อันว่าด้วยเรื่องของ ซาตาน

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย นายเมธี12, 5 กันยายน 2007.

  1. นายเมธี12

    นายเมธี12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    620
    ค่าพลัง:
    +540
    เรื่องมีอยู่ว่าผมก็ได้ยินเรื่องราวมาจากเพื่อนผมอีกที นึง ซึ่งผม เป็น คนที่นับถือศาสนา พุทธ แต่ ดันไปเจอเรื่องลี้ลับเกียวกับซาตานซะได้นิ แถมยังได้เจอกับตัวเองอีกยังขนลุกไม่หาย ได้เจอกับซาตาน
    [​IMG]
    แปลกๆ เรื่องที่ผมเจอนั้นผมจะมาเล่าภายหลังนะคับผมจะเล่า เกียวกับ ขีดจำกัดของมนุษย์ เคยสังเกตุไหมคับว่า นักมายากล ส่วนใหญ่ ทำไมเขาถึงมีความสามารถที่เหนือมนุษย์ แต่นักมายากลส่วนมากก็ใช้เทคนิคแทนซึ้งไม่มีอะไรก็เป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาๆ เล่าลืมกันมาว่า แต่ก่อน พวกที่มีคาถาเวทมนต์ จะเป็นพวกพ่อมดหมอผี ชาวบ้านต่างกันหวาดกลัวต่างๆนานาจึง หาว่า พ่อมดนับถือซาตานเป็นพวกนอกรีต เป็นพวกที่ จะนำพาแต่สิ่งชั่วร้าย มาสู่ชุมชน บ้าน และครอบครัวของตน จึง ต้อง นำพ่อมดหมอผีพวกนั้น มาเผาทั้งเป็น จึงจะแก้คำสาปได้ กลับมาที่นักมายากลกันต่อ จริงๆแล้ว ความสามารถก็ต่างกันไป แล้ว นักมายากล จิงหรือเท็จ ที่เป็นพ่อมดหมอผีเหมือนดั่งในอดีตที่เค้าเล่าลือกันมา ซึ่งใช้อาชีพนักมายากลมาบังหน้าเพื่อที่จะได้ไม่ต้องถูกกล่าวหาว่าเป็นพ่อมด มนต์ดำ ศาตร์มืด แท้ที่จริงแล้วเป็นอย่างไรผมก็ไม่ค่อยรู้รายละเอียดมากนัก เค้าว่ากันว่า นักมายากล เดิมทีก็เป็นมนุษย์ธรรมดา เพียงแต่มีความโลภมีกิเลศ มีตันหาอยากได้นู๊นได้นี่ ซาตานจึงยื่นข้อเสนอให้ถ้าหากต้องการความสามารถนั้น จะต้องขายวิญญาณให้กับซาตาล เพื่อแลกกับความสามารถที่ได้รับบางอย่างมาเป็นความสามารถของตัวเอง ส่วนวิญญาณที่ขายให้กับซาตานนั้นอันนนี้ผมไม่รู้มากนัก บ้างก็ว่า ไปเป็นทาสรับใช้ชั่วกับชั่วกัล บ้างก็ว่าไปเป็นอสูรกาย แล้ว นักมายากลส่วนใหญ่ที่ขายวิญญาณให้กับ ซาตาน จะมีชื่อขึ้นต้นว่า David ทุกคน เคยสังเกตุไหมคับ น่านแหละ คนๆนั้นได้ขายวิญญาณให้กับซาตานแล้ว แต่ก็ใช้ชีวิตใน ภพนี้เหมือนคนปรกติทุกอย่าง แล้ว จะต้องแสดงให้ประจักต่อสายตาผู้คนทั่วๆไป ถึงจะมีพลังนั้นเพิ่มขึ้นถ้าหากไม่แสดงๆอิทฤธิ์เลย พลังนั้นก็จะค่อยๆหายไป เรื่องที่ผมพอจะรู้ก็มีคร่าวๆแค่นี้คับ ส่วน ซาตานนั้น ไม่ได้ให้แค่ พวกนักมายากล อย่างเดียว ยก ตัวอย่างหนังเรื่อง เดอะโกสไรเดอร์ ซึ้งเป็นการทำสัญญา กับซาตาน ก็คล้ายๆ กัน แต่ เรื่องนี้ผมรุ้มาก่อนที่หนังเรื่องนี้จะออกมานะคับ
    [​IMG]
    อ๋อแล้วอีกอย่างนึงที่ผมรู้ๆมา นักมายากลแต่ละคนจะมีหนังสือ ปริศนาประจำตัวอยู่คนละเล่ม เป็นปกสีดำ เล่มหนาๆ หนามากๆ หนักด้วย หน้าปกเขียนอะไรไม่รู้ผมก็ไม่เคยเห็น
    อ่อ ลืมกราบสวัสดีเพื่อนพี่ๆน้องด้วยนะคับผมเป็นสมาชิกใหม่ได้ไม่นาน ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคับผิดพลาดประการใดก็ขอ อภัย มานะที่นี้ด้วยนะคับ อโหสิกรรมด้วยนะคับ
    ตอนนี้ กระพ้มต้องขอตัวไปทำงานก่อนแล้วกัน คงจะมาเล่าไม่ทันเอาไว้พรุ้งนี้จะมาเล่าต่อนะคับ ขอบคุณที่สละเวลามาอ่านเรื่องเล้นลับกระทู้นี้นะคับ ขออนุโมทนาคับ

    ผมเล่าประสบการณ์ใน ตอบกระทู้ที่9นะครับลองไปอ่านได้คับ
    ขอบคุณที่สละเวลามาอ่านเรื่องเล้นลับกระทู้นี้นะคับ ขออนุโมทนาคับ

    อ๋อเกือบลืมผมฝากคลิ๊ปในนี้ได้ไหมคับ ถ้าไม่ได้ผมจะทำการลบในภายหลังนะคับ นี่คับคลิ๊บของนักมายากล ท่านนึงที่ทำให้ผมทึ้งคนแรก
    PHP:
    http://www.youtube.com/watch?v=-OcdOhank0A&NR=1
    สังเกตุดูบรรยากาศกับเสียงดูดีๆ ว่าไม่ได้ตัดต่อแต่อย่างใด
    ส่วนนี้อีกคนนึง
    PHP:
    http://www.youtube.com/watch?v=sBQLq2VmZcA
    นักมายากล ต่างจาก คนที่มีพลังจิตสูงๆ นะคับ ถ้าคนที่มีพลังจิตมากๆไปโชว์อย่างนี้ มันก็จะเสื่อม ส่วนนักมายากล(คนที่ขายวิญญาณให้กับซาตาน) ยิงทำให้ประจักต่อสายตามนุษย์ ยิ่งทำให้พลังของตัวเองแข็งแกร่ง

    ขออนุโมทนา ทุกท่านประสบแต่สิ่งดีๆมีโชคมีลาบมีน้ำตกเอ๊ยไม่ใช้มีความสุข ค๊าบปป สาธุ สาธุ สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 6 กันยายน 2007
  2. ถิ่นธรรม

    ถิ่นธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    1,824
    ค่าพลัง:
    +5,398
    มารที่ดูน่ากลัว ไม่น่ากลัว แต่มารที่ดูไม่น่ากลัว กลับน่ากลัวกว่า
     
  3. อักขรสัญจร

    อักขรสัญจร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    4,513
    ค่าพลัง:
    +27,181
    ภาษาไทยเรียกรับขันธ์
     
  4. กิเลศเยอะ

    กิเลศเยอะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    192
    ค่าพลัง:
    +676
    หนังสือที่เขาถืออยู๋เล่มดำๆอะครับ
    คือหนังสือเขียนเทคนิคมายากลครับ
    แล้วผมว่านักมายากลไม่ได้ขายวิญญานให้ซาตานหรอกครับ
    เดี๋ยวผมจะเอากลนึงมาให้ดูแล้วคุณคิดเอานะ
     
  5. กิเลศเยอะ

    กิเลศเยอะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    192
    ค่าพลัง:
    +676
  6. กิเลศเยอะ

    กิเลศเยอะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    192
    ค่าพลัง:
    +676
    บางอย่างเขาก็ตัดต่อครับ
    แบบว่าคนที่ดูอะหน้าม้าทั้งหมดครับ
     
  7. นายเมธี12

    นายเมธี12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    620
    ค่าพลัง:
    +540
    ขอบคุณคับท่าน อักขรสัญจร
    ขออนุโมทนา คับ
    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 5 กันยายน 2007
  8. นายเมธี12

    นายเมธี12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    620
    ค่าพลัง:
    +540
    ใช้ครับก็อย่างที่ผมเขียนไว้บนด้านบน นักมายากลบางคนเป็นคนธรรมดาแต่ใช้เทคนิกช่วยเท่านั้น แล้วอีกอย่างคริสแองเจิ้ลหน่ะ ผมดูแล้วส่วนใหญ่อาจจะเตี้ยมกันเยอะไม่น่าเชื่อถือมากเท่าไหร่
    แต่เรื่องที่ทำให้ผมเชื่อเรื่องนี้ก็คือผมได้เจอกับตัวเอง เจอซาตานจริงๆ หน่ะคับ เลยทำให้เชื่อ ส่วน เรื่อง หนังสือ จริงๆแล้ว ก็ถูกนะคับแต่ถูกครึ่งเดียว ส่วนอีกครึ่งผมจะค่อยอธิบายทีหลังนะครับ วันนี้ง่วงมากๆ ขอตัวไปนอนก่อน อ่อ อีกอย่าง คลิสแองเจิ้ลไม่ได้ใช้ ชื่อ David นะ มันมองได้หลายอย่างคับ นักมายากลบางคน จะใช้ชื่อแฝง แต่บางคน ไม่ชอบแอบแฝง บอกชื่อไปซะดื้อๆอย่างนั้นเลย ให้โลกได้รู้ได้จารึกชื่อไว้ ก็มีหลายอย่างที่เรื่องนี้ดูยากจิงๆ

    ขอบคุณที่ออกความคิดเห็นนะคับ คนที่ขายวิญญาณ เค้าก็ทำให้เชื่อว่า อย่างนั้นแหละคนจะได้มาดูเยอะๆบ่อยๆ คือมายากล แท้ที่จริงไม่ใช้ คือเวทย์มนต์ บางครั้งใช้เวทมนต์ แต่ เฉลย คนละอย่าง เอากลง่ายๆมาเฉลย เฉลยไปงั้นๆให้คนเข้าใจว่ามันเป็นเพียงมายากล เพราะ มายากลเฉลยมันก็ไม่ใช้มายากลสิใช้ไหมคับ มายากลต้องเป็นความลับถึงจะเป็นมายากล

    [​IMG]

    ขออนุโมทนาคับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 5 กันยายน 2007
  9. นายเมธี12

    นายเมธี12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    620
    ค่าพลัง:
    +540
    ผมเริ่มเล่าเลยนะคับว่าผมได้เจอซาตานเมื่อไหร่นั้นที่ผมจำได้คือเมื่อปี49ปีที่แล้วนี้ช่วงต้นๆปี ผมก็ใช้ชีวิตปรกติ แต่ มันเป็นวันที่มีบรรยากาศแปลกๆ เช้าวันนั้นเป็นวันที่ปรกติเหมือนทุกๆวัน จำไม่ค่อยได้ว่ามันเป็นวันไหนจันทร์หรืออังคารนี่แหละคับ แล้ว ผมก็ไปทำธุระอะไรเสร็จกลับมาบ้าน บรรยากาศในนั้นมันหวิวๆพิกลบอกไม่ถูกในบ้านที่อยู่ประจำมันเหมือนไม่ใช้บ้านของเรา มันรุ้สึกร้อนพ่าวๆไปทั้งร่าง และในตอนนั้นเองผมก็ได้มานั่งบนเตียงที่มีอาการเหนื่อย นิดหน่อย แล้วสักพักเหมือนกับว่าผมวู๊ปไปสักครู่หนึ่ง แล้วบรรยากาศมันเปลี่ยนไป เหมือนอยู่ในขุมนรก นึกในใจโธ่นี่เราตายแล้วเหรอ-*- ยังไมได้แต่งงานเลย แต่ตรงที่ผมนอนก็รู้สึก เหมือนกับว่า ร่างวิญญาณ กับกายหยาบแยกออกจากกันอยุ่คนล่ะที่แต่ก็ยังคงเป็นเหมือนอยู่ที่ๆเดียวกันผมลองยกแขนขึ้นเหลือบไปเห็นกายหยาบกับมือที่เป็นอีกมือนึงซึ้งผมก็นึกในใจคนอะไรจะมีแขนซ้าย2ข้างได้ไงวู๊ๆๆ (นึก ปนตลกแก้ความกลัว) อีกมือนึงต้องเป็นมือที่เป็นวิญญาณแน่นอน แต่เหมือนกับมีแม่เหล็กดูดเข้าหากัน เข้าไปกับร่าง แต่ผมลองพยายามที่จะลุกขึ้นก็ลุกไม่ได้ ตอนนั้นผมนอนหงายแต่หน้าหันไปทางซ้าย บรรยากาศ โผลเผล้ มันเหมือนกับตอน หัวค่ำที่ สะหลัวๆ พระอาทิตย์เกือบจะตก ลับเขาไปแล้วพอผมสังเกมส์มันเหมือนมีเปลวไฟล้อมรอบ แต่บรรยากาศสะหลัวๆนะคับ งงไหม ผมก็งง เหมือนกับ ร่างกายและจิตวิญญาณยังประสานกันอยู่ วิญญาณ ผมอาจจะอยู่ที่ไหนสักแห่งส่วนร่างกายเนื้อ ยังอยู่ที่เดิมซึ่งก็รุ้สึกบรรยากาศสลัวๆ แล้วผมก็พยายามสักเกตุบริเวณรอบๆห้องที่มันเป็นความรู้สึกของกายเนื้อ ก็ไม่มีอะไรแตกต่าง สักพักผมก็หันไปทางขวา ปรากฏว่า ได้เจอจังๆ ซาตาน ผมนึกในใจ ตัวเป็นๆรึเปล่าเนี๊ยะ ตอนเห็นผมก็ไม่ได้ตกใจอะไร ก็งง อยู่เหมือนกัน เจอตัวอะไรแปลกๆไม่ตกใจเอ๊ะยังไง คงเป็นเพราะผมยังสัมผัสความรู้สึกของวิญญาณเลยไม่ได้มีความรู้สึกกลัวอะไร ผมก็นึกว่า นี่เราโดนผีอำรึเปล่า ขอบอกว่าต่างกันเยอะคับ ผมก็เคยโดนผีอำ ถ้าผีอำมันจะเป็นความรู้สึกอีกอย่างหนึงซึ่งถ้าคนโดนผีอำจะไม่รู้สึกตัว แต่นี้ไม่ใช้ แถมในบ้านผมมีสิ่งศักสิทธิ์ และมี ศาลพ่อปู่แม่ย่า อยู่ เพราะคนที่บ้านเป็นคนหัวโบราณ เล่าต่อๆๆเรากลับมาตอนที่ผมประจันหน้ากับซาตาล ลักษณะ ไม่เหมือนอย่างในรูปเลยนะคับที่ผมเคยลงไปหน่ะ ลักษณะที่ผมเจอทั้งตัวจะเป็นไฟทั้งตัว ดวงตาเป็นวาวประกายไฟ แล้วตัวสูงใหญ่ เกือบชนเพดาน ผมรุ้สึกได้เลยว่าไอตัวสัปหลาดที่เจอมัน คือซาตานชัว100%[​IMG]


    อะไรคล้ายคลึกกับในรูปแต่ไม่เหมือน ดูน่าเกรงขามกว่า ตัวใหญ่อ่ะ สูง3เมตรเห็นจะได้มั้งก็น่ะตัวใหญ่ซะขนาดนั้น มีเขา แล้วข้างหลังจะมืดๆเหมือนมีบริวารอยู่เต็มอื้อไปหมด ซึ่งผมก็นอนอยู่ข้างหน้าเลยเหมือนแทนบูชายันในหนังยังไงยังงั้น -*- ทั้งๆที่ไม่ได้ดูเล๊ย เปรียบเทียบนะคับ แต่ร่างเนื้อ ก็นอนอยุ่บนเตียงตัวเองแหละคับ แล้วรายละเอียดส่วนปีกย่อยผมจำไม่ได้แล้ว จำได้แค่เนี๊ยะคับ
    ก็ไม่รู้ที่ทำให้ผมเชื่อว่าเป็นซาตานแต่ในร่างวิญญาณของผมมันทำให้ผมเชื่อเช่นนั้นความรู้สึกจริงๆ บริเวณรอบๆมีแต่ไฟ เต็มไปหมด แต่ผมรู้สึกรอ้นเหมือนอยู่ใกล้เตาไฟ แล้วไอเจ้าตัวนั้นก็พูดภาษาอะไรไม่รู้เหมือนกับว่า ทำข้อตกลงอะไรบางอย่าง แล้วเวลาพูดจะไม่ขยับปากเลยสักนิด ตอนนั้นซาตานนั่งอยู่ที่บันลัง ที่เก้าอี้ตอนที่คุยกับผมนะ ขนาดนั่งเก้าอี้หัวยังเกือบจะชนเพดาน -*- แต่ผมจำลักษณะเก้าอี้ว่าเป็นยังไงไม่ได้ ที่ตัวเป็นไฟเพราะ ในกายวิญญาณ สัมผัสได้เลยว่า ภาพที่เห็น เป็นเรื่องจริง นึกในใจถ้าเป็นซาตานตัวจริงแล้วทำไมถึงต้องมาหาเราด้วย แล้วอะไรบางอย่าง มันเสียบมาในความคิด ว่าก็เพราะเราอยากมีพลังพิเศษ ตอนนั้นคิดเล่นๆถ้ามีซาตานมายื่นข้อเสนอก็ดี เหมือนกัน เราจะได้เหมือนนักมายากลที่ผมดู และข่าวที่ผมดูหลวงพ่อท่านชื่ออะไรไม่รู้ที่ใช้กสิณไฟ(แต่อันนี้ไม่เกียวนะแค่อยากมีอิทฤธิ์) ทำให้ผมอยากเหนือมนุษย์ แค่นึกเท่านั้นเอง(ก่อนหน้าที่จะเกิดประมาณเดือนนึง) นี่ผมไม่ได้งมงายนะคับแต่เป็นเรื่องที่ผมเจอมากับตัวจริงๆ ต่อๆๆ ก็คุยอะไรไม่รู้คนละภาษา งงแต่ผมฟังดีๆมันไม่ได้เป็นภาษาของมนุษย์ พูดแต่แปลไม่ออก ผมก็ไม่เข้าใจ ในร่างวิญญาณ ไม่กลัวแต่ ร่างกายเนื้อ กลัวสุดๆขนลุกชูชันเป็นขั้นบรรไดเลยทีเดียว -*- พูดอยู่นานมาก ผมก็ไม่เข้าใจไม่ด้ตอบอะไร ได้แต่ฟัง เหมือนจะบอกอะไรผมก็ไม่รู้ หรือว่าให้ทำอะไรสักอย่าง หลังจากนั้น ความรู้สึกก็วู้บไปอีกครั้ง ร่างกายอ่อนเพรีย มากๆแบบว่า เหมือนกับไปรบที่สงครามโลกครั้งที่2มาหมาดๆยังไงยังงั้น ขณะคิดก็ยังเสียววู๊บๆขนที่เรียกว่า ลุกมันก็ยังไม่เท่า วันนั้นผมนอนไม่หลับเลย ต่อมาผมก็ผวาไม่กล้านอนบ้านตัวเองไปสักพัก ก็กลับมานอนหลังจากนั้นก็ไม่เกิดเหตุการณ์อะไร ผ่านไปเกือบ3เดือน ก็เกิดเหตุการณ์ เหมือนเดิมอีก เหมือนเปะ แต่ไม่มีซาตานมีแต่บรรยากาศที่โผล้เผล้ มืดนิดๆ สลัวๆ เอาล่ะซิตูเจออีกแว้ววว แต่ก็ไม่เจออะไร แค่อยู่ในบรรยากาศ สลัวๆนั้นอยู่ในนั้นนานมากๆ นานกว่าตอนที่เจอ ซาตานซะอีก แล้วปีนั้นผมก็ได้เป็นอย่างนี้มา3-4ครั้ง พอมาปี50ปีนี้ก็ไม่ได้เกิดเหตุการณ์อะไรที่แปลกอีก ผมก็เลยมาเล่าประสบการ์ณให้ฟัง บางท่านอาจจะว่า งมงาย บางท่านอาจจะว่าโดนผีอำ บางท่านอาจจะบอกว่าเรานึกแต่เรื่องๆใดวนเวียนอยู่เรื่องๆนั้นก็จะทำให้เกิดฝังใจนึกไปต่างๆนาๆ แต่ผมสาบานได้ ไม่ได้เจอกับตัวเองผมไม่กล้ามาเล่าให้ฟังหรอกคับ

    แล้วยังเจอเรื่องแปลกๆหลายเรื่อง แต่ผมยางไม่เล่านะคับ รอโอกาสดีๆแล้วจะมาเล่าให้ฟัง

    ขอบพระคุณที่เสียเวลามาอ่านในกระทู้นี้นะคับ ขออนุโมทนานะคับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 8 กันยายน 2007
  10. intah

    intah เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    284
    ค่าพลัง:
    +562
    อยากฟังเรื่องนักมายากล David แล้วก็ สมุดหนาดบึกๆอ่าครับ เล่าๆหน่อยนะคับ สนใจ อย่างแรง
     
  11. นายเมธี12

    นายเมธี12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    620
    ค่าพลัง:
    +540
    ครับแล้วผมจะมาเล่าให้ฟังนะคับ แต่ช่วงนี้งานยุ้งมากๆคับ

    ขออนุโมทนาคับ
     
  12. karain

    karain เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2006
    โพสต์:
    638
    ค่าพลัง:
    +707
    ดีนะที่เจอกันแล้วคุยกันคนละภาษา

    อีกนานล่ะครับกว่าจะมาหาอีกที

    ตอนนี้คงไปเรียนภาษาไทยอยู่ล่ะมั้ง

    ล้อเล่ง อิอิอิ น่ากัว
     
  13. กิเลศเยอะ

    กิเลศเยอะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    192
    ค่าพลัง:
    +676
    ทำไมมารหรือซาตานถึงชนะเทพเทวดาได้ละครับ
    ทำไมเทวดาหรือเทพไม่ลงมาปราบให้สิ้นไปละครับ
     
  14. ถิ่นธรรม

    ถิ่นธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    1,824
    ค่าพลัง:
    +5,398
    ซาตานก็แค่มารระดับอนุบาล เทียบไม่ได้กับพวกเทวบุตรมารด้วยซ้ำ มารที่ร้ายกาจกว่าเทวบุตรมารมีอีกมากมาย มารที่เป็นต้นตอกิเลสมาร ขันธ์มาร มัจจุมาร มีอำนาจครอบงำเทพและเทวดาทั้งหมด ไม่มีเทวดาหรือพรหมหน้าไหนต่อกรได้ ไม่แม้กระทั่งเห็นตัวตนของเขา จึงไม่อาจสู้รบปรบมือกับเขาได้เลย ภพ 3 เป็นสิ่งทีมารสร้างขึ้นเพื่อกักขังสรรพสัตว์ในอยู่ในอำนาจ ให้หลงวนเวียนในวัฎฎสงสาร สรรพสัตว์จึงตกอยู่ใต้บังคับบัญชาของเขาหมด มีหนทางรอดทางเดียวก็คือต้องเดินตามวิธีการของพระพุทธเจ้าจึงเอาตัวให้พ้นจากอำนาจของเขาได้ ออกนอกภพ 3 ไปนิพพานได้
     
  15. กิเลศเยอะ

    กิเลศเยอะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    192
    ค่าพลัง:
    +676
    มารที่คุณหมายถึงที่ว่ายิ่งใหญ่นี้คือพวกกิเลศ กับความตายปะครับ
    แล้วพวกมารที่เป็นรูปอะครับแบบเป็นตัวเลยอะมีอำนาจมากขนาดนั้นเลยหรอครับ
     
  16. นายเมธี12

    นายเมธี12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    620
    ค่าพลัง:
    +540
    ผมก็ไม่รู้เรื่องมารเยอะเท่าไหร่ แต่ขอ อ้างอิงจากเว็บเพื่อนบ้านนะคับไม่ขอบอกว่าเว็บไรนะ


    มาร ๕ (Mara)​
    (สิ่งที่ฆ่าบุคคลให้ตายจากคุณความดีหรือจากผลที่หมายอันประเสริฐ, สิ่งที่ล้างผลาญคุณความดี, ตัวการที่กำจัดหรือขัดขวางบุคคลมิให้บรรลุผลสำเร็จอันดงาม)​
    ๑. กิเลสมาร (มารคือกิเลส, กิเลสเป็นมารเพราะเป็นตัวกำจัดและขัดขวางความดีทำให้สัตว์ประสบความพินาศทั้งในปัจจุบันและอนาคต)​
    ๒. ขันธมาร (มารคือเบญจขันธ์, ขันธ์ ๕ เป็นมาร เพราะเป็นสภาพอันปัจจัยปรุงแต่ง มีความขัดแย้งกันเองอยู่ภายใน ไม่มั่นคงทนทาน เป็นภาระในการบริหาร ​
    ทั้งแปรปรวนเสื่อมโทรมไปเพราะชราพยาธิเป็นต้น ล้วนรอนโอกาสมิให้บุคคล​
    ทำกิจหน้าที่ หรือบำเพ็ญคุณความดีได้เต็มปรารถนา อย่างแรง อาจถึงกับพราก​
    โอกาสนั้นโดยสิ้นเชิง)​
    ๓. อภิสังขารมาร (มารคืออภิสังขาร, อภิสังขารเป็นมาร เพราะเป็นตัวปรุงแต่งกรรม นำให้เกิดชาติ ชรา เป็นต้น ขัดขวางมิให้หลุดพ้นไปจากสังสารทุกข์ )​
    ๔. เทวปุตตมาร (มารคือเทพบุตร, เทพยิ่งใหญ่ระดับสูงสุดแห่งชั้นกามาวจรตนหนึ่งชื่อว่ามาร เพราะเป็นนิมิตแห่งความขัดข้อง คอยขัดขวางเหนี่ยวรั้งบุคคลไว้มิให้ล่วงพ้นจากแดนอำนาจครอบงำของตน โดยชักให้ห่วงพะวงในกามสุขไม่หาญเสียสละออกไปบำเพ็ญคุณความดีที่ยิ่งใหญ่ได้)​
    ๕. มัจจุมาร (มารคือความตาย, ความตายเป็นมาร เพราะเป็นตัวการตัดโอกาสที่จะก้าวหน้าต่อไปในคุณความดีทั้งหลาย)​



    สงสัยผมจะโดน เทวปุตตมาร ซะละมั้ง เดี๋ยวผมจะไปค้นคว้าขอมูลมาเพิ่มเติมอีกนะคับ ส่วนหนังสือ กับ David ผมจะมาเล่าทีหลังยางม๊ะเล่า ^^;​
    ขออนุโมทนาคร๊าบ
    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 9 กันยายน 2007
  17. นายเมธี12

    นายเมธี12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    620
    ค่าพลัง:
    +540
    อันนี้ละเอียดยิ้บครับ อ้างอิงมาจากเว็บ คนตาทิพย์



    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=770 border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=side>
    <!--End Rows Menu-->
    </TD><!--Start Column template--><TD class=content style="PADDING-RIGHT: 10px; PADDING-LEFT: 10px; PADDING-BOTTOM: 10px; PADDING-TOP: 10px"><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD>มารหรือซาตาน

    มาร หรือ ซาตาน คืออะไร? เป็นมาอย่างไร? ที่จริง
    แล้วมารหรือซาตาน ก็เป็นเทพ-เทวดากลุ่มหนึ่งเหมือนกัน แต่
    เป็นเทพ-เทวดาที่เกเรจิตของเขาจะเป็นมิจฉาทิฏฐิคือมีความคิด
    เห็นที่ผิด จึงทำให้ร่างกายของเขาไม่สวยงามเหมือนกับเหล่า
    เทพ-เทวดาที่เป็นฝ่ายสัมมาทิฏฐิคือมีความคิดเห็นที่ถูกต้อง จึง
    ทำให้ร่างกายเครื่องทรงของเขาสวยงาม มารหรือซาตานมาจาก
    ไหน? ก็เป็นดวงจิตหรือดวงวิญญาณที่มาจากมนุษย์ที่ตายแล้ว
    แต่ในสมัยที่ยังมีชีวิตอยู่ในขณะที่เป็นมนุษย์นั้น ก็เป็นมนุษย์หรือ
    เป็นคนที่มีจิตใจที่เป็นมิจฉาทิฏฐิคือมีความคิดเห็นผิดไม่ถูกต้อง
    เห็นกงจักรเป็นดอกบัว เห็นผิดเป็นถูก เวลาเห็นคนอื่นเขาทำ
    บุญสร้างกุศล สร้างบารมี ไม่ว่าจะเป็นการให้ทาน รักษาศีล
    เจริญภาวนา(นั่งสมาธิ) ก็จะขัดขวาง ไม่สนับสนุน พูดจาเยาะ
    เย้ยถากถาง ว่าบ้าเหลวไหลงมงาย ส่วนตัวเองความดีก็ไม่ทำ
    ความชั่วก็ไม่สร้าง พอตายจากมนุษย์ดวงจิตหรือดวงวิญญาณก็
    ไปอยู่หรือไปเกิดในร่างของมาร เกิดเป็นมารหรือซาตาน พอไป
    เกิดเป็นมารแล้ว ก็ไปขัดขวางเหล่าเทพ-เทวดา ไม่ให้มีโอกาส
    ได้สร้างบุญสร้างกุศลสร้างบารมีต่อ หลังจากที่เหล่าเทพเทวดา
    ได้หมดบุญจากสวรรค์แล้วและก็ได้ลงมาเกิดเป็นมนุษย์ พวกมาร
    ก็มาขัดขวางการสร้างบุญสร้างบารมีของเหล่าเทวดาทั้งหลายที่
    หมดบุญลงมาเกิดเป็นมนุษย์คนนั้นอีก คอยกลั่นแกล้งให้เขาพบ
    กับความลำบาก เกิดความทุกข์ ความท้อแท้ ขัดขวางไม่ให้
    พบกับความสำเร็จ ไม่ให้เรามีความสุข ถ้าเห็นว่าเราจะมีความ
    สุขและจะพบกับความสำเร็จแล้วมารจะเข้าขวางทันที แต่ไม่ทำ
    ให้เสียชีวิตเหมือนเจ้ากรรมนายเวร มารจะพามนุษย์หลอกล่อ
    มนุษย์ให้ผิดศีลอยู่เสมอ เช่น พาให้คิดและทำการฆ่าเบียดเบียน
    กัน พาให้คิดและทำการลักขโมย คิดช่อคดโกง พาให้ทำและ
    คิดผิดลูกผิดเมียและสามีของคนอื่นเขา พาให้คิดให้พูดโกหก
    พูดเพ้อเจ้อ พูดส่อเสียด พูดนินทา พูดคำหยาบ พาให้
    มนุษย์คิดและเล่นการพนัน เสพสิ่งเสพติดและของมึนเมาทั้ง
    หลาย เพื่อจะได้ให้มนุษย์ทำกรรมชั่วมากๆ เพื่อให้ผลกรรมนั้น
    ได้ส่งผลให้มนุษย์ได้ไปตกนรกหรือลงสู่อบายภูมิ ๔ เวลามนุษย์
    จะทำความดีหรือคิดทำความดี คิดที่จะสร้างจะทำบุญบารมี
    พวกมารก็จะขวางทันที ......
    มารมีทั้งมารที่อยู่ภายนอกตัวเราและมารที่อยู่ภายในตัวของ
    เรา มารที่อยู่ภายในตัวของเรามาอย่างไร? เมื่อพ่อแม่ของเรา
    ได้ร่วมหลับนอนกันแล้ว เชื้ออสุจิของพ่อเข้าผสมกับไข่ของแม่
    มีดวงจิตของเราที่ดับหรือหมดบุญจากสวรรค์มาเข้าทำการปฏิสนธิ
    แล้วหนึ่งดวง แต่ก่อนที่เราจะหมดบุญหรือลงมาจากสวรรค์นั้น
    เทพเทวดาทุกองค์จะรู้ล่วงหน้าและมีสิ่งบอกเหตุว่า ขณะนี้ใกล้
    เวลาที่ท่านจะหมดบุญและลงไปเกิดใหม่แล้ว เหล่าเทพเทวดาจะ
    ดีใจกันมากถ้าหากการหมดบุญของเขาได้ไปเกิดยังโลกมนุษย์และ
    ได้ไปเกิดเป็นมนุษย์ เพราะมีโอกาสที่จะบำเพ็ญตนให้สู่ความ
    หลุดพ้นคือพระนิพพานได้ เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้วเหล่าเทพเทวดาที่
    ยังไม่หมดบุญทั้งแปดหมื่นจักรวาล ก็จะทำการแสร้งซ้อง
    อนุโมทนาสาธุการยินดีต่อเทพเทวดาองค์นั้นที่ได้ไปเกิดเป็น
    มนุษย์ มารซึ่งรู้เห็นเหตุการณ์อยู่ก็ตามลงไปขัดขวางด้วยทันที
    โดยการลงไปปฏิสนธิหลังดวงจิตหรือดวงวิญญาณของเทวดาองค์
    นั้น ในไข่ฟองเดียวและร่างเดียวกันแต่มีดวงจิต ๒ ดวงจิต ......
    เมื่อดวงจิตของมารเข้ามาอยู่ในร่างของมนุษย์แล้ว เขาก็
    จะเรียนรู้เกี่ยวกับพฤติกรรมของมนุษย์ไปพร้อมๆกับจิตของเทวดา
    (จิตของเรา) มนุษย์เป็นอย่างไร? มนุษย์ชอบอะไร? มารก็จะ
    เรียนรู้ทั้งหมดและก็จะปลอมแปลงเป็นเทวดาหรือเทพองค์นั้น
    แสดงเป็นเทพองค์นั้นหรือเทวดาองค์นี้หลอกมนุษย์ให้มีความ
    รัก ความโลภ ให้มีความโกรธ ให้มีความหลงไปต่างๆนาๆ
    เพราะมนุษย์มองไม่เห็นตัวของเขาเพราะตัวของเขาหรือร่างกาย
    ของเขานั้นเป็นกายทิพย์(อากาศธาตุ) แม้แต่คนที่เป็นร่างแท้ๆยัง
    ไม่เคยเห็นเลย แม้แต่ทางความฝันก็แทบจะไม่เคยด้วยซ้ำไป
    ถึงจะเห็นด้วยญาณหรือตาทิพย์ก็ไม่ใช่ว่าจะจริงหรือใช่เสมอไป
    เราต้องใช้พลังของพระพุทธคุณเปิดร่างที่เห็นนั้นอีกทีหนึ่งจึงจะรู้ว่า
    ตัวจริงหรือตัวปลอม ถึงมารจะมีพลังปลอมแปลงหรือพรางตัวได้
    ขนาดไหนก็ปิดไม่อยู่ เพราะมันแพ้ทางบารมีกัน มารในตัว
    มนุษย์จะมีพลังมากกว่าพลังของเทวดา(จิตของเรา)อาจารย์จะ
    เรียกมารที่อยู่ในตัวมนุษย์นี้ว่า " องค์ " หรือ " องค์ใน " เมื่อเรา
    คลอดออกมาเป็นทารกแล้วเติบโตมาเป็นเด็ก จากเด็กก็เติบโต
    เป็นผู้ใหญ่ มารก็จะทำให้เรามีปัญหาหลายๆด้านหรือมีทุกข์มาก
    ขึ้น เพื่อจะได้พาร่างมนุษย์นี้ไปพบกับพวกมารในร่างมนุษย์ตัว
    อื่นๆที่มาก่อนแล้ว ที่เราเห็นและรู้จักกันในนามของ " ร่างทรง "
    หรือ " ทรงเจ้า " เพื่อเสริมเพิ่มพลังอำนาจให้กันและกัน โดยมี
    กุศโลบายหลอกล่อในการที่จะครอบงำหรือควบคุมก็คือให้รู้ข้อดี
    ผลดีของ การรับขันธ์ครอบขันธ์ ทำเพื่อจะให้จิตแท้ของเรายอม
    เปิดร่างเปิดทางให้ ก็คือให้เจ้าตัวยินยอมนั่นแหละ เมื่อ
    ทุกอย่างสมบูรณ์แล้วมารก็จะครองร่างนี้สำเร็จ ที่นี้ก็จะทำท่า
    เหมือนจะพาตัวเราหรือพามนุษย์ไปในทางสว่าง ไปในทาง
    ธรรม พาไปทำบุญโน่นทำบุญนี่เหมือนจะพาให้หลุดพ้น แต่สุด
    ท้ายก็พาให้หลงทางเสีย ชอบแสดงอิทธิ์ฤทธิ์ปฏิหาร ใบ้เลขให้
    หวยให้เบอร์ ให้ทุกท่านสังเกตุดูก็แล้วกัน ส่วนองค์เทพเทวดา
    จริงๆนั้นท่านก็มีอยู่จริงๆ อาจารย์จะกล่าวในหัวข้อเมนูเรื่อง
    เทวดาประจำตัว และ เทวดาสร้างบารมี ต่อไป ......
    ในสมัยพระพุทธองค์ก็ได้กล่าวถึงมารไว้เหมือนกันคือ
    พระยามารชื่อ วัสสวดีมาร ที่ขัดขวางการออกบวชของเจ้าชาย
    สิทธัตถะว่า " อีก ๗ วันก็จะได้เป็นเจ้าจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่แล้ว
    พระองค์จะประสงค์สิ่งใดก็จะได้สมประสงค์ทั้งหมดทุกอย่าง
    ทรัพย์สมบัติ แผ่นดิน จะออกบวชทำไม " พระพุทธองค์ก็
    ตอบไปว่า " เพื่อสัพพัญญุตญาณ " หลังจากนั้นพระองค์ก็เดิน
    ทางออกบวช ครั้งต่อมาก็ตอนที่พระพุทธองค์ใกล้จะตรัสรู้
    พระยามารก็ยกทัพมาขัดขวางเพื่อไม่ให้พระพุทธองค์ได้ตรัสรู้เป็น
    พระสัมมาสัมพุทธเจ้าและอีกครั้งก็ตอนที่พระพุทธองค์ได้บอกพระ
    อานนท์ว่า พระองค์สามารถจะทำให้ร่างกายสังขารของพระองค์
    ให้ยังอยู่นานเท่าไรก็ได้เป็นกัปไม่ตาย แต่พระอานนท์ไม่เข้าใจ
    ไม่รู้ก็เลยไม่ได้กล่าวทูลขอให้พระพุทธองค์ให้ทรงอยู่ต่อ พระยา
    มารจึงเข้าไปทูลขอให้พระองค์เสด็จดับขันธ์เข้าสู่พระปรินิพพาน
    พระองค์ก็รับปากแก่พระยามารไปว่า " อีก ๓ เดือนข้างหน้าเราจะ
    เสด็จดับขันธ์เข้าสู่พระปรินิพพาน " หลังจากนั้นพระพุทธองค์ก็
    ออกกุฎีมาบอกกับพระอรหันต์สาวกทั้งหลายว่า " อีก ๓ เดือน
    ข้างหน้าเราจะนิพพานที่เมืองกุสินารา " ......
    ณ.บัดนี้กาลเวลาได้ผ่านไปแล้ว ๒๕๔๘ ปี พระพุทธองค์
    ก็ไม่มีรูปกายให้เราได้พบเห็น พระอรหันต์สาวกทั้งหลายก็ไม่มี
    แล้ว พระสงฆ์สาวกผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบอยู่ในพระธรรมวินัยก็หา
    ยากเต็มทน แต่พระยามารและเหล่าบริวารก็ยังอยู่เหมือนกัน จะ
    อยู่ในรูปของดวงจิตหรือวิญญาณ เป็นกายทิพย์ เป็นอากาศธาตุ
    เป็นพลังงานรูปหนึ่งที่ส่งผลในทางที่ไม่ดีให้กับเรา มารจะแฝงอยู่
    โดยทั่วๆไปและจะแฝงอยู่ในตัวของคนเราทุกๆคน สัตว์และสิ่ง
    ของ ต้นไม้ใบไม้และยอดหญ้า มารจะมีรูปร่างคล้ายๆกับสัตว์ใน
    โลกนี้ แต่ไม่ใช่พวกอสูรกาย มารจะทำให้เรามีจิตที่เกิดความ
    รักหลง ความโลภหลง ความโกรธหลงไปในทางที่ผิดๆ จะขัด
    ขวางความสุข ความเจริญ ความสำเร็จที่จะเกิดขึ้นกับเรา
    ตลอดจนขวางการสร้างบุญสร้างกุศลของเราด้วย เช่น ในบางครั้ง
    เราอยากจะทำความดีอยู่ๆก็มีอีกความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาไม่ให้เราทำ
    หรือไปทำอย่างนั้น ส่วนพวกมารที่อยู่ภายนอกตัวของเรานั้น ก็
    จะทำให้เราโกรธโมโห ไม่พอใจ ทำให้เราเสียทรัพย์สินเงิน
    ทอง ทำให้เราบารมีตกโดยพาเราไปผิดศีลผิดธรรม ทำให้เรา
    จิตตกทำให้เราได้รับรู้อารมณ์ที่ไม่ดีจากภายนอกต่างๆเข้าตัวเรา
    ทางหู ตา จมูก ลิ้น กายและจิตใจ ถ้าหากจิตของเราปรุง
    แต่งก็จะปรุงว่าชอบหรือไม่ชอบ ถ้าหากว่าไม่ปรุงแต่งตัวเราก็จะมี
    อารมณ์เฉยๆ มารส่งผลให้กับเราไม่ถึงขั้นเสียชีวิต แค่ทุกข์ยาก
    ลำบากกายใจ ทำให้เราไม่สำเร็จ การเงินการงานติดขัดมี
    ปัญหาต่างๆในทางไม่ดี ไม่ว่าจะเป็นเจ้ากรรมนายเวรหรือมาร
    เราต้องขจัดมันออกไปให้หมดสิ้นให้ห่างออกจากตัวเราไปเสีย
    เพื่อความสุขความสบายกายสบายใจของเราและทุกๆคนที่อยู่รอบๆ
    ข้างของเราด้วยต่อไป .........
    การป้องกันหรือหลีกเลี่ยงไม่ให้เหล่าพวกมารหรือซาตาน
    ครอบงำหรือควบคุมตัวของเราหรือคนค้างเคียงในเบื้องต้นนี้ก็
    คือ .........

    ๑. ให้หลีกเลี่ยงการเข้าไปหาตำหนัก สถานที่ๆมีการลงทรง
    ประทับทรงลงร่างหรือมีการลงแบบแฝงร่างและพิธีกรรมต่างๆที่
    เกี่ยวข้องกับเรื่องเหล่านี้ ท่านจะถูกสะกดหรือถูกครอบงำทาง
    อ้อม

    ๒. อย่าทำการรับขันธ์ ครอบขันธ์ ครอบครูอย่างเด็ดขาด
    เพราะท่านจะถูกสะกดเป็นบริวารของเขาทันที่โดยตรง

    ๓. อย่าเข้าหาพระสงฆ์ แม่ชีหรือนักบวชที่มีการลงทรง
    ประทับร่างหรือแฝงร่าง(มีองค์) เพราะพระสงฆ์ทุกวันนี้ที่รู้ด้วย
    ญาณอภิญญาจิตจากการปฏิบัติธรรมฝึกจิตนั้นไม่มีเลยหรือมีน้อย
    มากหายากในปัจจุบันนี้เพราะว่า ถ้าหากท่านมีญาณได้ฌานจาก
    การฝึกจิตท่านจะไม่สนใจใครเลยไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไร จะออก
    สันโดดและสมถะแสวงหาวิเวกเสมอตลอดเวลา ทุกวันนี้มีแต่
    พวกมารในร่างมนุษย์ที่เคยลงทรง ประทับร่างมาแล้วทั้งนั้นที่
    ออกบวชแล้วแสดงอิทธิฤทธิ์ แสดงปฏิหารให้พวกมนุษย์หลงทาง
    กัน ผู้ชายก็บวชเป็นพระเป็นเณร ผู้หญิงก็ไปบวชเป็นชีหรือ
    พราหมณ์ อาศัยความเชื่อ ความศรัทธาของศาสนาหรือผ้า
    เหลืองแอบอ้างกำบังตน ไม่สนใจว่าจะเกิดอะไรเสียหายขึ้นกับ
    ศาสนา ชอบอ้างเทพเทวดาองค์นั้นองค์นี้ อย่างนั้นอย่างนี้
    ขอให้ตนเองได้บรรุเป้าหมายก็พอ จะสังเกตุได้ง่ายๆส่วนใหญ่
    แล้วบุคคลพวกนี้จะไม่ค่อยรู้หลักธรรมหรือธรรม จะทำพิธีไหว้ครู
    มีการทำบายสี มีเศียรฤาษี มีการทำนายทายทักดูดวงเป็นตัน
    ซึ่งพระสงฆ์ในพระธรรมวินัยนั้นไม่มีกิจที่จะทำอย่างนี้อยู่แล้ว พระ
    พุทธองค์เคยตรัสไว้ว่า " เราไม่เคยกลัวใครที่จะมาทำลายพระพุทธ
    ศาสนาและก็ไม่มีใครที่จะทำลายพระพุทธศาสนาได้ นอกจาก
    อุบาสก อุบาสิกา ภิกษุ ภิกษุณี สามเณร พุทธบริษัทใน
    พระพุทธศาสนาเท่านั้นที่จะทำลายกันเอง ".........





    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  18. ถิ่นธรรม

    ถิ่นธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    1,824
    ค่าพลัง:
    +5,398
    เรื่องของมารมีมากมายนัก อธิบายคงยาก เอาเป็นว่าลองตรองดูว่าทำไมมีพระพุทธเจ้ามากมาย มีพระโพธิสัตว์ผู้มีบารมีแก่กล้านับอสงไขย ซึ่งล้วนแต่ปรารถนาให้สรรพสัตว์เป็นสุข แต่สรรพสัตว์ต่างก็ตกอยู่ใต้อำนาจของอวิชชา ตกอยู่ในทุกข์ รอดพ้นจากภัยไปได้แค่หยิบมือ ในเมื่อฝ่ายกุศลก็ยังมีจอมทัพเช่นพระพุทธเจ้า ฝ่ายอกุศลก็เช่นเดียวกัน แต่เราไปล่วงรู้เรื่องของฝ่ายดำยาก เพราะอวิชชาเป็นอาวุธของเขา มารที่ยิ่งแก้กล้าก็ยิ่งมีแต่ความไม่รู้หนักขึ้นๆ เราจึงไม่รู้อะไรของเขาเลย ต่างจากวิชชาของฝ่ายพระที่ยึ่งแก่กล้าก็ยิ่งรู้ขึ้นไปเรื่อย แต่ถ้ารู้ธรรมฝ่ายกุศลได้แล้วเราก็จะรู้จักฝ่ายตรงข้ามได้บ้างเพราะสภาพธรรมนั้นตรงข้ามกันทุกประการ
    เรื่องพวกนี้เป็นความรู้ในอภิธรรมซึ่งยากที่จะใช้ความเข้าใจแบบมนุษย์ไปไตร่ตรองได้ เพราะมนุษย์มักคิดเอาง่ายๆว่าเป็นมารก็ต้องเป็นตัวเป็นตนเหมือนเทวบุตรมาร หรือก็ต้องไม่เป็นตัวเป็นตนเช่นมัจจุมาร แต่ไม่ง่ายอย่างนั้น เทวบุตรมารก็เหมือนพวกเรานี่ที่เวียนว่ายตายเกิด แต่เคราะห์ร้ายถูกมารครอบงำจิตด้วยกิเลสและอวิชชาจึงกลายเป็นเครื่องมือของมาร ส่วนมารแบบที่ไม่เวียนว่ายตายเกิดเป็นมารแท้ๆตั้งแต่มีวัฎฎะก็มีอีกมากมาย ซึ่งยากแก่การเข้าใจ เอาเป็นว่าเข้าใจง่ายๆก็คือมีธาตุธรรม 3 ฝ่ายคือ กุศลาธัมมา อกุศลาธัมมา และอัพพยากฤต ต่างก็ต่อสู้กันอยู่ตลอดเวลาในทุกหนทุกแห่งมาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ ในใจเราก็มีธาตุธรรมทั้ง 3 ฝ่ายก็ต่อสู้กันทุกอนุวินาที เราเรียนเรื่องของมารก็ไม่ช่วยให้ชนะ ต้องเรียนวิชาของพระจึงชนะมารได้ ส่วนเรื่องของมารแบบซาตานหรือตามความเชื่อต่างๆ ส่วนใหญ่เป็นเพียงแค่จินตนาการบวกกับเรื่องของภูตผีปีศาจชั้นต่ำ อย่าไปใส่ใจมาก สนใจเอาชนะมารที่อยู่ในใจเราดีกว่า ชนะตรงนี้ได้ก็ชนะทั้งหมด
     
  19. vergo shaka

    vergo shaka เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    539
    ค่าพลัง:
    +835
    มารที่ร้ายกาจ อยู่ในตัวตนของตัวเอง มารภายในนั้นแหละร้ายที่สุด
    บุตรแห่งรุ่งอรุณ เทพเจ้าที่มีแสงสว่างรุ่งเรือง อย่างลูซิเฟอร์ ก็พลาดท่าเสียทีมารมาแล้ว
    มารภายนอกไม่มีตนไหนหาญกล้าต่อกรกับบุตรแห่งรุ่งอรุณ...แต่เขาก็แพ้ใจตัวเอง หลง
    อำนาจล้นเหลือของตน หลงรูปทีงามสง่า จนก่อกบฏยึดอำนาจเป็นพระเจ้าซะเอง แต่ก็พลาด
    "ข้าขอเป็นใหญ่ในนรก ดีกว่าเป็นขี้ข้าบนสวรรค์" เป็นคำกล่าวก่อนจะตกสวรรค์
    และเขาก็คือ 1ในบาปใหญ่7ประการ ที่ให้อภัยยากที่สุดคือ.....ความหยิ่งทะนงตน..
     
  20. ผักคะน้า

    ผักคะน้า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2007
    โพสต์:
    124
    ค่าพลัง:
    +349
    มารสมัยนี้เยอะแยะมาก

    น่ากลัวๆทั้งนั้น
     

แชร์หน้านี้

Loading...