เรื่องเด่น มนุษย์ต่างดาวติดต่อเราหรือยัง-ควรบอกว่า เมื่อไหร่จะไป

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย chandayot, 18 เมษายน 2012.

  1. jojovirtue

    jojovirtue Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    118
    ค่าพลัง:
    +51
    :z2:z2:z2:z6:z8:z10:z14rabbit_cry:z16
     
  2. krittima helga

    krittima helga เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2010
    โพสต์:
    114
    ค่าพลัง:
    +247
    ขอบคุณ..คุณเจดดา..ที่แบ่งปันความรู้..ขอเป็นกำลังใจเสมอจ้า..ขออนุญาตติดตามอ่านตลอดไปจนกว่าจะหยุดโพสนะคะ..ฝากความระลึกถึงคนข้า้งเคียงของคุณเจดดาดว้ยนับถือในทุกด้า้นที่เธอเป็น..ขอเป็นกำลังใจให้จ้า...
     
  3. chandayot

    chandayot เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,458
    ค่าพลัง:
    +2,234
    ----ขอบคุณครับ สำหรับความรู้และทุกกำลังใจครับ ผมก็หยอกเล่นกับภรรยาทุกวันแหละครับ ร่างกายเขาเหมือนเด็กอ้วนๆ แถมนิสัยยังเหมือนอีกต่างหาก จะวาสเธออ้วน ก็ไม่ได้กินอาหารมาก อย่างคนทั่วไปกินสามมื้อ เธอกินมื้อเดียว แถมมื้อนั้นก็ไม่ได้มากว่าของคนทั่วไป เวลาเธอจะทำอะไรต้องทำให้เสร็จก่อน ไม่งั้นจะไม่ไหยุดและไม่กินอะไรแม้แต่น้ำ เธอเคยอดข้าวเป็นเดือนๆ ด้วยความตั้งใจของเธอทำให้ไม่หิว แต่กระเพาะจะพัง ผมต้องค่อยๆเอาโจ๊กมาป้อน เลี้ยงกันเป็นแบบเด็กน้อยไปเลย--วันๆก็หาเกเรไปตามประสาเด็ก มันไม่มีใครก็ไล่ตีกันเอง เห็นแล้วก้ขำ ขำตัวเองด้วยที่ชอบไปแหย่เค้า มาดขรึมๆแบบนักวิชาการเสียหายหมด

    --ขอโทษด้วยทีไม่ได้เข้ามา 1 คืนครับ พอดีเอาเครื่องขยายเสียงไปโพสขาย มีคนมาจะซื้อแล้ว 2 คน แต่ยกเลิกกันไป บางทีก็ต้องเอามาทำฟังเองเสียละมั้ง


    --นานมาแล้วสมัยเป็นเด็ก เค้าทำโลกจำลองไว้กลางทะเลทรายที่ออสเตรเลีย
    สุ่วนหนึ่งทำเป้นหอสูง ไอน้ำจะมากลั่นตัวตรงนั้นเป็นฝน บางคนเคยทำหอเล็กๆ เป็นแก้ว ก็มีเมฆ มีฟ้าร้องเกิดขึ้นด้วย

    --จำได้ไหมครับ ในเรื่อง อวตาร นางเอกบอกว่า เค้าสำรวจพบว่า ปลายรากของต้นไม้มันประสานกัน สื่อสารเหมือนเป็นสายสัญญาณอินเตอร์เน็ต และส่งไปต่อๆกันไปได้ทั่วทั้งป่า

    ---ตอนที่ไปที่วัดมาบจันทร์ จ.ระยอง มีป่าธรรมชาติ ผมรู้สึกว่ามีพลังมากมาย มากกว่าป่าที่คนเราปลูกขึ้น พี่สาว และคนอื่นก็รู้สึกถึงพลังของป่านี้เช่นกัน --แอนเน็ตสาวฝรั่งที่อยากเป็นคนไทย( เพราะชาติก่อนเธอเป็นคนไทย )บอกว่า มีพลังสีทองมาจากพื้นโบสถ์ มากมายเหมือนน้ำท่วมขึ้นมาประมาณหนึ่งคืบ--เธอกินเจ และมีญาณรู้แปลกๆ เช่นไปค้นพบต้นโพธิพระพุทธเจ้าที่วัดญาณ โดยบังเอิญ ในคณะของเราไม่มีใครรู้ แต่เธอบอกตรงนั้นต้องมีอะไรสักอย่าง

    ---หลวงปุ่มั่นท่านบิณฑบาต เห็นหน้าต่างเปิดออกมาจากก้อนหินใหญ่ มีคนอยู่ในนั้น ในผาหินเต็มไปหมด ก็คือชาวลับแล ยิ่งถ้าเป็นพระปฎิบัติ พวกเขาจะยอมเปิดมิติมาคุยด้วย
    --- ระบบที่ทำให้คนหลงป่า ก็คือ ไปเดินข้ามหรือสัมผัส เถาวัลย์หลง ซึ่งก็เหมือนเถสาวัลย์ แต่จะไม่พันต้นไม้ใดๆ อละจะมีในป่าตรงที่เป็นเมืองลับแล

    -- อย่างเช่นมีคนไปพบกำแพงหิน ใช้หินแบนๆซ้อนกัน ที่เขากรุงชิง อ.ท่าศาลา นครศรีธรรมราช และมีแถวริมๆน้ำ ไม่น่าเชื่ิว่า จะไม่พังทลายลงมาเพราะสัตว์เดินเบียด หรือแผ่นดินไหว และที่ป่านี้ กบภูเขาตัวเท่าเด็กสามขวบ พวกเสือจะกินกบพวกนี้ จึงไม่กินคน มีสัตว์ป่าแปลกๆ ตัวใหญ่มาก ใบบอน เท่าร่มชายหาด มีคนพบโครงกระดูกในถ้ำ คางเท่าฝ่ามือ มีดาบ มีหินบดยา จารึกเป็นภาษามคธ---บางคนพบหมีบนต้นไม้ทุกกิ่ง แต่หันกลับไปก็ไม่มีอะไรสักตัว

    --บางกลุ่มเดินป่าไป 3คน-พบต้นไม้ลูกสีเหลือง คนที่ใกล้จะตายกินแล้วมีอายุยืน อีกสองคนไม่กิน กลับถึงบ้านก็ตาย--เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องจริง เพราะท่านขุนพันธุ์ได้เล่าให้ในหลวงท่าน ในหลวงท่านได้ฟังรวบช้อนทรงอิ่มเลย ท่านตรัสว่า "รู้ไหมกุหลาบที่ภูพิงค์ดอกเท่าชามข้าวนี่เลย"
    -ท่านขุนธุ์ตอบว่า "ครับ แต่ถ้าไปปลูกที่เขากรุงชิง จะโตกว่านี้อย่างน้อยสองเท่า" เท่านั้นเองท่านก็รับสั่งถามรายละเอียดเรื่องนี้ตลอด

    ------ท่านคงคิดว่า เป็นที่ๆมีดินดี ไม่มีดินครับ ต้นไม้ขึ้นบนหินครับ รากจะยาวเป็นสายๆ ไปตามซอกหิน ที่ต้นไม้โตดี คงเป็นเพราะเป็นจุดศูนย์พลัง(ชีวิต)ของโลก--และบางคนได้ฟังแล้ว เชื่อว่า คนแต่งเรื่องเพชรพระอุใมา คงได้ไปเจอ ไปถึงป่าแห่งนี้ เขากรุงชิง อุทยานแห่งชาติเขาหลวง ต.นบพิตำ อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช (นักวิทย์รัสเซียเคยพล็อตวาโลกเป็นผลึกรูปห้าเหลี่ยม ผมดูแล้ว เส้นกริดผ่านป่ากรุงชิงพอดี (เขาเรียกว่าอ่าวกรุงชิง) และโหนด --Node--(ตำแหน่งที่เส้นกริดมารวมกัน เปณียมเหมือนศูนย์ย่อย หรือข้อไม้ไผ่ ซึ่งมีพลังมา) จะอยู้ในทะเล --ใกล้ๆฝั่งครับ

    --มีนศ.เข้าป่าตรงนี้เยอะ ท่านขุนพันธุ์บอกฝ่ายปกครองว่าอย่าให้พวกคอมมิวนิสต์เข้ากรุงชิง จะปราบยากเพราะอุดมสมบูรณ์ ซึ่งก็จริง มีการปลูกข้าว มีโรงสีพลังน้ำตก สนามบาส--

    --แต่ในส่วนของดินจริงๆก็อุดมดีครับ (นั่งนับลูกมะละกอ ได้ต้นละ 50 กว่าลูก--เฟริ์นป่า ขนาดใหญ่มาก)) มีลำธารเล็กๆ ผู้คนเป็นมิตร ผมได้เข้าไปที่นั่นในสถานะ พระธุดงค์ครับ พักอยู่ที่อุทยาน---อยู่ได้3 วัน หลับตาเห็นหญิงแก่คนหนึ่งลอยมาจากชายป่า ยกเท้างอแบบในภาพวาดตาโบสถ์ แต่หญิงนี้ตัวใสเหมือนแก้ว แถมยังมานั่งใกล้ที่ข้าพเจ้านั่งสมาธิอยู่ ข้าพเจ้ารู้สึกกลัวจึงบอกให้นางไป กว่าเธอจะไปก้นานอยู่ ค่อยๆลอยกลับไป ผมเคยถามเทพว่า "ลบูกเห็นจริง" หรืออุปาทาน" ท่านว่า "เห็นจริงๆ น่าจะบวชนานๆนะ" เขามาชวนไปดูขุมสมบัติ" ผมก็ถามเรื่องที่นั่นว่าเป็นเมืองเก่าหรือ ท่านถอดจิตไปดูสักพัก แล้วว่า"มิติมันซับซ้อนมากๆ"


    --ตอนนี้ฟักทองลูกนี้โตเท่าส้มโอแล้วครับ ลูกอื่นไม่ติดผล เหี่ยวไปหมด มีมันนี่แหละมาอันดับหนึ่ง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 มิถุนายน 2012
  4. chandayot

    chandayot เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,458
    ค่าพลัง:
    +2,234
    --ตอนนี้ที่เว็ปญาณทิพย์ผมเขียนนำหน้าที่นี่ประมาสิปกว่าโพส หน้านึงเลย
    --แต่ผมไม่นำมาลงที่นี่ เพราะอาจจะดูไม่สบายตาสบายใจ และกลุ่มผู้อ่านก็ต่างกันด้วย
    เป็นเรื่องของดาราเยอะครับ นู้ดๆ ตั้แต่เรื่องรายการไทยกอดทะเล้น ซึ่งไม่น่าพูดถึงแล้ว
    ให้ผู้สนใจไปอ่านเองดีกว่า ได้ข่าวว่ามีคนเห็นเธอคนนั้นเป็นนางแบบบิกินี เดินโชว์ตามคาเฟ่ทั่วไป และตอนนี้หลบๆยู่เนื่องจากลัวคดีจากทางตำรวจ
    --ก็ กรรมใครกรรรมมันครับ

    --ไม่ต้องห่วงเรื่องเศรษฐกิจยุโรป และเศรษฐกิจโลก ว่ามันจะพังเลยครับ มันพังไปตอนปี 2008 -4ปีก่อนแล้ว ค่าดอลล่าร์ดิ่งเหว ที่รอดมาถึงป่านนี้ เพราะใช้คาถา ใช้เงินอัดให้ผีลุกขึ้นยืนและนั่งได้---แต่ความจริง ร่างนี้ได้ตายไปแล้ว--ใครจะลงทุนอันใดพึงระวังความผันผวน กระแสน้ำดีน้ำเน่ามันปั่นป่วนผสมกันอยู่ ดูอย่างตอนที่โซรอส โจมตีค่าเงินบาท ธนาคาร ทรัสต์ ตลาดหุ้น ทยอยล้มบ้าง ปั่นป่วนบ้าง เรียกว่า วิกฤติต้มยำกุ้ง Tom Yum King Crisis (ไม่ได้เอาขำนะ เต้าเรียกอย่างนี้จริงๆ) โซรอส ซึ่งอยู่แถวยุโรป
    ก้ไม่เคยยนึกว่ากรรมมันจะย้อนเข้าตัว เพราะช่วงนั้น วิกฤตินี้สะท้อนย้อนกลับไปทั่วโลกถึง 6 ครั้ง
    --อเมริกาตั้งกองทุนสำรองแห่งชาติ นับตั้งแต่นั้นมา การเงินโลกก้ยิ่งแย่ลง
    --คืนก่อน ได้ฟังนักวิชาการพูดเรื่อง ความผันผวน--และผมสะกิดใจที่เค้าบอกว่า
    "ต่อไปนี้ไม่ต้องวิเคราะห์การเงิน การธนาคาร หรือหุ้น ตามตำราที่เรียนๆกันมา เพราะทุกอย่างเป็นสิ่งที่อยู่นอกตำราหมด จะมีแต่สถานะต่างๆ วิกฤตต่างๆที่นอกตำรา เพราะจะไม่เคยพบเจอกันมาก่อนเลย"


    --อจ.มหาลัย โพสบอกไว้ว่า อย่าไปเรียนรู้เลยพุทธศาสนา..โห..พูดได้ไง

    http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1340272179&grpid

    --ตอบเรื่องคริสตัลและผลึกของอัญญมณี

    http://palungjit.org/threads/%E0%B8%84%E0%B8%B8%E0%B8%93%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4-%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B8%9B%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B8%87-%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%99%E0%B8%B3%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%AA%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%A5%E0%B9%84%E0%B8%9B%E0%B9%83%E0%B8%8A%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%93%E0%B8%B0%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B9%86.282270/page-2
    --ที่ว่าล้างชำระผลึกแต่ละวิธี ถูกต้องหมดครับ
    --โปรดทราบว่า เราจะตั้งโปรแกรมให้มันทำงานให้เราก็ได้ โดยความคิด คำพูด หรือการอธิษฐาน การล้างโปรแกรมก็น้ำเกลือหรือแสงอาทิตย์ พี่สาวนำไปแช่น้ำ และนำมาล้างหน้าทุกวัน(ควอทซ์แบบกลุ่ม)--บางคนตกบันใด เอาผลึกมาอังๆที่ขา รอยช้ำก็หายเร็ว(อะมีธิสท์)
    --ถือแท่งครัสตัลสองอันไว้ในมือ กางแขนออก--มันจะพาร่างเราหมุนติ้ว จึงรีบนั่งลง เพราะเท้าเริ่มลอยจากพื้นแล้ว พี่สาวมาทำ มันก็ทำแบบเดียวกันนะแหละ จนเค้าต้องบอก เบาๆหน่อย รู้แล้วว่าเก่ง--มีฤทธิ์มาก
    --โบราณว่ามีแก้วค่าควรเมือง ก็ควอทซ์นี่แหละ(มีโมเลกุลเป็นสามเส้า ตรงกับพลังในศาสนาฮินดูและทางคริสต์ พุทธ) คนโบราณเอาเก็บไว้ตามยอดพระธาตุ วันดีคืนดี มันเป็นดวงแสงลอยได้ พระธุดงค์เห็นโโๆคล้ายกบ ท่านเอาบาตรตะตุบไว้ ก็เห็นเป็นหินแก้วแบบพวกนี้แหละครับ--โห เข้ากับบอร์ดพลังจิตดีเยี่ยม แถมยังทันสมัยเป็นแนวนิวเอจ --น่าเป็นกระทู้แนะนำภาพสวยงาม-- งามเหมือน จขกท. และผุ้ช่วยโพสท์

    --เห้นมีร้านที่แถวท่าพระจันทร์ --ดิโอสยาม ---ใต้ถุนตึกเวิลดื์เทรด(ขอโทษ- เจทีซี--- เจเว็ลรี่ เทรด เซ็นเตอร์) สีลม --ไม่รู้นะผมคนเชียงราย ไม่ค่อยได้เข้ากรุง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 มิถุนายน 2012
  5. chandayot

    chandayot เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,458
    ค่าพลัง:
    +2,234
    -แก้ไข โซรอส เป็นชาวอเมริกันครับ


    จอร์จ โซรอส (12 สิงหาคม ค.ศ. 1930 - ) เดิมชื่อ จอร์จี ชวาร์ตซ์ (ฮังการี: György Schwartz) นักธุรกิจชาวอเมริกันเชื้อสายฮังการี เป็นนักวิเคราะห์ค่าเงิน นักลงทุนหุ้น ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานบริษัท Soros Fund Management และสถาบัน Open Society Institute
    นิตยสาร ฟอร์บส์ ได้จัดให้ จอร์จ โซรอส อยู่ในอันดับที่ 35ของบุคคลที่รวยที่สุดในโลก มีทรัพย์สินมูลค่าประมาน 14,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เขาได้บริจาคเงิน 6 พันล้านเหรียญสหรัฐเพื่อการกุศลตั้งแต่ ค.ศ. 1979 เป็นต้นมา
    โซรอสเคยเป็นสมาชิกในคณะกรรมการของ Council on Foreign Relations และยังเป็นผู้ริเริ่มก่อตั้ง Center for American Progress ปัจจุบันจอร์จ โซรอส ก็ยังคงมีตัวแทนในคณะกรรมการอยู่ แม้ว่าตัวเขาเองจะคิดว่าเป็นการกล่าวชมยกยอกันมากเกินไป แต่ชาวรัสเซียและชาวตะวันตกก็มองว่าการสนับสนุนทางการเงินและการจัดการของเขา เป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้ Georgia’s Rose ประสบความสำเร็จในสหรัฐอเมริกา
    อดีตประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ได้เขียนถึงจอร์จ โซรอส หลังจากที่เขาออกหนังสือ The Alchemy of Finance เมื่อปี ค.ศ. 2003 ว่า จอร์จ โซรอส ได้สร้างความโดดเด่นในด้านที่เขาเป็นผู้วิเคราะห์มาก โซรอสนับได้ว่าเป็นบุคคลที่ประสบความสำเร็จอย่างมหาศาล และเป็นที่รู้กันในความฉลาดหลักแหลมของเขา เพราะโซรอสจะถอนตัวเมื่อยังอยู่ในจุดที่มีความได้เปรียบ การกระทำของโซรอสได้เพิ่มแรงกระตุ้นให้มีการเปลี่ยนแปลงในหลายประเทศให้กลายเป็นประเทศที่สนับสนุนสังคมเปิด
    นอกจากโซรอสจะส่งเสริมเสรีทางการค้าแล้ว สิ่งที่สำคัญกว่าคือการที่ปรับให้ประชาชนเปิดรับความคิดใหม่ๆ ให้ประชนของประเทศนั้นๆ ยอมรับฟังแนวคิดและการกระทำที่แตกต่างออกไป

    จอร์จ โซรอส - วิกิพีเดีย
     
  6. chandayot

    chandayot เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,458
    ค่าพลัง:
    +2,234
    ----ตอนกลางวัน และคืนนี้ผมกำลังเขียนกระทู้ใหม่ เนื่องจากเกิดความผิดพลาด....-- จึงได้แก้ไข ชดเชยให้พวกเขา ถ้าอยากอ่านเรื่องประหลาดให้ดูกระทู้ใหม่ของผมที่หน้า1 เน้อครับ -----จะได้เห็นภรรยาคนสวยจอมแก่นของผมด้วยครับ
     
  7. chandayot

    chandayot เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,458
    ค่าพลัง:
    +2,234
    ----------------------------จะเกิดอะไรขึ้น!! เมื่อห้ามสาวเวียดโชว์เต้า
    [​IMG]ภาพ © ผู้จัดการออนไลน์​

    ลีลาของร็อกเกอร์สาวหว่างถวี่ลีง...สุดร้อนแรง ทำเอากระทรวงวัฒนธรรมเต้น
    ล่าสุดในคอนเสิร์ทเปิดสนามฟุตบอลนัดหนึ่งในกรุงฮานอย "หว่างถวี่ลีง" น่าจะอยู่ในคิวเชือดของกระทรวงวัฒนธรรมอีกคน ทั้งนี้เหตุการณ์เมื่อหลายปีก่อนคลิปสุดอื้อฉาวของเธอโด่งดังไปทั่วโลก สุดท้ายจึงหันมาแจ้งเกิดด้านการร้องเพลงแต่น่าเป็นห่วงเพราะการแต่งเนื้อแต่งตัวของเธอนั้นวาบหวิว ซึ่งทางโทรทัศน์เวียดนามประกาศจะไม่ให้นักร้อง นางแบบ นักแสดง ที่แต่งกายวาบหวิวออกอากาศ
    ทางสถานีโทรทัศน์เวียดนามในรายการต่างๆ ทุกช่องจะต้องไม่แพร่ภาพออกอากาศรายการที่นักร้องนักแสดงแต่งกายไม่เหมาะสม ทั้งนี้กระทรวงวัฒนธรรมได้ “ขึ้นบัญชีดำ” นักร้องศิลปินและนางแบบเอาไว้จำนวนหนึ่งแล้ว หลังจากลงโทษปรับไปแล้วคนเหล่านี้อาจจะถูกถอนใบอนุญาตการแสดงหากประพฤติผิดซ้ำ…เยี่ยมจริงๆ มาตราการนี้น่าจะนำมาใช้ในเมืองไทยบ้างก็ดีนะ

    ------------------------------------------------------------.
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0><TBODY><TR><TD id=postmessage_813680 class=t_msgfont>เด็กจากดาวอังคารมาเกิดในโลก ก็อปมาไม่ได้อ่า

    เรื่องลึกลับจากทั่วโลก mystery world: เด็กจากดาวอังคารกลับชาติมาเกิดพร้อมเรื่องลึกลับ

    มนุษย์ดาวอังคารอยูในทำเนียบขาว 3 ปี

    บทความเก่า ตรงนี้ก็เคยนำมาลงครับ

    แปลจากบทความของ ดร.โจชัว

    จุดประสงค์ที่พวกข้ามาที่นี่ก็เพื่อช่วยมนุษย์ให้กลับไปเป็นพระเจ้าดังเดิม-วาเลี้ยนท์ ธอร์-ชาวดาวอังคาร หนึ่งในประสพการณ์ที่น่าตื่นเต้นจากการค้นคว้าเรื่องนี้ ก็คือเรื่องอาคันตุกะจากดาวอังคาร บุคคลนี้ได้รับเชิญจากรัฐบาลอเมริกันให้อยู่ที่ทำเนียบขาวถึงสามปี ชื่อของเขาคือ วาเลี้ยนท์ ธอร์

    เป็นที่รู้ว่าได้มีการติดต่อกันเมือเดือนมีค.ปี1957ตำรวจสองคนที่รัฐเวอร์จิเนียร์ได้รับชายแปลกหน้าขึ้นรถ เขาบอกว่าเป็นพวกต่างดาว โดยที่เขามีลักษณะเหมือนมนุษย์ทุกประการ เขาถูกนำลงสู่ยานกระสวยใต้ดินอย่างเร่งด่วน เพื่อพบกัยเลขากลาโหม และ ประธานาธิปดี ดไวท์ ดี ไอเซนฮาวร์ เขาเตือนท่านประธานาธิปดีว่า โลกกำลังเข้าอยู่ในภาวะเสี่ยง ในทิศทางที่กำลังจะทำลายตัวเอง นอกจากเสี่ยงต่อสงครามนิวเคลียร์ฺแล้ว มันกำลังใกล้ถึงจุดที่ระบบเศรษฐกิจโลกจะพังทลายลง

    เขาบอกว่าพวกเขาอยู่ใต้พื้นผิวดาวอังคาร(อย่างที่ทราบกันดีว่า บนดาวอังคาร มีสิ่งปลูกสร้างอยู่ เช่น ปิรามิด เป็นต้น) จากหนังสือของ ดร.แฟรงค์ สเตรนจ์ คนแปลกหน้าในเพนตากอน ข้าพเจ้า(ผู้เขียน) ได้ถามวิญญาณของ ดวาล คุล เกี่ยวกับเรื่องนี้ ว่ามนุษย์ต่างดาวนี้เป็นเรื่องจริง หรือเรื่องแต่งขึ้นมาท่านบอกว่า ข้อมูลอันนี้เป็นเรื่องจริง ไม่ใช่นิยาย ธอร์ กลายเป็นที่รักของคนที่ได้พบ เขามีความสามารถถ่ายทอดความคิดได้ดี และมีความประสงค์ดีอย่างเห็นได้ชัด เขาเสนอจะช่วยเหลือโลกมนุษย์ หากแต่ประธานาธิปดีไอเซนฮาวร์กลับคิดไปว่า ถ้าเขารับความช่วยเหลือของ ธอร์และสภาชาวดาวอังคาร จะยิ่งทำให้เศรษฐกิจสหรัฐกลายเป็นความยุ่งเหยิง ยากที่จะแก้ไข

    ผู้เชี่ยวชาญจากนาซ่า พบว่า ชุดอวกาศของ ธอร์นั้น ไม่สามรถทำลายได้ไม่ว่าจะใช้ดอกสว่านหัวเพชร หรือแสงเลเซอร์ก็ตาม ไม่ระคายผิวของมันได้เลย

    จากการสนทนาส่วนตัว กับ ดร.แฟรงค์ ธอร์กล่าวถึงการกลับสู่พระเจ้า และบอกว่า ลูกเรือในยานที่มา 77 คน ตอนนี้ก็อยู่ปะปนกับมนุษย์ และสิ่งที่น่าแปลกใจของนักวิทยาศาสตร์ก็คือเขาไม่มีลายนิ้วมือแม้แต่นิ้วเดียว สภาสูงของดาวอังคารแนะให้เขาตีจากออกจากทำเนียบขาวในเดือน มีค.ปี 1960 ในเวลา 3 ปีที่เขาเป็นแขกของรัฐบาล มีน้อยคนมากที่จะใช้โอกาสนี้ทำตามคำแนะนำของเขา


    ขอบคุณที่มา : jesdath - bloggang.com
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  8. chandayot

    chandayot เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,458
    ค่าพลัง:
    +2,234
    ---ชาวอังคาร ต่อ นะครับ--------
    -จากการสนทนาส่วนตัว กับ ดร.แฟรงค์ ธอร์กล่าวถึงการกลับสู่พระเจ้า และบอกว่า ลูกเรือในยานที่มา 77 คน ตอนนี้ก็อยู่ปะปนกับมนุษย์ และสิ่งที่น่าแปลกใจของนักวิทยาศาสตร์ก็คือ---เขาไม่มีลายนิ้วมือแม้แต่นิ้วเดียว

    ----สภาสูงของดาวอังคารแนะให้เขาตีจาก-ออกจากทำเนียบขาวในเดือน มีค.ปี 1960 ในเวลา 3 ปีที่เขาเป็นแขกของรัฐบาล มีน้อยคนมากที่จะใช้โอกาสนี้ทำตามคำแนะนำของเขา
    (ภาพชาวดาวอังคาร จากจินตนาการของนักเขียนการ์ตูน)[​IMG].....
    หลังจากเสร็จภาระกิจนี้ เขาได้สลายร่้างหายไป
    ดร.แฟร้งค์ ซึ่งเป็นเพื่อนสนิท และรับแนวคิดของธอร์ เล่าว่า จู่ๆ ธอร์ ได้ปรากฏกายขึ้น
    ที่เบาะหลังรถ ในขณะที่เขาขับรถอยู่ ซึ่งเป็นเวลาประมาณ หนึ่งปีให้หลังที่เขาหายตัวไป
    -การพบกันแบบนี้ ยังนำเนินต่อไปอีกสองสามปี
    -การพูดคุยนี้ กล่าวถึงอุปกรณ์ที่จะติดตั้งในบ้านของคนทั่วโลก โดยใช้เทคนิคที่เหลือชั้นกว่าที่เรามีตามปกติ แบบแรก เป็นเครื่องมือสื่อสาร ซึ่งจะฉายภาพสามมิติของคนที่เราสื่อสารด้วย ซึ่งเป็นภาพที่เหมือนจริงมาก จนเราแทบแยกไม่ออกว่านั่นคือภาพ หรือเป็นคนจริงๆ


    --ดร.แฟรงค์ได้รับอนุญาตให้ไปเที่ยวชมยานแม่ของชาวอังคารที่บินวนรอบโลกอยู่ เขาได้รับประทานอาหารที่มีโปรตีนสูง และเครื่องดื่มสีเขียว ที่มีรสชาติเหมือนมะละกอ โดยในยานนี้จะไม่มีมุมที่เป็นเหลี่ยมเลย
    --ทุกๆเช้า ลูกเรือจะได้รับคำอธิบายถึงภารกิจประจำวัน

    --ดร.แฟร้งค์ได้รับฟังการอธิบายถึงพวกที่มาสมทบ ซึ่งชาวต่างดาวบอกว่า พวกเรามักเรียกว่า ชายชุดดำ พวกนี้จะยับยั้งการปล่อยข่าวเรื่องเกี่ยวกับจานบิน หรือบางครั้งก็ฆ่าคน ซึ่งข้าพเจ้าได้อ่านมาว่ามีหลายร้อยกรณี บางคนว่าพวกนี้มาจากนอกโลก แต่ ดจ์วาล คุล บอกว่าพวกนี้ก็อยู่บนโลกเรา เป็นพวกที่ชั่วช้าและโหดเหี้ยม ผู้ที่ได้รับการสื่อสารโดยตรง
    กับชาวต่างดาวจะต้องระวังคนพวกนี้ให้มาก

    ----จากคำบอกเล่าของธอร์ บอกว่ามียานอวกาศชั้นตรวจการจากดาวอังคาร จำนวน 103 ลำ ลอยอยู่ หรือจอดบนพื้นโลกในแหล่งลงจอดประมาณ 280 แห่งในตอนนั้น-- ยานลำแรกได้มาสำรวจโลกเมื่อประมาณ หกพันปีก่อน โดยมีลูกเรือประมาณ 200 คนในยานแต่ละลำ มีชั้นเรียนหลายระดับอยุ่บนยาน จะสอนลูกเรือเกี่ยวกับนิสัยของมนุษย์ ความเจริญทางวิทยาศาสตร์บนโลก การตกต่ำทางศีลธรรม และการมากอบกู้โดยพระเยซู การใช้เหตุผล จิตวิทยา ประวัติศาสตร์ และ ตำแหน่งล่าสุดของมนุษยชาติในสังคมกาแลกซี่
    ---ข้าพเจ้าขอขอบคุณ ดร.แฟร้งค์ จากข้อมูลในหนังสือ Stranger in Pentagon
    (End) [​IMG] หลักหินจารึกบอกถึงการลงจอดของชาวดาวอังคาร
     
  9. chandayot

    chandayot เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,458
    ค่าพลัง:
    +2,234
    ------มารู้จักกับมนุษญ์ต่างดาว เผ่า เกรย์ กันครับ [​IMG] [​IMG] พวกเขาคือต้นตำนานแห่งการลักพาตัว และการชำแหละสัตว์เพื่อเอาอวัยวะ
    เป็นต้นตอแห่งความรู้ด้านเทคโนโลยี่การใช้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า และคอมพิวเตอร์ เป็นผู้เชี่ยวชาญในการเดินทางทะลุเวลา เป็นกลไกเบื้องหลังแห่งรัฐบาลเงาของโลก ว่ากันว่า พวกเขาสามารถ ทำสุนามิและแผ่นดินไหวให้เกิดขึ้นจุดไหนก็ได้ สงครามต่างๆที่ระบาดไปทั่วโลก และ โรคร้ายต่างๆที่แปลกใหม่ ยากต่อการรักษา เชื่อกันว่า เป็นผลงานของพวกเขาทั้งสิ้น
    เรามาดูกันว่าพวกเขาคือใคร ทำไปเพื่ออะไร ใครมีข้อมูลมาร่วมแจมได้ครับ -


    --การลักพาตัว จะเกิดมากที่สุดในอเมริกา เพราะการยินยอมจากรัฐบาล
    เหตุผล เพื่อการวิจัยยีนส์ และการผสมข้ามพันธุ์--ว่ากันว่า ชาวเกรย์ ให้ทุนสถาบันในอเมริกา 10 แห่ง เพื่อการวิจัยโตลนนิ่งอย่างเดียว--เพราะพวกเขาต้องพึ่งการสืบพันธุ์แบบนี้--แต่มีข้อเสียคือรุ่นหลังจะอ่อนแอลง


    ชื่อของพวกเขา มาจากสีผิวที่เราจะเห็นเป็นสีเทา--แบ่งออกเป็น 3 ชนิด คือ 1. มาจากกลุ่มดาว โอเรี่ยน เป็นโอเรียนเกรย์ชนิดที่ 1
    2. โอเรียนเกรย์ชนิดที่ 2
    3. เกรย์สปีชี่ย่อย
    นอกจากนี้จะมีพวก เกรย์สปีชี่ย่อยลงไปอีก 22 แบบ จากดาว ริเกล -Rigel,
    เออร์ซ่า เมเจอร์-Ursa Major ,ดราโคนิส- Draconis และ ซีต้า เร็ตติคิวลั่ม-Zeta Reticulum
    --เราต้องพยายามเข้าใจพวกเขา เพราะพวกเขามีจุดประสงค์เพื่อเข้าครอบครองโลก โดยเหตุผลของความเห็นแก่ตัว-โลภ
    เกรย์จากโอเรี่ยน มี 2 แบบ แบบตัวใหญ่ และอีกแบบตัวเล็ก ตัวเล็กจะถูกโคลนนิ่งจากพวกตัวใหญ่ ซึ่งเรามองดูจะเหมือนกันราวกับตุ๊กตา-หรือปั๊มออกมาเป็นล็อตๆ

    -------เกรย์ จะมีจุดอ่อนในระบบทางเดินอาหาร และมีจิตสำนึกร่วมกัน ต่างกันกับพวกเราที่มีจิตสำนึกเดี่ยวเฉพาะบุคคล

    --ศาสนาของเกรย์ คือวิทยาศาสตร์ ไม่ใช่ทางจิตวิญญาณ

    --โครงส้างทางสังคม คือการเคารพเชื่อฟัง และทำหน้าที่

    --การยึดโลก จะใช้การควบคุมจิตมนุษย์มากกว่าใช้กำลัง-
    -ตามความเห็นของผม ในอเมริกา น่าจะเกิน 80เปอร์เซ็นต์ของประชากรที่เขาควบคุมได้--บางประเทศแถบฝรั่งเศส ถึง 100 เปอร์เซนต์-ที่มีอุปกรณ์ฝังอยู่ในตัวคน

    ---ตามข้อมูลล่าสุด อเมริกาเค้าได้ขายประเทศให้กับเกรย์เรียบร้อยแล้ว และอยู่ในภาวะจำยอม เนื่องจากเทคโนโลยี่ทางอาวุธ ยังห่างชั้นจากเกรย์มากนัก ประมาณว่า ดร.กับเด็กอนุบาล

    ---ในโครงการกรัดจ์ ได้เกิดการวิวาทกันระหว่างนักวิทยาศาสตร์ที่เห็นพวกเกรย์เอาคนไปผ่าทำเป็นมนุษย์แมงมุมหกขา--อะไรต่างๆ

    (พวกเขาจะมองมนุษย์เหมือนคนใจบาปมองดูเป็ดไก่ เตรียมชำแหละ) จนหน่วยเอ็มเจ-12 ได้เข้ามาเคลียร์ อาวุธทุกชนิด ทำอันตรายพวกเขาไม่ได้ หน่วยเอ็มเจ 60คน เสียชีวิตทั้งหมด--องค์การลับซีไอเอได้สั่งหยุดการทดลองร่วมทันที-

    -นักวิทยาศาสตร์ได้กลับบ้าน และแอบเอาเอกสารลับออกมา บอกญาติว่าถ้าพวกเขาถูกฆ่าตายให้แฉเอกสารเหล่านี้ทันที
    ---นี่คือที่มาของการรั่วไหลของข่าวจาก แอเรีย 51 และที่อื่นๆ

    --โดยที่อเมริกามีกฏหมายใหม่ ให้คนทั่วไปสามารถขอดูเอกสารของทางการได้แต่เอกสารเกี่ยวกับยูเอฟโอ จะถูกลบด้วยหมึกสีดำ ดูได้ที่เวป The black Vault แต่ก็พอมีเค้าเงื่อนให้ติดตามได้ ว่ามีจานบิน และเอเลี่ยนอยู่จริง

    ---อำนาจ และเทคโนโลยี่เป็นสิ่งจำเป็น ในที่สุดองค์กรลับ ที่ชื่อเหมือนสีทาบ้าน ก็ยอมกลับไปทำงานกับพวกเกรย์อีก ทิ้งช่วงไป 2 ปี

    --ใต้ดินแถวแอเรีย 50 มีฐานใต้ดิน 7 ชั้น มีชาวต่างดาวกว่าหมื่นคน ทำงานวิจัยร่วมกับมนุษย์ เช่นการส้ร้างเครื่องบินเร็วกว่าเสียง 8 เท่า วิศวพันธุกรรม อะไรต่างๆ โดยมีงบลับ ที่ถ้ารู้ตัวเลขแล้วจะสลบ มะกันทุ่มสุดตัว--เพราะอยากเป็นเจ้าโลก-ทั้งงบที่มาจากกลุ่มเศรษฐียุโรป เงินที่ได้จากการขายยาเสพติด--ให้กับคนในชาติของตัวเอง

    --นักวิทยาศาสตร์ที่เคยทำงานในนั้นถึงกับบอกว่า หมดหวังกับอนาคตของโลกแล้ว เพราะพวกนี้เข้าคุมทุกอย่าง รวมทั้งเรื่องเงินทอง-ไอเอ็มเอฟ แม้กระทั่งรายได้จากเว็ปโป๊-ที่มากมายมหาศาล

    --เด็กผู้หญิงคนหนึ่งออกมาโวยวายบอกว่า เพื่อนหล่อนทั้ง 7 คน น่าจะเป็นตัวโคลนนิ่งทั้งหมด-

    -อีกคนเคยทำงานองค์กรลับ บอกว่า พ่อเค้าก็เป็นตัวโคลนนิ่งเหมือนกัน

    --จานบินตกที่รอสเวลล์ เป็นการจัดฉาก เพื่อจะอ่อยเหยื่อให้องค์การลับ เข้ามาดูแลเรื่องนี้ และก็สมใจ เกรย์สยายปีกไปทั่วโลกแล้ว


    --เกรย์ได้ติดต่ออย่างลับๆกับรัฐบาลของมหาอำนาจประมาณ 5 ชาติ เพื้อแลกเปลี่ยนในแบบเดียวกัน--- เทคโนโลยี่กับชีวิตมนุษย์ตาดำๆ

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0><TBODY><TR><TD id=postmessage_813732 class=t_msgfont>การกินอาหารของเกรย์ จะใช้เครื่องชูรส และต่อมต่างๆ ที่มีฮอร์โมน ได้จากการสกัดจากอวัยวะมนุษย์ และสัตว์ โดยจะอมไว้ใต้ลิ้น บางข่าวบอกว่าเกรย์จะลงอาบในสารละลายที่ว่านี้ เพื่อให้ซึมเข้าในตัว

    --เดิมทีเกรย์ก็มีรูปร่างหน้าตาเหมือนมนุษย์ แต่เนื่องจากการรบกันเอง โดนรังสีโดยตรง และตกค้างหลายพันปี จนยีนส์เสื่อม-

    -นอกจากนั้น อะตอมที่รับรังสีอย่างแรงนานๆ ทำให้เกิดการบิดเบี้ยวของเวลา-อวกาศ ทำให้ดวงดาวของพวกเขาเหมือนยานอวกาศที่สามารถวาร์ป--Warp-ผ่านรูหนอน-Wormhole เข้ามาใกล้โลกมากขึ้น

    --เนื่องจากการแบ่งแยกอัตตา ทำให้เกิดสงคราม พวกเขาจึงสร้างจิตสำนึกร่วมโดยใส่ไว้ในยีนส์--รวมทั้งเกรย์บางพวกก็ใส่ยีนส์ของพืชเข้ามาด้วย--จึงกินอาหารน้อยมาก ใช้พลังงานน้อยแบบพืช--มีแร่ในหินแถบเนวาด้า ที่เป็นพวกเหล็ก ที่เขาต้องใช้เป็นอาหาร จึงนับว่า เหมาะสมที่จะอยู่อยู่แถบนั้น

    --เกรย์คิดว่า รักร่วมเพศแบบโฮโมเซ็กชวล-ชายรักชาย ไว้ประโยชน์ จึงร่วมกับองค์กร์ คิดเชื้อโรคเอดส์ขึ้นมาสำเร็จ และทดลองในเขตสงวนของอืนเดียน 4 จุด

    ----นอกนั้นส่งให้เป็นวัคซีนของ องค์การอนามัยโลก---จนแพร่มากในแถบอัฟริกา--ซึ่งไม่ได้มีสังคมมั่วเพศ--จนคนที่นั่นสังเกตว่า คนที่ไปหาหมอ ถูกฉีดยามา จะเป็นเอดส์ทุกคน--และอเมริกาก็ขายยาต้านเอดส์แพงๆอีก---จริงๆแล้ว-เอดส์หายได้โยไม่ต้องใช้ยา--ใช้สนามไฟฟ้าแรงสูง ความถี่สูงหลายจิกะเฮิทซ์ วันละ 2ชั่วโมง ประมาณ 10 ครั้ง เอดส์จะหายไปเอง--ข้อมูลจากเว็ปอังกฤษ เกี่ยวกับ เอเลี่ยนเบส--บอกไว้ละเอียดว่า ไรส์ไทม์ ฟอลล์ไทม์เท่าไหร่ --ข้อมูลที่ผมหายไปแล้ว

    ---แล้วไวรัส หวัดนก หวัดหมู ซาร์ โรคสมองฝ่อ --ซึ่งมนุษย์เรายังไม่มีเทคโนโลยีดัดแปลงไวรัสได้--จุดประสงค์คือทำลายมนุษย์และแหล่งอาหาร คือ เนื้อวัว เนื้อไก่--ให้พวกเราอดตาย

    ---มีเทคโนโลยีการถอดวิญญาณของมนุษย์ออกมาขังไว้ เก็บข้อมูลความทรงจำและดีเอ็นเอ ไว้ในเครื่องคล้ายๆคอมพิวเตอร์ -สร้างตัวโคลนนิ่งได้ ใน 3 ชั่วโมง แล้วอัดความจำและวิญญาณกลับไป โดยจะฝังพวกชิป และฉีดยาบล็อคสมองไว้ (การฝังมี 2 แบบ ฝังเป็นวัตถุ และ ไม่มีวัตถุ เป็นก้อนพลังงาน)ร่างเดิมเอาไว้ทดลองต่อไปได้อีก--รีไซเคิ่ล
    </TD></TR></TBODY></TABLE>




     
  10. chandayot

    chandayot เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,458
    ค่าพลัง:
    +2,234
    --สวัสดีครับ นอนดึกกันดีนะครับ--เกรย์ชั่วร้าย ก็ร้ายจริงๆ แต่เป็นเพียง 5 เปอร์เซนต์ของชาวต่างดาวที่เราได้พบนะครับ--บางพวกอยู่ในโลกมาเป็นแสนปี--โดยอยู่ใต้ทะเล เป็นเมือง มีประชากรเป็นแสนๆ--คนที่ได้พบมนุษย์ต่างดาว จะถูกข่มขู่ โดยชายชุดดำ บางพวกก็มีนามบัตรของ ทางนาซ่า หรือเอ็นเอสเอ
    --แต่ส่วนใหญ่จะเป็นพวกที่อยู่ใต้ทะเล พวกนี้จะโหดเหี้ยมมาก
    พวกที่มาจากดาวพลีอิดเดี้ยนจะดี เป็นผู้หญิงก็จะสวยน่ารัก อายุยืนราว 400กว่าปี
    --เดิมทีในสมัยของทรูแมน ได้พวบยานบินตกที่เมกซิโก แต่ทางการอเมริกาได้ขอเอาซากยานและศพมาดื้อๆ พบว่า เป็นสิ่งมีชีวิตคล้ายแมลง และพบว่าไม่มีความรู้พอที่จะวิเคราะห์ระบบขับเคลื่อนของยานได้
    --ต่อมาได้พบยานตกอีก มีสิ่งมีชีวิตรอดตายมา 1 ตัว พบว่าไม่ค่อยกินอาหาร ใช้พลังงานน้อย ได้พา ดร.ด้านสัตว์ไปวิเคราะห์ ปรากฏว่า งง ครับ
    ดร.ว่า ระบบเหมือนพืช จึงให้ ดร.ทางพืชเข้าไปดู พบว่า โอเค เหมือนพืชมาก
    ปีแรกๆ พยายามสื่อสาร แต่เขาจะพูดไปอีกทาง หรือหลบเลี่ยง ปีที่ 2 พูดมากขึ้น ตั้งชื่อว่า EBE(extra-terrestrial biological entities)-- สิ่งมีชีวิตทางชีววีทยา จากต่างดาว ซึ่งก็คือ เกรย์ตัวแรกนั่นเอง ปีที่ 3 EBE ตายเรียบร้อย
    อาจจะทดลองกะเค้ามากมาก เฉามือตายเลย
    เวปเกี่ยวกับมนุษย์ต่างดาว พลีอิดเดี้ยน http://www.pleiadianlight.net/ เสิชหาคำว่า pleiadian
    คนกับเกรย์สมานฉันท์ ทำงานร่วมกัน
    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=xXIWKQOu-k8&feature=related"]http://www.youtube.com/watch?v=xXIWKQOu-k8&feature=related[/ame]
    human worked with aliens-area51

    Dr. Joshua David จบทางจิตวิทยา ได้ค้นคว้าเรื่องลี้ลับต่างๆทางศาสนา องค์กรลับทางศาสนา และเรื่องต่างดาว ได้พบกับคนทรง แบบแชนเนิลลิ่ง โดย วิญญาณชื่อไววามัส-- Vynnamus ได้พูดภึงภารกิจที่ชั่วร้ายของเกรย์เช่นกัน

    ---ชาวพลีอิเดี้ยนได้กล่าวถึงการแกล้งทำจานบินตกที่รอสเวลเช่นกัน เป็นการยืมดาบฆ่าคนของชาวเกรย์ ใช้องค์กร์ลับปั่นป่วนไปทั่วโลก สร้างสงครามกลางเมือง เพื่อขายอาวุธ เข้ายึดแหล่งทรัพยากร เชื่นเหมืองทอง เหมืองเพชร น้ำมัน

    -- สิ่งมีชีวิตต่างดาวที่เป็นกายเนื้อ มองเห็นได้ มีเป็นบางส่วน บางส่วนเป็นพวกกายทิพย์ บางทีจะเห็นเป็นเงาๆ หรือจะเห็นได้ในรูปถ่าย เนื่องจากพวกเกรย์ หรือพวกอื่นมีอุปกรณ์ที่สามรถสลายร่างให้เป็นพลังงานได้ แต่ก็อาจเห็นได้จากกล้องถ่ายรูป ตาเรามองไม่เห็น

    ร่างใสๆ ที่สวนสัตว์เม็กซิโก
    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=NaBww0lYY_k"]http://www.youtube.com/watch?v=NaBww0lYY_k[/ame]

    นอนอยู่ที่ข้างลำห้วย สก็อตแลนค์ อาจจะโดนแดดแล้วป่วยตาย
    http://www.youtube.com/watch?feature=endscreen&v=R5Z-YUPtSoA&NR=1

    โลกกลวง ชาวเร็ปติเลี่ยน นายพลเบิร์ด ทวีปแอนตาร์กติก้า เสนอไปแล้วยังนะ
    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=AX5IiHczCuw&feature=related"]http://www.youtube.com/watch?v=AX5IiHczCuw&feature=related[/ame]

     
  11. chandayot

    chandayot เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,458
    ค่าพลัง:
    +2,234
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0><TBODY><TR><TD id=postmessage_813771 class=t_msgfont>ปี1989-1973 จากรายงานของ MJ-12 มีการลักพาตัวประมาณหลายพันรายแล้ว

    -ปี 1979 หน่วยเดลต้าฟอร์ซพยายามจะลงไปปล่อยคนที่ถูกจับมาทดลอง บางรายเป็นเด็กถูกฆ่าเอาอวัยวะเป็นอาหารของเกรย์ ทหาร 66คน ถูกฆ่าตายทั้งหมด ไม่เหลือรอดสักคน

    --1984หน่วย MJ-12 ส่งสครืปท์เรื่อง อีที และ Close Encounter of the third kind พร้อมช่วยโปรโมทอย่างลับๆ เพื่อสร้างภาพ ให้ชาวต่างดาว ดูน่ารักสำหรับมนุษย์ และมีการแลกเปลี่ยนประชากรตามหนังเรื่องที่2 ก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงๆ

    ---ภาพยนต์ ดิเอ็กซ์ไฟล์ ส่วนใหญ่มีเค้าโครงมาจากเรื่องจริง--ล่าสุด Taken จากผลงานชองสปิลเบริก ผู้สร้างเรื่อง อีที ก็สับแหลก การกระทำของเกรย์ และองครฺกรลับที่เกี่ยวข้อง
    ---ซึ่ง มีทั้งกองทัพสามเหล่า ,หน่วยความนั่นคง, หน่วยราชการลับ--องค์กร อิลลูมิเนตติ -ไตรเลทเทอราล และ พวก บิลเดอร์เบอร์เกอร์(บิลเกตต์และเชื้อพระวงศ์ยุโรปก็เป็นพวกนี้-กุมบังเหียนโลก-สำนักงานใหญ่อยู่ที่สวิส)---อันนี้เพิ่มเติมจากผมเองครับ

    -----ขอแก้ข่าวเรื่องรอสเวลล์ ในยานลำนั้นมีเกรย์ 4 ตัวครับ ตายทันที 1 ตัว และช่วง 1984 MJ-12 ก็เตรียมจะแถลงความจริงเรื่อง EBE สู่สาธารชนเช่นกัน และยังมี นายมัวร์ ได้เขียนเรื่อองจานบินตกที่รอสเวลล์ไว้อย่างละเอียด จึงได้เชิญนาย มัวร์ มาอัดวีดิโอไว้ด้วย มีการอ้างถึงพระเยซูคริสต์ พวกEBE ก็รับมุขทันที โดยอ้างว่าพวกตนนี่แหละได้ทำการการสร้างพระคริสต์ขึ้นมา โดยวิธีทางพันธุกรรม และมีการฉาย
    วีดิโอโฮโกรมสามมิติ ตั้งแต่กำเนิดของโลก จนกระทั่งการถูกตรึงการเขน แต่ภาพไม่ได้ชัดเจนนัก เพราะระบบของภาพยนต์ไม่เข้ากันทางความเร็ว


    ---แต่ผลกระทบนี้ มีมากมายมาหาศาลต่อชาวโลก เพราะความเชื่อทางศาสนาที่มีมานับพันปีจะถูกสั่นคลอน และถอนออกไปจากจิตใจมนุษย์ ทำให้เรารู้สึกเคว้งคว้างว่างเปล่า-- ทำไมพระเจ้าจึงกลายเป็นชาวต่างดาวไปได้เล่า
    ----หลังจากพวกนักวิชาการได้วิเคราะห์แล้ว จึงงดการเผยแพร่ภาพยนต์ดังกล่าวอย่างสิ้นเชิง
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0><TBODY><TR><TD id=postmessage_813771 class=t_msgfont>ปี1989-1973 จากรายงานของ MJ-12 มีการลักพาตัวประมาณหลายพันรายแล้ว

    -ปี 1979 หน่วยเดลต้าฟอร์ซพยายามจะลงไปปล่อยคนที่ถูกจับมาทดลอง บางรายเป็นเด็กถูกฆ่าเอาอวัยวะเป็นอาหารของเกรย์ ทหาร 66คน ถูกฆ่าตายทั้งหมด ไม่เหลือรอดสักคน

    --1984หน่วย MJ-12 ส่งสครืปท์เรื่อง อีที และ Close Encounter of the third kind พร้อมช่วยโปรโมทอย่างลับๆ เพื่อสร้างภาพ ให้ชาวต่างดาว ดูน่ารักสำหรับมนุษย์ และมีการแลกเปลี่ยนประชากรตามหนังเรื่องที่2 ก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงๆ

    ---ภาพยนต์ ดิเอ็กซ์ไฟล์ ส่วนใหญ่มีเค้าโครงมาจากเรื่องจริง--ล่าสุด Taken จากผลงานชองสปิลเบริก ผู้สร้างเรื่อง อีที ก็สับแหลก การกระทำของเกรย์ และองครฺกรลับที่เกี่ยวข้อง
    ---ซึ่ง มีทั้งกองทัพสามเหล่า ,หน่วยความนั่นคง, หน่วยราชการลับ--องค์กร อิลลูมิเนตติ -ไตรเลทเทอราล และ พวก บิลเดอร์เบอร์เกอร์(บิลเกตต์และเชื้อพระวงศ์ยุโรปก็เป็นพวกนี้-กุมบังเหียนโลก-สำนักงานใหญ่อยู่ที่สวิส)---อันนี้เพิ่มเติมจากผมเองครับ

    -----ขอแก้ข่าวเรื่องรอสเวลล์ ในยานลำนั้นมีเกรย์ 4 ตัวครับ ตายทันที 1 ตัว และช่วง 1984 MJ-12 ก็เตรียมจะแถลงความจริงเรื่อง EBE สู่สาธารชนเช่นกัน และยังมี นายมัวร์ ได้เขียนเรื่อองจานบินตกที่รอสเวลล์ไว้อย่างละเอียด จึงได้เชิญนาย มัวร์ มาอัดวีดิโอไว้ด้วย มีการอ้างถึงพระเยซูคริสต์ พวกEBE ก็รับมุขทันที โดยอ้างว่าพวกตนนี่แหละได้ทำการการสร้างพระคริสต์ขึ้นมา โดยวิธีทางพันธุกรรม และมีการฉาย
    วีดิโอโฮโกรมสามมิติ ตั้งแต่กำเนิดของโลก จนกระทั่งการถูกตรึงการเขน แต่ภาพไม่ได้ชัดเจนนัก เพราะระบบของภาพยนต์ไม่เข้ากันทางความเร็ว


    ---แต่ผลกระทบนี้ มีมากมายมาหาศาลต่อชาวโลก เพราะความเชื่อทางศาสนาที่มีมานับพันปีจะถูกสั่นคลอน และถอนออกไปจากจิตใจมนุษย์ ทำให้เรารู้สึกเคว้งคว้างว่างเปล่า-- ทำไมพระเจ้าจึงกลายเป็นชาวต่างดาวไปได้เล่า
    ----หลังจากพวกนักวิชาการได้วิเคราะห์แล้ว จึงงดการเผยแพร่ภาพยนต์ดังกล่าวอย่างสิ้นเชิง
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  12. chandayot

    chandayot เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,458
    ค่าพลัง:
    +2,234
    โทษครับ--ป้อนผิดกระทู้ แต่เห็นว่ามีประโบชน์ครับ

    <TABLE style="TABLE-LAYOUT: fixed" cellSpacing=0 cellPadding=5 width="100%"><TBODY><TR><TD height="100%" vAlign=top width="85%">ขายต้นผักเชียงดา
    [​IMG]
    "เซี่ยงดา หรือ เซ่งดา" ในภาษาเมืองของภาคเหนือ มันคือผัก "เชียงดา" หรือ
    "จินดา" ในภาคกลาง ส่วนในภูมิภาคอื่นๆ
    จะมีชื่อเรียกต่างกันออกไปไม่ว่าจะเป็น "ผักว้น" ,"ม้วนไก่" หรือ
    "ผักเซ็ง" เป็น พืชในวงศ์ ASCLEPIADACEAE มีลักษณะเป็นไม้เถา น้ำยางใส
    ใบเดี่ยว เรียงตรงข้ามสลับตั้งฉาก ดอกช่อ ออกที่ง่ามใบ สีเหลืองอมส้ม
    ผลรูปหอก มีข้อมูลที่น่าสนใจอีกประการหนึ่งก็คือในภาษาฮินดู "Gurmar" คำๆ
    นี้แปลตรงตัวว่า "ผู้ฆ่าน้ำตาล"

    "เชียงดาจะมีรสขมนิดๆ
    ชนิดที่เกิดในป่าจะขมกว่าชนิดที่นำมาปลูกในบ้านเป็นผักเพื่อบริโภค
    หากลองเด็ดใบแก่สักหน่อยมาเคี้ยวกินดู
    แล้วหลังจากนั้นกินน้ำตาลทรายเข้าไป มันจะไม่หวานเหมือนกินน้ำตาล
    แต่มันจะเหมือนกินทราย รสของเชียงดาจะทำให้น้ำตาลไร้รสชาติ
    และรสของมันจะติดลิ้นค่อนข้างนาน พาลทำให้คนที่เคี้ยวไม่อยากอาหารไปเลย"
    ผักเชียงดาถูกใช้เป็นยารักษาเบาหวานในอินเดียและประเทศในแถบเอเชียมานานกว่า
    2000 ปีแล้ว มีสารสำคัญคือ gymnemic acid
    ซึ่งสกัดมาจากรากและใบของผักเชียงดา มีรูปร่างเหมือนน้ำตาลกลูโคส
    จึงไปจับเซลล์รีเซพเตอร์ในลำไส้ ป้องกันการดูดซึมของน้ำตาล The U.S.
    National Library of Medicine (NLM) and the National Institutes of
    Health (NIH) พบหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ ว่าผักเชียงดา
    สามารถที่จะช่วยคุมระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยเบาหวานทั้งชนิด
    พึ่งอินซูลิน(type 1) และไม่พึ่งอินซูล(type 2)ได้
    เมื่อให้ร่วมกันอินซูลิน และยารักษาเบาหวานอื่นๆ
    และยังมีรายงานว่ามีบางรายใช้ผักเชียงดาตัวเดียวในการคุมระดับน้ำตาลในเลือด
    โดยไม่ต้องใช้ยาแผนปัจจุบัน ดังนั้น
    จึงมีความจำเป็นอย่างมากที่ผู้ป่วยเบาหวานจะต้องบอกให้แพทย์ทราบเมื่อกินผัก
    เชียงดาช่วยคุมเบาหวานเพื่อที่จะลดอินซูลินและยาลง

    ในกลุ่มหมอกลางบ้านไทยใหญ่มีตำราระบุถึง "ผักว้น" หรือเชียงดาว่าเป็น
    "ยาแก้หลวง" คือ เป็นยาที่ใช้แก้ได้หลายอาการ รักษาได้หลายโรค
    มีสรรพคุณคล้ายฟ้าทะลายโจร แก้ไข้ แก้แพ้ แก้เบาหวาน
    หน้าแล้งจะขุดรากมาทำยา หน้าฝนจะใช้เถาและใบ โดยสับตากแห้งบดชงเป็นชาดื่ม
    นอกจากนี้ยังใช้แก้แพ้ กินของผิด ฉีดยาผิด เวียนศรีษะแก้ไข้สันนิบาต
    (ชักกระตุก) หรือเมื่อเกิดอาการคิดมาก
    มีอาการหย่องคือมีอาการจิตฟั่นเฟือน นอกจากนี้
    คนไทยใหญ่ยังใช้ผักเชียงดายังใช้รักษาอาการท้องผูกโดยจะแกงผักเชียงดา
    รวมกับผักตำลังและยอดชะอมกิน นิยมกินในหน้าร้อน
    เพื่อช่วยลดความร้อนในร่างกาย



    </TD></TR><TR><TD class=smalltext vAlign=bottom width="85%"></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 มิถุนายน 2012
  13. chandayot

    chandayot เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,458
    ค่าพลัง:
    +2,234
    ต้นรากสามสิบ(สาวร้อยผัว,ผักชีช้าง)

    [​IMG]
    นำบทความ เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับต้นรากสามสิบมาฝาก
    : สาวร้อยผัว ผักชีช้าง สมุนไพรนับพันปีของแม่หญิงที่ถูกลืม


    เรื่องราวสมุนไพรสารพัดประโยชน์ เป็นทั้งอาหารและยา...ที่ถูกลืม
    สาวร้อยผัว มักจะรู้จักในชื่อที่ต่างกันไปในแต่ละภาค ภาคกลางมักจะเรียกว่า รากสามสิบ หรือ สามร้อยราก ซึ่งในส่วนของภาคกลางมีของหวานที่ชื่อว่า “รากสามสิบแช่อิ่ม” ส่วนในภาคอีสานเรียกว่า ผักชีช้าง ส่วนภาคใต้รับประทานเป็นผักเช่นกันเรียกว่า ผักหนาม เพราะลำต้นมีหนามรับประทานเป็นผัก ใช้ยอดอ่อน ผลอ่อน หน่ออ่อน (ซึ่งพืชชนิดนี้เป็นพืชตระกูลเดียวกับหน่อไม้ฝรั่ง) โดยรับประทานสดๆ ต้ม แกงส้ม แกงกะทิ เป็นต้น และยังมีพืชตระกูลเดียวกันมีลักษณะใกล้เคียงกันมากกับรากสามสิบมีชื่อพฤกษ ศาสตร์ว่า Asparagus filicinus Buch.-Ham. บางท้องที่เรียกรากสามสิบ ต้นนี้ทางเหนือเรียก “ม้าสามต๋อน” ใช้เป็นยาดองเป็นยาบำรุงสำหรับเพศชาย ซึ่งทั้งสองชนิดมีชื่อเป็นภาษาสันสกฤตเหมือนกัน คือ Satavari จึงมีสรรพคุณทางยาคล้ายๆ กัน นอกจากรับประทานเป็นผักแล้วรากของสมุนไพรชนิดนี้ยังสามารถนำมาทุบหรือขูดกับ น้ำเพื่อใช้ซักเสื้อผ้าได้อีกด้วย

    มูลนิธิโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร พยายามอย่างยิ่งที่จะนำสมุนไพรรากสามสิบกลับมาสู่สังคม แต่เนื่องจากรากสามสิบในอดีตเป็นสมุนไพรพื้นๆ ที่คนทั่วไปกินเป็นในรูปแบบอาหารเป็นยาจึงไม่ค่อยมีการบันทึก มีเพียงคำบอกเล่าของผู้คนเท่านั้น แต่ก็เป็นสิ่งที่น่ายินดีที่มีตำราทำอาหารของ "ตำรับสายเยาวภา" และ "หนังสือพรรณไม้พระตำหนักสวนปทุมเทิดพระเกียรติ ๕๐ พรรษา สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี" ได้บันทึกไว้ว่า รากสามสิบใช้เป็นอาหารได้ และในหนังสือได้บรรยายว่า รากของรากสามสิบสามารถใช้แช่อิ่มกินเป็นของหวานได้ และปัจจุบันในจังหวัดสกลนครและระยองได้มีการรื้อฟื้นการนำรากสามสิบมาใช้ ประโยชน์ โดยนำมาทำเป็นอาหารและใช้เป็นยาบำรุงทั้งการรับประทานเป็นยาดองเหล้า (ใช้รากแห้งดอง) ยาต้ม ยาชง เป็นต้น

    รากสามสิบ…สืบสานตำนานยาวนานนับพันปี
    “สาวร้อยผัว” พลังแห่ง “Female Rejuvenation”

    หมอยาโบราณส่วนใหญ่จะรู้ว่าสาวร้อยผัวเป็นยาบำรุงสำหรับสตรี จึงมีชื่อว่า สาวร้อยผัว กล่าวคือไม่ว่าจะอายุเท่าใดก็ยังสามารถมีลูกมีผัวได้ โดยจะใช้รากมาต้มกิน หรือปั้นเป็นลูกกลอนกินกับน้ำผึ้ง แต่ชื่อสาวร้อยผัวในปัจจุบันแทบไม่มีใครรู้จักแล้ว ยกเว้นลูกหลานหมอยาบางคนที่เคยได้ยินปู่ที่เป็นหมอยาและพ่อพูดถึงต้นนี้อยู่ บ้าง เช่น หลานหมอยาที่บุรีรัมย์ นายพิทักษ์ ตีเหล็ก ปัจจุบันเป็นเจ้าพนักงานเภสัชกรรม โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร เป็นหลานของหมอยาชื่อ นายอ่ำ ตีเหล็ก และหมอยาที่มีพระคุณต่อการพัฒนาสมุนไพรของโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศรชื่อ นายส่วน สีมะพริก (ปัจจุบันเสียชีวิตไปแล้ว) ได้เรียกสมุนไพรชนิดนี้ว่า สาวร้อยผัว เช่นกัน และเป็นที่น่าแปลกใจว่า ในอินเดียมีการเรียกสมุนไพรชนิดนี้คล้ายกับเมืองไทย โดยในภาษาสันสกฤตเรียกว่า ศตาวรี (Shatavaree) มีความหมายว่า ต้นไม้ที่มีรากหนึ่งร้อยราก หรือบางตำราบอกว่าหมายถึงผู้หญิงที่มีร้อยสามี “Satavari (this is an Indian word meaning 'a woman who has a hundred husbands')” สมุนไพรชนิดนี้ถูกกล่าวถึงในคัมภีร์พระเวท ซึ่งเป็นคัมภีร์ที่มีมาก่อนอายุรเวทด้วยซ้ำ จึงน่าจะถือได้ว่าเป็นสมุนไพรที่มีการใช้มานานหลายพันปีแล้ว และในอินเดียใช้รากสามสิบทำเป็นของหวานเช่นเดียวกับเมืองไทย

    สมุนไพรที่มีอนาคต

    รากสามสิบ เป็นสมุนไพรที่ใช้มากที่สุดในอินเดียชนิดหนึ่ง ในปี ค.ศ. ๑๙๙๙-๒๐๐๐ อินเดียใช้สมุนไพรชนิดนี้ถึง ๘,๔๖๐ ตัน เป็นอันดับสองรองจากมะขามป้อมที่ใช้อยู่ที่ ๑๕,๑๔๗ ตัน ปัจจุบันมีสารสกัดด้วยน้ำของรากสามสิบจากอินเดีย ไปจำหน่ายในประเทศสหรัฐอเมริกา ในลักษณะเป็น Dietary supplement กล่าวคือ สามารถขายได้ทั่วไปอย่างอิสระไม่ต้องมีใบสั่งแพทย์ รวมทั้งสมุนไพรชนิดนี้ยังเป็นสมุนไพรที่อยู่ในรายการสินค้าที่จะลดภาษีจริง ในวันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๔๘ ภายใต้เขตการค้าเสรีอาเซียน-จีน ภายใต้ข้อตกลงไทย-จีนตามพิกัดศุลกากร สมุนไพรชนิดนี้จึงน่าจะมีมูลค่าทางเศรษฐกิจด้วย ซึ่งมีรายงานในปี ๒๕๔๘ ประเทศไทยส่งออกรากสามสิบปีละ ๑๖,๖๕๘,๕๖๖ บาท โดยส่งออกไปที่ญี่ปุ่น ไต้หวัน มาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และอีกหลายประเทศ

    ในตำราอายุรเวทใช้สมุนไพรชนิดนี้เป็นสมุนไพรหลักสำหรับบำรุงในผู้หญิง ในการทำให้ผู้หญิงกลับมาเป็นสาว (Female rejuvenation) และนอกจากนี้ยังช่วยแก้ปัญหาอื่นๆ ของผู้หญิง เช่น ภาวะประจำเดือนไม่ปกติ ปวดประจำเดือน ภาวะมีบุตรยาก ตกขาว ภาวะหมดอารมณ์ทางเพศ ภาวะหมดประจำเดือน (Menopause) บำรุงน้ำนม บำรุงครรภ์ ป้องกันการแท้ง (Habitual abortion)

    นอกจากจะใช้สมุนไพรชนิดนี้สำหรับผู้หญิงแล้ว ในอินเดียยังใช้ในการเพิ่มพลังทางเพศให้กับผู้ชายอีกด้วย ซึ่งก็คล้ายกับทางภาคเหนือของไทยที่ใช้สมุนไพร ม้าสามต๋อน เป็นยาดองเพื่อเพิ่มพลังทางเพศ นอกจากนี้รากสามสิบยังถือว่าเป็นสมุนไพรแห่งการฟื้นฟูพลังชีวิต เหมาะกับผู้สูงอายุที่ท้อแท้ ซึมเศร้าหมดอาลัยตายอยากในชีวิต โดยคั้นน้ำสดๆ รับประทานกับน้ำผึ้ง ในปัจจุบันในบางพื้นที่ยังนำรากสามสิบสดเคี้ยวกินเล่นเพื่อบำรุงร่างกาย ทำให้ร่างกายแข็งแรงไม่ป่วย ส่วนในอินเดียมักนิยมรับประทานน้ำคั้นสดกับนม ต้มน้ำคั้นสดกับนมหรือผงแห้งกับเนย และในอินเดียยังใช้สมุนไพรชนิดนี้เป็นยาอื่นๆ อีกมาก เช่น ยาแก้ไอ ยารักษาโรคกระเพาะ ยาแก้บิด แก้ไข้ แก้อักเสบ

    การศึกษาวิจัยสมัยใหม่

    สาวร้อยผัว หรือรากสามสิบเป็นสมุนไพรชนิดหนึ่งที่มีการศึกษาวิจัยกันมากพอสมควร ในด้านการศึกษาวิจัยในห้องทดลองพบฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา คือ ต้านเชื้อแบคทีเรียและเชื้อรา คลายกล้ามเนื้อของมดลูก บำรุงหัวใจ ลดการอักเสบ แก้ปวด มีฤทธิ์เหมือนฮอร์โมนเอสโตรเจน ยับยั้งเบาหวาน เป็นพิษต่อเซลล์มะเร็ง กระตุ้นภูมิคุ้มกัน ต้านอาการเม็ดเลือดขาวต่ำ ลดระดับไขมันในเลือด ป้องกันกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด ลดอาการหัวใจโตที่เกิดจากความดันโลหิตสูง ขับน้ำนม ยับยั้งการเกิดแผลในกระเพาะอาหาร ยับยั้งพิษต่อตับ

    ในการศึกษาด้านความเป็นพิษในสัตว์ทดลองพบว่า การใช้ในขนาดสูง ๒ กรัมต่อกิโลกรัมด้วยการกินไม่พบพิษ และการใช้ในระยะยาวด้วยการต้มน้ำ ความเข้มข้น ๑๐๐ มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม แล้วให้กินทั้งเนื้อและน้ำนาน ๔ และ ๓๒ สัปดาห์ ไม่พบความผิดปกติเมื่อเปรียบเทียบกับหนูในกลุ่มควบคุม

    การศึกษาที่กล่าวข้างต้นเป็นการศึกษาในห้องทดลอง ทำการทดลองกับสัตว์ทดลอง ดังนั้นการนำมาใช้เป็นยากับคนจึงต้องมีการศึกษาทดลองกันต่อไป ส่วนที่มีการทดลองทางคลินิก (การใช้ในคนจริงๆ) คือการใช้ในการรักษาโรคกระเพาะ โดยการให้รับประทานผงแห้งของราก พบว่าได้ผลดีในการรักษาแผลในกระเพาะและลำไส้เล็ก และอาการที่มีกรดเกิน (Acid dyspepsia)
    ข้อควรระวัง
    เนื่องจากสมุนไพรชนิดนี้หายไปจากสังคมมานาน การที่จะนำมาใช้เป็นยาอีกครั้งควรระวัง เพราะเป็นสมุนไพรที่ออกฤทธิ์คล้ายฮอร์โมนเอสโตรเจน จึงห้ามใช้ในสตรีที่มีความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็ง เช่น ท่านที่เป็นโรค Uterine fribrosis หรือ Fibrocystic breast
     
  14. คนธรรมดา888

    คนธรรมดา888 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +1
    เห็นด้วยทุกอย่าง และเข้าใจเป็นอย่างดี ดิฉันได้เผชิญหน้ากับคนในองค์กรนี้อยู่ เค้าจะให้เราสาบานเป็นพวกเขา แต่ดิฉันไม่ทำเลยถูกขู่ทำร้าย ถามว่ากลัวมั๊ย กลัวมากๆ แต่จะไม่ยอมขายชาติขายวิญญาณค่ะ
     
  15. rawinnipar

    rawinnipar สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    4
    ค่าพลัง:
    +4
    อยากทราบว่า คุณ chandayot พอจะทราบสาเหตุที่นาซ่าขอใช้อู่ตะเภามั้ยค่ะ

    เห็นมีคนบอกกันว่าเป็นเพราะ เมืองไทยมีประตูมิติเยอะ เลยมาตรวจสอบ
     
  16. chandayot

    chandayot เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,458
    ค่าพลัง:
    +2,234
    ----ตอนนี้นั่งทำแอมป์หลอด ไฟมันสูง 635 โวลท์ อุปกรณ์พวกซี-กรองไฟมันเอาไม่อยู่---เป็นไอพุ่งออกมา บางทีก็ระเบิดปัง เหมือนเสียงปืน ไฟตกค้างก็ดูดเราบ่อยๆ ไฟที่สูงกว่า 100โวลท์สามรถดูดคนตายได้ในเสี้ยววินาทีครับ

    ---ข่าวด่วนๆๆๆแนวลึกลับ เพื่อพวกเราโดยตรงครับ โทรมาจากราชบุรี พี่สาวได้พบกับ อาจารรัตน์ ที่ท่านได้ข่าวสารใหม่จากมนุษย์ต่างดาว

    ---หลังเดือน ตค.ปีนี้ ให้หยุดกินเนื้อสัตว์ทุกชนิด เป็นเวลา 3ปี เพราะจะมีสารก่อมะเร็งเกิดขึ้นอย่างลึกลับครับ โปรดอ่านอีกครั้งนึงเพื่อตัวท่านและคนที่ท่านรักครับ

    --พระอาจารย์รัตน์พูดถึงสนามแม่เหล็กโลก เส้นแสง และดาวนิบิรู ท่านได้นำปิรามิดเล็กมารักษาคนไข้ได้ผลอย่างมากมาย

    --พี่สาวบอกว่าชาติก่อนท่านเป็นชาวต่างดาว จึงชอบประดิษฐ์คิดค้น และก็รับข่าวสารจากเพื่อนต่างดาวได้ง่ายครับ

    --ลึกๆ เรื่องนาซ่า ไม่ทราบครับ แต่การใช้สองอาทิตย์นี่ก้ไม่นานนักคงจะไม่ได้ข้อมูลแบบนั้น
    --แต่มีคนไทยเคยทำสมการคณิตศาสตร์ สามารถทำนายดินฟ้าอากาศได้ แต่ต้องใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ใหญ่และเร็วที่สุด เรียกว่า ซูเปอร์คอมพิวเตอร์คำนวณออกมาครับ

    --ประตูมิติสตาร์เกต มีข่าวงในว่า ทหารอเมริกันพบ สามอัน และมีพวกนักสวิทย์อิสสระเจอ2 อัน การใช้งานก็เหมือนกับในหนัง เพราะเขาเอาข้อมูลมาสร้างหนัง "สตาร์เกต"
     
  17. chandayot

    chandayot เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,458
    ค่าพลัง:
    +2,234
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0><TBODY><TR><TD id=postmessage_814498 class=t_msgfont>----แง้มนาซาไขปริศนา (1) 'มนุษย์ต่างดาว' มีจริง เชื่อหรือไม่??วันพุธที่ 25 เมษายน 2555 เวลา 00:00 น.
    [​IMG]





    เรื่องเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตของดาวดวงอื่น เรื่องเกี่ยวกับ ’มนุษย์ต่างดาว“ เป็นสิ่งที่มนุษย์โลกให้ความสนใจมาเนิ่นนานมากแล้ว แต่กระนั้น...จนถึงปัจจุบันเรื่องนี้ก็ ’ยังคงเป็นปริศนา?“ ยังไม่มีใครไขได้ชัด ๆ

    มนุษย์ต่างดาวมายังดาวโลก ยานบินจากนอกโลกหรือที่กองทัพอากาศสหรัฐอเมริกาบัญญัติเป็นศัพท์ทางวิทยาศาสตร์การทหารว่า ’วัตถุบินไม่สามารถระบุเอกลักษณ์“ หรือ ’ยูเอฟโอ (Unidentified Flying Object : UFO)“ ถูกเล่าขาน ร่ำลือ มาโดยตลอด แม้แต่กับการที่ดาวโลกเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ และมีการร่ำลือว่าโลกจะถึงกาลอวสาน ก็ร่ำลือกันว่าจะมีมนุษย์ต่างดาวมารับชาวโลกไปอยู่ดาวดวงอื่น

    สหรัฐอเมริกา-องค์การนาซา...พบมนุษย์ต่างดาวแล้ว

    นี่ก็อีกเสียงร่ำลือที่วิพากษ์กันทั่วโลกมาโดยตลอด?!?

    ทั้งนี้ กับเรื่องมนุษย์ต่างดาว ยูเอฟโอ ในมุมที่ยึดโยงกับองค์การนาซาหรือองค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติของสหรัฐอเมริกานั้น จากการที่ “สกู๊ปหน้า 1 เดลินิวส์” ได้รู้จักกับนักวิทยาศาสตร์คนไทยคนหนึ่งที่ทำงานให้กับนาซา คือ ดร.ธวัช วิรัตติพงศ์ ล่าสุด ดร.ธวัชได้สะท้อนเรื่องนี้ผ่านมายัง “สกู๊ปหน้า 1 เดลินิวส์” เป็นลักษณะบทความเรื่อง “นาซาค้นหามนุษย์ต่างดาวเจอแล้วหรือยัง?” ก็นับว่าน่าพิจารณา กล่าวคือ......

    ’คำถามที่ได้ยินกันบ่อยมาเป็นเวลาช้านานแล้วก็คือ มนุษย์ต่างดาวมีจริงหรือเปล่า? และเคยมาเยือนโลกแล้วหรือยัง? สำหรับคำถามข้อแรก ขอตอบเลยว่า คนที่นาซาส่วนใหญ่ รวมถึงตัวผู้เขียนด้วย มีความเชื่อว่ามนุษย์ต่างดาวน่าจะมีจริง“...นี่เป็นประโยคแรก ๆ จากนั้น ดร.ธวัช ก็แจกแจงว่า...

    ที่เชื่อว่ามนุษย์ต่างดาวน่าจะมีจริง เพราะจักรวาลมีดาวจำนวนนับไม่ถ้วน โดยนักวิทยาศาสตร์ของ เคปเลอร์ มิสชั่น (Kepler Mission) ของ นาซา-เจพีแอล (NASA-Jet Propulsion Lab : JPL) เชื่อว่า เฉพาะในกาแลคซี่ที่โลกเราอยู่มีดาวเคราะห์อย่างน้อย 50,000 ล้านดวง ในจำนวนนี้มีประมาณ 500 ล้านดวงที่อาจมีสิ่งมีชีวิตอยู่ นี่เฉพาะแค่ 1 กาแลคซี่ ซึ่งจากการวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้จาก ฮับเบิล สเปซ เทเลสโคป (Hubble Space Telescope) ประมาณว่า ในจักรวาลมีกาแลคซี่อยู่หลายแสนล้านกาแลคซี่

    ’ดังนั้น จำนวนดาวเคราะห์ในจักรวาลที่อาจจะมีสิ่งมีชีวิต จึงมีมากมายมหาศาล ซึ่งเราเชื่อว่าในบรรดาดวงดาวจำนวนนับไม่ถ้วนเหล่านี้ จะต้องมีดวงดาวจำนวนมากที่มีสภาวะคล้ายคลึงกับโลกที่สามารถเอื้อให้สิ่งมีชีวิตหรือมนุษย์ต่างดาวเกิดขึ้นได้“...นักวิทยาศาสตร์ไทยที่ทำงานกับนาซา ระบุ

    นอกจากนี้ยังบอกต่อไปว่า...มีกลุ่มคนทั่วโลกจำนวนไม่น้อยที่เชื่อมากกว่านั้น เชื่อว่า มนุษย์ต่างดาวเคยมาเยือนโลกแล้ว เช่น สมาคมจานผี มีการนำภาพถ่ายและภาพเคลื่อนไหวที่อ้างว่าเป็นยูเอฟโอและถ่ายมาได้ มาโชว์ ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ทำให้ฮือฮาและสนใจกันไม่น้อย และมีกลุ่มคนที่ตั้งทฤษฎีว่า หลายพันปีมาแล้วมนุษย์ต่างดาวได้มาเยือนโลก มาช่วยจัดตั้งอารยธรรมและสอนวิทยาการบางอย่างให้ชนเผ่าโบราณ และได้รับการเคารพบูชาว่าเป็นพระเจ้า โดยมีการอ้างหลักฐานต่าง ๆ เช่น ภาพวาดพระเจ้าบนผนังถ้ำของชนเผ่าโบราณที่ดูแล้วเหมือนภาพมนุษย์อวกาศ หรือการอ้างข้อความจากคัมภีร์ศาสนาบางคัมภีร์ที่ได้ระบุถึงสิ่งบินได้ที่มีการส่งเสียงดังมากและปล่อยไฟและควันออกมา ซึ่งก็มีการระบุว่าตรงกับภาพของยานอวกาศ เป็นต้น

    ทั้งนี้ สำหรับ นาซา ดร.ธวัช ระบุว่า...นาซาสนใจค้นหามนุษย์ต่างดาวอย่างจริงจังตั้งแต่ปี พ.ศ. 2525 โดยจัดตั้งโครงการขึ้นค้นหา (โครงการ Search for Extraterrestrial Intelligence : SETI) โดยมี นาซา-เจพีแอล และ นาซา-เออาร์ซี (NASA-Ames Research Center : ARC) เป็นฝ่ายดำเนินการ และมีหลายสถาบันร่วมด้วย เช่น มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด มหาวิทยาลัยคอร์เนลล์ มหาวิทยาลัยแห่งแคลิฟอร์เนียที่เบิร์กเลย์ เป็นต้น โดยใช้จานเสาอากาศทั่วโลก (เช่นจาน Arecibo ที่ประเทศเปอร์โตริโก และ Deep Space Station 13 ที่สหรัฐ ซึ่ง ดร.ธวัช วิรัตติพงศ์ เป็นผู้จัดการ) ในการทำงานค้นหา

    วิธีคือ ใช้จานเสาอากาศขนาดใหญ่ติดเครื่องรับที่มีความไวสูงมาก (มีแอมพลิไฟเออร์แช่เย็นที่อุณภูมิติดลบ 268 องศาเซนติเกรต) สแกนไปทั่วท้องฟ้า เพื่อจับหรือรับสัญญาณในช่วงความถี่ 1-10 GHz ที่มีลักษณะไม่ใช่สัญญาณจากธรรมชาติ ที่คาดว่าอาจส่งมาจากต่างดาว ดำเนินการอยู่นานหลายปีแต่ไม่พบสัญญาณใด ๆ โครงการจึงพับไป แต่ก็ยังมีเอกชนสนใจทำกันต่ออยู่ ซึ่งจนถึงบัดนี้ยังไม่พบสัญญาณ




    “ต่อมา นาซา-เจพีแอล ก็ได้เริ่มงานนี้อีก โดยได้ส่งยานอวกาศเคปเลอร์ (Kepler) ขึ้นไปเมื่อวันที่ 3 มี.ค. 2552 เพื่อเสาะหาดาวเคราะห์ภายในกาแลคซี่ของเราที่มีลักษณะและสภาวะแวดล้อมคล้ายกับโลกซึ่งเราเชื่อว่าจะทำให้ มีความเป็นไปได้ที่จะมีสิ่งมีชีวิต เกิดขึ้นได้ ซึ่งเท่าที่ผ่านมา จนถึง ณ วันที่ 27 ก.พ. 2555 เราพบดาวเคราะห์ที่เข้าข่ายแล้วราว 64 ดวง...”...นักวิทยาศาสตร์ไทยที่ไปทำงานกับนาซา ระบุ

    ประเด็นหลังนี่ก็โยงกับการ ’ไขปริศนามนุษย์ต่างดาว“

    เรื่องราวสุดจะจินตนาการเรื่องนี้...ยังมีต่ออีกตอน...

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  18. chandayot

    chandayot เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,458
    ค่าพลัง:
    +2,234
    <TABLE id=pid814414 cellSpacing=0 summary=pid814414 cellPadding=0><TBODY><TR><TD class=postcontent><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0><TBODY><TR><TD id=postmessage_814414 class=t_msgfont>แง้มนาซาไขปริศนา (2) 'มนุษย์ต่างดาว' พบที่อยู่ รอเจอตัว!!วันพฤหัสบดีที่ 26 เมษายน 2555 เวลา 00:00 น.
    [​IMG]





    เรื่องเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตของดาวดวงอื่น ’มนุษย์ต่างดาว“ มนุษย์ต่างดาวมายังดาวโลก ยานบินจากนอกโลกหรือ ’ยูเอฟโอ“ จากบทความ “นาซาค้นหามนุษย์ต่างดาวเจอแล้วหรือยัง?” โดย ดร.ธวัช วิรัตติพงศ์ นักวิทยาศาสตร์คนไทยคนหนึ่งที่ทำงานให้กับองค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติของสหรัฐอเมริกาหรือนาซา นอกจากที่ได้นำเสนอไปตอนหนึ่งแล้วเมื่อวันก่อน ทาง ดร.ธวัช ยังมีแง่มุมเพิ่มเติมให้ลองพิจารณาอีก...

    กับประเด็นมีดาวเคราะห์อยู่มากมายในจักรวาล

    และนาซาก็ ’พบดาวที่คล้ายโลก“ เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ

    ทั้งนี้ กับประเด็นดังกล่าวนี้ ดร.ธวัช ระบุไว้ว่า... นับจากวันที่ 3 มี.ค. 2552 ที่องค์การนาซา-เจพีแอล (NASA-Jet Propulsion Lab : JPL) ส่งยานเคปเลอร์ (Kepler) ขึ้นสู่อวกาศไปค้นหา จนถึงวันที่ 27 ก.พ. 2555 พบดาวเคราะห์อื่น ๆ ในกาแลกซีเดียวกับดาวโลกที่เข้าข่ายว่ามีลักษณะและสภาวะแวดล้อมที่เชื่อว่ามีความเป็นไปได้ที่จะมีสิ่งมีชีวิตเกิดขึ้นได้ จำนวน 2,324 ดวง และยังพบเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งจากที่พบแล้วก็ได้คัดเลือกเฉพาะที่คิดว่ามีความเป็นไปได้สูง ไว้กว่า 64 ดวง เพื่อศึกษาต่อ โดยเราก็ยังไม่รู้แน่ว่า มีมนุษย์ต่างดาว หรือมีสิ่งมีชีวิตในรูปแบบอื่น ๆ อยู่บนดาวราว 64 ดวงนี้หรือไม่? เพราะดวงที่อยู่ใกล้โลกที่สุดก็ยังห่างจากโลกถึง 124 ปีแสง หรือราว 1,173 ล้านล้านกิโลเมตร จึงยังต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจะศึกษาให้รู้แน่ชัดได้

    ’ที่น่าสนใจก็คือ ดาวเคราะห์จะต้องมีคุณสมบัติอย่างไรจึงเข้าข่ายที่คิดว่าสามารถมีสิ่งมีชีวิตเกิดขึ้นได้ และดาวเหล่านี้น่าจะมีบางดวง แม้ว่าโอกาสจะเพียง 1 ในหลายสิบล้านดวง ที่สิ่งมีชีวิตสามารถมีวิวัฒนาการจนเป็นมนุษย์ต่างดาวที่เจริญ มีความฉลาด คล้ายกับคนบนโลก“ ...ดร.ธวัช ระบุ

    พร้อมทั้งบอกต่อไปว่า... คุณสมบัติของดาวเคราะห์ดังกล่าวนี้ ที่สำคัญมีหลายประการ เช่น ต้องมีน้ำที่อยู่ในสภาพของเหลว ต้องมีแหล่งพลังงานที่คงที่สม่ำเสมอ รวมถึงสภาวะด้านจีโอฟิสิกส์ (Geophysics) และจีโอเคมิสทรี (Geochemistry) ที่เหมาะสมอยู่เป็นเวลานานหลายพันล้านปี ซึ่งนานพอให้ สิ่งมีชีวิตสามารถเกิดขึ้น และพัฒนาพันธุ์ให้เจริญขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง และอาจจะได้พันธุ์ที่เจริญคล้ายมนุษย์ของดาวโลก

    นอกจากนั้น ขนาดและมวลของดาวก็สำคัญมาก ถ้าเล็กกว่าโลกมาก ก็จะมีแรงดึงดูดน้อย ทำให้ดูดยึดชั้นบรรยากาศไว้ไม่อยู่ จะทำให้บรรยากาศเจือจางมากเพราะบางส่วนหลุดไปในอวกาศ หรือถ้ามีขนาดใหญ่เกินไป ก็จะมีแรงดึงดูดมาก ทำให้บรรยากาศหนาแน่นเกินไป มีผลให้อุณหภูมิและความกดอากาศบนผิวดาวสูงมาก

    สภาพทั้งสองแบบที่ว่านี้จะทำให้สิ่งมีชีวิตเกิดขึ้นได้ยาก และยังมีเงื่อนไขอื่น ๆ อีก เช่น ต้องเป็นดาวที่ประกอบด้วยธาตุของแข็ง ไม่ใช่กลุ่มแก๊สอย่างดาวพฤหัสฯหรือดาวเสาร์ แกนหมุนของดาวก็ต้องเอียงพอเหมาะซึ่งทำให้เกิดฤดูกาลต่าง ๆ ได้ และเกือบคงที่ เช่น แกนของโลกเราจะเอียงอยู่ระหว่าง 21.5-24.5 องศา ภายในช่วง 41,000
    ปี และวงโคจรรอบดาวฤกษ์ใกล้เคียงกับรูปวงกลม เพื่อไม่ให้อุณหภูมิแตกต่างมากเกินไป เป็นต้น

    ’มีผู้ให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า สิ่งมีชีวิตนอกโลกอาจมีรูปแบบแตกต่างจากมนุษย์โลกเรามากก็ได้ คือ อาจจะไม่ประกอบด้วยน้ำเป็นหลัก แต่อาจจะเป็นแอมโมเนียเหลวก็ได้ ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ต้องมีการค้นคว้าพิสูจน์กันต่อไป ซึ่งข่าวล่าสุดที่น่าตื่นเต้นก็คือ เมื่อกลางเดือน เม.ย. 2555 นี้ นักวิทยาศาสตร์ของ นาซา-เจพีแอล ได้วิเคราะห์ข้อมูลที่ได้รับจากยานโรเวอร์ที่ขับเคลื่อนอยู่บนดาวอังคารและมีการออกข่าวว่ามีความมั่นใจถึง 90% ว่าเคยมีสิ่งมีชีวิตอยู่บนดาวอังคารมาก่อน“

    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    ทั้งนี้ นักวิทยาศาสตร์คนไทยที่ทำงานให้กับองค์การนาซา ยังระบุไว้ในบทความ “นาซาค้นหามนุษย์ต่างดาวเจอแล้วหรือยัง?” อีกว่า... สรุปว่ามนุษย์ต่างดาวน่าจะมีจริง แต่ยังติดต่อกันไม่ได้ และยังไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนทางวิทยาศาสตร์ที่จะทำให้เชื่อว่า เคยมีมนุษย์ต่างดาวหรือยูเอฟโอมาเยือนโลก ส่วนที่เคยมีข่าวว่า องค์การนาซาพบมนุษย์ต่างดาวแล้วขังเก็บไว้ ก็ไม่น่าเป็นเรื่องจริง ถ้าเป็นจริงคงจะเก็บความลับไว้ไม่ได้แน่ ๆ คงต้องรู้กันหมด เพราะนี่เป็นเรื่องใหญ่ โดยเฉพาะคนอเมริกัน ต้องขุดคุ้ยมาเปิดเผยกันจนได้


    สำหรับคนที่เชื่อจริงจังว่ามนุษย์ต่างดาวหรือยูเอฟโอเคยมาเยือนโลกแล้ว ก็ต้องให้เกียรติในความเชื่อเหล่านั้น ปล่อยให้มีการหาหลักฐานพิสูจน์ ให้เป็นเรื่องที่ถกเถียงกันไป ก็เป็นเรื่องที่แต่ละคนจะใช้วิจารณญาณ

    ’ความจริงแล้วเรื่องนี้เชื่อไว้นิดหน่อยก็ดีเหมือนกัน จะได้ดูหนังที่เกี่ยวกับมนุษย์ต่างดาวสนุกขึ้นหน่อย และใครจะไปรู้ มนุษย์ต่างดาวอาจจะเคยแวะมาเมืองไทยของเราแล้วก็ได้ และอาจจะแฝงเข้าในร่างกายของใครบางคน ฉะนั้น หากเจอใครที่พูดจาหรือทำอะไรแปลกมาก ๆ ก็อาจตั้งข้อสงสัยได้ว่า โดนมนุษย์ต่างดาวเข้าสิงแล้ว ก็เป็นได้“ ...ดร.ธวัช วิรัตติพงศ์ ทิ้งท้ายหักมุมแบบในหนัง...ซะอย่างนั้น

    ’มนุษย์ต่างดาว-ยูเอฟโอ“ ยังไง ๆ เรื่องนี้ก็ไม่ธรรมดา

    วันนี้ยังไม่เห็นชัด ๆ แต่ก็พบดาวที่อาจเป็นที่อยู่แล้ว

    ส่วนใครจะเชื่อเช่นไรบ้าง?? ก็ย่อมจะสุดแท้แต่...



    </TD></TR><TR><TD class=postcontent vAlign=bottom>

    </TD></TR><TR><TD class=postauthor></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  19. chandayot

    chandayot เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,458
    ค่าพลัง:
    +2,234
    ที่ไม่ได้เข้ามาเพราะเน็ตโดนตัดครับ อิอิ --พอดีกำลังขายของ---เครื่องเสียงหลอดยุคเก่า เลยต้องรีบจ่ายไป1 งวด โทรถามเค้าๆให้จ่าย 2 งวด เราบอกว่าบิลยังไม่มา เค้าบอกค้าง3 งวดแล้วนะ โห เถียงกันแทบตาย เขาว่าจ่ายที่โลตัส 3 วันเงินจึงจะเข้า ดีที่ฝ่ายช่าง --เป็นผุ้หญิงเธอต่อเน็ตให้ก่อน
    --อ่า ขอแจ้งว่านับจากนี้ 24 ชม จะเป็นแบบไร้สาระนุกรมนะครับ มีภาพสาวๆ เพลงเพราะๆ อะไรต่างๆ พักสมองทั้งคนเขียน คนอ่าน(พักสายตาเถอะนะคนดี)

    --น่าดีใจ ปลื้มใจกับพระท่าน ---พระ เจสัน ยัง ท่านได้ถวายชีวิตให้กับพระพุทธองค์ไปแล้วครับ--ขอเอาใจช่วยให้ท่านอยู่เป็นพระนานๆครับ มีทรัพย์มาก คืออริยทรัพย์ โลกนอกจากศาสนานั้นเป็นของสมมุติ เป็นภาพลวงตาลวงใจทั้งนั้นครับ

    ---เฉิน สิ - Chen Xi เธอคือใครไม่รู้ รู้แต่เป็นคนจีน เสียงใสๆ น่าฟังครับท่าน ผมฟังแล้วหลับน็อคไปเลยเมื่อเย็นนี้เอง Yesterday Once More

    มีเพลง Start From Here จากอัลบั้มชื่อนี้ของ โจวันน่า แหว่ง- Jowanna Wang ซึ่งก็เป็นเพลงใหม่มากๆครับ

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0><TBODY><TR><TD id=postmessage_814407 class=t_msgfont>[ame="http://www.youtube.com/watch?v=XEyESh3pblo"]Joanna Wang, ??? - Let's Start From Here - YouTube[/ame]

    หวานๆทั้งเพลง และเสียงร้อง ฟังมากน้ำตามันจะไหล นึกถึงแฟนที่ไม่ใช่ภรรยาครับ
    --(ไอ้เราเปงคนโรแมนติก เศร้าๆซึ้งๆ เจอยัยอ้วนดำ เสียสถาบันคนเศร้าหมด ขำ ตลก ตีหัวกันอย่างเดียว)
    --คนนี้เขาขาว สวย หน้ากลม จมูกรั้นนิดๆ คล้ายมากๆ กับดาราชื่อ -เนาวรัตน์ ยุกตะนันท์
    --ใครอยากให้ลูกออกมาสวย ผิวสวย ตั้งให้กินโสมตั้งแต่เด็กครับ
    --ถ้าจะให้ลูกสาวตาโตสวยๆ ให้ใช้ยาหยอดตาชนิดหนึ่งที่มีส่วนผสมของ พิษงูเห่า ครับ-ตามแบบของชาวอินเดีย

    ---เพลงที่พูดถึง เดี๋ยวจามีให้โหลดอ่านะ ไม่ต้องโหลดคลิปหรอก

    --ใครยังไม่ได้ฟังเพลงพวกนี้-ห้ามตายโดยเด็ดขาด ไม่งั้นยมบาลจะด่าท่านว่า-- ฟังเพลงไม่พอเพียง
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 มิถุนายน 2012
  20. chandayot

    chandayot เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,458
    ค่าพลัง:
    +2,234
    ----------------------------จะเกิดอะไรขึ้น!! เมื่อห้ามสาวเวียดโชว์เต้า
    [​IMG]ภาพ © ผู้จัดการออนไลน์​

    ลีลาของร็อกเกอร์สาวหว่างถวี่ลีง...สุดร้อนแรง ทำเอากระทรวงวัฒนธรรมเต้น
    ล่าสุดในคอนเสิร์ทเปิดสนามฟุตบอลนัดหนึ่งในกรุงฮานอย "หว่างถวี่ลีง" น่าจะอยู่ในคิวเชือดของกระทรวงวัฒนธรรมอีกคน ทั้งนี้เหตุการณ์เมื่อหลายปีก่อนคลิปสุดอื้อฉาวของเธอโด่งดังไปทั่วโลก สุดท้ายจึงหันมาแจ้งเกิดด้านการร้องเพลงแต่น่าเป็นห่วงเพราะการแต่งเนื้อแต่งตัวของเธอนั้นวาบหวิว ซึ่งทางโทรทัศน์เวียดนามประกาศจะไม่ให้นักร้อง นางแบบ นักแสดง ที่แต่งกายวาบหวิวออกอากาศ
    ทางสถานีโทรทัศน์เวียดนามในรายการต่างๆ ทุกช่องจะต้องไม่แพร่ภาพออกอากาศรายการที่นักร้องนักแสดงแต่งกายไม่เหมาะสม ทั้งนี้กระทรวงวัฒนธรรมได้ “ขึ้นบัญชีดำ” นักร้องศิลปินและนางแบบเอาไว้จำนวนหนึ่งแล้ว หลังจากลงโทษปรับไปแล้วคนเหล่านี้อาจจะถูกถอนใบอนุญาตการแสดงหากประพฤติผิดซ้ำ…เยี่ยมจริงๆ มาตราการนี้น่าจะนำมาใช้ในเมืองไทยบ้างก็ดีนะ
    -----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
    เด็กจากดาวอังคารมาเกิดในโลก ก็อปมาไม่ได้อ่า

    http://allmysteryworld.blogspot.com/2011/06/blog-post_05.html

    มนุษย์ดาวอังคารอยูในทำเนียบขาว 3 ปี

    บทความเก่า ตรงนี้ก็เคยนำมาลงครับ

    แปลจากบทความของ ดร.โจชัว

    จุดประสงค์ที่พวกข้ามาที่นี่ก็เพื่อช่วยมนุษย์ให้กลับไปเป็นพระเจ้าดังเดิม-วาเลี้ยนท์ ธอร์-ชาวดาวอังคาร หนึ่งในประสพการณ์ที่น่าตื่นเต้นจากการค้นคว้าเรื่องนี้ ก็คือเรื่องอาคันตุกะจากดาวอังคาร บุคคลนี้ได้รับเชิญจากรัฐบาลอเมริกันให้อยู่ที่ทำเนียบขาวถึงสามปี ชื่อของเขาคือ วาเลี้ยนท์ ธอร์

    เป็นที่รู้ว่าได้มีการติดต่อกันเมือเดือนมีค.ปี1957ตำรวจสองคนที่รัฐเวอร์จิเนียร์ได้รับชายแปลกหน้าขึ้นรถ เขาบอกว่าเป็นพวกต่างดาว โดยที่เขามีลักษณะเหมือนมนุษย์ทุกประการ เขาถูกนำลงสู่ยานกระสวยใต้ดินอย่างเร่งด่วน เพื่อพบกัยเลขากลาโหม และ ประธานาธิปดี ดไวท์ ดี ไอเซนฮาวร์ เขาเตือนท่านประธานาธิปดีว่า โลกกำลังเข้าอยู่ในภาวะเสี่ยง ในทิศทางที่กำลังจะทำลายตัวเอง นอกจากเสี่ยงต่อสงครามนิวเคลียร์ฺแล้ว มันกำลังใกล้ถึงจุดที่ระบบเศรษฐกิจโลกจะพังทลายลง

    เขาบอกว่าพวกเขาอยู่ใต้พื้นผิวดาวอังคาร(อย่างที่ทราบกันดีว่า บนดาวอังคาร มีสิ่งปลูกสร้างอยู่ เช่น ปิรามิด เป็นต้น) จากหนังสือของ ดร.แฟรงค์ สเตรนจ์ คนแปลกหน้าในเพนตากอน ข้าพเจ้า(ผู้เขียน) ได้ถามวิญญาณของ ดวาล คุล เกี่ยวกับเรื่องนี้ ว่ามนุษย์ต่างดาวนี้เป็นเรื่องจริง หรือเรื่องแต่งขึ้นมาท่านบอกว่า ข้อมูลอันนี้เป็นเรื่องจริง ไม่ใช่นิยาย ธอร์ กลายเป็นที่รักของคนที่ได้พบ เขามีความสามารถถ่ายทอดความคิดได้ดี และมีความประสงค์ดีอย่างเห็นได้ชัด เขาเสนอจะช่วยเหลือโลกมนุษย์ หากแต่ประธานาธิปดีไอเซนฮาวร์กลับคิดไปว่า ถ้าเขารับความช่วยเหลือของ ธอร์และสภาชาวดาวอังคาร จะยิ่งทำให้เศรษฐกิจสหรัฐกลายเป็นความยุ่งเหยิง ยากที่จะแก้ไข

    ผู้เชี่ยวชาญจากนาซ่า พบว่า ชุดอวกาศของ ธอร์นั้น ไม่สามรถทำลายได้ไม่ว่าจะใช้ดอกสว่านหัวเพชร หรือแสงเลเซอร์ก็ตาม ไม่ระคายผิวของมันได้เลย

    จากการสนทนาส่วนตัว กับ ดร.แฟรงค์ ธอร์กล่าวถึงการกลับสู่พระเจ้า และบอกว่า ลูกเรือในยานที่มา 77 คน ตอนนี้ก็อยู่ปะปนกับมนุษย์ และสิ่งที่น่าแปลกใจของนักวิทยาศาสตร์ก็คือเขาไม่มีลายนิ้วมือแม้แต่นิ้วเดียว สภาสูงของดาวอังคารแนะให้เขาตีจากออกจากทำเนียบขาวในเดือน มีค.ปี 1960 ในเวลา 3 ปีที่เขาเป็นแขกของรัฐบาล มีน้อยคนมากที่จะใช้โอกาสนี้ทำตามคำแนะนำของเขา


    ขอบคุณที่มา : jesdath - bloggang.com
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 มิถุนายน 2012

แชร์หน้านี้

Loading...