สอบถามเกี่ยวกับการสวดมนต์และการนั่งสมาธิครับ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย กายในกาย, 12 พฤศจิกายน 2012.

  1. กายในกาย

    กายในกาย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    439
    ค่าพลัง:
    +1,265
    ผมมีเรื่องสงสัยระหว่างความสำคัญของการสวดมนต์กับการนั่งสมาธิครับว่า เราควรสวดมนต์กี่บทแล้วจึงนั่งสมาธิครับ คือ ผมสวดไตรญาณพระชินบัญชรเป็นหลัก ต่อก็ยอดพระกัณฑ์ไตรปิฎก ฯ บทสวดปู่ฤาษี เทพ ต่อ แต่เมื่อสวดมนต์หลายบทแล้วจะทำให้มีเวลานั่งสมาธิน้อยมาก ทั้งที่ใจอยากมีเวลานั่งสมาธินาน ๆ แล้วอานิสงส์การสวดมนต์บทต่าง ๆ ก็ดีและเยอะเหลือเกิน แล้วการนั่งสมาธิก็สำคัญ ก็มีปัญหาระหว่างการสวดมนต์กับการนั่งสมาธิครับ จึงรบกวนขอคำแนะนำว่า เราควรสวดแค่บทไตรญาณพระชินบัญชร แล้วก็เอาเวลาที่เหลือไปนั่งสมาธิเลย ดีไหมครับ ส่วนบทที่เคยสวดแล้วมีอานิสงส์ที่ดีที่ได้อุทิศให้กับเทวดา สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ผี เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย นั้น จะไม่สวดแล้ว ไม่ทราบว่าจะมีผลต่อตัวผมหรือไม่ครับ ขอบคุณครับ
     
  2. นายกสิณ

    นายกสิณ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2011
    โพสต์:
    245
    ค่าพลัง:
    +251
    ถ้าจะสวดมนต์..แนะนำให้สวดพระคาถาชินบัญชร ต่อด้วยยอดพระกัณฑ์ไตรปิฎกแค่นี้พอและเริ่มนั่ง ส่วนตัวผมไม่สวดมนต์ปฎิบัติอย่างเดียว
     
  3. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    ใน สมัยพุทธกาล อยากถาม จขกท. ว่า ต้อง สวดมนต์ ก่อน สมาธิ ไหมครับ


    เล่าคร่าวๆ ประมานว่า

    คือใน สมัยก่อน นะ ยุคที่คนชื่อว่า มรรคผลนิพพานไม่มีแล้ว หมดแล้ว อะไรแบบนี้ ก่อนที่ หลวงปู่มั่นจะ บรรลุอรหันต์นะครับ

    สมัยนั้น เวลาก่อนทำ สมาธินั้น จะต้องมีการ บริกรรม คาถา ต่างนาๆ ขออ้วนวอน สวดมนต์ต่างๆ ก่อนทำ สมาธิ จนมาถึง หลวงปู่มั่น แก้ หลวงปู่เสาร์ ครับ

    พระป่าสายหลวงปู่มั่น ในปัจจุบัน อาจจะไม่ค่อยเจอ หรือเห็นว่า ต้องมีการสวดมนต์ หรือ ขออ้อนวอน ต่างๆนาๆ นั้นเองครับ

    หรืออาจมีบ้าง พบเห็น แล้วแต่ สถานที่ครับ แล้วแต่ ภูมิภาค ครับ ที่ยัง มีการ สวดมนต์

    ซึ่ง จะแก้พระทางสายหลวงปู่มั่น นั้นเองครับ ที่ สมัยนั้น ก่อนทำ สมาธิ ต้อง ขออ้อนวอน สวดมนต์ บริกรรม คาถา ต่างนาๆ ครับ

    ลองอ่านดูครับ คำเทศน์หลวงปู่มั่น แก้ หลวงปู่เสาร์




    คำเทศน์หลวงปู่มั่น แก้ หลวงปู่เสาร์ copy มาส่วนนึง ถ้าอยากอ่านเต็มๆ ลองเข้า ลิ้งไปฟังเสียง เทศน์ ได้ครับ

    เทศน์เช้า วันที่ ๒๖ พฤษภาคม ๒๕๕๕

    พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

    ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี




    ธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกให้แก้ไขปัจจุบัน แต่แก้ไขปัจจุบัน สิ่งที่มันเป็นมานี่ เห็นไหม เป็นมาทำไมคนอื่นเขาคิดไม่เหมือนเรา? ทำไมคนอื่นเขามีความรู้สึกนึกคิดไม่เหมือนเรา? ทำไมคนอื่นเขาแยกแยะเหตุผลอย่างนี้ได้?

    นี่ไงนี่พละ พละคือกำลังของใจ กำลังของใจมันต้องสร้างมา ดูสิเวลาหลวงปู่มั่นท่านบอกท่านปรารถนาเป็นพระโพธิสัตว์เหมือนกัน ท่านปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าเหมือนกัน เวลาท่านสร้างของท่านมา เวลาท่านปฏิบัติไปสิ่งนี้ก็มากางกั้นของท่าน หลวงปู่เสาร์ท่านก็ปรารถนาเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า เป็นพระปัจเจกฯ คือว่าเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า แต่หลวงปู่มั่นท่านปรารถนาเป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

    เวลาภาวนาไป นี่ดูสิดูปัญญาสิ เวลาเริ่มต้นหลวงปู่เสาร์ท่านก็ฝึกฝนหลวงปู่มั่นมา พอหลวงปู่มั่นท่านปฏิบัติไปแล้วท่านติดขัดของท่าน เพราะเป็นอาจารย์ใช่ไหม? เราเป็นเด็กน้อย เรามีอาจารย์เราก็อยากถามอาจารย์ของเรา พอไปถามหลวงปู่เสาร์ หลวงปู่เสาร์บอกว่า “เราแก้ท่านไม่ได้หรอก ปัญญาท่านเยอะมาก ท่านต้องแก้ตัวของท่านเอง”

    หลวงปู่มั่นท่านต้องหันกลับมาแก้ไขตัวของท่านเอง พอแก้ไขตัวของท่านนะ นี่ไงนี่บารมีธรรม บารมีสิ่งที่สร้างมา พอแก้ไขตัวท่านเสร็จแล้ว ท่านกลับไปแก้หลวงปู่เสาร์ เพราะหลวงปู่เสาร์เวลาท่านภาวนา เห็นไหม “ขอให้ธรรมมาสถิตที่ตา ขอให้ธรรมสถิต...” นี่ขอเอา คือสวดมนต์อ้อนวอนก่อน พอสวดมนต์อ้อนวอนก่อนเสร็จแล้ว แล้วค่อยประพฤติปฏิบัติใช่ไหม?

    หลวงปู่มั่นบอกว่าไม่ต้องสวดหรอก นี่การขออ้อนวอนมันก็คือการปฏิบัติอ่อนๆ ถ้าเราปฏิบัติเลย เรากำหนดพุทโธเลย จิตใจมันเข้มแข็งกว่า จิตใจมันทำเต็มไม้เต็มมือกว่า เอาปฏิบัติเลย” นี่แก้ไขกันอยู่ ๓ ปี กว่าหลวงปู่เสาร์ท่านจะวางทิฏฐิอันนี้ คือวางความผูกพันของใจอันนี้ ที่ว่าไม่ได้ เวลาปฏิบัติต้องสวดมนต์ก่อน ต้องจัดการก่อน นี่หลวงปู่มั่นท่านไปแก้



    http://www.sa-ngob.com/content_show.php?content=3228


    copy มาส่วนนึง ถ้าอยากอ่านเต็มๆ ลองเข้า ลิ้งไปฟังเสียง เทศน์ ได้ครับ


    ลองอ่านดูครับ



    ผมตอบประเด็นในเรื่องของ จขกท. คนเดียว ที่ถามเรื่อง การ สวดมนต์ก่อนนั่งสมาธิ เท่านั้นครับ

    อ่านแล้ว อย่าเข้าใจผิดๆ เรื่องการ สวดมนต์ไม่ดี หรือ การใช้คำภาวนาไม่ดีนะครับ ไม่เกี่ยวกัน

    อ่านแล้ว อย่าเข้าใจผิด บทสวดมนต์ คำภาวนาไม่จำเป็นนะครับ.

    ตอบแค่ในเรื่อง ของการปฏิบัติ ครับ


    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 พฤศจิกายน 2012
  4. ปัญฺญาวโร

    ปัญฺญาวโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    143
    ค่าพลัง:
    +923
    ก่อนทำสมาธิ ควรสวดมนต์ก่อน เป็นการตั้งสติก่อนสตาร์ท ด้วย นะโมฯ นะโมแปลว่านอบน้อม
    ต่อด้วย ไตรสรณคมน์ คือ ขอพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง ต่อด้วยบูชาพระรัตนตรัย สมาทานศีล สมาทานพระกรรมฐาน แผ่ส่วนกุศล นั่งสมาธิ แผ่ส่วนกุศล กรวดน้ำ
     
  5. ยอดคะน้า

    ยอดคะน้า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2010
    โพสต์:
    947
    ค่าพลัง:
    +710
    ขอให้เข้าใจ วิธีการ ทำสมาธิ

    สมาธิ หากกล่าวกลางๆ คือ จิตตั่งมั่น ไม่หวั่นไหว

    วิธีทำสมาธิ ทำได้หลายทาง

    การ จดจ่อกับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ก็เรียกสมาธิ
    มีความแนบแน่น กับสิ่ง ที่จดจ่อ แล้ว มีความต่อเนื่องและการชำนาญ
    จะทำให้เข้าสู่ความละเอียดความแนบแน่น
    จน จิตเริ่มเป็นสมาธิ เข้าสู่ลำดับของฌาน

    การสวดมนต์ คือการบริกรรม เพียงแต่ บทบริกรรมยาว

    การบริกรรม ยังจิตให้อยู่ในระดับอุปจารสมาธิ

    แต่ทว่า
    หากชำนาญจริงๆแล้ว สามารถพลิกแพลง
    ไปได้ หลายสายเลยทีเดียวเมื่อเราชำนาญจริงๆ
    จะน้อมไปสร้างรูปนิมิต เพื่อฝึก มโนมยิทธิก็ง่าย

    จะน้อมไปเพื่อฝึกอาโลกสิณก็ง่าย
    จะน้อมไปเพื่อทิพจักษุก็ง่าย

    จะน้อมไปทำกายคตาสติก็ง่าย

    ทีนี้ มาทำความเข้าใจกับ บทสวดมนต์ นิดนึง

    คำว่ามนต์ คือ คำสอนหลักประพฤติปฏิบัติ

    เพียงแต่ว่า ที่เราสวดมมนต์จะเป็นภาษาบาลี
    หากสักแต่สวดก็จะได้ กำลังทางจิต
    แต่หากเข้าใจความหมายด้วยก็จะน้อมไปฝึกตามได้ด้วย

    สมัยพุทธกาล ภิกษุผู้ปราถนาวิปัสนา มาเรียน วิปัสนาธุระกับสำนักพระพุทธเจ้า
    แล้วไปอยู่ป่า แต่อยู่ไม่ได้ ด้วยโดน อมนุษย์ ผีสาง มารบกวน แลบลิ้นปริ้นตา หลอกหลอน ทำเอาภิกษุ เจริญวิปัสนาไม่ได้
    จึงได้กลับ มารายงานพระพุทธเจ้า
    พระพุทธเจ้า ท่านจึง ให้ มนต์คือคำสอนไปอีก
    ชื่อว่า บท กรณียเมตราสูตร

    เมื่อภิกษุ ได้ มนต์นี้แล้ว ก็กลับเข้าป่าไปอีก ทำตามคำสอนนั้น
    ไม่นานก็สำเร็จอรหันต์

    สมัยพระพุทธกาล ไม่มีอุปกรณ์ ในการบันทึกคำสอน
    เวลาพระพุทธเจ้าสอน
    จึงต้องมีการ สวดมนต์อยู่เป็นประจำ
    นั่นคือ การทวนคำสอนของพระพุทธเจ้า
    เพื่อให้จำวิธีการ และแม่นในวิธีการ เพื่อนำไปทำตาม

    ยกตัวอย่างภิกษุกลุ่มหนึ่ง เข้าป่าไป
    ได้ทำการนัดแนะว่า เวลานี้ เป็นเวลาทำสังฆกรรม
    คือ อบรมทวนศีล ทวนข้อวัตร ก็จะมาประชุมกัน สวดมนต์ นั่นคือ
    สาธยายคำสอน เพื่อ ให้เข้าใจ แล้วก็แยกย้ายกันไปเจริญ
    ตามที่เหมาะสมแต่ละองค์
     
  6. jinny95

    jinny95 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6,074
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +9,666
  7. Norlnorrakuln

    Norlnorrakuln เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    3,813
    ค่าพลัง:
    +15,095
    "เคยได้ยินว่าการสวดมนต์เป็นยาทา วิปัสสนาเป็นยากิน"

    ทำให้ควบคู่กันไปก็ดีครับ ดูอย่างพระสงฆ์ท่าน ยังมีการทำวัตรส่วดมนต์กันเป็นประจำ!
    บทไหนที่เราเลื่อมใสศรัทธา ก็สวดไปเถอะครับแต่ต้องเป็นบทที่บัณฑิตชนส่วนใหญยอมรับ!
     
  8. ทศมาร

    ทศมาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2010
    โพสต์:
    166
    ค่าพลัง:
    +237
    มีบทสวดบทนึงชื่อคาถานกยูง เป็นเรื่องของพระโพธิสัตว์ตอนเกิดเป็นนกยูง ก่อนท่านจะออกหากินในทุกเช้าๆ จะท่องว่า ขอนอบน้อมแด่พระอรหันต์ทุกๆพระองค์ ถ้าบทสวดแล้วใจน้อมไปในความดีงามที่สูงส่ง จะสั้นจะยาว ก็ดีทั้งนั้นครับ
     
  9. wechza

    wechza เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    181
    ค่าพลัง:
    +246
    การสวดมนต์ก็เป็นการทำสมาธิอย่างหนึ่นะครับ เมื่อเริ่มสวดใจเราก็จดจ่อต่อบทคาถานั้นๆถ้าชอบสวดก็สวดไปเลยสวดไปเรื่อยสวดในใจก็ได้หรือสวดจนเสียงหายไปเลยยิ่งดี(หมายถึงสวดจนเสียงเงียบไปเองเหมือนเรากำลังสวดแต่ไม่ได้ออกเสียง)และการแผ่เมตตานั้นสำคัญอยู่นะ อานิสงค์ของการแผ่เมตตาคือทำให้ผู้อื่นรักใคร่เอ็นดูเป็นที่รักของเทวบุตรเทวดายักนาคอินพรหมยมบาล และที่สำคัญเจ้ากรรมนายเวรควรอย่างยิ่งที่จะแผ่เมตตาให้เขา ผู้ที่แผ่เมตตาเป็นนิจได้ชื่อว่าเป็นผู้ไม่มีสตรูนั่นเอง
    ปล.ถ้าสวดแบบอ้อนวอนอย่าสวดเลยครับ แต่ถ้าสวดเพื่อให้จิตใจสงบสวดไปเลย
    บางท่านก็ชอบสวด
    บางท่านชอบนั่ง
    บางท่านชอบเดิน
    บางท่านชอบนอน
    บางท่านชอบฟัง
    บางท่านชอบเทศนา
     
  10. firstini

    firstini เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,213
    ค่าพลัง:
    +3,770
    ผมสวดมนต์ประมาณ ๑๐-๑๕ นาทีครับ
    ส่วนใหญ่ก็นะโมฯ ขอขมาพระรัตนตรัย พุทธคุณ ธัมมคุณ สังฆคุณ
    แล้วก็สมาทานพระกรรมฐาน อาจจะมีบทอื่นๆก็แล้วแต่อารมณ์
    แล้วก็นั่งสมาธิเจริญพระกรรมฐาน กี่นาทีก็ตามใจ
    จากนั้นก็แผ่เมตตา(บางทีก็แผ่เมตตาก่อนหรือระหว่างเจริญสมาธิ)
    แล้วค่อยอุทิศบุญกุศล

    การสวดมนต์ก็คือการวอร์มเรื่องสติและสมาธิแล้วก็โน้มใจไปหาความดี
    สวดมนต์ไม่ต้องนาน แต่ทำอารมณ์ใจให้ดีๆ ลึกๆ

    การอุทิศส่วนกุศลก็เป็นการเจริญเมตตากรุณา
    แล้วเจ้ากรรมนายเวร ก็ควรอุทิศให้เมื่อมีโอกาส
    จะเข้ามรรคผล ก็ควรจะเคลียร์ทางไม่ให้ลำบากนัก
     
  11. กายในกาย

    กายในกาย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    439
    ค่าพลัง:
    +1,265
    ขอบคุณกับทุกท่านที่ตอบกระทู้ให้หายสงสัยด้วยครับ ขอบคุณครับ
     
  12. ชินนา

    ชินนา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    192
    ค่าพลัง:
    +248
    บางคนชอบอ่านหนังสือแบบเงียบๆ ในใจ

    บางคนชอบอ่านหนังสือแบบมีเสียง ถึงจะมีสมาธิ อ่านรู้เรื่อง

    หลักการนี้ก็คล้ายกันกับการทำสมาธิ
    เราตั้งใจสวดมนต์ด้วยความตั้งมั่น มีอารมณ์เดียวอยู่ในบทสวดมนต์ ก็เป็นสมาธิ
    ถ้าเราเข้าใจคำแปลด้วยเช่น แปลเป็นใจความว่าสรรเสริญพระรัตนตรัย แล้วเราก็ซาบซึ้งกับคำสรรเสริญนั้น เรากล่าวออกมาอย่างจริงใจ ก็เป็นการบำเพ็ญบารมีอยู่ในตัวเสร็จ

    และสมาธิด้วยวิธีนี้ก็สามารถอุทิศส่วนบุญให้เหล่าสรรพสัตว์ได้เช่นเดียวกัน

    สรุปก็คือไปตามจริตล่ะกันครับ อย่าไขว้เขว พะวงกับรูปแบบมากนักครับ
     
  13. Bull_psi

    Bull_psi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    889
    ค่าพลัง:
    +1,445
    คำถามว่าจะมีผลต่อตัวผมอย่างไร นี่เป็นวิทยาศาสตร์นะครับ
    เราก็จดบันทึกครับว่าแตกต่างไหม แต่ละคนก็ล้วนมีกรรมแต่ละคนนะครับ
    ถ้าผลว่าสวดแล้ว โชคดี สวดเลยทุกวัน ทำไมจะไม่สวดก็ได้ผลดี
    ถ้าไม่ได้ผลดี ก็ดูสาเหตุว่าที่มันไม่ดีมันเพราะอะไรก็แก้ไปตามเหตุ

    มีความเหมาะแตกต่างกัน เหมาะกับคนใหม่ กำลังใจยังไม่แน่น
    แต่สำหรับพวกบ้าพลังนั่งสมาธิแล้วกำหนดจิตเอาเลยครับ

    โดยรวม
    - สวดมนต์ สร้างสมาธิในอยู่ในทุกคำที่สวด
    - ถ่ายทอดคำสอน
    - สร้างความเชื่อมั่นในผลของแต่ละบทสวด เหมือนกำหนดจิต
    - เป็นการไวเบรชั่นกำลังลมปราณ ด้านร่างกาย
    - แรงครู (อจินไตย)
     
  14. rungdao

    rungdao เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    2,019
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +10,732
    ขออนุญาติออกความเห็นนะคะ ... จุดมุ่งหมายคือที่เดียว แต่ทางที่จะไปถึงมีหลายเส้นทางค่ะ กสิณก็มีตั้งหลายกอง จริตคนเราไม่เหมือนกันค่ะ ...
    บางคนนั่งสมาธิ
    บางคนเดินจงกรม
    บางคนนอนภาวนา
    บางคนกำหนดลมหายใจทุกอริยบท
    บางคนสวดมนต์
    .................. ฯลฯ
    ไม่มีใครรู้ดีเท่าตัวเราเอง ทำแบบไหนแล้ว สงบ การปฏิบัติก้าวหน้าก็อันนั้นแหละค่ะ ......
     
  15. Bull_psi

    Bull_psi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    889
    ค่าพลัง:
    +1,445
    อนุโมทนากับผู้ปฎิบัติที่ไม่ติดแรงเงานะครับ เอา1ชม.จะนั่งสมาธิ
    จะสวดมนต์ให้จิตเข้มแข็งมีเครื่องมือเผชิญทุกข์ครับ :boo::cool:
     

แชร์หน้านี้

Loading...