ไม่ควรมีการเททองหล่อพระอีกต่อไป

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย manforlove, 6 สิงหาคม 2012.

  1. หนึ่งจิต

    หนึ่งจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    2,928
    ค่าพลัง:
    +4,388
    มนุษย์คือต้นทุนต่ำ อย่าคิดว่ามนุษย์ประเสริฐสุดเลย
    จะเปลี่ยนภพภูมิก็มาที่มนุษย์นี่แหละ
    นิพพานก็ได้ เป็นสัตว์ก็ได้ เป็นเทพก็ได้ หากมาเกิดแล้ว

    ............

    อธิบายประโยคเหล่านี้หน่อยนะท่าน..มันแย้งกันเองค่ะ..
     
  2. manforlove

    manforlove เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มกราคม 2012
    โพสต์:
    367
    ค่าพลัง:
    +216
    กระทูนี้ไม่ได้มีเจตนาต้องการหมิ่นการสร้างพระพุทธรูปแต่อย่างใดแต่อยากให้ชาวพุทธเป็นชาวพุทธแท้เท่านั้นที่มองเห็นศีล สมาธิปัญญา
    มีค่ากว่าวัตถุมงคลหรือวัดวาอารามใหญ่โต กุฏิเล็กก็พอปฏิบัติธรรมได้ การสร้างวัดแบบศิลปะนั้นเช่นวัดที่สรพงษ์สร้าง วัดที่ อ.เฉลิมไชยสร้าง
    เน้นเป็นสถานที่ที่รวมศรัทธาแตกต่างจากวัดทั่วไป มันเป็นศิลปะ อันนี้ก็เห็นดีด้วย เพราะจรรโลงพุทธศาสนา วัดปฏิบัติที่แท้ไม่ควรใหญ่มากเพราะภิกษุสงฆ์ที่อยู่ในวัดก็คือมนุษย์ไปบวช
    นานาจิตตัง วัดสรพงษ์ กับวัดร่องขุ่น ไม่เห็นมีพระ แปลกใหม แต่วัดที่มีการปฏิบัตจริง
    แยกแม่ชีห่างจากพระเป็นโยชน์นี่คือของจริง
    ให้ใส่ใจมองคำว่าพุทธบริษัท 4 และความเข้มแข็งของศาสนา ไม่อยู่กับวัตถุมากกว่าการถือศีลปฏิบัติบูชา อามิสบูชาเป็นเรื่องของคนที่พร้อมที่มี
    แต่ปฏิบัติบูชาเป็นสิ่งที่ลงทุนน้อยที่สุดแต่คุ้มค่ามากที่สุด ในแง่บุญกุศล อยากให้มองการปฏิบัตินำหน้า การอ่านการศึกษาตามหลังดีกว่า คำว่าไม่ควรเททอง
    หล่อพระพุทธรูปคือรูปปั้นมีเยอะแล้วเทตลอด เทเรื่อยๆ ที่สร้างด้วยศรัทธาบริสุทไม่ว่าแต่ที่สร้างด้วยกิเลสฝ่ายสัมมธิฐิก็ไม่ว่า แต่ที่สร้างด้วยความโลภ
    โกรธหลงนี่ไม่เห็นด้วย ดังนั้นผู้ที่ศึกษาและปฏิบัติจริงเน้นนิพพานในชาตินี้เพราะชีวิตไม่ควรประมาทการเกิดอีกชาติหนึ่งนั้นไม่รู้ว่าจะเจอทุกข์
    อีกกี่ชาติ เมื่อชาตินี้ได้มีโอกาศมาพบพุทธศาสนาในเบื้องปลายก็ควรศึกษาให้รู้แจ้ง
    ให้สมดั่งพุทธศาสนาเป็นเบื้องต้นและศึกษาให้ตรงให้เหมาะให้ดี
    เพื่อประโยชน์สุขแห่งตน ไม่มีใครรักเรามากกว่าตัวเราเอง การรักผู้อื่นก็ย่อมเป็นสิ่งที่เสียสละอย่างยิ่ง สละเวลาอันมีค่า สละความสุข นี่คือรูปแบบ
    การสงเคราะโลกของศาสดาและสาวกที่บรมศาสดาได้เสียสละ สละแม้ชีวิตเพื่อสอนคน
    (แม้จะอยู่ห้าพันปีได้แต่ก็ยอมดับขันเพื่อเป็นไปตามประสงฆ์ของมารซึ่งมีมวลชนมาก)นี่คือความเมตตาอย่างแท้จริง ดูเถอะพยามารเมื่อต้องการให้ตถาคต
    อยู่ต่อไม่นาน ภายในอีกสามเดือนข้างหน้า ตถาคตจะปรินิพพาน ทีนี้พวกเราที่หลงอยู่ในโลกเป็นเชื้อมารหรือเทพถึงต้องอยู่ต้องเกิดอีก จะอยู่จนกว่าพยามาร
    เป็นพระพุทธเจ้าเลยเหรอถึงจะรู้จักคำว่าพอซักทีกับวัฏสงสาร ยิ่งคนที่คิดเกิดมาเป็นผู้รับใช้ศาสนาแล้วละก้อ คิดผิด เพราะศาสนาพุทธ คือศาสนาแห่งความพ้นทุกข์
    คนที่ได้รับทุกข์คือคนที่เรียนรู้แล้วจำได้ว่าทุกเป็นอย่างไร จึงไม่เพียรเกิดเพียรตายอีกเพราะเวทนาเป็นทุกข์ เป็นสิ่งที่ทนไม่ได้ ไม่น่าทน เราควรแสวงหาสุข
    ในปัจจุบันและอนาคตดีกว่า สุขยิ่งๆขึ้นไป แล้วสุขที่อิสระเสรีด้วย นิพพานัง ปรมังสุขขัง ถ้าเลือกนิพพานวินาทีนี้ได้จะนิพพานทันที (สำหรับชาวพุทธแท้ทุกคน) ดังนั้น
    พิจารณาธรรมตามกาลเถิดอย่าพิจารณาธรรมด้วยทัศนะคติของตนก่อน การมองผู้ที่คืดไม่เหมือนตัวเป็นศรัตรูนั้นเป็นการมองโลกอย่างมิจฉาธิฐิ โอกาศเรียนรู้มนุษย์
    ได้ง่ายที่สุดคือการมองคนที่อยู่ใกล้ที่สุด เมื่อรู้เห็นว่าเขาเป็นอย่างไรจงทำตัวให้ดีกว่าเพื่อความปลอดภัยในทุขคติที่ไม่ควรข้องเกี่ยว
    ทำตนให้ดีก่อนแล้วค่อยหาทางสอนผู้อื่นเท่าที่ตนปฏิบัติได้ก็พอ อย่างบางคนอ่านตำรามากแล้วเขียนหนังสือขาย แต่ปฏิบัติไม่ได้ก็เหมือนหลอก คนที่จะสอนคนอื่น
    ต้องปฏิบัติมาเห็นในสิ่งที่ปฏิบัติมาจึงสอนเฉพาะสิ่งที่ตนรู้มาใครจะเชื่อหรือไม่ตามแต่เขามีจิตเมตตาศรัทธาต่อองค์สัมมาสัมพุทธเจ้าเขาจะปฏิบัตเอง ดั่งการหว่านแห ลงน้ำ
    ฉันใด ปลาไม่รู้หรอกว่า เราจะนำเขามาปล่อยในที่ๆดีกว่าหรือขังในที่ๆแคบกว่า ผู้ที่มีจิตเมตตา ไม่จับแม้แห ไม่ยุ่งกับปลา ในน้ำ แต่หากเห็นปลากำลังจะแห้งตายเพราะสระ
    นั้นไม่มีน้ำแล้ว ตัวเองก็ว่างอยู่ไม่มีอะไรทำ การชี้ทางขุดบ่อถากทางร่องน้ำให้ปลาไหว้แหวกหาทางรอดเองก็ไม่เดือดร้อน ปลาคงไม่ถามหรอกว่าใครกันน้ามาถากถางทางไว้ มีแต่จะกระเสือกกระสนหาทางไปของเขาเอง ปลาตัวแรกไปอยู่ในที่ใหญ่ก่อนกับแสดงความเป็นเจ้าถิ่นแสดงความเป็นผู้ยิ่งใหญ่เพราะมาก่อน ออกได้ก่อน ก็ทนงตน เชื่อมั่นตัวเองว่าพระพุทธเจ้าอยู่ข้างตนคนที่พระพุทธเจ้าไปหาคือคนที่กำลังจะตกทุกข์ได้ยากแต่ได้มีความรักพระองค์ 1 กับคนที่จะนิพพาน 1 ดังนั้นเราควรเป็นพวกใด
    สุดท้าย ศีล สมาธิปัญญา คือทางสว่างแห่งชีวิต
    คิดดี ซะก่อน จึงจะพูดดี แล้วจะทำดี โดยอัตโนมัติ ไม่ต้องสอนคนอื่นจนกว่าจะสอนตนได้ คนที่ไม่รักเรา เราคงต้องช่วยบ้างหากเขาเดือดร้อน แต่เราต้องไม่ลืมกิจของเรา
    คือ เกิดมาหาทางนิพพานเท่านั้น มีกิจเดียว ที่สำคัญที่สุดของชีวิตเรา นี่คืองานถากถางทางเวลาว่างเท่านั้น แต่ไม่ได้หมายความถึงว่าเรานิพานแล้วหรือไม่ แต่ท่านต่างหาก ที่ควรถามและสงสัยตัวเองไม่ใช่สงสัยผู้อื่น คำว่า ภิกษุแปลว่า ผู้มีนัยตาดี มองเห็นภัยในวัฏสงสาร ทุกวันนี้เป็นภิกขุ ก็เยอะ เป็น พิก ก็เยอะ ตรองดูเถิดชาวพุทธ ขอรับ
     
  3. manforlove

    manforlove เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มกราคม 2012
    โพสต์:
    367
    ค่าพลัง:
    +216
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 18 สิงหาคม 2012
  4. Artorius

    Artorius เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2012
    โพสต์:
    187
    ค่าพลัง:
    +313
    อิอิ ไม่ใช่แล้วครับ ผมไม่ได้หมายถึงผู้บรรลุโสดาบันแล้ว ผมหมายถึง ก่อนบรรลุครับ ผู้เอาพระพุทธรูป หรือพระพุทธเจ้าเป็นพุทธานุสติ แล้วเจริญกรรมฐาน เจริญวิปัสณา เจริญมรรคไปเรื่อย จนโสดาบันครับ
    แต่อย่างไรก็ดี ผมเห็นกับการกล่าวว่า "ห้ามสร้าง"ก็ดี "ไม่ควรสร้าง"ก็ดี ยังไม่ใช่การกล่าวที่ถูกต้องนะครับ
    โดยส่วนตัวผมว่าเห็น การกล่าวว่า "สร้างแล้ว ปราถนาเพื่อเป็นพุทธานสติ เพื่อเจริญในธรรม ซึ่งเป็นแก่นของพุทธ ไม่ใช่เพื่องมงาย ไม่ใช่เพื่อยึดติดในดินทราย ธาตุโลหะ" จึงจะถูกต้อง และกระจ่างง่ายแก่การเข้าใจกว่า
    เพราะเหตุผลที่"ควรสร้าง"ก็ยังมีอยู่
     
  5. Artorius

    Artorius เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2012
    โพสต์:
    187
    ค่าพลัง:
    +313
    จขกท.กล่าวเช่นนี้ ท่านทราบหรือไม่ครับ ว่าเป็นการเหมารวมหมด ถึงผู้เททองสร้าง หรือเคยเททองสร้าง หรือปั้นหินดินทรายสร้าง ก็แล้วแต่ และทำด้วยเจตนาบริสุทธิ์ด้วย อาทิเช่น สมเด็จโต ที่เห็นๆกันอย่างง่าย ซึ่งเป็นพระอริยะแล้วอย่างแน่นอน (อันนี้ต้องอาศัยความเชื่อส่วนตัว) ท่านกำลังกล่าวว่า"ทำโดยรู้เท่าไม่ถึงการ เหมือนเด็กที่ทำตามกัน..." อยู่นะครับ
     
  6. Artorius

    Artorius เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2012
    โพสต์:
    187
    ค่าพลัง:
    +313
    ขอเรียนว่า ผมพอจะทราบเจตนาของ คุณจขกท.เป็นอย่างดี และไม่ได้มีจุดประสงค์ร้ายในการโต้แย้งความคิดเห็นใดๆทุกประการครับ แต่อยากจะบอกว่า เราควรพิจารณาหลายๆทาง หลายๆเจตนา หลายๆจุดประสงค์ เพราะคนอ่านคนศึกษามีเยอะ
    เพราะฉะนั้นควรกำหนดสมาธิในการใช้ประโยค ในการจำกัดคำ เพื่อลดปัญหาการเข้าใจผิดนะครับ
     
  7. kumpeang

    kumpeang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    546
    ค่าพลัง:
    +1,984
    อ่านแผนที่ไม่ออก ดูแผนที่ไม่เป็น ก็เดินทางหลงทิศหลงทาง . . .
     
  8. หนึ่งจิต

    หนึ่งจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    2,928
    ค่าพลัง:
    +4,388
     
  9. นพณัฐ

    นพณัฐ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    587
    ค่าพลัง:
    +4,499
    น่ะ!
    พระพุทธรูป เป็น เปลือก พุทธะ เป็นแก่น ?
    แล้วคุณล่ะครับ เป็นอะไรดี ?

    เรียนมาก รู้มาก ศึกษาเยอะ มันอันตรายนะ
    (โทดทีนะครับ ปฏิบัติไปถึงไหนแล้ว)
    ถึงได้ขาดสติ นึกคิดว่าตนกล่าวอะไรไปแล้วบ้าง
    ไหลไปเรื่อยนะ รอบคอบนิดนึงครับ ตั้งแต่หน้าแรกจนถึงหน้านี้
    ลองย้อนไปตรวจสอบดูดี ๆ ซิครับว่า คุณได้ ปรามาส ไปแล้วกี่ครั้ง
    ถ้าเจตนาดีจริง ๆ คงไม่มาเปรียบเทียบ องค์พระรัตนตรัยแบบนี้หรอก

    เรา ๆ มันก็เพื่อนร่วมสังสารวัฎเดียวกัน ทุกข์ด้วยกันมา
    ปรารถนาในจุดมุ่งหมายที่เหมือนกัน จริงมั้ย
    หากเจตนาคุณบริสุทธ์จริง ( ที่จริงกว่านี้นะ )
    เห็นสัจธรรมในคำสอนของพระองค์อย่างถูกต้อง
    และคุณอยากจะสอนแนะผู้ที่ศรัทธาในแบบผิด ๆ
    ก็นับว่า เป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่งในเมตตาธรรม

    แต่หากเจตนาที่ ไหลไป ไหลมา แบบนี้
    ผมยังมองไม่เห็น ทั้งเปลือก ทั้งแก่น ครับ
     
  10. manforlove

    manforlove เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มกราคม 2012
    โพสต์:
    367
    ค่าพลัง:
    +216
    เมื่อคืนนี้ นิมิตว่าใด้พาคน 3 คนงมของมาขายพบของหลายอย่างแล้วก็บางอย่างในมหาสมุทธ แล้วก็เจอเสมาธรรมจักร ที่มียอดแหลม มากๆ ซึ่งมีหินปูนเกาะ จะคล้ายเป็นแก้วหรือไม่ไม่ทราบยังไม่ได้แคะดุเดี๋ยวว่างจะนิมิตใหม่
     
  11. manforlove

    manforlove เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มกราคม 2012
    โพสต์:
    367
    ค่าพลัง:
    +216
    ท่านสร้างไว้เป็นยา ฝนทาได้ เป็นว่านยาในอนาคต และรูปแบบวิธีสร้างนั้นท่านใช้วัตถุที่ไม่เป็นพิษย์และมีการกำหนดเทคโนโลยีบางอย่างไว้เพื่อเป็นทางออกหนึ่งของจิตวิญญาณ พระสมเด็ด จึงเป็นศาสตรและศิลที่ท่านจะเข้าใจเมื่อท่านกลับมาสื่อสารกับมนุษย์อีกครั้ง
     
  12. Kama-Manas

    Kama-Manas เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    5,351
    ค่าพลัง:
    +6,491
    บรรลุความจริง..คือ บรรลุธรรม..
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 19 สิงหาคม 2012
  13. manforlove

    manforlove เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มกราคม 2012
    โพสต์:
    367
    ค่าพลัง:
    +216
    ใครยังไม่เห็น ควรสร้างเททองสร้างต่อไปตามใจ
    ใครที่เห็นแล้ว ทำอย่างอื่น ที่มีอานิสงค์มากกว่า

    เพราะความเห็นนี้เป็นความเห็นที่มีผู้เห็นและผู้ไม่เห็นผู้ไม่เห็นความเห็นนี้ก็สร้างต่อไปจะได้ซำบายใจ เถียงกันอยูู่ก็ใช่จะมีประโยชน์เพราะคนอ่านตัดสินใจได้แล้ว คนตอบก็ตัดสินใจได้และรู้แล้วว่าทำอะไร ถ้าโลกนี้มีความเห็นที่แตกต่างไม่ได้คงไม่มีแขนซ้ายและแขนขวา
    พิณ 3 สาย
    สายที่ หนึ่ง ตึงไป ก็ต้องหย่อนก่อนขาด
    สายที่ สอง หย่อนไป ไม่ไพเราะ
    สายที่ สาม พอดี เสียงเพราะ
    จะปรับให้งามสายจนสมดุลคงใช้เวลา มากพอสมควร นี่คงเป็นเหตุให้มนุษย์อายุยืนขึ้นกระมัง ส่วนที่ ไม่เห็นธรรมอันเป็นแก่นสาร คงต้องตายไปก่อน เพราะฉะนั้นหาทางอายุยืนกันดีกว่า
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 19 สิงหาคม 2012
  14. manforlove

    manforlove เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มกราคม 2012
    โพสต์:
    367
    ค่าพลัง:
    +216
    สิ่งแปลกๆ รอท่านอยู่ สำหรับผู้เห็นผิดเป็นชอบ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 20 สิงหาคม 2012
  15. manforlove

    manforlove เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มกราคม 2012
    โพสต์:
    367
    ค่าพลัง:
    +216
    ก็คนมันแก่แถมสายตาสั้นก็อย่างนี้แหละ (มุขครับ พอดีเห็นรูปแทนตัว เห็นแล้วอด ขำไม่ได้)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 20 สิงหาคม 2012
  16. manforlove

    manforlove เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มกราคม 2012
    โพสต์:
    367
    ค่าพลัง:
    +216
    เมื่อวานตอบแล้วข้อความหายวันนี้ตอบให้อีกครั้ง มนุษย์ต้นทุนต่ำคือ ความรู้ ความสามารถยังไม่ถึงขั้น ยังไม่พอที่จะนำทรัพยากรณ์ ธรรมชาติและเทคโนโลยีทันสมัยอื่นๆในยุคหน้ามาใช้อย่างมีประสิทธิภาพ
    ที่กลายเป็นอุปสรรคในการพัฒนาต่อองกรณ์และประเทศชาติ
    ปราชน์จึงพูดว่ามนุษย์เป็นสัตว์ประเสริฐ ความหมายคือยังเป็นสัตว์อยู่แค่ประเสริฐกว่าสัตว์เท่านั้น ไม่ได้หมายถึงความเป็นมนุษย์ผู้ประเสริฐซึ่งจะถึงชั้นนี้ก็ต้องหนีออกจาสัตว์หกชนิดที่เขาผูกไว้ซะก่อน
     
  17. manforlove

    manforlove เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มกราคม 2012
    โพสต์:
    367
    ค่าพลัง:
    +216
    จริงแล้วความรู้ขนาดนี้ มนุษย์น่าจะมองเห็นระบบรถยนต์ไม่ใช้น้ำมันในอนาคตแล้วแต่ก็ยัง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 19 สิงหาคม 2012
  18. หนึ่งจิต

    หนึ่งจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    2,928
    ค่าพลัง:
    +4,388
    สำหรับท่านแล้วคิดว่าความรู้ ความสามารถขนาดไหนล่ะถึงเรียกว่า..ถึงขั้น.. และพอที่จะนำทรัพยากรณ์ และเทคโนโลยี มาใช้ อย่างมีประสิทธิ์ภาพ
    ตกลงว่า อุปสรรค ที่ทำให้พัฒนาต่อไม่ได้ และเป็นได้แค่นี้ในปัจจุบัน..อยู่ที่ผู้รู้ ..อยู่ที่คนดึงมาได้..หรืออยู่ที่คนใช้ล่ะ..

    ท่านว่าอุปสรรคที่แท้จริงมันคืออะไร และเพราะอะไรล่ะคะ

    แล้วมุมที่ท่านพูดว่าการออกจากสัตว์หกชนิดที่เขาผูกไว้ หมายถึงอะไรหรือคะ อันนี้ไม่เคลียร์ขอคำอธิบายเพิ่มเติมละกัน
     
  19. หนึ่งจิต

    หนึ่งจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    2,928
    ค่าพลัง:
    +4,388
    ท่านรู้ได้อย่างไรล่ะคะ..ว่าไม่มีใครมองเห็นระบบที่ท่านพูดมา ความจริงมันอาจมีแล้วก็ได้แต่ท่านไม่รู้เอง
    แต่ถามว่าทำไมมันยังทำไม่ได้ มันคงไม่น่าจะใช่เพราะคนที่รู้นะคะ เหตุปัจจัยน่าจะเป็นเพราะสิ่งอื่นมากกว่า
    สิ่งนั้นคืออะไร ท่านพอจะทราบมั๊ยล่ะคะ
     
  20. Artorius

    Artorius เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2012
    โพสต์:
    187
    ค่าพลัง:
    +313

    แล้วคห.นี้ของผม จขกท.มีอะไรจะแก้ หรือไม่เห็นด้วย หรือผมกล่าวผิดประการใดครับ จะว่าไปผมก็เริ่มเห็นด้วยกับคุณนพณัฐแล้วนะครับ ว่าคุณเจตนาดีจริงหรือเปล่า เพราะแต่ละประโยคของคุณ มันบิดไปบิดมา ประเด็นนู้นทีประเด็นนี้ที ผมพยายามเข้าประเด็นแล้วนะครับ ว่าควรหรือไม่ควรสร้างเอาแค่นั้น จะได้รู้ได้เข้าใจกันไป อีกอย่าง สังเกตได้ครับ ทุกคห.ของผม ไม่มีคำพูดเชิงเสียดสีหรือกระแหนะกระแหนอย่างใด จะมีก็แต่ของคุณเอง เช่น "คนสายตาสั้นก็แบบนี้แหละครับ" ผมว่าก็ยังดีกว่าคนตาบอดนะครับ ลองพิจารณาดูนะครับ ว่าปรามาสไปกี่ครั้งแล้ว เจตนาดีจริงตามคำพูดหรือเปล่า คำพูดลูกผู้ชาย
     

แชร์หน้านี้

Loading...