ประวัติชาติไทยตั้งแต่ต้นกัป พุทธสาสนสุวัณณภูมิปกรณ(พิมพ์เป็นตัวอักษร)

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย เก่ากะลา, 27 สิงหาคม 2012.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. เก่ากะลา

    เก่ากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    3,311
    ค่าพลัง:
    +3,401
    ชื่อ และ รูป ปรากฎ ต้นรู้ชื่อกาลเวลา

    นอกจากที่ปรากฎเป็นชื่อ ปี เดือน วัน แล้ว ยังมีติดอยู่ตามสถานที่เช่น
    ที่ตอนเหนือ ราชบุรี มีภูเขาชื่อ อ้ายช่วย (คืออ้ายชวด) อ้ายจอ
    มีคูบัวว่า บ้านหมอเส็ง บ้านนาวอก บ้านสามขาน
    ที่เพชรบุรี ก็มี ห้วยโรงห้ามะโรง บ้านพระอนุกูล หรือ แม่กุน หรือมุกุน คือกุน
    และมีรูปที่ทำกันไว้ เช่น รูปคเณศวร ทำเป็นเศียรช้าง และขี่หมู
    อันอาจเป็นรูป ขุนชวดหนู
    และขุนชวดนี้ เริ่มใช้ช้างเป็นกองทัพ ขึ้นไปยึดเมืองได้ถึง ๑๒พัน
    จึงขึ้นชื่อว่า ขุนอินสิบสองพัน

    คเณศวร แปลว่า ใหญ่ในคณะ และมีหนู อันหมายถึงชวด
    เพราะเหตุว่า อ้ายชวด รู้จักจับช้างมาได้ กับ ต่อมาได้ฝึกหัดกระทั่งรู้จักรบทัพได้
    ยุทธหัตถี นี้ มีอยู่ในแหลมทองนี้ โดยเฉพาะในตำรารบไทย

    อ้ายชวด เมื่อขึ้นเป็นจ้าวพ่อช้าง จึงสร้างรูปหัวช้าง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 เมษายน 2017
  2. เก่ากะลา

    เก่ากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    3,311
    ค่าพลัง:
    +3,401
    ขุนหัวมะโรง กับ อางขุนสาว
    มีลูกชายชื่อ มะร่วงไทยลว้า
    เมื่อขุนอินตาย ขุนห้ามะโรงครองต่อ
    ตั้งปีขุนอินตายว่า ปีอิน ๓๕๐ ซึ่งอาจนับเลยเข้าไปในกาลเมืองแผน
    หรือ ขุนแผนนั้นเคยตั้งชื่อมาแล้วว่า เมืองแมนก็ได้

    เอ่ยเชิญขวัญ เข้าทรงไทยงาม เล่าเรื่องให้ ขุนสือไทย เขียนลง กเบื้องจารว่า

    เข้าเกิดมาเมื่อนมเบิกหัว แม่สอนรำบังคม ก้มไหว้ ฯลฯ นกบิน ผินก้ม ซมเศร้า ก้าวขว้าง ย่างยิง ชิงของ มองหา กรับ กลอง ร้องรำ ชื่อข้าว่าเอย เชิดเอย รบเอย
    แม่เรียก เอ่ยเชิญขวัญ เอาสั้นว่า เอย เมื่อข้าสอนขึ้นเอย นี้ต้นคำว่า เอย มา

    เมื่อปีอิน ๓๓๑ ว่าตามเดิมตามที่ขุนมะโรงเพิ่มขึ้นจะได้ปีอิน ๓๗๑ ขุนหัวมะโรงตาย

    ขุนมะร่วงไทยลว้า ครอง ให้มีเพลงเรื่อง ขุนอิน และ นางกวัก ให้ซ้อมร้องรำเพลง

    ข้าเมื่อรำยั่วเย้าเข้ารบแอ่นนมให้มะร่วงดู รำร้องเพลงว่า สวนนะวี่วาม งามนะพี่มอง ยื่นอกให้มะร่วงจ้องดู ดึงนม ข้าจับ ปรับขึ้นผัว


    เมื่อ มะร่วงไทยลว้า กับ เอ่ยเชิญขวัญ อยู่ครองด้วยกัน มีลูกชื่อ มะเลืองขวัญไทย(เลืองขวัญไทย) ปีอิน ๓๗๖
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 เมษายน 2017
  3. เก่ากะลา

    เก่ากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    3,311
    ค่าพลัง:
    +3,401
    เลืองขวัญไทย

    มื่อเกิดมาแล้ว โตขึ้น ชอบน้ำ เล่นล่าปลาเอาปลากิน และให้พ่อแม่พี่น้อง เที่ยวกับ นก เก้ง กวาง ช้าง ม้า

    ฝ่าย แม่เอ่ยเชิญขวัญ ก็หัดเพลงแก่ลูกหลานว่านเครือ ให้รำ ร้อง และเครื่องเล่น

    (ดนตรี ปี่พาทย์)

    ขุนเลืองขวัญไทย ป่ายปีนต้นโตนด ต้นมะพร้าว เที่ยวจับนก กะรอก กะแต

    เห็นมันเอาฟันแห้นเจาะกินน้ำได้ จึงเอากินบ้าง ก็กินได้ รู้นวดอัน ปาด และรองน้ำหวาน ตั้งชื่อ น้ำตาล(ตาโหนด) ทำได้ทั้งโตนด และมะพร้าว เรียกน้ำตาล

    ยังไปเห็นน้ำเค็มขังแห้งเป็นก้อน กินเค็ม เอาใส่ปลา เนื้อ กินอร่อย

    ได้กั้นดินทำคันข้างเค็มให้มาก ก็ได้ก้อนเค็มมาก แล้วเรียก "เกลือ"

    แต่นั้น รู้จักทำน้ำตาลโตนด น้ำตาลมะพร้าว แต่น้ำตาล หรือ น้ำอ้อยนั้น กินเป็นมานานแต่ก่อน เมื่อทำ ก็เที่ยวไปเก็บเอามากัดกิน เอาไม้กด บีบ หีบ ให้น้ำออกมาก็กินได้

    ต่อมารู้เอาต้มเคี่ยวให้แค่น แข็ง ทำงบใส่หม้อ ทำปึก เก็บนานได้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 เมษายน 2017
  4. เก่ากะลา

    เก่ากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    3,311
    ค่าพลัง:
    +3,401
    ต้นเอ็นดู รักเลี้ยงช้าง
    เลืองขวัญไทย จับนก เก้ง กวาง ช้าง ม้า งัว ควาย ศอ(สมเสด คชสีห์) แรต ช้างใหญ่ ๕ตัว พอกินมื้อ

    (เมื่อคราว)หนึ่ง เมื่อคัดช้าง แม่ช้างลูกอ่อน เข้าหลักไฟยังมิก่อไฟ แม่ช้างร้องไห้แรง

    ชูงวง ดูลูก เมื่อก่อนหลายมื้อ มันเอาขึ้นหลัง ออนซอนซ่างมันนักแล้ว ร้องไห้ดอมมัน แก้มัน ให้มันไปป่า มันจูงลูกมาหา เอาเป็นเพื่อน จึงไม่ฆ่า ไม่สับ ไม่กินช้าง
    เอาช้างทำเพื่อน มันมีหนังขน แม้นเนื้อเผือก กูเอาชื่อมันว่า แม่เผือก มันพากูเที่ยวหลาย

    เมื่อกลับมา พ่อมะร่วงไทย ดับ ปีอิน ๔๓๕ ครองต่อพ่อ

    เลืองขวัญไทย ให้มีเพลงเรื่อง ขุนอินเขาเขียว กวักทองมา

    ให้เอาสาวที่ แม่เอ่ยเชิญขวัญ หัดไว้มาเล่น

    นางมิ่งขวัญใจ เป็น กวักทองมา ให้เอาเครื่องแม่เอ่ยเชิญขวัญจัดไว้

    เซิดใบสีพวงคอ สร้อยสะพาย ผ้าทอชายห้อย๔ คือ หน้า ข้าง-ขวา และหลัง ทับผ้านุ่ง

    เมื่อมิ่งขวัญใจ เป็น นางกวักอาบน้ำ

    ขุนเลืองขวัญไทย เป็น ขุนอินเขาเขียว เข้าไปช่วยอาบน้ำถูหลังตัว และจับอก
    เมื่อเสร็จงานฉลองแล้วจึงอยู่ร่วมกัน

    ปีอิน ๔๓๘ มีลูกชายชื่อ ลือขวัญไทย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 เมษายน 2017
  5. เก่ากะลา

    เก่ากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    3,311
    ค่าพลัง:
    +3,401
    ต้นผีไทย สร้างเรือนสาง หรือ ศาลพระภูมิ หรือ วัด ก่อน พ.ศ. ๔๘๖๒ ปี
    ปีอิน ๔๑๕๐ ปีโล ๑๑๙๐ = ๕๓๔๐ + พ.ศ.๒๕๑๘ = ๗๘๕๘

    พ่อเลืองขวัญไทย ตาย ปีอิน ๔๘๘ ลือขวัญไทย ได้ครองต่อ

    ปีอิน ๔๙๑ แต่งงานกับลูกลุง ชื่อ แก้วสีทอง และ บัวสีงาม
    ปี๔๙๕ แก้วสีทอง มีลูกชาย ชื่อ เลืองสีไทย
    ปี ๔๙๖ บัวสีทอง มีลูกชายชื่อ ไทยสีเมือง

    ในกาลนั้น คราวหนึ่ง เดินไปพบเห็นผีพ่อ เลืองขวัญไทย(๑)

    เที่ยวเร่ร่อนไม่มีที่อยู่ ได้คิดตลอดไปถึง ปู่ขุนมะร่วงไทย ชวดขุนหัวมะโรง และพ่อทวด คือ ขุนเขาเขียว และ ขวัญทองมา

    เฉพาะขุนอิน และ กวักทองมา

    ขุนทองทับฟ้า(ลูกขุนอู่ทองเขาเขียว) ทำเรือนน้อยให้อยู่กับขุนเขาเขียวและขวัญทองมา

    จึงคิดใคร่สร้างเรือนน้อยให้พ่อแม่ ปู่ย่า ตายาย ชวดชายชวดหญิงอยู่

    สร้างเรือนให้อยู่คนละหลัง เรียกว่า "เรือนสาง" หลังหนึ่งให้อยู่

    ปั้นรูปคู่กัน ใช้ไม้นิ้วเสียบฝา เอาดินสีแดงขีดลายบอก

    ตอนนั้นยังไม่มีลายสือ กำลังทำอยู่

    ขุนสรวง และ นางสาง มาบอกให้สร้างให้ต้น(ขุนสรวงนางสาง)ด้วย

    จึงสร้างอีก และปั้นรูปต้นนั้น ทำตัวชายหญิง ขึ้นชื่อ เรือนสาง
    ได้ทำรั้วกันเขตไว้ส่วนหนึ่ง เรียกว่า "วัด"
    ทำให้เตียน ไว้ต้นไม้ใหญ่ๆให้ร่ม เรียกว่า "สวน"
    เวลาเย็นไปเยี่ยมไปคุยกัน จึงมีเรือนสางกันมา

    .....................................................................................

    (๑) นี่แสดงถึงวิวัฒนาการ เคารพนับถือและระลึกถึง ระลึกคุณ หรือ กตัญญูกตเวทิตาธรรม ต่อ บุรรพชน ของไทย

    เรือนสางนี้ ขุนโลลาย เขียนไว้ว่า ขุนแผนเมืองฟ้า สร้างเมืองแผน(เป็นอีกตอนหนึ่งจากเมืองแผนเดิม) ที่ดอนโตนด(เดี๋ยวนี้เรียกบ้านดอนหรือบ้านหัวดอน)
    เดือนเด่นฟ้า เขียน ตอนซ่อมเรือนสาง(พ.ศ.๒๙๗) ว่า เดิมเรียก โคกวัด เพราะให้สาง(ผี)อยู่ เมื่อสร้างเสร็จแล้ว เปลี่ยนชื่อใหม่ว่า โคกวิหาร(เดี๋ยวนี้เรียกโคกวัดบ้าง โคกวิหารบ้าง อยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือเล็กน้อยของบ้านดอนโตนด)

    ด้วยเรื่องที่ว่านี้ คำชื่อว่า "วัด" คู่กับคำชื่อว่า "บ้าน" วัดมีมาแล้วตั้งแต่ก่อน พ.ศ.หลายพันปี
    บ้านเป็นที่คนอยู่ วัดเป็นที่ผีไทย(คนตายแล้ว)อยู่มานาน เวลานี้วัดเป็นที่อยู่ของพระก็จริง แต่คนไทยก็ยังนิยมเอาคนตายเข้าอยู่วัด ซึ่งยังเป็นธรรมเนียมของไทยอยู่
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 เมษายน 2017
  6. เก่ากะลา

    เก่ากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    3,311
    ค่าพลัง:
    +3,401
    ปีอิน ๕๕๘ เลืองสีไทย ครองเมืองแมน เมียชื่อ เลืองห้องเรือนทอง และ สีห้องทอง
    ปีอิน ๕๖๒ เลืองห้องทอง มีลูกชาย ชื่อ เลืองห้องทองไทย
    ปีอิน ๕๖๘ สีห้องทอง มีลูกหญิงชื่อ ทองงามตา

    ปีอิน ๖๑๕ เลืองห้องทองไทย ครองเมืองแมน เมียใหญ่ชื่อ ดาวค่าฟ้า มีลูกชายชื่อ ไทยจอมฟ้าพระยาเมืองแมน
    ปีอิน ๖๒๔ เมียน้อยชื่อ คู่ขวัญใจ มีลูกหญิงชื่อ เลืองคู่ใจ

    ปีอิน ๖๗๑ ไทยจอมฟ้า ครองเมืองแมน
    ปีอิน ๖๗๓ เมียชื่อ เพญเดือนแจ่มฟ้า มีลูกชายชื่อ เลืองอินไทย

    ปีอิน ๗๒๓ เลืองอินไทย ครองเมืองแมน
    ปีอิน ๗๒๔ เมืยใหญ่ชื่อ เสิมสีทอง มีลูกชายชื่อ ไทยสีทอง
    เมียน้อย ชื่อ ออขวัญมา มีลูกหญิงชื่อ สีพวงทอง

    ปีอิน ๗๙๕ ไทยสีทอง ครองเมืองแมน
    ปีอิน ๗๙๙ เมียใหญ่ชื่อ นางบุนหญิงไทย(๑) มีลูกชายชื่อ สีบุนไทย
    นางสีมาไทย มีลูกหญิงชื่อ มิ่งมาไทย
    เมียน้อยชื่อ สินทองไทย มีลูกชายชื่อ สมฟ้าไทย
    ...................................................................................................................
    (๑)ที่นี้มีแปลก คือ คำชื่อว่า บุน ซึ่งเข้าใจว่ามาจากคำ มคธ ว่า ปุ ญฺ ญฺ
    ปุ ณฺ ณ เป็นบาลี แต่ ปุ ญฺ ญฺ ปุ ณฺ ณ และ บุน เสียงผิดกันมาก แม้ระยะคำก็ไม่เท่ากัน เข้าใจว่า บุญ บุณ บุน เป็นคำไทยตั้งแต่โบราณ ทั้งในชื่อจีนก็มี เช่น บุนไท้สือ บุนเกียง(ห้องสิน)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 เมษายน 2017
  7. เก่ากะลา

    เก่ากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    3,311
    ค่าพลัง:
    +3,401
    ปีอิน ๘๒๑ สีบุนไทย ครองเมืองแมน
    ปีอิน ๘๒๒ เมียใหญ่ชื่อ เสิมสีไทย มีลูกหญิงชื่อ แสงเสิมฟ้า ต้องการลูกชายจึงมีเมียอีกสองคือ
    ปลายปีอิน ๘๒๓ แสงสีทอง มีลูกชายชื่อ สองฟ้าไทย
    ปีอิน ๘๒๔ สีเงินฉาย มีลูกหญิงชื่อ แสงงามสี
    ปีอิน ๘๒๕ เสิมสีไทย มีลูกชายชื่อ สูงเสิมฟ้า
    แสงสีทอง มีลูกหญิงชื่อ ฟ้าใสแสง

    สีเงินฉาย มีลูกหญิงชื่อ ฉายสีฟ้า
    เสิมสีไทย มีลูกหญิงชื่อ แสงส่องฟ้า

    สูงเสิมฟ้า(ผู้นี้แปลก เข้าทรงเล่า ขุนสือไทยจารึกไว้ คัดมาตรง)
    พ่อชื่อ สีบุนไทย แม่ชื่อ เสิมสีไทย
    พี่ญิงชื่อ แสงเสิมฟ้า แม่อื่นชื่อ แสงสีทอง แลแม่ชื่อ สีเงินฉาย
    แม่แสงสีทอง มีชายชื่อ สองฟ้าไทย ญิงชื่อ ฟ้าใสแสง
    แม่สีเงินฉาย มีญิงชื่อ แสงงามสี น้องญิงชื่อฉายสีฟ้า

    แม่เสิมสีไทย มีน้องหญิงชื่อ แสงส่องฟ้า

    พ่อตายปีอิน ๘๔๒ แม่พี่เอาขึ้นต่อ

    (อาจกลัวพี่สองฟ้าไทย ซึ่งเป็นลูกของแสงสีทอง ไม่ยอม)
    กูไม่เอา จับขัง มัด ตี เช้า เย็น คืน นอนร้องครวนครางอยู่

    พี่สาวแสงเสิมฟ้า

    (พี่ร่วมพ่อแม่ อาจเคยเลี้ยง อุ้ม กกกอด กล่อมมาตั้งแต่เล็กจึงเกิดสงสาร เข้าไปแก้ ปลอบน้อง)
    พี่เข้านอนกก(สอนให้รู้ เป็นขุนต้องมีเมียและรู้จัก)
    สอนให้เอาเมีย นอน อกพี่ เอาพี่แสงเสิมฟ้า

    มื้อนั้น พี่ให้เอาขุน แล้วให้อีก เอาขุนและเอาพี่เป็นเมีย

    แสงเสิมฟ้า มีชายชื่อ ส้างเสิมฟ้า ปีอิน ๘๔๓ มีญิงชื่อ แสงส่องฟ้า

    พี่ว่ามีลูกเจ็บนักหนา พาอุ่นเรือนทอง อ่อนขวัญหอมาให้ มิเอา พี่ให้เอาขุน เอาพี่ให้
    ว่ามื้อมีลูก เอาสองนั้นมีลูกญิงชื่อ สร้อยทองไทย

    อีกปี อุ่นเรือนทอง อ่อนขวัญหอ มีชายคู่ ชื่อ สากอไทย ชื่อ สูหานไทย
    เป็นไข้(พี่เข้าพยาบาล พอหายป่วย)เอาพี่ ตายบนอกพี่
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 เมษายน 2017
  8. เก่ากะลา

    เก่ากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    3,311
    ค่าพลัง:
    +3,401
    ปีอิน ๘๕๐ ส้างเสิมฟ้า ครองเมืองแมน มีอายุเพียง ๘ ขวบ
    จารึกเล่าว่า มิรู้มิเป็นบ้านเมือง พอขึ้น ๑๙ เข้า (ปีอิน ๘๖๒) นั้น ผีฟ้าก่อฝีแถว(ฝีดาษ) เจ็บเหลือล้นทนมีมิได้ตายปีนั้น ขึ้นสู่ผีฟ้า

    ปีอิน ๘๖๒ สากอไทย ครองเมือง กับน้องชาย ชื่อ สูหานไทย ซึ่งมีอายุเพียง ๑๖ ปี

    จะคิดอย่างไรไม่ทราบ เพราะไม่ได้จารึกไว้
    อยู่เพียง ๑๕ วัน ร่วมกับน้องชาย คือ ทั้งสากอไทยและสูหานไทยทั้งคู่ ได้ออกในเวลากลางคืน

    จารึกเล่าว่า
    สองผู้ต้น ทิ้งเมืองให้ พี่และลุงชาย(สองฟ้าไทย) ขึ้นเมืองแมน

    ครั้นเดินถึงเมืองหิมวันต พบคนเขาใหญ่ชื่อ ยักข
    เข้าหาลูกหญิง เอาชื่อเมีย มีน้องญิง นับต่อน้องสูหานไทย

    เมื่อเข้าหา ข้าเอายาสุมหลับทั้งเมือง ข้าแลสูหานไทยเข้าเมืองได้เมีย ขึ้นขุนอินสากอไทย (อินทสากราชา) (๒)
    ...................................................................................................................
    (๒)พวกนี้อาจไปเป็นต้นแรกของคนไทย เพราะการไปคราวนี้ แม้เป็นนิทานที่ผีทรงเล่าก็ตาม บังเอิญมีชื่อ สากอไทย สูหานไทย

    เมื่อดูตามแผนที่ตอนตะวันตกเหนือพม่า เห็นชื่อ อัสสัม-อาหม ภูฐานเนปาล
    อัสสัม-อาหม จริงอยู่ดูจะเป็นคำมคธว่า อสม(ไม่มีใครเสมอ) แต่นั่นคนไทยตระกูล"เสือ"ใช้ จึงน่าจะเป็นคำไทยและชื่อไทย
    อ.อา เฉพาะ อ.นี้ ตรงกับคำไทยว่า ออ. อันแปลว่า คุณ ก็ได้ แปลว่า นาย ก็ได้ เช่น ออแก้ว และเป็น อาได้ เช่น พี่อา
    ออ.อา.นี้ไปถึงญี่ปุ่น เช่น คำขึ้นต้นของเขาทั้งผู้ชายผู้หญิงว่า "โอ" ออ.อา จึงมีความหมายว่า"คน"ได้
    อาหม คือ คนหาญ หรือ ฮวน อัสสม คือ คนสม คนเสียม หรือ เซียม(ตามเสียงจีน)
    แต่เสียงไทยแท้ของเผ่านั้น อาจออกว่า ออสมฯ
    ภูฐาน จริงอยู่ คำว่า "ภู"ภาษามคธแปลว่า"เป็น" แต่ "ภู"คำไทยว่าภูเขาก็มีอยู่ ทั้งภูฐานก็อยู่บนภูเขาหิมาลัย จึงเป็นคำชื่อไทย
    เนปาล ว่ากันว่า เมืองนิพพาน เมืองพระพุทธเจ้าผู้ตรัสรู้พระนิพพาน
    ทั้ง ๓ ชื่อนี้ เป็นที่รู้กันว่าเป็นดินแดนที่คนไทยอยู่กันมานาน แต่ก็มีประวัติหลังพุทธกาลทั้งนั้น

    เฉพาะที่เนปาล เมื่อก่อน และสมัยพระพุทธกาล มีชื่อว่า กปิลวัตถุ หรือ กบิลพัสดุ
    กปิล เป็น นาม ก็คือชื่อดาบส อันใกล้คำไทยว่า ระบิล กระบิล(เมือง)
    ทั้งชื่อ ก-ปิ-ล เนปาล ปา-ล มีเสียง ป.ล. อยู่ ถ้า ก.น. ในภาษาของเนปาลใช้แทนกันได้ก็เป็นชื่อเดิมมา

    ทั้งเขตแดนนี้ ชาวจีนเรียกว่า เซียม เซี่ยมกุ๊ก หรือ สาน-สานโก๊วะ
    ซึ่งใกล้หรือเป็นชื่อคำเดียวกับเซียมล่อก๊ก และ หลอฮกกก (ลวะ ละโว)
    ในอินเดีย มีชื่ออีกชื่อหนึ่งว่า ปาลว หรือ ปัลลว (ลวะผู้ใหญ่ ลวะผู้เป็นประธาน)
    ฉะนี้ จะเห็นชื่อ ล. ล้อ ลัวะ ลาว เลี้ยว แลว ลิ่ว อยู่
    ชื่อ เลี้ยว คำแต้จิ๋ว เรียกชาวเหนือตั้งแต่แมนจูเรียลงมาว่า ปักเลี้ยว=ลาวเหนือ
    เรียกตั้งแต่นานกิง ลงมาถึง เวียงจันทร์ ว่า น่ำเลี้ยว = ลาวใต้
    เรียกดินแดนธิเบต เสฉวน รวมเรื่อยไปถึงกวางตุ้ง และญวนว่า เมียงว๊วด(เมืองวัด เพราะมีวัดตลอด)
    "วัด"ตามเสียงแต๊จิ๋วว่า "ว๊วด" ญวนออกว่า"เวียด" ภาษากลางและกวางตุ้งออกว่า "อวด"
    เมียงว๊วด หรือ เมืองวัด คำชื่อไทยนี้ แผ่ออกไปตลอดแถบเหนือของเนปาล
    ชื่อ เนปาล เมื่อออกเสียงตรงว่า เนปา-ลอ จะเห็นชื่อล้อ หรือ ลั๊วะ อยู่
    คำหน้า ล. นั้น คือ พ่อ ป้อ ปา ป๋า จีนยังใช้ต่อคำ เช่น ซัวปา พ่อภูเขา
    เน คำไทยว่า คน มีคำว่า นิ๊ะ เน๊ะ อันแปลว่า คน เช่นคำท้องถิ่นว่า นิ๊ะ ยังไง,
    เน๊ะ-ยังไง ว่าคนยังไง
    ฉะนี้เนปาล ว่าตามคำไทยพอได้ความว่า คนพ่อล๊วะ คนพ่อลวะ พอเข้ากับชื่อจีนเขาขนานว่า เซียม-เซี่ยม-ก๊ก หรือ
    สาน-สานโกว๊ะ พอเข้ากันได้ จะผิดถูกอย่างไร ก็พูดในคราวนี้
    แต่ เซียม-เซี่ยมก๊ก จีนเขาเรียกมานานเท่าๆกับเรียกว่า"ฮวน"ซึ่งมีชื่อพร้อมๆกับพวก หาน หรือ ฮั่น(เช่น ฮั่นโจโก แต่เมืองฮั่นมีมาก่อน) ฮั่นโจโก รวบรวมจีนได้แล้ว ใช้ชื่อเป็นของตนว่า ฮั่นยิ้น คือ คนของฮั่น ใคร่ได้พวกนี้เป็นคนฮั่น ซึ่งพวกเหล่านี้ไม่ยอมเข้าชื่อด้วย ก็ "ฮ้วน"ขึ้นจึงประกาศชื่อตามจริงว่า "ฮ้วน" อันหมายถึง ฮ้วนหั่นฮั่น จีนเรียกว่า "ฮวน"
    อันยืนยันว่าต่างไปจากฮั่น
    เหตุที่พวกนี้ไม่ยอม ทั้งพำนักอยู่ตามป่า ภูเขา จึงเป็นความหมายของชื่อว่า ฮวน ตามความหมายที่ไทยแปลว่าคำจีน
    แต่เล่าเซ้ง จีนแท้บอกว่า ฮวน เป็นชื่อชาวต่างประเทศ ต่างปกครอง ต่างเมือง ซึ่งยืนยันว่า ฮวน คือพวกเอกราช

    น่าสังเกตอีก ๒ ศัพท์ ชื่อ พรหม และ พราหมณ์ ถ้าพูดถึงคำไทยและศัพท์ไทย
    ถ้าเขียนตามแบบไทย พรหม จะเขียนอย่างนี้ พระหม ซึ่งถ้าออกเสียงมคธแล้วใกล้เคียงกันมาก
    พรหม=พระหม พราหมณ=พรา-หมณ์(พระอาหม=พราหมณ)คือ พวก หม โหม ก็คือ พวก ลวะ สมัยฆ่าคน กินคน
    โหมเข้าชนะแล้วก็ตั้งตัวเป็นใหญ่ได้แต่โบราณดึกดำบรรพ์มา เมื่อเป็นผู้ชนะแล้ว ก็บังคับให้คนเคารพบูชาพวกตน ถ้าไม่ยอมก็ประหาร ฆ่ากิน และทรมานแบบพระเจ้าสาปแช่งและทรมาน
    เอาชื่อของตนเองตามคำไทย ซึ่งพวกเดิมไม่รู้ว่า พระหม พระอาหม(พระโหม) บอกว่า พรฺหฺม พรหม มหาพรหม พฺราหฺมณ พราหมณ์
    ฉะนี้ ชื่อ พรหม และ พราหมณ์ ก็น่าจะเป็นชื่อตั้งให้เป็นที่เคารพบูชามาแต่โบราณ
    จะเห็นว่า พรหม พราหมณ์กษัตริย์(ขุนนักรบเจ้าเขตแดนหรือนา)
    และจะเห็นว่า พรหม อิศวร นารายณ์ ไม่มีกำเนิดในถิ่น มาจากนอกถิ่นชมพูทวีปทั้งนั้น
    แม้พระพุทธเจ้าก็ทรงประกาศ อิน" "อินทร" "สักรินทร" และ"สักกเทวานมินทร"จะเห็นว่าพระองค์นี้ขี่ช้างแบบไทย และช้างเอราวัณมี ๓๓ เศียร ซึ่งยืนยันว่า"แต่ง"(นิรมิต)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 เมษายน 2017
  9. เก่ากะลา

    เก่ากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    3,311
    ค่าพลัง:
    +3,401
    สองฟ้าไทย เล่าว่า พ่อตาย น้องสูงเสิมฟ้าครอง ได้ช่วยเหลือกระทั่งตาย
    แม้ครั้งหลาน ส้างเสิมฟ้า ตายแล้ว สากอไทยขึ้นครอง ๑๕ มื้อ
    สากอไทย แล สูหานไทย ชวนกันหนีไปมิรู้
    พี่แสงเสิมฟ้า แล แม่แสงสีทอง เอาขึ้นครองเมืองแมน ปีอิน ๘๖๒

    แม่แลพี่ ให้เอาอีสาวสาม ขึ้นเมีย ได้ห้าม

    แล้วเอา แสงงามสี ให้ ไทยอุ่นฟ้า ลูกขุนเถือมทอง
    เอา ฟ้าใสแสง ให้ อออู่ทอง
    แสงส่องฟ้า ให้ ขุนพรานพริบพลี ได้แต่งกับ ทองพริบพลี งามอู่ทอง หนอมตนงาม
    ปีอิน ๘๖๓ ทองพริบพลี มีสีไทยฟ้า

    ปีอิน ๘๘๔ สีไทยฟ้า ครองเมืองแมน

    แม่หา สีทองงาม มิ่งขวัญฟ้า แสงฟ้าส่อง ให้เป็นเมีย
    ปีอิน ๘๘๕ สีทองงาม มีลูกชายชื่อ เสิมฟ้าเฟื่อง

    ปลายปีอิน มิ่งขวัญฟ้า มีลูกหญิงชื่อ สีสองขวัญ ฯลฯ

    เสิมฟ้าเฟื่อง ครองเมืองแมน ปีอิน ๙๐๕ แต่งกับ สีสองขวัญ แสมแสงฟ้า
    ปีอิน ๙๐๖ สีสองขวัญ มีลูกชายชื่อ แสงขวัญฟ้า

    ปีอิน ๙๐๙ สมแสงฟ้า มีญิง(ลูกหญิง)ชื่อ สีเสิมฟ้า
    และปีนี้ แม่ป่วยนอนให้เอาสดสีทอง เข้าที่เมีย พี่น้องรับแล้ว แม่ดับ ฯลฯ

    แสงขวัญฟ้า ครองเมืองแมน ปีอิน ๙๒๕
    ได้ลูกขุนพริบพลี ๒ คน ชื่อ เสืองงามแมน และ สีงามฟ้า
    ปีอิน๙๒๖ เสืองงามแมน มีชาย(ลูก)ชื่อ เสิมเสืองไทย

    ปีอิน ๙๓๐ สีงามฟ้า มีญิงคู่ชื่อ ยิ่งทองงาม และ ยอดทองงาม

    เสิมเสืองไทย ครองเมืองแมน ปีอิน ๙๔๑
    มิใจ มิรู้บ้านเมือง น้าอบอุ่นใจ ลูกขุนอู่ทอง เมียพ่อ พ่อว่า เลิกให้เลี้ยงข้า พาเที่ยว
    เมื่อขึ้นขุนแล้ว เมื่อคืนหนึ่งสอนให้รู้เมียแล้ว เอาเอิบเอี่ยมฟ้า น้องน้าขึ้นเมีย
    ปีอิน ๙๔๒ อบอุ่นใจ มีชายชื่อ สีชายไทย มีญิงชื่อ เอมผ่องสี

    เอิบเอี่ยมฟ้า มีชายชื่อ แสงส่องฟ้า มีญิงชื่อ เพ็ญผ่องฟ้า ญิงชื่อ สาเสิมฟ้า และญิง ชื่อ ผุดผ่องสี

    สีชายไทย ครองเมืองแมน ปีอิน ๙๖๑
    ขึ้นขุนแล้ว ยังไม่มีเมีย แม่อบอุ่นใจ เอาเอมผ่องสี เข้างายว่า ผัวทำเมียเท้อ
    และ แม่เอิบเอี่ยมฟ้า พา เพ็ญผ่องฟ้า มาให้
    ปีอิน ๙๖๔ เอมผ่องสี มีชายชื่อ สินอินไทย

    ปี๙๖๘ เพ็ญผ่องฟ้า มีญิงชื่อ เสิมผ่องฟ้า
    ปีอิน ๙๗๑ เอมผ่องสี มีชาญเสิมฟ้า
    เพ็ญผ่องฟ้า มี แสงช่อฟ้า

    สินอินไทย ครองเมืองแมน ปีอิน ๙๙๕ กับเสิมผ่องฟ้า กับ ผุดผ่องสี แสงช่อฟ้า
    ปีอิน ๙๙๖ เสิมผ่องฟ้า มีลูกชายชื่อ สวงอินไทย

    ผุดผ่องสี มีชายชื่อ สมสีฟ้า
    ปีอิน ๙๙๙ เสิมผ่องฟ้า มีญิงชื่อ สอแสงฟ้า ฯลฯ

    สวงอินไทย ครองเมืองแมน ปีอิน ๑๐๒๕ เมียชื่อ ห้อมเรือน เมียน้อยชื่อ บัวทอง
    ปีอิน ๑๐๒๗ ห้อมเรือน มีลูกชายชื่อ สีห้อมไทย


    สีห้อมไทย
    ครองเมืองแมน ปีอิน ๑๐๕๓ เมียใหญ่ชื่อ สมพูนเพ็ญ เมียน้อยชื่อ มิ่งมองงาม
    ปีอิน ๑๐๕๔ สมพูนเพ็ญ มีลูกชายชื่อ สีเลืองไทย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 เมษายน 2017
  10. เก่ากะลา

    เก่ากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    3,311
    ค่าพลัง:
    +3,401
    a.2218678.jpg
    แผ่นลำดับอ่านที่๓๓๗ หน้า๑

    ๑. โลลาย เล่า ขุนอินกวัก ทอง (มา)

    ๒. ปี อิน ๑๐๗๓

    ๓. สี เลือง ไทยคลอง(ที่เห็น ใ , ท , อยู่ใน)

    ๔. เมือง ลว ไทย แมน (จะเห็นตัวซ้อนกัน)
    อ่านสั้นๆว่า เมืองแมน
    ที่เห็นเป็นตัว ญ คือสระแอ ท้าย ย จะเห็นขมวด บน ล่าง คือ ม. น. เขียนไว้ล่าง ท้ายอยู่บน
    หรือ เขียน ม. น. เดียวกัน เส้นล่างคือเส้นหมายรู้อ่าน ๒ ตัว



    ขุนโลลาย เล่า
    ขุนอินกวักทองมา
    ปีอิน ๑๐๗๓ สีเลืองไทย ครองเมืองแมน
    เมียชื่อ แสงส่องฟ้า เมียน้อย เลืองรื่นฟ้า
    ปีอิน ๑๐๗๕ แสงส่องฟ้า มีลูกชายชื่อ เสืองฟ้าฉาย

    เสืองฟ้าฉาย ครองเมืองแมน ปีอิน ๑๑๐๕ เมียใหญ่ชื่อ ทองคำสี
    เมื่อเข้าปีอิน ๑๑๐๗ ทองคำสี มีลูกชายชื่อ เสืองทองฟ้า

    เสืองทองฟ้า ครองเมืองแมน ปีอิน ๑๑๓๓
    เมียใหญ่ชื่อ นางสีตัวทอง เมียน้อยชื่อ เลืองร่างทอง
    ปีอิน ๑๑๓๕ เลืองร่างทอง มีลูกชายชื่อ สิสเสืองไทย

    ปีอิน ๑๑๓๗ สีตัวทอง มีลูกญิงชื่อ สีขวัญใจ

    สินเสืองไทย ครองเมืองแมน ปีอิน ๑๑๕๕ เมียชื่อ ทองผ่องฟ้า
    ปีอิน ๑๑๕๖ ทองผ่องฟ้า มีลูกชายชื่อ เสืองฟ้า
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • scan0020.jpg
      scan0020.jpg
      ขนาดไฟล์:
      372.9 KB
      เปิดดู:
      1,044
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 เมษายน 2017
  11. เก่ากะลา

    เก่ากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    3,311
    ค่าพลัง:
    +3,401
    ขอมต้น(๑)ปีอิน ๑๑๗๘

    เสืองฟ้าไทย
    ขุนสรวง และ นางสาง สั่งให้เข้าทรงไทยงาม เล่าเรื่องให้ ขุนสือไทยฟ้า ฟังแล้วจารึกไว้
    เรื่องจึงปรากฎเมื่อเกิดปีอิน ๑๑๕๖

    เสืองฟ้าไทย เป็นลูก ขุนสินเสืองไทย แม่ทองผ่องฟ้า พี่สาวชื่อ สินแสงฟ้า

    (อาจเกิดก่อนพ่อเป็นขุน) น้องชายชื่อ เสินแสงฟ้า


    เมื่อปีอิน ๑๑๗๖ อายุเข้า ๒๐ ออกเที่ยวไปในป่า
    ได้พบเด็กหญิงคนหนึ่งชื่อพวง หรือ พวงมะลิ
    กำลังลงน้ำในบ่อ หนอง งมเอา ปูปลาเนื้อกุ้ง
    จึงลงไปเล่นน้ำด้วย รู้จักกันแล้ว ถามรู้ว่า พ่อแม่ถูกงูกัดตายหมดแล้ว นางอยู่คนเดียว
    ไปไหนก็ไม่ถูก ได้งม กุ้งปลา เง่าบัวฝักบัวกิน

    ขุนเสืองฟ้าไทย เกิดสงสาร จึงอุ้มนางมาอยู่โรงเดิมและนอนค้างด้วย

    ได้ไปขนเสื่อผ้าเครื่องใช้ของตนมา ให้เที่ยวไปเก็บรวงข้าวเอามา ขั้ว บดตำไว้หุงกิน
    อยู่ด้วยกัน เล่นด้วยกัน นอนด้วยกัน นางขึ้นสาวแล้ว อกดก
    คงจะเป็นทั้งรักและสงสารที่ไม่มีพ่อแม่พี่น้อง ทั้งนางก็มีตัวคนเดียว
    จึงไม่มีทางอื่นมากไปกว่าธรรมชาติ ได้เป็นคู่ครองกัน

    และมีลูกชาย เมื่อเดือนขึ้นขอบฟ้า ตั้งชื่อ ขอมฟ้าไทย มีญิงชื่อ มะลิฟ้า และ สีแจ่มฟ้า

    มื้อพ่อตาย สาวพี่ใฝ่ใจใคร่เป็นเมีย เข้ามาหาเล่าบอกแล้ว
    ขุนเสืองฟ้าไทย ปฏิเสธห้ามว่าไม่เอา
    พี่สินแสงฟ้าโกรธมาก คงต่อว่ามากมาย ก็ไม่ยอม
    จึงด่าแช่ถึงต้นขุนอิน และต้นขุนหญิงกวักทองมา
    ขุนเสืองฟ้าไทย โกรธขึ้งมาก จึงคว้าดาบขุนอินที่ทำไว้ตกทอดมาถึง ฟันตัวพี่สาวตาย
    ซึ่งทำให้ญาติพี่น้องกลัวเกรงขาม

    ปีอิน ๑๑๗๘ ขึ้นขุนแล้ว จึงประกาศเอา พวงมะลิ เป็นเมียกลาง ควบคุมทั่วไป

    แต่นางบอกว่า ขออยู่นอกเมือง
    ตั้งนางทองหล่อตน เป็นเมียขวา ตั้งนางส้างพาดี เป็นเมียซ้าย
    ยกขอมฟ้าไทย มะลิฟ้า และสีแจ่มฟ้า ขึ้นเป็นลูกพ่อขุนเมืองแมน

    ปีอิน ๑๑๘๙ เมียน้อย ส้างพาดี มีลูกชายชื่อ สือไทยฟ้า
    ปีอิน ๑๑๙๑ เมียขวา ทองหล่อตน มีหญิงชื่อ ไทยงาม

    และเพราะบังเอิญให้มีเหตุการณ์เช่นนี้ ต่อไปจึงปรากฎการณ์ยุ่งๆซึ่งมีเรื่องมาก

    (๑) ชื่อ ขอม ซึ่งถนัดปากคำไทยตลอดมา อาจมีมาก่อนนานเท่าๆที่คนไทยตั้งคำไทยใช้ ซึ่ง ขุนเสืองฟ้าไทย เอามาตั้งชื่อลูกชายคนแรกว่า "ขอม"
    คำว่า "ขอม" ลาวเดิม ราชบุรี เรียก ขอบกระบุง(กะเซอ) โกรน ว่า "ขอม"
    เมื่อแต่งเรียบร้อยแล้วจะเข้า หรือเข้าติดกระบุงเรียกขอบ และใช้เป็นกิริยาว่า ขอบกระบุง คำคนท้องถิ่นราชบุรีเก่าเมื่อ ๕๐ ปีมา
    และคำตะวันออกเฉียงเหนือ "ขอม" ก็คือ คลุม หรือ โพกหัว เช่น ขอมหัวได้รูปขอมทองเพลง หรืออาจเป็นรูปขอมฟ้าไทย ซึ่งขอมเทองพลง อาจทำปรารภขอมต้นนั้น จึงทำรูปขึ้นเป็นครูไว้ ก็เป็นได้
    ปรากฎว่ามีขอมหัว ซึ่งทำเป็นใบสีวงเป็นรัดเกล้าของขอม อันผิดจากแบบรัดเกล้าขุน ทั่วไปเรียกว่า ขอมขนนก หรือเซิดขนนก อันเป็นของทะเลใต้และเผ่าแดง ความจริงเป็นใบสี หมายถึงขึ้นครู หรือครอบขึ้นครูแล้ว
    ถ้าเป็นเพลง หรือตัวเพลงมีกรวยยอดแหลมอยู่กลาง

    แต่ขอมฟ้าไทย นี้ เป็นคนดีต่อพี่น้องพ้องพวก เป็นครูที่ปรึกษาขุน ช่วยขุนที่ดี

    จึงมีชื่อดีตลอดมา กระทั่งกลายมาเป็นตำแหน่งประจำเมืองทั่วไปมาหลายพันปี

    และเสืองฟ้าไทย ไม่ได้บอกว่า ขอมฟ้าไทย เกิดปีเท่าไร ที่จดไว้คือปีครอง

    จึงเข้าใจว่า มีก่อน เพราะเป็นรักครั้งแรก ที่ขอมฟ้าไทยจดไว้ก็เพียงเล่าว่า
    มีแล้วขวบครึ่งจึงมีน้อง อาจมีก่อนปีครองเช่นเดียวกัน
    ซึ่งเป็นเหตุให้พี่โกรธขึ้ง ถึงด่าต้นขุนเป็นเหตุให้ฟาดฟันกันตาย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 เมษายน 2017
  12. เก่ากะลา

    เก่ากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    3,311
    ค่าพลัง:
    +3,401
    ขอมฟ้าไทย ขุนสือไทย ไทยงาม เลกไทย สีงามตน หรือ งามตน

    ได้ร่วมกันสร้างสิ่งของไทย เริ่มด้วยการทำ "ลาย"
    ขอมฟ้าไทย ทำเป็นลายสาน ลายปั้น แกะ สลัก ฟัก ปัก ถัก ยก หรือจก

    ได้สอน ไทยงาม ให้เอาเข้าเป็นลายผ้า ทั้งเป็นลายทอ ลายยก ลายเขียน หรือพิม

    และแล้ว ขุนสือไทย ได้มีความคิดเอาเป็นลายอ่านรู้ความครั้งแรก อ่านว่า"เมือง"ก่อน และคิดเอาลายอื่นอ่านเป็น "บ้านเรือน" ร่วมกับ ขอมฟ้าไทย และไทยงาม ได้คิดสร้างลายอ่านรู้ความได้ จึงตั้งชื่อว่า ลายสือไทย

    ต่อจากนั้น ขอมไทยฟ้า ก็ได้คิดเป็นลายสือขอมอีก ก็คิดสร้างได้สำเร็จ และได้ตั้งชื่อว่า ลายสือขอม
    ครั้นได้คิดว่าจะทำเรื่องไทยให้คงอยู่ ได้เข้าไปดูเรือนสาง ที่ขุนลือขวัญไทย ได้กระทำไว้ ได้เห็นลายขีด และไม้วางไว้ ก็ไม่รู้เรื่อง

    จึงเชิญจ้าวพ่อขุนสรวง จ้าวแม่ขุนสาง เข้าทรงไทยงาม พ่อจ้าวแม่จ้าว รับว่าจะให้พวกนั้นมาเล่าให้ฟัง แต่เกรงว่าจะจดจำไม่ทัน จ้าวพ่อขุนสรวงเข้าทรงไทยงาม

    และสอน งามตน ให้เรียนลายย่อ ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ , , , , , ๑๐ , ๑๐๐ , ๑๐๐๐ ฯลฯ

    ต่อมา ขุนเลกไทย ได้เห็นว่าย่อดี จึงได้นำมาจดจำนวน แต่ยังไม่มีชื่อเรียก

    ได้เอาชื่อ งามตน กับชื่อตัวเองควบกันตั้งเป็นชื่อว่า ตนเลกไทย ในบัดนี้เปลี่ยนเป็น ตัวเลขไทย

    ขอมฟ้าไทย เป็นลูกขุน หรือลูกพระลูกเจ้าอยู่แล้ว ทั้งยังได้ดำรงขุนอยู่ถึง ๕ ปี

    และชื่อก็เป็นขอมอยู่แล้ว ผู้ได้รู้และทำ แกะ สลัก สาน ปั้น เขียนเป็น"ลาย"จึงเป็นช่าง
    เมื่อคิดสร้างลายสือไทย และลายสือขอมแล้ว จึงขึ้นเป็น ต้นช่างลายไทย ลายสือไทย ขอม จึงเป็นที่เชื่อฟัง คือเป็นทั้ง บา-ขอม ทั้งที่ปรึกษาใหญ่

    ได้ทำแบบพิธีไหว้ครู และครอบความรู้ ขึ้นสอนและสั่ง จึงเป็นต้นแบบไหว้บา
    ทำโทษผู้ผิด เช่น สอบตก
    รับรองความรู้และยกย่องผู้ทำถูก เช่น สอบได้หรือเลือกให้ได้ จึงเป็น บาและขอม
    ได้ทำเซิดใบสี หรือรัดเกล้ายอด กับเครื่องแบบ คือเสื่อคลุม และถุงเป็นอีกแบบอย่างหนึ่ง อันเป็นแบบเฉพาะหมายให้รู้จักว่า"บา" "ขอม" เป็นเครื่องแบบจำเพาะทั้งชายและหญิงเป็นที่รู้จักได้

    จะเห็นได้จากรูปขอมชายและขอมหญิงเอ่ยเชิญขวัญ จึงต่างเป็นต้นไทยและต้นผี

    เมื่อตายไปก็ขึ้นเป็นที่-ต้นผีบา-ขอม คือ ครูบาอาจารย์ศิลปวิทยาการทุกชนิด

    และก็ เพราะเหตุที่คิดชื่อ และ คำพูดเป็นลายเส้น หมายความรู้อ่านได้ อันเป็นลายสือและลายเลข ตลอดจนกระทั่งเส้นรูปร่างต่างๆ เป็นความหมายขึ้น ไทยสมัยนั้นจึงเกิดความคิดรู้ชื่อต้นไม้ต่างๆ และความหมายตามความเป็นจริงได้ เช่น


    หญ้าแพรก ซึ่งทนแล้งร้อนหนาว งอกงาม ยืดยาวไปได้เร็ว แห้วหมูงอกขึ้นได้ทุกแห่ง แม้ต้มจนสุกและน้ำท่วมตายแล้ว อยู่ๆไปกลับงอกฟื้นขึ้นเป็นอีกได้ จึงถือกันว่าไม่ตาย คือ อมต
    มะเขือ มีดอกลูกออกสะพรั่งต้น และตลอดกาล เข็มเป็นไม้กอพุ่ม แข็งแรง มีดอกตลอด ทั้งชื่อว่า เข็ม ก็หมายรู้ว่า เฉียบแหลม
    พญาไม้ผุ รากกินเข้าไปจะดลผิวให้หื่น ขลัง เหนียว มีดฟันไม่เข้า ฯลฯ

    จึงเอามาเป็นนิมิตหมายในกาลบำบวงบูชาสักการะเคารพนับถือไหว้ครูบาอาจารย์ขอม เป็นเครื่องหมายบอกแก่ศิษย์ผู้เรียนว่า หญ้าแพรก-หมายความให้รู้เจริญงอกงาม
    แห้วหมู-หมายความว่า ความรู้ทุกชนิด ไม่ตายเป็น อมต
    มะเขือ-หมายความให้รู้ ดก ดอกออกผลลูกได้
    เข็ม-หมายความให้ เห็นและเฉียบแหลม ฯลฯ
    จึงนำสิ่งนั้นๆมาเป็นเครื่องบำบวงบูชาสักการะเคารพนับถือไหว้ครูบาอาจารย์ขอมกับมา และมีอยู่เฉพาะคนไทยเท่านั้น จึงเป็นของไทย เป็นระบบแบบของไทยตั้งแต่ต้น จนกาลบัดนี้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 เมษายน 2017
  13. เก่ากะลา

    เก่ากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    3,311
    ค่าพลัง:
    +3,401
    ทั้งสามภาพนี้ (ขุนหญิงเอ่ยเชิญขวัญ ต้นปีอิน) (ขอมฟ้าไทย ปีอิน๑๑๗๘) (นางเภา พ.ศ.๓๐๔)
    ได้มาจากวัดเพลงมาลาธาตุ ราชบุรี พ.ศ.๗๑๕ สุวัณณภูมิ

    ขอมทองเพลง หล่อขึ้นเป็นรูปขอม(ครูบาอาจารย์) และยังมีพระพุทธรูป กับเทวรูป เช่น คเณศวร อีกมาก ได้ขัดดูเนื้อเป็นทองสำริด
    ขอมทองเพลง และศิษย์ อาจร่วมกันออกแบบ หรือเลียนแบบเดิมที่ออกแบบ คือ พระพุทธรูปปางลีลา และปางอุ้มบาตรบิณฑบาต เป็นแบบลีลาต่างไปจากท่านางลีลานี้

    a.2218710.jpg
    ขุนหญิงเอ่ยเชิญขวัญ ทำในท่าก้าวเดิน บนหัวใส่เซิดใบสี มีขอบคอเสื้อ และขอบแขนเสื้อ
    นุ่งผ้าลายหน้านาง มีลายเชิงชาย
    มือขวาถือหอยยอด มือซ้ายถือดอกบัว เครื่องหมายขุนหญิง



    a.2218711.jpg
    ขอมฟ้าไทย ใส่เซิดใบสี เครื่องแต่งตัวคลุม ยกมือทั้งสอง เปิดเผยวิชา


    a.2218715.jpg
    นางเภา เพราะไม่ใช่เจ้า จึงใส่เซิดใบสีไม่มียอด
    แต่เล่นเพลงเป็นตัวนางกวักจึงใช้มิอขววถือหอยยอด มือซ้ายถือดอกบัว
    ที่ผ้านุ่งทำรูปเรือสำเภาบอกชื่อ

    “เพลง” เป็นชื่อเพลงและวิชาการ เช่น เพลงมวย เพลงดาบ เพลงหมอ
    ตามเพลงซึ่งพวกไทยละว้า หรือลาวเดิม เคารพนับถือครูอาจารย์ผู้ตั้งวิชา
    เมื่อเรียนแล้ว มีครูกล่าวคำขวัญ ที่เรียกว่า ทำขวัญ
    เครื่องบูชาก็มี ใบสี เช่น เพลงก็ทำใบสีเซิด บวชนาคทำใบสีต้น
    สำหรับเพลง พอกล่าวคำขวัญเสร็จก็ยกใบสีเซิดนั้นครอบหัว ซึ่งเดิมเรียกว่า “ขอม”หัว
    นี่พิธีครอบวิชาของไทยละว้า จะเห็นเซิดหญิงทำอย่างหนึ่ง เซิดชายทำอย่างหนึ่ง
    ดูที่กลีบจะเห็นเป็นกลีบใบสี บัดนี้ใช้บาตรพระครอบ เมื่อครอบแล้วจึงขื่อ "ขอม"(ครูบาอาจารย์)ตามชื่อ ขอมฟ้าไทย
    ชื่อ ขอม จึงสืบกันเรื่อยๆมาอย่างนี้
    จะเห็นตัวหนังสือขอมก็มีลายเส้น(คร่อม ขอม เป็นส่วนมาก)

    ต้นที่เริ่มกันมา คือ ขุนวอก และ ขุนหญิงอัน กับ เอ่ยเชิญขวัญ เป็นพ่อเป็นแม่
    จึงมีชื่อ พ่อเพลง แม่เพลง
    ครั้นต่อมามีหลายอย่างขึ้น จึงเปลี่ยนเป็น ขอม คือ ครูอาจารย์
    ฉะนี้ ขุนวอก และ ขอมฟ้าไทย จึงเป็นต้นครู
    ขุนหญิงอัน และ เอ่ยเชิญขวัญ จึงเป็นต้นขอมหญิงเพลงและวิชาการ เช่น ช่าง ปั้น ทำ
    ทั้งนี้จึงเป็นต้นผีกันมา
    a.2219111.jpg
    นายเพลง ฟ้อนรำ แต่งเครื่องแบบรัดเกล้ายอด แสดงฐานะตำแหน่งเป็นขุนชายสมัยสุวัณณภูมิ
    ฟ้อนรำตามกัน จึงเป็นแบบที่ ขุนหญิงไทยงาม ได้กระทำแบบ รำถวายมือ หรือ รำบวงสรวง ในกาลที่เป็นขุนหญิง
    ได้กระทำสืบแบบไว้ แต่ชุดนี้อาจทีหลังมานาน


    a.2219112.jpg
    นางเพลงฟ้อนรำทั้งสองนี้ แต่งเครื่องแบบ และรัดเกล้าอย่างนี้บอกสมัยอู่ทอง
    แต่ได้ที่เพชรบุรี อันยืนยันเพลงและฟ้อนรำมีประจำถิ่นกระทั่งเป็นประเพณี
    ได้นำมาแสดงเป็นหลักฐานฟ้อนรำเพลงนี้ เป็นของไทย
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • scan0021.jpg
      scan0021.jpg
      ขนาดไฟล์:
      195.3 KB
      เปิดดู:
      2,151
    • scan0022.jpg
      scan0022.jpg
      ขนาดไฟล์:
      201.6 KB
      เปิดดู:
      1,950
    • scan0023.jpg
      scan0023.jpg
      ขนาดไฟล์:
      84.8 KB
      เปิดดู:
      1,207
    • scan0009.jpg
      scan0009.jpg
      ขนาดไฟล์:
      156.7 KB
      เปิดดู:
      1,638
    • scan0010.jpg
      scan0010.jpg
      ขนาดไฟล์:
      163.1 KB
      เปิดดู:
      1,607
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 เมษายน 2017
  14. เก่ากะลา

    เก่ากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    3,311
    ค่าพลัง:
    +3,401
    a.2219034.jpg ๑.ขุนสือไทยฟ้า (ทองคำสำริด ถ้ำเทือกเขางู ด้านวังสะดึง)
    มือขวาถือดินสอ หรือเหล็กจาร มือซ้ายถือกระเบื้องจารมีลาบสัญลักษณ์สร้างลายสือไทย
    ๒.ขุนหญิงไทยงาม มือขวาถือกะสวย มือซ้ายถือหลอดด้าย สัญลักษณ์ทอ ยกผ้าลาย
    ไทยงาม มั่นหาญขอม ขอมเหิม ขอมหญิงคุ้ม(ออกแบบหล่อ)
    เดือนเด่นฟ้า ให้สร้าง พ.ศ.๓๒๐-๓๓๓

    คู่นี้จะเห็นลักษณะนั่งหน้าตรง แบบใช้ความคิด
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • scan0024.jpg
      scan0024.jpg
      ขนาดไฟล์:
      482.7 KB
      เปิดดู:
      1,655
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 เมษายน 2017
  15. เก่ากะลา

    เก่ากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    3,311
    ค่าพลัง:
    +3,401
    ต้นเรื่อง

    ขุนสือไทยฟ้า ขุนหญิงไทยงาม ขอมฟ้าไทย

    ลายไทย ลายสือไทย ลายสือขอม

    ปีอิน ๑๒๓๕ ถึง ๑๒๕๕ (ก่อน พ.ศ. ๔๓๐๕ ปี)

    ขุนสือไทยฟ้า หรือ สือไทย และ ขุนหญิงไทยงาม ตามฐานะเผ่าชาติตระกูลก็เป็นพระลูกเจ้า กับทั้งได้เป็นขุน และขุนหญิง ประจำเมือง หรือประจำเผ่าชาติไทย
    เมื่อค้นคิดเอา ลาย เป็นลายผ้า และเป็นลายอ่าน คือ เป็นลายสือไทย สำเร็จแล้ว ในฐานะต้นขุน และ ต้นขุนหญิง มีอำนาจกระทำ และสอนให้รู้ ทั้งลูก ลูกศิษย์ เผ่าพ้อง และลูกน้องทั่วไปได้ประนมมือรับเอาใส่ในหัว
    จึงเป็นต้นสร้างระบบแบบประนมก้มเกล้า-ไหว้รับสั่ง รับสั่งใส่เกล้า-หัว
    ถ้าขัดก็ทำร้ายทำโทษ
    ถ้าทำถูกก็รับรองยกย่องแต่งตั้งให้เป็นที่ต่างๆ
    จึงเป็นต้นกฎ และ ต้นกฎหมายแบบระบบประเพณีนั้นๆ

    ขุนสือไทย ได้รู้แบบไหว้ผีประเพณี การปกครอง การทำไร่นา เครื่องนุ่งห่ม
    ได้คิดสร้างลายสือไทยได้สำเร็จ จึงเป็นต้นคิดสร้างลายสือไทย
    กับทั้งเป็น ขุน และ ขอม ได้คิดสร้างรัดเกล้ายอด คือ ใบสีกรวยยอด ต่อมาได้ใช้ฟ่งสาน ใช้ใบลานถักเย็บติดรัง กับรู้เอาโลหะ มีทองคำเป็นต้น หล่อทำขึ้น ของชายเรียก "หมวก" ของหญิงเรียก "งอบ" ถ้าเป็น ขุน ก็เรียก "หมวกยอด" "งอบยอด" ถ้าเป็นคน-หมวก ก็กดยอดลง งอบ ก็ตัดยอด เพื่อไม่ให้เท่าเทียมขุน

    พร้อมกันก็ได้สร้างเครื่องแบบขุน และ ขุนหญิง ต่อมารู้จักหล่อทองคำและเงิน เป็นรูปแบบลวดลาย รู้จักเอาหินแก้ว มาเลาะแล่ง ขัดเจาะ เป็นรูปแบบต่างๆ เอาเข้าติดเป็นแบบขอบคอ ขอบแขน ขอบชายเสื้อ ขอบไถ้ ขอบล่างเข็มขัด ขอบหน้า ขอบเชิงชาย

    จึงเป็นต้นครูบาอาจารย์วิชาการ เป็นขุนปกครอง กับเป็นครูบาอาจารย์ ลายสือไทย เมื่อตายแล้วก็ขึ้นเป็น ต้นผีบาลายสือไทย หรือ จ้าวพ่อครูบาสรรพศิลปวิทยานายก จ้าวพ่อคเณศวร สันดุสิตเทวาธิราช พระเทพบิดรสวรรค์ชั้นดุสิต

    ขุนหญิงไทยงาม ได้รู้ทอผ้า-ไหม เรียนรู้ลาย จึงนำเอาเข้าสู่ ลายทอ ลายยก ลายถักผ้า ลายเย็บ เช่น ลายเย็บผะเชินหน้า ลายใยจูงหลาน ฯลฯ ขึ้นเป็น แม่ขวัญลายไทยงาม ลายทอ แล้วจึงเป็น ต้นขอมหญิง คือ เป็นครูบาอาจารย์เครื่องแต่งตัว เครื่องทอผ้า-ไหม กับลวดลายผ้า

    ทั้งหมดนี้ได้เป็นต้นแบบพิธีการไหว้ต้น ขึ้นครู ครอบวิชาความรู้ เช่น ในกาลเริ่มทอ มักทำพิธีวางดอกไม้จุดธูปเทียนบำบวงแม่กี่หรือฟืมก่อน อย่างน้อยก็ประนมมือไหว้ระลึกดีๆแล้วจึงทอ

    ในกาลตายแล้วก็ขึ้นเป็น ต้นผีบาลาย-ลายทอ ลายผ้า หรือเป็น จ้าวแม่มิ่งขวัญศรีศิริสุมงคลเฉลิมขวัญศิลปวิทยาการทุกชนิด หรือ จ้าวแม่สุนันทาวดี พระนางสันดุสิตาเทวี พระเทพมารดา สวรรค์ชั้นดุสิต
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 เมษายน 2017
  16. เก่ากะลา

    เก่ากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    3,311
    ค่าพลัง:
    +3,401
    ขุนสือไทยฟ้า พ่อขุนเสืองฟ้าไทย ตายปีอิน๑๒๑๕ ขุนสือไทยฟ้าถึงวาระเมืองแมนเขียนเล่าไว้ว่า

    เมื่อต้นหนุ่ม ชอบ ช้าง ม้า งัว ควาย กวาง เก้ง ลา ล่อ ขี่มัน เที่ยวเมืองไกล เมื่อพ่อตาย แม่ พี่ น้อง จึงให้ครองต่อ คงคิดว่าเป็นลูกเมียน้อย เมืองควรตกเป็นของไทยงาม หรือขอมฟ้าไทยผู้เป็นพี่ใหญ่ ถึงกระนั้นก็พยายามให้ดีที่สุด จุงให้ขอมฟ้าไทยเป็นที่ปรึกษา หรือขอมเมือง

    เอาไทยงามขึ้นเป็นเมียคนเดียว ขุนสือไทยจะคิดอย่างไรไม่ทราบได้ ตกกลางคืน คืนหนึ่งจึงหนีออกไป ทิ้งเมืองแมนไว้๕ปี

    ขอมฟ้าไทย เมื่อขุนสือไทยทิ้งเมืองแมนหนีไปนั้น พงพ้องพี่น้องและแม่ๆทั้งหลายได้ยกขึ้นครอง ขอมฟ้าไทย รับเพียงว่าจะครองไว้คอยรอน้องเท่านั้น เมื่อขุนสือไทยกลับมาเมื่อไรจะคืนให้น้อง และรับว่าจะเป็นขอมที่ปรึกษาต่อไป

    เมื่อคิดสร้างลายสือไทยแล้ว ได้จารึกเล่าไว้เอง และดีที่สุดคือจารึกไว้ตรงๆ จึงรู้เรื่องและธรรมเนียมประเพณีครั้งนั้นได้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 เมษายน 2017
  17. เก่ากะลา

    เก่ากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    3,311
    ค่าพลัง:
    +3,401
    a.2219138.jpg
    ลายสือชื่อ สือไทย และ ขอมฟ้าไทย
    ส. อ. เห็นชัด สระือือบนก็เห็นชัด หาง ส.ยาวไปขวา จะเห็น ไ และ ท. กับ ย. ลายเส้นรูปหัว ม.


    ขอมฟ้าไทย
    เมื่อเกิดได้ขวบครึ่งแล้ว แม่มีมะลิฟ้า มีสีแจ่มฟ้า เมื่อพ่อขึ้นขุน เอาแม่ขึ้นเมียกลาง เมื่อพ่อหาย สือไทยฟ้าขึ้นขุนแล้วไม่อยู่ ได้ช่วยไทยงามคุมบ้านเมือง แม่ว่าเอาสองน้องเป็นคู่เมีย น้องเอาผัวอื่น ผัวจะฆ่ากิน(๑)
    พี่น้องไม่ฆ่ากันกิน แม่ให้มะลิฟ้า สีแจ่มฟ้าเป็นคู่เมีย ปีอิน๑๒๑๖ อยู่กันอย่างพี่น้อง๑เดือน ไม่รู้เมียผัว แม่สอนมะลิฟ้าแล้ว มะลิฟ้าบอกรู้แล้ว สีแจ่มฟ้าใฝ่ใจใคร่รู้บ้าง สอนสีแจ่มฟ้าแล้ว มื้ออื่น แม่พวงมะลิและแม่เลี้ยง บอกว่านั่นคือได้ผัวเมียเป็นที่แท้แล้ว

    (๑)เรื่องฆ่าเมียกินนี้ ตอนนั้น ยังไม่มีกฏหมายและศีลธรรม-มีได้ ทั้งคนทุกเผ่าในแหลมทองสมัยนั้นยังคงมีกินคนกัน และไทยะ หรือ ไทยลวะ ที่ไปอยู่ในเมืองจีน พวกที่มีชื่อว่า "ไตหย่า" และที่ลงไปทางใต้ ซึ่งมีเสียง ด. ชื่อ ดยัก หรือ ไดยัก ยังมีประวัติถึงปัจจุบันว่า กินคน ด้วยเหตุนี้เอง พี่น้องจึงนิยมได้กันอย่างพวงมะลิว่า " พี่น้องไม่ฆ่ากันกิน"
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • scan0025.jpg
      scan0025.jpg
      ขนาดไฟล์:
      56.4 KB
      เปิดดู:
      1,051
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 เมษายน 2017
  18. เก่ากะลา

    เก่ากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    3,311
    ค่าพลัง:
    +3,401
    ไทยงาม เมื่อรู้พี่ๆให้ทำงานเลี้ยง บอกว่าเอาน้องขั้นเมียดอม ขอมห้าม ต้องรอ พี่สือไทยฟ้า กลับ

    ไทยงาม(เกิดปีอิน ๑๑๙๑ ถึงปีอิน ๑๒๑๖ จึงมีอายุ ๒๖ ยังเป็นเด็กไม่เดียงสาอยู่ จึงสนุกใจ)
    ว่า แม่เล่า มื้อมีผัวสนุกเพลิดเพลินผัว มิรู้คืนวัน

    เมื่อพี่สือไทยกลับ มื้อน้องมีผัว น้องรู้เองมื้อนั้น ขอมว่า จะมีผัวต้องหัดทอผ้างาม ผัวเห็นงามรักมาก มีลูก ได้เอาแต่งให้ลูก
    เมื่อขุนสือไทยกลับมา ไทยงามเอาขึ้นผัวแล้วมาเล่าว่า ญิงเมียน้อง ชายผัวพี่ นี้ดียิ่ง ใจมื่นชื่นหวานมันนัก คนรักใจชูชื่น ชมเชย ช่ำฉ่ำ เช่นผัวเสี้ยเมียสินมิมี ญิงชายไม่รู้เอาเมียผัว ไม่เกิดดีกว่า


    ขอมฟ้าไทย
    จารชื่อลูกไว้ว่า ปีอิน ๑๒๑๙ มะลิฟ้า มีชายชื่อ ขอนฟ้าไทย
    ปีอิน ๑๒๒๐ สีแจ่มฟ้ามี สีงามตน ปีอิน ๑๒๒๑ มะลิฟ้ามีชายชื่อ ขานเลืองไทย
    ปีอิน๑๒๒๓ สีแจ่มฟ้า มีชายชื่อ ขุมฟ้าไทย ปีอิน ๑๒๒๔ มะลิฟ้า มีญิงชื่อ ไขเลืองฟ้า
    ปีอิน ๑๒๒๖ สีแจ่มฟ้า มีชายชื่อ เข้มไทยฟ้า ปีอิน ๑๒๒๙ มะลิฟ้ามีชายชื่อ เขื่อนฟ้าไทย
    [ปีอิน ๑๒๓๐ สีแจ่มฟ้า มีญิงชื่อ สีงามตน ปีอิน ๑๒๓๕ สีแจ่มฟ้ามี ญิงชื่อ อินตัวทอง


    ขุนสือไทย เมื่อสร้างลายสือไทยแล้ว ได้จารเล่าเรื่องไว้ ส่องให้เห็นพฤติการณ์และความเป็นอยู่ในครั้งที่ยังไม่มีการศึกษา กฎหมาย และศีลธรรม
    ก็มีการเป็นอยู่ได้อย่างคนและรู้คิดรู้ทำเอาเอง จึงลอกมาเป็นสำนวนใหม่เข้าใจกันง่าย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 เมษายน 2017
  19. เก่ากะลา

    เก่ากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    3,311
    ค่าพลัง:
    +3,401
    ขุนสือไทย มีขวบได้ ๓๐ ปีอิน ๑๒๒๐ กลับมาเมืองแมน ขอมฟ้าไทย เป็นหัวหน้ายกขึ้นเป็นขุนอย่างเก่า ไทยงามในตำแหน่งเมียเดียว ก็คงอยู่กันอย่างพี่น้อง ซึ่งไม่ได้ความอย่างที่แม่และพี่ๆ(มะลิฟ้าและสีแจ่มฟ้า)เล่าเรื่องให้ฟัง

    จึงเข้าไปนั่งใกล้ๆแล้วว่า พ่อแม่ให้ครองเมือง เมื่อเที่ยว เผื่อมีศึกมาปล้น ใครผู้ชายต่อสู้ป้องกัน พ่อแม่ บ้านเมือง ชายญิง
    ขุนสือไทยไม่ว่าอะไร


    สือไทย อยู่เมืองแมน ขึ้นเพ็งเดือนหงาย อู่นั่งดิน ดูเดือนเพ็ญ ไทยงามเข้ามานั่งใกล้ว่า พี่ครองเมืองไม่มีเมียและลูกไม่ดี
    สือไทยว่า บ้านเมืองของน้อง พี่ลูกเมียน้อย ใคร่เข้าป่าสร้างเมืองอื่น
    ไทยงามว่า น้องเป็นญิงสาวแล้ว พี่เอาทำเมียได้
    สือไทยว่า พี่ว่าไม่ดี
    ไทยงามว่า บ้านเมืองของน้องก็จริง พี่ได้ น้องก็ได้ทั้งหมด
    ให้มีเยี่ยงผัวเสี้ยเมียสิน
    สือไทยว่า พี่ใจม้าน ย้านไพ(พี่ใจละอาย กลัวไยไพ และเสี้ย แปลว่า ฉลาด อีสานยังใช้ว่า เสียว แปลว่า ฉลาด ดีงาม เรียบร้อย)

    ไทยงาม เล่า เมื่อต้นสางขุนสรวงและแม่นางสาง มีลูกชายสี่ หญิงสี่ เมื่อหนุ่มสาวมิมีใครผู้อื่น แม่สางให้จอมฟ้า แก้วสี คู่พี่ใหญ่เอากันยอดเขาเทียมถิ่นฟ้า คือ จอมฟ้า
    ให้จอมดิน กอทอง คู่สองเอากันกลางดิน คือจอมดิน
    ให้คู่สาม จอมลมฟ้า ดงทอง เอากันกลางลม คือ จอมลม
    ให้คู่สี่ จอมไฟฟ้า กับน้ำทอง เอากันกลางฝน คือ จอมน้ำ
    พี่น้องเอากัน มีลูกปลูกหลาน สามเหลน เป็น ลื่อ ต่อ-ต่อกันมาถึงเรา

    สือไทยว่า ใครว่า
    ไทยงามว่า แม่ให้สอนพี่แล้ว เอาพี่ทำผัว

    ไทยงาม ว่า เมื่อต้นขุนอินเขาเขียว แม่กวักทองมา มีลูกชาย ๑๓ ลูกหญิง ๗
    อาขุนสาว เอา ขานขุนชาย อันขุนสาว เอา วอกขุนชาย มะโรงขุนชายเอา อางขุนสาว
    อุ่นขุนสาว เอากุนขุนชาย เอือยขุนสาว เอาหมอเส็งขุนชาย อู่ขุนสาว เอายี่ฉลูขุนชาย
    และอี่ขุนสาว เอาระกาขุนชาย
    พี่น้องหญิงชายได้กันเอง เรานี้ก็ชายหนุ่ม หญิงสาว คือกัน ข้อยนมใหญ่เต็มอกทั้งสองข้าง ขึ้นสาวแล้ว

    ไทยงาม ว่า แม่ใหญ่ แม่เล็ก(แม่กลาง)ยังว่า พี่ไปอื่นแล้ว พ่อแม่ ผีสาง บ้านเมืองผู้คน ไม่มีชายคุ้มกัน ให้เอาตัวปกป้องบ้านเมือง เอาพี่เป็นผัวไว้ให้อยู่นาน

    สือไทย เมื่อเข้า ๔ เดือน ไทยงามเข้ามา(ถึงหอนาน)ว่า แม่ให้มาเป็นเมียพี่มื้อนี้ พี่เอาน้องเป็นเมียแล้ว ให้อยู่ป้องกันบ้านเมือง แม่พ่อคนชายหญิง หากินเป็นอยู่ในบ้านเมืองตัว
    สือไทย ว่า เรื่องเมียผัวน้องทำเป็นหรือ
    ไทยงาม ว่า เป็นมาแต่ครั้งแม่นางสาง มีลูกชายหญิงแปดคน สอนลูกทำเป็นมาแต่พู้น
    สือไทย ว่า น้องเห็นเมื่อไร

    ไทยงาม ว่า เมื่อเข้าปียิบห้า(ยี่สิบห้า) เมื่อมีนมแล้ว หลับฝันเห็นขุนสรวงหนุ่มตัวทอง ว่า เจ้าเป็นสาว กูจะสอนรักให้แล้วกอดจมดม ขึ้นทับไม่หนัก มื้อแรกตื่นขึ้น เปียกชุ่มน้ำ เมื่อถาม แม่ว่า พ่อขุนสรวงสอนรักให้รู้ เมื่อแม่สาวฝันชายสอนรัก ยายพามาให้พ่อทำรักเทื้อช้านาน แม่สางเอาดอกบัวขาวมาส่งให้ มีน้องให้ชื่อไทยงาม

    และไทยงามถามว่า พี่ไม่เคยเห็นเลยหรือ

    สือไทย ว่า เมื่อขึ้นขวบยี่สิบห้า นอนหลับเจอสาวสีดอกเช่นบวบ หอมชื่นใจ ให้ดม ให้จับนม ให้ดม จูบหอมดี สอนให้นอนบนว่า แม่ สอนให้รู้เมีย มีลูก ตื่นไม่พบอันใด รู้รัก มีสนุกชุ่มชื่น มื้อหลังมาให้อีกแล้ว ให้เห็นเป็นคนแก่หมดดีแล้ว

    ไทยงาม ถาม พี่ยังรู้รอด หรือลืมแล้ว
    สือไทย ว่า ยังจำได้ไม่หมดใจเหมือนมื้อนี้
    ไทยงาม ว่า หารู้รอดใหม่ได้ ญิงชายไม่หาย เมื่อน้อยพี่อุ้ม จับลูบคลำน้อง พี่ยังว่าเนื้อน้องนุ่มนิ่มดี มื้อสาวนิ่มดีกว่า จับดูรู้นิ่ม มื้อนี้ให้พี่ลองจับดูได้ ให้หลัง ดึงมือจับท้อง ถามว่านิ่มมือดีไหม ให้คลำนม คลำเหนา ขา
    ไทยงาม ว่า มือพี่แม้นไฟ ถูกแห่งไหน ร้อนทั่วตัว
    สือไทย ว่า ตัวน้องแม้นไฟฟู่ฟ่า ร้อนมือตัวทั่วทุกหน

    ไทยงาม ว่า เมื่อน้องเย้มพี่ดูดี แม้พี่ถูกเสิงใจ เมื่อคลำซ่านตัว เมื่อลูบเสียวใจ แม้กอดสออนใจ แม่สางมาสอนให้พี่นอนทับ พ่อสรวงสอนน้องให้นอนหงาย-หงายมึนดียังงี้พาขึ้นทับเนื้อตัวนอน
    สือไทยทับไทยงาม ขึ้นผัวเมียแต่เพ็งเดือน ๖

    สือไทย ว่า ผัวเมียดีหรือ
    ไทยงาม ว่า ดีสุดใจ เกือบขาดใจตาย พี่อยู่ มีเมีย เป็นผัวน้อง ปกป้องบ้านเมือง ญิงชาย ผีสาง ให้ทำมาหากินเสิงสราญ และพี่ทำน้องให้มีลูกสักสิบคน

    ไทยงาม ว่า เมื่อขึ้นผัวเมียกันแล้ว ต้องให้ผีดิน น้ำ ลม ไฟ รู้ ผีดินรู้เห็นที่นี่ ผีน้ำนี่รู้แล้ว ไฟร้อน ลมพัดเทื้อ นำเอาไปทั้งเปื้อนนี้ อาบชะให้เห็นอีก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 เมษายน 2017
  20. เก่ากะลา

    เก่ากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    3,311
    ค่าพลัง:
    +3,401
    บ่ายมื้อนั้น ไทยงาม หาเป็ด ไง่ งัว ควาย พันตัว(อาจมี หมู เก้ง กวาง สมัน ละมั่ง ม้า ลา ล่อ และนกต่างๆ) บำบวงขุนผีฟ้า ข้า-ผัวเมียเอากันตามพ่อสรวงแม่สางสอนชุมหมู่พี่น้อง แม่สอง ขอเอาเข้าเลี้ยงกัน

    สือไทย เมื่อเข้าห้าวัน ไทยงามว่า พี่-ผัวเมีย ไม่เข้าหาผีต้นขุนไทยลวะ อันผีชังหมู่เราหาย เมื่อผัวเมียผู้พ่อแม่เมืองไหว้เป็นเซ่นถูก เราเสิง(เสริง)สราญ ทำนาหากิน
    มมาปลาเข้า ข้าวงาม บ้านเมืองเที่ยงเสิงสรวง

    สือไทย ดอมไทยงาม แม่สอง ลุง ป้า อา น้า สู่เรือนชวด ลือขวัญไทยสร้าง ไหว้กราบผีพ่อแล้ว หาพ่อปู่ทวดสรวง ย่าทวดนางสาง ไหว้ถึงหัว กราบแล้วว่า ข้า-ปู่จ้าว ปกป้องผู้คน เมือง บ้าน เที่ยงตรง ไม่เบียดไม่เบียน ไม่กินคน ไม่ฆ่าหมู่เรา

    สือไทย เริงสนุกกับไทยงาม แม้ในมื้อทอผ้าก็เข้านั่งดูไทยงาม ทอ ยก ลายผ้า ดูเส้นลายอ่าน เมืองบ้านพ่อแม่ ได้เห็นเส้นยาวบ้างสั้นบ้าง อ่านนึกแต่ในใจ

    เมื่อถามไทยงามว่า อสัง(ต้นชื่อ อสัม อิสังบ้าง อสงบ้าง คนอื่นจึงเรียกว่า ไทยอิสัง ที่ออกเป็นเสียง ฉ ก็เป็นไทยเฉียง)
    ไทยงาม เล่า ยังมิมีชื่อ ต้นขุนกุน คิดขีดขึ้นลายหม้อ ลายโอ่ง อ่าง เรียกว่า ลายกุน และว่า พี่ขอม เอามาสอนทอลาย ยกลาย และตั้งชื่อไว้มาก


    สือไทย ร่วมนั่งกับ ไทยงาม ทอผ้า ยกลายผ้า ดูลาย คิดและอ่านในใจและอ่านไปจะทำลายอ่าน

    ไทยงามอยากมีลูกมากๆ อยู่กันมา ๑๕ ปี มี ๙ คน ตายสาม ที่อยู่ ๖ คน ลืมวันเดือนปีเกิด

    จึงอยากมีลายเขียนจดไว้ คงจะอยู่ได้นาน และอาจใช้จดเรื่องอื่นๆได้ ขยันหมั่นคิดดูก็ยังไม่ได้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 เมษายน 2017
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...