดวงอาทิตย์สว่างเจิดจ้า เย็นหู เย็นตา เย็นจิต เย็นใจ ขนพองสยองเกล้าจนถึงศรีษะ ตอนนั้นหลวงพ่อทวดหายไป เปลี่ยนเป็นหลวงน้าดู่ พรหมปัญโญ นั่งอยู่ตรงที่หลวงพ่อทวดนั่ง ดวงอาทิตย์ยังลอยขึ้นใกล้จะถึงตรงศรีษะของข้าพเจ้า หลวงน้าดู่หายไปกลายเป็นหลวงพ่อทวดนั่งอยู่ตามเดิม (บนดวงอาทิตย์) ดวงอาทิตย์ค่อยๆ ลดต่ำลงมาทีละน้อยๆ จนกระทั่งใกล้ถึงตรงหน้าข้าพเจ้า หลวงพ่อทวดหายไป กลายเป็นหลวงน้าดู่ ท่านลงจากดวงอาทิตย์ แล้วเดินมาหยุดข้างหลังข้าพเจ้า ก้มลงเล็กน้อย พร้อมกับยื่นมือขวามาจับพุงของข้าพเจ้า แล้วกระชากดึงพุงอย่างแรงจนตัวไหวไปทั้งตัว ๓ ครั้ง แล้วท่านบอกว่า "หาย" ข้าพเจ้าก็คิดในใจว่าท่านดึง ๓ ครั้งแค่นี้จะหายหรือ เลยลองขยับกายไปทางขวาจะปวดไหม เอ๊ะ! ไม่ปวด ลองขยับมาทางซ้ายบ้างก็ไม่ปวดอีก คราวนี้ลองอีกแรงๆ ก็ไม่เป็นอะไร ด้วยความดีใจก็บอกคุณถมยาว่า "เลิกเหอะ ฉันหายแล้ว หลวงพ่อทวดมาช่วย หลวงน้าดู่รักษาโดยการจับพุงฉันดึง ๓ ที ก็เลยหายพอดี" คุณถมยาเปิดไฟแล้วให้ข้าพเจ้าลุกขึ้นเดินภาวนา กลับไปกลับมาจากหน้าเตียงถึงประตู ๓ ครั้ง ก็ไม่เป็นไรแน่ หายดีเป็นปกติ รูปหลวงน้าดู่ที่ท่านดึงอยู่ก็หายไป เอ๊ะ นี่จะเป็นองค์ไหนกันแน่ที่ทำให้เราหาย ใจหนึ่งคิดว่าหลวงน้าดู่ดึงพุงทำให้เราหาย อีกใจหนึ่งก็คิดว่า หลวงพ่อทวดเหยียบดวงอาทิตย์มารับหลวงน้าดู่เพื่อรักษาเรา มันสับสนคิดไม่ออก หายแล้วกลับไปวัดจะต้องถามหลวงน้าดู่ให้ได้


    ความเป็นมา - ความเป็นไป ช่วงที่ ๓

    เมื่อครบกำหนด ๑๖ วัน ตามที่หมอสั่งก็กลับบ้านแล้วมาที่วัดทันที ไม่มีดอกไม้ ธูปเทียน มีแต่ใจมากราบนมัสการ พร้อมกับทองคำเปลวอย่างดี ข้าพเจ้าได้ถามหลวงน้าดู่ว่า

    ข้าพเจ้า "การที่หลวงพ่อทวด เหยียบน้ำทะเลจืด ขึ้นมานั่งบนดวงอาทิตย์ครั้งแรก แล้วต่อมาเป็นหลวงน้าดู่ พรหมปัญโญ พอจะถึงพื้นกลายเป็นหลวงพ่อทวด พอลอยต่ำลงมาถึงพื้น ก็กลายเป็นหลวงน้าดู่ ลงมาช่วยดึงพุงผม ๓ ครั้งจนหาย หมายความว่าอย่างไร เดี๋ยวเป็นหลวงพ่อทวด เดี๋ยวเป็นหลวงน้า"

    หลวงน้า "แล้วแกว่าอย่างไร"

    ข้าพเจ้า "เห็นกลับไปกลับมา ก็คงเป็นหลวงพ่อทวดองค์เดียวกัน"

    หลวงน้า "ก็อย่างแกว่านั่นแหละ"

    ข้าพเจ้า "ถ้าอย่างนั้น ก็เป็น พระศรีอริยเมตไตรย นะสิ"

    หลวงน้า "ก็หลวงพ่อทวดคือ พระศรีอริยเมตไตรย ท่านกลับชาติมาเกิดเพื่อสร้างบารมี รู้แล้วอย่าพูดไป เพราะคนที่เขาไม่เชื่อ เขาจะพากันตกนรก เราจะพลอยบาปไปด้วย"

    ทองคำที่ปิดเท้าหลวงน้าดู่นั้น
    ข้าพเจ้าติดถวายแก่พระศรีอริยเมตไตรย
    ที่เท้าของหลวงน้าดู่ พรหมปัญโญ


    สาเหตุที่นำเรื่องนี้มาเปิดเผย เนื่องจากก่อนที่จะทำการพระราชทานเพลิงศพบิดาของผู้เขียน ผู้เขียนได้มีโอกาสคุยกับน้ายวง ผู้เขียนได้ถามว่า "น้าคิดว่าหลวงปู่เป็นพระอรหันต์ หรือเป็นหน่อพุทธภูมิ" น้ายวงจึงตอบว่า "อาจารย์คิดว่าหลวงน้าเป็นอะไร" ผู้เขียนตอบว่า "ท่านเป็นหน่อพุทธภูมิ เพราะท่านเคยบอกครั้งหนึ่ง เมื่อครั้งที่นำพระนาคปรก ซึ่งหลวงปู่บุดดาฝากถวายมาให้ และมีอีกหลายอย่าง ครั้งจากนั่งสมาธิ มีคนเห็นหลวงพ่อกับหลวงพ่อทวดสลับกันไป สลับกันมา ซึ่งแสดงว่าท่านต้องเป็นองค์เดียวกัน" น้ายวงจึงตอบว่า "ถ้าอย่างนั้นผมจะเขียนเรื่องราวที่ผมสัมผัสมากับหลวงน้า ซึ่งหลวงน้าสั่งให้ปิดไว้เป็นความลับ เป็นเวลานานหลายสิบปีแล้ว คงจะถึงเวลาที่จะเปิดได้แล้ว" ผู้เขียนจึงได้นำบทความนี้มาลง ซึ่งเป็นการเขียนจากผู้มีประสบการณ์จากตัวเอง และผู้เขียนเอง มีความรู้สึกอยากสรุปเรื่องของหลวงปู่ เพราะแม้แต่เกศาหรือฟันของท่านก็กลายเป็นพระธาตุ พระเครื่องเกิดเป็นพระธรรมธาตุ ซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับพุทธวิสัย คือผู้ที่ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า ย่อมมีบุญญาธิการเกินกว่าปุถุชนอย่างเรา ไม่ควรที่จะวิจารณ์ ดังที่พระพุทธองค์กล่าวไว้ว่า เป็น จินไตย หรือแม้แต่องค์หลวงปู่เอง ท่านเคยกล่าวว่า "เรื่องของข้าบางทีก็เกินพระไตรปิฎก ต้องรู้เอง ปฏิบัติเอง พูดมากไม่ดี เดี๋ยวคนจะลงนรก"




    หลวงพ่อดู่ หลวงปู่ทวด

    วันหนึ่งในคราวที่ปลอดคน ข้าพเจ้าได้มีโอกาสอยู่ที่กุฏิของหลวงพ่อกับท่านโดยลำพัง หลวงพ่อได้เล่าให้ข้าพเจ้าฟังว่า มีลูกศิษย์นายทหารคนหนึ่งมาเล่าให้ท่านฟังว่า หลวงปู่ทวดท่านไปหลอกเขา

    "หลอกยังไงหรือครับ" ข้าพเจ้าถามท่าน

    "เขาว่าเวลาที่เขาภาวนาอยู่ หลวงปู่ทวดไปยืนอยู่ข้างหน้าเขา สักพักตัวท่านก็เปลี่ยนไป หัวเป็นหลวงปู่ทวด ตัวเป็นข้า..."
    หลวงปู่ตอบข้าพเจ้ายังไม่จบ ข้าพเจ้าอดถามแทรกไม่ได้ว่า "เขารู้ได้อย่างไรครับว่าตัวเป็นหลวงพ่อ"

    ท่านตอบข้าพเจ้าว่า "เขาจำรอยสักรูปผีเสื้อที่มือข้าได้" หลวงพ่อได้เล่าต่อว่า "เมื่อหลวงปู่ทวดไปหลอกเขาโดยแสดงให้เห็น หัวเป็นหลวงปู่ทวด ตัวเป็นข้าแล้ว สักพักก็เปลี่ยนใหม่ ทีนี้หัวเป็นข้า ส่วนตัวเป็นหลวงปู่ทวดถือไม้เท้า กลับไปกลับมาอย่างนี้"

    เรื่องที่หลวงพ่อได้เล่าให้ข้าพเจ้าฟังนี้ ตรงกับนิมิตที่ศิษย์ของหลวงพ่อหลายคนเคยมีนิมิตเกี่ยวกับท่าน คือ เป็นนิมิตรูปพระพุทธเจ้าอยู่ตรงกลาง ด้านขวา ด้านซ้าย มีรูปหลวงปู่ทวด และหลวงพ่อดู่ สักพักภาพทั้งสามก็ค่อยๆ เลื่อนมารวมเป็นภาพเดียวกัน คือ เป็นภาพพระพุทธเจ้า

    หากหลวงพ่อดู่และหลวงปู่ทวด มิใช่พระองค์เดียวกันแล้ว สมควรแล้วหรือที่นิมิตที่ศิษย์นายทหารท่านนั้นจะเห็นศรีษะของหลวงพ่อดู่ไปวางบนลำตัวหลวงปู่ทวด สมควรแล้วหรือที่ศรีษะของหลวงปู่ทวดมาวางบนลำตัวของหลวงพ่อดู่ และสมควรแล้วหรือที่ภาพพระพุทธเจ้า หลวงปู่ทวด และหลวงพ่อดู่ มารวมเป็นภาพเดียวกัน


    จากหนังสือ ๑๐๑ ปี หลวงพ่อดู่ พรหมปัญโญ


    อยู่ครั้งหนึ่ง ลูกศิษย์หลวงปู่ชื่อ "ปราณี" ได้ถามหลวงปู่เรื่องการไปนิพพานของหลวงปู่ หลวงปู่ตอบว่า


    "เรื่องอะไรข้าจะไปนิพพาน
    ข้าหวังเป็นนายร้อย ไม่ใช่หวังเป็นนายสิบ
    คนอย่างข้าต้องหักยอดฉัตร จึงสมใจ"

    หลวงปู่บุดดา ถาวโร วัดกลางชูศรีเจริญสุข จังหวัดสิงห์บุรี ท่านมาเยี่ยม เมื่อคราวที่หลวงปู่ไม่สบายก่อนมรณภาพ มีอยู่ครั้งหนึ่ง ซึ่งเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่หลวงปู่บุดดาจะกลับ ท่านได้พูดกับหลวงปู่ดู่ว่า "วันนี้ผมนำมงกุฎพระพุทธเจ้ามามอบให้คุณ นิมนต์อยู่ต่อเถิด ถ้าไม่อยู่ก็ไม่เป็นไร ที่คุณปรารถนานั้นน่ะ สำเร็จแน่ ต่อไปคุณจะได้เป็นพระพุทธเจ้า" หลวงปู่บุดดาก็ลากลับ ในวันนั้น ผู้ได้ยินหลายคน ลูกศิษย์คนหนึ่งได้เรียนถามหลวงปู่ ถึงความหมายที่หลวงปู่บุดดาพูด ท่านตอบว่า "พระอรหันต์ให้พร เราก็รับไว้ไม่เสียหายอะไร"
     
  6. Wisdom

    Wisdom ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    1,669
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +26,542
    ภาพอัศจรรย์ของหลวงปู่ดู่
    ถ่ายหน้ากุฏิท่าน
    [​IMG]

    ถ่ายภาพโดย คุณวันชัย สิริอัครพิศาล​

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG][​IMG]
    <!-- / message --><!-- sig -->
     
  7. Wisdom

    Wisdom ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    1,669
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +26,542
    [​IMG]

    [​IMG]

    ความฝันอันสูงสุด
    ช่วงที่ ๑​

    มีอยู่คืนหนึ่ง หลวงปู่เล่าว่า ท่านฝันว่ากินดาว ๓ ดวง ลักษณะที่กินเหมือนกินขนมปังกรอบ เมื่อตื่นขึ้นมานึกสงสัยว่า เราจะมีโชคลาภถูกรางวัลที่ ๑ กระมัง เมื่อคิดไปคิดมาหลายตลบก็ยังลงเอยไม่ได้ แต่คิดว่าคงเป็นของสูงกว่านี้ ประกอบกับในขณะนั้น ท่านเจ้าคุณ (หลวงปู่ใหญ่) เจ้าอาวาสวัดสะแก ท่านได้ให้หลวงปู่ช่วยเสกพระสมเด็จให้ท่าน พร้อมทั้งกำชับให้หาคาถาเพื่อใช้กับองค์พระด้วย หลวงปู่บอกว่าสูบบุหรี่ไปหลายมวน ก็ยังหาคาถาไม่ได้ ในแวบหนึ่งของจิตท่าน คิดว่า ทั้งสามโลกนี้ จะหาอะไรมาสูงสุดเทียบกับอำนาจของ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ท่านมองไปที่ถาดพระสมเด็จ แล้วระลึกถึงไตรสรณคมน์เท่านั้น ก็เป็นขึ้น คำว่า "ขึ้น" ในที่นี้คือ อาการเกิดปิติขึ้น ทางกาย ทางใจ และมีสิ่งที่ติดตามมาอีกหลายอย่าง เช่น ความสว่าง เป็นต้น จนในที่สุดท่านก็สรุปคาถาที่จะให้กับอาจารย์ใหญ่ว่า "พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ" และหลังจากนั้นท่านก็ได้มอบคาถานี้ให้กับลูกศิษย์ที่ต้องการคำภาวนา หลวงปู่พูดว่า "หลวงปู่ทวดกล่าวว่า ไตรสรณคมน์ นั้น เป็นรากแก้วของพระพุทธศาสนา พระพุทธเจ้าก่อนบวชก็เป็นพระสงฆ์ เมื่อมาค้นพบสัจจธรรมก็เป็นพระพุทธเจ้า พุทโธ นั้นแปลว่า ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ซึ่งเป็นดอกหรือผลที่เกิดขึ้น ต้องมีไตรสรณคมน์ก่อนจึงจะเป็นผู้รู้ได้"

    เกี่ยวกับพระไตรสรณคมน์นี้ หลวงปู่บอกว่า "ถ้าจิตเราเป็นแล้ว เพียงฟังคนอื่นเขาพูดก็เป็นขึ้นมาได้ เมื่อกึ่งพุทธกาลวันนั้น ฉันเดินไปถาน (ห้องส้วม) ซึ่งเมื่อก่อนอยู่หลังวัด แค่หูแว่วไปได้ยินเสียงเจ้าคุณกำลังให้ศีลบนศาลา พอได้ฟังแค่นั้นก็เป็นแล้ว แสงสว่างที่ปรากฎเต็มไปหมด ตั้งแต่นั้นมาก็มืดเลย แก้ไม่ถูก ไม่รู้จะแก้อย่างไร"

    ความฝันอันสูงสุดช่วงที่ ๒

    การที่หลวงปู่พูดเช่นนี้ ลูกศิษย์ทั้งหลายเข้าใจว่า หลวงปู่โดยปกติเป็นผู้ถ่อมตัว เมื่อมีคนไปถามเรื่องอะไรมากๆ ท่านจะพูดว่า "ข้าไม่รู้ ข้ายังมืดอยู่ มืดมาตั้งแต่กึ่งพุทธกาลแล้ว" ผู้เขียนเองเคยเรียนถามท่านว่า "มืดแล้วใจของหลวงปู่เป็นอย่างไรครับ" ท่านตอบว่า "ก็เฉยๆ สบายดี ไม่เห็นเป็นอะไร ตามเรื่องของมัน จะสว่างเมื่อไรก็ช่าง สว่างเมื่อไรข้าก็อยู่ไม่นานแล้ว" และสิ่งที่ทำให้ผู้เขียนสบายใจ เมื่อหลวงปู่พูดว่า "ขืนบอกว่าสว่างซิ รถจากวัดสะแกไปถึงถนนใหญ่ยังไม่พอเลย จะตายไวขึ้น" มีครั้งหนึ่ง ผู้เขียนเคยเรียนถามท่านถึงการปฏิบัติสมาธิว่า "การที่หลวงปู่สร้างผงพระนั้น หลวงปู่ก็ต้องเคยพบกับความสงบแล้วซิครับ" ซึ่งสาเหตุของการถามเรื่องนี้ เกิดจากการที่ท่านสอนว่า "พยายามปฏิบัติเข้า ให้ใจถึงความสงบ ข้าเองปฏิบัติมาตั้งนาน ยังไม่สงบซักที" แต่สิ่งที่หลวงปู่ตอบ ทำให้ผู้เขียนมีความปิติใจมาก คือ ท่านตอบว่า "สงบแบบนั้น มันครั้งคราวไม่แน่นอน แต่เมื่อถึงพุทธกาลน่ะซิ สงบจริงๆ" คงจะเข้าตามหลักที่ท่านว่า "นัตถิ สันติ ปรัง สุขัง สุขอื่นยิ่งกว่าความสงบไม่มี" สงบที่แท้จริงนั้นคือ สงบจากกิเลส ตัณหา และอุปทานกระมัง ที่หลวงปู่ท่านได้รับ และสิ่งที่ท่านบอกว่าท่านมืด อาจหมายถึงอวิชชานั่นเองที่มืด คือไม่สามารถเกิดขึ้นมาได้อีก เพราะจิตที่สะอาด สว่าง และสงบเท่านั้น คือความว่างอย่างแท้จริง ซึ่งหลวงปู่คงให้ปริศนาธรรมสำหรับพวกเรา ซึ่งยังมืดบอดคลำหาหนทางอยู่



    <!-- / message --><!-- sig -->
     
  8. Wisdom

    Wisdom ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    1,669
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +26,542
    [​IMG]

    VDO หลวงปู่ดู่ให้พรญาติโยมที่มาทำบุญ​

    [bigvdo]http://watthummuangna.com/vdoLuangpoodoo.wmv[/bigvdo]​

    รับชมกดเล่น / เก็บไฟล์เข้าเครื่องกด Download


    ---------------------------​

    เนื้อหาทั้งหมดในกระทุ้นี้นำมาจากเว็บ
    www.watthummuangna.com โดย
    การร่วมแรงร่วมใจของคณะลูกศิษย์หลวงปู่ดู่รวบรวม
    ข้อมูลเนื้อหาขึ้นจึงขออนุโมทนากับทุกๆท่านที่มีส่วน
    เกี่ยวข้องกับบุญในครั้งนี้เทิอญเนื้อหาเพิ่มเติมอีกมาก
    ดูได้ที่ www.watthummuangna.com

    ธรรมรักษาครับ

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • LP.jpg
      LP.jpg
      ขนาดไฟล์:
      44.4 KB
      เปิดดู:
      2,697
  9. varakorn

    varakorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2005
    โพสต์:
    157
    ค่าพลัง:
    +435
    วันนี้ได้ไปห้องสมุดให้เพื่อนขึ้นไปหยิบหนังสือธรรมะมาให้ เป็นเรื่องบังเอิญเพื่อนหยิบประวัติหลวงปู่ทวดมาให้ หนังสือเล่มนี้กล่าวถึงเรื่องการเป็นองค์เดียวกันกับหลวงปู่ดู่ไว้พอสมควรเลยครับ
     
  10. looknoi

    looknoi Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    17
    ค่าพลัง:
    +67
    คิดถึงหลวงปู่ดู่จังครับ ผมขอกราบนมัสการหลวงปู่ด้วยจิดที่เคารพยิ่ง
     
  11. Wisdom

    Wisdom ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    1,669
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +26,542
    "แกนึกถึงข้า ข้าก็นึกถึงแก" หลวงปู่ดู่
     
  12. ไก่ป่า

    ไก่ป่า Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    44
    ค่าพลัง:
    +71
    อนุโทนาครับ
     
  13. มหัสดำ

    มหัสดำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    92
    ค่าพลัง:
    +121
    อนุโมทนาครับ ที่วัดพะโค๊ะมีรูปเหมือนหลวงปู่ดู่อยู่ด้วยน่ะครับ ตามรูปผมน่ะครับ
     
  14. Wisdom

    Wisdom ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    1,669
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +26,542
    อิมินา ปุญญะกัมเมนะ

    พุทโธ โหมิ อะนาคะเต กาเล


    บุญบารมีทั้งหมดทั้งมวลที่ข้าพเจ้าบำเพ็ญข้าพเจ้า
    ขออฐิษฐานเพื่อพระโพธิญานขอให้เป็นปัจจัยให้ข้าพเจ้า
    ได้สำเร็จซึ่งพระอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณตรัสรู้เป็น
    พระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์หนึ่งในอนาคตกาลนั้นเถิด
     
  15. sukh_anand

    sukh_anand เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    206
    ค่าพลัง:
    +731
    ผมเพิ่งรู้จักองค์หลวงปู่ได้ไม่เกินสองปีที่ผ่านมา ตอนแรกผมก็ยังไม่ปักใจมากมาย แต่นานๆไปรับรู้รับฟังมากขึ้น ความสงสัยก็คลายไป ผมศรัทธาองค์ท่านขึ้นมาก ขอน้อมกราบองค์หลวงปู่ด้วยใจศรัทธายิ่งครับ วันนี้ผมไม่สงสัยในองค์หลวงปู่แล้วครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...