ถามเรื่อง "นิพพาน"

มีคนถามผมว่า การที่จะเข้าสู่นิพพานนั้น

เทวดา หรือ พรหม นั้นสามารถเข้าสู่นิพพาน
ได้เลยหรือไม่ ในขณะที่ได้ปฏิบัติแต่ความดี
และได้ฟังธรรมจากพระอรหันต์และพระพุทธองค์
จากแดนสวรรค์

โดยไม่จำเป็นต้องมาเกิดเป็นมนุษย์อีกเพื่อไป นิพพาน

ผมตอบไม่ถูกครับ เพราะไม่รู้ลึกเรื่องพระไตรปิฏกด้วย

วานช่วยบอก อนุโมทนายิ่ง

 

ผมไม่ทราบละเอียดนะครับ
แต่เข้าใจว่า ตอนพระพุทธองค์ ไปโปรดพุทธมารดาบนสวรรค์ ช่วงนั้น สวรรค์แทบจะร้างเลยมั้งครับ บรรลุกันไปเยอะ

 

กล่าวโดยสรุป..จากความคิดตนเอง...
และพระไตรปิฏก....
..มนุษย์เป็น"แดนกลาง"ที่จะไปสุขคติ หรือ ทุกคติ....
...ถ้าตายแล้วไปสุขคติ เช่นเทวดา ก็ไปสุดทางแค่นั้นแล้วต้องหวลคืนแดนกลางหรือทุกคติไป ยกเว้น บุคคลหรือพระที่ปฏิบัติจนได้อนาคามีผลแล้วไปเป็นพรหม...จึงจะสามารถปฏิบัติต่อไปจนสำเร็จอรหันต์ได้...
...เข้าใจว่า การที่เทวดาฟังธรรมแล้วสำเร็จเป็นอริยะตั้งแต่โสดาบันนั้น...น่าจะเป็นไปได้.
..แต่การจะไต่ขึ้นไปถึงอรหันต์นั้น......คงยาก เนื่องจากท่านหลุดแดนกลางคือมนุษย์ไปแล้ว เสวยสุขอยู่ในภพตนเองแล้ว....คงไม่อยากมีจิตปฏิบัติอีกแล้ว...
..บางราย...ท้อในลาภว่าได้น้อยลง มนุษย์บูชาน้อยลง....จึงแปลงกายมาใส่บาตรพระสารีบุตร ที่ออกจากนิโรธสมาบัติ...แล้วได้บุญเต็มเปี่ยมไป ก็ดีใจ...ว่าจะได้ลาภกลับคืนเพราะบุญที่ทำกับพระอรหันต์ที่เพิ่งออกจากนิโรธสมาบัตินั้น ท่านว่าได้บุญมหาศาล...
ดังนั้น เข้าใจว่า แดนมนุษย์เท่านั้น ที่สามารถปฏิบัติได้ แดนอื่นๆภพภูมิอื่นๆปฏิบัติยาก เพราะต้องเสวยกรรมในภพนั้นๆ ไม่มีเวลาที่จะปฏิบัติเหมือนมนุษย์...
บางราย ตนเองเป็นเทวดา...แต่มีญานหยั่งรู้ จึงไปบอกญาติให้มาดักรอ..บวชกับพุทธองค์..นี่ แสดงว่า เทวดาท่านก็รู้ภพภูมิและกรรมตนเอง เมื่อปฏิบัติไม่ได้ ก็มาแนะนำญาติมิตรให้ปฏิบัติ เพราะญาติมิตร เป็นมนุษย์อยู่แดนกลางนั่นเอง...

 

พรหมชั้นสุทธาวาส ปฏิบัติบนนั้นจนถึงนิพพานได้แน่นอนครับ

 

เมื่อไปเกิดบนเป็นเทวดา พรหม ย่อมมีอารมณ์อันเป็นทิพย์ จึงสามารถรู้ได้ด้วยตนเองว่า บุญ บารมี(ศีล สมาธิ ปัญญา) ของตัวนั้นมีระดับไหนเพียงใด ยกเว้น เทวดาหรือพรหม องค์นั้นจะหลงใหลในทิพยสมบัติจนลืม เมื่อเทวดาหรือพรหมองค์นั้นทราบด้วยตัวเองแล้ว ท่านก็จะรู้ต่อไปอีกว่าต้องสั่งสมบุญ บารมี ให้มากๆ ขึ้นได้อย่างไร ทำไปจนกว่าจะมีกิเลสเบาบางลงและไปตกอยู่ในข่ายพระญาณของพระพุทธเจ้า เมื่อนั้นพระพุทธเจ้าเทศน์โปรดก็บรรลุมรรคผลแน่นอน การพยากรณ์มรรคผลจึงเป็นเรื่องของพระพุทธเจ้าเพียงผู้เดียว หากบารมียังไม่พอแล้วฟังพระเทศน์ พระพุทธเจ้าเทศน์ ก็ถือว่าได้สะสมบุญบารมีให้มากยิ่งๆ ขึ้นไป (ยกเว้นผู้ทำบารมีเต็มแล้วแต่รออะไรบางอย่าง ก็สามารถรอได้ไม่เข้านิพพานก่อนก็ได้) จึงสรุปได้ว่า ขึ้นอยู่กับบุญบารมี (ศีล สมาธิ ปัญญา)ของเทวดาหรือพรหมเป็นรายๆ ไปว่าถึงพร้อมพอจะบรรลุมรรคผลหรือยัง เหมารวมไม่ได้ หากจำเป็นต้องมาเกิดเป็นมนุษย์อีก ก็ต้องเกิด เพราะเป็นการสั่งสมบารมีต่อ

 

พระพุทธเจ้า บอกว่า เทดวาสามารถบรรลุธรรมเป็นโสดาบันได้ครับ แล้วถ้าเป็นโสดาบัน เทวดาสามารถทำจิตให้สิ้นอาสวะและนิพพานในภพของเทวดาได้เลยครับ ไม่จำเป็นต้อง เอาอรหันต์ในชาตินนี้ก็ได้ครับ ขอแค่เป็นโสดาบันก็พอแล้วครับ แล้วพระพุทธเจ้าทรงห้ามว่า ห้ามติดใจในนิพพานเป็นอันขาด แล้วสอนอย่ายึดว่านิพพานเป็นของเรา ถ้าจิตเราไปยึดนิพพานปุ๊ป อุปทานก็เกิด แล้วมันจะทำให้เกิด ภพ(สถานที่เกิด) แล้วชาติก็ตามา แล้วชรามรณะ ความเสียใจ เศร้าโศก ความทุกข์ ก็ตามมาด้วย ซึ่งพระอรหันต้องละอุปทานให้ได้ เพื่อเข้านิพพาน ถ้ายังละไม่ได้ ก็จะยังเป็นพระอนาคามีอยู่แล้วจะนิพพานในภพพรหมโลกนั้น ครั้งเดียวเลยครับ แล้วถ้ามีพระอริยเจ้ารูปใด บอกว่าไปเที่ยวนิพพานมาแล้ว อันนี้ถือว่าเป็นโมฆะ เพราะพระพุทธเจ้าได้ทรงตรัสว่า นิพพานไม่ใช่ที่เที่ยวของพระอริยเจ้าทั้งหลายและพระพุทธเจ้าด้วย พระพุทธเจ้าก็ทรงไม่สามารถไปเที่ยวนิพพานได้ตอนพระองค์ยังมีพระชนชีพอยู่ แล้วพระพุทธเจ้าบอกว่า นิพพานกำหนด กว้าง สูง ยาว สวยไม่สว ไม่ได้ เพราะนิพพานไม่ใช่ภพ ถ้านิพพานเป็นภพก็แสดงว่า นิพพานก็เป็นทุกข์สิ เพราะมันจะไปตรงกับเหตุของทุกขืที่ว่า เมื่อมีภพเป็นปัจจัยจึงมีชาติ ชรามรณะ ความเศร้าโสก เสียใจ ความทุกข์ อย่างนี้แล. ถ้ามีพระอริย หรือ พระสาวก หรืออุบาสก อุบาสีกา พูดว่า ฉันไปเที่ยวนิพพานมาแล้ว แล้วถามผู้นั้นว่า นิพพานสวยไหม ถ้าเขาตอบว่า สวย ก็แสดงว่า คำนั้นเป็นโมฆะ แล้วกล่าวมุสาวาทด้วย เพราะนิพพานกำหนดสภาวะ กว้าง สูง ยาว สวย ไม่สวย ไม่ได้ ครับ

 

ใช่หรอครับ ?? .. แบบนี้ก็ ไม่เชื่อว่านิพพานมีเมืองแก้วอยู่จริงสินะครับ ขัดค้านคำสอนของพระอริยสงฆ์ของหลวงพ่อวัดท่าซุงหรอครับ? ว่างๆ ลองไปบ้านสายลมดูนะครับ สาธุๆ ^^

 

ใช่แล้วครับ ตอบถูกแล้ว
ขออนุญาตเพิ่มเติมว่า พรหมชั้นสุทธาวาสมี5ห้อง คือ อวิหา อตัปปา สุทัสสา สุทัสสี และอกนิฏฐา รวมเป็น5 ห้อง ฯ
พระพุทธองค์ตรัสว่า ถ้าเราไปเกิดในพรหมชั้นสุทธาวาสแล้วไซร้ เรา(หมายถึงพระองค์เอง) จะไม่กลับมาเกิดในโลกมนุษย์อีก หมายถึงว่า บรรลุธรรมชัั้นสูงสุดที่ชั้นสุทธาวาสนั่นเลย ฯ และพระองค์ตรัสว่า การที่จะไปเกิดในชั้นสุทธาวาสนั้น ไม่ใช่ของง่าย
กระผมอ่านเจอนานหลายเดือนแล้ว จำได้คร่าวทำนองนี้ และครับฯ
เดี๋ยวจะค้นหลักฐานมาให้ศึกษาต่อนะครับ ฯ