ข้อความจากต่างมิติ-ก้าวกระโดดทางวิวัฒนาการครั้งยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติ ไปสู่มิติที่ 5

Yes, my Multidimensional SELF could pull my resonance into the higher expressions of my being, that is if I could trust my experience. I had just experienced how easily I could lose trust in myself, and I was not going to do so again. I would ask my Multidimensional SELF how to leave time, as I had done before, by reading my Soul Records in the Oversoul of the Mothership.

ใช่, ตัวตนหลากมิติของผมสามารถดึงการสะท้อนของผมกลับสู่การแสดงออกในระดับที่สูงกว่าของรูปธรรมของผม, นั่นคือถ้าหากผมสามารถเชื่อถือประสบการณ์ของผม. ผมเพิ่งจะมีประสบการณ์ว่ามันง่ายแค่ไหนที่ผมสามารถสูญเสียความเชื่อมั่นในตนเอง, และผมจะไม่กลับไปทำอย่างนั้นอีก. ผมควรถามตัวตนหลากมิติของผมถึงวิธีที่จะออกจากเวลา, อย่างที่ผมเคยทำมาก่อน, ด้วยการอ่านบันทึกทางวิญญาณของผมในวิญญาณระดับสูงของยานแม่.

I was alone in the Holosuite, so I sat down to mediate and quickly moved into a deep trance. The first thing that I realized was that I had prepared all my life, in fact for many of my lives, for this opportunity to assist with the Ascension of our chosen planet in the Pleiades. With that realization I began to consciously feel all that I would need to release in order to move into the expression of my SELF that could fulfill the task of conscious Ascension.

ผมอยู่คนเดียวในชุดสามมิติ, ผมนั่งลงเพื่อทำสมาธิและเข้าสู่ระดับลึกอย่างรวดเร็ว. สิ่งแรกที่ผมรู้ก็คือผมได้เตรียมตัวมาทั้งชีวิต, อันที่จริงหลายชาติ, สำหรับโอกาสนี้ในการช่วยเหลือด้วยการยกระดับของดาวที่พวกเราเลือก ดาวพลีอาเดี้ยน. ด้วยความตระหนักนั้นผมเริ่มต้นรู้สึกถึงทุกสิ่งที่ผมจำเป็นต้องปลดปล่อย เพื่อที่จะก้าวเข้าสู่การแสดงออกของตัวตนของผม ที่สามารถเติมเต็มภารกิจของการยกระดับความตระหนักรู้.

The Arcturians had seen this ability, but I still could not. I had remembered and visited many of my multidimensional realities while studying with the Arcturian on the other Starship. Then the Arcturian had chosen me for this special training, but all I could feel was what I would have to release. In order to continue my training I would have to release my ties to my old world and move into the unknown.

ชาวอาร์คทูเรี่ยนมองเห็นความสามารถนี้, แต่ผมยังไม่เห็น. ผมยังจำได้และได้เคยไปเยือนความเป็นจริงหลากมิติจำนวนมากของผม ขณะที่ยังอบรมอยู่กับชาวอาร์คทูเรี่ยนบนยานอื่น. หลังจากนั้นชาวอาร์คทูเรี่ยนได้เลือกผมเพื่อมาอบรมเป็นพิเศษนี้, แต่สิ่งทีผมรู้สึกทั้งหมดก็คือสิ่งที่ผมต้องปลดปล่อย. เพื่อที่จะอบรมขั้นต่อไป ผมต้องปลดปล่อยพันธนาการของโลกเก่าของผม แล้วเข้าไปสู่ที่ที่ไม่รู้.

With this realization, myriad doubts were uncovered from their hiding places. How could I assist my planet to go into the unknown of the fifth dimension when I could not even go the unknown of my own mind? I would have to confront the part of myself that was afraid to move into the unknown and was quietly holding me back. I had learned to control my life.

ด้วยความรู้สึกนี้, ความสงสัยมากมายมหาศาลได้เปิดเผยตัวมันออกมาจากที่ซ่อน. ผมจะช่วยเหลือดาวเคราะห์ของผมให้เข้าสู่ความไม่รู้ของมิติที่ห้าได้อย่างไร ในเมื่อตัวผมเองก็ยังไม่รู้แม้แต่จิตใจของตัวเอง? ผมควรเผชิญหน้ากับส่วนของตัวผมเองที่กลัวที่จะก้าวเข้าสู่ที่ที่ไม่รู้ และหน่วงเหนี่ยวผมไว้เงียบๆ. ผมต้องเรียนรู้ที่จะควบคุมชีวิตของผม.

 

However, would I be able to continually surrender to the higher worlds as the Arcturian was teaching me? Or would I tenaciously hold on to what remained of the life I had previously lived? There it was, the life I HAD lived. What life had I lived that needed my attention before I could go forward and release the need for TIME, once and for all?

อย่างไรก็ตาม, ผมยังคงสามารถจะยอมให้โลกระดับสูงที่ชาวอาร์คทูเรี่ยนบอกผม สอนผม? หรือผมจะรักษาสิ่งที่หลงเหลืออยู่ในชีวิตที่ผมได้เกิดมาในชาติก่อนๆ? มันเป็นชีวิตที่ผมใช้ชีวิต. ชีวิตที่ผมจำเป็นต้องเอาใจใส่ก่อนที่ผมจะก้าวหน้าและปลดปล่อยความจำเป็นของเวลา, ทันทีและเพื่อทุกคน?

With that question, I felt the Pure Spirit and All Knowing of the Mothership’s Oversoul wrap around me like a warm cloud. Within this safety and comfort I could release my hidden fears of what I would have to release, what I would have to do and who I would have to become in order to be good enough to fulfill the honored task for which the Arcturians had chosen me.

ด้วยคำถามนั้น, ผมรู้สึกถึงวิญญาณบริสุทธิ์และความรู้ทั้งปวงของวิญญาณระดับสูงของยานแม่ปกคลุมรอบๆตัวผมคล้ายเมฆที่อบอุ่น. ภายในความปลอดภัยและความสบายนี้ ผมสามารถปลดปล่อยความกลัวที่ซ่อนเร้นของผม ที่ผมจำเป็นต้องปลดปล่อย, สิ่งที่ผมจำเป็นต้องทำและผู้ที่ผมจะต้องกลายไปเป็น เพื่อให้ดีพอที่จะเติมเต็มงานที่มีเกียรติ ซึ่งชาวอาร์คทูเรี่ยนได้เลือกผม.

With the Oversoul around me, I could hear my higher expressions of SELF cheering me on, but I could not move forward yet. I had to release the burden of my hidden insecurities, fears and confusions. I could feel that I was leaving time, so I could not release them later, nor could I release them in my future. There was only NOW. Therefore, I allowed them to come to the surface of my awareness so that I could love them free, once and for all.

พร้อมกับวิญญาณระดับสูงรอบๆตัวผม, ผมสามารถได้ยินการแสดงออกของตัวตนระดับสูงของผมให้กำลังใจผม, แต่ผมก็ยังไม่ก้าวหน้าแต่อย่างใด. ผมจำเป็นต้องปลดปล่อยภาระของ(ความไม่มั่นคง, ความกลัว และความสับสน)ที่ซ่อนอยู่ในตัวผม. ผมสามารถรู้สึกได้ว่าผมได้ออกจากเวลาแล้ว, ดังนั้น ผมไม่ต้องปลดปล่อยมันในภายหลัง, หรือไม่ต้องปลดปล่อยมันในอนาคต, มันมีเพียงขณะนี้. ดังนั้น, ผมอนุญาตให้มันขึ้นมาสู่พื้นผิวของการรับรู้ของผม เพื่อที่ผมจะสามารถรักมันได้อย่างอิสระ, ทันทีและเพื่อทุกคน.

 

I found that my heaviest burden was the need to do it right, the need to be good enough in the eyes of others. But who were these others? Where were they now? Why was I still carrying them in my consciousness? In response to these questions the Oversoul embraced me more tightly and time was gone. I could feel the difference in my thinking, my emotions and within whatever connection I still had to my body.

ผมพบว่าภาระที่หนักหนาที่สุดของผมก็คือความต้องการที่จะทำให้มันถูก, ความต้องการที่จะทำให้มันดีพอในสายตาของผู้อื่น. แต่ใครกันที่เป็นผู้อื่น? พวกเขาอยู่ที่ไหนในขณะนี้? ทำไมผมจึงยังแบกพวกเขาไว้ในความตระหนักรู้ของผม? ในการตอบสนองต่อคำถามเหล่านี้ วิญญาณระดับสูงได้โอบกอดผมแน่นขึ้นแล้วเวลาก็หายไป. ผมสามารถรู้สึกได้ถึงความคิดที่แตกต่าง, อารมณ์ต่างๆของผมและภายในการเชื่อมโยงใดๆที่ผมยังคงมีความรู้สึกต่อร่างกายของผม.

Free of time, I began to float through memory bands of myriad incarnations. Brief pictures and emotions floated through my mind as I passed by each reality, as my journey continued. I knew that the Oversoul was taking me to a certain reality, the reality that still held a sense of failure. I could feel that sense of failure growing stronger, but I was strangely detached from it.

เมื่อเป็นอิสระจากเวลา, ผมเริ่มลอยผ่านช่วงของความทรงจำของการเกิดนับชาติไม่ถ้วน. ภาพต่างๆและอารมณ์ต่างๆโดยสรุป ลอยผ่านจิตใจของผมเมื่อผมผ่านแต่ละความเป็นจริง, เมื่อการเดินทางของผมดำเนินไป. ผมรู้ว่าวิญญาณระดับสูงได้นำผมไปสู่แต่ละความเป็นจริง, ความเป็นจริงที่ยังคงเก็บรักษาความรู้สึกของความล้มเหลว. ผมสามารถรู้สึกถึงความรู้สึกของความล้มเหลวนั้นเติบโตแข็งแกร่งขึ้น, แต่ผมก็ถูกปลดออกจากมันแบบแปลกๆ.

I was out of time, so I had no idea how long I traveled through the files of the Oversoul, but as I continued I became calmer and more detached from the passing realties. Then suddenly, a reality moved towards me like a beaming Sun. I could not float past it, even though I wanted to. There was unfinished business in the life that I had to complete in order to free my consciousness from some invisible burden.

ผมออกจากเวลาแล้ว, ดังนั้นผมจึงไม่มีความคิดเกี่ยวกับว่า ผมใช้เวลานานเท่าใดในการเดินทางผ่านแฟ้มข้อมูลต่างๆของวิญญาณระดับสูง, แต่ยิ่งผมเดินทางต่อไปผมกลายเป็นมีความสงบมากขึ้นและปลดปล่อยการยึดติดความเป็นจริงต่างๆที่ผ่านมาได้มากขึ้น. ทันใดนั้น, ความเป็นจริงต่างๆมุ่งตรงมายังผมคล้ายลำแสงของดวงอาทิตย์. ผมไม่สามารถลอยผ่านมันไปได้, แม้ว่าผมต้องการทำอย่างนั้น. ยังมีงานที่ทำไม่เสร็จในชีวิตที่ผมต้องทำให้สำเร็จ เพื่อปลดปล่อยความตระหนักรู้ของผมจากภาระที่มองไม่เห็นบางอย่าง.

Suddenly the “Sun” was before me and pulled me in with such force that I almost passed out. However, I reminded myself that I AM the Master of my MIND. This sentence opened a portal into a planet in chaos and I heard “The Ascension of Arcturus.”

ทันใดนั้น “ดวงอาทิตย์” ก็อยู่ตรงหน้าผมและดึงผมด้วยแรงที่ผมแทบจะผ่านออกไป. อย่างไรก็ตาม, ผมเตือนตนเองว่าผมคือนายเหนือจิตใจ. ประโยคนี้ได้เปิดประตูเข้าสู่ดาวเคราะห์ในความสับสน และผมก็ได้ยินว่า “การยกระดับของดาวอาร์คทูรัส”.

I will return
Mytre
ด้วยรักที่ไม่มีเงื่อนไข ขอบคุณครับ
(ตอนต่อไปข้อความที่ 6319 หน้าที่ 316)

 

ข้อความของ Sheldan Nidle สัปดาห์นี้ขอต๊ะไว้ก่อนนะคะ
คืนนี้เราจะเดินทางไปทำบุญที่มุกดาหารซัก2-3วันค่ะ
เห็นที่บ้านว่าที่วัดจะมีพิธีพุทธาภิเษกเนื่องในการจัดสร้าง
พระและถวายพระไตรปิฎกด้วย น้อมนำบุญมาฝากเพื่อนๆ
ทุกท่านเลยนะคะ ^^

 

ยังติดตามอ่านอยู่นะครับ

 

ติดตามครับ

 

ติดตามครับ
[/rabbit_run_awaySIZE]

 

The storm named Sandy that flooded the northeast coast of the United States was not manmade. Mother Earth was cleansing herself by releasing negativity that was especially deeply entrenched in and around New York City and Washington, DC, and transmuting it into light. The Illuminati no longer have access to the technology that for many years they misused to initiate earthquakes and major storms.

แมทธิว แจ้งข่าวล่าสุดมาว่าพายุแซนดี้ลูกนี้ไม่ได้เกิดจากฝีมือมนุษย์ครับ
แต่เกิดจากพระแม่ธรณีท่านทำความสะอาดตัวเอง
เพื่อขจัดป้องกันพลังด้านลบที่ฝังตัวอยู่รอบๆเมืองนิวยอร์ค
และเพิ่อปรับสภาพเข้าสู่แสงสว่างครับ

และก็มีอีกหลายเรื่องที่น่าสนใจ....แต่ยาวครับ
จะมีใครว่างแปลมั๊ยเอ่ย

Matthew Ward - November 1, 2012

 

(ตอนต่อจากข้อความที่ 6305 หน้าที่ 316)

Welcome to Integrating your Multidimensional Operating System Part 3

By Dr Suzan Caroll / Suzanne Lie – October 17, 2012
http://suzanneliephd.blogspot.co.uk/

In Part 2 we integrated our beingness into our 4th dimensional self to allow our 4th dimensional frequency of experience to be our primary, predominant self. We are in the process of expanding our consciousness into higher and higher frequencies. However, we will not lose connection with our 3rd dimensional self, at least within this moment of what we have left of time.

ในขั้นตอนที่ 2 พวกเราได้รวมรูปธรรมของพวกเราเข้าสู่ตัวตนมิติที่สี่ของพวกเรา เพื่ออนุญาตให้ความถี่ของประสบการณ์มิติที่สี่ของพวกเราเป็นความถี่หลักของพวกเรา, ตัวตนที่เป็นใหญ่. พวกเรากำลังอยู่ในกระบวนการของการขยายความตระหนักรู้ของพวกเราเข้าสู่ ความถี่ที่สูงขึ้นสูงขึ้น. อย่างไรก็ตาม, พวกเราจะไม่สูญเสียการเชื่อมโยงกับตัวตนมิติที่สามของพวกเรา, อย่างน้อยก็ภายในช่วงเวลานี้ ที่พวกเราได้ออกจากเวลา.

On the other hand, our third dimensional Self will no longer be our predominant expression. Instead, our third dimensional reality will be the reality that we visit, but we will live within the higher frequencies of our Multidimensional SELF. I now ask the Arcturians to assist us with Part 3 of integrating our Multidimensional Operating System.

ในอีกด้านหนึ่ง, ตัวตนสามมิติของพวกเราจะไม่ใช่การแสดงออกตัวตนหลักของพวกเราอีกต่อไป. แทนที่จะเป็นอย่างนั้น ความเป็นจริงมิติที่สามของพวกเราจะกลายเป็นความเป็นจริงที่พวกเราไปเยือน, แต่พวกเราจะมีชีวิตอยู่ภายในความถี่ที่สูงกว่าของตัวตนหลากมิติของพวกเรา. ตอนนี้ฉันขอร้องให้ชาวอาร์คทูเรี่ยนช่วยเหลือพวกเราด้วย ขั้นตอนที่ 3 ของการรวมระบบปฏิบัติการหลากมิติ.

The Arcturians Speak:

Our Dear Ascending Ones,

We are very joyous to assist you with this endeavor, for we are increasingly a part of your life within each moment of your NOW. When we say “we” we don’t mean just we the Arcturians, we mean “we the Galactics, the Celestials, the Ascended Masters and Gaia”.

ที่รักแห่งการยกระดับของพวกเราทั้งหลาย,

พวกเรามีความสุขอย่างมากที่ได้ช่วยเหลือคุณ ด้วยความพยายามนี้, เพราะว่าพวกเราเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคุณมากขึ้น ภายในแต่ละห้วงเวลาของขณะนี้ของคุณ. เมื่อพวกเราพูดคำว่า ”พวกเรา” พวกเราไม่ได้หมายความแค่เพียงพวกเราชาวอาร์คทูเรี่ยน, พวกเราหมายถึง ”พวกเราชาวแกแลกติก, ชาวดวงดาว, คุรุผู้ยกระดับ และไกอา”.

Gaia is returning to Her new, marvelous 5th dimensional expression of “New Earth”. We say return, for the 5th dimension is not ruled by time as you know it in your lower worlds. Hence, something is not created; it just is, for ALL is infinite.

ไกอากำลังกลับไปสู่ตัวตนใหม่ของเธอ, การแสดงออกของมิติที่ห้าอันน่าอัศจรรย์ของ ”โลกใหม่”. พวกเราพูดว่ากลับไปสู่, เนื่องจากมิติที่ห้าไม่ได้ถูกควบคุมโดยเวลาอย่างที่คุณรู้จักในโลกระดับต่ำของคุณ. ดังนั้น, บางสิ่งไม่ได้ถูกสร้างขึ้น; มันเป็นอยู่แล้ว, เนื่องจากทุกๆสิ่งไม่มีขีดจำกัด.

We will begin with a short journey into 5th dimensional Earth. So pack your psychic bags, and open your Heart and Third Eye. Then you can better perceive this wonderful reality that you are in the process of creating. Allow the Multidimensional Operating System that you have integrated so far to direct you to see New Earth.

พวกเราจะเริ่มต้นด้วยการเดินทางสั้นๆเข้าสู่โลกมิติที่ห้า. ดังนั้น จัดกระเป๋าจิตใจของคุณ, แล้วเปิดใจและตาที่สามของคุณ. จากนั้นคุณจะสามารถรับรู้ความเป็นจริงที่น่าอัศจรรย์นี้ได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งคุณกำลังอยู่ในกระบวนการของการสร้างสรรค์. อนุญาตให้ระบบปฏิบัติการหลากมิติที่คุณได้รวมไปแล้วเมื่อหลายวันก่อน นำคุณไปชมโลกใหม่.

Now, how do you get to New Earth? You get to New Earth by expanding your consciousness into that frequency of reality. Take some long, slow, deep, breaths, while making sure that your exhale is twice as long as your inhale. Slowly relax into the lovely images of peace, calm, safety, unity and joy.

ทีนี้, คุณจะไปสู่โลกใหม่ได้อย่างไร? คุณไปสู่โลกใหม่ได้ด้วยการขยายความตระหนักรู้ของคุณ เข้าสู่ความถี่ของความเป็นจริงนั้น. หายใจยาวๆ, ช้าๆ, ลึกๆ ซัก 2-3 ครั้ง, ให้แน่ใจว่าลมหายใจออก ยาวเป็นสองเท่าของลมหายใจเข้า. ผ่อนคลายช้าๆเข้าสู่ภาพที่น่ารักของความสันติสุข, ความสงบ, ความปลอดภัย, ความเป็นหนึ่งเดียวกัน และความเบิกบาน.

Begin by imagining the favorite components of your reality. As you experience these favorite components, let’s say, being in nature. Envision yourself in your favorite place in nature. That nature could be your backyard, your patio, or the wilds of a Wilderness Area.

เริ่มต้นด้วยการจินตนาการถึงองค์ประกอบต่างๆของความเป็นจริงที่คุณรัก. เมื่อคุณมีประสบการณ์กับองค์ประกอบที่ชอบใจเหล่านี้, พูดว่า, กำลังอยู่ในธรรมชาติ. มองเห็นตัวคุณกำลังอยู่ในสถานที่ที่คุณชอบในธรรมชาติ. ธรรมชาตินั้นอาจจะเป็นสวนหลังบ้าน, ลานบ้านของคุณ หรือในป่าดงดิบ.

 

Nature is more ascended than most humans, for humans are the dear, brave volunteers who have taken on the strongest polarity. Because of this extreme polarity, they have had to deal with the greatest fear, as well as the greatest separation from the One. All of Gaia, Her planet, Her Nature, Her plants, Her animals, Her atmosphere wait for the humans’ Ascension. Fortunately, many humans are listening to Gaia and allowing Her to assist them. You have all assisted Gaia so very much. NOW, it is time for you to allow Gaia to assist you.

ธรรมชาตินั้นยกระดับมากกว่ามนุษย์ส่วนมาก, เนื่องจากมนุษย์เป็นที่รัก, เป็นอาสาสมัครผู้กล้าหาญ ผู้สวมใส่ความเป็นขั้วที่แข็งแกร่งที่สุด. เป็นเพราะความเป็นขั้วอย่างสุดโต่งนี้, พวกเขาจำเป็นต้องจัดการกับความกลัวที่ยิ่งใหญ่ที่สุด, เช่นเดียวกับการแบ่งแยกอย่างที่สุดจากความเป็นหนึ่งเดียวกัน. ทั้งหมดของไกอา, ดาวของเธอ, ธรรมชาติของเธอ, พืชต่างๆของเธอ, สัตว์ต่างๆของเธอ, บรรยากาศของเธอ รอคอยการยกระดับของมนุษย์. โชคดีที่, มนุษย์จำนวนมากกำลังฟังไกอาอย่างมาก. ขณะนี้, คือเวลาสำหรับคุณที่จะอนุญาตให้ไกอาช่วยเหลือคุณ.

Right now, in your mental image, connect via your consciousness to a beautiful place on Gaia’s body. Remember that your body and Gaia’s body are the same. For example, visualize your body sitting by the edge of the ocean. Your body and Gaia’s body are ONE. Experience how expanded you feel when you actually realize that YOU are Gaia.

ทีนี้, ภายในจินตนาการทางใจของคุณ, เชื่อมต่อผ่านความตระหนักรู้ของคุณสู่สถานที่ที่สวยงามบนร่างกายของไกอา. จำไว้ว่าร่างกายของคุณและร่างกายของไกอาเหมือนกัน. ยกตัวอย่างเช่น, จินตนาการว่าร่างกายของคุณกำลังนั่งอยู่ริมฝั่งมหาสมุทร. ร่างกายของคุณและร่างกายของไกอาเป็นหนึ่งเดียวกัน. มีประสบการณ์กับวิธีการขยายความรู้สึกของคุณ เมื่อคุณตระหนักอย่างแท้จริงว่าคุณคือไกอา.

Just as each grain of sand is Gaia, just as each pebble on the beach is Gaia, just as every drop of water, every fish, every cetacean, every boat, every person, every cloud, every sunrise, every sunset, just as they are all Gaia, you are Gaia, as well. When you realize this fact, you began to feel how you are at ONE.

เมล็ดทรายแต่ละเมล็ดคือไกอา, ก้อนกรวดแต่ละก้อนบนชายหาดคือไกอา, ทุกๆหยดของน้ำ, ปลาทุกๆตัว, ปลาวาฬทุกๆตัว, เรือทุกๆลำ, คนทุกๆคน, ก้อนเมฆทุกๆก้อน, แสงอาทิตย์ขึ้นทุกๆแสง, แสงอาทิตย์ตกทุกๆแสง, เพราะว่าสิ่งเหล่านั้นทั้งหมดคือไกอา, คุณคือไกอาด้วยเช่นกัน. เมื่อคุณรู้ถึงความจริงนี้, คุณเริ่มรู้สึกถึงการที่คุณกำลังอยู่ที่ความเป็นหนึ่งเดียวกัน.

You are at ONE with each pebble, at ONE with the sand, with the water and with the sky. You are a great Multidimensional Being. As you remember that, you feel that you are not only your physical self. Just as you can perceive that Gaia’s Earth expands into higher and higher frequencies, you can feel how your Multidimensional SELF expands into higher and higher frequencies.

คุณอยู่ที่ความเป็นหนึ่งเดียวกันกับก้อนกรวดแต่ละก้อน, ที่ความเป็นหนึ่งเดียวกันกับเมล็ดทราย, กับน้ำและกับท้องฟ้า. คุณคือรูปธรรมหลากมิติผู้ยิ่งใหญ่. ซึ่งคุณจำได้ว่า, คุณรู้สึกว่าคุณไม่ได้มีเพียงแค่ร่างกายทางกายภาพเท่านั้น. คุณสามารถรับรู้ได้ว่าโลกไกอาได้ขยายเข้าสู่ความถี่ที่สูงขึ้นสูงขึ้น. คุณสามารถรู้สึกได้ว่าตัวตนหลากมิติของคุณขยายเข้าสู่ความถี่ที่สูงขึ้นสูงขึ้น.

Picture how the physical self that is sitting in whatever physical room you are in, is also your 4th and 5th dimensional self who is using the great power of your imagination to place you into this beautiful place in Nature.

วาดภาพตัวตนทางกายภาพของคุณกำลังนั่งอยู่ในห้องที่คุณนั่งอยู่นี้, เช่นเดียวกับตัวตนมิติที่ 4 และตัวตนมิติที่ 5 ที่กำลังใช้พลังอำนาจอันยิ่งใหญ่ของจินตนาการของคุณ ที่นำคุณไปไว้ในที่ที่สวยงามในธรรมชาติ.

The place is real. From within this beautiful place in nature, feel how you are every component of Nature.

สถานที่นั้นเป็นความจริง, จากภายในสถานที่นี้ในธรรมชาติ, รู้สึกถึงการที่คุณคือทุกๆองค์ประกอบของธรรมชาติ.

Observe how this Nature expands into the 5th dimension.
As you feel Gaia’s 5th dimensional expression, allow it into your High Heart.

สังเกตถึงวิธีที่ธรรมชาตินี้ขยายเข้าสู่มิติที่ห้า.
ซึ่งคุณรู้สึกถึงการแสดงออกของไกอามิติที่ห้า, อนุญาตให้มันเข้าสู่หัวใจระดับสูงของคุณ.

Listen as your High Heart tells your Third Eye “It is fine now. This ONE is ready to experience New Earth”.

ฟังเสียงหัวใจระดับสูงของคุณบอกตาที่สามของคุณ “ตอนนี้สบายแล้ว. คนๆนี้พร้อมแล้วที่จะมีประสบการณ์ของโลกใหม่”.

Then, your Third Eye, which includes your pituitary gland, tells your pineal gland “Go right ahead and let the higher light in, as this being is ready to experience multidimensional perceptions. This being is ready to experience Ascension”.

จากนั้นตาที่สามของคุณ, รวมถึงต่อมพิทูอิทารี่ของคุณ, บอกต่อมไพนีลของคุณ “เดินตรงไปแล้วยอมให้แสงสว่างที่สูงกว่าเข้ามา, รูปธรรมนี้พร้อมแล้วที่จะมีประสบการณ์การรับรู้หลากมิติ. รูปธรรมนี้พร้อมแล้วสำหรับการมีประสบการณ์การยกระดับ”.

Now, from within your 5th dimensional expression of SELF, you can perceive many multidimensional expressions of life. You can perceive how our many Starships are within the sky, as well as how we have landed, will land, are in the process of landing.

ขณะนี้, จากภายในการแสดงออกของตัวตนมิติที่ห้าของคุณ, คุณสามารถรับรู้การแสดงออกของชีวิตหลากมิติได้มากมาย. คุณสามารถรับรู้ถึงยานของพวกเรามากมายภายในท้องฟ้า, เช่นเดียวกับการลงจอดของพวกเรา, จะลงจอด, กำลังอยู่ในกระบวนการของการลงจอด.

 

You can now understand how we are interfacing with all of the humans and how the humans are saying “Welcome, we are so happy to meet you. We are so joyous that you are here”. You can also hear us saying “We are so happy that you can embrace us in this wonderful, loving fashion”.

ขณะนี้คุณสามารถเข้าใจวิธีการที่พวกเราติดต่อกับมนุษย์ทั้งหมด และการที่มนุษย์พูดว่า “ยินดีต้อนรับ, พวกเรามีความสุขที่ได้พบคุณ. พวกเรามีความสุขที่คุณอยู่ที่นี่”. เช่นกันคุณได้ยินพวกเราพูดว่า “พวกเรามีความสุขที่คุณสามารถโอบกอดพวกเราในหนทางของความรักที่น่าอัศจรรย์”.

And now, bring that picture of your interaction with us, the higher expressions of your SELF, into your 4th dimensional aura. Your 4th dimensional aura has been integrated throughout your entire body and into each and every cell and atom of your body.

แล้วทีนี้, นำภาพนั้นที่คุณติดต่อกับพวกเรา, การแสดงออกของตัวตนที่สูงกว่าของคุณ, เข้าสู่ออร่ามิติที่สี่ของคุณ. ออร่ามิติที่สี่ของคุณได้รวมเข้ากับร่างกายของคุณทั้งหมด และเข้าสู่เซลแต่ละเซลและทุกๆเซลและทุกๆอะตอมของร่างกายคุณ.

Thus, your 4th dimensional aura is ready to be your current, primary expression of SELF, so that it can assist in integrating your Multidimensional Operating System into your third dimensional brain.

ดังนั้น, ออร่ามิติที่สี่ของคุณพร้อมแล้วที่จะเป็นการแสดงออกของตัวตนหลักในปัจจุบันนี้ของคุณ, ดังนั้นมันสามารถช่วยเหลือในการรวมระบบปฏิบัติการหลากมิติเข้าสู่สมองมิติที่สามของคุณ.

Feel the Multidimensional Operating System as it moves into your heart, your emotions and your body to amplify the experiences of your 4th dimensional aura. You can hone in on the details of these multidimensional perceptions by looking through your Third Eye to focus on the details of any perception, reality and/or expressions of SELF. Highlight these details and you can pan back to get the entire image.

รู้สึกถึงระบบปฏิบัติการหลากมิติเมื่อมันเคลื่อนที่เข้าสู่หัวใจของคุณ, อารมณ์ของคุณ, และร่างกายของคุณ เพื่อขยายประสบการณ์ของออร่ามิติที่สี่ของคุณ. คุณสามารถเจาะลึกลงไปในรายละเอียดของการรับรู้หลากมิติเหล่านี้ ด้วยการมองผ่านทางตาที่สามเพื่อเพ่งไปที่รายละเอียดของการรับรู้ใดๆ, ความเป็นจริงใดๆ และ/หรือการแสดงออกของตัวตน. เน้นที่รายละเอียดเหล่านี้และคุณสามารถแพนกลับมาที่ภาพทั้งภาพ.

The Multidimensional Operating System integrates all your perceptions, thoughts, emotions and experiences into your body via your neural, electrical and light synapses. Your third dimensional self experiences these synapses as your neurons firing. Your fourth dimensional self experiences these synapses as electricity, and your fifth dimensional self experiences these synapses as light.

ระบบปฏิบัติการหลากมิติได้รวม(การรับรู้, ความคิด, อารมณ์ และประสบการณ์)ของคุณทั้งหมด เข้าสู่ร่างกายของคุณผ่านทาง(ระบบประสาท, กระแสไฟฟ้า และระบบประสาทแสงสว่าง)ของคุณ. ตัวตนมิติที่สามของคุณมีประสบการณ์ระบบประสาทเหล่านี้คล้ายกับประกายไฟในระบบประสาทของคุณ. ตัวตนมิติที่สี่มีประสบการณ์ระบบประสาทเหล่านี้คล้ายกระแสไฟฟ้า, และตัวตนมิติที่ห้าของคุณมีประสบการณ์ระบบประสาทเหล่านี้คล้ายกับแสงสว่าง.

These synapses are connected from the Multidimensional Operating System into the matrix of each reality. For example, view your vision of the 5th dimensional Earth through your Multidimensional Operating System to perceive the synapses of the Matrix for the lovely area of Nature you just visited in your imagination.

ระบบประสาทเหล่านี้เชื่อมต่อระบบปฏิบัติการหลากมิติกับเมตริกซ์ของแต่ละความเป็นจริง. ยกตัวอย่างเช่น, การที่คุณมองภาพของโลกมิติที่ห้าผ่านทางระบบปฏิบัติการหลากมิติของคุณ เพื่อรับรู้ระบบประสาทต่างๆของเมตริกซ์สำหรับสถานที่ที่น่ารักของธรรมชาติ ที่คุณเพิ่งได้ไปเยือนในจินตนาการของคุณ.

Feel the synapses within your beingness as they resonate and connect the matrix of this reality to you Multidimensional Operating System so that you can experience that reality in a multidimensional manner.

รู้สึกถึงระบบประสาทเหล่านี้ภายในรูปธรรมของคุณ ซึ่งระบบประสาทเหล่านี้ได้สะท้อนและเชื่อมต่อเมตริกซ์ของความเป็นจริงนี้กับระบบปฏิบัติการหลากมิติของคุณ เพื่อที่ว่าคุณจะสามารถมีประสบการณ์ความเป็นจริงนั้นในแบบหลากมิติ.

If you observe these synapses with your Third Eye, you can hone in on the exact ley lines of each dimension. From this perception you can see how the ley lines are connected to your Multidimensional SELF.

ถ้าหากคุณสำรวจระบบประสาทเหล่านี้ด้วยตาที่สามของคุณ, คุณสามารถเจาะลึกเข้าไปในเส้นเมตริกซ์ของแต่ละมิติ. จากการรับรู้นี้คุณสามารถมองเห็นวิธีที่เส้นเมตริกซ์เชื่อมต่อกับตัวตนหลากมิติของคุณ.

Via your Multidimensional SELF these synapses also connect to your 4th dimensional aura. See the vague matrix around your 4th dimensional self. Look at the matrix of your physical form from this perspective.

ผ่านทางตัวตนหลากมิติของคุณระบบประสาทเหล่านี้ได้เชื่อมต่อกับออร่ามิติที่สี่ของคุณด้วย. มองไปที่เมตริกซ์รางๆที่อยู่รอบๆตัวตนออร่ามิติที่สี่. มองไปที่เมตริกซ์ของรูปทางกายภาพของคุณจากมุมมองนี้.

The secret of connecting your Multidimensional Operating System to your 3rd dimensional brain is that you don’t connect it to JUST your 3rd dimensional brain. You connect your Multidimensional Operating System to your entire 3rd dimensional matrix. In this way you will not overload your brain, as your entire earth vessel will be the receiver of these images, thoughts, and emotions.

ความลับของการเชื่อมต่อระบบปฏิบัติการหลากมิติของคุณกับสมองมิติที่สามของคุณ ก็คือคุณจะไม่เชื่อมต่อมันกับสมองมิติที่สามของคุณโดยตรง. คุณเชื่อมต่อระบบปฏิบัติการหลากมิติกับเส้นเมตริกซ์มิติที่สามของคุณทั้งเส้น. ในหนทางนี้คุณจะไม่สมองของคุณทำงานหนักเกินไป, ซึ่งร่างกายโลกของคุณทั้งร่างจะเป็นตัวรับภาพเหล่านี้, ความคิดเหล่านี้ และอารมณ์เหล่านี้.

 

Because you can now see the matrix of your 3rd dimensional body, you can see how these synapses are connected to the 4th dimension and to 5th dimensional New Earth. Your third/fourth dimensional reality is intertwining with your fifth dimensional reality!

เนื่องจากขณะนี้คุณสามารถมองเห็นเมตริกซ์ของร่างกายมิติที่สามของคุณ, คุณสามารถเห็นวิธีที่ระบบระสาทเหล่านี้เชื่อมต่อกับมิติที่สี่และมิติที่ห้าของโลกใหม่. ความเป็นจริงมิติที่สาม/สี่ของคุณ กำลังผสมผสานกับความเป็นจริงมิติที่ห้าของคุณ.

Feel how this fifth dimensional reality moves into each and every area of your body. Observe how this connection moves into each and every synapse of your entire physical body, eventually extending into the 97% DNA that is activated by this fifth dimensional light.

รู้สึกถึงการที่ความเป็นจริงมิติที่ห้าเคลื่อนที่เข้าสู่แต่ละส่วนและทุกๆส่วนของร่างกายคุณ. สำรวจวิธีที่การเชื่อมต่อนี้เคลื่อนที่เข้าสู่แต่ละและทุกๆระบบประสาทของร่างกายทางกายภาพของคุณทั้งร่าง, ในที่สุดก็ขยายไปสู่ 97% ของ DNA ซึ่งได้ถูกกระตุ้นโดยแสงสว่างมิติที่ห้านี้.

When this DNA is fully activated, you will regain more and more of your united right/left brain functioning. When you are functioning at 100% brain capacity you can fully utilize your Multidimensional Operating System to function, not just with the 5% of your brain, but with 100% of your brain.

เมื่อ DNA นี้ได้รับการกระตุ้นอย่างเต็มที่, คุณจะฟื้นคืนความเป็นหนึ่งเดียวกันของการทำงานของสมองซีกซ้ายและขวามากขึ้นมากขึ้น. เมื่อคุณทำกระบวนการนี้ถึงระดับ 100% ของความสามารถของสมอง คุณจะสามารถใช้งานระบบปฏิบัติการหลากมิติได้, ไม่ใช่แค่ 5% ของสมองของคุณ, แต่ด้วยศักยภาพ 100% ของสมองของคุณ.

Your right and your left hemispheres, joined as One, will allow you to master both imagistic and analytic thought. When the 97% DNA is turned on, the full Multidimensional Operating System can finally integrate into your physical brain.

สมองซีกซ้ายและซีกขวาของคุณจะรวมกันเป็นหนึ่งเดียว, จะอนุญาตให้คุณมีความเป็นใหญ่เหนือความคิดแบบจินตนาการและความคิดแบบวิเคราะห์. เมื่อ 97% ของ DNA เปิดสวิทซ์, ระบบปฏิบัติการหลากมิติเต็มระบบจะรวมเข้าสู่สมองทางกายภาพของคุณในที่สุด.

However, you will feel that connection throughout all of your body before you begin to send it to your physical brain. Imagine how the synapses of the 97%DNA is turning on and influencing all of your body before it affects your brain.

อย่างไรก็ตาม, คุณจะรู้สึกถึงการเชื่อมต่อตลอดทั่วทั้งร่างกายของคุณ ก่อนที่คุณจะส่งมันเข้าสู่สมองทางกายภาพของคุณ. จินตนาการว่าระบบประสาทของ 97% DNA เปิดสวิทซ์แล้วมีอิทธิพลต่อร่างกายทั้งร่างของคุณก่อนที่มันจะมีผลกระทบต่อสมองของคุณ.

Allow these synapses to gradually enter the brain and then enter a little more quickly, then even more quickly.

อนุญาตให้ระบบประสาทเหล่านี้ค่อยๆเข้าสู่สมอง จากนั้นเข้าไปให้เร็วขึ้นอีกเล็กน้อย, และเร็วขึ้นอีกเล็กน้อย.

Your brain is in your body, but your body is in your mind.

สมองของคุณอยู่ในร่างกาย, แต่ร่างกายของคุณอยู่ในจิตใจ.

FEEL how your brain has become your mind.

รู้สึกถึงสมองของคุณกลายเป็นจิตใจของคุณ.

Breathe into that mind and allow your mind to breathe into you.

หายใจเข้าสู่จิตใจนั้นและอนุญาตให้จิตใจของคุณหายใจเข้าสู่คุณ.

Allow the two to intermingle and Become One.

อนุญาตให้ทั้งสองผสมผสานกันและกลายเป็นหนึ่งเดียวกัน.

You are a Multidimensional Being. Your Multidimensional Operating System is fully connected to your third/fourth dimensional brain.

คุณคือรูปธรรมหลากมิติ. ระบบปฏิบัติการหลากมิติได้เชื่อมต่ออย่างเต็มที่กับสมองมิติที่ 3 / 4 ของคุณแล้ว.

Now, just as you restart your computer after you change Operating Systems, you will restart your brain. Allow yourself time to rest, to sleep, and to relax. Therefore, put this process on pause.

ขณะนี้, ก็เหมือนกับการที่คุณเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ใหม่ หลังจากที่คุณเปลี่ยนระบบปฏิบัติการ, คุณจะเปิดสมองของคุณครั้งใหม่. อนุญาตให้คุณมีเวลาพักผ่อน, นอนหลับ และผ่อนคลาย. ดังนั้น, พักกระบวนการนี้ไว้ก่อน.

Sometimes when you are downloading a big file into your computer it starts to go very slowly when you hit 97%. When you get to that 97% mark, pause the process and wait until there is a time to be completely still.

บางครั้งเมื่อคุณดาวน์โหลดไฟล์ที่มีขนาดใหญ่เข้าสู่เครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณ มันจะเริ่มช้าลงเมื่อดาวน์โหลดไฟล์ไปได้ 97%. เมื่อคุณไปถึง 97% นั้น, พักกระบวนการแล้วรอจนกว่าจะมีเวลาที่มันยังคงสมบูรณ์.

Then, click on that process and allow that last bit of multidimensional information to completely be downloaded and integrated. At that point, Power Down the process. In other words, turn OFF by going into a very deep state of meditation.

จากนั้น, เริ่มกระบวนการนั้นและอนุญาตให้ข้อมูลหลากมิติชุดสุดท้ายได้รับการดาวน์โหลดอย่างสมบูรณ์และรวมมันเข้าไป. ณ จุดนั้น, ปิดกระบวนการ. หรือพูดอีกอย่างหนึ่งว่า, ปิดเครื่องด้วยการเข้าสู่สมาธิในระดับลึก.

When you restart and come online after your meditation, your Multidimensional Operating System will be fully integrated.

เมื่อคุณเปิดเครื่องใหม่และเข้าสู่การเชื่อมต่อหลังจากการทำสมาธิของคุณ, ระบบปฏิบัติการหลากมิติของคุณจะรวมเข้าอย่างเต็มที่.

Then, you will be YOU, your Multidimensional SELF.
Blessings Be ~ We See Your Glorious Light

หลังจากนั้น, คุณก็จะเป็นคุณ, ตัวตนหลากมิติของคุณ.
ขออวยพรอย่างนั้น ~ พวกเรามองเห็นแสงสว่างที่ยิ่งใหญ่ของคุณ

The Arcturians
ด้วยรักที่ไม่มีเงื่อนไข ขอบคุณครับ
(ตอนต่อไปข้อความที่ 6329 หน้าที่ 317)

 

พ่ายแพ้ต่อความขยันของ Mr empty
ช่วงนี้ยุ่งมากตามอ่านไม่ทันเลย
;aa8

 

Salusa : Mike Quincy กลับมาแล้ว ต่อไปจะหนักกว่านี้อีก มิตรรักนักอ่านที่รักทั้งหลาย ไม่รู้ว่าคนอ่านกับคนแปลใครจะไปก่อนกัน

 

มาเยี่ยมเยือนค่ะ เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยได้มีเวลาเข้ามาอ่าน แต่เป็นแฟนพันธุ์แท้กระทู้คุณชยุตค่ะ ก็พยายามตามอ่านไปเรื่อยๆ (แต่หัวสมองไม่ค่อยรับด้วย อ่านภาษาอังกฤษแล้วตาลายมาก)
ขออนุโมทนากับผู้แปลทุกท่านด้วยนะคะ

 

ข้อความสื่อสารทางโทรจิตจากท่านซาลูซ่า แห่ง The Galactic Federation

วันที่ : 5 พฤศจิกายน 2012
ผู้รับสาส์น : Mike Quinsey
ที่มา : http://galacticchannelings.com/english/index.html

SaLuSa, November 5, 2012

Dear Ones what a grand assembly of people took place in Sedona, with the coming of the 2012 Scenario Conference. With no hesitation hundreds took off to meet for 3 days, to listen to speakers well known for their dedication to spreading the Light. They were treated to a feast that brought out the love and Light of all concerned, and created a focus for it that spread out all around. It remains as a beacon that calls out to other souls, and signals the intent of raising the vibrations even higher than they were before. It also increases the chance of the first City of Light emerging very shortly. Those dear souls who were involved are true Lightworkers who answered the call to join arms, and bring Ascension to the notice of more people than before.

ที่รักทั้งหลายมันช่างเป็สมัชชาที่ยิ่ใหญ่ของผู้คนที่เกิดขึ้นที่เซโดน่า, ด้วยการมาถึงของ the 2012 Scenario Conference. โดยไม่ลังเล ผู้คนนับร้อยพบปะกันเป็นเวลา 3 วัน, เพื่อฟังผู้บรรยายที่มีชื่อเสียงที่อุทิศตนเพื่อการแผ่กระจายแสงสว่าง. พวกเขาได้รับการปฏิบัติด้วยการฉลองซึ่งนำมาซึ่งความรักและแสงสว่างของทุกคนที่เกี่ยวข้อง, และได้สร้างความสนใจที่กระจายออกไปทั่ว. มันยังคงอยู่เช่นดังประภาคารที่เรียกร้องออกไปสู่วิญญาณอื่นๆ, และสัญญาณของความมุ่งหมายที่จะยกระดับความถี่ให้สูงกว่าที่เคยเป็นมา. มันเพิ่มโอกาสของการเป็นเมืองแห่งแสงสว่างเมืองแรกที่จะเกิดขึ้นในไม่ช้า. วิญญาณที่รักเหล่านั้นผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเป็นไลท์เวิร์คเกอร์อย่างแท้จริง ที่ตอบรับการเรียกร้องให้ร่วมมือกัน, และนำการยกระดับให้ผู้คนรับรู้มากกว่าเมื่อก่อน.

We watched the Light growing not just from above, and our representatives with Angels were also present to witness first hand the beauty and joy of your gathering. We also ensured your Conference was not interfered with, because such an explosion of Light attracts the dark Ones who would wish to extinguish it. It is as well all of you who are of the Light take care to protect yourselves, and a simple visualization of placing a cocoon of Light around you will keep you safe. What you learnt was that where there are many of a like mind and intent, there is an instant bonding and a freedom of expression that is uninhibited by social custom or practices. You felt unrestrained and able to accept other souls without question. In your future that kind of acceptance will be the normal way that you will interact with others.

พวกเราเฝ้ามองแสงสว่างที่กำลังโตขึ้นไม่ใช่จากข้างบน, และผู้แทนของพวกเราพร้อมกับเหล่าเทพก็อยู่ที่นั่นเช่นกันเพื่อเป็นพยานแรกของความงดงามและความสุขของการแสวงหาของคุณ. พวกเรารับประกันเช่นกันว่าการประชุมของคุณจะไม่ถูกแทรกแซง, เนื่องจากการระเบิดของแสงสว่างได้ดึงดูดฝ่ายมืดผู้ปรารถนาจำทำให้มันดับ. เช่นกันพวกคุณทั้งหมดผู้เป็นฝ่ายแสงสว่างได้ดูแลเอาใจใส่ตนเอง, ได้สร้างจินตนาการง่ายๆของการสร้างรังไหมของแสงสว่างไว้รอบๆตัวเพื่อทำให้คุณปลอดภัย. สิ่งที่คุณได้เรียนรู้ก็คือมีผู้คนมากมายที่มีความชอบและความมุ่งหมายที่คล้ายกัน, มันเกิดสายสัมพันธ์ในทันทีและการแสดงออกอย่างเสรีที่อยู่ภายใต้กรอบหรือการปฏิบัติทางสังคม. คุณรู้สึกถึงการไม่ถูกจำกัดและสามารถยอมรับวิญญาณอื่นได้โดยไม่มีข้อสงสัย. ในอนาคตของคุณการยอมรับประเภทนั้นจะเป็นหนทางปกติที่คุณจะมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น.

We have mentioned many times, you are much more powerful than you realize. Have faith more than you have ever had before, and know that nothing is impossible. If you have the intent and belief in your own powers, miracles will happen. Be forward in your thinking and try to not look back, and set your sights on all that is whole and of the Light. Ascension is assured but do not sit back as your help is now as important as it ever was. There is still cleansing that is necessary as you are aware, and you can help keep its affects to a minimum by sending out your Light to Mother Earth. She has no desire to cause damage and death, but her Ascension is just as important as your own, if not more so. Think upon her need to be every bit as ready as you are, as Ascension is a time when you join together and ascend as One.

พวกเราได้กล่าวถึงหลายครั้ง, คุณมีพลังอำนาจมากกว่าที่คุณคิด. ให้มีความเชื่อมั่นมากกว่าที่เคยเป็น, และให้รู้ว่าไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้. ถ้าหากคุณมีความมุ่งมั่นและความเชื่อมั่นในพลังอำนาจของตัวคุณเอง, ปาฏิหาริย์จะเกิดขึ้น. ให้ก้าวหน้าต่อไปในสิ่งที่คุณคิดและพยายามอย่ามองกลับหลัง, และให้สายตาของคุณอยู่ที่ทุกสิ่งที่เป็นทั้งหมดและเป็นแสงสว่าง. การยกระดับเป็นสิ่งที่แน่นอนแต่อย่านั่งอยู่เฉยๆ เนื่องจากการช่วยเหลือของคุณในขณะนี้มีความสำคัญกว่าที่เคยเป็นมา. ยังคงมีการชำระล้างซึ่งมีความจำเป็นซึ่งคุณรู้แล้ว, และคุณสามารถช่วยให้ผลกระทบเกิดขึ้นน้อยที่สุดด้วยการส่งแสงสว่างของคุณออกไปสู่พระแม่โลก. เธอไม่ปรารถนาจะเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายหรือความตาย, แต่การยกระดับของเธอก็มีความสำคัญเหมือนกับการยกระดับของคุณ, ถ้าหากมันไม่เพียงพอ. ให้คิดถึงความจำเป็นของเธอที่ทุกๆส่วนมีความพร้อมเหมือนคุณ, ซึ่งการยกระดับก็คือเวลาที่เมื่อคุณร่วมกันและยกระดับสู่ความเป็นหนึ่งเดียว.

Life on your present Earth is coming to an end and of necessity, because the cycle of duality has all but completed its course. Nothing stands still and all is in motion and change to take up a new position according to its vibration. Separation of the souls on Earth is therefore quite a natural occurrence, as the Law of Attraction is always in action. Do not worry about anyone's path as all are destined to follow one that has already been planned. You will all find yourselves in the right place to continue your evolution. Think not of losing your contact with those you love, as there will always be one with them wherever they are. In the higher dimensions, time and distance are no barrier to travel or communication.

วงจรของโลกในปัจจุบันของคุณมาถึงจุดจบและมีความจำเป็น, เพราะว่าวัฏจักรทวิภาวะได้เสร็จสิ้นกระบวนการทั้งหมดของมันแล้ว. ไม่มีสิ่งใดที่คงอยู่นิ่งๆและทุกอย่างก็อยู่ในความเคลื่อนไหวและการเปลี่ยนแปลง เพื่อเข้าสู่ตำแหน่งใหม่อันเนื่องมาจากความถี่ของมัน. การแบ่งแยกของวิญญาณบนโลกเกิดขึ้นค่อนข้างเป็นธรรมชาติ, ซึ่งกฏของแรงดึงดูดทำงานของมันอยู่เสมอ. อย่าไปกังวลเกี่ยวกับหนทางของผู้อื่นซึ่งทุกคนมีโชคชะตาที่จะตามผู้ที่ได้วางแผนเรียบร้อยแล้ว. คุณจะค้นพบตัวตนของคุณทั้งหมดในที่ที่ถูกต้องเพื่อที่จะวิวัฒนาการต่อไป. อย่าคิดถึงการสูญเสียการเชื่อมโยงกับเหล่าบุคคลที่คุณรัก, ซึ่งคุณจะเป็นหนึ่งเดียวกับพวกเขาอยู่เสมอไม่ว่าพวกเขาจะอยู่ที่ไหน. ในมิติที่สูงกว่า, เวลาและระยะทางจะไม่ใช่อุปสรรคขวางกั้นการเดินทางหรือการสื่อสาร.

 

In the U.S. the Presidential elections are coming to a close, and President Obama will return to power to take you all into the Golden Age. So far you have seen little of his real abilities or desire to bring about World Peace. The dark Ones may have used their methods to appoint their choice, but we of the Light are not without our way of making sure our choice succeeds this time around. It is a victory that is assured, and then you will really see things taking shape. Indeed you will be taken quite by surprise by when things really start to take place. There are but few weeks left to carry out whatever is needed for you to enter a new period in your lives. Be prepared for the changes so that you are able to accommodate them without any difficulty. They are not intended to make your life difficult, but improve it beyond your wildest dreams.

ในอเมริกาการเลือกตั้งประธานาธิบดีกำลังใกล้เข้ามา, และประธานาธิบดีโอบามาจะกลับคืนสู่อำนาจเพื่อนำพาคุณทั้งหมดเข้าสู่ยุคทอง. ในอนาคตคุณจะได้เห็นศักยภาพเล็กน้อยของเขาหรือความปรารถนาที่จะนำมาซึ่งสันติภาพของโลก. ฝ่ายมืดอาจจะใช้วิธีการของพวกเขาที่จะแต่งตั้งคนที่พวกเขาเลือก, แต่พวกเราชาวแสงสว่างจะไม่ออกจากหนทางของพวกเราในการทำให้แน่ใจตัวเลือกของพวกเราจะชนะในครั้งนี้. มันเป็นชัยชนะที่แน่นอน, และหลังจากนั้นคุณจะได้เห็นสิ่งต่างๆเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาจริงๆ. อันที่จริงคุณจะถูกนำไปสู่สิ่งที่ค่อนข้างน่าประหลาดใจ เมื่อสิ่งต่างๆเกิดขึ้นจริงๆ. มีเวลาเหลืออีก 2 – 3 สัปดาห์ เพื่อนำพาสิ่งที่จำเป็นสำหรับคุณ ในการก้าวเข้าสู่ช่วงเวลาใหม่ของชีวิต. ให้เตรียมตัวสำหรับการเปลี่ยนแปลงเพื่อที่คุณจะสามารถได้รับความสะดวกโดยปราศจากความยุ่งยาก. พวกเขาไม่ได้มุ่งหมายจะทำให้ชีวิตของคุณยุ่งยาก, แต่จะทำให้มันดีขึ้นกว่าฝันร้ายของคุณ.

The Storm Sandy was a natural occurrence needed by Mother Earth to prepare for her Ascension, and will take place wherever there are deep rooted negative energies. On another level you are aware that this type of cleansing is going to happen, and when as a result people pass on it is not accidental in the way you normally perceive it. We say again that nothing happens by chance but all is pre-ordained. The raising of the collective consciousness has overcome the need for a more drastic cleansing, so you are to be congratulated for bringing it about. What you now understand is a clear example of your power to create your own reality.

พายุแซนดี้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติที่จำเป็นสำหรับพระแม่โลก ในการเตรียมการสำหรับการยกระดับของเธอ, และจะเกิดขึ้นในที่ใดก็ตามที่พลังงานลบฝังรากลึก. ที่ระดับอื่น คุณรู้ว่าการชำระล้างชนิดนี้กำลังเกิดขึ้น, และเมื่อผลลัพธ์คือประชาชนได้ผ่านมันโดยไม่มีอันตรายในหนทางที่คุณรับรู้มัน. พวกเราบอกอีกครั้งว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นโดยบังเอิญแต่ทุกสิ่งได้รับการจัดเตรียมมาก่อน. การยกระดับขึ้นของความตระหนักรู้มวลรวมได้ก้าวข้ามความจำเป็นที่จะต้องชำระล้างด้วยความรุนแรงมากกว่านี้, ดังนั้นคุณควรแสดงความยินดีสำหรับการนำมันออกมา. สิ่งที่คุณเข้าใจในขณะนี้ก็คือตัวอย่างที่ชัดเจน ของพลังอำนาจของคุณที่จะสร้างสรรค์ความเป็นจริงของคุณเอง.

As you must realize the next few weeks are so important to you, and should at last show you the way home. We cannot wait to get started in such a way that you are aware of what is happening, and that we can commence to work together. Once those Beings that stand in your way are removed, we will all be much freer to move around as we wish. Then many more changes will be introduced so that you are able to travel more quickly to any destination on your world. All of our promises are to fulfilled in fairly quick time, as we have been ready to go ahead for a very long time. Our plan is one that encompasses worldwide changes and we have the back-up to commence in many parts of the world at once.

คุณต้องตระหนักว่าในอีก 2 – 3 สัปดาห์ข้างหน้ามีความสำคัญสำหรับคุณ, และในที่สุดมันควรจะเป็นการแสดงให้เห็นทางกลับบ้านของคุณ. พวกเราไม่สามารถรอให้มันเริ่มในหนทางที่คุณรู้เกี่ยวกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น, และพวกเราสามารถเริ่มทำงานด้วยกัน. เมื่อรูปธรรมเหล่านั้นผู้ที่กำลังขวางทางของคุณได้ถูกกำจัดออกไป, พวกเราจะมีอิสระมากขึ้นที่จะไปไหนต่อไหนตามที่ปรารถนา. หลังจากนั้นการเปลี่ยนแปลงมากขึ้นจะถูกนำเสนอ เพื่อที่คุณจะสามารถเดินทางได้เร็วขึ้นสู่ที่ใดก็ได้ในโลกของคุณ. ทุกๆคำสัญญาจะได้รับการเติมเต็มในเวลาที่รวดเร็ว, ซึ่งพวกเรามีความพร้อมที่จะไปข้างหน้ามานานแล้ว. แผนของพวกเราครอบคลุมถึงการเปลี่ยนแปลงรอบโลก และพวกเรามีสิ่งสนับสนุนเพื่อเริ่มต้นในหลายๆส่วนของโลกในเวลาพร้อมๆกัน.

Understand the fact that you have done so well in establishing the Light upon Earth, has lessened the need for the traumatic and catastrophic changes. There have been numerous prophesies going back many years that have been based upon the "probabilities" that are played out by you. The further you go back to say Biblical times, the more cataclysmic the prophesies were. However, some people cling to those old ones maintaining a time line that still exists today, but it does not carry the energy to affect the end times. So you will understand that no one is "wrong" but has become attached to a certain outcome that no longer applies.

ให้เข้าใจความเป็นจริงที่ว่าคุณทำได้ดีในการสถาปนาแสงสว่างบนโลก, ได้ลดความจำเป็นของการเปลี่ยนแปลงที่มีบาดแผลและภัยพิบัติ. มีคำทำนายมากมายในอดีตหลายปีมาแล้วที่มีพื้นฐานบนความเป็นไปได้ซึ่งนำทำนายโดยคุณ. ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อคุณกลับไปพูดถึงยุคไบเบิล, ก็ยิ่งมีคำทำนายเกี่ยวกับกลียุคมากขึ้น. อย่างไรก็ตาม, บางคนที่ยึดติดอยู่กับสิ่งเก่าๆเกี่ยวกับกำหนดเวลา ยังคงมีอยู่จนถึงทุกวันนี้, แต่พวกเขาไม่มีพลังงานเพียงพอที่จะส่งผลกระทบต่อเวลาสิ้นสุด. ดังนั้นคุณจะเข้าใจว่าไม่มีผู้ใดผิด เพียงแต่ยึดติดกับผลลัพธ์ที่ไม่เกิดขึ้นอีกต่อไป.

I am SaLuSa from Sirius, and thank Lightworkers all over the world for their continual commitment to Ascension, and Michael for having the confidence to bring through a message at the Conference. I refer to him as Michael because as with anyone else, the full name carries an energy that is specifically for that person. Joyful blessings to you all.

I am SaLuSa from Sirius, และขอขอบคุณไลท์เวิร์คเกอร์ทั่วโลกสำหรับความมุ่งมั่นในการยกระดับอย่างต่อเนื่อง, และ Michael สำหรับความมั่นใจที่จะเผยแพร่ข่าวสารที่การประชุม. ผมพูดถึงเขาในชื่อ Michael เพราะว่าเมื่ออยู่กับผู้อื่น, ชื่อจริงจะมีพลังเป็นพิเศษสำหรับคนนั้น. ขออวยพรให้มีความสุขทุกๆท่าน.

I am SaLuSa.
Thank you Mike Quinsey
ด้วยรักที่ไม่มีเงื่อนไข ขอบคุณครับ

 

ลองฟังอาจารย์วรภัทรดู คล้ายกับที่แปลมา เรื่องจิต เรื่องจิตหนึ่งเดียว เรื่องความคิดที่แบ่งเป็นทวิภาค

[ame=http://www.youtube.com/watch?v=YlX9B3Km06k]ดร วรภัทร ภู่เจริญ ธรรมกับธรรมชาติ Full version - YouTube[/ame]

 

(ตอนต่อจากข้อความที่ 5319 หน้าที่ 316)

Trip to the Mothership Part 11 – The Ascension of Arcturus

By Dr Suzan Caroll / Suzanne Lie – October 23, 2012
http://suzanneliephd.blogspot.co.uk/

Where we left off:

I was out of time, so I had no idea how long I traveled through the files of the Oversoul, but as I continued I became calmer and more detached from the passing realities. Then suddenly, a reality moved towards me like a beaming Sun. I could not float past it, even though I wanted to. There was unfinished business in the life that I had to complete in order to free my consciousness from some invisible burden.

ผมออกจากเวลาแล้ว, ดังนั้นผมจึงไม่มีความคิดเกี่ยวกับว่า ผมใช้เวลานานเท่าใดในการเดินทางผ่านแฟ้มข้อมูลต่างๆของวิญญาณระดับสูง, แต่ยิ่งผมเดินทางต่อไปผมกลายเป็นมีความสงบมากขึ้นและปลดปล่อยการยึดติดความเป็นจริงต่างๆที่ผ่านมาได้มากขึ้น. ทันใดนั้น, ความเป็นจริงต่างๆมุ่งตรงมายังผมคล้ายลำแสงของดวงอาทิตย์. ผมไม่สามารถลอยผ่านมันไปได้, แม้ว่าผมต้องการทำอย่างนั้น. ยังมีงานที่ทำไม่เสร็จในชีวิตที่ผมต้องทำให้สำเร็จ เพื่อปลดปล่อยความตระหนักรู้ของผมจากภาระที่มองไม่เห็นบางอย่าง.

Suddenly the “Sun” was before me and pulled me in with such force that I almost passed out. However, I reminded myself that I AM the Master of my MIND. This sentence opened a portal into a planet in chaos and I heard, “The Ascension of Arcturus.”

ทันใดนั้น “ดวงอาทิตย์” ก็อยู่ตรงหน้าผมและดึงผมด้วยแรงที่ผมแทบจะผ่านออกไป. อย่างไรก็ตาม, ผมเตือนตนเองว่าผมคือนายเหนือจิตใจ. ประโยคนี้ได้เปิดประตูเข้าสู่ดาวเคราะห์ในความสับสน และผมก็ได้ยินว่า “การยกระดับของดาวอาร์คทูรัส”.

Mytre Coninues:

As the file of the Oversoul opened, it pulled me in to a scene from before all counting of time. At first, I could only hear words I did not understand and feel a sense of panic. Eventually, I regained my vision enough to see a scene before me that struck my heart as it reminded me of my Homeworld in the Pleiades.

เมื่อไฟล์ข้อมูลของวิญญาณระดับสูงเปิดออกมา, มันดึงผมเข้าไปในเรื่องราวจากก่อนที่จะมีการนับของเวลา. ตอนแรก, ผมได้ยินเพียงแค่คำพูดที่ผมไม่เข้าใจและรู้สึกถึงความตื่นตระหนก. ในที่สุด, ผมฟื้นคืนการมองเห็นได้เพียงพอที่จะเห็นเรื่องราวข้างหน้าผมที่ตรึงหัวใจของผม มันทำให้ผมนึกถึงโลกบ้านเกิดของผมที่ดาวพลีอาเดี้ยน.

Beings, who looked vaguely humanoid, were rushing around in a near state of panic. Something was happening to their planet that they could not understand. My first thought was “How could these frightened beings be Arcturians?” An instant response, seemingly from the Oversoul was “They are not still Arcturians. There are some among them who will remember to return to being Arcturian.”

รูปธรรม, ที่ดูเหมือนเป็นมนุษย์รางๆ, กำลังวิ่งไปรอบๆในสภาพที่ใกล้เคียงกับความตื่นตระหนก. มีบางอย่างเกิดขึ้นกับดาวเคราะห์ของพวกเขาที่พวกเขาไม่เข้าใจ. ความคิดแรกของผมก็คือ “เป็นไปได้ไหมที่รูปธรรมที่ตื่นตระหนกเหล่านี้เป็นชาวอาร์คทูเรี่ยน?” คำตอบที่มาในทันที, ดูเหมือนจะมาจากวิญญาณระดับสูงก็คือ “พวกเขายังไม่ใช่ชาวอาร์คทูเรี่ยน. ยังมีบางพวกที่อยู่ระหว่างพวกเขา ผู้ที่จะจำได้เพื่อกลับไปสู่การเป็นรูปธรรมอาร์คทูเรี่ยน”.

The Oversoul then told me how formless Beings had come from a distant universe to visit the young Milky Way Galaxy. These Beings had never known form, nor had they every lived on a planet. The name of these Beings is impossible to translate into any sequential language, such as the one I am using to share my story. Therefore I will call them “Pre-Arcturians”.

จากนั้นวิญญาณระดับสูงก็บอกผมถึงการที่รูปธรรมไร้รูป ที่มาจากจักรวาลที่ห่างไกลเพื่อมาเยี่ยมเยือนแกแลกซี่ทางช้างเผือกหนุ่ม. รูปธรรมเหล่านี้ไม่เคยรู้จักรูป, ไม่เคยอาศัยอยู่บนดาวเคราะห์. ชื่อของรูปธรรมเหล่านี้ไม่สามารถแปลออกมาเป็นภาษาตามลำดับได้, เช่นเดียวกับรูปธรรมหนึ่ง ที่ผมจะแบ่งปันเรื่องราวของผม. ดังนั้นผมขอเรียกพวกเขาว่า “พรีอาร์คทูเรี่ยน”.

These Pre-Arcturians decided to have the experience of “Being a Planet, since being an individual was far below their conception. For millions of cycles they attached their great consciousness to the orb and the atmosphere of a planet. Eventually, they desired the experience of having forms that could move around the planet.

พรีอาร์คทูเรี่ยนเหล่านี้ตัดสินใจที่จะมีประสบการณ์ของ รูปธรรมดาวเคราะห์, เนื่องจากรูปธรรมส่วนบุคคลมันต่ำกว่าหลักการคิดของพวกเขามาก. เป็นเวลานับล้านวัฏจักรที่พวกเขาแนบความตระหนักรู้ที่ยิ่งใหญ่ของพวกเขาเข้ากับทรงกลมและบรรยากาศของดาวเคราะห์. ในที่สุด, พวกเขาปรารถนาที่จะมีประสบการณ์ของการมีรูปที่สามารถเคลื่อนที่ไปมาได้รอบๆดาวเคราะห์.

They decided that in this manner they could have the different perspective of being ON the planet, rather than BEING the planet. For countless cycles of the planet, some of them lived within their somewhat humanoid forms. On the other hand, the Oneness held the form of the planet and its atmosphere, so that it could be protected and maintained.

พวกเขาตัดสินใจว่าด้วยวิธีการนี้ พวกเขาจะสามารถมีมุมมองที่แตกต่างของรูปธรรมบนภาคพื้นดาวเคราะห์, มากกว่าเป็นรูปธรรมดาวเคราะห์. เป็นเวลานับวัฏจักรไม่ถ้วนของดาวเคราะห์, พวกเขาบางคนมีชีวิตอยู่ภายในสิ่งที่เรียกว่ารูปมนุษย์. ในอีกด้านหนึ่ง, พวกที่เป็นหนึ่งเดียวกันได้รักษารูปของดาวเคราะห์และบรรยากาศของมัน, เพื่อที่สามารถปกป้องคุ้มครองและบำรุงรักษา.

 

Eventually, the planet lowered in frequency enough to have a vague relationship with time. With the new development of time, which was a unique experience for the Arcturians, things began to happen that were not initiated by the Arcturians who where the planetary holders of form.

ในที่สุด, ดาวเคราะห์ได้ลดระดับความถี่ลงสู่ระดับที่มีความสัมพันธ์รางๆกับเวลา. ด้วยการพัฒนาขึ้นมาใหม่ของเวลา, ซึ่งเป็นประสบการณ์เฉพาะสำหรับชาวอาร์คทูเรี่ยน, สิ่งต่างๆเริ่มเกิดขึ้นโดยไม่ได้เป็นการริเริ่มโดยชาวอาร์คทูเรี่ยน ผู้ซึ่งสวมใส่รูปของดาวเคราะห์.

Having less than infinite creative control of all reality was also a new adventure: therefore they surrendered to this next experience, never thinking that they could become lost in their own adventure. They had never known time, so they had no idea how it could create aging and decay.

(การมีอำนาจในการสร้างสรรค์ความเป็นจริงที่ไม่จำกัด)ลดน้อยลง เป็นการเดินทางครั้งใหม่เช่นกัน: ดังนั้นพวกเขายอมรับประสบการณ์ขั้นต่อไปนี้, ไม่เคยคิดว่าพวกเขาสามารถหลงทางอยู่ในการเดินทางของพวกเขาได้. พวกเขาไม่เคยรู้จักเวลา, ดังนั้นพวกเขาไม่เคยมีความคิดว่ามันสามารถสร้างความชราและความเสื่อมถอยได้.

At first, they thought that the aging and decay were merely changes. Hence they embraced it. Too late, they realized that after many thousands of cycles of the turn of their planet, the humanoid encasements began to decay. Having never worn a form, this was quite a surprise to them.

เริ่มแรก, พวกเขาคิดว่าความชราและความเสื่อมถอยมันก็แค่เป็นการเปลี่ยนแปลง. ดังนั้นพวกเขาจึงรับมันไว้. สายเกินไปแล้ว, พวกเขาตระหนักว่าหลังจากหลายพันวัฏจักรของดาวเคราะห์, รูปมนุษย์ที่พวกเขาสวมใส่เริ่มเสื่อมถอย. จากการที่ไม่เคยสวมใส่รูป, สิ่งนี้ค่อนข้างนำความประหลาดใจมาสู่พวกเขา.

However their greatest surprise was that, as they began to decay they began to forget. Some of them forgot that the planet was alive with their own Arcturian family. Some of them forgot about their true, formless state, and some of them forgot that they were all ONE Beings wearing somewhat separate forms.

อย่างไรก็ตามสิ่งที่นำความประหลาดใจมากที่สุดมาสู่พวกเขาก็คือ, พวกเริ่มเสื่อมถอยพวกเขาเริ่มลืม. พวกเขาบางคนลืมไปว่าดาวเคราะห์มีชีวิตเนื่องด้วยครอบครัวอาร์คทูเรี่ยนของพวกเขาเอง. พวกเขาบางคนได้ลืมความจริงของพวกเขา, สถานะที่ไร้รูป, และพวกเขาบางคนได้ลืมว่าพวกเขาเป็นรูปธรรมที่มีความเป็นหนึ่งเดียวกัน ที่มาสวมใส่รูปที่แยกจากกัน.

Unique thoughts began to enter their consciousness such as separation, time and even age. At first these concepts which were previously unknown were exciting, they were so different from anything they had ever known. The truth is that they had become somewhat bored in their infinite, formless state of all-knowing and all-being.

ความคิดเฉพาะตัวเริ่มเข้าสู่ความตระหนักรู้ของพวกเขาเช่นเดียวกันกับการแบ่งแยก, เวลา และแม้แต่อายุขัย. ในตอนแรกหลักการเหล่านี้ที่ไม่เคยรู้มาก่อนเป็นสิ่งที่น่าตื่นเต้น, พวกเขาแตกต่างจากสิ่งที่พวกเขาเคยรู้มาก่อน. ความจริงก็คือพวกเราเริ่มเบื่อกับความไร้ขีดจำกัดของพวกเขา, สถานะของความไร้รูปที่รู้ทุกสิ่งและทุกรูปธรรม.

In fact, some of them became so excited by this adventure that they scorned their innate beingness and judged those who remained in their pure, formless state. Judgment was an entirely unique concept, as well as a VERY dangerous idea. Before they knew it, they began to divide into those who judged and those who did not judge.

อันที่จริง, พวกเขาบางคนรู้สึกตื่นเต้นกับการเดินทางนี้ ซึ่งพวกเขาได้ดูหมิ่นรูปธรรมดั้งเดิมของพวกเขา และตัดสินผู้ที่ยังคงอยู่ในความบริสุทธิ์, สถานะที่ไร้รูป. การตัดสินเป็นแนวคิดที่เฉพาะตัวอย่างสิ้นเชิง, เช่นเดียวกับเป็นแนวคิดที่อันตรายอย่างมาก. ก่อนที่พวกเขาจะรู้มัน, พวกเขาเริ่มแบ่งเป็นพวกที่ตัดสินและพวกที่ไม่ตัดสิน.

Those who did not judge remained in the higher frequencies of their new reality. On the other hand, those who judged began to shift their attention away from the unconditional love and unity with all Arcturians into a growing perception of separation from those who chose not to judge.

พวกที่ไม่ตัดสินยังคงอยู่ในความถี่ระดับสูงของความเป็นจริงของพวกเขา. ในอีกด้านหนึ่ง, พวกที่ตัดสินเริ่มนำพาสนใจของพวกเขาออกห่างจากความรักที่ไม่มีเงื่อนไข และความเป็นหนึ่งเดียวกันกับชาวอาร์คทูเรี่ยนทั้งปวง เข้าสู่การเจริญเติบโตของการรับรู้แบบแบ่งแยกจากผู้ที่เลือกจะไม่ตัดสิน.

Judgment became an important tool for them, as it pulled them into a denser reality than they had ever recognized. This group began to feel that they were better than the others because they were brave enough to enter into a novel version of reality that was unknown in their Universe.

การตัดสินกลายเป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับพวกเขา, ซึ่งมันดึงพวกเขาเข้าสู่ความเป็นจริงที่หนาแน่นขึ้นกว่าที่พวกเขาจะเคยรู้. กลุ่มนี้เริ่มรู้สึกว่าพวกเขาดีกว่าพวกอื่นเพราะว่าพวกเขามีความกล้าหาญเพียงพอที่จะเข้าสู่ความเป็นจริงรุ่นใหม่ ซึ่งไม่เคยรู้มาก่อนในจักรวาลของพวกเขา.

They never saw the consequences of their judgment coming. In fact, the notion of consequences was unique to them. They had not identified that a thought could be separate from the whole. Hence, when some of them began to branch out from the concept of judgment into the concept of comparison, they were unprepared for the separation that occurred.

พวกเขาไม่เคยเห็นผลลัพธ์ของการตัดสินของพวกเขาที่กำลังมาถึง. อันที่จริง, แนวคิดเกี่ยวกับผลลัพธ์ก็เป็นเอกลักษณ์ของพวกเขา. พวกเขาไม่ได้แยกแยะว่าความคิดนั้นสามารถแยกออกจากทั้งหมด. ดังนั้น, เมื่อพวกเขาบางคนเริ่มแตกสาขาออกจากหลักการของการตัดสินเข้าสู่หลักการของการเปรียบเทียบ, พวกเขาไม่ได้รับการเตรียมตัวมาสำหรับการแบ่งแยกที่เกิดขึ้น.

The separation first began with a separation between those who wore a form and those remained in the planetary atmosphere as pure, beings of light. Then the separation expanded to divide those who were the holders of the planetary form from those who were the holders of humanoid form.

การแบ่งแยกเริ่มต้นด้วยการแบ่งแยกระหว่างพวกที่สวมใส่รูปกับพวกที่ยังคงอยู่ในบรรยากาศของดาวเคราะห์ซึ่งมีความบริสุทธิ์, เป็นรูปธรรมแสงสว่าง. จากนั้นการแบ่งแยกขยายออกไปสู่การแบ่งออกเป็นพวกที่อยู่ในรูปของดาวเคราะห์กับพวกที่อยู่ในรูปมนุษย์.