อยากบูชาพระเครื่องครูบาคำเป็งครับ

คุณ ครึ่งชีวิต

รบกวนขอ อีเมล์หน่อยจะส่งรูปที่ผมไปถ่ายที่วัดใหม่ของครูบา ผมโพสรูปไม่เป็นช่วยลงรูปให้หน่อยเดี๋ยวพรุ่งนี้จะให้ลูกสาวส่งไฟล์ไปให้ครับ
(b-smile)

 

สวัสดีครับ คุณโคมฉาย และ พี่สามเหลี่ยม ช่วงนี้ ไม่ค่อยได้ เข้า เน็ต
เนื่องจาก ออกไป ทำงาน นอกออฟฟิศ ครับ..

ต้องขี่รถเครื่องไกลหน่อย.. เวลาฝนตก ก็ ลำบากนิดหน่อย.. แต่ก็ พอไปได้ ครับ..

กระทู้ ผ่านไปไว เหมือนโกหก.. หน้าที่ 325 แล้ว... ;-)

่ช่วงนี้ ก็ ฝึกมองออร่า.. แล้วก็ นั่งสมาธิ ตามแบบฉบับ ของหลวงปู่ดู่ อยู่ ครับ..

 

รายการทำบุญ ขอโอนส่งไปทำบุญช่วงต้นเดือนหน้านะครับผม

 

รับทราบครับได้เปลี่ยนชื่อจองให้แล้วครับ
(b-smile)

 

<TABLE class=tborder id=post567927 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead id=currentPost style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid"><!-- status icon and date --> 09-05-2007, 09:37 AM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right>#1888 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>จิตงาม<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_567927", true); </SCRIPT>

สมาชิก​

​

เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: เมื่อวานนี้ 10:23 AM
วันที่สมัคร: Jun 2006
ข้อความ: 178 <!-- Start Post Thank You Hack -->
ได้ให้อนุโมทนา 384 ครั้ง
ได้รับอนุโมทนา 1,356 ครั้ง ใน 180 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
พลังการให้คะแนน: 167 ​

​

</TD><TD class=alt1 id=td_post_567927 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- icon and title -->ตามสัญญา

<HR style="COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message -->เอามาให้อ่านกันค่ะ ขออนุญาตหนังสือพุทธจักรพระเครื่อง และขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ

<!-- / message --><!-- attachments -->​

<FIELDSET class=fieldset><LEGEND>ไฟล์แนบข้อความ</LEGEND><TABLE cellSpacing=3 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD></TD><TD>20070509101711.pdf (869.3 KB, 65 views)</TD></TR></TBODY></TABLE></FIELDSET>

<!-- / attachments -->​

</TD></TR><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid"> <SCRIPT type=text/javascript> vbrep_register("567927")</SCRIPT> </TD><TD class=alt1 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right><!-- controls --><TABLE id=table1 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD align=left><!-- Start Post Groan Hack --> <!-- End Post Groan Hack --></TD><TD><!-- Start Post Thank You Hack --></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>​

นำตอนต่อกับเรื่องราวของหลวงปู่พระครูบาคำเป็งมาให้อ่านกันครับ


ใจ สู่พลังญาณ
กสิณปาฏิหาริย์
ของพระกรรมฐานเล่นฤทธิ์
ตอนที่2
พระครูบาคำเป็ง ฐิตปัญโญ<O</O
วัดเขาถ้ำแสงเพชร อ.คลองลาน จ.กำแพงเพชร<O
พลังญานกสิน<O</O
ครูบาคำเป็ง
วัดถ้ำเขาแสงเพชร
<O
โดย..ศุภักษร ลอยสุวรรณ์
<O</O
เรื่องจิตพระคาถาที่ครูบาคำเป็งใช้ ท่านว่าใช้คำภาษาไทยก็ได้ ภาวนาว่า... น้ำเปียกไฟ ฯลฯ ภาวนานั้นตามหลักจริงๆ มันเป็นกสิณ

สมมุติท่านเพ่งดินเป็นตอนที่จุด พอเพ่งปั๊บเสกปั๊บมันจะเกิดพลังแสงสีขาวห่อหุ้มดินปืนก่อน...มันจะขาวขึ้น...ขาวขึ้น... ในความขาวนี้หลวงปู่

พระครูบาจะบริกรรมเอาธาตุน้ำเข้าไปเสริมอีก...ตัวขาวๆ นี้เขาเรียกว่า"อาโปกสิณ” แสงสว่างเป็นอารมณ์ ที่นี้เมื่อเราเอาธาตุน้ำหรือ อาโปกสิณ”

เข้าไปเสริม มันก็เปียก เปียกแล้วมันก็ไม่ติด ก็แค่นี้เอง มันไม่มีอะไร คาถาก็เป็นคำพูดภาษาไทยที่สามารถปรุงจิตของเรานั้นเอง บริกรรมไป...

บริกรรมไป...แนวนี้ ไม่ได้บริกรรมคาถาพิสดารลี้ลับอะไรเลย...

...หลวงปู่ฝึกกสิณมาตั้งแต่สมัยที่ยังไม่ได้บวช ฝึกเล่นทางนี้ สมัยก่อนที่บ้านของหลวงปู่คนยังนิยมชมชอบเล่นพระคาถาอาคมยกครูยกคาย

เล่นวิชาต่างๆ แต่ก็ยังไม่ได้รู้ว่า มันคือ “วิชา” เช่นเมื่อครั้งที่หลวงปู่เคยเอาความคิดของท่านเอง สร้างเป็นรูปภาพ ถ้าปฏิบัติแล้วมันก็คือ “อุปจาร

สมาธิ” หมายถึงเกิดเป็นรูปภาพ ถ้าเอาตัวนี้ใช้ให้เกิดมันจะมีพลานุภาพมหาศาลมาก มันเป็นพลังทางจิตแบบหนึ่ง...

...ครูบาอาจารย์รุ่นเก่าท่านบริกรรมสร้างนิมิต นึกถึงลูกศิษย์สั่งมาหาก็ได้ สั่งให้เอาปัจจัยมาทำบุญก็ได้ก็เพราะพลังนิมิตขั้นอุปจารสมาธินี้

เช่น คิดว่าอยากได้ปูนสักร้อยกระสอบก็ใช้สมาธิส่งกระแสจิตไปพูดกรอกหูเขาตลอดเวลาอีกไม่กี่วันเขาก็จะเอาปูนมาให้เราจริงๆ เขาคิดอยากจะ

ทำบุญกับเราจริงๆ วิธีนี้เขาเล่นกันมานานแล้ว ครูบาอาจารย์เกจิรุ่นเก่าครั้งอดีตเขาใช้กันเป็น ยุคก่อนถือว่าธรรมดาๆ แต่ยุคนี้หากทำได้ถือว่าวิเศษ

สุด เพราะคนในรุ่นนี้ฤทธิเริ่มเสื่อมลงไป เพราะเกจิอาจารย์รุ่นใหม่เล่นวิชาไม่จริง จะอามิสเกินพอดีสักส่วนใหญ่..

หลวงปู่บำเพ็ญจิตอยู่ “กาญจนบุรี” กาลนั้นท่านคร่ำเคร่งนักับการฝึก นัยว่าท่านจะรู้เห็นอะไรให้ได้ ทั้งพระไตรปิฏก หลวงปู่ก็เพียรศึกษา เพราะ

ถือว่า

“ปริยัติ คอยประคอง การปฏิบัติ” <O

เหตุนี้การรู้สัมผัสต่างๆ ของหลวงปู่เริ่มแตกฉานในข้อธรรม เมื่อเวลาที่ฝึกปฏิบัติสายพุทโธนี้เอง ขณะที่จิตมันดิ่งลงไป มันก็จะสามารถระลึกถึง

อดีตชาติกาลได้ อดีตชาติที่เคยบอกว่าเป็นพระฤาษีก็อาศัยตัวนี้...

อดีตชาติที่หลวงปู่ระลึกได้เป็นลักษณะที่พอรู้แล้ว มันผุดขึ้นมาในตัว หลังจากภาวนาแล้วมันว่างทางจิตคือใจเป็นสุญญาว่าง ไม่คิดอะไรใน

ตอนนั้น

เมื่อใจว่าง...เปล่า...ไร้อะไร...จะบังเกิด “ญานรู้” ตัวหนึ่งโผล่ขึ้นมาว่า เราเป็นนั้นเป็นนี่ หรือบางวาระก็เป็นภาพของตัวเราเองโผล่ผลุบ อาตม

ปรากฏตรงความว่างนั้นๆ ตรงนี้หลวงปู่รู้แล้ว...

หลวงปู่พระครูบาคำเป็งรู้มาก่อนที่จะบวชด้วยซ้ำ...เนื่องจากท่านศึกษาธรรมะตั้งแต่อายุ20กว่าปี เข้าวัดตั้งแต่อายุ 17 ปี อ่านพระไตรปิฏกตั้งแต่

อายุ20กว่าๆ อ่านตั้ง 90กว่าเล่ม ด้วยใจมันชอบและเอาจริงเอาจัง

เมื่อบวชและอยู่ที่กาญจนบุรีหลังธุดงค์กลับจากภาคใต้และภาคเหนือ ก็ยิ่งอ่านทบทวนข้อธรรมด้วยตัวเอง อ่านมารู้มากคนคุยเรื่องธรรมะด้วยก็

น้อย...แต่รู้สึกว่าใจเรามันโล่ง สะอาด บริสุทธิ์ อารมณ์โกรธ หลง มันเจือจาง คนที่ใกล้ชิดหลวงปู่จะรู้นิสัยท่านดี...ว่า ท่านมีอารมณ์ตรงนี้น้อย

มากๆ

ใจท่านบริสุทธิ์ กายกับวาจาสำแดงแก่นแท้ของจิตที่ไร้สิ่งเคลือบแฝง...เราท่านศึกษาธรรมะจากอะไร? หลวงปู่เคยศึกษาทั้งจากพระไตรปิฏก

ทั้งศึกษาธรรมะจากธรรมชาติ กับธรรมะที่เขาเรียนมันไม่เหมือนกัน เช่น ทางปริยัติบอกว่า

มรรคองค์ 8 มันอยู่ตรงไหน เขาไม่สอน เมื่อเราปฏิบัติเราไม่เข้าใจ คำว่า “มรรค” ซึ่งแปลว่า “ทางเดิน"ทางเดินที่จะเข้าไปบรรลุถึงความเป็น

อริยเจ้ามีอยู่ 8 มันอยู่ตรงไหน

มันอยู่ระหว่างตาวิ่งไปหารูป..หูวิ่งไปหาเสียง...จมูกวิ่งไปหากลิ่น...ปากวิ่งไปหารส..กายวิ่งไปสัมผัส..นี่มันอยู่ตรงนี้เอง เช่น ตามตำราปริยัติทั่ง

ไป บอกว่า พระธรรมของพระพุทธเจ้า มี 84,000 พระธรรมขันธ์ มันคือ อะไร

8 คือ มรรค

4 คือ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค ก็คือ...อริยสัจสี่

0 แรก คือ กายว่าง

0 สอง คือ วาจาว่าง

0 สาม คือ จิตว่าง

ถ้าว่างครบตัวนี้ ก็เป็น 84,000 พระธรรมขันธ์ ตามจริงแล้วนะ ไม่มีใครสามารถรู้ได้หรอกว่า 84,000 พระธรรมขันธ์ ที่แท้จริงแล้วมีกี่พระ

ธรรมขันธ์...

แท้จริงนะ...ครูบาคำเป็ง บอกว่า...พระธรรมขันธ์มันก็อยู่ในกายเรา คือ การสร้างร่างกาย ใจ ให้เข้าถึงธรรม

...จิตใจสำคัญมาก จิตเราเข้าไปยึดว่าสิ่งนี้เป็นสุข สิ่งนี้เป็นทุกข์ ไม่สุขไม่ทุกข์ มีแต่จิตเป็นตัว ชักใย” ให้เกิด “ เวทนา" เขาเรียกว่า จิตเป็นตัว

ปรุงให้เกิดเวทนา” เวทนาคืออะไร ก็คือสิ่งที่เรายึดว่า สุขว่าทุกข์นั่นเอง...

ดังนั้นหลวงปู่ครูบาคำเป็งขอทิ้งท้ายว่า...เมื่อปัญญาเกิดแล้วจาก “ปฏิบัติ” ก็จงเอาปัญญาไป “วิจัย” ธรรมะให้ถ่องแท้ จะเข้าใจด้วย “จิตรู้”เอง

พระนักปฏิบัติแบบหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต หลวงปู่ฝั้น อาจาโร หลวงปู่สิงห์ ขันตยาโม พ่อแม่ครูบาอาจารย์รุ่นเก่าเขา “แตกฉาน” เพราะวิจัยวิเคราะห์

ธรรมปริยัติ

เริ่องลึกลับ ระหว่าง“โพธิสัตว์” “เทพพรหม” กับ “หลวงปู่ครูบาคำเป็ง”

....ก่อนที่จะมาอยู่วัดเขาถ้ำแสงเพชร บ้านเพชรนิยม อำเภอคลองลาน จังหวัดกำแพงเพชร “หลวงปู่” พำนักปฏิบัติธรรมขั้นอุฤกษ์ที่วัดแห่งหนึ่งใน

กาญจนบุรี

ณ วัดป่าเมืองกาญจนบุรี หลวงปู่เร่งทำความเพียร ปฏิบัติสมาธิทุกขณะจิตเร้าจิตให้เกิดพลังงานพร้อมทดสอบอำนาจจิตตลอดกระบวนวิธี

คราวหนึ่งเมื่อออกนจากสมาธิ หลวงปู่ได้เห็นภาพของหญิงสาวใส่ชุดแดง ผิวพรรณงดงาม ขาวเหมือนสาวจีน ปรากฏให้เห็นเบื้องหน้าระยะไม่เกิน

4 เมตร จิต...ท่านบอกชัดว่า นี่คือภาพลักษณะของเจ้าแม่กวนอิม เจ้าแม่คงต้องการบอกความนัยอะไรสักอย่างกับหลวงปู่ ขณะที่จิตรู้บอก...

จมูกสัมผัสกลิ่นดอกมะลิหอมกรุ่นทั่วอาณาบริเวณทันที พอกลิ่นกระทบหลวงปู่สำเหนียกได้ว่า สิ่งที่ท่านเห็นกับตาเนื้อวันนี้คือ “เรื่องจริง” ไม่ใช่

อาการเพ้อของจิตที่สร้างนิมิตหลอกผู้ปฏิบัติเสมอ...

เจ้าแม่กวนอิมมาโมทนากับกุศลจากการปฏิบัติธรรมของหลวงปู่...

นอกจาก“เจ้าแม่กวนอิมโพธิสัตว์”แล้ว “พระแม่อุมา” ชายาของพระศิวะมหาเทพก็เคยมาปรากฏให้หลวงปู่ประจักษ์ด้วยสายตาเนื้อ และได้

แนะเคล็ดวิชาแห่ง ชายหญิง ให้หลวงปู่ด้วย

การมาของพลังงานลึกลับ ดวงนี้ ทั้งเทพ ทั้งโพธิสัตว์ ก็ยิ่งทำให้หลวงปู่เร่งความเพียรฝึกสมาธิ เร่งเข้าฌานเป็นการใหญ่ หมายมั่นการบรรจุพลัง

ขลังแบบ ”ฌานฤาษี” โดยมีธรรมของพระพุทธเจ้าคอยประคับประคองใจ ไม่ให้เตลิดเปิดเปิง บ้าคลั่งวิปลาส...

ต่อแต่นั้นหลวงปู่พระครูบาคำเป็ง ก็สัมผัสกับองค์โพธิสัตว์และเทพพรหมได้ทุกองค์ หลวงปู่ทราบพิธีกรรมอัญเชิญได้ด้วย “จิต”มันบอก เมื่อหลวง

ปู่อัญเชิญกระแสญานบารมีของเทพทุกพระองค์จะมาได้ โดยไม่ต้องอาศัยเครื่องบวงสรวง บายศรี หัวหมู เป็ดไก่ แม้แต่อย่างเดียว ใช้จิตอัญเชิญ

ชั่วขณะองค์เทพก็เสด็จจากวิมานธรรมมาฟังธรรมที่หลวงปู่สาธยาย...แม้พระเครื่องที่หลวงปู่เพียรสร้าง เทวดาชั้นจตุมหาราชิกาบริวารของท่าน

ท้าวมหาราช ก็มาคอยรักษาในองค์พระ เรียกว่าพระของหลวงปู่มีเทวดารักษาทุกองค์ ไม่แพ้พระเกจิอาจารย์ขมังเวช ท่านอื่นๆ ที่โด่งดังสนัน

ประเทศเวลานี้

ตอนที่หลวงปู่สัมผัสกับเจ้าแม่กวนอิมโพธิสัตว์ ปีนั้นเป็นปีที่ ที่หลวงปู่ฝึกฝนภารกิจทางจิตจริงจัง จึงมีเคล็ดวิชาดึงดูดพลังงานจากทั่วสากลสถาน

ที่ให้มาอยู่ในวัตถุมลคลได้ จิตของท่านสามารถทะลุทะลวงคลื่นพลังงานหลายประการได้ด้วย “พลัง กสิณ”ผสมผสานพลังเทพพรหมโพธิสัตว์

และสิ่งชั่วร้ายในตัวบุคคลหลวงปู่สามารถรู้ได้และขจัดออกไปด้วยพลังงานศักดิ์สิทธิ์ที่ท่านพึงมี...

ด้วยความอนุเคราะห์ของเจ้าแม่กวนอิมและพระแม่อุมา ที่ถ่ายพลังศักดิ์สิทธ์ลี้ลับที่มิสามารถบรรยายให้เข้าถึงซาบซึ้งได้นั้น เหมือนมีน้ำแข็งก้อน

ใหญ่พอสมควรทุ่มมาใส่เรา พลังเย็นยะเยือกขึ้นศีรษะ พลังกระแทกใส่หลวงปู่จนหนาวสั่นสะท้านกาย หลวงปู่โต้ถามพระแม่อุมาด้วยจิตว่า “พระ

แม่ทำอะไรอาตมานี่”ท่านก็บอกว่าเป็นการเพ่งพลังมาช่วย อยากให้มีพลังก้าวหน้าขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง อาการทางกายนี้เกิดขึ้นกับหลวงปู่ประมาณ

ครึ่งชั่วโมง หลังจากนั้นมาก็เกิดกับหลวงปู่เป็นเวลา 9 ครบกำหนด 9 วันท่านก็ไป หลวงปู่ใช้จิตติดต่อท่านก็ไม่ได้รับกระแสกลับมา

จนต่อมา “ตาใน” ของจิตเห็น เจ้าแม่กวนอิมใส่ชุดขาวเหมือนภาพที่เราเห็นนั่งบนดอกบัวทั่วไป หลวงปู่เห็นเจ้าแม่กวนอิมแล้ว จิตก็เห็นพระแม่อุ

มาอีกครั้งเหมือนท่านอยู่นอกกุฏิ จู่ๆ ...ก็เห็นพระนารายณ์เข้ามาอยู่

ในกลดของหลวงปู่ มาทั้งสี่กรเลยที่เดียว

 

หลวงปู่แปลกใจมากทำไมจิตท่านเห็นองค์เทพถึงหลายองค์ สงสัยมากก็ลองทดสอบอัญเชิญท้าวมหาพรหม มาดู ปรากฏว่าท่านก็มาปรากฏให้

เห็นจริงๆ จิตหลวงปู่อัญเชิญองค์เทพใดท่านก็มา...

องค์เทพพรหมโพธิสัตว์ท่านมาเนื่องจากมาตามคำอัญเชิญและมาร่วมอนุโมทนาบุญกับสิ่งที่ทำด้วย องค์เทพชั้นสูงท่านนิยมพระ

ปฏิบัติธรรม องค์เทพท่านจะได้กุศลไปด้วย</O

เจ้าแม่กวนอิมท่านเคยบอกว่าหลวงปู่เคยสร้างบารมีมากับท่านด้วย ขอให้เรื่องที่เกิดไม่ใช่เพ้อฝันอะไร ก็ขอให้ดูภายหน้าว่าหลวงปู่จะช่วยคนได้

มาก เพราะมาทางสายโพธิสัตว์แล้ว

เจ้าแม่อยากให้หลวงปู่สร้างเหรียญเจ้าแม่กวนอิมแจกทั่วโลก หลวงปู่ก็ได้สร้างและแจกไปกว่าแสนองค์แล้ว ช่วยชีวิตคนได้มาก

กระแสญานบารมีของเจ้าแม่กวนอิมมาใกล้องค์หลวงปู่เสมอ มาปั๊บนี่จะได้กลิ่นหอมเป็นประจำ จิตของเจ้าแม่บอกว่า บางทีท่านก็อยู่ที่ไต้หวัน

อยู่สิงค์โปร อยู่เมืองจีน ถ้าท่านมานี่ไวมากแป๊บเดียวเร็วเหมือนความไวแสง หลวงปู่ธุดงค์ไปในป่าขาดสิ่งใด มีอันตรายอะไร เจ้าแม่กวนอิมก็แผ่

กระแสมาช่วยเหลือทันที ท่านสนับสนุนให้หลวงปู่ปฏิบัติธรรมไม่ให้ออกจากป่า ละทิ้งถ้ำเด็ดขาด ท่านต้องการให้หลวงปู่สร้างบารมีต่อภพต่อชาติ

สืบไป เพราะเคยปรารถนาพุทธภูมิโพธิสัตว์แล้ว ธรรมะหลายประการหลวงปู่ก็ได้จากเจ้าแม่กวนอิม บางครั้งก็หลวงปู่พระครูเทพโลกอุดรฯ หลวงปู่

ทวด วัดช้างให้ ฯลฯ ผลัดเปลี่ยนมาสอนธรรมให้หลวงปู่

เรื่องเทพพรหมดวงวิญญาณนี้ มันเป็นปัจจัตตัง!

หลวงปู่คิดว่าท่านยังเป็น “ปุถุชน” มีกิเลสหยาบเต็มกาย ได้รับบารมีจากเทพพรหมโพธิสัตว์แล้วท่านก็เปรมใจภูมิใจระดับหนึ่ง กระนั้นก็ไม่ได้คิด

ว่าตัวเองคือผู้วิเศษเลิศเลอเหนือคน ท่านว่าเดี๋ยวมันจะเพ้อเจ้อไป...

พระพุทธศาสนาของเรายอมรับว่า เทวดาหรือเทพยเจ้ามีอยู่จริงๆ แต่จะไม่ยอมรับอำนาจของเทพเจ้าที่มีอำนาจสร้างสรรพสิ่งเหล่านั้น ก็ต้องจุติ

ไปเกิด ในกำเนิดใดกำเนิดหนึ่ง ซึ่งอาจจะเกิดเป็นมนุษย์ก็ได้...

แม้มนุษย์หรือสัตว์เดรัจฉานที่ตายไปแล้ว ก็อาจจะมีสิทธิ์ไปเกิดเป็นเทพเทวดาก็ได้ ตามอำนาจกรรมดีหรือกรรมชั่วที่ตัวเองสร้างไว้

เรื่องของเทพ-เทวดา ก็เป็นส่วนหนึ่งในคำสอนของพระพุทธศาสนา เพราะเป็นการยืนยันถึงการเวียนว่ายตายเกิดของสัตว์โลกที่ยังท่องเที่ยวใน

สังสารวัฏ ดังที่เคยมีเรื่องของเทวดาผู้ชักนำมนุษย์มานับถือพระพุทธศาสนา มีทั้งเรื่องในอดีตและเรื่องในปัจจุบัน

ดัง...เรื่องของ “พระพาหิยะ” ผู้ตรัสรู้เร็ว เพราะเทพเจ้าชักนำ

เรื่องนี้ปรากฏในอรรถกถาธรรมบทภาค 4 มีใจความว่า พวกมนุษย์จำนวนมากได้เดินเรือในมหาสมุทรอินเดีย เมื่อเรือที่โดยสารอับปางลงในทะเล

หลวง ก็ตกเป็นเหยื่อของสัตว์เดรัจฉานในท้องทะเลนั้นทั้งหมด...

เว้นแต่ชายผู้หนึ่งนามว่า “พาหิยะ” ที่รอดชีวิตมาได้ เขาได้เกาะแผ่นกระดานแผ่นหนึ่ง พยายามว่ายน้ำจนรอดชีวิต มาขึ้นฝั่งที่ท่า “สุปปารกะ” แต่

อนิจจาเขาไม่มีเครื่องนุ่งห่ม จังได้ใช้เปลือกปอพันไม้แห้งเข้าแล้วทำเป็นเครื่องนุ่งห่ม เขาได้หยิบกระเบื้องจากเทวาลัยแห่งหนึ่งมาทำเป็นภาชนะ

สำหรับขอทาน แล้วเดินทางไปถึงท่าสุปปารกะ

พวกประชาชนที่ท่าเรือแห่งนั้นเมื่อเห็นเขาแล้วก็ได้ให้ข้าวต้มและข้าวสวยแก่เขา และต่างก็พากันพูดยกย่องว่า “ชายผู้นี้เป็นพระอรหันต์ไกลจาก

กิเลสผู้หนึ่ง” เมื่อประชาชนนำผ้ามาให้เขาก็ไม่ยอมรับเพราะคิดเห็นว่า “ถ้าเรานุ่งแต่เปลือกไม้ ลาภสักการะของเราก็จะเสื่อม การที่คนมานับถือเรา

ก็เพราะเขาเห็นเราไม่นุ่งห่มผ้านั่นเอง” เขาจึงนุ่งแต่เปลือกไม้คนทั้งหลายจึงเรียกชื่อเขาว่า “ทารุจีระยะ” แปลว่า “ผู้นุ่งห่มเปลือกไม้”

ต่อมาเมื่อผู้คนเป็นจำนวนมากเรียกเขาเป็นพระอรหันต์ เขาก็เกิดเข้าใจว่าตอนเองเป็นพระอรหันต์จริงๆ แต่ภายหลังเทวดาองค์หนึ่งซึ่งเคยเป็น

เพื่อนกันมาเมื่อชาติก่อนได้มาเตือนเขา จึงทำให้เขาคิดได้แล้วได้เดินทางไปเฝ้าพระพุทธเจ้า จนได้สำเร็จพระอรหันต์ในที่สุด

เขาผู้นี้มีความสัมพันธ์กับเทวดาองค์นี้อย่างไร? จึงได้มาช่วยเขา ขอเชิญท่านติดตามอ่านต่อไปนี้...

เล่ากันว่า เมื่อศาสนาของพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า “กัสสปะ” เสื่อมถอยลง(พระกัสสปะพุทธเจ้าเป็นพระพุทธเจ้าองค์หนึ่งในบรรดาพระ

พุทธเจ้า 5 พระองค์ ซึ่งมาตรัสรู้ในกัปนี้ และได้ตรัสรู้ก่อนพระพุทธเจ้าของเรา)

ณ กาลครั้งนั้นมีพระภิกษุ 7รูป เห็นพวกภิกษุสามเณรประพฤติย่อหย่อนต่อธรรมวินัย ก็เกิดความสลดใจ ได้ปรึกษาตกลงกันว่า “ตราบใดที่พระ

ศาสนายังไม่สูญสิ้นเสื่อมสูญไป ตราบนั้นพวกเราจะทำที่พึ่งให้แก่ตนให้ได้” เมื่อปรึกษาตกลงกันแล้วจึงไปไหว้พระเจดีย์ทอง อันเป็นพระเจดีย์ที่

บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระกัสสปะพุทธเจ้า แล้วก็พากันเจ้าสู่ป่า พบเขาลูกหนึ่งจึงพูดว่า

“ผู้ทีมีความอาลัยในชีวิตอยู่ก็จงพากันกลับไป ส่วนผู้ที่ไม่มีความห่วงใจในชีวิต แล้วจงพากันขึ้นภูเขาลูกนี้”

พูดเสร็จก็ได้พาดบันไดขึ้น แล้วภิกษุทั้งเจ็ดรูปจึงได้ปีนเขาขึ้นไปยังภูเขานั้นทางบันไดที่พาดไว้ เมื่อขึ้นไปถึงเรียบร้อยแล้วจึงได้ผลักบันไดลง

เสีย แล้วตั้งหน้าปฏิบัติสมณธรรมกันอย่างจริงจัง เพื่อหวังบรรลุมรรคผลอันเป็นจุดมุ่งหมายสูงสุดของแต่ละท่าน

พอผ่านไปได้เพียงคืนเดียว ในจำนวนภิกษะทั้งเจ็ดรูป พระสังฆเถระ(คือผู้ที่มีพรรษาแก่กว่าทุกรูป) ก็ได้สำเร็จพระอรหันต์รูปแรก และท่าน

สามารถไปนำบิณฑบาตจากที่ไกลๆมาถวายพระภิกษุทั้ง 6 รูป แต่ทุกรูปปฏิเสธไม่ยอมฉัน โดยเรียนว่า...

“ท่านครับ...ก็พวกผมได้ทำกติกากันไว้หรือว่า ถ้าผู้ใดสำเร็จพระอรหันต์ก่อน รูปที่ยังไม่สำเร็จจะฉันบิณฑบาตรที่ผู้สำเร็จอรหันต์นั้นมา” “ไม่ได้ทำ

กันไว้ดอกคุณ” พระสังฆเถระ ตอบ

“ถ้าอย่างนั้นพวกกระผมก็จะทำคุณวิเศษให้เกิดขึ้นเหมือนอย่างท่านแล้วจะไปนำบิณฑบาตรมาฉันด้วยตนเอง “ ภิกษุอีก 6 รูปกล่าวอย่างหนัก

แน่น และไม่ยอมฉันบิณฑบาตที่พระสังฆเถระนำมาถวาย

พอถึงวันที่สอง พระเถระรูปหนึ่งก็ได้บรรลุอนาคามิผล แล้วไปบิณฑบาตมาถวายภิกษาอีก รูป แต่ทั้งห้ารูปก็ไม่ยอมฉันโดยกล่าวยืนยันอยู่เหมือน

เดิม

ในที่สุดพระเถระที่สำเร็จพระอรหันต์ก็ได้ปรินิพพาน ส่วนรูปที่ได้เป็นพระพรหมในพรหมโลกอันเป็นเทพเจ้าชั้นสูงตามหลักในพระพุทธศาสนา แต่

อีกรูปที่ยังเหลือเมื่อไม่อาจจะได้บรรลุมรรคผลอันใด ผ่ายผอมหนักเข้าพอถึงวันที่ 7 ก็ถึงแก่กรรมมรณภาพทั้งห้ารูปแล้วไปบังเกิดในสวรรค์ด้วย

อำนาจบุญที่ตนได้ทำไว้

พอถึงสมัยพุทธกาลทั้งห้าก็จุติจากสวรรค์ลงมาบังเกิดในโลกมนุษย์ในจำนวนทั้งห้าท่านนั้น คนหนึ่งได้เป็นพระราชาทรงพระนามว่า “ปุกกุสะ” คน

หนึ่งมาเกิดเป็น “ พระกุมารกัสสปะ” คนหนึ่งเกิดเป็น “พระทัพพมัลลบุตร” คนหนึ่งเกิดเป็นบุรุษชื่อว่า “พาหิยะ” (ทารุจีริยะ) อีกคนหนึ่งเกิดเป็น

ปริพาชก ชื่อ “สภิยะ”

ในจำนวนทั้งหกท่านนั้น ภิกษุที่ไปเกิดเป็นพรหมในพรหมโลก วันหนึ่งมาคำนึงถึงเพื่อนของท่านว่า ไปเกิดอยู่ ณ ที่ใด จึงได้ตรวจดูด้วยทิพยจักษุ

ของตนได้พบว่า เพื่อนคนหนึ่งของท่านไปเกิดเป็นบุรุษชื่อว่า “พาหิยะ” บัดนี้กำลังเดินทางผิด ซึ่งท่านจะต้องลงไปช่วยชักนำให้เดินทางถูก..

ดังนั้นคืนวันหนึ่งพระพรหมนั้นจึงได้มาจากพรหมโลก เพื่อจะช่วยเพื่อนของท่าน เมื่อมาถึงที่อยู่ของพาหิยะ ขณะยืนอยู่บนอากาศนั่นเองก็ได้พูด

เตือนสติทารุจีระว่า

“พาหิยะ...ท่านไม่ได้เป็นอรหันต์ดอก ทั้งท่านก็ไม่ได้ปฏิบัติไปตามทางของพระอรหันต์ด้วย แม้ข้อปฏิบัติของท่านที่จะทำให้ท่านเป็นพระอรหันต์

หรือเดินไปตามทางของพระอรหันต์ก็ไม่มีเลย...”

พาหิยะ มองดูท้าวพรหมกำลังพูดอยู่เช่นนั้น จึงคิดว่า...

“น่าสลดใจแท้ เราทำกรรมหนักเสียแล้ว เราสำคัญตัวว่าเราเป็นพระอรหันต์ แต่เทพเจ้านี้บอกเราว่าเราไม่ใช่พระอรหันต์ ทั้งไม่ใช่ผู้ปฏิบัติไปตาม

ทางของพระอรหันต์ ก็ในโลกนี้ยังมีใครอื่นที่เป็นพระอรหันต์อยู่หรือ” เขาจึงได้ถามว่าพระพรหมนั้น่และได้รับคำตอบจากพระพรหมนั้นว่า...“พาหิ

ยะ ณ ชนบทด้านทิศเหนือมีพระนครอยู่แห่งหนึ่งชื่อว่า สาวัตถี ณ นครแห่งนั้นเอง บัดนี้มีพระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ พระผู้มีพระภาคเจ้า

พระองค์นั้น เป็นพรอรหันต์ตรัสรู้ได้โดยพระองค์เอง และแสดงธรรมเพื่อให้ผู้อื่นสำเร็จเป็นพระอรหันต์ด้วย”

พาหิยะเมื่อทราบดังนั้นก็เกิดความสลดใจที่ตนเองเดินทางผิด แล้วออกเดินทางจากท่าสปปรกะในคืนวันนั้นมุ่งตรงไปยังเมืองสาวัตถีอันอยู่ห่าง

จากที่นั้นถึง 1,920 กม. (ร้อยยี่สิบโยชน์) เมื่อไปถึงแล้วก็ได้พบพระพุท ธเจ้าขณะที่กำลังเสด็จบิณฑบาตรอยูบนถนนสายหนึ่งของเมืองสาวัตถี

และได้ฟังธรรมที่พระพุทธองค์ทรงแสดงแต่เพียงโดยย่อ ก็ได้ สำเร็จเป็นพระอรหันต์ในขณะที่ยืนอยู่บนถนนในเมืองนั่นเอง

เนื่องจากพระพาหิยะได้สำเร็จพระอรหันต์ด้วยความรวดเร็วในขณะที่ท่านยังไม่ได้บวช ท่านจึงได้รับยกย่องจากพระพุทธเจ้าว่า...เป็นผู้เลิศกว่า

พระภิกษุทั้งหลายในทางตรัสรู้ได้เร็ว

พระพาหิยะได้มาพบพระพุทธเจ้าก็เพราะเทพเจ้าชักนำ และได้สำเร็จพระอรหันต์ก็เพราะบุญบารมีที่ท่านเคยสั่งสมไว้ เมื่อปางก่อนมาสนับสนุน...

เทพเจ้า เทพพรหม มีพลังสู่งส่งอำนาจทิพย์ของท่านสามารถบันดาลดั่งใจปรารถนา ช่วยมนุษย์ได้แม้บางเรื่องมิได้เกี่ยวข้องกับกระแสธรรม มัน

เป็นเรื่องทางโลกโดยตรง ทานก็ประทานพรให้ตามคำขอ

ข้อธรรมต่างๆ องค์เทพท่านก็สามารถไขข้อสงสัยแก่มนุษย์ได้เพราะบางองค์เป็นเทพที่ยืนดูวัฐจักรของสัตว์มายาวนาน เห็นซึ้งแล้วซึ่ง”ความ

จริง”ของโลก...

องเทพมีส่วนชักนำให้มนุษย์เข้าถึงพุทธศาสนาได้เหมือนกัน เยี่ยงกระแสขององค์จตุคามรามเทพในปัจจุบัน ก็ยังจูงใจคนบางคนที่มีหัวทาง

“คอม มิวนิสต์” ให้มาสนใจเรื่อง พระเจ้า ได้เหมือนกัน

ทุกสิ่งสรรค์ในโลก ตามศาสนาเทวนิยมถือว่า เป็นเทวบันดาล แต่พระพุทธศาสนาถือว่าตัวเราเองนั้นแหละลิขิตให้เป็นไปด้วยสองมือ แต่จะ

ปฏิเสธเทพพรหมก็หาไม่

อย่าง “หลวงปู่” ที่ท่านสอนว่าเจ้าแม่กวนอิมเคยสร้างบารมีมาร่วมกันกับองค์ท่าน นี่ก็น่าคิดเพราะคนเราล้วนเวียนว่ายตายเกิดกันไม่สิ้นสุดจริงแท

แน่ๆ โอกาสที่เวียนวนมาพบเจอะกันสักครั้ง มันมีความเป็นไปได้..

ยุคกึ่งพุทธกาลนี่หนอที่เขาว่า องค์เทพ โพธิสัตว์ พรหม จะมาบำรุงธรรมของพระพุทธเจ้า ค้ำชูพระพุทธศาสนาให้อยู่ได้ เห็นทีว่าจะเป็นจริง

แล้ว...<O</O



จบตอนที่ 2 ครับ

 

อนุโมทนา สาธุ กับ พี่ 3เหลี่ยม ขอรับ ได้ครับ apiwat_c@kinden.co.th ครับ ลองส่งดูครับแต่ต้อง zip ก่อนครับ ถ้าใหญ่มากจะส่งไม่ผ่านครับพี่

 

กราบขอบพระคุณ พี่สามเหลี่ยม ครับ
ได้รับความเมตตา จากพี่สามเหลี่ยม เรื่องเปิด จักระ จากทางไกลนะครับ
มีความรู้สึก ว่าได้รับการถ่ายทอดพลังจริงๆครับ
หลังจากนั้น พยายาม Focus ไปที่ 6 7 5 นะครับ
ความรู้สึก เหมือนอะไรในศีรษะ จะระเบิดออกมาให้ได้ ตอนนั้น ยังงกพลัง นึกว่า ถ้าระบายออก พลังจะหายไป นะครับ เลยเก็บกับตัวไว้ ทั้งมือ ซ่า แปล้บๆ ทั้งมึนๆ
ถึงได้รู้ว่าต้องปล่อยไปที่ต้นไม้บ้าง นะครับ อาการ ดังกล่าวถึงหายไป

ตอนนี้พยายาม เท่าที่จะนึกออกนะครับ
เรื่องตาที่ 3 ก็ยังไม่ได้สัมผัส แต่คิดไว้ว่า ถ้าทำขั้นต้นให้ดีที่สุด ขั้นถัดไปก็จะตามมาเองนะครับ

ผมได้ใช้ วิธีการที่พี่สาม แนะนำ
อาราธนา บารมี ของพระโพธิสัตว์ ท่านเมตตาทุกองค์ครับ พระโพธิสัตว์กวนอิม พระแม่อุมา หลวงปู่ทวด หลวงปู่ดู่ ครูบา รวมทั้ง อาจารย์ ด๋าง
ท่านมอบให้ทุกองค์


สาธุครับ พี่ สามเหลี่ยม คุรุ ทุกท่าน

ถ้าผิดช่วยแก้ให้ด้วยนะครับ

 

แฮะๆ พระแม่อุมารุ่นสยบธรณี นี่คือ องค์ที่ทาสีทอง ใช่ไหมครับ

 

ผมสมาชิกใหม่ เป็นครูครับ ขอจองรุ่นสยบธรณี 1 องค์ครับ ถ้ายังเหลือกรุณาตอบด้วยครับ จะโอนเงินให้แน่นอน

 

สาธุ รีบมาขอโมทนากับคุณพี่สามเหลี่ยม ทันทีครับ
หากครูบา มา กทม. ตรงวันอาทิตย์ หรือช่วงเวลาเลย 19.00 น.
ของวันธรรมดา รบกวนบอกผมด้วยนะครับ ผมอยากไปกราบท่านมากๆ คงจะได้รับสิ่งดีๆที่ผมหวังมานานจากท่านครับ
(b-smile) (b-smile) (b-smile)

 

<TABLE class=tborder id=post662727 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">20-08-2007, 06:00 PM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right>#3221 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>triangle-w<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_662727", true); </SCRIPT>
สมาชิก



เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: เมื่อวานนี้ 11:15 PM
วันที่สมัคร: Mar 2007
ข้อความ: 506 <!-- Start Post Thank You Hack -->
ได้ให้อนุโมทนา 1,942 ครั้ง
ได้รับอนุโมทนา 3,761 ครั้ง ใน 505 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
พลังการให้คะแนน: 431





</TD><TD class=alt1 id=td_post_662727 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- icon and title -->ครูบาคำเป็ง
<HR style="COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message -->วันนี้ไปหาหลวงปู่มา ได้รุ่นสยบธรณีมา 8 องค์ครับใครอยากได้ลงชื่อไว้ครับ ครบเมื่อไหร่จะส่งให้พร้อมกันหมดครับ ส่วนทำบุญ หลวงปู่บอกว่า 999 บาทครับ โอนเงินได้เลยครับ ช่วยหลวงปู่สร้างวัดครับ ผมไปเห็นมาแล้วยังต้องบูรณะอีกมากครับเอาไว้จะลงรูปให้ดูได้ชมกันครับ ขออนุโมทนาสาธุล่วงหน้าครับ
(b-smile) (b-smile) (b-smile)
<!-- / message -->


</TD></TR></TBODY></TABLE>

รายชื่อผู้จองรุ่น สยบธรณี

1.dumdum<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_661682", true); </SCRIPT>
2.Aspn<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_662395", true); </SCRIPT>
3.ราชันต์
4.aeziss<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_663627", true); </SCRIPT>
5.boy9798<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_664021", true); </SCRIPT>
6.kwok<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_664085", true); </SCRIPT>
7.yai_93
8.เอกณัฐยศ


(ขออภัยในความผิดพลาดต่อคุณineedo<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_665912", true); </SCRIPT> ด้วยครับ)

ครบตามจำนวนแล้วครับ...ขอแสดงความยินดีกับทุกท่านด้วย
ในผลบุญครั้งนี้ สาธุครับ

พี่สามเหลี่ยม มีเก็บเกินไว้สักองค์ไหมครับ เผื่อคุณ ineedo หนะครับ

 

ขอบคุณมากครับ คงเป็นเพราะบารมีท่านครูบา ทำให้ผมผ่านมาพบเวปนี้เข้าและจองสยบธรณีทันเป็นคนสุดท้ายพอดี..พรุ่งนี้ผมจะเข้าจังหวัดโอนเงินทำบุญครับ...โอนแล้วจะแจ้งอีกครั้งหนึ่งครับ...
นันททัศน์ ถึงลาภ โรงเรียนไผ่แถวอนุสรณ์ หมู่ 8 ต.บางกระเบา อ.บ้านสร้าง จ.ปราจีนบุรี 25150

 

เย้ ......

แล้วจาโอนเงินไปให้นะครับ ท่าน Triangle-W ขอขอบคุณครับ

 

ถึง พี่สามเหลี่ยม และคุณโคมฉายครับ

วันนี้ 22 /8/50 ได้โอนเงิน ที่ กสิกรไทย สาขาบางใหญ่ไนท์บาร์ซ่า
เข้าบัญชีครูบาคำเป็ง จำนวน 1400 บาท
เพื่อบูชา รุ่นสยบธรณื 1 องค์ และ จตุคามหลังแม่อุมา 2 องค์

กรุณาส่งมาที่ นายเอกณัฐยศ พานิชย์ไพศาลกูล
51/146 ม.6 บางใหญ่ซิตี้ ซ.13/1 อ.บางใหญ่ นนทบุรี 11140

รายละเอียดการโอนเงิน
REF 284-22/08/07-014 FR BRN 776 15:49:32 AUTH24547
TLR 24547 284-2-62625-3 1400.00 TT 8500

 

ต้องขอโทษด้วยครับ ขอแก้ไขใหม่ดังนี้.-

รายชื่อผู้จองรุ่น สยบธรณี

1.dumdum<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_661682", true); </SCRIPT>
2.Aspn<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_662395", true); </SCRIPT>
3.ราชันต์
4.aeziss<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_663627", true); </SCRIPT>
5.boy9798<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_664021", true); </SCRIPT>
6.kwok<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_664085", true); </SCRIPT>
7.yai_93
8.เอกณัฐยศ

(ขออภัยในความผิดพลาดต่อคุณineedo<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_665912", true); </SCRIPT> ด้วยครับ)

ครบตามจำนวนแล้วครับ...ขอแสดงความยินดีกับทุกท่านด้วย
ในผลบุญครั้งนี้ สาธุครับ

พี่สามเหลี่ยม มีเก็บเกินไว้สักองค์ไหมครับ เผื่อคุณ ineedo หนะครับ<!-- / message --><!-- sig -->

 

อ้างอิงมาเพื่อให้รู้ที่มาของรุ่นสยบธรณี
และเคล็ดการใช้คาถา

 

บท "หนี่งเดียว เดียวหนึ่ง..." นอกจากดัดแปลงใช้เหมือนบท "นะดูดนะ..." แล้ว เคล็ดลับอยู่ตรงนี้ี่ครับ เมื่อว่าคาถาครบสามจบ แล้วเป่าลมใส่พระเครื่องในมือ ตามวิธีที่บอกไว้ในบทนำ (สมมติว่าเป็น แม่อุมารุ่นยิม หรือ พระแม่กวนอิมก็ได้) จากนั้น ก็จับพระเครื่องเคาะเบาๆ เน้นครับ "เบา..เบา" กับพื้น หรือพื้นโต๊ะ ในลักษณะเดียวกับการเคาะนิ้วเล่นบนโต๊ะที่พวกพระเอกชอบทำกัน (ในหนัง) พร้อมกับภาวนาไปด้วยว่า "ดูดมา ดูดมา ดูดลูกค้ามาสู่ร้านข้าพเจ้า ....." แบบนี้นะครับ พร้อมกับกวาดสายตาไปทั่วๆ แบบว่าให้ดูดมาจากทุกทิศทุกทาง ทำนานประมาณ 3 - 5 นาที ขอรับ

เอามาย้ำครับ
ผมเคยคุยกับบางคนเค้าบอกผมว่าเค้าเอาพระครูบาไปแล้วนั่งท่องคาถาเรียกลูกค้า ปรากฎว่าลูกค้าเข้าร้านไม่ขาดเช่นกัน เลยย้ำๆกันไว้ครับ

 

แม่อุมา รุ่น 4 คือรุ่นที่มีลักษณะแบบไหนหรือครับ

 

คาถามหาดูด
คุณโรเบิร์ตเจ้าของภาพอธิบานว่า"บท "นะดูดนะ..." เป็นบทรวมคาถามหาดูด ให้ดัดแปลงได้ตามความเหมาะสม เช่น ตรง "ดูดมานิมามา ดูดคนมา เงินมา" ก็ดัดแปลงเป็น "ดูดมานิมา ดูดคนมา ดูดลูกค้าที่ดีๆ มีเงินจับจ่ายใช้สอยมาสู่ร้านของข้าพเจ้า..." ก็ว่าไป แบบนี้ ครับ (อ้อ บทนี้ ดูได้ที่รูปพระแม่กวนอิม โดยไล่จากข้างในวนตามเข็มนาฬิกา ออกไปข้างนอก ครับ)"

ผู้ใดมีวัตถุมงคลครูบา
พิมพ์ภาพนี้ไว้นะครับ
ขนาดเล็กให้เห็นคาถา
แล้วพกติดกระเป๋า
เฉพาะรูปนี้ก็ขลังแล้วคับ