พลังศักดิสิทธิ์แห่งเกราะอัศวินชัมบาลาทั้งสี่ จะตกอยู่แก่ผู้ใด?

ในห้อง 'Black Hole' ตั้งกระทู้โดย อู่หยาจื่อ, 5 กรกฎาคม 2012.

  1. อู่หยาจื่อ

    อู่หยาจื่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    4,333
    ค่าพลัง:
    +3,828
    สวัสดีครับ ยังมีเรื่องเกราะอัศวินชัมบาลา
    ที่ผม ก็ยังไม่ได้ให้รายละเอียดไว้มากนัก
    ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญมากนะครับ เพราะมัน
    มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกอยู่ในยุค
    นี้ (5,000 ปีแห่งพุทธกาล) สรุปง่ายๆ ก็
    คือ ผู้ใดได้รับชุดเกราะอัศวินศักดิสิทธิ์แห่ง
    ชัมบาลา ผู้นั้นจะมีอำนาจมากมาย และจะ
    ได้ขับเคลื่อนโลกนี้ไปด้วยมือของตนเอง


    มานั่งลงฟังกันง่ายๆ สบายๆ นะครับ ...
     
  2. อู่หยาจื่อ

    อู่หยาจื่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    4,333
    ค่าพลัง:
    +3,828
    พลังคุ้มครอง "ยุคพุทธกาล" คือ พลังแห่งชุดเกราะอัศวินชัมบาลา?


    อย่างแรกท่านต้องเข้าใจก่อนคือ "โลกนี้มียุคสมัย" อยู่ มันเหมือนหนัง
    เรื่องหนึ่ง ที่คุณต้องดูทีละเรื่องไป (ทีละยุค) จึงจะเปลี่ยนเป็นหนังอีก
    เรื่องหนึ่งได้ (ไปสู่อีกยุคหนึ่ง) เข้าใจง่ายดีไหมครับ เอาละ ทีนี้ เพื่อให้
    หนังเรื่องนั้นเล่นจนจบได้ตาม "บทละครของผู้กำกับ" มันจึงต้องมีการ
    "ควบคุมและกำกับการแสดง" นะครับ เพื่อไม่ให้ตัวละครที่มาเกิดบนโลก
    นี้ เล่นนอกบท ออกนอกเรื่องไปหมด แล้วมันจะไม่ใช่สิ่งที่ควรเกิด ควรมี
    ควรเป็น "ในยุคนี้" ไงละครับ ทีนี้ อะไรละที่ทำหน้าที่นั้น? ผมเรียกง่ายๆ
    ว่า "พลังศักดิสิทธิ์แห่งการควบคุมยุคสมัย" ก็แล้วกัน ง่ายดีไหมครับ ที
    นี้ พลังงานนี้ อยู่ในรูปของอะไรละ? คำตอบคือ มีทั้งรูปพลังงานที่ไม่มีรูป
    แบบตายตัว, พลังงานที่มีรูปแบบตายตัว หรือแม้กระทั่งรูปธรรมชีวิต ก็มี
    ครับ ในบรรดาพลังงานเหล่านี้ ที่สำคัญที่สุดคือ "พลังของชุดเกราะแห่ง
    อัศวินชัมบาลา" ผู้ปกป้องคุ้มครองยุคสมัย ซึ่งผมจะได้อธิบายต่อไปครับ
     
  3. อู่หยาจื่อ

    อู่หยาจื่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    4,333
    ค่าพลัง:
    +3,828
    ตำนานความเป็นมาแห่งชุดเกราะอัศวินชัมบาลา เกิดแต่ครั้งพุทธกาล


    พลังแห่งชุดเกราะอัศวินชัมบาลา มีมานานแล้ว แท้แล้วก็คือ "พลังงาน

    เก่าของพระพุทธเจ้าสมณโคดม" นั่นเอง พลังงานเก่าเหล่านี้ จะยังไม่
    ได้รับการชำระล้างให้หมดไปจนกว่า "จะสิ้นยุคพุทธกาล 5,000 ปี"
    เพราะเป็น "พลังแห่งการดูแลยุคสมัย" ให้ดำรงอยู่ในแบบที่มันควรจะ
    เป็น และในเมื่อมันคือพลังงานเก่าของพระพุทธเจ้าฯ ดังนั้น มันจึงมีที่
    จากพระพุทธเจ้า ตั้งแต่ครั้งท่านยังดำรงชีพอยู่นั่นเอง นั่นหมายความ
    ว่า "ท่านเคยใช้มันทำกิจมาก่อน" และท่านได้ถ่ายทอดให้พระสาวกที่
    เหมาะสมจะได้รับทั้ง 4 ท่าน เช่น พระมหากัสสปะ ท่านได้รับเมื่อเกิดมี
    การแลกเปลี่ยนจีวรกับพระพุทธเจ้า, พระอชิตะ ท่านได้รับเมื่อได้ไปหา
    บาตรของพระพุทธเจ้าสำเร็จ หรือกล่าวให้ง่ายๆ ก็คือ ท่านเหล่านี้ ก็คือ
    "สองในสี่อัศวินชัมบาลา" นั่นเอง ซึ่งอัศวินชัมบาลาทั้งสี่ จะเป็นผู้ดูแล
    พระพุทธศาสนาสืบไปจนครบอายุพุทธกาล 5,000 ปี ทั้งยังต้องทำกิจ
    ขับเคลื่อนโลกให้ดำเนินไปตามกรรมที่ควรจะเป็นอีกด้วยซึ่งมันจะส่งผล
    ต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกได้ทั้งหมดเลยทีเดียว ดังนั้น ผู้ใดได้รับพลัง
    นี้ไป ผู้นั้นจึงกลายเป็น "ใหญ่ในโลก" มีอำนาจมากในโลกยุคนี้เลยครับ
     
  4. อู่หยาจื่อ

    อู่หยาจื่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    4,333
    ค่าพลัง:
    +3,828
    พลังแห่งชุดเกราะอัศวินชัมบาลาทั้งสี่ แท้จริงแล้ว มันคืออะไรกันแน่?


    พลังแห่งชุดเกราะอัศวินชัมบาลาทั้งสี่ แท้จริงแล้วก็คือพลังงานชั้นนอก
    ของพระพุทธเจ้าที่ยังไม่ใช่ระดับชั้นของ "ธรรมกาย" แต่เป็น "นิรมาณ
    กาย" ของท่าน ทั้งสี่นิรมาณกาย นั่นเอง (พระพุทธเจ้ามี 3 กาย ได้แก่
    สัมโภคกาย, ธรรมกายและนิรมาณกาย ในส่วนนิรมาณกาย มีทั้งสิ้น 4
    นิรมาณกาย) หรือก็คือ "จิตวิญญาณชั้นนอกที่คุ้มครองสังขารของท่าน
    ให้ทำกิจได้สำเร็จ" ซึ่งมีทั้งสิ้น 4 เหล่า คือ เทพ, มาร, ยักษ์, และพรหม
    เมื่อท่านละสังขาร จิตวิญญาณทั้ง 4 นี้จรออกจากร่างแล้วก็ได้เข้ามาทูล
    ขอ "พระพุทธศาสนา" ต่อพระพุทธเจ้า ท่านก็ได้ยกให้ แต่พระอานนท์ ก็
    ทูลขอไว้สักครึ่งหนึ่งก่อน หลังกึ่งกลางพุทธกาล จิตวิญญาณทั้ง 4 นี้ จึง
    จะมาทำหน้าที่อย่างเต็มที่ หมายความว่าอะไร? หมายความว่า เมื่อครั้งมี
    พระพุทธเจ้าอยู่ จิตวิญญาณทั้งสี่ห่อหุ้มท่านภายนอก เพื่อเชื่อมโยงท่าน
    กับเหล่านั้นทั้งสี่เหล่า (เทพ, มาร, ยักษ์, พรหม) จึงทำกิจโปรดสัตว์ ได้
    มากมาย แต่เมื่อท่านดับขันธปรินิพพานแล้ว ทั้งสี่นี้จะเลือก "ร่างสังขาร"
    ใหม่เพื่อ "ห่อหุ้ม" ภายนอกแล้วทำกิจต่อไป จนกว่าจะหมดอายุพุทธกาล
    คือ 5,000 ปี หรือก็คือวิธี "การสืบทอดทายาทพระพุทธศาสนา" โดยใช้
    พลังงานเก่าของพระพุทธเจ้าหรือนิรมาณกายของพระพุทธเจ้าที่ยังไม่ได้
    นิพพาน เพื่อทำกิจต่อไปแบบ เหนือสังขาร คือ ในสังขารอื่น เพราะสังขาร
    ของพระพุทธเจ้าจะมีอายุไม่มากต้องสิ้นไป ด้วยวิธีนี้ จึงสามารถเชื่อมโยง
    ให้เหล่าปวงสัตว์ที่มีบ่วงกรรมเกี่ยวเนื่องกับพระพุทธเจ้าแต่ครั้งก่อนมา ได้
    มีสัมพันธ์กับพระพุทธศาสนาต่อไปได้ เพราะท่านไม่มีสังขารแล้ว จึงต้องมี
    การเชื่อมโยงด้วยวิธีนี้ จึงจะทำให้ผู้รับสืบทอดศาสนา ทำกิจได้เหมือนเดิม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 5 กรกฎาคม 2012
  5. อู่หยาจื่อ

    อู่หยาจื่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    4,333
    ค่าพลัง:
    +3,828
    พลังแห่งชุดเกราะอัศวินชัมบาลาทั้งสี่ และ "ทายาทสายธรรมทั้งสี่"


    พลังแห่งชุดเกราะอัศวินชัมบาลาทั้งสี่ จะตกทอดแก่ทายาทแห่งสาย

    ธรรมทั้งสี่ เปลี่ยนร่างสังขารไปเรื่อยๆ จนกว่าจะหมดสิ้นยุค ซึ่งได้แก่

    1. ทายาทสายเทพ : จิตวิญญาณเทพกระต่าย ซึ่งจะทำหน้าที่รับพลัง
    ธรรมจาก "พระจันทร์ยูไล" แล้วถ่ายทอดพลังธรรมออกไป ขณะโปรด
    สัตว์ ดังนั้น จึงเหมือนมีธรรมมาก (แต่เป็นพลังธรรมจากพระจันทร์ยูไล)
    หลอกล่อให้ปวงสัตว์เข้ามาหามากๆ ก่อนที่พระธรรมกายจะโปรดอีกที
    นอกจากนี้ เทพกระต่ายยังปรุง "ปราณเสพติด" ทำให้คนเสพติดธรรม
    ไว้ก่อนแล้วจึงจะแก้ให้ทีหลังเพื่อยึดโยงปวงสัตว์เอาไว้ก่อนนั่นเอง อนึ่ง
    สายธรรมนี้ จะเลือกมาจากคนที่ทำงานเป็นลูกน้องคนอื่น มีอินทรีย์ที่แก่
    กล้าดีเพราะทำงานมาก หมดกรรมจากการเป็นลูกน้องแล้วเข้าสายเทพ
    เช่น พระอานนท์ (รับใช้พระพุทธเจ้า) ก็ได้รับสืบทอดสิ่งนี้ ทั้งยังเคยใช้
    ดึง "ภิกษุณีโกกิลา" (ที่เคยเป็นทาส) ตามมาบวชจนบรรลุธรรมอีกด้วย

    2. ทายาทสายมาร : จิตวิญญาณ "มารพุทธะ" ซึ่งมีรูปกายภายนอกที่
    เหมือนพระพุทธเจ้าครบทุกประการ ทว่า จิตวิญญาณนี้ไม่ใช่ "ธรรมกาย
    ที่มีธรรมจริง อยู่" ดังนั้น จึงทำได้เพียงหลอกล่อให้คนเข้ามาใกล้ๆ ก่อน
    ที่พระธรรมกายของท่านจะ "โปรดในเวลาที่เหมาะควร" ตามอินทรีย์ ที่
    พร้อมรับ (ไม่ใช่จะให้ธรรมแท้ได้ทุกเวลา ต้องดูทุกปัจจัยให้พร้อมด้วย)
    สิ่งนี้ได้ถ่ายทอดให้แก่ "พระมหากัสสปะ" ทำให้ท่านกลายเป็นคนเคร่ง
    ธรรมวินัยมากเกินไป (ตามลักษณะของพลังมาร) แต่ก็เป็นเพียงเปลือก
    นอกเท่านั้น อนึ่ง พลังนี้จะถ่ายทอดให้แก่ท่านที่ "เก็บตัวอยู่นานๆ หรือได้
    รับโทษโดยอยุติธรรมแล้วยอมทดได้ เพื่อรักษาไว้ซึ่งระบบ" ผลจากบารมี
    ที่อดทนบำเพ็ญเพื่อรักษาไว้ซึ่งระบบ ทำให้ได้พลังมารที่มากด้วยกฏ-วินัย
    นอกจากนี้ คนจะชอบและเข้ามารุมล้อมมาก เพราะเปลือกนอกที่น่าศรัทธา
    นับถือสมบูรณ์ด้วยรูปลักษณ์แห่งพระรัตนตรัย (แต่สิ่งนี้ยังไม่ได้ธรรมจริง)

    3. ทายาทสายพรหม : จิตวิญญาณ "นารายณ์ภาคมืด" หรือ "ลูซิเฟอร์"
    นั่นเอง ทำไมต้องเป็นลูซิเฟอร์? เพราะ 1 เขาไม่มีทางไป พระเจ้าไม่รับเขา
    เขาจึงต้องมาพึ่งบารมีพระพุทธเจ้า 2 เพราะเขาได้ขโมยกิจผลไม้แห่งการ
    หยั่งรู้เข้าไป ทำให้เขาเหมือนคนรู้มากไปหมด คล้ายสัพพัญญูญาณ จึงดึง
    ผู้คนมากมายในสายพรหมเข้ามาหาได้มากมายเพื่อพระธรรมกายจะโปรด
    ต่อในภายหลัง (หลอกล่อให้เข้ามาก่อน) ดังนั้น ท่านจึงไม่ต้องแปลกใจว่า
    ทำไม เขาจึงมีอำนาจมากในโลกนี้ และทำไมมนุษย์จึงนับถือเขาเหมือนดั่ง
    พระเจ้า (เพราะเขาคือ นิรมาณกายหนึ่งของพระพุทธเจ้า นั่นเอง) เอาละ
    ไม่ว่าเขาจะดูดีหรือร้ายอย่างไรในสายตาท่านแต่เขาก็เหมาะสมที่จะทำกิจ
    ดึงผู้คนเข้ามาหาได้ก็แล้วกัน ซึ่งเขาจะเลือกดึงคนกลุ่มที่มีทุกข์มากๆ ซึ่ง
    เบื่อหน่ายโลกหรือสามภพนี้แล้วแต่เขาหลงผิดไปจึงคิดว่าการดึงออกจาก
    สามภพก็ไม่ต้องเวียนว่ายในสามภพแล้ว แต่เขาก็ทำให้สัตว์นิพพานไม่ได้

    4. ทายาทสายอสูร : จิตวิญญาณ "ทศกัณฐ์" ซึ่งมีบริวารมาก จะดึงสาย
    พลังอสูรเข้ามาได้มาก พวกเขาจะมีกำเนิดที่ต่ำต้อย และรู้ซึ้งถึงความทุกข์
    ยากของการเกิดมาบนโลกนี้ และมีใจที่ต้องการ "พัฒนาตนเองให้สูงขึ้น"
    จึงพร้อมและเหมาะที่จะโปรด ทว่า อสูรก็คืออสูรอยู่วันยังค่ำ พวกเขาแม้จะ
    อยากทำตัวให้ดีขึ้น แต่ก็ยังติดนิสัยเดิม แก้ได้ยาก อยู่ดี เมื่อมีพลังอสูรแล้ว
    ก็จะดึงคนที่มีสายสัมพันธ์มาทางอสูรได้มากด้วย มนุษย์จะมีพลังงานภาย
    นอกปกคลุมอยู่ชั้นหนึ่ง เมื่อถึงเวลาจะบรรลุธรรม พลังงานชั้นนอกในส่วน
    ที่เป็นจิตวิญญาณจะจรออกชั่วขณะ ทำให้เหลือ "จิตหนึ่ง-จิตเดียว" นั่น
    คือ "ช่วงโอกาสในการบรรลุธรรม" ต้องมีจิตหนึ่งเดียว จากนั้น จึงมีพลัง
    งานที่เป็นจิตวิญญาณชั้นนอกกลับเข้ามาคุ้มครองสังขารให้ดังเดิมต่อไป


    เอาละ หวังว่าท่านคงเข้าใจ "พลังงานที่ช่วยจูนดึงคนเข้ามา" หาธรรม
    ก่อนที่พระพุทธเจ้าจะโปรดด้วยพระธรรมกายภายหลังนะครับ มันคือสิ่ง
    ที่เหมือนกุศโลบายในการดึงคนเข้ามาเท่านั้น อย่าคิดมาก แม้ว่าพวกนี้
    จะยังไม่ได้ธรรมแท้จริง แต่เขาก็มีหน้าที่ดึงคนเข้ามา ก็เท่านั้นเอง ครับ
     
  6. อู่หยาจื่อ

    อู่หยาจื่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    4,333
    ค่าพลัง:
    +3,828
    "ทายาทสายธรรมทั้งสี่" หรือ "อัศวินชัมบาลาทั้งสี่" ชุดแรกได้แก่ใคร?


    หลังจากพระพุทธเจ้าปรินิพพาน ทายาทสายธรรมทั้งสี่ ชุดแรกได้แก่

    1. สายเทพ คือ พระอานนท์ ได้รับสืบทอดจิตวิญญาณเทพกระต่าย
    2. สายมาร คือ พระมหากัสสปะ ได้รับสืบทอดจิตวิญญาณมารพุทธะ
    3. สายพรหม คือ พระมหากัจจานะ ได้รับสืบทอดจิตวิญญาณลูซิเฟอร์
    4. สายอสูร คือ พระอชิตะ ได้รับสืบทอดจิตวิญญาณอสูรทศกัณฐ์


    ทั้งสี่ท่านเมื่อได้รับสืบทอดทายาทธรรมแล้ว จึงทำกิจแตกต่างกันไป เช่น
    พระมหากัจจานะ ได้รจนาคัมภีร์มูลกัจจายน์ไว้ เพื่อให้ชนรุ่นหลังสามารถ
    เข้าใจในไวยกรณ์บาลีสันสกฤตได้, พระมหากัสสปะ สังคายนาพระไตร
    ปิฎก, พระอานนท์สืบทอดพลังธรรมจาก "พระจันทร์ยูไล", พระอชิตะ ก็
    ดูแลความเป็นอยู่, ปัจจัย, อาหารการกินของหมู่สงฆ์ ฯลฯ เพื่อให้ศาสนา
    ดำรงอยู่คล้ายครั้งที่พระพุทธเจ้ายังทรงมีพระชนม์ชีพอยู่ ทว่า เพราะท่าน
    ทั้งสี่ไม่ทันเฉลียวใจคิดว่าพระพุทธเจ้าทรงมีพระมหากรุณาทิคุณมาก จึง
    หาวิธีอยู่เหนือสังขาร และ "ไม่ได้รีบร้อนจะนิพพานเลย" ตั้งแต่บอกเรื่อง
    มารมาทูลให้ปรินิพพานแก่พระอานนท์แล้ว ท่านไม่ได้รีบร้อนนิพพาน จึง
    หาวิธีอยู่ต่อไปจนกว่าจะครบ 5,000 ปี ตามสัจจสัญญาว่าจะช่วยให้สัตว์
    ทั้งหลายได้นิพพานจนกว่าจะครบอายุพุทธกาล (เช่น ท่านลั่นสัจจะวาจา
    ว่าขอเพียงเหลือพระธรรมเพียงนิด ถ้าตั้งใจปฏิบัติจริงก็ถึงนิพพานได้) นี่
    เป็นลักษณะหนึ่งของการให้การรับรองธรรมของท่านเอง เป็นสัจสัญญาที่
    จะคอยช่วยให้ปวงสัตว์ได้ถึงนิพพาน ด้วยเหตุนี้ท่านจึง "นิพพานบางส่วน
    เพื่อเหลือมโนธาตุ" ไว้ เพื่อโปรดสัตว์ ต่อไป ดังนั้น "พระธรรมกาย" ของ
    ท่านจึงยังมิได้นิพพานไปหมด ทว่า พวกเราได้พบพระธรรมกายนั้นหรือไม่
    หรือได้แต่หลงรูปกายแห่งพระพุทธเจ้าแล้วติดอยู่กับนิรมาณกายของท่าน
    กันแน่? (ซึ่งนั่นเป็นเพียงมารพุทธะเท่านั้นเอง) และเพราะท่านทั้งสี่ ไม่ได้
    เฉลียวใจในจุดนี้ "จึงไม่ได้ค้นหาพระธรรมกายนั้นเพราะคิดว่านิพพานไป
    หมดแล้ว" ท่านจึงทำกิจ "ต่างคนต่างทำ-ต่างคนต่างคิด" สุดท้าย ก็เกิด
    การแตกแยกเป็นลัทธิ, นิกายต่างๆ ดังที่เห็นอยู่ในปัจจุบัน เพราะการที่ได้
    รับนิรมาณกายจากท่านแล้วก็ยังต้องเชื่อมโยงกับพระธรรมกายของท่าน
    ให้ได้ดังเดิมด้วย "พระธรมจึงจะไม่ขาดหาย" (ดังนั้น หลวงพ่อสด จึงได้
    รับคำสั่งให้ลงมาเกิดเพื่อค้นหา สิ่งที่เรียกว่า "พระธรรมกาย" นี้ นั่นเอง)
     
  7. อู่หยาจื่อ

    อู่หยาจื่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    4,333
    ค่าพลัง:
    +3,828
    เส้นทางที่ขัดแย้งระหว่าง "พระเจ้า" และ "พลังแห่งอัศวินชัมบาลา"


    ท่านอาจคิดไปว่าอัศวินชัมบาลาต้องทำแต่สิ่งที่ดีไหม? มันไม่ใช่อย่างนั้น
    หรอก เราควรเรียกว่า "ทำสิ่งที่ควรทำ-จำเป็นต้องทำ" มากกว่า เพราะว่า
    การทำความดีต่อปวงสัตว์มากไป อาจทำให้สัตว์หลงทาง หลงโลก และไม่
    มีใครอยากเข้านิพพานเลยก็ได้ ดังนั้น นี่จึงเป็น "จุดเริ่มต้นของความแตก
    ต่างระหว่างพระเจ้าและอัศวินชัมบาลา" เช่น พระเจ้าต้องการสร้างโลกให้
    ดีงาม แต่อัศวินชัมบาลากลับพาปวงสัตว์ไปทำสงคราม เสียก็ได้ ทำไมละ?
    ก็เพื่อให้เข้าคอนเซฟ "เข้านิพพานด้วยทุกข์" ไงละ ถ้าโลกไม่มีทุกข์ คน
    ก็หลงโลก ไม่มีใครอยากเข้านิพพานเลย นี่ละ เพราะเหตุนี้ "อสูรทศกัณฐ์
    จึงเป็นหนึ่งในสี่อัศวินชัมบาลา" ไงละครับ หรือแม้แต่ลูซิเฟอร์ ก็กลายมา
    เป็นหนึ่งในสี่อัศวินชัมบาลาทั้งๆ ที่ขัดแย้งกับพระเจ้า เพราะอะไร? พอจะ
    มองเห็นมุมมองที่แตกต่าง และสถานการณ์ที่ต่างกันไหมครับ? มันไม่ใช่
    ความผิด หรือความถูกของใครนะครับ เพียงแต่ "ทุกคนมีหน้าที่ที่ต่างกัน
    ไปก็เท่านั้นเอง" ทีนี้ ท่านพอเข้าใจคำว่า "มันไม่มีใครผิดหรือถูก" แต่มัน
    มีหน้าที่แตกต่างกัน เท่านั้นเอง เอาละ เห็นไหมละ แม้แต่ซาตาน ก็มีหน้า
    ที่ของเขานะครับ โอเคไหม? ต่อไปที่ท่านต้องเข้าใจคือ ใครได้รับทายาท
    นี้ไปจะมีอำนาจมากในโลกด้วยครับ แต่พวกเขาอาจได้รับแต่ความมืดมน
    ในท้ายที่สุดจะมีแต่ทุกข์ และต้องยอมจำนนต่อโลกนี้ และอยากหลุดพ้น
    ไงละครับ ฮ่า ฮ่า ฮ่า มันช่างเป็นทุกขลาภหรือจะเรียกว่าอะไรดีนะ ไม่ละ
    มันก็เป็นเช่นนั้นของมันเองนั่นแหละ ดังนั้น ผู้ที่จะรับสืบทอดชุดเกราะนี้
    ก็ควร "มีพลังธรรมมาก" จริงๆ ไม่เช่นนั้น อาถรรพ์ของชุดเกราะทั้งสี่นี้
    คงจะลากพาท่านไปสู่นรกไม่ก็โลกมืด แน่นอนละครับ คิดให้ดีๆ ก่อนละ
     
  8. อู่หยาจื่อ

    อู่หยาจื่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    4,333
    ค่าพลัง:
    +3,828
    ผู้ถูกเลือกทั้งสี่ให้ได้รับ "พลังแห่งชุดเกราะอัศวินชัมบาลา" เป็นอย่างไร?


    ผู้ที่ถูกเลือกแล้วทั้งสี่ ให้ได้รับชุดเกราะอัศวินชัมบาลา จะต้องถูกเตรียมตัว

    ให้มีลักษณะที่พร้อมรับชุดเกราะนั้นๆ ให้ได้ ซึ่งจะมีความแตกต่างกันดังนี้

    1. ชุดเกราะเทพ : ร่างสังขารจะถูกเตรียมจาก "ลูกน้องที่ซื่อสัตย์" ไม่ว่า
    จะทำงานให้เจ้านายคนใด ก็ตาม จนหมดวิบากกรรม จากการเป็นลูกน้อง
    แล้ว เขาก็จะไม่มีอะไรจะทำ และจะต้องฝึกรับ "พลังธรรมจากเบื้องบน"
    เพราะพลังสายเทพ จะเป็นพลังงานที่รองรับพลังธรรมที่บริสุทธิ์ถูกต้อง
    จากเบื้องบนโดยตรง ซึ่งพวกเขามีอินทรีย์ที่แก่กล้ามากจากการทำงาน

    2. ชุดเกราะมาร : ร่างสังขารจะถูก "ให้รับโทษอย่างอยุติธรรม" เช่น
    ถูกจับขังคุก หรือกักบริเวณ หรือถูกใส่ร้ายอย่างอยุติธรรม แล้วสังขาร
    ก็ยอมรับโทษนั้นเพื่อรักษาไว้ซึ่งระบบโดยรวมแต่เพราะได้รับอยุติธรรม
    จึงมีความโกรธแค้นเกิดขึ้นบางส่วน ทำให้ประสานพลังกับภาคมารได้

    3. ชุดเกราะพรหม : ร่างสังขารจะ "ทำผิดแล้วไม่ยอมรับโทษ" จะต้อง
    หาวิธีอยู่รอดให้ได้เหนือกฏหมาย แล้วเมื่อเขาทำได้ จะกลับมามีอำนาจ
    มากมาย ซึ่งเป็นรอยกรรมที่สอดคล้องกับลูซิเฟอร์ นั่นเอง ซึ่งในประเทศ
    ไทย ก็มีสังขารที่ถูกเตรียมสังขารไว้เช่นนี้เช่นกัน (แปลกใจไหมละครับ)

    4. ชุดเกราะอสูร : ร่างสังขารที่เกิดจากจุดที่ต่ำต้อย และพยายามพัฒนา
    ตัวเองให้สูงขึ้น โดยหาเส้นสาย พรรคพวกให้มากๆ เข้าไว้ แต่ไม่ได้ยอม
    จำนนต่อคนเหล่านั้นอย่างแท้จริง เพราะตีหลายหน้าได้เก่ง ไม่ต่างอะไร
    กับ "ทศกัณฐ์" นั่นแหละ ทว่า เขากลับมีศรัทธาที่แท้จริงต่อสิ่งศักดิสิทธิ์
    นะ แม้ว่าเขาจะไม่เลือกที่จะเชื่อใจเจ้านายคนใดที่เป็นมนุษย์นัก ก็ตามที


    เอาละ สิ่งสำคัญที่สุดที่จะเลือก "ใครมาเป็นร่างสังขาร" นั้นๆ ก็คือ เขาจะ
    ต้องมี "บุญบารมีมาก" ทำไว้แต่หนหลัง เอาไว้เป็นทุนประกันว่าเมื่อเขามี
    อำนาจมากแล้ว เขาจะไม่หงายหลังไปเสียก่อน เพราะเขาจะได้รับอะไรที่
    มากมายเหนือคนอื่นเลย ดังนั้น เขาจึงจะต้องมีบุญบารมีเก่า ทำไว้เป็นทุน
    และมีพลังจิตที่กล้าแกร่งมากพอที่จะ "ควบคุมพลังของชุดเกาะทั้งสี่" ได้
     
  9. อู่หยาจื่อ

    อู่หยาจื่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    4,333
    ค่าพลัง:
    +3,828
    สุดท้ายนี้ ถึงเวลาชำระล้างพลังงานเก่าของพระพุทธเจ้า 1 ใน 4 ส่วน
    เพื่อปรับยุคสมัยเปิดรับ เตรียมพร้อมเข้าสู่ "ยุคพระศรีอาร์ฯ" เพื่อไม่ให้
    พลังงานเก่าของพระพุทธเจ้าสมณโคดม กำหนดความเป็นไป กำกับบท
    ให้โลกเป็นยุคของท่านไปตลอด จึงต้อง "ค่อยๆ ปรับพลังควบคุมออก"
    โดยในยุคแรกจะปรับออก 1 ในสี่ส่วนคือ พลังงานสายเทพจะชำระล้าง
    พลังงานเก่าที่เป็นพลังงานของเทพกระต่ายออก จากนั้น จักรวาลจะส่ง
    "พลังงานใหม่-สายเทพ" ลงมาดูแลโลกแทนพลังงานชุดเก่าจึงจะเกิด
    การผสมผสานของพลังงานที่ขับเคลื่อนโลกทั้งสี่ส่วนในสูตรใหม่ ได้แก่
    Y + 3X นั่นเอง หรือก็คือ พลังงานใหม่ 1 ส่วน รวมกับพลังงานเก่าสาม
    ส่วน นั้นเอง เอาละ ช่วงนี้ โลกจะแปรปรวนและยากแก่การคาดเดามากที่
    สุด เพราะมันยังไม่ลงตัวนะ รอให้ลงตัวก่อนก็จะทำนายได้ชัดเจนขึ้นครับ


    ขอพลังชุดเกราะศักดิสิทธิ์จงคุ้มครองโลกนี้อย่างที่ควรจะเป็น สวัสดีครับ
     
  10. อู่หยาจื่อ

    อู่หยาจื่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    4,333
    ค่าพลัง:
    +3,828
    5 ก.ค. 2555


    "เสียงจากชัมบาลา"
    รับสื่อสารโดย


    瑠璃王
     
  11. อู่หยาจื่อ

    อู่หยาจื่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    4,333
    ค่าพลัง:
    +3,828
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=Bf1tU9JfwSw]金刚萨埵心咒 OM VAJRA SATTVA HUM (โอม วัชระ สัตตวา หูม) - YouTube[/ame]
     
  12. อู่หยาจื่อ

    อู่หยาจื่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    4,333
    ค่าพลัง:
    +3,828
    [​IMG]


    ใครนะ จะเป็นผู้ถูกเลือก ...
     
  13. อู่หยาจื่อ

    อู่หยาจื่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    4,333
    ค่าพลัง:
    +3,828
    [​IMG]


    ผู้โชคดี รายต่อไป คือ ... (ใครหว๋า)
     
  14. อู่หยาจื่อ

    อู่หยาจื่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    4,333
    ค่าพลัง:
    +3,828
    [​IMG]


    รวมเป็น 4 อัศวินในตำนาน (มีจริงๆ เหรอ? ไม่น่าเชื่อ?)
     
  15. อู่หยาจื่อ

    อู่หยาจื่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    4,333
    ค่าพลัง:
    +3,828

    โปรดติดตามชม
    ตอนต่อไปได้ทาง
    ทีวี ธรรมดาๆ ขอรับ


    (รับรองว่ามันจะสนุก
    ยิ่งๆ ขึ้นไป แน่ๆ คริๆ)
     
  16. อู่หยาจื่อ

    อู่หยาจื่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    4,333
    ค่าพลัง:
    +3,828
    พลังงานใหม่คือ "พระอาทิตย์ยูไล"


    เดิมที พลังงานเก่าของพระพุทธเจ้า
    สายเทพ ประสานกับ พระจันทร์ยูไล
    ธรรมะของท่านจึงเหมือนเดือนในคืนมืด
    ทว่า เมื่อชำระล้างแล้ว สายเทพจะเปลี่ยน
    ไปรับพลังจาก "พระอาทิตย์ยูไล" แทน
    นั่นคือ ทางโลกทางธรรม ไม่แยกกัน
    คนทำงาน ก็คือ ปฏิบัติธรรม ไม่ต้อง
    ออกบวชหรือออกจากงานก่อนก็ได้


    นั่นแหละ "พลังธรรม" ที่จะเปลี่ยนไป
     
  17. warrrior

    warrrior Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    170
    ค่าพลัง:
    +64
    เพ้อไปเรื่อยๆๆๆ :cool::cool::cool:
     
  18. อู่หยาจื่อ

    อู่หยาจื่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    4,333
    ค่าพลัง:
    +3,828
    "ธรรมแห่งพระอาทิตย์ยูไล"


    ไม่แยกทางธรรม ออกจากทางโลก
    คนทำงานทางโลกก็คือ ปฏิบัติธรรม
    ส่องสว่างดุจดวงสุริยะฉาย เปลี่ยนฟ้า
    จากกลางคืนที่มืดมนเป็นกลางวันสดใส


    เปลี่ยนวิถีชีวิตจากเชิงรับ ให้เป็นเชิงรุก
    เปลี่ยนจากเทพจักราศี ให้เป็นเทพนักษัตร
    เปลี่ยนวิถีชีวิตที่หากินกลางคืน เป็นกลางวัน
    เปลี่ยนชุดเกราะเย็น ให้มีไฟแห่งการสร้างสรรค์
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 5 กรกฎาคม 2012
  19. อู่หยาจื่อ

    อู่หยาจื่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    4,333
    ค่าพลัง:
    +3,828
    [​IMG]


    ชุดเกราะสุริยเทพในตำนาน จะปรากฏ ในแดนดินที่มี "คนชุดแดง" มากมาย
     
  20. อู่หยาจื่อ

    อู่หยาจื่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    4,333
    ค่าพลัง:
    +3,828
    สื่อต่างๆ แม้แต่หนัง หรือการ์ตูน
    ล้วนปรากฏตำนานการมาถึงของ
    พวกเขา แม้พวกเขาจะไม่ปรากฏ
    ตัวอย่างเปิดเผย ก็ตาม ...


    อ่า หมดเวลาแล้ว บะบายครับ


    :z8
     

แชร์หน้านี้

Loading...