สอนเคร็ดวิชาเก้าอิม

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย วิหคอิสระ, 7 กันยายน 2012.

  1. วิหคอิสระ

    วิหคอิสระ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    758
    ค่าพลัง:
    +1,318
    พลังงานมีทั้งอยู่ภายในร่างกายและภายนอกร่างกาย สำหรับบทความบางฉบับได้กล่าวถึงพลังงานภายในร่างกายที่เรียกว่าพลังงานความร้อนจากการสันดาป หรือที่นักฝึกจิตชาวจีนโบราณเรียกชื่อว่า “เก้าเอี๊ยง” แล้ว ในฉบับนี้จะกล่าวถึง พลังงานภายนอกร่างกายบ้าง โดยจะเริ่มศึกษาจากพลังงานที่มีความเย็น ซึ่งจะตรงกันข้ามกับพลังงานภายในร่างกายที่มีความร้อน การฝึกรับพลังงานภายนอกที่มีพลังความเย็นในขณะที่ร่างกายมีความร้อนนี้ช่วยให้จับความรู้สึกของพลังงานภายนอกที่มีความเย็นขณะเข้ามาสู่ร่างกายได้ชัดขึ้น เนื่องจากภายในร่างกายของเรามีความร้อนอยู่ก่อนนั่นเอง ทำให้ง่ายต่อการฝึกในขั้นต้น ดังนั้น ในบทความฉบับนี้จะขอเสนอการฝึกเรียนรู้พลังงานธรรมชาติที่อยู่รอบตัวเรา ที่สามารถเคลื่อนย้ายถ่ายเทได้เหมือนพลังงานทั่วๆ ไป จากพลังงานความเย็นก่อน เพื่อให้ง่ายต่อการจับความรู้สึก แล้วจึงพัฒนาไปสู่พลังงานชนิดอื่นต่อไป


    ธรรมชาติรอบตัวเรามีพลังงานความเย็นอยู่จริงหรือไม่?
    ปกติ เราจะสามารถจับพลังงานในรูปความร้อนได้ดี และอาศัยคลื่นพลังงานความร้อนที่เกิดจากการเผาไหม้ในแบบต่างๆ เราเรียกพลังงานความร้อนว่า “พลังงาน” ในขณะที่ที่ใดมีความเย็น หรืออุณหภูมิลดลงเราก็มักเผลอสรุปไปในทันทีว่าพลังงานคงจะลดลง แท้จริงแล้วคลื่นพลังงานมีหลายชนิด และทำให้ร่างกายรู้สึกได้แตกต่างกัน เช่น ร้อนก็ได้ เย็นก็ได้ แตกต่างกันไปตามแต่ละชนิดของคลื่นพลังงาน นักฝึกจิตสัมผัสพลังงานที่ตาเปล่ามองไม่เห็นที่มีความชำนาญจะสามารถบอกและแยกแยะพลังงานแต่ละชนิดได้ดี ยกตัวอย่างเช่น พลังงานความร้อน ในทางวิทยาศาสตร์สามารถจับได้ในรูปคลื่นรังสีอินฟาเรด มีสีแดงเป็นส่วนใหญ่ ในขณะที่ตาทิพย์สามารถจับคลื่นพลังงานชนิดนี้ได้ละเอียดกว่ากล้องอินฟาเรด เพราะสามารถเห็นเป็นแสงสีทั้งสี แดง, ส้ม, ทอง และเหลือง ทั้งสามสีมีคลื่นความถี่ต่างกัน แต่จัดอยู่ในกลุ่มที่ให้ความรู้สึกร้อนได้เหมือนกัน ทว่าคลื่นรังสีที่ตามองไม่เห็นแต่วิทยาศาสตร์รับรองและพิสูจน์ได้ว่ามีจริงนั้น มีมากกว่าหนึ่งชนิด รังสีอินฟาเรดมีความร้อนเป็นส่วนหนึ่งของพลังงานธรรมชาติเท่านั้น ยังมีพลังงานในธรรมชาติอีกมากมายที่เราไม่ค่อยรู้จักนัก เช่น รังสีอุลตราไวโอเลต ที่มีสีม่วง ตาทิพย์จะจับคลื่นรังสีประเภทนี้ได้หลายสีเช่น ม่วง, คราม, น้ำเงิน, เขียว เมื่อเราตากแดดในตอนเช้า เราต้องการคลื่นรังสีคลื่นยาวที่พอจะเข้าถึงตัวเราได้ในแนวเฉียงหรือแนวนอน ทำให้เราไม่ค่อยร้อน แต่ในตอนกลางวัน คลื่นเหล่านี้ส่องตัวเราในแนวตั้งฉากทำให้ร้อนกว่าปกติ พร้อมด้วยรังสีคลื่นสั้นอีกหลายชนิด ดังนั้น เราจึงตากแดดตอนเช้าเพื่อให้ร่างกายได้รับวิตามินดีจากผิวหนังที่สร้างขึ้นเมื่อแสงแดดกระตุ้น รังสีที่เราต้องการรับนั้นคือ รังสีอินฟาเรด ซึ่งก็คือ คลื่นพลังงานประเภทเดียวกับพลังเก้าเอี๊ยง สำหรับนักฝึกจิตโบราณหลายท่านอดทนนั่งรับพลังจากอาทิตย์นี้ทั้งวันจนผิวไหม้เกรียมก็มี แต่พระพุทธเจ้าได้กล่าวแล้วถึงทางสายกลางที่ไม่ใช่การทรมานตน ดังนั้น การรับพลังงานจากดวงอาทิตย์จึงควรรับเฉพาะตอนเช้าๆ เมื่อสายแล้วก็ควรเลิกรับพลังงาน คลื่นรังสีในธรรมชาตินอกจากดวงอาทิตย์แล้ว ยังมีอยู่ในสิ่งอื่นๆ อีกมากมาย เช่น ดวงจันทร์, ผลึกแก้วจากธรรมชาติ, หยก, หินชนิดต่างๆ ฯลฯ สิ่งเหล่านี้ล้วนมีพลังงานตามธรรมชาติอยู่ไม่แตกต่างจากคลื่นพลังงานแสงอาทิตย์ เพียงแต่จะเป็นคลื่นพลังงานคนละประเภทกัน และมีประโยชน์แตกต่างกันเท่านั้นเอง สำหรับคลื่นพลังงานจากหินเช่น หยกนี้จะมีความเย็น เป็นพลังเย็นจากนอกร่างกาย อนึ่ง ความรู้สึกเย็นนี้ เกิดขึ้นได้สองสาเหตุ คือ หนึ่ง เพราะร่างกายสูญเสียพลังงานความร้อนไป หรือ สองเพราะร่างกายได้รับพลังงานเย็นเข้ามาก็ได้ สำหรับ น้ำแข็ง ทำให้ร่างกายต้องสูญเสียความร้อนออกไป และเมื่อสูญเสียพลังงานความร้อน หรือพลังเก้าเอี๊ยงถึงระดับหนึ่งแล้ว ร่างกายก็ไม่สามารถต้านทานเชื้อโรคได้จนต้องป่วย เป็นต้น ตรงกันข้ามกับการได้รับพลังงานเย็น พลังเย็นเป็นพลังงานประเภทหนึ่ง ที่ไม่ได้เกิดจากการสูญเสียพลังงานความร้อน แต่เกิดจากร่างกายได้รับพลังงานชนิดนี้ แล้วรู้สึกจับสัมผัสได้ว่าเย็น เราเรียกพลังงานภายนอกที่มีความเย็นนี้ตามการค้นพบของชาวจีนโบราณว่า “เก้าอิม” ซึ่งมีอยู่จริงไม่ใช่มีแต่ในนิยายเท่านั้น


    พลังเก้าอิมในธรรมชาติมีอยู่ที่ใดบ้าง?
    ชาวผิวขาวโบราณรู้จักการใช้หินรักษาโรค หินมีหลากหลายชนิดให้เลือกใช้ และหินหลายชนิดจะให้ความรู้สึก “เย็น” เมื่อสัมผัสร่างกาย นอกจากนี้ ชาวผิวขาวโบราณบางท่านยังรู้จักการใช้ “โคลน” ที่มีแร่ธาตุมากมายในการรักษาโรคอีกด้วย เราเรียกกรรมวิธีเหล่านี้กันในสมัยปัจจุบันว่า “สปา” บ้าง “หินบำบัด” บ้าง แร่ธาตุและหินเหล่านี้ นอกจากจะมีสารอาหารแล้ว บางชนิดไม่ได้มีสารเคมีซึมเข้าไปสู่ร่างกายได้เลยนอกจากพลังงานเท่านั้นที่จะส่งผ่านเข้าสู่ร่างกายได้ เช่น หินต่างๆ หินต่างชนิด ต่างสีกันจะมีพลังงานต่างกัน หินเหล่านี้เมื่อมีอยู่ในธรรมชาติจะรักษาพลังงานไว้ได้อย่างดี แต่เมื่อถูกเจียระไนแล้ว พลังงานจะสูญเสียไป การใช้หินเหล่านี้เพื่อถ่ายเทพลังงานเข้าสู่ร่างกายมนุษย์ จึงต้องเลือกใช้หินที่มีพลังงานอยู่จริง และยังไม่สูญเสียพลังงานธรรมชาติไปหมด


    ตามบันทึกโบราณซึ่งได้เล่าเป็นนิยายกำลังภายในของกิมย้ง ได้กล่าวถึงการฝึกพลังเย็นโดยการนอนบนเตียงหยกเย็น นี่ก็เป็นหลักฐานสำคัญอีกชิ้นหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่าชาวจีนโบราณรู้จักใช้ประโยชน์จากพลังงานที่มีความเย็นที่อยู่ในหยก เฉกเช่นเดียวกันชาวผิวขาวโบราณที่ใช้หินธรรมชาติเพื่อบำบัดรักษาโรค อนึ่ง พลังงานที่มีความเย็นแผ่ออกมานี้ มีอยู่ตามถ้ำบ้าง ผาหินบ้าง ที่ที่มีหินธรรมชาติสะสมอยู่มากบ้าง หรือจากพื้นดินที่มีแร่ธาตุความเย็นอุดมสมบูรณ์บ้าง ผู้ฝึกพลังเย็นสามารถเลือกหาสถานที่ฝึกเพื่อสะสมพลังงานความเย็นจากธรรมชาติเหล่านี้ได้ แต่ปัจจุบันหาได้ยากมาก เพราะแหล่งหินต่างๆ ในธรรมชาติถูกระเบิดทำลายเพื่อเอาไปใช้ในการผลิตสินค้าต่างๆ ทำให้พลังงานที่มีความเย็นสูญเสียออกไปกระจายอยู่ตามธรรมชาติ และส่งผลกระทบต่อธรรมชาติด้วย


     
  2. วิหคอิสระ

    วิหคอิสระ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    758
    ค่าพลัง:
    +1,318
    การฝึกพลังเก้าอิมทำอย่างไร

    ๑) ต้องหาสถานที่ที่มีพลังเย็นแผ่ออกมา เป็นพลังดี ไม่ใช่พลังลบ เช่น ในถ้ำที่มีแก้วผลึกหินอยู่มาก หรือมีความเย็นแผ่ออกมา และได้รับการตรวจดีแล้วว่าเป็นพลังเย็นแผ่ออกมา ไม่ใช่เพราะดูดพลังงานความร้อนจากร่างกายออกไป
    ๒) ทดลองสัมผัสพลังงานความเย็นที่แผ่เข้ามาในร่างกาย แยกแยะให้ได้ระหว่างพลังงานความร้อนที่สูญเสียไปจากร่างกายทำให้ร่างกายเย็นขึ้น กับพลังงานความเย็นที่เสริมเข้ามาในร่างกายทำให้ร่างกายเย็นขึ้น เมื่อเห็นความแตกต่างชัดเจนแล้วจะฝึกรับพลังงานได้ไม่ผิดทาง ฝึกสังเกตพลังเย็นให้ชัดจนชำนาญ
    ๓) ทดลองแยกแยะพลังงานเย็นที่ดี และพลังงานเย็นที่ไม่ดี มีผลร้ายต่อร่างกาย แล้วเลือกรับพลังงานเย็นที่ดีเข้าสู่ร่างกายเท่านั้น พลังงานเย็นที่ไม่ดีต่อร่างกายเช่น พลังเย็นจากพื้นดินเหนือสุสานหลุมฝังศพทั้งหลาย เกิดจากพลังงานที่หลงเหลือของร่างกายมนุษย์ เป็นเศษซากพลังงานที่ก่อให้เกิดผลลบต่อร่างกาย
    ๔) เลือกสะสมพลังงานเย็นชนิดดี เช่น พลังงานเย็นจากหยก, จากแหล่งอัญมณี ที่มีพลังงานเย็นแผ่ออก เมื่อพลังงานเย็นแผ่เข้ามาสู่ร่างกายให้กำหนดจิตสะสมพลังงานเย็นไว้ที่จักระอื่นที่ไม่ใช่ท้องน้อย เนื่องจากเราจะเก็บพลังร้อนไว้ที่ท้องน้อย จึงต้องเก็บสะสมพลังงานเย็นไว้ที่อื่น เช่น บริเวณก้นกบหรือหน้าอก
    ๕) ฝึกเก็บสะสมพลังงานเย็น โดยรับพลังงานเย็นผ่านอวัยวะที่เปิดรับพลังงานได้ดี ถ้าสามารถฝึกกำหนดจิตเห็นความเคลื่อนที่ของพลังงานผ่านเป็นเส้นทางภายในร่างกายต่างๆ ได้ชัด ที่เรียกว่า “ชีพจรเปิด” ก็สามารถลำเลียงพลังงานเย็นมาเก็บสะสมไว้ได้ไม่ติดขัด แต่ถ้าชีพจรไม่เปิด จักระไม่เปิด ก็ต้องกำหนดจิตทะลวงให้ทางไหลสะดวกก่อนลำเลียงเข้ามา หากได้ผู้มีพลังภายในจำนวนมากทะลวงเปิดชีพจรต่างๆ ให้ก็จะสามารถฝึกเก็บและถ่ายเทพลังงานเย็นได้ดีขึ้น
    ๖) ฝึกเก็บพลังเย็นไว้ในจักระที่เลือกอย่างเหมาะสม เช่น หน้าอก ฝึกดึงพลังงานเย็นออกมาใช้ตามโอกาสที่เหมาะสม ฝึกดึงพลังเย็นเข้าและถ่ายออกจากแหล่งที่เก็บให้เกิดความชำนาญ แหล่งที่เก็บพลังงานจะขยายกว้างมากขึ้นเรื่อยๆ และสามารถเก็บพลังงานได้มากขึ้น คล้ายกระเพาะอาหารที่ใช้งานมากจะกว้างขึ้น


    ประโยชน์จากพลังเก้าอิม
    ๑) รักษาโรคที่เกิดจากพลังงานความร้อนมากผิดปกติ
    เมื่อร่างกายมีพลังงานความร้อนภายในมากผิดปกติ จะก่อให้เกิดโรคต่างๆ เช่น แผลร้อนใน อนึ่ง แม้เชื้อโรคภายนอกร่างกายบางชนิดที่เข้าสู่ร่างกายจะตายลงได้ เมื่อร่างกายมีอุณหภูมิสูงขึ้น แต่เชื้อแบคทีเรียบางชนิดที่มีคุณประโยชน์ที่อาศัยอยู่ภายในร่างกายอาจเพิ่มจำนวนมากขึ้นได้เมื่อร่างกายมีอุณหภูมิสูงขึ้น และส่งผลให้ร่างกายเสียสมดุลไปและกลายเป็นโรคในที่สุด ดังนั้น พลังงานความเย็นนี้ จึงช่วยปรับสมดุลกับพลังงานความร้อนที่มากเกินไปนั้น อนึ่ง พลังงานที่มีความเย็นนี้ จะช่วยดูแลธาตุน้ำในร่างกายให้สมดุล ในคนป่วยเป็นโรคแผลร้อนใน มักไม่ค่อยทานน้ำ พลังเก้าอิมจะช่วยปรับสมดุลให้ได้ ในอดีตผู้เขียนไม่ค่อยทานน้ำ จึงมักเป็นแผลร้อนในในปากแทบไม่เว้นในแต่ละสัปดาห์ เมื่อได้ฝึกพลังความร้อนจากธรรมชาติชนิดนี้แล้ว ปัจจุบัน ปัญหาแผลร้อนในก็ไม่เป็นปัญหาอีกต่อไป คือ เป็นยากขึ้น และถ้าเป็นก็หายได้เร็วกว่าเมื่อก่อน แม้ไม่ค่อยทานน้ำก็ตาม


    ๒) ช่วยเพิ่มความรู้ความสามารถจากธรรมชาติให้แก่ผู้ฝึก
    พลังงานในธรรมชาติที่มีประโยชน์เหล่านี้ มีประโยชน์แตกต่างกันออกไป พลังงานจากหินบางชนิด เช่น อัญมณีต่างๆ ชาวผิวขาวโบราณกล่าวว่าเมื่อใครได้ครอบครองหรือใส่ไว้ก็จะทำให้มีอำนาจมากขึ้นในด้านต่างๆ เช่น อัญมณีสีเหลือง ทำให้เกิดปัญญาและจินตนาการดี, อัญมณีสีม่วง ทำให้มีพลังอำนาจลึกลับทางจิตเพิ่มขึ้น เป็นต้น พลังงานจากหินหรืออัญมณีเหล่านี้ มีอยู่แล้วในธรรมชาติ ร่างกายสามารถซึมซับรับเข้ามาสะสมไว้ได้เหมือนพลังงานชนิดอื่นๆ และสามารถถ่ายเทออกไปจากร่างกายได้เหมือนกัน เมื่อได้สะสมพลังงานหลากหลายชนิดนี้ไว้ ก็จะทำให้ผู้ฝึกมีพลังพิเศษชนิดต่างๆ เพิ่มมากขึ้น ซึ่งหากสามารถทำได้ ก็ควรฝึกพลังจากอัญมณีให้ครบ ๙ สี ๙ ชนิด เมื่อสะสมได้ครบแล้ว ก็สามารถรวมเป็น “พลังนพเก้า” ได้แก่ พลังสีม่วง คือ พลังจิตลึกลับ, พลังสีคราม คือ พลังสุขุมเย็น, พลังสีน้ำเงิน คือ พลังจิตหนักแน่น, พลังสีเขียว คือ พลังรักษาโรค, พลังสีเหลือง คือ พลังจินตนาการ, พลังสีแสด คือ พลังอบอุ่น, พลังสีแดง คือ พลังกระตือรือร้น, พลังสีขาว คือ พลังอิสรภาพ, พลังสีทอง คือ พลังแห่งคุณธรรม อนึ่ง พลังงานธรรมชาติจากภายนอกร่างกายนี้ แม้ร่างกายไม่ได้รับจากธรรมชาติภายนอก หากผู้ฝึกจิตมีความเข้าใจอย่างแท้จริง แม้ไม่ใช้อิทธิฤทธิ์ดึงดูดพลังมาสะสมไว้ ก็สามารถฝึกให้เกิดครบทั้ง ๙ ประการนี้ได้ เรียกว่า “ซกเชน” ซึ่งพระลามะทิเบตต่างได้ฝึกกันมาก เมื่อฝึกสำเร็จจะเกิดออร่า หรือพลังงานชีวิตที่แผ่ออกจากศีรษะมีรัศมีครบเจ็ดสีแผ่ออกมา บวกด้วยสีขาวเป็นวงกลมอยู่ภายใน และสีทองที่อาบอยู่โดยรอบร่าง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 กันยายน 2012
  3. วิหคอิสระ

    วิหคอิสระ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    758
    ค่าพลัง:
    +1,318
    เก้าอิม เป็นวิชชามารจริงๆ หรือ?


    ในนิยายกำลังภายในของกิมย้ง ได้กล่าวถึงหญิงผู้หนึ่งขโมยคัมภีร์เก้าอิมของอาจารย์นามว่าอึ้งเอี๊ยะซือไป แล้วฝึกผิดจนกลายเป็นมาร เนื่องจากแปลความหมายในคัมภีร์ผิดไปว่าต้องฝึกในสุสาน ซึ่งเนื้อความในคัมภีร์นั้นหมายถึง “สุสานโบราณ” ที่มีเตียงหยกเย็นอยู่ สามารถดูดซับพลังเย็นได้จากเตียงนี้ ซึ่งภายหลัง นวนิยายของกิมย้งได้เผยความนัยนี้ออกมาในเรื่อง “กระบี่ฟ้า ดาบมังกร” ที่กล่าวถึงโจวจื่อเยียกซึ่งได้พบความลับของคัมภีร์เก้าอิมที่ซ่อนไว้ในดาบและกระบี่ทั้งสองเล่ม เมื่อฝึกปรือแล้วก็มีความสามารถมาก แต่จิตใจเลวร้ายลง จึงทำให้น่าเชื่อได้ว่าเก้าอิมอาจเป็นวิชชามาร แต่แล้ว หญิงในชุดเหลืองผู้หนึ่งก็ปรากฏกายขึ้น แล้วประลองกับโจวจื่อเยียกโดยใช้วิชชาเดียวกัน หญิงคนนี้ฝึกได้ก้าวหน้าและเหนือล้ำกว่าโจวจื่อเยียก ทั้งยังมีคุณธรรม แตกต่างจากโจวจื่อเยียกที่ไร้คุณธรรม หญิงชุดเหลืองผู้นี้เป็นผู้สืบทอดวิชชาของสำนักสุสานโบราณนั่นเอง ในเรื่องกระบี่ฟ้าดาบมังกร เผยปริศนาที่ซ่อนไว้โดยนัยนี้ เพียงสั้นๆ จากนั้น หญิงในชุดเหลืองก็หายตัวลึกลับไป เพื่อจะบอกนัยๆ ว่า ถ้าเก้าอิมเป็นวิชชามารจริง แล้วเหตุใด หญิงในชุดเหลืองก็ฝึกเก้าอิมจึงไม่เป็นมาร ทั้งยังมีวิชชาเหนือกว่าโจวจื่อเยียก ย้อนกลับไปเมื่อครั้งก่อนที่อาจารย์นามว่าอึ้งเอี๊ยะซือจะได้คัมภีร์เก้าอิมมาครองนั้น คัมภีร์นี้ มาจากสำนักสุสานโบราณที่อยู่ในหุบเขาถัดจากสำนักช้วนจินก่า เมื่อเจ้าสำนักฯ ประลองแพ้เจ้าสำนักสุสานโบราณ จึงได้มอบสำนักสุสานโบราณให้เจ้าสำนักสุสานโบราณ ตนเองได้แลกเปลี่ยนวิชชากับเจ้าสำนักนั้น จึงได้บันทึกการฝึกเก้าอิมไว้ แต่ด้วยความหวงวิชชา เพราะยังหาผู้สืบทอดไม่ได้ จึงได้บอกว่าอย่าอ่านเพราะเป็นวิชชามาร และด้วยความอัปยศในความพ่ายแพ้ในการปะลองครั้งนั้น กล่าวคือ เจ้าสำนักสุสานโบราณใช้ปัญญาช่วยจึงชนะเจ้าสำนักช้วนจินก่า โดยที่เจ้าสำนักฯ ไม่ทราบความลับนี้ นอกจากนั้น ท่านที่มาประลองแลกวิชชากับเจ้าสำนักช้วนจินก่าล้วนมีแต่คนเจ้าเล่ห์ทั้งสิ้น เพราะทั้งห้าคนมารุมประลองกับคนๆ เดียว เจ้าสำนักช้วนจินก่าจึงประลองจนต้องตายไป ก่อนตายท่านจึงได้บอกว่าคัมภีร์นี้เป็นวิชชามาร ในที่สุด จึงไม่มีใครกล้าฝึก ตามประวัติกล่าวว่าน้องของเจ้าสำนักฯ ได้แอบอ่านและได้ฝึกเล็กน้อย แล้วหยุดฝึกไป ซึ่งก็ไม่ได้เป็นมารแต่อย่างใด นอกจากนี้ ยังได้กล่าวถึงเอี๊ยก้วยกับเซียวเล่งนึ้ง ที่อาศัยในสุสานโบราณ และได้คบเฒ่าทารกน้องชายของเจ้าสำนักช้วนจินก่าเป็นสหาย และได้รับคำแนะนำในการฝึกวิชชาต่างๆ ทั้งสองนี้ก็พิสูจน์ให้คนทั้งหลายเห็นในภายหลังแล้วว่าเป็นผู้มีคุณธรรมจริง ไม่ใช่มารแต่อย่างใด ดังนั้น ความเชื่อที่ค้างคาใจผู้คนทั้งหลายมานานว่าวิชชาเก้าอิมเป็นวิชชามาร จึงน่าจะเป็นความเชื่อที่เกิดจากความเข้าใจผิดดังที่ได้กล่าวมานี้
     
  4. วิหคอิสระ

    วิหคอิสระ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    758
    ค่าพลัง:
    +1,318
    [​IMG]

    ปล....ที่มา โดย physigmund_foid ลูกศิษ์คนสุดท้าย ของสำนักง้อไบ๊
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • newresize.jpg
      newresize.jpg
      ขนาดไฟล์:
      27.4 KB
      เปิดดู:
      315
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 กันยายน 2012
  5. Pra_THoNG

    Pra_THoNG เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    179
    ค่าพลัง:
    +739
    เรื่อง นี้ ยอมรับ ว่า สนุก แต่ว่า

    หัดอยู่กับความจริง ออกไปเจอแดด มั่งนะ
     
  6. วิหคอิสระ

    วิหคอิสระ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    758
    ค่าพลัง:
    +1,318
    วิชานี้มีคนบอกว่ามีจริง ไม่ใช้สลิง รวมถึงไท่เก็ก และอีกทั้งคำภีรย์เปลี่ยนเส้นเอ็น(ต้า โม้ อี้ จิน จิง)ก็มีจริงถูกคิดค้นโดนปรมาจารย์ตักม้อหรือพระโพธิธรรมอรหันต์สาวกแห่งพระสมนโคดม
    รวมถึงวิชาล้างใขกระดูก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 กันยายน 2012
  7. วิหคอิสระ

    วิหคอิสระ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    758
    ค่าพลัง:
    +1,318
    ประวัติวิชชาเก้าอิมในประเทศไทย
    วิชชาเก้าอิมได้เผยแพร่เข้ามาประเทศไทยในสมัย ร.๕ ในสมัยนั้น จากบันทึกของท่าน ธ. ธีรทาส ได้กล่าวถึง หลวงพ่อพวงโพธิ์ที่นั่งสมาธิดับขันธ์ในถ้ำที่จังหวัดกาญจนบุรีไว้ว่า หลวงพ่อพวงโพธิ์เป็นชาวจีนเชื้อสายกษัตริย์ราชวงศ์หมิงองค์สุดท้าย ที่เดิมทีคิดจะกอบกู้ราชวงศ์คืนจากราชวงศ์แมนจู แต่ด้วยสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปในที่สุด ท่านก็ตัดใจและอพยพหนีมาผ่านประเทศต่างๆ ห้าประเทศ แล้วพำนักอยู่ประเทศไทย ท่านได้สร้างศาลเจ้าต่างๆ ไว้เพื่อเผยแพร่พุทธศาสนามหายานในประเทศไทยด้วย ศาลเจ้าและโรงเจเหล่านั้นหากยังอยู่จะมีอายุร้อยปีขึ้นไปทีเดียว และหลวงพ่อพวงโพธิ์ก็สำเร็จวิชชาเก้าอิม (ในหนังสือ ศิษย์โง่ไปเรียนเซน เล่มที่สอง โดย ธ. ธีรทาส) นอกจากนี้ ผู้เขียนยังได้สืบหาความจริง พบเจ้าของศาลเจ้าหลวงพ่อฤษีเขากิเลน ซึ่งปัจจุบันยังคงมีชีวิตอยู่ (ปี ๒,๕๕๒) ท่านอายุมากแต่ยังแข็งแรงดีทุกประการ ท่านกรุณาเล่าถึงครั้งเยาว์วัย ที่มาตั้งรกรากในประเทศไทยยุคแรกๆ ต้องแบกข้าวสารหากิน ท่านได้พบชายคนหนึ่งที่สามารถจับกระสอบข้าวสารเหวี่ยงขึ้นได้ และได้เรียนวิชชากังฟูจากท่านนี้ แต่ไม่ทราบชื่อแซ่ของท่าน ท่านสามารถติดต่อได้ที่ ศาลเจ้าหลวงพ่อฤษีเขากิเลน จังหวัดชลบุรี อยู่ระหว่างวัดเขาพุทธโคดม และห้างโรบินสัน อนึ่ง ท่านไม่ทราบด้วยว่าวิชชาที่ท่านฝึกเรียกว่าวิชชาอะไร แต่ผู้เขียนได้อ่านงานเขียนของท่าน ธ. ธีรทาส ก็พบว่าคล้ายกัน
     
  8. วิหคอิสระ

    วิหคอิสระ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    758
    ค่าพลัง:
    +1,318

    นี้สาธิต วิชาล้างใขกระดูก โดยคนไทย อันอื่นยังหาไม่เจอ 555+
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=hDcCR3iQBNw&feature=related]Mantak Chia # Bone Marrow Nei Kung in New York # 1.1) Bone Breathing - YouTube[/ame]
     
  9. วิหคอิสระ

    วิหคอิสระ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    758
    ค่าพลัง:
    +1,318
    [URLI="http://www.nowuny.com/health/swing-arm-exercise-therapy/#more-249"]ส่วนlinkนี่คือคำภีรย์เปลี่ยนเส้นเอ็น(หรือแขว่งแขนบำบัดโรค)[/URLI]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 กันยายน 2012
  10. มินาโก๊จัง

    มินาโก๊จัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2012
    โพสต์:
    1,004
    ค่าพลัง:
    +138
    เป็นวิชาสำหรับผู้หญิงโดยเฉพาะ ผู้ชายก็ฝึกได้ (แต่ไม่ควรฝึกมาก)
     
  11. Jitsamathi

    Jitsamathi Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    46
    ค่าพลัง:
    +66
    ได้ความรู้เพิ่มมาอีกแล้ว ขอบคุณครับ
     
  12. Aeknut2012

    Aeknut2012 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2012
    โพสต์:
    387
    ค่าพลัง:
    +1,093
    มีจริง ผมเชื่อ ...
     
  13. ลูกพุทธธะ

    ลูกพุทธธะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    1,179
    ค่าพลัง:
    +4,787
    ส่วนตัว ชอบมาก........... โปรดแนะนำ วิชาเก้าเอี้ยง วิชาเคลื่อนย้ายจักรวาล ด้วยครับ
     
  14. Prophecy

    Prophecy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2012
    โพสต์:
    1,221
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +7,605
    วิชานี้จะสู้ วิชาหนูอิมอิม ก้าวมหัศจรรย์ ได้ไหมครับ
     
  15. Pra_THoNG

    Pra_THoNG เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    179
    ค่าพลัง:
    +739
  16. Pra_THoNG

    Pra_THoNG เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    179
    ค่าพลัง:
    +739
    เก้าอิม เจอ กับ คนนี้ 1-1 หน่อยไหม

    ถ้ากล้่าเจอ ผม จะเชื่อ อ่ะ

    [​IMG]
     
  17. blackangel

    blackangel เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    1,750
    ค่าพลัง:
    +1,919
    โอ้ววววขนาด 9 อิมยังขนาดนี้ ถ้า 10 11 12 13 ....อินฟินนิตี้ อิมจะขนาดไหน ฮิ้ววววววว 555555+ (||)(||)(||)(||)(||)(||)
     
  18. Workgroup

    Workgroup เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    693
    ค่าพลัง:
    +1,947
    ฝึก อานาปานสติ รู้ทุก การเกิด ขึ้นตั้งอยู่ ดับไป

    อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ใช่ สติ ตรองดู จะได้รู้ ทุกขบวน ท่า ไร้ตัวตน
     
  19. Kaisuck

    Kaisuck สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    52
    ค่าพลัง:
    +8
    ความจริงล้วนอยู่ในกรรมฐาน 40 ดูกาย ดูจิต ดูอารมณ์ ดูธาตุต่างๆ ดูการกระทำ คำว่าดูที่ว่ามาก็พิจารณาอย่างละเอียดนั้นเอง ไม้ได้หมายถึงใช้ตาดูนะครับ
     
  20. darkphantom

    darkphantom เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2006
    โพสต์:
    42
    ค่าพลัง:
    +145
    วิชาเก้าอิมนั้นเป็นยอดวิชาที่ในตอนท้ายผู้ฝึกต้องปล่อยวางหรือละกิเลส จึงจะสำเร็จไม่งั้นธาตุไฟจะเข้าแทรก เนื่องจากกิเลสเป็นพลังร้อน จะทำให้พลังร้อนในร้อนในตัวควบคุมไม่ได้ต้องปล่อยวางซึ่งกิเลส ให้พลังเย็นช่วยดับและควบคุมพลังร้อน วิชานี้เดิมที่กิมย้งสร้างเรื่องวิชานี้โดยเขียนว่าผู้คิดค้นต้องการแก้แค้นให้กับครอบครัวที่ถูกฆ่า แต่พอคิดค้นสำเร็จศัตรูก็แก่หมดแล้ว เลยปล่อยวางและคิดค้นวิชาต่อจนเป็นวิชาที่สมบูรณ์ คนที่ฝึกไม่ครบได้แค่ส่วนเดียวก็กลายเป็นมารไปตามวิชาที่เขียนจากความอาฆาต แต่หากปล่อยวางก็จะสำเร็จได้หมด
    ตอนท้ายวิชาจึงมีส่วนหนึ่งที่เขียนเป็นภาษาบาลีเป็นการซ่อนเคล็ดไว้ให้คนที่คู่ควร
    คนที่สำเร็จ
    1. ก๊วยเจ๋ง ไม่ค่อยฉลาดแต่ซื่อสัตว์ ไม่โลภ ไม่มุ่งมั่นมากนัก มีคุณธรรม จึงฝึกง่ายและได้รับการฝึกสมาธิของเต๋า จึงทำให้ใจสงบ ทำให้สำเร็จ
    2.เฒ่าทารกไม่โลภ ไม่ยึดติด ไม่มุ่งมั่นไม่แค้น ยิ่งฝึกง่ายสำเร็จโดยไม่รู้ตัว
    3.เอี้ยก้วย ฉลาด ซื่อสัตว์ ตอนแรกฝึกเอาตัวรอดไม่คิดแค้นใคร ตอนหลังรู้เรื่องพ่อก็เกือบธาตุไฟแทรก ฝึกกับธาตุเย็น กินเจ อยู่สุสานโบราณไม่ได้เจอใคร เปรียบเหมือนคนเราที่ปลีกวิเวกอยู่ตามป่าเขาไม่มีกิเลสยั่วยุ จึงสำเร็จ
    คนที่ไม่สำเร็จ
    1.อึ้งเอี้ยซือกับอึ้งย้ง ฉลาดมาก แต่เจ้าเล่เพทุบาย ขี้โมโห เอาแต่ใจปล่อยวางไม่ได้ไม่สำเร็จ
    2.อ้าวเอี้ยงฮงสำเร็จแต่บ้า เพราะบ้าเลยสำเร็จ เพราะไม่ยึดติดอะไรแล้ว
    ก้าวอิมเป็นวิชาที่ผสานแนวคิดเต๋าและพุทธเป็นการผสานปรัชญาของทั้งสองไว้ เปรียบได้กับสมาธิที่เราปฏิบัติกัน หากฝึกโดยไม่ปล่อยวางก็ยากที่จะสำเร็จมัวแต่ยึดอัตตา ตัวกูของกู ไม่มีทางสำเร็จ แต่หากปล่อยวางทุกอย่างล้วนแต่สมมติ มรรคผลนิพพานก็ไม่ไกล ทุกวิชาล้วนต้องละกิเลส แต่ละอย่างปล่อยวางไม่ใช่ข่มใจ ดั่งวิชาคางคกของอ้าวเอี้ยงฮงเป็นการกดอารมณ์พอได้ที่ก็ระเบิดพลังออกมา ถ้าใครเคยดูจะมีตอนที่อ้าวเอี้ยงฮงกำลังเดินพลังเตรียมซัดก๊วยเจ๋งอึ้งย้งมาทักไว้ก็เกิดระเบิดพลังใส่อึ้งย้งแทน ดังตัวเราที่เอาแต่ข่มจิตไว้ไม่ให้ฟุ้งซ่านกดตัวเองไม่ให้สนองกิเลสในจิต แต่หากเราปล่อยวางทุกสิ่งล้วนสมมติ ดังพระอานนที่ท่านเพียรจนนาทีสุดท้ายเพื่อร่วมสังคายนาพระไตรปิฎกแต่ไม่สำเร็จจนปล่อยวางเอนหลังจึงสำเร็จนาทีสุดท้ายเพราะวางแล้ว ครูบาอาจารย์ผมท่านสอนให้ทำ แต่อย่าอยากทำให้สำเร็จ ให้ทำไปเรื่อยๆ เพราะแม้แต่การอยากสำเร็จก็เป็นกิเลสที่ฉุดเราไว้
     

แชร์หน้านี้

Loading...