เพื่อการกุศล ร่วมถวายเทียน ๑๐๘ เล่ม-ร่วมปล่อยปลา ๑๐๘ ตัวทุกสัปดาห์ และบุญอื่น ๆ หน้า ๑๒๐ ค่ะ..

ร่วมทำบุญกับกองทุนฯ 100 บาท โอนแล้ว 26 ก.ค.55

อนุโมทนาบุญทั้งหมดกับ พี่น้ำใส และทุกท่านด้วยนะครับ
ขอให้มีความสุข ความเจริญยิ่งๆขึ้นไปครับ สาธุ สาธุ

 

ขอโมทนาสาธุในบุญของคุณมีนัมและคุณชายธรรมวิวัฒน์ด้วยนะคะ
พรใดว่าประเสริฐขอจงบังเกิดแก่ทุกท่านที่ร่วมบุญในกองบุญนี้
ทุกถ้วนหน้า ทุก ๆ คน ด้วยค่ะ

 

ขอให้สมหวังในสิ่งที่ปรารถนาเช่นกันนะครับ หญิงน้ำตาล

 

เนื่องจากพี่น้ำใสเก็บตัวเพื่อปฏิบัติธรรม
ในช่วงนี้ตาลจึงขออาสาดูแลกระทู้เป็นการชั่วคราวค่ะ


และก่อนไป พี่น้ำใสฝากรูปถวายดวงแก้วชัยสิทธิ์มงคลธรรม
แด่พระอาจารย์วิทยามาให้ชาวคณะได้โมทนาบุญร่วมกันค่ะ

 

สาธุ ขอโมทนาด้วยนะเจ้าคะ<O</O
ดวงแก้วใสและงดงามจริง ๆ ค่ะ<O</O
เมื่อแรกยกน้ำหนักไม่มากเท่าใดนัก<O</O
แต่เมื่อยกอีกครั้งก็ปรากฎว่า ดวงแก้วหนักมากค่ะ เป็นที่อัศจรรย์ใจยิ่งนัก

<O</O

 

..ประวัติดวงแก้วชัยสิทธิ์มงคลธรรม ตอนที่ ๑ ..​

...........​

..... “ดวงแก้วชัยสิทธิ์มงคลธรรม”ขนาดกว่า ๑๐ กิโลกรัม อัญเชิญจากถ้ำแถบเทือกเขาภูพาน จ.สกลนครค่ะ

ดวงแก้วชัยสิทธิ์มงคลธรรม ปรากฏขึ้นก่อนสมัย สมเด็จพระพุทธวิปัสสีพุทธเจ้า โดยมี ท้าวชัยสิทธิ์เทวบุตร เป็นหัวหน้ากายสิทธิ์ ๑๖,๕๘๐,๐๐๐ องค์ ปัจจุบันอยู่ชั้นสวรรค์ปรนิมมิตวสวัตดี


.....ประวัติดวงแก้วชัยสิทธิ์มงคลธรรมนี้ ได้จากการบอกเล่าของท้าวชัยสิทธิ์เทวบุตร เป็นเทวดาระดับมเหสักข์เทพ(เทวดาชั้นผู้ใหญ่) ในสวรรค์ชั้นปรนิมมิตวสวัตดี หรือสวรรค์ชั้น ๖ ฝ่ายเทพ

ท้าวชัยสิทธิ์นั้น มีผิวกายสีขาวเหลือง มีรัศมีรอบกายสีเหลืองทอง แผ่รัศมีไปโดยรอบ ๕ วา บ่งบอกถึงความเลิศด้วยโภคทรัพย์ และอริยทรัพย์

ท้าวชัยสิทธิ์เปี่ยมด้วยความเมตตา ท่านปรารถนาที่จะเป็นอุบาสก ผู้เลิศในการถวายทานในพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งในอนาคตกาล

พระองค์มีพระมเหสีนามว่า “พระนางปารมิตาเทวี”เป็นเทพธิดาที่มีความงามเป็นเลิศองค์หนึ่งในสวรรค์ชั้น ๖ นี้ขึ้นชื่อ เทพธิดานั้นความงามเป็นเลิศตั้งยกให้แก่นางฟ้าชั้นปรนิมมิตวสวัตดี ในสวรรค์ชั้นนี้ นอกจากมีความพิเศษโดยนึกปรารถนาสิ่งใด จะมีเทวดาองค์อื่นมีเนรมิตให้


สำหรับประวัติดวงแก้วชัยสิทธิ์มงคลธรรมมีดังนี้..

*******************

ย้อนหลังไปก่อนสมัยสมเด็จพระพุทธวิปัสสีพุทธเจ้า มีนครบาดาลหนึ่งนามว่า ปวารสีนคร ผุ้ครองเมืองนั้น นามว่า “พญาสุเมธบิณฑนาคราช” (อ่านว่า สุ-เมด-บิน-ทะ-นาก-คะ-ราด) อยู่ในทางทิศเหนือแห่งศิลาบรรพตในสมัยนั้น ปกครองเมืองโดยธรรมตลอดมา

พญาสุเมธบิณฑนาคราช จุติในพญานาคตระกูลสีทอง แบบโอปปาติกะ คือเกิดแล้วโตเลย เมื่อจุติเกิดแสงสว่างไปทั่วทั้งเมือง และมีเสียงดนตรีขับกล่อมไปทั่วทั้งเมือง เสียงนี้ทำให้ผู้ได้ยินเสียงมีความสุขมากขึ้น

ความทราบถึงพญาศรีสุทธนนาค โดยญาณทัสสนะของท่านผู้ครองเมืองขณะนั้น ทราบว่า มีผู้มีบุญญาธิการมาจุติ จึงได้ไปปรากฏ ณ.ทิพยวิมานของพญาสุเมธบิณฑนาคราชทันที ประกาศประชุมชาวเมืองว่า กาลนี้มีผู้มีบุญญาธิการมาจุติ จึงขอยกเมืองให้อยู่ในการปกครองของพญาสุเมธบิณฑนาคราชต่อไปส่วนท่านพญาศรีสุทธนนาคราช ใกล้ถึงเวลาเคลื่อนไปภพอื่น จึงเข้าสมาบัติ เพื่อรอการจุติต่อไป

อนึ่ง การปกครองของเหล่านาคราชทั้งหลายนั้น ยึดบุญญาธิปไตยเป็นหลัก ใครมีบุญเหนือกว่า ผู้นั้นย่อมได้เป็นใหญ่ โดยไม่ต้องมีการแก่งแย่งชิงดีดุจมนุษย์ในปัจจุบัน

ครั้นพญาสุเมธบิณฑนาคราช ได้ปกครองเมืองได้ไม่นาน ได้มีเทพธิดามาจุติบนแท่นบรรทมของพระองค์ นามว่า”มณีกานต์เทวี” พระนางมณีกานต์เทวีนั้น ทรงมีสิริโฉมงดงามดุจเทพธิดา มีผิวขาว ดุจน้ำนม มีสุรเสียงไพเราะมาก นางจุติพร้อมกับดวงแก้วมณีบรมจักรพรรดิ ๑ ดวง

เมื่อดวงแก้วมณีปรากฏ ทำให้มีทิพยสมบัติเกิดขึ้นแก่เหล่านาคานาคีทั้งหลาย ในบางพวกที่ไม่สามารถบันดาลทิพยสมบัติให้ตนเองได้ เพียงนึกก็จะสำเร็จในกิจนั้น สร้างความปิติใจแก่เหล่านาคานาคีทั้งหลาย ต่างแซ่ซ้องสรรเสริญถึงบุญญาธิการของผู้ครองนครองค์ใหม่

โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ

ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านด้วยค่ะ

Numsai

 

ประวัติดวงแก้วชัยสิทธิ์มงคลธรรม ตอนที่ ๒​

ปกติในภพบาดาลนั้นจะมีการประชุมกันอยู่เนือง ๆ ทุกวันขึ้น และแรม ๘ ค่ำ และวันขึ้นและวันแรม ๑๔ ค่ำ จะมีการประชุมเหล่าพญานาคทั้งหลาย บางครั้งมีท้าววิรูปักษ์ เป็นประธาน บางครั้งจะมีผู้เป็นจอมกษัตริย์ทั้ง ๗ เมือง คือ พญาภุชงค์นาคราช (หรือสมเด็จพระพุทธสมณโคดม สมัยเป็นพระโพธิสัตว์ทรงเสวยชาติเป็นพญานาคราช ) เป็นประธานการประชุม

และในวันขึ้น และแรม ๑๕ ค่ำจะมีการไปรายงานท้าวสักกเทวราช หรือพระอินทร์ บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เป็นธรรมเนียมปฏิบัติสืบกันมา

หากมีคดีความเรื่องใด หรือมีข้อพิพาทระหว่างพญานาคด้วยกัน จะถูกยกมาพิพากษาในวันประชุมนั้น รวมทั้งผู้ที่ไปฟังธรรมที่เทวสภา ก็จะนำธรรมะนั้นมากล่าวแก่พญานาคราชทั้งหลายด้วย

พญาสุเมธบิณฑนาคราชก็ได้เข้าร่วมประชุมกับเหล่าพญานาคทุกครั้ง หลังจากที่พระนางมณีกานต์เทวีจุติได้ไม่นาน บรรดาพญานาคต่างเมืองต่างเรียกร้องเพื่อยลโฉมพระนาง พญาพญาสุเมธบิณฑนาคราชจึงได้พาพระนางเข้าร่วมประชุมทุกครั้ง เป็นการสร้างสีส้นในการประชุมพญานาคในยุคนั้น

ผู้ใดที่ได้พบเห็นพระนางมณีกานต์ต่างก็แซ่ซ้องสรรเสริญในความงาม และจริวัตรอันงดงามนั้น แต่หาได้มีราคะปรารถนาแย่งชิงพระนางจาก พญาพญาสุเมธบิณฑนาคราชไม่ นี้เกิดจากผลบุญการอธิษฐานในอดีตของพระนางที่ได้ถวายดอกไม้ของหอมแก่พระปัจเจกพุทธเจ้าว่า..

“หากเกิดมาในชาติใดภพใดก็ตาม ขอให้ข้าพเจ้ามีความงามดุจเทพอัปสร มีผิวพรรณงามดุจน้ำนม แต่ความงามนั้นอย่าได้เป็นภัยแก่ตัวข้าพเจ้า และคู่ครองของข้าพเจ้าเลย”

เหตุนี้เองทำให้พระนางเป็นที่รัก เป็นที่ชื่นชมแก่ชนทั้งหลายทั้งบุรุษและสตรีทั้งหลาย และไม่มีผู้ใครปรารถนาแย่งพระนางมาครอบครอง

จนกระทั่ง พญาภุชงคนาคราชได้ทราบข่าวการอุบัติขึ้นของพระพุทธเจ้าพระนามว่า สมเด็จพระพุทธวิปัสสีพุทธเจ้า พระองค์จึงได้อาราธนาพระพุทธเจ้า และพระสาวกมานาคพิภพ ในครั้งนั้น

พญาสุเมธบิณฑนาคราชได้รับมอบหมายในการเนรมิตเสนาสนะ และอาหารทิพย์ ร่วมกับพญาอัศดงนาคราช และพญานาคองค์อื่น ๆ ท่านได้ตั้งความปรารถนาที่จะเป็นเลิศในการถวายทาน

เมื่อองค์สมเด็จพระพุทธวิปัสสี และพระสาวกได้รับภัตตาหาร ๗ วันแล้ว พระพุทธองค์ทรงพยากรณ์ให้แก่พญานาค และมนุษย์ถึง ๗,๐๐๐ และพญาสุเมธบิณฑนาคราชว่า..

“พญาสุเมธบิณฑนาคราชจะสำเร็จเป็นอุบาสก ผู้เป็นเลิศในการถวายทานในพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งในอนาคตกาล”

เมื่อได้รับการพยากรณ์แล้ว สร้างความปลื้มปิติใจแก่พญาสุเมธบิณฑนาคราชเป็นอย่างมาก หลังจากนั้น พญาสุเมธบิณฑนาคราชได้สร้างสมบุญกุศลอย่างต่อเนื่อง ว่างเว้นจากกิจต่าง ๆ มักจะเข้าฌานสมาบัติตลอดอายุขัย เมื่อละโลกแล้ว ท่านได้ไปจุติในสวรรค์ชั้นปรนิมมิตวสวัตดี และพระนางมณีกานต์เทวี ก็ได้ไปจุติเป็นพระมเหสีของพระองค์ดังเดิม

ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านด้วยค่ะ
Numsai

 

ประวัติดวงแก้วชัยสิทธิ์มงคลธรรมตอนที่ ๓​

เมื่อพญาสุเมธบิณฑนาคราช ได้ไปจุติบนสวรรค์ชั้นปรนิมมิตวสวัตดี นามว่า “ท้าวชัยสิทธิ์” ได้ดำรงตำแหน่งเป็นผู้ยังความสำเร็จแก่มนุษย์ทั้งหลาย ที่ได้กราบไหว้ขอพรสิ่งศักดิ์ แม้ว่าบุคคลนั้นอยู่ต่างศาสนาก็ตาม เพียงแต่ผู้ร้องขอนั้นเป็นคนดี โดยมีพระนางปารมิตาเทวี (หรือพระนางมณีกานต์ในอดีต)เป็นผู้คอยช่วยเหลือ

จากนั้นท้าวชัยสิทธิ์ถึงวาระลงมาจุติเป็นมนุษย์ เป็นบุตรของมัณฑเศรษฐี มีทรัพย์ ๔๕๐ โกฏิ นามว่า “มิตตกุมาร” ในเมืองราชบุตร แคว้นปฆิมะ

วันที่มิตตกุมาร ปรากฏว่า มีปราสาทแก้วประกอบด้วยรัตนะ ๗ ประการ พร้อมหม้อ เกิดขึ้นมาโดยอัศจรรย์ด้วยผลบุญที่เคยเนรมิตวิมานแก้ว และอาหารทิพย์แก่พระพุทธวิปัสสีพุทธเจ้า และพระสาวก

หม้อทิพย์นั้นมีลักษณะคล้ายหม้อดิน แต่เป็นแก้วเคลือบ เมื่อมิตตกุมาร นึกปรารถนาสิ่งใด สิ่งนั้นจะปรากฏขึ้นมาไม่ว่า จะเป็นแก้วแหวนเงินทอง แม้แต่อาหารทิพย์

เมื่อมิตตกุมารอายุได้ ๓ ขวบ มักนึกอาหารทิพย์ นำมาเลี้ยงบิดามารดา และบริวารได้โดยไม่จำกัด บริวารทั้งหลายได้รับความสะดวกสบาย ไม่ต้องเหน็ดเหนื่อยงานมาก ผู้สามารถใช้หม้อทิพย์ได้ มีเพียงมิตตกุมารผู้เดียวเท่านั้น เรื่องนี้เป็นที่เลื่องลือไปทั่วเมืองนั้น

จนกระทั่งพระราชา นามว่า พระเจ้าสิทธิมงคล มีพระมเหสีนามว่า “พระนางมาลาเทวี” พระองค์ยังไม่มีพระโอรส หรือพระราชธิดา จึงได้เสด็จมาเยี่ยมชมวิมานแก้ว และหม้อทิพย์ของมิตตกุมาร พระราชาได้ตั้งมิตตกุมารเป็นมหาเศรษฐีที่มีทรัพย์มากที่สุดในเมืองนั้น และขอรับมิตตกุมารเป็นราชบุตรบุญธรรมนับแต่นั้นมา

มิตตกุมารเอง ขอรับเพียงศักดิ์เป็นราชบุตรบุญธรรม แต่ไม่ขอรับฐานันดรศักดิ์ เป็นเจ้าชาย เกรงความไม่สะดวกแก่บิดามารดาของตน และต้องมากราบไหว้บุตรตนเองเนื่องจากฐานันดรศักดิ์นั้น และได้ขออาศัยอยู่ที่วิมานแก้วนั้น เพราะต้องการตอบแทนบุญคุณบิดามารดา และเลี้ยงดูบริวารให้มีความสุข

พระราชาทรงสรรเสริญความกตัญญูของมิตตมานพ และทรงอนุญาต แต่มีเงื่อนไขว่า มิตตมานพจะต้องเดินทางเข้าเฝ้าสัปดาห์ละครั้ง

หลังจากที่รับมิตตกุมารเป็นราชบุตรบุญธรรมได้ไม่นาน พระมเหสีทรงพระครรภ์ขึ้นมา ต่อมาได้ประสูติพระราชธิดานามว่า “เจ้าหญิงปุญญชีวี” หมายถึง ผู้มีชีวิตด้วยบุญ

หลังจากเจ้าหญิงปุญญชีวี ได้ ๑ ชันษากว่า ๆ พระมเหสีก็ทรงพระครรภ์อีก และได้พระราชโอรสอีกพระองค์หนึ่งนามว่า เจ้าชายโชติสิทธิ์ สร้างความปิติใจแก่พระราชาและพระมเหสีอย่างยิ่ง พระองค์ดำริว่า นี้คงเกิดจากมิตตกุมารเป็นแน่ที่ทราบว่า พระองค์ปรารถนาสิ่งใดที่สุดในชีวิต และพระองค์ก็สมความปรารถนานั้น

ทุกครั้งที่มิตตกุมารเดินทางเข้าเฝ้าพระราชาและพระมเหสี มักรู้วารจิตของท่านทั้งสองว่า เวลานั้นทรงปรารถนาสิ่งใด มิตตกุมารก็จะขอจากหม้อทิพย์นั้น เพื่อไปถวาย สร้างความปลื้มใจแก่ทั้งสองพระองค์เป็นอย่างมาก

เมื่อมิตตกุมารได้เติบโตมาได้ศึกษาวิชาความรู้จากสำนักต่าง ๆ ที่ดีที่สุดที่พระเจ้าสิทธิมงคลได้แสวงหามาให้ราชบุตรบุญธรรม เมื่ออายุได้ ๑๖ ปีได้สำเร็จวิชาการต่าง ๆ

มัณฑเศรษฐีนั้น ปรารถนาที่จะให้มิตตเศรษฐีมีคู่ครอง จึงได้เดินทางไปเข้าเฝ้าพระเจ้าสิทธิมงคล เพื่อขออนุญาต พระราชาทรงเห็นว่า มิตตเศรษฐีนั้น มีศักดิ์เป็นราชบุตร บุญธรรมของพระองค์ ประหนึ่งเป็นเจ้าชายองค์หนึ่ง มิควรสมรสกับสามัญชนทั่วไป จึงคิดจะสู่ขอเจ้าหญิงจากต่างเมืองมา เพื่อสมรสกับมิตตมานพ

ความนี้ร้อนไปถึงท้าวสักกเทวราช ทราบว่า แท้จริงแล้วมิตตเศรษฐี มีคู่บารมีอยู่แล้ว เกิดจากการอธิษฐานในกาลก่อนของพระองค์ นางได้ไปจุติในอุตตระกุรุทวีป มีนามว่า “มินตรา” นางมีความงามเป็นเลิศ อีกทั้งยังมีกลิ่นกายหอมฟุ้ง จึงได้สั่งให้เทวบุตร ๔ องค์นำราชรถไปรับนางมินตรา เพื่อมาสมรสกับมิตตมานพ

เมื่อเทวบุตรทั้ง ๔ นำนางมินตรามามอบให้มิตตเศรษฐี ณ. ท้องพระโรง สร้างความอัศจรรย์ใจแก่พระราชา และผู้พบเห็นอย่างยิ่ง นางมินตรามาพร้อมดวงแก้วมณี นามว่า “แก้วชัยสิทธิ์” ตามนามเดิมของท้าวชัยสิทธิ์นั้น เมื่อนางมินตราปรากฏกายขึ้น กลิ่นกายของนางหอมฟุ้งไปทั่วทั้งเมือง

หลังจากนั้นได้จัดงานสมรสแก่มิตตเศรษฐี และนางมินตราอย่างยิ่งใหญ่ และมีการฉลองถึง ๓ เดือน การเลี้ยงดูแขกที่มางานนั้น ได้จากการบันดาลของหม้อทิพย์เพียงอย่างเดียว ส่วนดวงแก้วมณีนั้น มีอานภาพในการส่งผลให้บรรดาหัวเมืองน้อยใหญ่ต่างมาสวามิภักดิ์ต่อพระเจ้าสิทธิมงคล ทำให้เมืองนี้ปราศจากศัตรูหมู่มาร ประชาชนในเมืองอยู่อย่างมีความสุข

พระเจ้าสิทธิมงคล มีความซาบซึ้งในการช่วยเหลือของมิตตเศรษฐีเป็นอย่างมาก พระองค์คิดว่า มิตตเศรษฐีนั้นเกิดมาเพื่อเกื้อกูลพระองค์โดยแท้ จึงตั้งมิตตเศรษฐีในตำแหน่งขุนคลังแก้วของเมืองนี้นับแต่นั้นมา

ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านด้วยค่ะ

Numsai

 

ประวัติดวงแก้วชัยสิทธิ์มงคลธรรมตอนจบ​

หลังจากที่มิตตเศรษฐีได้สมรสแล้ว ปรารถนาที่จะถวายทานแก่นักบวช ผู้บริสุทธิ์แล้ว เป็นช่วงที่ว่างเว้นจากพระพุทธเจ้าบังเกิดขึ้นในโลก มีเพียงแต่พระปัจเจกพุทธเจ้าเท่านั้น เมื่อมิตตเศรษฐีได้อธิษฐานอยากจะถวายทาน

จึงเข้าข่ายพระญาณของพระปัญญปัจเจกพุทธเจ้า ซึ่งเป็นหัวหน้าพระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งสิ้น ๑,๐๐๐ องค์ จึงได้ตรัสแก่พระปัจเจกพุทธเจ้า อีก ๔๙๙ องค์ เพื่อไปรับการถวายทานจากมิตตเศรษฐี

ประชาชนในเมืองนั้น ต่างก็เห็นพระปัจเจกพุทธเจ้าเหาะมาทางอากาศ ต่างก็ปิติยินดี ต่างหาสิ่งของที่ตนพอจะหาได้มาเพื่อจะร่วมบุญที่ปราสาทของมิตตเศรษฐี แต่กังวลว่า ทานของตนจะไม่ปราณีตเหมือนมิตตเศรษฐี

ส่วนมิตตเศรษฐีนั้น ได้รู้ว่าวาระจิต จึงอธิษฐานต่อหม้อทิพย์นั้นว่า.... "ขออาหารผู้ที่มาถวายทานแด่พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกท่าน จงมีความประณีตดุจอาหารทิพย์ และขอให้เจ้าของแห่งทานนั้นรับรู้ มีความปิติใจที่ได้ถวายทานของตนด้วยเถิด"

สิ้นคำอธิษฐานอาหารที่ชาวบ้านได้นำมาถวาย ต่างก็มีกลิ่นหอมยิ่งขึ้นดุจเทวบุตรเทพธิดาเป็นผู้ปรุงขึ้น ทุกคนต่างปลื้มปิติใจที่ได้ถวายทานนั้น มิตตเศรษฐีจึงได้อาราธนาพระปัจเจกพุทธเจ้ามารับภัตตหาร ณ.เรือนของตนทุกวัน ตามท่านเห็นสมควรว่าจะมากี่องค์ พระปัญญปัจเจกพุทธเจ้า ทรงนิ่งเป็นการรับนิมนต์นั้น

ส่วนมิตตเศรษฐีนั้น ได้ชักชวนบอกบุญแก่พระเจ้าชัยสิทธิ์ มัณฑเศรษฐี ตลอดทั้งชาวเมืองที่ได้ร่วมถวายทานนั้นสร้างความปิติใจแก่ทุกคนเป็นอย่างยิ่ง

พระปัญญปัจเจกพุทธเจ้าได้จัดให้มีพระปัจเจกพุทธเจ้ามารับภัตตาหาร ณ.เรือนของมิตตเศรษฐีทุกวัน อย่างน้อย ๕ องค์ บางครั้งหากไม่ติดกิจที่อื่น ก็จะมาพร้อมกัน ๑,๐๐๐ องค์ เป็นเรื่องแปลกว่า วันใดที่พระปัจเจกพุทธเจ้ามารับบาตร เพียง ๕ องค์ก็ตาม เมื่อกลับไปที่พำนักของพระองค์ อาหารที่มิตตเศรษฐีจะปรากฏแก่พระปัจเจกพุทธเจ้าองค์อื่นทั้ง ๑๐๐๐ ด้วยเช่นกัน

ต่อมามัณฑเศรษฐี และภรรยา ได้ละโลกไปเกิดในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ต่อมามัณฑเศรษฐีได้ลงมาเกิดเป็นบุตรของมิตตเศรษฐี นามว่า “โมกข์” ส่วนภรรยาเศรษฐี ไม่ได้ลงมาเกิด ภายหลังมิตตเศรษฐี ก็ได้มีบุตร-ธิดา เป็นฝาแฝด นามว่า “เมธา” และ”มินทิรา” และได้ถวายทานแก่พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกวัน

ส่วนพระเจ้าชัยสิทธิ์ และพระมเหสีนั้น ได้ร่วมบุญถวายทานแล้ว อธิษฐานตั้งความปรารถนาโพธิญาณ และคู่บารมีพระโพธิสัตว์ เมื่อละโลกแล้วได้ไปเกิดในสวรรค์ชั้นดุสิต

ทุกครั้งที่มิตตเศรษฐี และภรรยาได้ถวายทานแด่พระปัจเจกพุทธเจ้า ได้ปรารถนาอยู่ ๓ ประการ

๑. ขอให้ตนและภรรยาได้เป็นผู้เลิศในการถวายทาน ในพระพุทธศาสนาในอนาคตกาล

๒. ไม่ว่าเกิดในชาติใด ขอให้ตนได้ลิ้มรสอาหารที่เลิศดุจอาหารทิพย์

๓. ขอให้ตนได้เกิดในตระกูลเศรษฐี มีสัมมาทิฐิ ได้ถวายทานที่เลิศต่อไปจนกว่าจะสมความปรารถนาเป็นอุบาสก อุบาสิกา ผู้เลิศในการถวายทานชาติสุดท้าย

เมื่อพระปัจเจกพุทธเจ้ารับภัตตาหารแล้ว ตรัสว่า “เอวัง โหนตุ” (หมายความว่า ขอเธอสมความปรารถนานั้น)

เมื่อมิตตเศรษฐี และภรรยาได้ละโลกแล้ว ปราสาทแก้ว ๗ ประการ หม้อทิพย์ ดวงแก้วมณี ได้หายไปในอากาศทันที ส่วนบุตรธิดานั้น มีทรัพย์สมบัติที่ได้จากมัณฑเศรษฐีที่มีอยู่เดิม และได้อุปัฏฐากพระปัจเจกพุทธเจ้าต่อไป จนท่านเข้าพระนิพพาน

ส่วนโมกขเศรษฐี เมื่อละโลกแล้ว ไปเกิดในสวรรค์ชั้นดุสิต เนื่องจากได้ถืออุโบสถศีลเป็นประจำ เมธาเศรษฐี และนางมินทิรา น้องชายและน้องสาวฝาแฝดได้ไปเกิดในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ตามความปรารถนาของตน

ประวัติดวงแก้วชัยสิทธิ์มงคลธรรม ขอจบเพียงเท่านี้ค่ะ


ขอผลบุญกุศลแห่งการให้ธรรมทานครั้งนี้ จงบังเกิดแด่ท้าวชัยสิทธิ์ พระนางปารมิตาเทวี ตลอดทั้งบริวารทั้งหลาย


เพื่อให้มนุษย์ผู้มีบุญทั้งหลาย ได้ทราบถึงผลแห่งการถวายทานนั้น ยังความปลื้มปิติใจ เชื่อมั่นในบุญนั้น ขอให้ท่าน และพระมเหสีมีอายุยืนจนกว่าจะมาจุติตามความปรารถนาของท่านเถิด สาธุ..

ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านด้วยค่ะ
Numsai

 

พี่น้ำใสคะ พระธาตุที่พี่ให้เมิลมานะคะ เผอิญว่าเมื่อวานเมิลปีนขึ้นหิ้งพระไปถวายพวงมาลัย (หิ้งพระอยู่บนหลังตู้นะคะ) ก็สังเกตเห็นว่าผอบใส่พระธาตุขององค์ปฐมมีสีขาวขุ่น ๆ เหมือนหยากใยนะคะ แล้วของพระธาตุจักรพรรดิก็มีเหมือนเม็ดเล็กๆใส ๆ ไม่รู้ว่าเป้นผุ่นมารวมตัวกันหรือเปล่า เมิลก็เลยจะสอบถามถึงวิธีทำความสะอาดพระธาตุนะคะ ว่าต้องทำยังไง เมิลใส่ผอบมีฝาปิดฝุ่นยังเข้าไปได้

 

ขออนุโมทนาทุกๆบุญ กับ Miss Brown ด้วยค่ะ สาธุ สาธุ สาธุ

Miss Brown ทวงสัญญา มาเลยต้องเล่าจ้าค่ะ

คือว่า พี่ได้เพชรพญานาค จากพี่น้ำใส เมื่อต้นปีค่ะ ได้ร่วมทำบุญกับกองบุญแก้วบรมจักรพรรดิ ทุกๆเดือนค่ะ เลยได้มาคะ ได้มาทั้งรังเลยค่ะ (ตอนแรกยังไม่กระเทาะออก เก็บไว้บนหิ้งพระ เพราะตอนนั้นไปปฏิบัตธรรมอยู่ที่วัดแถวๆบ้าน 3 วันค่ะ)หลังจากเสร็จภาระกิจและ ก็กลับบ้าน มากระเทาะออกมา ได้เป็นเม็ดสีม่วงอ่อนใสๆ ค่ะ เม็ดไม่เล็กและไม่ใหญ่สวยมากค่ะ รู้สึกชอบมากเลยเอาไปทำเป็นหัวแหวนค่ะ ใส่จนทุกวันนี้ค่ะ

แต่มีเรื่องแปลกตรงที่ว่า เพชรพญานาคที่ได้มาเปลี่ยนสีได้ค่ะ ตอนกลางวันเป็นสีม่วงอ่อนๆ บางทีดูเป็นสีขาวใสไปเลยค่ะ แต่กลางคืนเป็นสีฟ้าใสๆ ค่ะ สวยงามมากเลย มองแล้วมีความสุขจริงๆค่ะ พอมีความสุขแล้วก็นึกถึงผู้ที่ให้มาค่ะ ขอขอบคุณพี่น้ำใสมากค่ะ ที่ให้ในสิ่งที่ดีๆ สวยๆ งามๆ....... ขอให้สิ่งทีดีๆ สวยๆงามๆ และความสุขทั้งหลาย ทั้งปวง จงส่งผลทวีคูณไปยังพี่น้ำใส ร้อยเท่า พันเท่านะค่ะ
แต่ตอนนี้ก็ยังแปลกใจค่ะ ว่าเปลี่ยนสีได้อย่างงัยค่ะ

อนุโมทนาบุญค่ะ
จันทรกาล

 

ขอโมทนากับคุณจันทรกาลค่ะ
เย้ ๆ เราไม่ได้พูดอยู่คนเดียวแย้ว...

เรื่องนี้ต้องถามพี่น้ำใสแล้วค่ะ แต่เอ๊ะ คุณจันทรกาลอาจจะรู้แล้วก็ได้ อิอิ


ขอแชร์ประสบการณ์บ้างค่ะ
วันก่อนได้บูชามณีนาคาสีน้ำเงินเข้มลูกใหญ่มาสองลูก
หลายวันถัดมาขณะกำลังนั่งเล่นอยู่ในบ้าน
ก็เห็น (ในจิต) ว่ามีพญางูตัวหนึ่งเลื้อยเข้ามาหาช้า ๆ
ลักษณะเหมือนงูเห่า แต่เป็นสีเงินยวง สวยงามระยิบระยับ
เลื้อยมาข้างหน้าสักครู่ก็หายไป...

ตอนแรกคิดว่าตัวเองอุปทานไปค่ะ
แต่ก็ฉุกคิดได้ว่า...เอ๊ะ เราเพิ่งบูชามณีนาคามานี่นา
สงสัยท่านจะออกมาทักแน่


ขอโมทนาบุญกับคุณจันทรกาลนะคะ
กลับมาเล่าอีกนะคะ จะรอค่ะ ^^

 

ขอโมทนาบุญกับ Miss Brown ด้วยค่ะ


ก่อนจะเล่าเรื่องต่อไปค่ะ ลองดูภาพนี้ก่อนคะ ว่ามีอะไรที่แปลกๆ หรือเปล่าค่ะ

ถ้าเห็นแล้วจะได้เล่าต่อค่ะ

" เหตุเกิดที่วัดเขาวงถ้ำนารายณ์ จังหวัดสระบุรี !!! " ค่ะ


ขอโมทนาบุญด้วยค่ะ
จันทรกาล

 

สวัสดีค่ะคุณเมิลขอแสดงความคิดเห็นค่ะถ้าปิดผอบที่มีพระธาตุไว้แล้วมีลักษณะเหมือนสีขาวขุ่นๆ
เหมือนหยากใยคิดว่าไม่น่าจะใช่ฝุ่นนะคะอาจจะเป็นพระธาตุเสด็จก็ได้ค่ะลองเก็บไว้อย่างนั้นก่อนนะคะ
อย่าเพิ่งทำความสะอาดแล้วค่อยมาสังเกตดูใหม่ค่ะผิดถูกยังไงรอผู้รู้มาบอกอีกครั้งค่ะ

 

คิดเหมือนกันเลยค่ะคุณกุล
แต่ตาลก็ไม่มั่นใจเช่นกัน ต้องรอพี่น้ำใสมาตอบค่ะ

หวาย...คุณจันทรกาล แม่สาวชุดขาวนั้นไม่มีคอนะคะ บรื๋อ...อออ
กลับมาเล่าเร็ว ๆ นะคะ

 

ขออนุโมทนาบุญด้วยค่ะ

Numsai

 

เมื่อวานวันที่ 28 ก.ค.55

ผมไปทำบุญไหว้พระที่วัดท่าซุงมาครับ
โดยได้ร่วมทำบุญวิหารทาน ธรรมทาน สังฆทาน และชำระหนี้สงฆ์
ตามสถานที่ต่างๆ ดังนี้

1.วิหารแก้ว 100 เมตร
2.วิหารสมเด็จพระศรีอริยเมตไตรย
3.หลวงพ่อเงินไหลมา
4.มณฑปแก้ว
5.วิหารพระองค์ที่10-11
ถวายเป็นพุทธบูชา เพื่อความสุขความเจริญทั้งทางโลกและทางธรรม
ขอทุกท่านที่ได้อนโมทนา จงได้รับความสุขและอานิสงส์เช่นเดียวกันครับ สาธุ

 

ขออนุโมทนาบุญกับน้องน้ำตาลที่ช่วยนำภาพการถวายดวงแก้วชัยสิทธิ์มงคลธรรมมาให้ชมค่ะ
ช่วงนี้พี่ต้องเก็บตัวค่ะ และอยู่ๆ คอมที่บ้านใช้ไม่ได้ และยังไม่มีเวลาไปซ่อม วันนี้ใช้มือถือโพสต์ค่ะ
ขออนุโมทนาและขอขอบคุณที่ช่วยมาให้ธรรมทานร่วมกับท่านอื่น ๆด้วยค่ะ

Numsai

 

หากผอบปิดอยู่ ไม่ต้องทำความสะอาดค่ะ ฝุ่นเล็ก ๆ เป็นผงพระธาตุเสด็จค่ะ เก็บไว้อย่างนั้น รอดูการแปรสภาพค่ะ

การที่มีการเสด็จของพระธาตุ หรือการแปรสภาพ เกิดจากการปฏิบัติธรรมบริสุทธิ์ยิ่งขึ้น ก้าวหจ้ามากขึ้นค่ะ
ขออนุโมทนาค่ะ

Numsai

 

สาธุ สาธุ สาธุ ขอโมทนาบุญทุกบุญอันเป็นมหากุศลกับคุณน้ำใสด้วยครับ

ขอโมทนาบุญทุกบุญกับคุณเมิล, คุณkulthida, คุณธรรมวิวัฒน์, คุณmooom,

คุณเพชร2545, คุณMiss Brown, คุณaries, คุณ am12, คุณNoinea,

คุณ ckj_tong, คุณจันทรกาล, คุณNakraksa, คุณมีนัม, ด้วยครับ

ขอโมทนาบุญกับทุกท่านที่ร่วมทำบุญสมทบกองบุญสมเด็จพระพุทธวิปัสสีโภคมหาบพิตร

(แก้วบรมจักรพรรดิ)

ขอโมทนาบุญกับท่านที่ร่วมบุญในรายการอื่น ๆ

และขอโมทนาบุญกับทุกท่านที่เข้ามาร่วมอนุโมทนา ด้วยครับ

"สาธุ สาธุ สาธุ"
...

ด้วยอานุภาพพระบารมีแห่งพระพุทธเจ้าทั้งหลายมีสมเด็จองค์ปฐมเป็นต้น

ด้วยอานุภาพพระบารมีแห่งพระธรรม ด้วยอานุภาพแห่งพระอริยสงฆ์

ด้วยอานุภาพพระบารมีแห่งพระบรมโพธิสัตว์ทั้งหลายมีสมเด็จพระศรีอาริยเมตไตรเป็นต้น

ด้วยอานุภาพพระบารมีพระพรหมเทวาทั้งหลายในอนันตโลกธาตุอันประมาณมิได้

มีท่านท้าวสหัมบดีพรหมเป็นต้น มีท่านปู่อินทร์เป็นที่สุด

ด้วยอานุภาพของแก้วจุลจักรพรรดิ แก้วมหาจักรพรรดิ แก้วบรมจักรพรรดิ

และด้วยอานุภาพจักรแก้ว ที่มีอยู่ในแดนโลกธาตุนี้ทั้งหมด

" ขอให้ทุกท่านสำเร็จสมหวัง ดังจิตปรารถนาอันประกอบด้วยสัมมาทิฏฐิโดยทุกประการ "

.................................


วันศุกร์ ที่ ๒๗ ก.ค.๕๕ เวลา ๒๐.๐๓ น.
ได้โอนปัจจัยเข้า ธ.ไทยพาณิชย์ ๐๘๐ - ๒๕๕ - ๐๒๒๗
๕๐๐ บาท
สมทบกองบุญสมเด็จพระพุทธวิปัสสีโภคมหาบพิตร
(แก้วบรมจักรพรรดิ)​