ใครมีอภิญญา ทำให้ผมเชื่อเรื่อง นรก สวรรค์ แบบ 100% บ้างครับ

ทีนี้ คุณ เจ้าของกระทู้ มีแม่น่ารัก

และ ก็เก่งกว่าผมเยอะ ไหนลองตอบหน่อยสิว่า


"จักษุธรรม" เนี่ยะ เอาเข้าจริงๆ เขาเห็นอะไร

 

ต้องลองตายดูน่าจะรู้

หรือไม่ก็ไปอยู่ในป่า 1 ปีแบบหากินเองนะ

จะเห็นเองเลยชัดแจ๋วเลย ผู้มีอภิญญาไปหา
อ.ทองทิพย์ โอภาโส
อ.วิเชียร อยู่เกตุ
สองท่านนี้ก็ได้ ส่วนแม่ชีอีก 2 ท่านไว้ทีหลัง

ลองหา 2 ท่านนี้ให้ได้ก่อนจะเห็นได้

 

ถ้าคุณอยากเห็นไปพหลโยธิน ซอย8 บ้านหลวงพ่อฤษีลิงดำ มีฝิกทุกต้นเ่ิดือนว่าแต่ว่าอยากเห็นจริง หรือสักแต่ว่าพูดถามมาด้วยความคืืกคะนอง โทร026167177ถ้าคุณทำได้ ผมขอโมทนาด้วย คุณเจอทางสว่างแล้ว

 

อยากเห็น ทำไมต้องหวังพึ่งคนอื่นทำให้เห็นละ
ลองตายดูซิ (จริงจังนะ) ไม่ก็หาวิธีการอื่นๆ

 

จิตผู้รู้อยู่ที่ตนเอง ลองหาดูนะครับ!!

 

คนเราต้องมีความเชื่อ ความศรัทธาก่อนน่ะครับ ศึกษาธรรมะไว้เยอะๆ แล้วเราจะสามารถพิจรณาได้ครับว่ามันมีจริงไหม ยกตัวอย่าง ภพ ชาติ เวรกรรม บุญ บาป นรก สวรรค์ อิทธิฤทธิ์
ปาฎิหาริย์ พรหม นิพพาน มันมีอยู่จริง ถ้าไม่มี ศาสนาคงไม่อยู่มาถึง 2500 กว่าปีแล้วครับ
พระ หรือ บุคคลธรรมดา ที่ได้ยินได้ฟังมาว่ามีมาแบบนี้ ท่านเหล่านั้นได้ลองปฎิบัติมาดีแล้วเห็นตามความเป็นจริงอย่างนั้น และได้สั่งสอนสู่รุ่นต่อรุ่นมานานแล้วถึง 2500 กว่าปีแล้ว ถ้าสิ่งเล่านี้ไม่มีจริงมันคงเสื่อมและหายไปแล้ว ของจำพวกนี้มีไว้สำหรับผู้ที่มีจิตใจงามและละเอียด ผู้ที่มีจิตว่างเป็นสมาธิ หรือได้ณาณสมาบัติขั้นต่างๆ เมื่อเห็นพร้อมแล้ว เข้าถึงธรรม ท่านจะไม่ค่อยโอ้อวด การโอ้อวดมันเป็นกิเลสอย่างหนึ่งทำไห้ใจขุ่นมัว มันพร้อมที่จะเสื่อมไปกับความมีกิเลสที่เกิดขึ้น ถ้ามีความเชื่อ ความศรัทธาแล้ว ยังเหลืออยู่สิ่งหนึ่งที่เรายังไม่มีคือ ปฎิบัติเพื่อเข้าถึงสิ่งที่เราอยากรู้ อยากเห็น เพราะของแบบนี้มันหลอกกันได้ ต้องเรียนรู้ด้วยตัวเราเอง

 

ผมเข้าใจความรู้สึกของเจ้าของกระทู้นะครับ เพราะผมเองก็ไม่เคยเห็นเหมือนกัน อย่าว่าแต่นรก หรือสวรรค์เลย แม้แต่วิญญาณก็ไม่เคยเห็น (แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าไม่มี) พยายามติดตามเรื่องราวจากคนอื่นตามรายการผีๆ แต่ก็โกหกทั้งเพ หาสิ่งยืนยันไม่ได้เลย จะให้อ่านจากพระไตรปิฏก ก็ยังไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่ เพราะเกิดจากการเขียนขึ้นมาโดยใครบ้างก็ไม่รู้ แก้ไขเปลี่ยนแปลงมาก็หลายภาษา ผมเองก็ลองปฏิบัติสมาธิมาหลากหลายรูปแบบ ก็ไม่เคยเห็นกะเขาสักที บางครั้งคนเราพอทำสิ่งหนึ่งไปนานๆ มันก็หมดกำลังใจได้เหมือนกัน อันนี้พูดจากประสบการณ์และจากความรู้สึกจริงๆ แต่มีสิ่งหนึ่งที่ผมปฏิบัติมาไม่เสียหลายก็คือ พอผมฝึกแค่การมีสติกำหนดพุธโธ หรือ บางครั้งก็ท่องคาถาเงินล้านก็ได้ มันทำให้ผมมีสติและเมื่อผมเผลอไปเรื่องอื่น มันทำให้ใจเราเร่าร้อน ไม่สบายใจ (ปกติเป็นคนขี้กังวล) แต่พอรู้สึกตัว สติมันกลับมา จะเห็นถึงความแตกต่างของสภาวะจิตใจได้ทันที เหมือนการอยู่ในร่มกับการวิ่งไปกลางแดด เลยทำให้รู้สึกได้ว่าการมีสติก็ดีเหมือนกันแฮะ และอีกอย่างที่ผมสัมผัสได้กับตัวเอง คือ การที่เราระลึกถึงคำสอนของพระพุทธเจ้าตอนที่เรามีสติ เช่น ตอนที่เรารู้สึกตัวหลังจากหลงคิดเรื่องต่่างๆ มา ให้คิดว่า สิ่งต่างๆ รอบตัวมันก็เป็นของมัน มีวิถีของมัน ถ้าเราเอาใจเข้าไปผูกพันเมื่อไหร่ เราก็จะรุ่มร้อนอย่างเห็นได้ชัด แม้แต่ร่างกายเราเองถ้าเราไปใส่ใจกับมันมากๆ ยึดมากๆ ก็รุ่มร้อนได้เหมือนกัน นี่คือสิ่งที่ผมสัมผัสได้ว่า พระพุทธเจ้าท่านสอนเราเรื่องจริง ทำให้ผมเชื่อมั่นในคำสอนของท่านขึ้นมามาก และผมเองก็กำลังพยายามให้มันเห็นแบบนี้ตลอด (ทำได้บ้างไม่ได้บ้างเป็นบางเวลา) จขกท ลองเอาไปปฏิบัติดูก็ได้นะครับ อะไรที่ท่านเห็นจริงด้วยตัวเองมันจะปลดความลังเลสงสัยไปได้เอง ดีกว่าเราไปไล่จับอากาศ ซึ่งมันมีอยู่แต่เรามองไม่เห็น มันเสียเวลาเปล่าๆ ครับ

 

<MARQUEE bgColor=black direction=up scrollAmount=1 height=300>

" ลองเอาไปปฏิบัติดูก็ได้นะครับ ​

อะไรที่ท่านเห็นจริงด้วยตัวเอง​

มันจะปลดความลังเลสงสัยไปได้เอง ​

ดีกว่าเราไปไล่จับอากาศ ​

ซึ่งมันมีอยู่​

แต่เรามองไม่เห็น ​

มันเสียเวลาเปล่าๆ ครับ "<!-- google_ad_section_end --> ​

วิ-สุทธินันท์​

.

</MARQUEE>

 

อยากรู้ก็ปฏิบัติเองเลยครับ เดี๋ยวท่านจะหายสงสัยเอง
แนะนำไปปฏิบัติวัดอัมพวันครับ
ปฏิบัติไปจะเกิดปัญญา เดี๋ยวท่านจะได้หายสงสัย

 

ไม่ทราบว่าฝึกที่บ้านได้ป่าวครับ ผมอยู่ไกลจาก กรุงเทพ อยู่บ้านนอกครับ
ไม่สามารถไปได้

 

บางครั้ง ความเชื่อที่มี มันก็อ่อนล่า นะครับ สิ่งที่ทำให้มันแข็งแกร่งได้
คือการพิเสจว่าสิ่งที่เราเชื่อ คือความจริง

 

ขอบคุณครับ ที่เข้าใจความรุ้สึกผม บางครั้งใช้แต่ความเชื่อ มันก็เหนือย อย่างน้อย
เวลาผมเหนือยผมก็หาวิธีทำให้ผมแข็งแกร่ง ไม่ใช่ทิ้งความเชื่อไปเลย จะลองไปปฎิบัตดูครับ

 

ไม่ต้องไปตามหาที่ไหนหรอก...เส้นผมบังภูเขา สวรรค์อยู่ในอก นรกอยู่ในใจ..ทุกวันนี้โลกเราก็เหมือนนรกแหละครับ คนไหนพบทางแห่งธรรมก็เจอ สวรรค์ เองแล....

 

เรื่องนรก สวรรค์ เป็นเรื่องรู้ได้เฉพาะตนครับ เอาไปบอกใคร บอกได้แต่คนที่ฟังเขาจะหัวเราะเยาะเอา เหมือนมีคนเห็นเทวดา ระลึกชาติได้ เอาไปบอกใครเขาจะบอกได้ว่า "ไอ้บ้า" เอาง่าย ๆ เรื่องเห็นผี คนที่เคยเห็นก็บอก "ผีมีจริง ผมเห็นมาแล้ว" คนไม่เคยเห็นก็บอก "ผีไม่มีหรอก ตาฝาด คิดไปเอง อุปาทานฯลฯ" พระพุทธเจ้าทรงตรัสไว้ หลวงปู่หลวงตาก็บอกไว้ นรก สวรรค์ พรหม เทวดา สมภเวสี ผีเปรต มีจริง และถ้าสมมตินะครับ สมมติๆๆๆ ผมบอกว่า "ผมเห็นมาหมดแล้ว" หรือว่า "ผมเคยเห็นผี ผมเคยไปนรก สวรรค์ ผมเห็นเทวดา" มีใครเชื่อผมบ้างครับ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่รู้เฉพาะตนครับ ผมบอกวิธีให้ครับย่อๆ สามคำ "ศีล สมาธิ ปัญญา" เอาไปศึกษา เอาไปปฏิบัติ ศึกษาก็ศึกษาตามอริยสัจ ๔ มรรค ๘ อย่าเดินออกนอกทางอริยมรรคเป็นอันขาด ไปหาพระผี หมอผี จะถูกหลอกเอาครับ พวกนี้เห็นได้เหมือนกัน แต่ที่เห็นไม่ใช่ของจริง ของจริง เห็นจริง คือต้องเห็นตามหลักของอริยะมรรคเท่านั้นครับ

อนุโมทนาบุญครับ

 

อยากเจออะไร ก็ลองเขียนแบบทดสอบด้วยตัวเองดูสิ รู้จักใช้จิตให้เป็นประโยชน์
เช่น คิดว่าอยากเห็นนรกก็ลองคิดมันทุกวัน อธิฐานทุกวัน เด๊่ยวจิตมันก็ปรุงแต่งมาให้เห็นเองละครับ
ผมเห็นมาแล้ว ไม่ก็ลองคิดชั่วดูบ่อยๆ เด๊่ยว GOD ก็มาให้เห็นเองแหละ
ผมละอยากเป็นคนปกติที่ไม่ต้องรับรู้อะไรใจแทบขาด ทำไมโลกนี้ไม่มีอะไรยุติธรรมเลย

 

อายุเท่าไหร่แล้วละ อย่าเอาอนาคตมาเสี่ยงเลย

 

ทำให้เกิดกิเลสแล้ว ยากแท้จะเข้าถึง หากจิตผ่อนคลาย ทุกอย่างง่ายเข้าได้ด้วยจิต
โมทนาสาธุ
ขอให้มีเมตตาและเจริญในธรรม
ข้าพเจ้าเกิดมาต้องตาย ชีวิตไม่เที่ยง ความตายเป็นของเที่ยง นิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง

 

เตือนตนเองก่อนเตือนผู้อื่นครับ ไปศึกษาคำสอนของพระตถาคตแล้วจะเข้าใจครับ


ไม่เข้าใจ ยังสนใจถามยังพอไหว คนไม่เห็นด้วยกับคำสอนของพระพุทธเจ้านี่
ไม่อ่าน ไม่ศึกษา ไม่เห็นด้วย เลิกคิดไปเลยครับ
http://palungjit.org/threads/ฌานาภิญญาสูตร.353155/

 

อัตตาหิ อัตตโน นาโถ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน

วิทยาศาตร์ ยังต้องทดลองแล้วทดลองอีก ทดลองจนได้ข้อสรุป ได้ผลลัพธ์ที่ถูกต้อง แล้วยังต้องคอย สังเกตุ ผลนั้นไปอีกจนแน่ใจ

บอกไปแล้วคุณไม่พิสูจน์ หรือ ไม่มีความตั้งใจพิสูจน์ หรือไม่แม้แต่อยากจะพิสูจน์ ให้ค้นพบคำตอบที่แท้จริง มันก็แค่ สายลมพัดผ่านหูไปแค่นั้นเอง

 

ถ้ายังลังเลสงสัยในนรกสวรรค์ เราก็ยังคงลังเลสงสัยในบาปบุญ การดำเนินชีวิต ณ ปัจจุบันขณะ เราอาจพลาดได้ เพราะประมาทในบาปบุญ มัวแต่คิดว่า ใช่ไม่ใช่ จริงไม่จริง อย่ามัวเสียเวลา เพราะ สิบปากว่า ไม่เท่า ลงมือปฏิบัติเท่านั้น ผลลัพธ์จึงจะเกิด Do it now! เชื่อว่ามีไว้ก่อน ไม่ดีเหรอ?? ถ้าเรายังลังเล ดีกว่าปฏิเสธ แล้วมัวแต่ไปทำชั่ว เกิดมันมีขึ้นมาล่ะ เราไม่ซวยเหรอ นรกน่ะ ไม่ใช่เล่นๆ เพราะเขาบอกว่า เวลาที่นั่น ยาวนานมากเหลือเกิน เวลาในนรกกับบนโลกมนุษย์ต่างกันลิบลับ ฟังเท่านี้ ถึงเราจะเชื่อหรือไม่ เราก็ต้องเชื่อไว้ก่อน ((เราบอกตัวเราเองแบบนี้นะ))