พญานาคกับอดีตที่ผ่านมา

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย คุรุวาโร, 1 กันยายน 2012.

  1. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    [​IMG]
     
  2. Thidanakin

    Thidanakin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    367
    ค่าพลัง:
    +2,067
    งามมากมายหนอ....คุณนุ๊ก

    กี่เซ็นต์อ่ะคะ
     
  3. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    หลับหรือกลับบ้านกันหมดแล้ว เงียบเชียบเชียว
    มีตำนานทางเหนือมาให้อ่านกัน สนใจหรือเปล่าหนอ..?
     
  4. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    ไปข่มขู่จากพี่รั้งมาค่ะ คริคริ...ล้อเล่นน้า..าา
    พี่รั้งให้มาค่ะ น่าจะประมาณ 3 ซม. ไม่ใหญ่ค่ะ
    แต่ก็ใหญ่ีที่สุดในบรรดาเพชรพญานาคที่มีอยู่ ณ ตอนนี้
     
  5. Thidanakin

    Thidanakin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    367
    ค่าพลัง:
    +2,067
    ข้าเจ้าก็บ่มีคู่เช่นกันหนออออออ

    งั้น.....ผู้ใดไม่มีคู่...เฮาจอง...หมดเลยน๊าาาา:cool:
     
  6. Thidanakin

    Thidanakin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    367
    ค่าพลัง:
    +2,067
    ฟังจ้า....จัดปายคร๊าาา
     
  7. Thidanakin

    Thidanakin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    367
    ค่าพลัง:
    +2,067
    เมื่อไหร่น๊ออออออ เทพธิดาสุชาวดี จะเปลี่ยนใจ รับฟัง รับรู้ คำอธิษฐาน
    ของพวกเราในนครแห่งนี้ แล้วให้ท่านอาคุรุวาโร กลับมาเหมือนเดิมซะดี

    ;aa20
     
  8. Thidanakin

    Thidanakin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    367
    ค่าพลัง:
    +2,067
    วันเกิดใครคร๊าาาา

    ขอให้เจ้าของวันเกิดวันนี้ มีความสุข ความเจริญ ยิ่ง ๆ ขึ้น ทั้งทางโลกและทางธรรมนะจ๊ะ
     
  9. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    ตำนานเมืองเถิน...คร้า...าา ยาววววมาก

    ประวัติเมืองเถิน จากตำนานในใบลานได้กล่าวไว้ว่า ปางเมื่อพระพุทธเจ้าได้เสวยพระชาติเป็นพระโคอุสุภราชนั้น ได้มาประสูติบริเวณที่ตั้งพระธาตุวัดเวียง ปัจจุบันนี้ ซึ่งแม่โคได้พาลูกน้อยออกไปหากินและได้พลัดพรากจากลูกน้อย แต่ลูกน้อยยังได้เรียกร้องหาแม่ว่า“อุลอ….อุลอ”

    ส่วนแม่โคนั้นได้รอลูกน้อยอยู่ที่บริเวณที่ตั้งพระธาตุวัดอุมลองปัจจุบัน นี้ และลูกน้อยก็ตามหาแม่จนพบที่นั้นจึงเรียก บริเวณที่นั้นว่า “อุลอ” และต่อมาจึงเรียกว่า “อุมลอง” ต่อจากนั้น แม่โคก็ได้พาลูกน้อยไปหากินยังเนินเขาทางทิศตะวันตก เฉียงใต้และได้นอนอยู่บริเวณนี้จนกระทั่งโตขึ้น ณ บริเวณนี้จึงเรียกว่า “ม่อนงัวนอน” ซึ่งอยู่ในเขตบ้านป่าตาล ตำบลเถินบุรี ปัจจุบันนี้คือ “วัดดอยป่าตาล” นั่นเอง

    ครั้งเมื่อพระบรมโพธิสัตว์ได้จุติลงมาเกิดในโลกได้ตรัสรู้เป็น พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ระลึกชาติแต่หนหลังว่าเคยเสวยพระชาติเป็นอะไรและอยู่ที่ไหนพระองค์ทรง ตรัสรู้ให้สาวกนำเอาเกศาหรืออัฐิไปบรรจุไว้ในที่สำคัญๆ ดังกล่าวหลังจากที่พระพุทธองค์ปรินิพพานไปแล้ว

    ต่อมาหลังจากนั้นพระพุทธเจ้าได้ดับขันปรินิพพานไปแล้ว 250 ปี พระยาอโศกราชได้สร้างเจดีย์ขึ้นจำนวนแปดหมื่นสี่พันองค์ และได้ส่งทูตมาบรรจุอัฐิตามคำสั่งขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่าให้บรรจุวัด เวียงชื่อ “พระธาตุเล็บมือ” บรรจุที่วัดอุมลองชื่อ “พระธาตุกระดูกด้ามพร้า” และบรรจุวัดดอยป่าตาล ชื่อ “พระธาตุลิ้นไก่”
     
  10. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    ขณะที่ทูตนำผอบบรรจุพระอัฐิของพระพุทธเจ้ามานั้นก็ได้มาพักอยู่ที่จวนเจ้า เมือง ซึ่งตั้งอยู่บริเวณพระธาตุวัดเวียงปัจจุบันนี้ เจ้าเมืองได้ถามทูตว่าจะนำอัฐิของพระพุทธเจ้าไปบรรจุไว้ที่ใด

    ฑูตบอกว่าจะนำไปบรรจุที่วัดดอยต้อก(วัดศิลาวารี) พอพูดจบพระอัฐิซึ่งบรรจุอยู่ในผอบแก้วก็ลอยออกจากผอบแล้วร่วงลงสู่พื้นดิน แผ่นดินก็สลุบ(ยุบลง) ฑูตจึงสั่งให้เจ้าเมืองสร้างเจดีย์ครอบไว้ เจ้าจึงย้ายจวนออกแล้วทำการสร้างพระเจดีย์ครอบไว้ แต่ก็ไม่ใหญ่โตเช่น ปัจจุบัน

    ส่วนวัดอุมลองและวัดดอยป่าตาลก็สร้างขึ้นในเวลาใกล้เคียงกัน และกำหนดวัดทั้งสามเป็นวัดคู่บ้านคู่เมือง เปรียบเสมือนสามเส้าจะขาดวัดใดวัดหนึ่งไม่ได้และให้พุทธศาสนิกชนกราบไหว้ บูชา และบำรุงรักษาวัดทั้งสามแห่งนี้ ดังคำโบราณกล่าวไว้ว่า

    "จึงมีจารีตประเพณีสรงน้ำพระธาตุแต่ก่อนดังนี้ เดือนห้าเป็งเหนือ หื้อสรงน้ำพระธาตุเจ้าวัดเวียง เดือนเจ็ดปี๋ใหม่พยาวันหื้อปากั๋นไปสรงน้ำพระธาตุเจ้าวัดอุมลอง พอถึงเดือน แปดเป็งหื้อปากั่นล่องไปสรงน้ำพระธาตุวัดดอยป่าตาล และหื้อปากั๋นบำรุงรักษาบูชากราบไหว้ทั้งสามวัด บ้านเมืองจักรุ่งเรืองตลอด ทั้งฝนก็จะตกตามฤดูกาล ข้าวกล้าจักงอกงาม หากปากั๋นเพิกเฉยเสีย บ้านเมืองก็จะแห้งแล้งเกิดยุคเข็ญ ข้าวกล้าในนาจักเหี่ยวแห้ง ฟ้าฝนก็จะไม่ตกต้องตามฤดูกาล”

    จากนั้นบ้านเมืองก็เกิดศึกสงครามไทยกับพม่า ผู้คนล้มหายตายจากกันจำนวนมาก วัดวาอารามก็ถูกทำลายสูญหายไปมาก จึงกลายเป็นที่ลกล้างว่างเปล่าไป พม่ารู้ดีว่าพระธาตุเจ้าวัดเวียงมีความศักดิ์สิทธิ์เพราะตำนานของพม่าก็มี พม่าได้บูรณะให้เป็นปูชนียสถานอันสำคัญ และพากันกราบไหว้บูชา

    ต่อมาได้เกิดสงครามไทยกับพม่าอีกเมืองก็รกร้างไปอีกครั้ง เพราะสงครามสมัยนั้นหากฝ่ายใดชนะก็กวาดตอนเอาผู้คนไปหมด เมืองก็ต้องรกร้างว่างเปล่า ต้นไม้ก็ขึ้นปกคลุม จนมองแทบไม่ออกว่าบริเวณนี้มีพรระธาตุอยู่
     
  11. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    จนกระทั้งมีพระครูบาอาทิตย์ ได้ธุดงค์มาปักกลดเมตตาภาวนาอยู่ที่เมืองร้าง(วัดเวียง) ก็เห็นว่าว่างอยู่จึงทำการบูรณะขึ้นและได้นำญาติบ้านเดียวกับท่าน คือบ้านปงยางคก อำเภอห้างฉัตร จังหวัดลำปาง มาตั้งบ้านเรือนอยู่ใกล้ๆวัดสามครอบครัว จากนั้นก็ได้ช่วยกันบูรณะดูเป็นวัดเป็นวาขึ้น

    และต่อมาศิษย์ของท่านชื่อ ครูบาอินทร์จันทร์ ก็ได้ติดตามมา และบังเอิญญาติของท่านที่ตามมาด้วยล้มป่วยลง ครูบาอินทร์จันทร์ต้องคอยรักษาโดยใช้สมุนไพร จึงได้ออกไปหายาสมุนไพรจากรากไม้ในบริเวณม่อนเขาทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ คือ ม่อนงัวนอน

    และได้ไปขุดพบหลามคำแผ่นหนึ่งจารึกเป็นอักษร ขอมนำมาให้ครูบาอาทิตย์อ่านดูจึงรู้ว่ามีพระธาตุอยู่ 3 แห่ง ซึ่งพระพุทธเจ้าได้กะปันนะไว้ จึงได้ชักชวนกันค้นหาและพบพระธาตุเจดีย์ 3 แห่งดังกล่าว จึงได้ช่วยกันบูรณะซ่อมแซมจนเป็นปูชนียสถานที่สำคัญสืบมา ทำให้มีความเจริญรุ่งเรืองอีกครั้งหนึ่ง เมืองนี้มีชื่อว่า “เมืองสังฆะเติ๋น”

    คำว่า ”เติ๋น” แปลว่า เตือน หรือบอกให้คล้ายกับว่า พระสงฆ์เตือน คือพระสงฆ์ปกครองบ้านเมืองนั้นเอง ใครคิดจะทำอะไรต้องปรึกษาพระสงฆ์ก่อน ถ้าพระสงฆ์อนุญาตจึงจะทำได้ ถ้าพระสงฆ์ไม่อนุญาตก็กระทำไม่ได้ จึงเรียกเมืองนี้ว่า “เมืองสังฆะเติ๋น” ต่อมาเหลือเพียงคำว่า “เถิน”เพียงคำเดียว และบริเวณวัดเวียงคือใจกลางของเมืองเถิน เพราะคำว่า “เวียง” มีความหมายว่า “เมือง” รอบๆ วัดเวียงจะมีกำแพงดินล้อมรอบ ทั้งกำแพงของวัดที่เห็นอยู่ในปัจจุบันและกำแพงที่วัดสร้างด้วยดินสองชั้น และยังมีคูเมืองหรือที่เรียกว่า “คือเมือง” ล้อมรอบอีกชั้นหนึ่ง
     
  12. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    ต่อมาปี พ.ศ. 1157 เจ้าดาวแก้วไข่ฟ้า ซึ่งเป็นเจ้าเมืองเถินสมัยนั้นได้สร้างวิหารอุโบสถขึ้น โดยมีนางจำปาเทวี หรือนางจามเทวี พระสหายของเจ้าเมืองได้ช่วยกันก่อสร้าง พระยาเจ้าเมืองมีมเหสีชื่อ “พระนางนารา” และมีนางป้อม,นางเป็งเป็นบริวาร ตามตำนานเล่าว่า พระนางจามเทวี ได้ปลูกต้นขนุนขึ้นเพื่อเป็นหลักเมืองเรียกว่า “ขนุนนางจามเทวี” ต้นขนุนจามเทวีมี 3 ต้น คือ ที่วัดพระธาตุดอยสุเทพ จังหวัดเชียงใหม่ 1 ต้น วัดพระธาตุลำปางหลวง 1 ต้น และวัดเวียง 1 ต้น ส่วนนางเป็งนั้นได้สร้างบ้านเรือนอยู่ทางทิศตะวันตกของวัด เวียง หรือเรียกว่าหนองสาง และนางป้อมก็สร้างบ้านเรือนอยู่ที่หนองผ้าอ้อม ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันตกของวัดเช่นเดียวกัน ทั้งหมดได้ช่วยกันสร้างวัดเวียงและปลูกต้นไม้ไว้มากมายในยุคนั้น มีต้นโพธิ์ ต้นจำปาแดง ฯลฯ

    พระยาดาวไข่ฟ้า ได้สร้างวิหารไว้แต่ไม่ใหญ่โตนักเหมือนปัจจุบัน ส่วนนางจามเทวีหลังจากได้บูรณะพระธาตุแล้ว ก็เดินทางกลับไปจังหวัดลำพูน
    ต่อมาแม่น้ำวังได้เซาะฝั่งเข้ามาใกล้ตัวเมือง(วัดเวียงในปัจจุบัน) อยู่ในเขตอันตราย เพราะแม่น้ำได้เซาะฝั่งเข้ามาถึงโรงเรียนบ้านเวียงปัจจุบันนี้ ผู้คนได้อพยพไปอยู่หนองสางและหนองผ้าอ้อมหรือเมืองของนางป้อม นางเป็ง พระนางทั้งสองจึงได้มาตั้งจิตอธิฐานต่อองค์พระธาตุเจ้าอันศักดิ์สิทธิ์ เพื่อขอให้แม่น้ำวังเปลี่ยนทิศไปทางทิศตะวันออก เมื่ออธิฐานเสร็จแล้วอีกไม่นานแม่น้ำวังก็เปลี่ยนทิศทางไปทางทิศตะวันออก ทำให้บริเวณกลางเมืองหรือวัดเวียงปลอดภัย ผู้คนจึงอพยพมาบูรณะบ้านเมืองเช่นเดิม
     
  13. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    หลังจากนั้นมาพม่าได้อพยพมาตีหัวเมืองฝ่ายเหนืออีก พระนางนารา และนางป้อม,นางเป็ง จึงหลบหนีสาบสูญไป และตามตำนานเล่าว่าพม่าได้บูรณะวัดเวียงอีกครั้งหนึ่ง และได้เกณฑ์พวกญวณมาเป็นช่างสร้างวิหารให้ใหญ่กว่าเดิม รวมทั้งอุโบสถและซุ้มประตูจนเสร็จสมบูรณ์

    ในที่สุด ครั้นที่กรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี ในสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราชได้ยกทัพมาตีพม่าจนถอยกลับไป และยึดประเทศไทย ตอนบนคืนมาจนหมด เมื่อพม่าแตกทัพแล้ว สมเด็จพระนเรศวรก็ยกทัพกลับกรุงศรีอยุธยา วัดเวียงจึงเป็นวัดร้างอีกครั้งหนึ่ง

    จนกระทั่งในสมัยรัชกาลที่ 5 แห่งราชวงศ์จักรี พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้โปรดให้บูรณะซ่อมแซมวัดวาอารามทั่วประเทศ ประชาชนก็เริ่มเข้ามาอาศัยอยู่และทำมาหากินในละแวกนี้ต่อไป ทิศตะวันตกของวัดเวียงคือบ้านเก่าของนางป้อม นางเป็ง ก็มีวัดอยู่วัดหนึ่งชื่อ “วัดแพะหนองสาง” มีปู่หลวงแสนเป็นเจ้าอาวาส หลวงปู่แสนคำก็ได้มาบูรณะซ่อมแซมและย้ายมาประจำอยู่ที่วัดวียงแห่งนี้ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
     
  14. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    หลังจากหลวงปู่แสนคำ และพระสงฆ์ได้ช่วยกันบูรณะวัดเวียงแล้ว ก็ได้พบกับสิ่งปฏิหารย์ในวัดคือ มีเสาวิหารต้นหนึ่งมีนางไม้ออกไปเล่นน้ำที่หนองท่วม ซึ่งห่างจากวัดประมาณ 2 กิโลเมตร ตอนเช้าจะมีจอกแหนติดอยู่ปลายเสา มีสาหร่ายหรือแม้แต่หอยยังติดมาด้วย หลวงปู่แสนคำจึงใช้เวทย์มนต์คาถาสะกดเสาต้นนี้และเอาโซ่เหล็กมาผูกไว้ที่โคน เสา จากนั้นก็มีผึ้งมาทำรังในโพรงเสาและมีหมีมาควักกินน้ำผึ้ง (เพราะบริเวณวัดเวียงในสมัยนั้นยังติดกับป่าอยู่ ไม่เจริญเหมือนเช่นปัจจุบันนี้) เมื่อหมีมาควักกินน้ำผึ้งก็ทำให้เสาแตก หลวงปู่แสนคำจึงสั่งให้ช่วยกันเอาเสานั้นออก แล้วก่ออิฐฉาบปูนขึ้นแทนเสาต้นเดิม จนเห็นเช่นทุกวันนี้

    นอกจากนั้นยังมีต้นขนุนนางจามเทวี ซึ่งจะมีผลทุกปี ปีใดฟ้าฝนตกดีก็จะมีผลดกมากแม้แต่รากก็ยังมีผล ทราบว่ารากมีผลก็เพราะข้างๆต้นขนุนจะมีบ่อน้ำอยู่ รากของขนุนโผล่เข้าไปในบ่อน้ำและมีผลให้เห็นชัดเจน ผู้คนทั้งหลายต่างนับถือต้นขนุนต้นนี้มากเพราะถือว่าเป็นขนุนศักดิ์สิทธิ์ บางรายก็ไปสังเกตเลขข้างตามความเชื่อ บางรายก็แอบไปดูโชคชะตา

    ภายในวิหารยังมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่กลับวัดเวียงอีกอันหนึ่งคือ “พระเพชร” เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยสมัยเชียงแสน ขนาดองค์พระไม่ใหญ่โตนัก แต่บารมีนั้นมีมากมาย “พระเพชร” เป็นพระพุทธรูปที่เก็บไว้ที่ปลอดภัยแล้ว เนื่องจากเมื่อ ประมาณ พ.ศ. 2524 ที่ผ่านมาได้มีคนตัดเศียรพระพุทธรูปองค์หนึ่งของวัดไป และได้จ้างช่างปั้นจากลำพูนมาปั้นไว้แทน โดยได้รับการอนุญาตจากกรมศาสนา และกรมศิลปกรแล้ว
     
  15. แหมบศรี

    แหมบศรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 เมษายน 2012
    โพสต์:
    422
    ค่าพลัง:
    +1,067
    ป่าวหนอ... อิอิ สัมผัสไม่ได้คะ แค่เลื่อนลาง

    นู๋ช่างสงสัยเลยถาม อิอิ
     
  16. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    น้องโอ๋...อุบอิบหรือเปล่าหนอ...กั๊กๆๆๆ ก๊งๆๆๆ เดี๋ยวเมาคนเดียวน้า..าา
     
  17. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    ใน พ.ศ. 2500 คณะศรัทธาวัดเวียงได้พร้อมใจกันบูรณะพระธาตุวัดเวียง โดยพร้อมใจกันอันเชิญลูกแก้วบนยอดพระธาตุลงมาเพื่อปฏิสังขรณ์ และทำให้ชาวอำเภอเถินได้เห็นความศักดิ์สิทธิ์ของพระธาตุเจ้า โดยเรื่องมีอยู่ว่า พ่อแก้ว นอศรี หัวหน้าช่าง ผู้ขึ้นไปอัญเชิญลูกแก้วลงมาได้เกิดอาการผิดปกติในร่างกาย คือเมื่อลงมาถึงพื้นก็มีเลือดออกมาจากปาก จมูก และรูหู คณะกรรมการและญาติพี่น้องจึงได้ไปตามหมอมาดูอาการ หมอเวิทร์ สุวรรณ ซึ่งเป็นหมอที่มีชื่อเสียงขณะนั้นมาดูอาการแล้วบอกว่า “ช่วยไม่ได้” ก็คือ พ่อแก้วต้องตายนั้นเอง

    จากนั้นพ่อแก้วก็พูดออกมาเป็นภาษาพม่าไม่มีใครฟังออก จึงไปเชิญ ”หม่องแป่น” เป็นชาวพม่าอาศัยอยู่ใกล้วัดเวียงมาช่วยแปล จึงได้ใจความว่าเป็นวิญญาณของชาวพม่าที่คอยปกป้องรักษาพระธาตุนี้ ไม่ต้องการให้ใครมาแตะต้องลูกแก้วศักดิ์สิทธิ์นี้

    เมื่อหม่องแป่นได้เจรจาแล้วก็ให้ขอขมา เมื่อทำพิธีขอขมาแล้ว อาการพ่อแก้วก็ดีขึ้นและสามารถมีชีวิตได้อีก 36 ปี และเสียชีวิตในปี พ.ศ.2536 นี้เอง ท่านสามารถเล่าเหตุการณ์ต่างๆ แก่ผู้อื่นได้อย่างชัดเจนโดยตลอด ท่านบอกว่าตอนที่เป็นหัวหน้าช่างท่านมีอายุ 58 ปี และเมื่อ พ.ศ. 2536 ที่ท่านเสียชีวิตท่านมีอายุได้ 94 ปี ในระหว่างที่มีอายุมาอีก 36 ปีนั้น ท่านไม่เคยเจ็บป่วย จนกระทั่งเสียชีวิตด้วยโรคชรา
     
  18. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    เกี่ยวกับความศักดิ์สิทธิ์ของลูกแก้วบนยอดพระธาตุวัดเวียงนี้ ยังมีผู้พบเห็นพระแก้วลอยออกจากพระธาตุหลายครั้ง เชื่อกันว่า วัดเวียง วัดอุมลอง และ วัดดอยป่าตาลนั้น ลอยไปเที่ยวหากันในวันโกน วันพระ เกี่ยวกับเรื่องนี้มีคนพบเห็นด้วยตาตัวเองมาแล้ว โดยจะเห็นลูกแก้วอยู่บนท้องฟ้ามีแสงสว่างสีเขียวนวล และเมื่อมีคนชี้จะทักว่า “ ลูกแก้วยอดพระธาตุวัดเวียงไปเที่ยวหาลูกแก้วบนยอดพระธาตุวัดดอยป่าตาล” ลูกแก้วก็ดับวูบหายไปไม่เห็นอีกจนกว่าจะปรากฏให้เห็นอีกครั้งต่อไปเท่านั้น มีหลายคนพบเห็นเช่นนี้อยู่เสมอ

    คณะศรัทธาวัดเวียงได้บูรณปฏิสังขรณ์หลังคาวิหารในปีพ.ศ.2518 –พ.ศ. 2519 ได้ทำการรื้อพระอุโบสถหลังเก่า แล้วสร้างใหม่ในที่เดิม รวมทั้งได้สร้างศาลาการเปรียญขึ้นอีกหลังหนึ่งในทางทิศใต้ เมื่อ พ.ศ. 2534 ทางวัดได้ขออนุญาตไปยังกรมศาสนาเพื่อซ่อมแซมภาพจิตรกรรมฝาผนังวิหาร ซึ่งเป็นลายรดน้ำและขออนุรักษ์ลวดลายคงเดิมไว้ก็ได้รับอนุญาตให้บูรณะได้ จึงได้ลงมือบูรณะซ่อมแซม โดยช่างเขียนลวดลายจากเชียงใหม่ ต่อมากรมศิลปกรมาพบเข้าก็จึงบอกว่าไม่สมควรทำการบูรณะ เพราะเห็นว่าควรอนุรักษ์ของเก่าไว้
     
  19. แหมบศรี

    แหมบศรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 เมษายน 2012
    โพสต์:
    422
    ค่าพลัง:
    +1,067
    รุ่นนี้ไม่มีกั๊กๆ ก๊งๆ คะ นู๋มาววว ตั้งแต่ยังมะยก แล้วคร้าาาาา

    นู๋มะรุ้ นู๋มาวววววววววว เอิ๊กกกกกกกก

    นู๋รับมาแค่ พี่ มณีรัตนา แต่งกายด้วยชุดออกสีส้มๆ เหลืองๆ โทนนี้แหละคร้า

    สงสัยนู๋จะมาววววววว แอ๊น นู๋มั่วววววววววว ฟันทิ้ง อิอิ
     
  20. แหมบศรี

    แหมบศรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 เมษายน 2012
    โพสต์:
    422
    ค่าพลัง:
    +1,067
    สุดยอดเลยคะ มีต่ออีกไหมคะ....
     

แชร์หน้านี้

Loading...