ข้อความจากต่างมิติ-ก้าวกระโดดทางวิวัฒนาการครั้งยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติ ไปสู่มิติที่ 5

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย Chayutt, 30 มิถุนายน 2010.

  1. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    มีใครยังจำหนังสือที่ผมเคยนำลิงค์มาให้ดูบ้างไหมครับ
    ที่ชื่อ "จิตเป็นอมตะ" ของลุง หวีด บัวเผื่อนหนะครับ

    ดาวน์โหลดหนังสือจิตเป็นอมตะ | ลุงหวีด บัวเผื่อน

    ผมอ่านจบแล้ว และก็ได้รู้อะไรเพิ่มขึ้นหลายๆอย่างครับ
    ลูงหวีด เจ้าของเรื่องท่านนี้ ดูเหมือนว่าท่านจะบรรลุธรรมขั้นสูงสุด
    ตามนิยามของทางพุทธแล้วหละครับ ผมเชื่ออย่างนั้นหนะนะครับ

    ดังนั้น ก็พอดีเลย..เข้าล็อกผมพอดีเลย ที่กำลังอยากรู้เรื่องสภาวะธรรมอันนั้น
    จากผู้ที่มีประสบการณ์จริง จากการบรรลุธรรมจริงๆ อยู่พอดีเลย
    ไม่ใช่เอาประสบการณ์ของผู้อื่นมาบอกเล่าต่อให้ฟังอีกทีหนึ่ง
    แม้ว่าประสบการณ์ของผู้อื่นที่ว่านั้น จะเป็นของพระพุทธเจ้าก็ตาม
    เพราะว่า ของใครก็ของมัน อะไรแบบนั้นหนะครับ

    และผมมีหลายจุดที่สะดุดใจ ที่อยากเอามาแชร์ให้ท่านได้อ่านด้วย
    เพื่อช่วยกันขบคิดด้วยปัญญาอันน้อยนิดของพวกเรานี่แหละครับ

    และถึงแม้ว่าการขบคิดเอาจากสิ่งที่ได้อ่านมา ได้เรียนรู้มา
    มันจะเป็นปัญญาแค่ระดับ สุตตมยปัญญา และจินตมยปัญญา
    ซึ่งเทียบอะไรไม่ได้เลยกับปัญญาระดับ ภาวนามยปัญญา
    ซึ่งก็คือการมีประสบการณ์ด้วยตัวเองแล้ว รู้เห็น และเป็นด้วยตัวเองแล้วก็ตาม
    แต่ก็ถือซะว่าเป็นก้าวแรกให้พวกเราได้เริ่มจดจ่อกับการที่จะไปให้ถึง
    ปัญญาระดับภาวนามยปัญญาของเรื่องนี้ก็แล้วกันนะครับ

    เพราะว่าถึงแม้ว่าพวกเราจะอ่านมาก และคิดไตร่ตรองมาก ก็ตาม
    แต่พวกเราก็ไม่ทิ้งปฏิบัติให้มากด้วย ใช่ไหมหละครับ

    ผมจะขอตั้งข้อสงสัยเอาไว้ก่อนนะครับ แล้วค่อยโพสต์ข้อความ
    ที่คัดลอกบางส่วนมาจากหนังสือ ที่เป็นข้อความของคุณลุงหวีดนะครับ

    ประเด็นของผมก็คือ..


    "ณ.สภาวะแห่งการบรรลุธรรมอันนั้น
    ที่ลุงหวีดเรียกว่า "การเข้าถึงพุทธะ" อันนั้น
    มันเป็นสภาวะที่เหมือนและต่างจากสภาวะ
    ที่ต่างมิติ, ชาวนิวเอช และลัทธินิกายอื่นๆ (ถ้ามี)
    กล่าวถึงการเข้าถึงความเป็นพระเจ้าในตัวเอง
    หรือการกลับไปรวมเป็นหนึ่งเดียวกันกับ
    "The Oneness" หรือไม่ อย่างไร?"

    ผมไม่ได้กำลังจูงใจให้ท่านคล้อยตามว่ามันเหมือนกันนะครับ
    เพียงแต่อยากได้ความคิดเห็นหลากหลายจากท่าน
    แบบมีเหตุมีผล แบบผู้แสวงหาสัจธรรมคุยกันหนะนะครับ

    และพวกเราหลายคนก็อาจจะรู้อยู่แล้วว่า ประสบการณ์นี้
    ที่ถูกเล่าโดยผู้บรรลุธรรมแต่ละท่าน ก็อาจแตกต่างกันได้ในรายละเอียด
    หรือการถ่ายทอด แต่ผมเชื่อว่า นั่นอาจเพราะว่ามันเป็นอะไรที่
    ไม่สามารถบรรยายได้ง่ายๆ ให้มิติที่สามเข้าใจเท่านั้นเองครับ
    ..............................................................

    หน้า 47

    ผู้รู้คืออะไร

    จากการได้สนทนากับคุณลุงในโอกาสต่างๆกัน
    เมื่อถามว่าการปฏิบัติธรรมทั้งหมดนั้น ปฏิบัติไปเพื่ออะไร
    คำตอบสั้นๆง่ายๆที่สุด ที่คุณลุงตอบก็คือ ปฏิบัติเพื่อ “รู้”

    “รู้” ในที่นี้คือธาตุรู้ ที่เป็นธาตุอย่างหนึ่งเช่นเดียวกับธาตุ ดิน น้ำ ลม ไฟ
    เราอาจเรียกว่า “รู้” เฉยๆ หรือ “ผู้รู้” ก็ได้ หรือจะเรียกว่า “จิต”
    หรือจะเรียกว่า “ตัวตนที่แท้จริง” หรือ “ใจ” หรืออะไรก็ตาม
    ให้เกิดความเข้าใจได้ว่า สิ่งที่พูดถึงนี้คือ “ความรู้สึกอันหนึ่ง
    ที่รับรู้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้น ซึ่งนี่คือแก่นของธรรม
    และเป็นหัวใจของพุทธศาสนาอย่างแท้จริง

    การปฏิบัติทั้งหมดที่ขนขวายกันนี้ ไม่ว่าจะเป็นการนั่งสมาธิ
    เจริญกสิน เจริญวิปัสสนากรรมฐานโดยวิธีการต่างๆ
    แท้จริงแล้วก็เพื่อจุดประสงค์เดียว คือ
    เพื่อให้เข้าถึงตัว “ผู้รู้” หรือ “จิต” นี้เท่านั้น

    ปัญหาใหญ่สำหรับผู้ปฏิบัติก็คือ ผู้รู้คืออะไร?
    คุณลุงได้ให้คำอธิบายเกี่ยวกับผู้รู้ไว้อย่างน่าสนใจดังนี้

    “ผู้รู้ คือ ความรู้สึกที่ตื่นขึ้นมาจากใจตัวเอง คำว่าตื่นในที่นี้
    มันเป็นความรู้สึกตื่นขึ้นที่ใจของเรา ธรรมดาคนเรามันมีความรู้สึกอยู่แล้ว
    แต่มันส่งไปข้างนอก ความรู้สึกตัวนี้มันปรากฎขึ้นที่ใจของเรา
    ความรู้สึกที่มันจุดประกายขึ้นภายใน ธรรมดามันก็จุดประกายด้วยกันอยู่แล้ว
    เพียงแต่ของคนอื่นมันเอาไปใช้ภายนอกจนหมดสิ้นเลย
    แต่ของผู้ที่มีรู้อยู่ภายใน มันแบ่งเอาไว้ครึ่งหนึ่ง
    แทนที่จะไปรู้ข้างนอกหมดเลย มันรู้ข้างในด้วย

    เหมือนกับแสงสว่าง แทนที่มันจะไปสว่างที่จุดเดียว
    แต่อันนี้มันสว่างข้างนอก สว่างข้างใน
    จิตของคนทั่วไปทั้งๆที่มันติดสว่างอยู่ข้างใน
    แต่เหมือนกับดับ กล่าวคือมันไปสว่างข้างนอก แล้วข้างในมันมืด

    ในขณะที่จิตของผู้ที่มี “รู้” อยู่ภายใน มันสว่างจากข้างในไปถึงข้างนอก
    หมายถึงว่ามันสว่างในบ้านด้วย สว่างนอกบ้านด้วย เรียกว่า “เป็นตัวตื่น”...

    ...ความสว่างที่ว่านี้ เปรียบเหมือนดวงอาทิตย์สว่างรอบตัว
    เรียกว่าตื่นเห็นตัวเองตลอด ถ้ารู้ตัวอยู่ จะพูดผิดพูดถูก พูดดี พูดชั่ว รู้หมด
    ถ้าตื่นที่ใจมันจะเตือนตัวเอง เพราะเห็นว่าผิดเอง
    แต่คนที่ไม่เห็นตัวเอง ถึงผิดมันก็ไม่ยอมรับ แต่ผู้ที่มีสติอยู่ตลอดเวลา
    มันจะยอมรับความจริง เพราะมันเห็นอยู่จะๆ

    ธาตุรู้นั้น เป็นผู้หลับผู้ตื่นโดยตรง ผู้รู้ก็คือผู้ตื่นโดยตรง
    เวลาหลับมันก็หายไปเลย เวลาตื่น มันก็มาแล้ว
    คนทั่วไปเขาไม่รู้อย่างนี้ เขาเข้าใจด้วยซ้ำว่ากายมันรู้
    เขาไม่ได้เข้าใจอย่างเราว่า

    “กายตัวนี้มันไม่รู้หรอก จิตต่างหากที่มันรู้
    ตัวตื่นต่างหากที่มันรู้ กายตัวนี้มันเป็นของตาย
    และมันก็ตายมานานแล้วด้วย ที่เป็นของเป็นได้
    ก็เพราะว่ามีจิตอยู่ ตรงนี้เองที่กายไม่ใช่เรา”....

    ........................................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 ตุลาคม 2012
  2. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ต่อนะครับ...

    หน้า 33


    ...เมื่อคุณลุงเข้าใจอย่างถ่องแท้ระหว่างจิตกับสติแล้ว
    ว่าเป็นคนละสิ่งกัน ความรู้สึกของคุณลุงก็เปลี่ยนไป
    จากที่เมื่อก่อนคอยประคองสติให้จ่ออยู่กับผู้รู้หรือจิต
    เวลานี้ไม่ต้องประคอง คือเป็นรู้โดยอัตโนมัติ
    จิตทรงอยู่อย่างนั้นตลอดเวลา เป็นความรู้สึกชัดเจนอยู่ข้างในว่านี่คือ “เรา”
    ความรู้สึกของคุณลุงในขณะนั้น โดยสรุปรวบยอดก็คือ

    “เราคือจิต จิตคือเรา จิตคือรู้ รู้คือจิต”

    คุณลุงอยู่อย่างนี้ 2 ปีแล้ว นานวันเข้า
    คุณลุงก็เริ่มเกิดความรู้สึกอยากจะปล่อย ”รู้”
    เพราะว่าความรู้สึกที่อยากปล่อยนี้ มันรู้ว่าต้องปล่อย
    เพราะมันเหมือนเป็นภาระของเราหนะ ไม่ว่าจะทำอะไร
    มันก็ไปตั้งรู้อยู่นั่น มันชักรำคาญแล้ว มันหนัก “รู้” ตัวนี้มันหนัก
    มันเหมือนกับเราหิ้วหรือหาบอะไรอยู่ตลอดเวลา
    ต้องยกออกไปจากบ่า แต่ว่ามันยกออกไม่เป็น
    มันยกสังขารของจิตนี้ มันยกออกไม่เป็น...


    ...”ท่านพูดเท่านั้นเองหละ ก็ดีดพัวะ
    เหมือนกับตอนที่เวทนาหลุดลอยออกไป
    มันเหมือน “รู้” ที่เราจับไว้ มันดีดผึงออกไปจากใจ
    ถึงตอนนั้นเรารู้ทันทีเลยว่า โอ้..ความเป็นอิสระมันเป็นอย่างนี้เอง
    ไม่มีเรา เรานี่ดับพรึบไปเลย มันเหลือแต่จิตล้วนๆจริงๆ
    ความรู้สึกที่เบา ไม่เป็นภาระเหมือนรู้ตัวก่อน

    รู้ตัวแรกมันเป็นภาระเราประคับประคองไว้
    ประคบประหงมเอาไว้เป็นอย่างดีเลย
    กลัวมันหลุดลอยไป เราไปหมายรู้ไว้อย่างชัดเจน
    แต่เราไม่รู้ตัวเลยว่าเราหมาย เอา “เรา” นี่แหละไปหมาย

    พอเราหมายปุ๊บ รู้นั้นก็เป็นอวิชชาทันที
    แต่พอปล่อยปุ๊บ มันก็มีตัวรู้ที่ไม่ต้องรักษา ไม่ต้องกำหนด
    ไม่ต้องไปทำอะไรทั้งสิ้น จิตที่เป็นกลางๆ
    เป็นปัจจุบันธรรมขึ้นมา ก็คือ “รู้” ที่เกิดใหม่ขึ้นมานี้เอง

    รู้เลยว่าจิตที่เป็นปัจจุบันธรรมเป็นอย่างนี้ จิตเป็นกลางเป็นอย่างนี้
    ทั้งหมดทั้งปวงมันอยู่ในนี้หมดเลย ปล่อยรู้ตัวเดียว มันเข้าใจหมด”

    “สามแดนโลกธาตุนี้ มันคือสมมุติทั้งหมด
    ไม่มีอะไรปิดบังรู้หมดเห็นหมดว่าเป็นสมมุติทั้งสิ้น
    นิพพานมีอยู่ จิตมีอยู่ พุทธะคือตัวนี้ นิพพานคือตัวนี้
    มันเข้าใจอย่างนั้น ไม่มีอะไรบกพร่องแม้แต่น้อย”


    .................................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 ตุลาคม 2012
  3. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ต่ออีกนิดนะครับ..

    หน้า 94


    ...สิ่งที่ไม่เที่ยง ท่านไม่สอนให้เราเอามาเป็นสาระหรอก
    มีแต่สอนให้เราพบกับสิ่งที่มันเที่ยง อะไรที่เที่ยง?
    ในสามแดนนี้มีสิ่งเดียวเท่านั้น คือ "พุทธะ"
    ซึ่งเป็นสิ่งที่มีอยู่แต่ไม่เกาะไม่เกี่ยวกับสิ่งใด
    ไม่ใช่สิ่งสูญ เพราะถ้าเป็นสิ่งที่สูญ เป็นสิ่งที่ไม่มี
    ทำไมท่านถึงพูดว่าไม่เกาะไม่เกี่ยว
    ถ้าเป็นสิ่งที่ไม่มีแล้วมันก็ควรเป็นสิ่งที่ว่างไปแล้วก็จบ จริงไหม

    แต่จิตนั้นเป็นสิ่งที่มีอยู่ แต่ไม่เกาะไม่เกี่ยวกับสิ่งใด
    ไม่เกาะไม่เกี่ยวกับสมมุติทั้งหลาย เขาจึงเรียกว่า “วิมุติ”

    เมื่อไม่ใช่สมมุติก็เป็นวิมุต สิ่งที่เป็นสมมุตินั้น เป็นอัตตาทั้งสิ้น
    แต่สิ่งที่เป็นวิมุตินั้นไม่ใช่อัตตา และก็ไม่ใช่เป็นอนัตตาด้วย
    เพราะอนัตตาเป็นสิ่งที่ไม่มีตัวตน
    แต่จิตนั้นเป็นสิ่งที่มีอยู่ จึงไม่ใช่อนัตตา
    การที่จะเอาภายในจิตนี้มาบรรยาย
    มันก็ไม่ใช่ของง่ายเหมือนกัน

    ถ้าพูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ เมื่อจิตพ้นจากสมมุติ ก็เป็นวิมุติ
    จิตมันมีอยู่ แต่มันไม่เกาะเกี่ยวกับสิ่งที่เป็นสมมุติ
    แม้จิตไม่เกาะเกี่ยวกับสิ่งที่มันไม่เที่ยง
    แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า จะเอาจิตไปเกาะกับสิ่งที่เที่ยง

    โดยสรุปคือจิตไม่เกาะเกี่ยวกับอะไรทั้งสิ้น
    ทั้งนี้ทั้งนั้น พูดอย่างไรมันก็ยังไม่เป็นปัจจัตตังอยู่ดี
    ผู้ที่จะเป็นปัจจัตตังได้ ก็คือผู้ที่ปฏิบัติเอง รู้เอง เห็นเอง
    ตามความเป็นจริง ด้วยตัวเองนั่นแหละ

    ตรงนี้เป็นสิ่งธรรมชาติที่สุดไม่ใช่สิ่งวิเศษวิโสอะไรเลย
    สิ่งที่รู้เห็นนี้เป็นสิ่งที่เปิดเผยอยู่กลางแจ้ง
    เพียงแต่เหมือนเส้นผมบังภูเขาเฉยๆ
    มีสิทธิ์รู้เห็นได้ด้วยกันทุกคน ทุกคนมีอยู่แล้ว
    ไม่ว่าคนผู้นั้นจะมีความรู้หรือไม่มีความรู้ก็ตาม
    หมายถึงความรู้ภายนอกนะ แต่ความรู้ภายในนั้น
    มีด้วยกันทุกคนอยู่แล้ว มีอยู่ทุกชีวิตอยู่แล้ว...


    .........................................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 ตุลาคม 2012
  4. LadyOfLight

    LadyOfLight เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    755
    ค่าพลัง:
    +2,472
    ใจความที่พี่ชยุตยกมา มันคือ master key เลยนะนั่น *-* :cool:
     
  5. itchy&scratchy

    itchy&scratchy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    143
    ค่าพลัง:
    +712
    ขอบพระคุณ สำหรับหนังสือดี ๆ ที่นำมา ครับ เป็นกำลังใจในการปฎิบัติได้เยอะ เลยครับ ไม่มีศัพท์ ยาก ๆ ให้แปลกันเยอะ เป็นภาษาที่ทุกคนสามารถ เข้าใจได้:cool:
     
  6. RiceOnLand

    RiceOnLand เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    33
    ค่าพลัง:
    +156
    ไม่ได้เข้ามาทักทายนานมาก กำลังไล่อ่านบทความย้อนหลังอยู่ค่ะ มีแต่บทความที่มีประโยชน์ทั้งนั้นเลย ต้องขอขอบคุณทีมแปลทุกท่านมากๆเลยนะคะ

    ส่วนตัวเท่าที่สังเกตเห็นช่วงนี้ คือ คนรอบๆตัวเริ่มมีเรื่องเข้ามา เช่น อุบัติเหตุ สุขภาพ ความสัมพันธ์ ต่างๆ ไม่แน่ใจว่าเกี่ยวกับเรื่องกระบวนการชำระล้างกรรมหรือเปล่านะคะ แต่ว่าเรื่องมันมาแบบติดๆกันเลย เป็นกันหลายคน รวมถึงตัวเองด้วยค่ะ

    สำหรับตัวเองก็มีปัญหาสุขภาพขึ้นมาอีกแล้ว แล้วก็มีเรื่องเข้ามาหลายอย่าง ล่าสุดโดนแฟนบอกเลิกค่ะ 555 จริงๆที่ผ่านมาเรารู้ว่าตัวเองมีข้อเสีย คือ เป็นคนที่ให้อภัยคนค่อนข้างยาก(เฉพาะเรื่องใหญ่ๆหน่อย) บางทีถ้ามีคนทำให้เจ็บปวดเราก็เลือกที่จะเกลียดคนๆนั้นไปเลย เพื่อให้ตัวเองหายเจ็บปวดได้เร็วๆ

    แต่ว่าตั้งแต่เริ่มศึกษาหลายๆกระทู้ของคุณชยุต โดยเฉพาะกระทู้นี้ เราก็ค่อยๆเปลี่ยนความคิดนะคะ และก็รู้ด้วยว่าความสัมพันธ์ประเภทนี้มันเป็นเพียงมายาการ ทำให้ล่าสุดนี้เรารู้สึกว่าเราสามารถให้อภัยเขาได้เร็วมากแบบไม่น่าเชื่อ แต่แน่นอนว่ายังไม่เก่งอะไรค่ะ ที่สำคัญเรื่องมันเพิ่งเกิดเมื่อไม่กี่วันนี่เอง ดังนั้นความรู้สึกด้านลบมันก็เลยยังมีโผล่กลับมาอยู่เรื่อยๆ ไม่ใช่เศร้าเสียใจแต่จะออกแนวเจ็บใจมากกว่าเพราะว่าสิ่งที่เค้าทำกับเราก่อนจะจากไปมันค่อนข้างแย่ทีเดียวค่ะ จนตอนนี้รู้สึกเหนื่อยๆอยู่เหมือนกันนะคะ แต่ก็จะพยายามต่อไปค่ะ เพื่อไม่ให้ความถี่ของตัวเองตกลงไปยิ่งกว่านี้ ท่านใดมีอะไรแนะนำจะยินดีมากเลยนะคะ เพราะตอนนี้ก็รู้สึกเคว้งๆอยู่นิดๆค่ะ :'(
     
  7. ทีฆ

    ทีฆ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 เมษายน 2012
    โพสต์:
    34
    ค่าพลัง:
    +96
    แนะนำคุณ RiceOnLand ลองฟัง The Metta compassionate mantra

    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=YQHUSuzEAmM&feature=related]อัปปมัญญาเมตตาแปล ๏ The Metta compassionate mantra - YouTube[/ame]
     
  8. yimriver

    yimriver เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +313
    ขอบคุณทีมแปลทุกท่านที่มีน้ำใจอย่างล้นเหลือ...ขอเป็นกำลังใจให้นะจ๊ะ
     
  9. ทิวลิปขาว

    ทิวลิปขาว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    134
    ค่าพลัง:
    +1,555

    เป็นกำลังใจคุณ RiceOnland ค่ะ
    การให้อภัย เท่านั้นค่ะ
    อย่าไปจดจำสิ่งที่เค้าทำให้เราเจ็บปวด
    ยิ่งจำยิ่งเจ็บ
    ยิ่งเกลียดยิ่งปวด

    ปล่อยวาง ความเจ็บ ความปวด เสีย
    แต่พูดไปก็อยากที่จะทำได้เราเข้าใจดี

    อารธราพุทธบารมีของพระ
    ให้เรามีพละกำลังของจิต
    เพราะกำลังจิตคุณกำลังตกและอ่อนแอ่


     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 ตุลาคม 2012
  10. Isreal

    Isreal เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    530
    ค่าพลัง:
    +1,327
    ขออภัยเพื่อนๆที่หายไปเสียนานเลยนะคะวันนี้มาใช้หนี้แล้วค่า (^_^")
    ของอาทิตย์ที่แล้วค่ะ
    Sheldan Nidle - September 25, 2012
    ลิ้งค์ต้นฉบับตามด้านล่างนี้ค่า

    Sheldan Nidle - September 25, 2012

    Dratzo! เรากลับมาอีกครั้งเพื่อจะพุดคุยกับคุณ
    ในขณะนี้ร่างกายของคุณ
    ที่กำลังดำเนินไปในโปรแกรมการเลื่อนระดับ
    ได้ลอยตัวโดย
    โองการศักดิ์สิทธิ์
    ขณะที่เรื่องราวของจุดสิ้นสุดแห่งกาลเวลา
    กำลังจะมีผลกระทบกับจุบจบของ
    ช่วงปีแห่ง Gregorian

    ช่วงเวลาเหล่านี้(หมายถึงจุดจบ)ได้นำเสนอทางแยก
    ที่เป็นทางเลือก
    ของเส้นทางแห่งกาลเวลาซึ่งจะผนวกเข้ากับปัจจุบัน
    แห่งการเลื่อนระดับของคุณ
    เพราะนี่คือความเป็นจริงหนึ่งเดียวที่จะก้าวต่อไป
    ปยังปี 2013
    กระบวนการล่มสลายนี้จะเป็นต้นเหตุของความผันผวนต่างๆ
    ในโลก
    เป็นต้นเหตุที่มาของความไม่สมดุลทางกายภาพของร่างกายคุณ

    นอกจากนั้น กระบวนการนี้จะลดช่องทางที่ฝ่ายมืดจะสามารถเลือกได้
    ในการพยายามที่จะหลีกเลี่ยงแผนการศักดิ์สิทธิ์นี้

    การล่มสลายนี้เกิดขึ้นโดย the galactic Time Lords ในการที่จะ
    เตรียมพร้อมคุณไปสู่การเข้าถึงความเป็นจริงใหม่เพียงหนึ่งเดียว

    การล่มสลายเหล่านั้นสามารถก่อให้เกิดผลกระทบข้างเคียง
    ในทางกายภาพ
    ขึ้นได้สำหรับพวกคุณหลายๆคน รวมถึงอาจจะมีอาการ
    ทั้งปวดศีรษะ
    ความเจ็บปวดที่เกิดกับคอและกระดูกสันหลัง
    และความเจ็บปวดต่างๆ
    ที่เกิดขึ้นตามกล้ามเนื้อแขนและขา

    ความไม่สบายตัวเหล่านี้จะเกิดขึ้น
    เพียงชั่วครู่ชั่วคราวเท่านั้น
    แต่สรวงสรรค์ปรารถนาให้เรากระทำการช้าลง

    ในการที่จะทำให้ร่างกายของคุณได้รับการชดเชย
    จากแรงกดดันทางกายภาพ
    ในระหว่างช่วงเวลาแห่งการล่มสลายนี้<o:p</o

    โครงสร้างของการจัดการสังคมใหม่สำหรับความเป็นจริงนี้
    ได้เริ่ม
    ประกาศเจตนารมณ์แล้วแต่ยังไม่ได้ปรากฏขึ้น
    ในรูปแบบที่เป็นทางการเท่านั้น

    คนที่อ่อนไหวซึ่งมีมากอยู่ในพวกคุณหลายๆคนจะรู้สึกได้
    ถึง
    ”บางสิ่งบางอย่างที่อยู่ในอากาศ” และเจ้าอะไรบางอย่างนี้
    เป็นการจัดเตรียม
    กริดใหม่บนมิติเวลาพื้นฐานซึ่งจะเร่งให้คุณ
    เข้าสู่ความเป็นจริงใหม่
    ซึ่งเราได้ให้สัญญาไว้มานานแล้ว

    ทักษะของเรามีขึ้นเพื่อการปกป้องความจริงใหม่นี้

    และช่วยเหลือในการป่าวประกาศอย่างเป็นทางการ
    ในพื้นที่กริด
    ในความเป็นจริง
    ของคุณ
    กระบวนการเหล่านี้มีความสำคัญเป็นอันดับแรกก่อนเรื่องอื่นๆ

    พวกเราได้เฝ้าดูการมองข้ามความเปลี่ยนแปลงของฝ่ายมืด
    โดยใช้อาวุธยุทโธปกรณ์ชนิดพิเศษและเป็นความลับสุดยอด
    รู้กันในวงจำกัดแคบๆที่ให้ไว้กับพวกเขานับสิบปีมาแล้ว

    เราได้ถอดรื้ออาวุธพวกนี้ออกหรืออีกนัยหนึ่งของการโต้ตอบ
    มันหมายถึงเราได้ทำให้พวกเขาอ่อนแอลงโดยการควบคุม
    และปั่นป่วนทางจิตใจ ตอนนี้พวกฝ่ายมืดกลุ่มหนึ่งกำลังอยู่ในภาวะ
    ที่น่าหวั่นวิตกถึงที่สุดอย่างที่พวกเขาได้เห็นว่าการตรวจจับเป็นพิเศษ
    ที่ดำเนินไปนั้นได้ล้อมกรอบพวกเขาและมันถูกเตรียมเอาไว้แล้ว

    สิ่งนี้จะเกิดขึ้นภายในระยะเวลาสั้นๆ เป้าหมายพื้นฐานแรกของเรา
    ยังคงทำให้มั่นใจได้ว่ากระบวนการที่กำลังเกิดขึ้นจริงนี้
    ได้วางกริดใหม่
    ก่อนปลายเดือนธันวาคมนี้ของปี Gregorian
    สิ่งนี้จะทำให้เกิดการโต้ตอบทางสังคมซึ่งจะจัดตั้งพื้นฐานขึ้นมา
    และทำให้มันดำเนินไปอย่างราบรื่น<o:p</o
    <o:p</o
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 ตุลาคม 2012
  11. Isreal

    Isreal เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    530
    ค่าพลัง:
    +1,327
    วันที่ถูกกำหนดขึ้นในเดือนธันวาคมระบุถึงช่วงเวลา
    ที่โลกของคุณได้ก้าวผ่าน
    มาถึงจุดพิเศษ
    ในการเดินทางของเธอในกาแลคซีนี้
    ดวงอาทิตย์ของคุณ
    ก็เหมือนกับดาวดวงอื่นๆในกาแลคซีนี้
    มันได้หมุนไปรอบแกนแกแลคซี
    และได้เข้าสู่จุดเปลี่ยน
    หลายๆจุดในการเดินทาง

    จุดต่างๆเหล่านี้สามารถ
    คำนวณได้โดยใช้สูตรคำนวณ
    ที่ให้ไว้กับชาว Olmec โบราณเมื่อ6พันปีที่แล้ว
    โดย
    ชาว Pleiades ผู้มาเยี่ยมเยือน นักวิทยาศาสตร์
    ชาว Pleiades ได้มอบ
    มรดกชิ้นหนึ่งให้
    the Olmec Timekeepers ซึ่งหมายถึงการเริ่มต้น

    นับเวลาจนกระทั่งไปสู่การยกระดับครั้งใหญ่ในความเป็นจริงนี้

    กฎเกณฑ์อันศักดิ์สิทธิ์นี้ได้ส่งต่อไปยัง Timekeepers อื่นๆ
    และกลายมาเป็น
    พิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์ส่วนใหญ่ของชาวมายา
    เพื่อเป็นเกียรติแก่พวกเขาเราได้ใช้
    การนับนี้เร่งเวลาในแต่ละวัน
    เพื่อที่จะนำข้อความเหล่านี้มาสู่คุณ

    ช่วงเวลาที่
    ถูกเลือกสำหรับการเริ่มต้นการยกระดับจะมาสู่คุณ
    ภายในช่วงสั้นๆ
    นักวิทยาศาสตร์ชาว Andromedan และ
    ชาว Pleiadean ผู้ซึ่งเป็นอัจฉริยะ
    ที่นำมวลความรู้ทั้งหลาย
    มาสู่โลกใบนี้รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง
    ที่วันเวลาศักดิ์สิทธิ์นั้น
    กำลังจะเปิดเผยตัวต่อคุณแล้ว<o:p</o


    ช่วงปีแห่ง Gregorian กำลังไปถึงจุดจบหลังจากนี้
    ตามลำดับเวลา
    และปรากฏการณ์ทางจิตวิญญาณก็จะบังเกิดขึ้น
    หลังจากนั้นในเวลาที่สั้นมากๆ
    เรามีกำหนดการณ์ที่จะนำคุณ
    ไปสู่ความเป็นใหม่จริงทางกายภาพ

    เรามีความตั้งใจในการเปิดเผยเรื่องทั้งหมดเป็นอย่างดี
    และดำเนินการอย่างรวดเร็ว
    ด้วยการเปลี่ยนแปลงวิธี
    การจัดการโลกของคุณ ฝ่ายมืดรู้ว่ากฎของพวกมัน

    ที่ใช้ปกครองโลกของคุณนั้นมันช่างเปราะบาง

    การล่มสลายของกริดความจริง
    แบบเก่าของคุณ
    กำลังเป็นไปอย่างเต็มรูปแบบ กริดที่ถูกนำมาแทนที่
    ตั้งอยู่ใน
    สถานที่ของมันแล้วและกำลังรอคอยคำประกาศ
    จากสรวงสวรรค์ให้ล่วงรู้ถึง
    การมีอยู่ของมัน
    ในขณะเดียวกัน กองทัพของเราก็กำลังเตรียมพร้อม
    กริด
    ในดาวเคราะห์ดวงอื่นๆทั้งหมดในระบบสุริยะ
    เพื่อการยกระดับครั้งใหญ่นี้ด้วย


    ช่วงเวลานี้ใกล้จะจบลงเต็มที เราคาดการณ์ไว้ว่าฝ่ายมืด
    จะเล่นเกมปริศนาของ
    ตัวเองอย่างต่อเนื่องจนกระทั่ง
    ในท้ายที่สุดก็จะถูกกดดันลงจากอำนาจ

    สิ่งนี้ก็เช่นกันมันใกล้เข้ามาแล้ว บุคลากรผู้ประสานงาน
    ของเรากำลังทำงาน
    ร่วมกับเหล่าพันธมิตรในการทำให้ถึงวันนั้น
    เราจะพูดคุยกันต่อไปเกี่ยวกับเรื่องนี้
    ในข้อความอื่นๆอีกในอนาคต

    ขออำนวยพร ! เราคือเหล่าคุรุแห่งการเลื่อนระดับของคุณ !
    เรามาในวันนี้พร้อมข่าวว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น
    ในขณะนี้ความเป็นจริงของคุณ
    กำลังดำเนินไปสู่
    การล่มสลายอย่างต่อเนื่อง จุดกริดนี้ซึ่งครอบครอง
    โครงสร้าง
    ที่สมบูรณ์มั่นคงของความเป็นจริงของคุณ
    ได้เริ่มพัฒนากริดใหม่ไปพร้อมๆกัน


    และเราจะบอกว่าการพัฒนาของกริดนี้กำลังจะเกิดขึ้น
    ทั่วโลกตอนไหนก็ได้
    นี่ทำให้พวกฝ่ายมืดได้ตระหนักว่า
    เทคโนโลยีที่เป็นความลับของพวกเขา
    จะไม่สามารถยืดเยื้อ
    การเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ได้อีกต่อไป
    จิตวิญญาณแห่ง
    พระเจ้าสามารถเข้าถึงได้ทุกส่วน
    ของดวงวิญญาณศักดิ์สิทธ์ และจะทำให้
    เกิดชุดของเหตุการณ์
    ที่จะนำเราไปสู่​​ความเป็นจริงใหม่อย่างง่ายดาย

    <o:p</o
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 ตุลาคม 2012
  12. Isreal

    Isreal เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    530
    ค่าพลัง:
    +1,327
    เวลาในแบบที่คุณเคยมีประสบการณ์เกี่ยวกับมัน
    กำลังจะเปลี่ยนแปลงไป
    และจะทำให้เกิดผลกระทบอันน่าอัศจรรย์
    กับดวงอาทิตย์และและบรรดาลูกๆ
    ทั้งหมดของเธอ ไม่เว้นแม้แต่ไกอาด้วย

    คุณคงได้สังเกตเห็นสภาพอากาศ
    ทุกรูปแบบที่แปลกออกไป มันเกิดจาก
    jet streams มันมาพร้อมกันกับ
    การตกตะกอนจำนวนมหาศาล
    และการเกิดน้ำท่วมฉับพลัน และรวมทั้งลม
    ที่ผิดปกติวิสัยและปรากฏการณ์
    ทางสภาพอากาศทุกหนทุกแห่ง
    ทั้งหมดทั้งมวลเหล่านี้คือข่าวสาร
    ที่ประกาศถึงช่วงเวลาใหม่สำหรับ
    อาณาจักรของคุณ – ช่วงเวลาที่ฝ่ายมืด
    ได้ถูกกวาดล้างให้หมดสิ้นไปโดยแสงสว่าง



    กลุ่มพันธมิตรทั้งหมดของเรากำลังทำงานท่ามกลางช่วงเวลาอันศักดิ์สิทธิ์
    ในนามของสรวงสวรรค์ เราเฝ้ามองพวกฝ่ายมืดใช้ความพยายามอย่างยิ่ง
    ที่จะยึดเอาช่วงเวลานี้โดยการสร้างสถานการณ์วุ่นวายโกลาหลขึ้นทั่วโลก
    เพื่อ
    ปิดกั้นกระแสแห่งความศักดิ์สิทธิ์ใดๆจากสรวงสวรรค์ เราเข้าใจดี
    ถึงความลึกล้ำ
    แห่งความสิ้นหวังที่อยู่ในห้วงความคิดของพวกฝ่ายมืด

    เรามองเห็นพวกเขา
    ราวกับหนูตัวเล็กๆที่ลนลานอยู่บนเรือที่กำลังอับปาง
    วิ่งวุ่นหาหนทางหนี
    ขึ้นเรือชูชีพสักลำ แต่ก็เปล่าประโยชน์
    มันถึงเวลาแล้วที่พวกเขาจะหันหน้ามา
    ร้องเพลงและยอมจำนน
    ต่อนักเป่าขลุ่ยแห่งโชคชะตาอันศักดิ์สิทธิ์

    (เดาเอาว่าน่าจะมาจากนิทานเรื่องนักเป่าขลุ่ยกับหนูนะคะ-ผู้แปล)

    ช่วงเวลานั้นได้มาถึงแล้วสำหรับพวกเขาแต่ละคนที่จะ
    ‘ปล่อยให้มันเป็นไป’
    และยอมรับว่าพวกเขาเป็นส่วนหนึ่ง
    ของการยกระดับครั้งมโหฬารนี้
    ในระดับจิตสำนึก
    ซึ่งจะต้องถูกชำระชะล้างให้หมดสิ้นไปจากโลกอันทรงคุณค่านี้



    เราเฝ้ามองด้วยความสุขเมื่อองค์ประกอบที่หลากหลาย
    ของการจัดการ
    ความซับซ้อนนี้ทำให้มันปรากฏตัวขึ้น
    และถูกกำหนดให้อยู่ในตำแหน่งราวกับว่า
    ถูกชักนำโดยมือที่มองไม่เห็น
    การเซ็ตอัพนี้เป็นเรื่องหนึ่งซึ่งสรวงสวรรค์ได้ใช้
    เวลาเนิ่นนานหลายพันปี
    ในการที่จะนำมาสู่คุณ

    พวกฝ่ายมืดไม่ได้ตั้งข้อสงสัย
    เลยว่าทักษะอันมากมายมโหฬารนั้น
    ถูกเก็บสำรองอยู่ในสโตร์
    ในทุกๆรอบสิบปีเราได้ผลักดันให้กระบวนการนั้น
    คืบหน้าไปด้วยการใช้
    ความตั้งใจของเราและพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์
    ในทางกลับกัน สรวงสวรรค์ยอมรับ
    การกระทำของเราโดยการพร่างพรม
    คำอวยพรที่เพิ่มมากขึ้นให้กับงานนี้


    มันเป็นการเพิ่มความเข้มข้นให้กับความรุ่งโรจน์ซึ่งเป็นความศักดิ์สิทธิ์

    อันแท้จริงของโลกเรา เราได้ร้องขอให้คุณเปิดใจยอมรับสรวงสวรรค์
    ด้วยคำสวดอ้อนวอนพิเศษของคุณเมื่อใดก็ตามที่คุณทำสมาธิ สวดมนต์
    หรือในขณะที่คุณประกอบพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์ให้กับ the glory of
    the Light of eternal Creation เราชื่นชมยินดีในสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น
    ทั่วโลกในตอนนี้ และเราขอขอบคุณในความเมตตาและพระมหากรุณาธิคุณ
    ของสรวงสวรรค์และพระผู้สร้าง!


    วันนี้เราได้เพิ่มเติมข้อความเหล่านี้แก่คุณ
    เราขอขอบคุณสำหรับการสนับสนุน
    และการสวดอ้อนวอนที่แสนวิเศษ
    รวมทั้งการทำสมาธิซึ่งผลักดันให้เราก้าวเข้าสู่
    ความเป็นจริงใหม่อย่างรวดเร็ว
    ช่วงขณะแห่งความศักดิ์สิทธิ์ที่เราได้รอคอยนี้
    มาถึงแล้ว
    พวกเราได้เป็นพยานในเหตุการณ์นี้ในช่วงสั้นๆ
    ซึ่งจะทำให้
    โลกของคุณเปลี่ยนไปในทางที่ดีและตลอดกาล!

    รู้ไว้เถิดที่รัก การสนับสนุนนับไม่ถ้วนและความเจริญรุ่งเรืองไม่มีที่สิ้นสุด
    ของสวรรค์เป็นของคุณอย่างแท้จริง! <o:p
    จงเป็นเช่นนั้นเถิด! SelamatGajun! SelamatJa!
    (Sirian for Be One! and Be in Joy!)<o:p
    <o:p

    ------จบค่ะ------</o
    </o
    </o
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 ตุลาคม 2012
  13. Isreal

    Isreal เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    530
    ค่าพลัง:
    +1,327
    มาต่อกันเลยนะคะ ^^
    Sheldan Nidle October 2, 2012 ต้นฉบับตามลิ้งค์ข้างล่างนี้ค่ะ

    Sheldan Nidle - October 2, 2012


    <o:pDratzo! ที่เรามาในวันนี้รู้ไว้เถิดว่าเรามีเรื่องใหญ่หลายเรื่อง
    ที่ได้บรรลุจุด
    ที่ก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างขึ้นแล้วก่อนที่คุณจะได้เห็นมัน
    สมาคมลับศักดิ์สิทธิ์
    ของเราที่ช่วยเหลือโดยพันธมิตรชาวโลก
    กำลังทำงานอย่างหนัก
    เพื่อทำให้กิจกรรมที่หลากหลายนั้นสมบูรณ์
    ซึ่งมันจะสรรสร้างความเป็นจริงใหม่
    อันน่าอัศจรรย์แก่คุณ

    เราเฝ้ามองด้วยความยินดีเมื่อเห็นโครงการต่างๆเหล่านี้

    กำลังบรรลุผลให้เห็น โปรดรู้ไว้ว่ามันเป็นจุดเริ่มต้น
    ที่จะทำให้การเปิดเผยนั้น
    เป็นไปได้! เราตั้งใจที่จะใช้โอกาสนี้
    ในการนำเรื่องราวของการป่าวประกาศนี้
    มาแนะนำแก่คุณ
    เกี่ยวกับสิ่งมโหฬารที่กำลังดำเนินไป

    เพื่อที่จะทำให้พระแม่โลก
    และมวลมนุษยชาติไปสู่จุดนั้น
    ในรายละเอียดการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง
    จะถูกป่าวประกาศ
    โดยผู้นำของรัฐบาลใหม่ที่คอยดูแลเอาใจใส่คุณ

    ข้อมูลรายละเอียดอย่างเป็นทางการเหล่านี้จะเป็นตัวกำหนด
    กรอบการทำงาน
    หรือขอบเขตของการนำเทคโนโลยีใหม่,
    ปฏิสัมพันธ์แรกของเรากับคุณ
    และกำหนดพื้นฐานของสิ่งต่างๆ
    ที่จะเข้ามาแทนที่ก่อน-หลังเราลงจอด

    เราได้ปรับเนื้อหาของการออกอากาศเหล่านี้ในแง่ของ
    สิ่งที่เราได้รับการบอกกล่าว
    โดยผู้นำรัฐบาลใหม่ของคุณ
    และมันยังจะมีผลต่อการแก้ไขความคิด
    ในแง่มุมของ
    เส้นเวลาที่เราจะแบ่งปันกับคุณด้วย

    </oมันเป็นเรื่องสำคัญสำหรับเราที่การเริ่มต้นปฏิสัมพันธ์
    ได้เริ่มขึ้นและยืดหยุ่น
    เพียงพอที่จะปรับให้การเปลี่ยนแปลง
    อย่างรอบคอบใดๆที่จะเกิดขึ้นตาม
    ตารางนั้นเป็นสิ่งจำเป็น
    เหตุผลสำคัญอันดับแรกที่เรามาที่นี่ก็เพื่อเป็น
    ผู้ให้คำแนะนำ
    แก่คุณและเพื่อใช้ความสามารถของเราในการที่จะทำให้คุณ

    เลื่อนระดับไปสู่การตื่นรู้อย่างสมบูรณ์ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ,ราบรื่น
    และเป็นที่เข้าใจได้สำหรับคุณมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 ตุลาคม 2012
  14. Isreal

    Isreal เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    530
    ค่าพลัง:
    +1,327
    ภายใต้คำสั่งนี้เราได้ปรับภารกิจของเราอย่างต่อเนื่อง
    ตามโองการศักดิ์สิทธิ์
    บุคลากรผู้ประสานงานของเรา
    ทำงานอย่างต่อเนื่องเพื่อให้เรามีข้อมูล
    จำนวนมหาศาล
    เกี่ยวกับการตื่นรู้ของกลุ่มที่แตกต่างหลากหลายในหมู่พวกคุณ

    ในทุกๆโปรแกรมการเปลี่ยนแปลง ดังนั้นเราจึงใช้ข้อมูลเหล่านี้
    เพื่อก่อร่าง
    และเปลี่ยนรูปแบบเป้าหมายที่พวกเรามีร่วมกัน

    เป้าหมายของเราคือพาคุณข้ามผ่านไปยัง
    การตื่นรู้อย่างสมบูรณ์ไปพร้อมๆกับ
    โองการศักดิ์สิทธิ์
    ที่ถูกเริ่มขึ้นสำหรับโลกของคุณโดย Lord Surea
    และอาณาจักรของ
    ชาว AEION อาณาจักรศักดิ์สิทธิ์นี้เป็นเหตุผลที่อยู่เบื้องหลัง

    การกระทำของพวกเรา

    โองการศักดิ์สิทธิ์ได้ถูกวางแผนมาสำหรับช่วงเวลา

    แสนพิเศษนี้โดยเฉพาะ เพื่อปลดปล่อยคุณ
    และพระแม่โลกจากการกักขัง
    หน่วงเหนี่ยวของฝ่ายมืด
    และคุณก็จะเชื่อมต่อเข้าสู่การตื่นรู้อย่างสมบูรณ์อีกครั้ง



    เมื่อเรามาถึงที่นี่ในปี Gregorian ที่ 1990
    พวกคุณยังถูกกดขี่ภายใต้
    เงื้อมเงาของพวกอันนูนากิ
    และยังถูกปกครองโดยตรงจากลูกสมุนชาวโลก

    ของพวกเขา กลุ่มลูกสมุนพวกนี้วางแผนที่จะละเมิด
    เงื่อนไขของสวรรค์
    ในเรื่องของการกำหนดควบคุม
    ชั่วคราวของพวกเขาต่อความเป็นจริงนี้


    เราได้รับคำแนะนำจากสรวงสวรรค์ ว่าภารกิจของเราที่นี่
    จะดำเนินการตามคำสั่ง
    ที่ออกโดย Lord Surea
    และยังได้รับทราบอย่างเต็มที่เกี่ยวกับสิ่งที่ฝ่ายมืด
    ตั้งใจจะทำ
    และวิธีการที่พวกเขาวางแผนจะทำให้สำเร็จ สิ่งที่ตามมาคือ

    เราได้เซ็ตอัพคำสั่งบนโลกของคุณใน Agartha
    และได้ขอร้องให้
    ชาว Agarthans ตั้งเป้าหมาย
    ในการกระทำมันให้ดีที่สุด
    ในการทำงานร่วมกัน
    เราได้สร้างจุดเชื่อมต่อในการออกคำสั่ง
    และเริ่มผนวกมัน
    เข้ากับหลายๆกลุ่ม
    ซึ่งตกปากรับคำว่าจะทำให้โลกนี้กลับสู่แสงสว่าง


    ตรรกะที่ซับซ้อนของกระบวนการจัดการ
    ที่ถูกรวมเข้าด้วยกันนี้
    ได้เปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยยะ
    สำคัญต่อ the Truce of Anchara
    และนับตั้งแต่
    เมื่อเราได้ทำการปรับโครงสร้างใหม่จำนวนมาก

    เพื่อดำเนินภารกิจภายในขอบเขตของโองการศักดิ์สิทธิ์
    และ
    ภาระผูกพันต่อภาคพื้นโลก<o:p</o
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 ตุลาคม 2012
  15. Isreal

    Isreal เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    530
    ค่าพลัง:
    +1,327
    การปรับโครงสร้างใหม่ที่หลากหลายนี้มีผลต่อ
    ความสำเร็จในปัจจุบัน
    บทบัญญัติถูกตีความออกมา
    ในช่วงของการลงนามในข้อตกลงที่ใกล้จะเป็นจริง

    และการเตรียมการขั้นสุดท้ายยังคงถูกเก็บงำอยู่
    บุคลากรผู้ประสานงานฝังตัวอยู่
    ในสถานที่สำคัญ
    จำนวนมากและกลุ่มคนเหล่านี้ได้อัพเดตกระแสข้อมูลให้เรา

    เพื่อใช้ในการประเมินถึงสิ่งที่คาดหวังไว้เมื่อพวกเขา
    ถูกวางตัวลงในรัฐบาลเฉพาะกาล


    เราปรารถนาที่จะทำงานกับพวกเขาอย่างกลมกลืน
    และมีส่วนร่วมในการใช้
    ความสามารถของเราเพื่อ
    เตรียมดินแดนของคุณในระยะเวลาอันสั้น,
    การเดินทาง
    ครั้งสุดท้ายไปสู่การตื่นรู้อย่างสมบูรณ์

    ชาว Agarthans ก็เช่นเดียวกัน
    พวกเขาตั้งใจที่จะจ้าง
    คนของตัวเองเพื่อเป็นแนวทางในการฝังตัวผู้นำคนใหม่
    ในรูปแบบที่สูงส่งขึ้นของการกำกับดูแลและการเตรียม
    ความพร้อมให้พวกคุณทุกคน
    สำหรับความรับผิดชอบใหม่ของคุณ

    ความตั้งใจของเราคือการสร้างสภาพแวดล้อม
    ที่สนับสนุนให้คุณ
    สามารถมีความสุขในการสำรวจโลกใหม่อันน่าตื่นเต้น

    ที่สรวงสวรรค์เปิดขึ้นสำหรับคุณ มันถึงเวลาแห่งการก้าวกระโดด
    ครั้งยิ่งใหญ่ในการตื่นรู้ไปสู่ความจริงใหม่อันน่าตื่นตาตื่นใจ!



    ขออำนวยพรให้แก่พวกคุณทุกคน!
    เราคือเหล่าคุรุแห่งการเลื่อนระดับของคุณ !

    เรามาเพื่อที่จะประกาศเรื่องราวของเหตุการณ์
    อันน่ารื่นรมย์ยินดีที่จะถูกประกาศ
    ภายในระยะเวลาอันสั้นนี้ !
    เป็นเวลานานมาแล้วที่พวกฝ่ายมืดได้รับมอบ
    ความรับผิดชอบ
    ที่เป็นพิเศษนี้เกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขาได้ทำในอาณาจักรนี้

    ซึ่งรวมถึงที่พวกเขาก็จำได้ว่าถึงเวลาแล้วที่โลกใบนี้
    จะต้องคืนกลับสู่แสงสว่าง


    พวกฝ่ายมืดรวมทั้งลูกสมุนชาวโลกของเขา
    ต่างก็เพิกเฉยละเลย
    ต่อข้อตกลงอันนี้อย่างไม่ไยดี
    นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมชาว AEION,
    the seven grand Seraphim ,
    จึงถูกพาจากอาณาจักรอันรุ่งโรจน์มาที่นี่


    ผู้ทรงพลังเหล่านี้ได้เข้าร่วมในการเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้
    ไปสู่แสงสว่าง
    ราวกับการร่วมบรรเลงออคสตร้าเลยทีเดียว
    และพวกเขายังจะทำให้ทุกอย่าง
    ที่จะเกิดขึ้นดำเนินไป
    อย่างถูกต้องด้วย อย่างไรก็ตามมันอาจจะทำให้
    การป่าวประกาศ
    ของโองการศักดิ์สิทธิ์บนโลกนี้ล่าช้า


    ในการเห็นพ้อต้องกันในเรื่องนี้เราได้รับการสนับสนุน
    ในเรื่องที่จำเป็นต้องทำ
    เพื่ออนุญาตให้พันธมิตรของเรา
    สามารถทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง
    อย่างสมบูรณ์
    ในการที่จะช่วยให้ความเป็นจริงของพวกคุณรอดพ้น
    จาก
    เงื้อมมือของฝ่ายมืด ในตอนนี้พวกฝ่ายมืดกำลัง
    แสดงละครในสถานการณ์
    ที่ตัวเองกุเรื่องขึ้นมา
    เพื่อพยายามยื้ออำนาจของพวกเขาที่ลดน้อยลงไปทุกที
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 ตุลาคม 2012
  16. Isreal

    Isreal เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    530
    ค่าพลัง:
    +1,327
    การบีบคั้นจากฝ่ายมืดได้ถูกปลดปล่อยแล้ว
    โดยเหล่า Seraphim
    บนหนทางแห่งสรวงสวรรค์
    ที่ได้ดำเนินไป อย่างแรกคือการเฝ้ารอ
    พวกเขาเหล่านั้น
    ผู้ซึ่งเลือกที่จะเรียนรู้ด้วยความเมตตากรุณา

    ซึ่งหนทางอันยากลำบากนั้นจะดำรงอยู่อีกไม่นานนัก

    ดังนั้นการกระทำของสรวงสวรรค์จึงแสดงออก
    ในลักษณะที่แสดงให้เห็น
    อย่างแจ่มแจ้งว่า
    มันเป็นช่วงเวลานี้อย่างแท้จริงที่จะปล่อยให้เกิด
    ‘ หนทางที่หลากหลาย ‘ เหล่านี้

    สิ่งนี้ได้ถูกกระทำขึ้นแล้วในตอนนี้
    โดยชาว AEION
    พวกเราได้เตรียมพร้อมตัวเองสำหรับการดำเนินการ

    อันศักดิ์สิทธิ์และการปลดปล่อยที่จะตามมา
    นอกเหนือจากนั้นองค์ประกอบ
    หลายอย่างของ
    the Galactic Federation ก็มีบทบาท
    ควบคู่กันกับสิ่งนี้ด้วย


    ช่วงเวลานี้ที่มาถึงก็เพื่อเป็นการเริ่มต้นวันใหม่
    ในอาณาจักรแห่งนี้ แสงสว่างแห่งความจริง
    อันยิ่งใหญ่จะเผยโฉมปรากฎบนสถานที่อันมืดมิด
    และสิ่งที่มีความจำเป็นที่สุด
    ก็คือการชำระชะล้าง
    และมันก็กำลังจะเกิดขึ้นแล้ว !

    นี่คือเหตุผลว่าทำไมจึงมี
    ความผาสุกอันยิ่งใหญ่
    ในย่างก้าวของพวกเราและเสียงเพลงก็บรรเลงร้องขึ้น

    ในจิตวิญญาณของพวกเราร่วมกัน
    มันถึงเวลาของการเริ่มต้นหลายสิ่งหลายอย่าง

    เพื่อต้อนรับแสงสว่างเข้าสู่อาณาจักรใหม่ของพวกเรา

    เมื่อพวกเราได้เตรียมพร้อมตัวเอง
    สำหรับพาเหรดของเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้
    เราได้สวดอ้อนวอนอย่างเปี่ยมสุขต่อสรวงสวรรค์
    และร้องขอต่อโองการศักดิ์สิทธิ์
    ซึ่งจะอนุญาตด้วยความรัก
    ให้อาณาจักรนี้มีประสบการณ์แห่งความผาสุกอีกครั้ง

    นการตื่นรู้อย่างสมบูรณ์

    โองการศักดิ์สิทธิ์นั้นพร้อมแล้วสำหรับความหลากหลาย

    ซึ่งจะส่งเราให้พ้นจากเงื้อมมือปีศาจที่คุมขังเรา
    บนเส้นทางนี้ได้เพียงชั่วครู่ชั่วคราวเท่านั้น


    มันเป็นช่วงเวลาที่จะรีเซ็ตพลังงานของพวกเรา
    และรับรู้ได้อีกครั้งถึงความรู้สึก
    ที่อยู่ร่วมทางกับเรา
    มาช้านานในการกลับคืนสู่การบริการอันศักดิ์สิทธิ์
    ราวกับ
    เป็นหนึ่งในเจ้าบ้านในร่างเทพธิดาที่มีกายภาพ
    ผู้ซึ่งโบกสะบัดความเรืองรอง
    ของสรวงสวรรค์
    ผ่านทางโลกที่สามารถจับต้องได้นี้


    เงื่อนไขมหัศจรรย์แสนพิเศษนี้เป็นอะไรที่
    คุณไม่เคยได้มีประสบการณ์เลย
    มากว่า13,000ปี
    จิตวิญญาณของคุณในขณะนี้ได้กลับคืนสู่สภาวะ
    ดั้งเดิม
    ตามธรรมชาติ และคุณจะได้รับรู้ถึง
    ความสุขสำราญทั้งหมดอย่างเต็มเปี่ยม

    ที่ผูกพันอยู่กับสรวงสวรรค์และเชื้อสาย
    อันศักดิ์สิทธิ์ของคุณ!
    จงอยู่ในความสุขและเบิกบาน
    พี่น้องของฉันผู้มีความหนาแน่นของพลังงานสูงสุด!



    วันนี้เราได้ให้ข้อมูลที่ต่อเนื่องแก่คุณ
    เพื่อที่จะช่วยในการอธิบายเกี่ยวกับ
    การยกระดับครั้งใหญ่
    จากความมืดไปสู่แสงสว่าง การเดินทางอันศักดิ์สิทธิ์นี้

    จะนำพาให้คุณข้ามผ่านการเวียนว่ายตายเกิดหลายภพชาติ
    คนรุ่นหนึ่งได้ปฏิบัติ
    ตามรุ่นอื่นๆ ในภาพรวมใหญ่ซึ่งตอนนี้
    ได้นำคุณกลับไปสู่หัวใจของความเป็นอมตะ
    แห่งจิตวิญญาณ
    ของคุณเอง จงอยู่ในความผาสุก
    และเตรียมพร้อมรับของขวัญ
    จากสวรรค์!

    รู้ไว้เถิดที่รัก การสนับสนุนนับไม่ถ้วน
    และความเจริญรุ่งเรืองไม่มีที่สิ้นสุด
    ของสวรรค์
    เป็นของคุณอย่างแท้จริง!
    จงเป็นเช่นนั้นเถิด!
    SelamatGajun! SelamatJa!

    (Sirian for Be One! and Be in Joy!)


    ------จบค่ะ------
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 ตุลาคม 2012
  17. Isreal

    Isreal เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    530
    ค่าพลัง:
    +1,327
    ต้องขออภัยเพื่อนๆอีกครั้งนะคะ ช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมาเราแปลไม่ไหวจริงๆ
    คือไม่ใช่ว่าไม่สบายอย่างเดียว
    แต่มัน "ไปไม่เป็น" คือแปลแล้วไม่ได้ความเลยค่ะ
    ยิ่งแปลก็ยิ่งงง แปลไปก็หงุดหงิดตัวเองไปด้วยอะ เลยจำใจทิ้งมันไว้ชั่วคราว
    แล้วมาแปลรวดเดียวเลย
    คือรู้สึกได้เลยว่าภาวะจิตใจมันไม่เป็นไปตามปกติ

    พอได้อ่านข้อความหลายๆตอนในช่วงนี้ก็คิดว่าน่าจะเป็นอาการของ "การสะสางพลังงานเก่า"
    พอมาแปลบทความถึงกับขำก๊ากเลยทีเดียว มันใช่หมดเลยทั้งอาการปวดต้นคอร้าวลงมา
    ตามแนวกระดูกสันหลัง
    ปวดตามเนื้อตามตัวหยั่งกับไปแบกข้าวสารมางั้นแหละ
    แล้วก็มีไข้ปวดหัวปวดหูไปหมดจนนอนไม่หลับ


    เราแนะนำว่าถ้าเพื่อนๆมีอาการป่วยแบบไม่มีสาเหตุแบบนี้ ลองทำตามวิธีเหล่านี้ดูนะคะ
    อาจจะพอช่วยได้บ้าง
    เป็นวิธีที่เราลองทำแล้วได้ผลค่ะ

    1."หยุดคิด" อันนี้สำคัญสุดค่ะ ยิ่งคิดยิ่งฟุ้งซ่าน ยิ่งจมกับอารมณ์เข้าไปใหญ่ ไม่ว่าจะเผชิญ
    กับอารมณ์ไหนๆก็ตามถ้าเราไม่หยุดตัวเอง มันจะถลำลึกมากๆ
    ไมว่าจะเป็นอารมณ์ด้านดีหรือไม่ดีก็ตาม

    2."ตั้งสติ" ลองทำสมาธิด้วยวิธีที่ถนัดดูนะคะ ทั้งจับลมหายใจ เดินจงกรม สวดมนต์ หรืออะไรก็ได้ค่ะ
    จะช่วยให้ร่างกายเบาขึ้นเยอะเลย หรือจะฟัง
    บทสวดที่ชอบก็ช่วยได้มากค่ะ

    3."งดเนื้อสัตว์" อันนี้ไม่รู้เพื่อนๆจะเป็นเหมือนกันรึเปล่านะคะ คือเรามีอาการท้องเสียอย่างหนัก
    ทำอย่างไรก็ไม่หายจนกระทั่งถึงวันพระ ซึ่งเราจะทานมังสวิรัตเป็นปกติอยู่แล้ว อาการท้องเสียที่ว่า
    หายเป็นปลิดทิ้งเลย ตอนนี้ก็ทานไข่เสริมเอา (เรามีอาการเหม็นคาวเนื้อสัตว์ด้วย)
    ไหนๆก็ใกล้จะกินเจแล้วก็ถือว่าซ้อมๆกันไปละกันค่ะ ช่วงนี้ก็ลาก่อน...หมูทอดของโปรด T-T


    4.หากเพื่อนๆมีหินสวยๆ สามารถใช้ล้างพลังได้นะคะ เราเอาแท่งคริสตัลวางไว้ข้างหัวนอนก็หลับดีขึ้น
    ช่วงที่อาการแย่มากๆต้องพกติดตัวกันเลยทีเดียว
    พกแป๊บเดียวหินร้อนจี๋เลยอะ ใช้เสร็จแล้ว
    ก็เอาเค้าไปล้างน้ำสะอาด หรือจะล้าง
    ด้วยวิธีอาบพลังแสงจันทร์ แสงอาทิตย์ หรืออาบควันธูปก็ได้ค่ะ

    ขอให้เพื่อนๆสุขทั้งกายสุขทั้งใจถ้วนหน้ากันนะคะ ^^
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 ตุลาคม 2012
  18. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    มีอีกบางข้อที่สำคัญก็คือ

    - ดื่มน้ำให้มากๆ
    - พักผ่อนให้เพียงพอ
    - ออกไปอยู่นอกบ้านให้มากๆ
    ออกไปสัมผัสกับต้นไม้ใบหญ้า
    พื้นดิน และธรรมชาติให้มากๆด้วย


    และผมก็จะขออนุญาตเล่าอะไรให้ฟังต่อเลยนะครับ
    เกี่ยวกับเรื่องการปฏิบัติธรรม และการบรรลุธรรมนี่แหละครับ
    เพราะว่าพักนี้ จิตใจผมจะวนเวียนอยู่แต่กับเรื่องพวกนี้หนะครับ

    ตามแนวทางวิปัสสนาของท่านโกเอ็นก้า ซึ่งเป็นชาวอินเดีย
    แต่ไปเกิดและโตที่พม่า จนได้รับการถ่ายทอดวิถีทางนี้
    จากท่านอาจารย์ชาวพม่า ซึ่งเป็นฆราวาสชื่อท่าน อุบาขิ่น
    ซึ่งท่านอุบาขิ่นก็ได้รับการถ่ายทอดต่อๆมาจากครูบาอาจารย์
    สายเถรวาทอีกต่อหนึ่ง สืบสาวไกลไปถึงต้นตอจากสมัยที่
    มีพระเถระจากอินเดียเดินทางมาเผยแพร่พระพุทธศาสนา
    ในประเทศแถบสุวรรณภูมิโน่นแหนะ..

    ดังนั้น..ท่านโกเอ็นก้าจึงพูดอยู่เสมอว่า แนวทางที่ท่านสอนนี้
    เป็นสูตรตำหรับดั้งเดิม ที่ไม่ได้รับการปรุงแต่งเจือปนแต่อย่างใดเลย

    จริงๆแล้วประเด็นที่ผมจะกล่าว ไม่ใช่แนวทางหรืออะไรแบบนั้นหรอกนะครับ
    แต่ผมขอปูพื้นฐานให้กับผู้ที่ยังไม่รู้จักวิปัสสนาแบบท่านโกเอ็นก้าก่อนหนะครับ

    วิธีการที่ท่านสอนก็คือ

    - เริ่มจากช่วง 3 วันแรก ให้ทำสมาธิอย่างเดียว จับที่ลมหายใจเข้าออก
    ที่บริเวณจมูกเพียงอย่างเดียว ห้ามใช้จินตนาการ ห้ามใจนิมิต
    ห้ามใช้คำบริกรรมใดๆทั้งสิ้น เพราะเหตุผลที่ว่า เอาแบบธรรมชาติล้วนๆ
    ตามความเป็นจริง ไม่เอาพลังงานความสั่นสะเทือนของคำบริกรรม
    หรือของรูปธรรมชีวิตชั้นสูงใดๆ หรือรูปนิมิตใดๆมาช่วยทั้งสิ้น
    เพราะว่าจะได้อยู่กับปัจจุบันขณะของตัวเองจริงๆ เห็นธรรมชาติของมันจริงๆ

    วันที่ 4 ก็จะเริ่มเข้าสู่การทำวิปัสสนา โดยช่วงวันแรกๆ ก็จะให้
    ทำความรู้สึก "รู้" ไล่ลงไปจากกลางกระหม่อม จนไปถึงปลายเท้า
    ไล่ลงไปทีละจุดๆอย่างช้าๆ ทุกๆจุด ทุกๆส่วนของร่างกาย
    เริ่มจากศรีษะ คอ แขนทีละข้าง ลำตัวด้านหน้า ด้านหลัง ขาทีละข้าง
    โดยไม่ข้ามส่วนไหนไปเลย วันแรกๆก็ให้ไล่ลงแบบนี้ในทิศทางเดียว
    วันต่อมาก็ให้ไล่ลง แล้ว ไล่ย้อนขึ้นตั้งแต่ปลายเท้าจนถึงกลางกระหม่อม

    วันต่อมาอีก ก็ให้ไล่ลง-ขึ้นแบบพร้อมๆกันทั้งสองข้างของร่างกาย
    นั่นก็คือจากศรีษะ ลงไปที่คอ แขนทั้งสองข้าง ลำตัว ขาทั้งสองข้าง
    แล้ววันต่อมาก็ให้ไล่สลับระหว่างทำแบบทีละส่วน กับทำทั้งสองส่วนพร้อมกัน

    จุดประสงก็คือ ให้มีสติอยู่กับปัจจุบันขณะของทุกๆส่วนของร่างกาย
    ไม่ว่าจะมีเวทนาน้อยใหญ่อะไรเกิดขึ้นที่ส่วนไหนของร่างกายก็ตาม
    ให้ตามรู้ให้หมด ซึ่งท่านบอกว่า จะดีกว่าวิธีที่นั่งรู้ตัวทั่วพร้อมอยู่เฉยๆ
    แล้วคอยจับดูเวทนาที่มันจะเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ซึ่งส่วนใหญ่แล้ว
    ก็มักจะเป็นเวทนาใหญ่ๆ หยาบๆ เช่น ความเจ็บปวดในขณะที่นั่ง
    อะไรแบบนั้นเป็นต้น ซึ่งจะทำให้พลาดเวทนาย่อยๆละเอียดๆที่เกิดขึ้นตลอดเวลา
    ทั่วร่างกายอยู่แล้วไป

    แต่วิธีการของท่านนี้ มีข้อแม้ที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งว่า

    "ต้องวางใจให้เป็นอุเบกขาเท่านั้น"

    ต้องวางอุเบกขาให้ได้มากที่สุด ให้สมบูรณ์แบบที่สุดเท่าที่จะทำได้
    โดยไม่ไปปรุงแต่งหรือยินดียินร้ายกับเวทนาด้านบวกหรือด้านลบใดๆทั้งสิ้น

    และที่สำคัญคือ ไม่ว่าเราจะฝึกวิปัสสนามานานแค่ไหนก็ตามแต่
    ไม่ว่าเราจะสามารถสัมผัสรู้ หรือรับรู้ถึงเวทนาที่เกิดขึ้นทั่วร่างกาย
    จนถึงขั้นละเอียด เห็นว่าร่างกายนี้ เป็นแต่เพียงการเกิดดับของประจุไฟฟ้า
    หรือของอนุภาคที่เล็กละเอียดที่สุดของธาตุทั้งสี่หรือไม่ก็ตามแต่

    แต่สิ่งที่จะใช้วัดความก้าวหน้าของการวิปัสสนาก็คือ
    ความสามารถในการ "การวางอุเบกขา" ของเราเท่านั้น


    นั่นแหละครับ คือประเด็นที่ผมอยากจะนำมาแชร์ให้ทุกๆท่านได้ครุ่นคิดตามไปด้วย
    ซึ่งมันก็จะไปสอดคล้องกับคำกล่าวของลุงหวีดที่ว่า ประมาณว่า
    ที่สภาวะแห่งการหลุดพ้นนั้น จิตจะไม่ไปเกาะ ไม่ไปเกี่ยวกับสิ่งใดเลย
    นั่นหมายถึง มันวางอุเบกขาได้อย่างสมบูรณ์แบบตามนัยยะของท่านโกเอ็นก้าหรือเปล่า?


    และถ้าเป็นเช่นนั้น เราอาจจะพอสรุปสั้นๆได้ไหมว่า
    การฝึกจิตทั้งหมดทั้งมวลนี่ ก็เพื่อให้จิตหลุดพ้น
    ไม่เกาะไม่เกี่ยวกับสิ่งใดอีกเลย


    หรือพูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ เพื่อให้เราวางอุเบกขา
    ต่อทุกสิ่งทุกอย่าง ได้อย่างสมบูรณ์แบบ


    พวกท่านคิดยังไงกันบ้างครับ

    ........................................................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 ตุลาคม 2012
  19. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ขอต่ออีกนิดนะครับ..

    การวางอุเบกขา เป็นสิ่งที่ต้องฝึกครับ ยังไงก็ต้องฝึกครับ
    เพราะว่าไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลย

    และการฝึกที่ว่านี้ก็ต้องอาศัยความเข้าใจควบคู่กันไปด้วย
    เข้าใจในธรรมชาติ หรือ ที่เรียกว่าธรรมะ นั่นเอง

    เข้าใจว่า ธรรมชาติของสิ่งต่างๆ มันต้องมีการเปลี่ยนแปลง
    เข้าใจว่ามันเกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วมันก็จะดับไป อะไรแบบนั้น และ ฯลฯ

    รวมถึงเข้าใจว่า เหมือนที่ลุงหวีดพูดว่า มันไม่มีหรอกดี ชั่ว ถูก ผิดหนะ
    แต่มันเป็น "เรา" เองต่างหาก ที่ไปใส่ค่าให้มัน ที่ไปจำแนกพวกมัน
    และ ฯลฯ

    ทฤษฎีเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ แม้ว่าเราจะอ่านมามากแค่ไหนก็ตาม
    อย่างตัวผมเองเป็นต้น ที่อ่านหนังสือธรรมะทั้งแนวพุทธ แนวมหายาน
    แนวเซน รวมถึงอ่านและแปลแนวนิวเอช แนวต่างมิตินี้มาก็มากมายแล้ว
    แต่นั่นก็คือความรู้และความเข้าใจที่ได้จากการอ่าน
    และการคิดใคร่ครวญตามไปด้วยเฉยๆ ที่ท่านเรียกว่า
    ความรู้ระดับ "สุตตะมยะปัญญา" กับ "จินตะมยะปัญญา" ตามลำดับ

    ซึ่งทั้งหมดทั้งปวงนั้นคือความรู้และประสบการณ์ของคนอื่นเขา
    ที่เขาถ่ายทอดไว้ให้เราอ่าน เพื่อนำไปเป็นแนวทางในการปฏิบัติของเราบ้าง เท่านั้นเอง

    แม้แต่ธรรมะที่พระพุทธเจ้าสอนไว้มากมายนั่นก็เถอะ
    นั่นก็เป็นความรู้ และประสบการณ์ของพระองค์ เราอ่านให้พรุนยังไง
    เราก็ไม่อาจบรรลุตามพระองค์ไปได้ ดังนั้น จึงมีทางเดียว ซึ่งก็คือ
    เราต้องลงมือ "ฝึกฝน" และ "ปฏิบัติ" ด้วยตัวเราเองบ้าง
    เพื่อที่จะได้มีความรู้ที่เกิดขึ้น จากการรู้เอง และ เห็นเอง ของเราบ้าง

    ท่านเรียกความรู้ หรือ ปัญญาแบบนี้ว่า "ภาวนามยะปัญญา" ครับ
    ดังนั้น เราจึงต้องเข้าให้ถึงปัญญาระดับนี้ให้ได้เท่านั้น
    ด้วยการลงมือปฏิบัติอย่างจริงจัง (แต่ห้ามเครียด) เท่านั้น
    เราถึงจะไปถึงจุดหมายปลายทางได้

    ตัวผมเองรู้ซึ้งอยู่แก่ใจดีเลยว่า โอ้โฮ..การอ่านแล้วเข้าใจ
    หรืออ่านแล้วเออออห่อหมกไปกับสิ่งที่ผู้อื่นถ่ายทอดมาให้นี่
    มันง่ายดายมาก และมันเทียบไม่ติดเลยกับการทำให้ได้ซะเอง
    เพราะนั่นหนะ "ยากกกกก มากกก" ครับ

    ก็เพราะความที่ได้ไปฝึกวิปัสสนามานี่แหละ จึงพอจะหาจุดเริ่มต้นได้บ้างแล้ว
    ก็เลยถือเอาเป็นแนวทาง เป็นภาระกิจสำคัญประจำวันอย่างหนึ่งของตัวเองไป

    นั่นก็คือ พยายามมีสติอยู่กับตัวเองให้ได้มากที่สุด
    อะไรมากระทบ ก็พยายามที่จะมีสติระลึกรู้ให้ได้ว่า
    ต้องวางอุเบกขาเท่านั้น

    อะไรแบบนั้นหนะครับ..แต่ก็ยังทำได้ไม่เท่าไหร่หรอกนะครับ
    แต่ก็คิดว่าดีขึ้นกว่าเมื่อก่อนนี้แล้วหละ..ก็คงต้องพยายามต่อไปครับ

    ..................................................................
     
  20. vincent308

    vincent308 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    112
    ค่าพลัง:
    +381
    บทความแห่งชีวิตและความหวังที่ยังเรื่องรองอยู่เสมอ ขอบคุณทีมแปลคุณ mr empty คุณ isreal และคุณ chayutt ด้วยครับ^^
     

แชร์หน้านี้

Loading...