ประกาศจาก NASA แกนโลกจะพลิกกลับขั้ว 22 ธ.ค.2012 นี้

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย siamblogza, 22 กันยายน 2012.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. siamblogza

    siamblogza เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    398
    ค่าพลัง:
    +2,590
    [​IMG]

    22 ธ.ค. 2012 (พ.ศ. 2555) จะเกิดปรากฏการณ์แกนโลกพลิก และการพลิกกลับขั้วของดวงอาทิตย์ มันคือวันความล่มสลายแห่งมนุษยชาติ

    ประกาศจากNASA แกนโลกจะพลิกกลับขั้ว" Pole Shift "

    แบบจำลองคอมพิวเตอร์ ทำนายการพลิกกลับขั้วของแม่เหล็กโลก อาจนำมาสู่การสิ้นสุดอารยธรรมมนุษย์ในปี 2012
    จากการทำงานของนักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์จำนวนหนึ่ง ที่ได้ศึกษาปรากฎการณ์แกนโลกพลิกตัว บอกว่าโลกและดวงอาทิตย์ ทั้งสองมีความเกี่ยวข้องกันและสัมพันธ์กัน โดยจะแลกเปลี่ยนพลังงานและใช้จนหมดกระบวนการหนึ่ง จนเกิดกระบวนการของการพลิกกลับขั้วเกิดขึ้น ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเกิดขึ้นเมื่อหลายล้านปีก่อน เมื่อสัตว์จำพวกไดโนเสาร์ที่สาบสูญไปในช่วงเวลานั้น

    ในการค้นคว้าวิจัยส่วนตัวและของบริษัท ได้วิเคราะห์หรือทำนายด้วยระบบคอมพิวเตอร์ Hyderabad ซึ่งมีแนวโน้มเกี่ยวกับการยกระดับพลังงานขึ้นสูงสุด จะเกิดขึ้นในปี 2012 นี้

    การพลิกกลับขั้วของแกนแม่เหล็กโลก คือกระบวนการเมื่อขั้วทิศเหนือและขั้วทิศใต้กลับตำแหน่งกัน เมื่อสิ่งนี้เกิดขึ้น, ที่จุดหนึ่งของเวลา สนามแม่เหล็กโลกจะลดลงเกือบจะถึงศูนย์เกาซ์ โลกที่จุดนั้นของเวลามีคุณสมบัติของแม่เหล็กเป็นศูนย์ สิ่งนี้บังเอิญมาเกิดขึ้นพร้อมกัน กับการหมุนรอบพลิกกลับขั้วของดวงอาทิตย์ในทุกๆสิบเอ็ดปีพอดี

    ในประวัตศาสตร์ของมนุษย์ยุคใหม่ ปรากฎการณ์แกนโลกพลิกตัวที่เคยเกิดขึ้นนั้นไม่เคยถูกบันทึกมาก่อน แต่ในปัจจุบัน, แบบตัวอย่างคอมพิวเตอร์สามารถทำนายผลลัพธ์ที่เป็นจริงได้ ซึ่ง NASA เคยนำคำพูดที่น่ากลัว มากล่าวถึงในที่สาธารณะเกี่ยวกับการพลิกกลับขั้วจะทำคุณสมบัติของแม่เหล็กของโลกอ่อนแอและเบี่ยงเบนไป แต่ไม่ใช่ศูนย์

    ตามแบบตัวอย่างคอมพิวเตอร์ Hyderabad การพลิกกลับเกี่ยวกับขั้วของโลกและดวงอาทิตย์สามารถเป็นสาเหตุให้เกิดปัญหาที่จริงจังดังต่อไปนี้

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
    ถ้าคุณรวมเค้าเรื่องการทำลายล้างกับเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ ความเป็นไปได้เหล่านี้เป็นไปได้ทั้งหมด, คุณสามารถดูได้โดยง่าย, โลกอาจจะกลายเป็นที่ที่ไม่เหมาะสมสำหรับอารยธรรมของมนุษย์เมื่อถึงปี 2012 และผู้ที่จะรอดได้นั้นอาจต้องมีชีวิตอยู่ใด้ดินหรือใต้เปลือกโลกเท่านั้น..

    .
    กลุ่มนักค้นคว้าเรื่อง UFO จำนวนมาก (ในต่างประเทศ) ที่ได้ทำการติดต่อกับพวกเขาอย่างลับๆ รายงานว่ามนุษย์ต่างดาวได้ตระหนักถึงเหตุการณ์เกี่ยวกับโลกในช่วงระยะอันใกล้นี้ ได้เข้ามาบันทึกและศึกษาเหตุการณ์การสูญพันธุ์ของรูปแบบอารยธรรมเกี่ยวกับมนุษย์ อันเนี่องมาจากการขาดของความรู้ของเราเอง ขณะนี้เขากำลังจัดเตรียมเครื่องมือสำหรับการตรวจวัดและคัดเลือกมนุษย์ที่เขาจะช่วยชิวิตเอาไว้ได้จำนวนหนึ่งแล้ว...

    พวกเขาได้รับสัญญาณและรับรู้เรื่องราวเกี่ยวกับโลก ว่ามีบางสิ่งที่รุนแรงจะเกิดขึ้น ซึ่งเขากำลังเตรียมช่วยเหลือเราอย่างเงียบๆ รวมถึงการเคลื่อนย้ายเราไปสู่ปลายทางที่ปลอดภัยที่เราไม่อาจรู้ (ซึ่งฃ่าวนี้ตรงกับข้อมูลทางกลุ่มเขากะลาของไทยที่บอกไว้คล้ายกัน เกี่ยวกับการเตรียมการช่วยเหลือตามจุดต่างๆ 8จุด ทั้งในไทยและต่างประเทศ)

    หลายๆเหตุการณ์ เช่น Tsunami, มันเป็นไปได้ที่เราจะงงงวยและจ้องมองมัน กับสิ่งที่เกิดขึ้นโดยไม่มีใครคาดคิดมาก่อน ถ้าเรื่องราวนี้ถูกต้อง, มันอาจจะเป็นหนทางหนึ่งที่เราจะอยู่รอดจะเพื่ออารยธรรมของเรา บางทีเราอาจต้องเคลื่อนย้ายสู่ดาวเคราะห์อื่นๆ เช่นที่มันอาจจะเคยเกิดขึ้นบนดาวอังคารเมื่อหลายล้านปีมาแล้ว...

    Magnetic Pole Reversal ขั้วแม่เหล็กโลกพลิกด้าน ค.ศ.2012 อีก5ปี


    Magnetic Pole Reversal ขั้วแม่เหล็กโลกพลิกด้าน

    เมื่อเร็วๆ มานี้ องค์การ NASA
    ได้เคยทำให้สาธารณะชนเกิดความหวาดหวั่นด้วยการออกมาเปิดเผยว่าการพลิกกลับของขั้วแม่เหล็กโลกจะทำให้ความเข้มข้นของสนามแม่เหล็กโลกอ่อนลง และไร้ความมั่นคงแต่ไม่ถึงกับลดลงถึงระดับศูนย์

    แต่จากการศึกษาร่วมกันของนักวิทยาศาสตร์ด้านคอมพิวเตอร์จำนวนหนึ่งกับกลุ่มนักธรณีฟิสิกส์และนักดาราศาสตร์ฟิสิกส์พบว่า ทั้งโลกและดวงอาทิตย์จะสิ้นสุดระยะเวลาที่ใช้ในกระบวนการพลิกกลับของขั้วแม่เหล็ก (Magnetic Pole Reversal) ในปี ค.ศ. 2012 โดยครั้งล่าสุดกระบวนการนี้ได้เกิดขึ้นเมื่อหลายล้านปีที่ผ่านมาจนทำให้สัตว์จำพวกไดโนเสาร์สูญพันธุ์จนหมดสิ้น จากการค้นคว้าวิจัยและการวิเคราะห์ร่วมกันใน Hyderabad ได้คาดการณ์ว่าการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงครั้งใหม่นี้จะเกิดขึ้นในปี ค.ศ. 2012

    คำถาม......? โลกจะเป็นอย่างไรเมื่อขั้วแม่เหล็กโลกกำลังพลิกด้าน

    การพลิกกลับของขั้วแม่เหล็กโลก คือ กระบวนการที่ขั้วแม่เหล็กเหนือและขั้วแม่เหล็กใต้สลับตำแหน่งกัน เมื่อการพลิกกลับของขั้วแม่เหล็กนี้เกิดขึ้น ณ ขณะเวลาใดเวลาหนึ่ง (ซึ่งไม่สามารถทำนายได้ว่าจะกินเวลานานเท่าใด อาจกินเวลาแค่ 1 ช.ม. หรืออาจเป็นเดือนก็ได้) มันหมายถึงว่าค่าการเหนี่ยวนำของสนามแม่เหล็กโลกจะลดลงจนมีค่าเป็นศูนย์หน่วยเกาซ์ และโลก ณ ขณะเวลานั้นจะสูญเสียอำนาจแห่งสนามแม่เหล็กโลกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

    คำถาม.......? จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อไม่มีสนามแม่เหล็กโลก

    โดยปกติสนามแม่เหล็กโลก จะเป็นเสมือนโล่กำบังที่ช่วยปกป้องโลกไว้อีกชั้นหนึ่งโดยเฉพาะ การช่วยกำบังโลกจากพายุสุริยะที่เกิดจากดวงอาทิตย์ แต่เมื่อไม่มีสนามแม่เหล็กโลกในเวลาที่ว่านั้น สิ่งมีชีวิตบนโลกจะต้องเจอกับหายนะ นั่นก็คือ พายุสุริยะ (บางคนเรียกลมสุริยะ มันเหมือนกันนะเดี๋ยวจะสับสน) พายุสุริยะ คือ พลังงานที่เกิดจากปฏิกิริยานิวเคลียร์ที่เกิดจากธาตุไฮโดรเจนบนพื้นผิวดวงอาทิตย์ ซึ่งจะถูกปล่อยออกมาสู่อวกาศด้วยแรงระเบิดมหาศาล ซึ่งพายุสุริยะนั้นประกอบด้วย รังสีคอสมิก (และอีกมากมาย) และคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าอันมหาศาล

    คำถาม........? เราจะเป็นอย่างไรเมื่อต้องเผชิญกับพายุสุริยะ

    "ฮารัลด์ เลสช์" (Harald Lesch) ศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัย "มิวนิค" ได้สร้างแบบจำลองสนามแม่เหล็กโลกขึ้นมาศึกษาในเรื่องนี้เป็นการเฉพาะ เพื่อหาคำตอบว่าโลกเราจะเป็นอย่างไรหากไม่มีสนามแม่เหล็ก แบบจำลองที่ "ฮารัลด์ เลสช์" สร้างขึ้นพบว่า ถ้าโลกเราถูกพายุสุริยะกระหน่ำ ผลที่ได้สร้างความประหลาดใจอย่างยิ่ง จากภาพจำลองที่คอมพิวเตอร์สร้างขึ้นแสดงให้เห็นว่า เมื่อ มวลอนุภาคคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากพายุสุริยะมาถึงโลก จะทำปฏิกิริยากับชั้นบรรยากาศ เกิดเป็นสนามแม่เหล็กชุดใหม่มาแทนที่และทรงพลัง พอที่จะทานแรงปะทะของรังสีคอสมิก ทำให้รังสีคอสมิกที่เป็นอันตรายจากดวงอาทิตย์เบนออกสู่อวกาศ

    แต่ทะว่าโลกเรานั้นสามารถรอดพ้นจากอันตรายจากรังสีคอสมิกไปได้ แต่สิ่งที่จะเกิดขึ้นจากกระบวนการนี้ไม่ได้เป็นผลดีต่อสิ่งมีชีวิตบนโลกเลย ตามหลักแล้วกระแสไฟฟ้าจะไหลไปสู่ที่ๆมีความต่างศักย์ที่น้อยกว่า และสนามแม่เหล็กชุดใหม่ที่จะเกิดขึ้นจากคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้านั้นไม่ได้เสถียรเหมือนแม่เหล็กโลกเดิม ฉะนั้นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่ทำปฏิกิริยากับบรรยากาศโลกย่อมไม่ได้หยุดอยู่เพียงแค่นั้น สิ่งที่คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจะกระทำต่อไปนั้นก็คือ การปลดปล่อยพลังงานไฟฟ้าอันมหาศาลสู่ที่ๆมีความต่างศักย์ที่น้อยกว่า นั่นก็คือพื้นผิวโลก

    เหตุการณ์ที่ว่านี้คือ พายุฟ้าผ่านั้นเอง พายุฟ้าผ่านี้ อาจกินเนื้อที่ทั้งทวีปหรือทั่วโลก สายฟ้าที่กระหน่ำลงมาจากก้อนเมฆอิเล็กตรอนนั้น จะกระหน่ำผ่าลงมาทุกๆที่โดยไม่หยุดจนกว่าพลังงานคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากพายุสุริยะจะหมดลง และจะเกิดขึ้นอีกถ้าพายุสุริยะลูกต่อไปมาถึง หรือจนกว่าการกลับขั้วของแม่เหล็กโลกจะเสร็จสมบูรณ์จนทำให้กระบวนการสร้างสนามแม่เหล็กโลกจะทำงานได้อีก สิ่งมีชีวิตบนโลกมากมายจะต้องตาย และเทคโนโลยีต่างๆที่มนุษย์สร้างขึ้นจะถูกทำลายลงในครั้งนี้ แต่ถ้ารังสีคอสมิกสามารถหลุดรอดมากจากสนามแม่เหล็กไฟฟ้าได้ สิ่งมีชีวิตที่รอดจากการถูกฟ้าผ่า ก็อาจจะต้องตายจากโรคมะเล็งและความร้อน

    คำถาม........? เมื่อสนามแม่เหล็กโลกเกิดการพลิกตัวอย่างสมบูรณ์จะเกิดอะไรขึ้นกับโลก

    สิ่งที่จะกล่าวต่อไปนี้อาจะเหลือเชื่อแต่ตามหลักการแล้วย่อมเป็นไปได้ การพลิกด้านของขั้วแม่เหล็กโลกนี้ไม่ได้ทำให้เกิดความหายนะจากพายุสุริยะแค่เพียงอย่างเดียว แต่อาจเกิดหายนะจากการหมุนกลับทางของโลกที่จะเกิดตามมาอีก ยกตัวอย่าง เช่น การหมุนของมอเตอร์ มอเตอร์แบบธรรมดามี 2 ขั้ว โดยให้สัญลักษณ์ A และ B ก่อนที่ขั้วแม่เหล็กโลกจะพลิกตัว ให้เปรียบโดยการใช้ ไฟฟ้าขั้ว + ต่อเข้ากับ A และไฟฟ้าขั้ว - ต่อเข้ากับ B มอเตอร์จะหมุนไปทางใดทางหนึ่ง แต่เมื่อเราต่อขั้วไฟฟ้ากลับด้านกัน ย่อมทำให้มอเตอร์เกิดการหมุนทิศทางตรงกันข้ามกับครั้งแรก และนี่ก็เปรียบกับการพลิกด้านของขั้วแม่เหล็กโลกนั่นเอง

    คำถาม........? แล้วสิ่งมีชีวิตจะเป็นอย่างไรต่อไป

    เมื่อโลกหมุนกลับทาง สิ่งมีชีวิตที่เหลืออาจจะต้องเจอกับภัยธรรมชาติมากมาย โลกหมุนกลับทางย่อมทำให้ทุกสิ่งเปลี่ยน ทั้งกระแสน้ำทะเล กระแสลม รวมถึงแผ่นดิน จากนี้จะเกิดอะไรขึ้นย่อมไม่มีใครรู้ได้ มนุษย์และสิ่งมีชีวิตที่มีชีวิตรอด จะปรับตัวอย่างไรเมื่อดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตก มนุษย์ที่เหลือจะทำอย่างไรเมื่อวันนั้นมาถึง


    หายนะที่ได้กล่าวมานี้ อาจจะไม่ร้ายแรงถึงขนาดที่กล่าวมา (หรืออาจร้ายแรงกว่า) ขึ้นอยู่กับว่า การที่ขั้วแม่เหล็กโลกพลิกตัวนั้นจะใช้เวลานานขนาดใหน ขอให้ทุกคนโชคดี

    บทความ : BeverNetwork

    อันนี้เป็นบทความหนึ่ง ที่พวกนักวิทยาศาสตร์ทั้งหลายเพิ่งจะเชื่อว่า สักวันดวงอาทิตย์ต้องขึ้นทางทิศตะวันตก ในขณะที่เรา..มุสลิมรู้อยู่แล้วว่าเหตุการณ์นี้จะต้องเกิดตามที่อัลลอฮ์บอกไว้
    ไม่ว่าเหตุการณ์นี้จะเกิดเร็วหรือช้า สิ่งที่สำคัญที่สุดเราเตรียมเสบียงแห่งความดีไว้พร้อมหรือยัง
    ขอให้เราทุกคนไปรับทางนำเถิดขอให้ได้รับชัยชนะ ได้เป็นชาวสวรรค์กันถ้วนหน้า
    ไม่ทราบแหล่งที่มาแต่มา จากFWเมล์ แต่ขออภัยมาลงในกระทู้ตักเตือน เพื่อทุกคนจะได้หยุดเป็นลูกตุ้มถ่วงสังคมสักที่

    แบบจำลองทางคอมพิวเตอร์คาดการณ์ว่าการพลิกกลับของขั้วแม่เหล็กในโลกและดวงอาทิตย์ จะนำมาซึ่งการสิ้นสุดของอารยธรรมมนุษยชาติในปี คศ. 2012

    1 มีนาคม 2548

    จากการศึกษาร่วมกันของนักวิทยาศาสตร์ด้านคอมพิวเตอร์จำนวนหนึ่งกับกลุ่ม นักธรณีฟิสิกส์ และนักดาราศาสตร์ฟิสิกส์พบว่าทั้งโลกและดวงอาทิตย์จะสิ้นสุดระยะเวลาที่ใช้ในกระบวนการพลิกกลับของขั้วแม่เหล็ก (Magnetic Pole Reversal) ในปี คศ. 2012 โดยครั้งล่าสุดกระบวนการนี้ได้เกิดขึ้นเมื่อหลายล้านปีที่ผ่านมาจนทำให้สัตว์จำพวกไดโนเสาร์สูญพันธุ์ จนหมดสิ้น จากการค้นคว้าวิจัยและการวิเคราะห์ร่วมกันใน Hyderabad ได้คาดการณ์ว่าการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงครั้งใหม่นี้จะเกิดขึ้นในปี คศ. 2012

    การพลิกกลับของขั้วแม่เหล็ก คือ กระบวนการที่ขั้วแม่เหล็กเหนือ และขั้วแม่เหล็กใต้สลับตำแหน่งกัน เมื่อการพลิกกลับของขั้วแม่เหล็กนี้เกิดขึ้น ณ ขณะเวลาใดเวลาหนึ่ง มันหมายถึงว่าค่าการเหนี่ยวนำของสนามแม่เหล็กโลกจะลดลงจนมีค่าเป็นศูนย์หน่วยเกาซ และโลก ณ ขณะเวลานั้นจะสูญเสียอำนาจแห่งแรงดึงดูดอย่างสิ้นเชิง ซึ่งถ้าหากปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นควบคู่ไปพร้อมกับการสลับขั้วของดวงอาทิตย์ที่จะมีขึ้นในทุกๆ 11 ปี ในปี คศ. 2012 แล้ว ปัญหาอันใหญ่ยิ่งจะเกิดขึ้นตามมาอย่างแน่นอน

    ในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติสมัยใหม่ เรื่องราวที่เกิดขึ้นเช่นนี้ยังไม่เคยได้มีการการบันทึกไว้ จะมีก็แต่เพียงแบบจำลองทางคอมพิวเตอร์เท่านั้นที่จะสามารถทำนายผลลัพธ์ที่เคยเกิดขึ้นนั้นได้ เมื่อเร็วๆ มานี้ องค์การ NASA ได้เคยทำให้สาธารณะชนเกิดความหวาดหวั่นด้วยการออกมาเปิดเผยว่าการพลิกกลับของขั้วแม่เหล็กโลกจะทำให้ความเข้มข้นสนามแม่เหล็กโลกอ่อนลง และไร้ความมั่นคง แต่ไม่ถึงกับลดลงถึงระดับศูนย์

    แต่จากแบบจำลองทางคอมพิวเตอร์ของ Hyderabad กลับพบว่าการพลิกกลับของขั้วแม่เหล็กของโลกและดวงอาทิตย์นั้น สามารถที่จะก่อให้เกิดปัญหาตามมาอย่างรุนแรงที่มากไปกว่าแค่การทำงานผิดพลาดของอุปกรณ์อิเลคทรอนิคส์เท่านั้น พวกนกที่อพยพย้ายถิ่นอยู่ตามฤดูกาลจะสูญเสียประสาทสัมผัสในการกำหนดทิศทางและอื่นๆ ตามมาอีก เช่น
    - ระบบภูมิคุ้มกันโรคในบรรดาสัตว์ต่างๆ รวมถึงมนุษย์จะอ่อนแอลง
    - โลกจะประสบกับการเพิ่มความถี่ของการเกิดภูเขาไฟระเบิด, การเคลื่อนตัวของเปลือกโลก, แผ่นดินไหว และแผ่นดินถล่ม ที่จะมีมีสูงขึ้นกว่าปรกติ
    - สภาวะความเป็นแม่เหล็ก (Magnetosphere) ของโลกจะอ่อนตัวลง และการแผ่รังสีคอสมิคจากดวงอาทิตย์จะเพิ่มปริมาณขึ้น และก่อให้เกิดอันตรายจากการแผ่รังสีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า เช่น มะเร็งและอื่นๆ อีก ซึ่งไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้
    - กลุ่มเทหวัตถุในอวกาศขนาดใหญ่จะถูกดึงดูดเข้ามายังโลกอย่างมากมาย
    - แรงดึงดูดของโลกจะประสบกับการเปลี่ยนแปลงซึ่งไม่มีใครรู้ว่ามันจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร

    ถ้าคุณรวมเอาเหตุการณ์ความน่าจะเป็นที่จะเกิดการทำลายล้างเหล่านี้ทั้งหมดมาผนวกรวมกันแล้ว คุณก็จะสามารถอธิบายสิ่งที่คุณจะมองเห็นด้วยคำง่ายๆ ว่า โลกอาจจะไม่ใช่ที่เหมาะสมสำหรับอารยธรรมของมนุษยชาติในปี คศ. 2012 และผู้คนทั้งหลายผู้ซึ่งอาศัยอยู่บนพื้นผิวโลกหรือใกล้กับพื้นผิวโลก

    สิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ใต้ผิวโลกที่ลึกลงไปเท่านั้นที่จะมีชีวิตอยู่รอด โดยปราศจากการแทรกแซงใดๆ ในกระบวนการที่จะเกิดขึ้นโดยธรรมชาตินี้ คงเป็นเวลาอีกหลายล้านปีถัดจากนี้ เราจึงจะได้เห็นรูปแบบของสิ่งมีชีวิตที่มีขนาดใหญ่หรือมีความชาญฉลาด ที่จะกลับมาครอบครองบนพื้นผิวโลกอีกครั้ง

    เหตุการณ์เช่นนี้มันอาจจะเหมือนดังเช่นที่ได้เคยเกิดขึ้นในห้วงที่เกิดคลื่นสึนามิ ซึ่งมันทำให้เรารู้สึกงงงวย และเฝ้าจ้องมองดูสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอย่างคิดไม่ถึงว่ามันจะเกิดขึ้นได้ แล้วในที่สุดมันก็พัดพาเราออกไปสู่ท้องทะเล

    ถ้าแบบจำลองนี้ถูกต้องแม่นยำ นั่นหมายถึงว่าหนทางเดียวเท่านั้นสำหรับพวกเราที่จะอยู่รอดเพื่อที่จะรักษาอารยธรรมของเราเอาไว้ต่อไป นั่นก็คือการลงไปอาศัยอยู่ใต้พื้นผิวโลกหรือไม่ก็อพยพเคลื่อนย้ายไปอาศัยยังดาวเคราะห์ดวงอื่นๆ เหตุการณ์เช่นนี้มันอาจจะเคยเกิดขึ้นมาแล้วกับดาวอังคารเมื่อย้อนหลังไปหลายล้านปีที่ผ่านมา

    ความเคลื่อนไหวที่ไม่ปรกติของผู้มาเยือนจากนอกโลกหมายถึง UFO ในรอบ 100 ปีที่ผ่านมา ชี้ให้เห็นว่าอาจมีใครบางคนจากนอกโลกรู้ว่าจะมีเหตุการณ์รุนแรงจะเกิดขึ้นกับโลกใบนี้ อาจบางทีพวกเขาอาจจะกำลังจะพยายามที่จะช่วยเหลือพวกเราอย่างเงียบๆ ด้วยการจำลองภาพเหตุการณ์เพื่อเป็นการบอกเตือน หรือแม้แต่ย้ายพวกเราไปยังจุดหมายปลายทางที่ไหนสักแห่งที่เราไม่อาจรู้ได้.


    เมื่อเร็วๆ มานี้ องค์การ NASA ได้เคยทำให้สาธารณะชนเกิดความหวาดหวั่นด้วยการออกมาเปิดเผยว่าการพลิกกลับของขั้วแม่เหล็กโลกจะทำให้ความเข้มข้นของสนามแม่เหล็กโลกอ่อนลง และไร้ความมั่นคงแต่ไม่ถึงกับลดลงถึงระดับศูนย์ แต่จากการศึกษาร่วมกันของนักวิทยาศาสตร์ด้านคอมพิวเตอร์จำนวนหนึ่งกับกลุ่มนักธรณีฟิสิกส์และนักดาราศาสตร์ฟิสิกส์พบว่า ทั้งโลกและดวงอาทิตย์จะสิ้นสุดระยะเวลาที่ใช้ในกระบวนการพลิกกลับของขั้วแม่เหล็ก (Magnetic Pole Reversal) ในปี ค.ศ. 2012 โดยครั้งล่าสุดกระบวนการนี้ได้เกิดขึ้นเมื่อหลายล้านปีที่ผ่านมาจนทำให้สัตว์จำพวกไดโนเสาร์สูญพันธุ์จนหมดสิ้น จากการค้นคว้าวิจัยและการวิเคราะห์ร่วมกันใน Hyderabad ได้คาดการณ์ว่าการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงครั้งใหม่นี้จะเกิดขึ้นในปี ค.ศ. 2012
     
  2. spharm

    spharm เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    133
    ค่าพลัง:
    +389
    โพสต์มาซะยาว ขอดู ลิงก์ หน่อยเถอะ
     
  3. ZZ

    ZZ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2005
    โพสต์:
    5,374
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,649
    Earth's Inconstant Magnetic Field - NASA Science


    Earth's Inconstant Magnetic Field

    Earth's Inconstant
    Magnetic Field
    Our planet's magnetic field is in a constant state of change, say researchers who are beginning to understand how it behaves and why.

    Listen to this story via streaming audio, a downloadable file, or get help.

    December 29, 2003: Every few years, scientist Larry Newitt of the Geological Survey of Canada goes hunting. He grabs his gloves, parka, a fancy compass, hops on a plane and flies out over the Canadian arctic. Not much stirs among the scattered islands and sea ice, but Newitt's prey is there--always moving, shifting, elusive.

    His quarry is Earth's north magnetic pole.

    At the moment it's located in northern Canada, about 600 km from the nearest town: Resolute Bay, population 300, where a popular T-shirt reads "Resolute Bay isn't the end of the world, but you can see it from here." Newitt stops there for snacks and supplies--and refuge when the weather gets bad. "Which is often," he says.

    Right: The movement of Earth's north magnetic pole across the Canadian arctic, 1831--2001. Credit: Geological Survey of Canada. [more]

    Scientists have long known that the magnetic pole moves. James Ross located the pole for the first time in 1831 after an exhausting arctic journey during which his ship got stuck in the ice for four years. No one returned until the next century. In 1904, Roald Amundsen found the pole again and discovered that it had moved--at least 50 km since the days of Ross.

    Sign up for EXPRESS SCIENCE NEWS delivery

    The pole kept going during the 20th century, north at an average speed of 10 km per year, lately accelerating "to 40 km per year," says Newitt. At this rate it will exit North America and reach Siberia in a few decades.
    Keeping track of the north magnetic pole is Newitt's job. "We usually go out and check its location once every few years," he says. "We'll have to make more trips now that it is moving so quickly."

    Earth's magnetic field is changing in other ways, too: Compass needles in Africa, for instance, are drifting about 1 degree per decade. And globally the magnetic field has weakened 10% since the 19th century. When this was mentioned by researchers at a recent meeting of the American Geophysical Union, many newspapers carried the story. A typical headline: "Is Earth's magnetic field collapsing?"

    Probably not. As remarkable as these changes sound, "they're mild compared to what Earth's magnetic field has done in the past," says University of California professor Gary Glatzmaier.

    Sometimes the field completely flips. The north and the south poles swap places. Such reversals, recorded in the magnetism of ancient rocks, are unpredictable. They come at irregular intervals averaging about 300,000 years; the last one was 780,000 years ago. Are we overdue for another? No one knows.

    Left: Magnetic stripes around mid-ocean ridges reveal the history of Earth's magnetic field for millions of years. The study of Earth's past magnetism is called paleomagnetism. Image credit: USGS. [more]

    According to Glatzmaier, the ongoing 10% decline doesn't mean that a reversal is imminent. "The field is increasing or decreasing all the time," he says. "We know this from studies of the paleomagnetic record." Earth's present-day magnetic field is, in fact, much stronger than normal. The dipole moment, a measure of the intensity of the magnetic field, is now 8 × 1022 amps × m2. That's twice the million-year average of 4× 1022 amps × m2.

    To understand what's happening, says Glatzmaier, we have to take a trip ... to the center of the Earth where the magnetic field is produced.

    At the heart of our planet lies a solid iron ball, about as hot as the surface of the sun. Researchers call it "the inner core." It's really a world within a world. The inner core is 70% as wide as the moon. It spins at its own rate, as much as 0.2° of longitude per year faster than the Earth above it, and it has its own ocean: a very deep layer of liquid iron known as "the outer core."

    Right: a schematic diagram of Earth's interior. The outer core is the source of the geomagnetic field.

    [​IMG]

    Earth's magnetic field comes from this ocean of iron, which is an electrically conducting fluid in constant motion. Sitting atop the hot inner core, the liquid outer core seethes and roils like water in a pan on a hot stove. The outer core also has "hurricanes"--whirlpools powered by the Coriolis forces of Earth's rotation. These complex motions generate our planet's magnetism through a process called the dynamo effect.

    [​IMG]

    Using the equations of magnetohydrodynamics, a branch of physics dealing with conducting fluids and magnetic fields, Glatzmaier and colleague Paul Roberts have created a supercomputer model of Earth's interior. Their software heats the inner core, stirs the metallic ocean above it, then calculates the resulting magnetic field. They run their code for hundreds of thousands of simulated years and watch what happens.

    What they see mimics the real Earth: The magnetic field waxes and wanes, poles drift and, occasionally, flip. Change is normal, they've learned. And no wonder. The source of the field, the outer core, is itself seething, swirling, turbulent. "It's chaotic down there," notes Glatzmaier. The changes we detect on our planet's surface are a sign of that inner chaos.

    They've also learned what happens during a magnetic flip. Reversals take a few thousand years to complete, and during that time--contrary to popular belief--the magnetic field does not vanish. "It just gets more complicated," says Glatzmaier. Magnetic lines of force near Earth's surface become twisted and tangled, and magnetic poles pop up in unaccustomed places. A south magnetic pole might emerge over Africa, for instance, or a north pole over Tahiti. Weird. But it's still a planetary magnetic field, and it still protects us from space radiation and solar storms.

    [​IMG]

    Above: Supercomputer models of Earth's magnetic field. On the left is a normal dipolar magnetic field, typical of the long years between polarity reversals. On the right is the sort of complicated magnetic field Earth has during the upheaval of a reversal. [more]

    And, as a bonus, Tahiti could be a great place to see the Northern Lights. In such a time, Larry Newitt's job would be different. Instead of shivering in Resolute Bay, he could enjoy the warm South Pacific, hopping from island to island, hunting for magnetic poles while auroras danced overhead.
    Sometimes, maybe, a little change can be a good thing.


    .
     
  4. ZZ

    ZZ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2005
    โพสต์:
    5,374
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,649
    NASA - 2012: Magnetic Pole Reversal Happens All The (Geologic) Time

    2012: Magnetic Pole Reversal Happens All The (Geologic) Time11.30.11

    [​IMG]

    Schematic illustration of Earth's magnetic field. Credit/Copyright: Peter Reid, The University of Edinburgh
    › View larger

    Scientists understand that Earth's magnetic field has flipped its polarity many times over the millennia. In other words, if you were alive about 800,000 years ago, and facing what we call north with a magnetic compass in your hand, the needle would point to 'south.' This is because a magnetic compass is calibrated based on Earth's poles. The N-S markings of a compass would be 180 degrees wrong if the polarity of today's magnetic field were reversed. Many doomsday theorists have tried to take this natural geological occurrence and suggest it could lead to Earth's destruction. But would there be any dramatic effects? The answer, from the geologic and fossil records we have from hundreds of past magnetic polarity reversals, seems to be 'no.'

    Reversals are the rule, not the exception. Earth has settled in the last 20 million years into a pattern of a pole reversal about every 200,000 to 300,000 years, although it has been more than twice that long since the last reversal. A reversal happens over hundreds or thousands of years, and it is not exactly a clean back flip. Magnetic fields morph and push and pull at one another, with multiple poles emerging at odd latitudes throughout the process. Scientists estimate reversals have happened at least hundreds of times over the past three billion years. And while reversals have happened more frequently in "recent" years, when dinosaurs walked Earth a reversal was more likely to happen only about every one million years.

    Sediment cores taken from deep ocean floors can tell scientists about magnetic polarity shifts, providing a direct link between magnetic field activity and the fossil record. The Earth’s magnetic field determines the magnetization of lava as it is laid down on the ocean floor on either side of the Mid-Atlantic Rift where the North American and European continental plates are spreading apart. As the lava solidifies, it creates a record of the orientation of past magnetic fields much like a tape recorder records sound. The last time that Earth's poles flipped in a major reversal was about 780,000 years ago, in what scientists call the Brunhes-Matuyama reversal. The fossil record shows no drastic changes in plant or animal life. Deep ocean sediment cores from this period also indicate no changes in glacial activity, based on the amount of oxygen isotopes in the cores. This is also proof that a polarity reversal would not affect the rotation axis of Earth, as the planet's rotation axis tilt has a significant effect on climate and glaciation and any change would be evident in the glacial record.

    A schematic diagram of Earth's interior and the movement of magnetic north from 1900 to 1996. The outer core is the source of the geomagnetic field. Graphic Credit: Dixon Rohr
    › View larger
    › View unlabeled version Earth's polarity is not a constant. Unlike a classic bar magnet, or the decorative magnets on your refrigerator, the matter governing Earth's magnetic field moves around. Geophysicists are pretty sure that the reason Earth has a magnetic field is because its solid iron core is surrounded by a fluid ocean of hot, liquid metal. This process can also be modeled with supercomputers. Ours is, without hyperbole, a dynamic planet. The flow of liquid iron in Earth's core creates electric currents, which in turn create the magnetic field. So while parts of Earth's outer core are too deep for scientists to measure directly, we can infer movement in the core by observing changes in the magnetic field. The magnetic north pole has been creeping northward – by more than 600 miles (1,100 km) – since the early 19th century, when explorers first located it precisely. It is moving faster now, actually, as scientists estimate the pole is migrating northward about 40 miles per year, as opposed to about 10 miles per year in the early 20th century.

    Another doomsday hypothesis about a geomagnetic flip plays up fears about incoming solar activity. This suggestion mistakenly assumes that a pole reversal would momentarily leave Earth without the magnetic field that protects us from solar flares and coronal mass ejections from the sun. But, while Earth's magnetic field can indeed weaken and strengthen over time, there is no indication that it has ever disappeared completely. A weaker field would certainly lead to a small increase in solar radiation on Earth – as well as a beautiful display of aurora at lower latitudes -- but nothing deadly. Moreover, even with a weakened magnetic field, Earth's thick atmosphere also offers protection against the sun's incoming particles.

    The science shows that magnetic pole reversal is – in terms of geologic time scales – a common occurrence that happens gradually over millennia. While the conditions that cause polarity reversals are not entirely predictable – the north pole's movement could subtly change direction, for instance – there is nothing in the millions of years of geologic record to suggest that any of the 2012 doomsday scenarios connected to a pole reversal should be taken seriously. A reversal might, however, be good business for magnetic compass manufacturers.

    Related Link:
    › Earth's Inconstant Magnetic Field


    .
     
  5. Nirvana

    Nirvana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    8,188
    ค่าพลัง:
    +20,860
    ทุกสำนักสรุปตรงกัน

    21/12/2012 โลกเดือดสุดขีด

    จะทำอะไรเวลานั้นก็พิจารณากันเอาเอง นะครับ
     
  6. saychl anusonthi

    saychl anusonthi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    136
    ค่าพลัง:
    +350
    ขอ บอกจากความรู้สึกนะคะ หนูว่าประเทศไทยน่าจะโดนน้อยที่สุด เพราะเท่าที่ตามอ่านบทความของหลายๆท่านแล้วหนู
    รู้สึกว่าไทยเรามีสิ่งศักดิ์คุ้มครองดูแลอยู่ แต่ หนูว่าทุกอย่างก็น่าจะขึ้นอยู่กับบุญกรรมของแต่ละคนนะคะ อยู่ที่ไหนก็คงไม่อุ่นใจเท่าบ้านเรา(จากความรู้สึกส่วนตัวนะคะ)
     
  7. ThunwaNoppibool

    ThunwaNoppibool เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2012
    โพสต์:
    39
    ค่าพลัง:
    +500
    รีบสร้างบุญสร้างกุศลกันนะครับ ถ้าไม่มีอะไรเกิดขึ้นจนคนตายมากมาย ก็ถือว่า ได้ทุนก็แล้วกัน ไม่เห็นจะมีอะไรเสียหายเลย
     
  8. Pinkbasket

    Pinkbasket เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2012
    โพสต์:
    21
    ค่าพลัง:
    +108
    ตกลง nasa เค้าเห็นด้วยหรือไม่กันแน่เนี่ยย งง - - "there is nothing in the millions of years of geologic record to suggest that any of the 2012 doomsday scenarios connected to a pole reversal should be taken seriously"

    NASA - 2012: Magnetic Pole Reversal Happens All The (Geologic) Time
     
  9. zixma99

    zixma99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    300
    ค่าพลัง:
    +1,175
    รีบ บริจาคเงินทองกันเยอะๆน่ะครับ จะได้บุญเยอะ หน่วยลับจะได้เร่งช่วยแก้ภัยพิบัติให้คร้าบบบ
     
  10. Mikas

    Mikas เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    306
    ค่าพลัง:
    +342
    ในบทความ link ของ NASA ไม่เห็นพูดถึงเรื่องขั้วสนามแม่เหล็กพลิกกลับในวันที่ 22/12/2012 เลยครับ

    เรื่องขั้วของสนามแม่เหล็กเคลื่อนที่ และสนามแม่เหล็กไม่คงที่ทาง NASA รู้กันมานานแล้ว แต่ผมไม่เคยเห็น NASA ประกาศเรื่องแกนโลกจะพลิกกลับขั้ว ยังไงขอต้นฉบับ link ประกาศของ NASA เรื่องนี้ด้วยนะครับ
     
  11. beer1360

    beer1360 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,039
    ค่าพลัง:
    +420
    ปัจจุบันสำคัญที่สุดครับ อนาคต พูดไปคิดนู่นนี่ก็เหมือนนิยาย เราเกิดมาเพื่อทำความดี ตามแนวทางพระพุทธองค์ แต่แปลก คนทุกวันนี้กลัวตาย ทั้งๆที่โลกโสมมมากมาย
     
  12. พชร (พสภัธ)

    พชร (พสภัธ) ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    5,746
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +49,866
    เหลือเชื่อเกินไป...ไม่เชื่อ แต่เชื่อว่ามีภัยธรรมชาติแต่ไม่ถึงกับเลวร้ายตามในเนื้อข่าว.... ยังไงก็ไม่เชื่อ
     
  13. Jubb

    Jubb เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    1,267
    ค่าพลัง:
    +2,134

    ธรรมะย่อมคุ้มครองผู้ประพฤติธรรมครับ
    .
    .
    .
    .
    .
    แล้วผมจะทำไงดีล่ะเนี่ย!!![​IMG]
     
  14. hiflyer

    hiflyer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    3,321
    ค่าพลัง:
    +15,681
    [​IMG]

    [​IMG]

    ไม่น่าจะถึงกับ กลับขั้วหรอกมั๊งครับ

     
  15. hiflyer

    hiflyer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    3,321
    ค่าพลัง:
    +15,681
    [​IMG]

    ตำแหน่งแต่ละจุด ห่างกัน 50 ปี

    [​IMG]

    ขยายให้เห็นกันชัดๆ ก้าวกระโดด เดี๋ยวก็วนกลับมาที่เดิม รอดูไปเรื่อยๆ :VO
     
  16. ไทร

    ไทร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    205
    ค่าพลัง:
    +771
    NASA ไม่เห็นด้วยครับ ผู้ตั้งกระทู้คงเข้าใจผิด ข้อความจากเว็บของ NASA เองเป็นอย่างนี้ครับ

    Q: What is the polar shift theory? Is it true that the earth’s crust does a 180-degree rotation around the core in a matter of days if not hours?

    A: A reversal in the rotation of Earth is impossible. There are slow movements of the continents (for example Antarctica was near the equator hundreds of millions of years ago), but that is irrelevant to claims of reversal of the rotational poles. However, many of the disaster websites pull a bait-and-switch to fool people. They claim a relationship between the rotation and the magnetic polarity of Earth, which does change irregularly, with a magnetic reversal taking place every 400,000 years on average. As far as we know, such a magnetic reversal doesn’t cause any harm to life on Earth. A magnetic reversal is very unlikely to happen in the next few millennia, anyway.


    ผมลงลิงก์จาก NASA ไว้ให้ตามด้านล่างนะครับ

    NASA - 2012: Beginning of the End or Why the World Won't End?
     
  17. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    นาซามองเป็นเรื่องที่มันเกิดของมันมาโดยปกติเป็นล้านๆปีมาเเล้ว
    ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับวันสิ้นโลก เเละไม่มีีอะไรที่ต้องใส่ใจ
    การเปลี่ยนเเปลงของสนามเเม่เหล็กโลกเกิดอยู่ตลอดเวลา
     
  18. Pinkbasket

    Pinkbasket เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2012
    โพสต์:
    21
    ค่าพลัง:
    +108
    แสดงว่าเราเข้าใจถูกแล้ว 5555 ภาษายังพอไหวๆ เค้าอาจยังไม่เชื่อ หรือ ยังปิดบังอยู่ อันนี้ก็ต้องรอเวลาอย่างเดียวแหละ แต่เราเชื่อนะ เพราะมีผู้มีบารมีที่เราศรัทธามาเตือนกับตัวเลย แล้วเราก็เห็นเจตนาดีของเจ้าขงกระทู้ด้วยคะ ขอบคุณพี่ๆ ที่มาช่วยค่า ^^
     
  19. เดินดง

    เดินดง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    455
    ค่าพลัง:
    +1,614
    ขอบคุณ นะคะคุณจุุ๊บ คุณทำให้หายเครียดเยอะเลย
     
  20. eve1

    eve1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    244
    ค่าพลัง:
    +682
    [​IMG]

    สู้ สู้
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...