การเกิดของสังสารวัฏหรือวัฏสงสาร

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย tamsak, 23 กันยายน 2012.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. tamsak

    tamsak ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2004
    โพสต์:
    7,857
    กระทู้เรื่องเด่น:
    22
    ค่าพลัง:
    +161,172
    พระอาจารย์ กล่าวว่า "พ่อแม่ก็แก่เฒ่า จำจากเจ้าไม่อยู่นาน จะพบจะพ้องพาน เพียงเสี้ยววารของคืนวัน ฉะนั้น..ถ้าใครที่พ่อแม่ยังอยู่ พยายามทดแทนท่านด้วยนะจ๊ะ ต่อให้ไม่มีอะไรพาท่านไปเที่ยวก็ยังดี หาอะไรที่ท่านชอบให้กินบ้าง พาไปวัดวาอารามที่สวยงามบ้าง เพื่อที่จะได้ติดตาติดใจท่าน เวลาปุบปัปท่านเป็นอะไร ใจท่านเกาะความดีอยู่จะได้ไปดี

    เราเห็นคนแก่แล้วรู้สึกสลดใจอย่างเดียวไม่พอ ต้องมองให้เห็นด้วยว่าเราก็จะเป็นเช่นนั้น ในเมื่อเราก็จะเป็นเช่นนั้น เวลาจะทำอะไรก็ลำบากกว่าปกติหลายเท่า ก็แปลว่าความทุกข์ที่มีอยู่นั้นเท่าเดิม แต่เมื่อทำอะไรยากขึ้นก็เท่ากับว่าทุกข์มากขึ้น

    พระพุทธเจ้า ตรัสว่า ในสังสารวัฏที่หาต้นหาปลายไม่ได้นั้น คนเราเกิดมานับชาติประมาณไม่ได้ ท่านให้ตัดเอาต้นไม้ใบหญ้าทั้งชมพูทวีปมา เสร็จแล้วมามัดเป็นฟ่อนเล็กๆ สมมติว่านี่คือพ่อ นี่คือพ่อของพ่อ นี่คือพ่อของพ่อของพ่อ ไล่ไปเรื่อย ท่านบอกไม่มีที่สุด จนกระทั่งไม้หมดทั้งชมพูทวีปแล้ว ก็ยังไม่สามารถจะเปรียบเทียบได้ว่าเราเกิดสืบเนื่องกันมานานเท่าไร มีพ่อแม่ของพ่อแม่ของพ่อแม่ซ้อนกันมาเท่าไร

    บางคนก็เกิดมาเป็นลูก บางคนก็เกิดมาเป็นพ่อแม่ บางคนก็เกิดมาเป็นพี่น้อง เป็นญาติเป็นโยม สับเปลี่ยนหมุนเวียนไปเรื่อย หาความแน่นอนไม่ได้ มีแน่นอนอยู่อย่างเดียว คือเกิดมาแล้วทุกข์แน่ๆ เพราะพระองค์ท่านเห็นว่าทุกข์ จึงได้ขวนขวายหาทางหลีกหนี แล้วในที่สุดก็ค้นพบหลักธรรมที่ช่วยให้พ้นทุกข์ได้"

    "พระองค์เอาชีวิตเข้าแลก จนกระทั่งได้หลักธรรมนี้มาสั่งสอนพวกเรา ทรงทรมานพระวรกายด้วยวิธีการต่างๆ ถ้าเป็นคนอื่นก็ตายไปหลายรอบแล้ว พระองค์ท่านต่อสู้ฟันฝ่าด้วยกำลังพระทัยที่แน่วแน่ ว่าจะค้นหา โมกขธรรม คือธรรมอันเป็นเครื่องพ้นจากกองทุกข์ เมื่อพบแล้วก็ไม่ใช่จะเอาแต่พระองค์ท่านรอดเท่านั้น ยังตั้งพระทัยว่าจะขนถ่ายสัตว์โลกข้ามวัฏสงสารด้วย

    วัฏสงสาร หรือ สังสารวัฏ คำว่า วัฏฏะ แปลว่า การหมุนวน การหมุนวน ก็คือ ความหมายของคำว่าไม่มีที่สิ้นสุด มองต้นมองปลายไม่เห็น ขีดวงกลมขึ้นมาแล้วจะไปหาต้นหาปลายที่ไหนเล่า ? เพราะหมุนไปเรื่อย พวกเราเองก็เวียนตายเวียนเกิดไปเรื่อย ๓๑ ภพภูมิเกิดมาจนครบแล้วกระมัง ? อาตมาขาดไป ๑ ภพภูมิ คือยังไม่เคยลงโลกันตนรก นอกนั้นไปเยี่ยมมาหมดแล้ว บางที่ติดใจก็ไปหลายรอบ ลงหลายหนหน่อย

    สังสารวัฏแบ่งเป็นภพภูมิเบื้องต่ำ เรียกว่า ปุริมสงสาร ภพภูมิเบื้องกลางเรียกว่า มัชฌิมสงสาร ภพภูมิเบื้องสูงเรียกว่า เหฏฐิมสงสาร ภพภูมิเบื้องต่ำท่านบอกว่ามีสัตว์นรก เปรต อสุรกาย และสัตว์เดรัจฉาน ๔ ภพภูมิ ภพภูมิเบื้องกลางมีมนุษย์ ๑ เทวดา ๖ ก็แปลว่าเป็น ๑๑ แล้ว ภพภูมิเบื้องสูงมี รูปพรหม ๑๖ อรูปพรหม ๔ รวมเป็น ๓๑ พอดี

    ๓๑ ภพภูมินี้มนุษย์และสัตว์เวียนว่ายตายเกิด สับเปลี่ยนหมุนเวียนกันจนกระทั่งหาที่สิ้นสุดไม่ได้ ใน ๓๑ ภพภูมินี้ ถ้าเกิดใน ๒๑ ภพภูมิแรกก็เกิดตายไม่รู้จบ ถ้าเป็นสุทธาวาสภูมิ ๕ ชั้น ที่เป็นอนาคามีพรหมหรืออรหัตมรรค ท่านรอการหลุดพ้นอย่างเดียว แต่ว่านานมาก

    ถ้าหากว่านับชาติที่เกิดเป็นคนหรือเกิดเป็นสัตว์ก็นับไม่ได้ เอากระดูกมากองรวมกันก็คงท่วมจักรวาลแล้ว พระพุทธเจ้า ท่านตรัสว่า แค่น้ำตาที่ร้องไห้ด้วยความเสียใจแต่ละชาติ รวมแล้วมากกว่ามหาสมุทรทั้ง ๔ อีก มิน่า..น้ำในมหาสมุทรถึงได้เค็มนัก"

    "สังสารวัฏเกิดขึ้น ท่านบอกว่าเกิดจาก กิเลสวัฏ คือ การหมุนเวียนของกิเลส เมื่อกิเลสราคะ โลภะ โทสะ โมหะชักนำ ก็จะเกิด กรรมวัฏ คือการหมุนวนของกรรม คือการกระทำขึ้นมา รักชอบเกลียดชังก็ทำไปตามอารมณ์ของตน แล้วก็จะเกิด วิปากวัฏ คือการหมุนเวียนของผลกรรมขึ้นมา ส่งผลให้เราไปเกิดในภพภูมิต่างๆ ไม่มีที่สิ้นสุด

    เพราะฉะนั้น..กิเลส กรรม วิบาก พากันหมุนไล่กันเป็นกงล้อ ต้องบอกว่าเป็นกงล้อมหาประลัย พาเราเวียนตายเวียนเกิดไม่รู้จบ พระพุทธเจ้า ท่านสามารถหักกงล้อแห่งสังสารวัฏพังทลาย พาพระองค์ท่านหลุดพ้นไปสู่พระนิพพานได้ คนอื่นไม่สามารถที่จะพาตนเองหลุดพ้นไปได้

    โดยเฉพาะในเรื่องของสิ่งที่ดี..เรามักไปยินดี แล้วก็หยิบฉวยกอบโกยเข้ามา กลายเป็นเครื่องถ่วงตัวเอง ส่วนในเรื่องที่ไม่ดี...เราพยายามผลักไสดิ้นรนหลีกหนีอยู่แล้ว เพราะฉะนั้น..เรื่องที่ดีจึงอันตรายกว่ามาก เรื่องของลาภ ยศ สรรเสริญ สุข จึงเป็นตัวถ่วงเราให้ติดอยู่ในโลกนี้ได้ง่ายที่สุด

    ส่วนเสื่อมลาภ เสื่อมยศ นินทา ทุกข์ เราพยายามที่จะผลักไสอยู่แล้ว แต่ว่าสภาพจิตที่ไปผลักไสดิ้นรนด้วยความไม่ยินดี ไม่พอใจนี่แหละ ยังความเศร้าหมองให้เกิด เราจึงเสร็จทั้งขึ้นทั้งล่อง ทำอย่างไรถึงจะผ่ากลางไปได้ ก็ต้องพยายามหาช่องทาง ใช้หลักธรรมของพระพุทธเจ้านำตนให้หลุดพ้นไป



    สนทนากับพระครูวิลาศกาญจนธรรม (พระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ)
    เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนสิงหาคม ๒๕๕๕




    ที่มา : เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนสิงหาคม ๒๕๕๕ - หน้า 6 - กระดานสนทนาวัดท่าขนุน





    .
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...