ชีวิติ การงาน หลักธรรม สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังษี)

ในห้อง 'สมเด็จโต พรหมรังสี' ตั้งกระทู้โดย paang, 4 กันยายน 2007.

  1. paang

    paang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2005
    โพสต์:
    9,492
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,328
    รวมคติธรรมดีดีจากหนังสือชีวิติ การงาน หลักธรรม สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังษี)

    [​IMG]

    ************

    ผจญทะเลบ้า

    ครั้งหนึ่งสมโภชพระราชวังบนเขามไหสวรรค์ เมืองเพชรบุรี สังฆการี วางฎีกา ท่านไปเรือนญวน ๔ แจว
    ออกทางปากน้ำบ้านแหลม เวลานั้นทะเลเป็นบ้า คลื่นลมจัดมาก ชาวบ้านในอ่าวบ้านแหลมช่วยกันร้องห้ามว่า

    "เจ้าประคุณอย่าออกไปจะล่มตาย"
    ท่านตอบว่า "ไปจ๊ะ ไปจ๊ะ"

    ท่านออกยืนหน้าเก๋ง เอาพัชนีใบตาลโบกแหวกลมหน้าเรือ ลูกคลื่นโตกว่าเรือท่านมาก บังเรือมิด แต่ทางหน้าเรือคลื่นไม่มี
    ลมก็แหวกทางเท่ากับแจวในลำท้องร่อง น้ำเรียบ แต่น้ำข้าง ๆ กระเซ็นบ้าง เพราะคลื่นข้างเรือทั้งสองโตเป็นตลิ่งทีเดียว

    พระธรรมถาวรเล่าว่า เวลานั้นท่านเป็นพระครูปลัด ไปกับท่านด้วย ได้เห็นน่าอัศจรรย์ ใจท่านหาย ๆ ดูไม่รู้ว่าจะคิดเกาะเกี่ยวอะไร
    สมเด็จพระพุฒาจารย์ ท่านยืนโบกพัดเฉย คนก็แจวเฉยเป็นปกติ จนเข้าปากน้ำเมืองเพชร ท่านจึงเข้าเก๋งเอนกาย

    ชาวปากอ่าวเมืองเพชรเกรงบารมีสมเด็จท่านมากยกมือท่วม ๆ หัว
    สรรเสริญคุณสมบัติของสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) ตลอดจนเจ้าขุนนางที่ตามเสด็จคราวนั้นว่า

    เจ้าพระคุณสำคัญมาก แจวฝ่าคลื่นลมกลางทะเลมาได้ตลอดปลอดโปร่งปราศจากอุทกภัย

    หน้า ๑๕๒-๑๕๓
     
  2. paang

    paang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2005
    โพสต์:
    9,492
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,328
    คุณความดีมีมาก

    ในแผ่นดินสมเด็จพระปรเมนทรมหามงกุฏ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๔ นั้น
    สมเด็จพุฒาจารย์ (โต) ท่านได้ประพฤติคุณงามความดีดำรงตะบะเดชะชื่อเสียงกระเดื่องเฟื้องฟุ้งมา
    ในราชสำนักหลายประการ ในสงฆ์สำนักก็หลายประการ

    จนท่านมีคนนับถือลือชาปรากฏ ตลอดสิ้นแผ่นดินรัชกาลที่ ๔ เมื่อ ณ วันพฤหัสบดี ขึ้น ๑๕ ค่ำ เืดือน ๑๑
    ปีมะโรง พ.ศ.๒๔๑๑ (จ.ศ.๑๒๓๐) เวลายาม ๑ กับ ๑ บาท สิริพระชนม์ ๖๔ เสวยราชสมบัติได้ ๑๗ ปี
    กับ ๖ เดือน ๑๔ วัน อายุสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) ได้ ๘๑ ปี รับตำแหน่งสมเด็จพระพุฒาจารย์มาได้
    ๔ ปี สิ้นรัชการที่ ๔ นี้

    หน้า ๑๕๗
     
  3. paang

    paang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2005
    โพสต์:
    9,492
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,328
    กระต่ายตัวไหนจะดี

    เมื่อสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) ยังเป็นมหาโตในแผ่นดินพระนั่งเกล้า ทูลกระหม่อมยังเป็นพระราชา
    คณะเจ้าอาวาสวัดสมอราย ได้นิมนต์มหาโตไปสนทนาด้วยเป็นทางที่จะชวนเข้าหมู่

    รับสั่งถามว่า "มีบุรุษสองคนเป็นเพื่อนเดินทางมาด้วยกัน คนทั้งสองเดินมาพบไหมเข้า
    จึงทิ้งปอที่แบกมาเสีย เอาไหมไป อีกคนหนึ่งไม่เอา คงแบกเอาปอต่อไป
    ท่านจะเห็นว่าคนแบกปอดีหรือคนแบกไหมดี"

    มหาโตทูลเฉลยไปอีกทางหนึ่งว่า " ยังมีกระต่ายสองตัว ขาวตัวหนึ่ง ดำตัวหนึ่ง
    เป็นเพื่อนร่วมหากินกันมาช้านาน วันหนึ่งกระต่ายสองตัวเที่ยวและเล็มหญ้ากิน
    แต่กระต่ายขาวเห็นหญ้าอ่อน ๆ ฝั่งฟากโน้นมีชุม จึงว่ายน้ำข้ามฟาก ไปหากินฝั่งข้างโน้น
    กระต่ายดำไม่ยอมไป ทนกินอยู่ฝั่งเดียว

    แต่นั้นมากระต่ายขาว ก็ข้ามน้ำไปหาหญ้าอ่อนกิน ฝั่งข้างโน้นอยู่เรื่อย

    วันหนึ่งขณะที่กระต่ายขาวกำลังว่ายข้ามน้ำ ข้ามฟาก บังเกิดลมพัดจัด มีคลื่นปั่นป่วน
    กระแสน้ำเชี่ยวกรากพัดเอากระต่ายไป จะเข้าฝั่งไหนก็ไม่ได้ เลยจมน้ำตายในที่สุด
    ส่วนกระต่ายดำ ก็ยังเที่ยวหากินอยู่ได้ ไม่ตาย

    ฝ่าธุลีพระบาทลองทำนายว่ากระต่ายตัวไหนจะดี


    หน้า ๑๒๐-๑๒๑
     
  4. paang

    paang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2005
    โพสต์:
    9,492
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,328
    ความโกรธไม่ดีมีแต่เสีย

    สมเด็จนั่งหลับ กรนเสียด้วย ทำเป็นไม่ได้ยินคำถาม ท่านเจ้าถึกก็ถามซ้ำอีก ๒-๓ ครั้ง
    สมเด็จก็นั่งเฉย ท่านเจ้าถึกชักฉิว ตวาดแหวออกมาว่า

    "ถามแล้วไม่ฟัง นั่งหลับใน"

    ท่านเจ้าถึกตวาดซ้ำไป สมเด็จตกใจตื่นแล้วด่าออกไปด้วยว่า "อ้ายเปรต อ้ายกาก อ้ายห่า อ้ายถึกกวนคนหลับ"

    ท่านเจ้าถึกมีพื้นฉิวอยู่ก่อนแล้ว ครั้นถูกด่าเสียเกียรติในที่ประชุมชนเช่นนั้น ก็ชักโกรธชักฉิวลืมสังวร
    จึงจับกระโถนปามาตรงสมเด็จ

    สมเด็จนั่งภาวนากันตัวอยู่ กระโถนไพล่ไปโดนเสาศาลา กระโถนแตกเปรี้ยงดัง
    สมเด็จเทศน์ผสมซ้ำแก้ลักษณะโทโสว่า

    "สัปบุรุษดูซิ เห็นไหมๆ เจ้าคุณพิมลธรรมองค์นี้ ท่านดีแต่ชอบคำเพราะๆ แต่พอได้รับเสียงด่า
    ก็เกิดโทโสโอหัง เพราะอนิฐารมณ์ รูปร่างที่ไม่อยากจะดู มากระทบนัยน์ตา เสียงที่ไม่น่าฟังมากระทบหู
    กลิ่นที่ไม่น่าดูมากระทบจมูก รสที่ไม่น่ากินมากระทบลิ้น สัมผัสความกระทบถูกมากระทบถึงกาย
    ความคิดที่ไม่สมคิด ผิดหมายมากระทบใจ ให้เป็นมูลมารับ เกิดสัมผัสชาเวทนาขึ้นภายใน
    สำรวมไม่ทัน จึงดันออกข้างนอก ให้คนอื่นรู้ว่าเขาโกรธ

    ดังเช่นเจ้าคุณพิมลธรรมเป็นตัวอย่าง ถ้าเขายอท่านว่าพระเดชพระคุณ แล้วท่านยิ้ม พอขาด่า ก็โกรธ
    โทโสเกิดในทวาร ๖ เพราะถูกกระทบกระเทือน สิ่งที่เป็นอนิฐารมณ์ไม่พอใจ ก็เกิดโกรธ
    แต่โทโสก็ไม่มีอำนาจ กดขี่เจ้าของเลย เว้นแต่เจ้าของโง่ เผลอสติ เช่น พระพิมลธรรมกถึกนี้
    โทโสจึงกดขี่ได้ ถ้าฉลาดแล้ว ระวังตั้งสติไม่พลุ่งพล่าน

    โทโสเป็นสหชาติเกิดกับด้วยจิต ไม่ได้ติดอยู่กับใจ ถึงเป็นรากเง่าเค้ามูลก็จริง แต่เจ้าของไม่นำพา
    หรือคอยห้ามปรามข่มขู่ไว้ โทโสก็ไม่เกิดขึ้นได้ เปรียบเช่นพืชพันธ์เครื่องเพาะปลูก เจ้าของอย่าเอาไปดอง
    อย่าเอาไปแช่ อย่าเอาไปหมัก ในที่ฉำแฉะแล้ว เครื่องพืชพันธ์เพาะปลูกทั้งปวงไม่ถูกชื้นแล้วงอกไม่ได้
    โทโสก็เช่นกัน ถ้าไม่รับให้กระทบถูกแล้ว โทโสก็ไม่เกิดขึ้นได้

    ดูแต่ท่านเจ้าถึกเป็นตัวอย่าง ตัวท่านเป็นเพศพระ ครั้นท่านขาดสังวร ท่านก็กลายเป็นโพระ
    กระโถนเลยพลอยแตกโพล๊ะ เพราะโทโสของท่าน ท่านรับรองยึดถือ ทำให้มูลแฉะชื้น จงจำไว้ทุกคนเทอญ

    มีรายหนึ่งนิมนต์ท่านสมเด็จโต และพระพิมลธรรม (ถึก) ไปเทศน์ ท่านก็ใส่กัน เป็นต้นว่า
    สมเด็จโต ท่านเทศน์บอกสัปบุรุษว่า รูปไปเทศน์กลางทุ่งนายังมีหมาตัวหนึ่ง
    เจ้าของเขาเรียกว่า อ้ายถึก อ้ายถึกมันแห้ใส่อาตมา อาตมาไม่มีอะไรจะสู้อ้่ายถึกหมา
    มีแต่หุบบานๆ สู้ มันจ๊ะ หุบบานไม่ใช่อื่นหยาบคาย หนาจ๊า

    คือฉันเอาร่มนี่เอง กางบานแล้วหุบเข้าจ๊ะ หุบบาน ๆๆ แล้วหมาหนี


    หน้า ๑๒๙-๑๓๐
     
  5. paang

    paang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2005
    โพสต์:
    9,492
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,328
    มืดจริงหนอ

    ครั้นถึงราชการที่ ๕ คือสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
    ขึ้นเถลิงราไชยสุริยสมบัติ เป็นบรมกษัตริย์ ครอบครองสยามรัฐ อาณาจักรในเดือน ๑๒ แรม ๑๒ ค่ำ วันพุธ
    ปีมะโรง ศกนั้น พึ่งเจริญพระชนมมายุได้ ๑๕ ปี ๗ เดือน ๙ วัน

    สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) ท่านจุดเทียนเล่มใหญ่ เข้าไปในบ้านสมเด็จพระยามหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง)
    คือ สมเด็จพระประสาท ผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน

    สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) เอาคัมภีร์หนีบรักแร้ ตาลปัตรทำหางเสือ จุดเทียนเล่มใหญ่
    เข้าไปที่บ้านสมเด็จพระประสาทในเวลากลางวันแสก ๆ เดินรอบบ้านสมเด็จพระประสาท (คลองสาน)

    สมเด็จพระประสาทอารธนาขึ้นบนหอนั่งแล้ว ว่า

    โยมไม่สู้มืดนักดอกเจ้าคุณ อนึ่งโยมนี้มีใจแน่นแฟ้นในพระพุทธศาสนา แน่นอนมั่นคง
    อนึ่ง โยมทะนุบำรุงแผ่นดินโดยเที่ยงแหละ และตั้งใจประคับประคองสนองพระเดชพระคุณโดยตรงโดยสุจริต
    คิดถึงชาติและศาสนาพระมหากษัตริย์ เป็นที่ตั้งตรงอยู่เป็นนิตย์
    ขอเจ้าคุณอย่าได้ปริวิตกให้ยิ่งกว่าเหตุ
    นิมนต์กลับวัดได้

    หน้า ๑๕๘
     
  6. paang

    paang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2005
    โพสต์:
    9,492
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,328
    ลืมโศก

    หม่อมชั้นเล็กตัวโปรดของสมเด็จพระประสาทถึงอนิจกรรมลง สมเด็จพระประสาทรักหม่อมชั้นมาก
    ถึงกับโศกาไม่ค่อยห่าง จึงให้ทนาย ให้ไปอาราธนาสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) วัดระฆังให้ไปเทศน์ดับโศกใหท่านฟัง

    ทนายก็ไปอารธนาว่า "พณฯ หัวเจ้าท่านให้อารธนาพระเดชพระคุณ ไปแสดงธรรมแก้โศกให้
    พณฯ ท่านฟัง ขอรับกระผม ในวันนี้ เพลแล้ว ขอรับกระผม"

    สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) รับว่า "จ๊ะ เรื่องเทศน์แก้โศกนั้น ฉันยินดีเทศน์นักจ๊ะ ฉันจะไปจ๊ะ"

    ครั้นถึงเวลา สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) ก็ลงเรือกราบสี่
    ไปถึงบ้านสมเด็จเจ้าพระยามหาศรีสุริยวงศ์ นั่งที่บัญญัติพาสน์

    สมเด็จเจ้าพระยาฯ ก็ออกรับสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) ปฏิสันฐานแล้วจุดเทียน

    สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) ขึ้นธรรมาสน์ ให้ศีลบอกศักราชแล้วถวายพร แล้วเริ่มนิกเขปบท
    เป็นทำนองเส้นเหล้าในกัณฑ์ชูชกว่า "ตะทากาลิง คะรัฏเฐทุนนะวิฏฐะพราหมณวาสี
    ชูชโกนามพราหมโณ ฯลฯ ตัสสอทาสี"

    แปลความว่า "ตะทากาเล ในกาลเมื่อสมเด็จพระบรมสองหน่อชินวงศ์วิศณุเวทฯ
    ว่าความพระคลัง ที่สมเด็จพระประสาทแต่งขึ้นนั้น พอกล่าวถึงกำเนิดชูชกของท่านว่า ผูกขึ้นใหม่
    ขบขันคมสันมากกว่าความพระคลัง เพราะแหล่นอกแบบ ต้องขำอยู่เองแหละ และเห็นเป็นความจริงเสียด้วย

    คราวนี้สมเด็จพระปราสาทก็ยิ้มเป็น พวกหม่อมๆ เหล่านั้น และคนผู้ใหญ่ ผู้หญิง ผู้เด็ก ทนาย ข้าราชการ
    ฟังเป็นอันมาก ก็พากันยิ้มแป้นทุกคน พอถึงแหล่ขอทาน แหล่ทวงทอง แหล่พานาง
    คราวนี้ก็ึถึงกลับหัวเราะกัน ท้องคัดท้องแข็ง ถึงกับเยี่ยวรดเยี่ยวราดก็มีบ้าง

    ส่วนสมเด็จเจ้าพระยาเองก็หัวเราะ ถึงกับออกวาจาว่า สนุกดีจัง ขุนนางและทนายหน้าหอพนักงานเหล่านั้น
    ลืมเกรงสมเด็จพระประสาท สมเด็จพระประสาท ก็ลืมโศกถึงหม่อมเล็ก ตั้งกองหัวเราะกิ๊กก๊ากไปทั้งบ้าน
    เทศน์ไปถึงแหล่ยิงแหล่เชิญ แหล่นำทาง แหล่จบก็จบกัน ลงท้ายเหนื่อยไปตามกัน

    รุ่งขึ้นที่บ้านนั้น ก็พูดลือกันแต่ชูชก สมเด็จเทศน์

    ฝ่ายสมเด็จพระประสาทก็ลืมโศก ชักคุยเรื่องความชูชก ตรงนั้นผู้นั้นๆ แต่ง ไม่มีใครร้องไห้ถึงหม่อมเล็กมานาน

    หน้า ๑๖๐ -๑๖๑
     
  7. paang

    paang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2005
    โพสต์:
    9,492
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,328
    เทียนสู้ลม

    ครั้นเป็นสมเด็จพระพุฒาจารย์แล้ว ท่านก็ยิ่งเป็นตลกมากขึ้น
    คอยไหวพริบในราชการแจจัดขึ้นยิ่งกว่าเป็นพระเทพกวี ดูเหมือนคอยแนะนำเป็นปุโรหิตทางอ้อม ๆ

    ครั้งหนึ่งไปสวดมนต์ที่วังกรมเทวาฯ วัง เหนือวัดระฆัง พอพายเรือไปถึงท้ายวัง
    เกิดพายุใหญ่ฝนตกห่าใหญ่ เม็ดฝนโตโต คลื่นก็จัด ละลอกก็จัด

    สมเด็จพระพุฒาจารย์ เอาโอต้นเถามาใบหนึ่ง แล้วจุดเทียนติดปากโอ แล้วลอยลงไป
    บอกพระให้คอยดูด้วยว่า เทียนจะดับเมื่อใด

    พระธรรมถาวร เล่าว่า เวลานั้น ท่านเป็นที่พระสังฆวิชัย ได้เป็นผู้ตั้งตาคอยตามดู
    แลเห็นเป็นแต่โอ โคลงไปโคลงมา เทียนก็ติดลุกแวบวาบไปจนสุดสายตาเลยหน้าวัดระฆัง ก็ยังไม่ดับ


    หน้า ๑๕๐
     
  8. paang

    paang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2005
    โพสต์:
    9,492
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,328
    เที่ยวไปตามสบาย

    สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) ตั้งแต่ปลดภาระการวัดการสอนให้หม่อมเจ้าพระพุทธบาทปิลันท์แล้ว
    ตัวท่านก็ไปตามสบาย กับรีบทำพระพิมพ์ ดูให้คนโขลกปูนเพชรและนั่งพิมพ์ไป

    บางทีไปเยี่ยมป่าช้าวัดสระเกศ เช้าก็บิณฑบาตได้อะไร ก็ฉันไปพลาง บางทีเที่ยวสะพายบาตรไป
    ใครใส่เวลาไหน ท่านก็ฉันฉลองศรัทธาเวลานั้น

    ไปนั่งในโลหะปราสาทวัดราชนัดดาราม ไปคุยกับหลวงพ่อรัต วัดเทพธิดาราม บ้าง แล้วถูกคอ

    ไปดูช่างเขียนประวัติของท่านที่ผนังโบสถ์วัดบางขุนพรหมใน ดูให้ช่างก่อ
    ก่อพระโต ก่อขึ้นไปจนถึงพระโสณี (ตะโพก)

    ถึงหน้าขึ้นพระบาท ก็ขึ้นนมัสการพระพุทธบาทเสมอทุกปี
    จนพวกลพบุรี สระบุรี นับถือเอาน้ำล้างเท้าท่านไปเก็บไว้ รักษาฝีดาษ ดีนัก

    ถึงฝีจะร้ายแรง ดาษตะกั่วก็หาย เด็ก ๆ ที่ออกฝี ไม่มีใครเป็นอันตรายเลย เรื่องฝีดาษ เป็น ดีมาก
    จนตลอดมาถึงพระโตวัดเกตุไชโยก็ศักดิ์สิทธิ์ ในการรดน้ำมนต์ รักษา ฝีดาษดี
    ชาวเมืองอ่างทองนับถือมากจนตราบเท่าทุกวันนี้

    สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) ขึ้นนมัสการพระพุทธบาทคราวใด เป็นต้องมีใคร ไปพาดที่หัวนาคตีนกระได
    แล้วนิมนต์พระชักบังสุกุลโยมผู้หญิงของท่านที่เมือง พิจิตรทุกคราวว่า

    "นิมนต์บังสุกุลโยมฉันด้วยจ้ะ พระจ๋า"

    แล้วเลยไปนมัสการพระฉาย เขามันฑกบรรพตด้วย จนกะเหรี่ยงดง นับถือมาก เข้ามาปฏิบัติ
    ท่านไปกับอาจารย์วัดครุฑ อาจารย์อื่น ๆ บ้าง กลับมาแล้วก็มา จำวัดสบายอยู่ ณ วัดบางขุนพรหมในนิตยกาล


    หน้า ๑๘๔-๕
     
  9. paang

    paang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2005
    โพสต์:
    9,492
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,328
    เพลที่ไหน ฉันที่นั่น

    บางทีไปเทศน์ทางคลองบางนกแขวก ท่านนอนจำวัดหลับไปพอบ่าย
    สองโมงตื่นท่านถามคนแจวเรือว่า

    เพลหรือยัง
    เขาเรียนว่า เพลแล้วขอรับ
    ท่านถามว่า เพลที่ไหนจ๊ะ
    เขาเรียนถามว่า เพลที่วัดล่างขอรับกระผม
    ท่านอ้อนวอนเขาว่า พ่อคุ้น พ่ออย่าเห็นกับเหน้ดเหนื่อย
    พ่อช่วยพาฉันไป ฉันเพล ที่วัดตีกลองเพล สักหน่อยเถอะจ๊ะ นึกว่าช่วยชีวิตฉันไว้

    คนเรือแจว กลับลงไปอีกสามคุ้งน้ำ ถึงวัดตีกลอง ท่านไปขึ้นขออนุญาตสมภาร
    เจ้าวัดสมภารยอมปูเสื่อที่หอฉันใกล้กับกลอง แล้วคนเรือยกสำรับกับข้าวขึ้นไปประเคนท่าน
    ท่านก็ฉัน

    หน้า ๑๔๕
     
  10. paang

    paang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2005
    โพสต์:
    9,492
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,328
    กราบคัมภีร์

    จรรยาอาการของสมเด็จพระพุฒาจารย์ โต พระองค์นี้ ประพฤติอ่อนน้อม ยำเกรงผู้ใหญ่ และพระสงฆ์

    ถ้าพระแบกคัมภีร์เรียน สามเณรแบกคัมภีร์เรียน หากท่านไปพบกลางถนนหนทาง ท่านเป็นต้องหมอบก้มลงเคารพ

    ถ้าพระเณรไม่ทันพิจารณา สำคัญว่า ท่านก้มตน เคารพตน และก้มตอบ เคารพตอบท่าน

    ทีนั้นเถอะ ไม่ต้องไปกัน ต่างหมอบกันแต้อยู่นั้นเอง


    หน้า ๑๔๗
     
  11. paang

    paang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2005
    โพสต์:
    9,492
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,328
    <TABLE style="TABLE-LAYOUT: fixed" cellSpacing=0 cellPadding=5 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top width="85%" height="100%">หลักดี

    ครั้งหนึ่งเข้าบิณฑบาตเวรในพระบรมมหาราชวัง พอถึงตรงขัน ทรงเสื่อกระจูด ลื่นแทบขะมำ
    แต่ท่านหลักดี มีสติสัมปชัญญะมาก

    ท่านผสมก้มลงจับมุมเสื่อ เต้นตามเสื่อตุ้บตั้บไป สมเด็จพระจอมเกล้าฯ
    ทรงทำพระสุรเสียง โอ่ะ โห่ะ ๆๆๆ

    เจ้าคุณหลักดี เจ้าคุณหลักดี ทรงชม


    หน้า ๑๓๑
    </TD></TR><TR><TD class=smalltext vAlign=bottom width="85%"><TABLE style="TABLE-LAYOUT: fixed" width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=smalltext width="100%" colSpan=2></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     

แชร์หน้านี้

Loading...