ความเป็นหนึ่งเดียวกันของหลายตัวตน ดีกว่า การมีตัวตนเดียวกันกับพระเจ้าเสียอีก?

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย อู่หยาจื่อ, 26 พฤษภาคม 2012.

  1. อู่หยาจื่อ

    อู่หยาจื่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    4,333
    ค่าพลัง:
    +3,828
    ที่รัก ยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่คุณสับสนกันมากเลย
    คือ เรื่องของการเป็นหนึ่งเดียวกันของคุณและ
    สิ่งศักดิสิทธิ์ เช่น พระเจ้า ก็ดี บางท่านก็คิดว่า
    ความเป็นหนึ่งเดียวกันคือ เราเป็นเขา หรือมีตัว
    ตนเดียวกัน อันนั้น ยังไม่ถูกต้อง กลายเป็นว่า
    เราคือ พระเจ้า เราตั้งตนเป็นพระเจ้าเสียเอง นี่
    ไม่ใช่ความหมายที่ถูกต้องนัก มันเฉียดไปนิด
    เดียว กล่าวคือ เราทั้งหลาย ทุกๆ คน ล้วนเป็น
    หนึ่งเดียวกับพระเจ้าและสิ่งศักดิสิทธิ์ได้ ด้วย
    การเชื่อมโยง และการเชื่อมโยงนั้นมีอยู่แล้วใน
    ธรรมชาติ ดังนั้น เราจึงเป็นหนึ่งเดียวกันอยู่แล้ว
    ตั้งแต่แรกมา ถ้าเราไม่ถูกหลอกให้หลงลืมเสีย
    ก่อนนะ ทว่า เราจำเป็นต้องมี "หลายตัวตนที่มี
    ความแตกต่างกัน" เพื่ออะไร? ก็จะได้ทำหน้าที่
    ที่ต่างกันได้อย่างไรละ? ลองคิดดู ถ้าเราเป็นดัง
    เช่น พระเจ้าแล้ว เราจะเป็นอย่างไร? เราก็จะทำ
    สิ่งที่มนุษย์ทำ ไม่ได้ ดังนั้น ที่รัก มันเป็นความจำ
    เป็นอย่างยิ่งที่เราต้องเป็นเรา คุณต้องเป็นอย่าง
    ที่คุณเป็น ตัวตนอย่างที่คุณเป็น ไม่ต้องไปเป็น
    พระเจ้า หรืออ้างตัวเป็นพระเจ้า คุณก็เป็นหนึ่ง
    เดียวกับพระเจ้าอยู่แล้ว ด้วยธรรมชาติแห่งการ
    เชื่อมโยงนั้น (ซึ่งมีอยู่แล้ว) ดังนั้น ธรรมชาตินี้
    จึงต้องมีทั้งพระเจ้าและมนุษย์ เพราะมีหน้าที่ที่
    ต้องทำต่างกัน ทดแทนกันไม่ได้ ขาดหายไป ก็
    ไม่ได้ คุณมีความสำคัญไม่ต่างจากพระเจ้าเช่น
    กัน โดยที่คุณไม่ต้องเป็นตัวตนแห่งพระเจ้าหรือ
    อ้างพระเจ้าว่าเป็นคุณ คุณเป็นหนึ่งเดียวกับท่าน
    อยู่แล้ว ไม่มีความจำเป็นที่คุณจะต้องสูญเสียตัว
    ตนแห่งความเป็นมนุษย์นี้ไป ความเป็นมนุษย์นั้น
    จำเป็น และมีหน้าที่สำคัญที่แม้แต่พระเจ้าก็ทำไม่
    ได้ด้วย ดังนั้น ท่านจึงส่งคุณมาเกิดเป็นมนุษย์ไงละ
     
  2. อู่หยาจื่อ

    อู่หยาจื่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    4,333
    ค่าพลัง:
    +3,828
    ที่รัก มันคล้ายกันมากในความหมายของคำว่า "เป็นหนึ่งเดียวกัน"
    แต่ถ้าคุณเข้าใจผิด มันอาจทำให้คุณหลงตัวเองได้ และผลร้ายจะ
    ตามมาอีกมากมาย ดังนั้น ผมจึงต้องอธิบายความหมายนี้ให้ชัดเจน
    ยิ่งขึ้น กล่าวคือ การที่คุณคิดอยู่เสมอว่าเป็นหนึ่งเดียวกัน ไม่เลวร้าย
    อะไร แต่มันมี "เส้นบางๆ" ที่ขีดอยู่ เมื่อคุณล้ำเส้นแล้ว คุณอาจกลาย
    เป็นคนที่หลงตัวเองได้ และเมื่อนั้น คุณจะห่างไกลออกไปจากสิ่งที่คุณ
    คิดว่าเป็นหนึ่งเดียวกันนั้น มันเป็นเหมือนเส้นบางๆ ที่ยากจะบอกได้ว่า
    คุณจะล้ำเส้นไปเมื่อไร ดังนั้น ผมจึงต้องอธิบายใหม่ โดยใช้คำว่าการ
    เป็นหนึ่งเดียวกันของหลายตัวตนด้วยการเชื่อมโยง มันชัดเจนกว่าการ
    บอกว่า "คุณคือพระเจ้า" โอเค จริงอยู่ว่า เราทุกคนมาจากท่าน และมี
    "จิต" ที่ไม่ต่างจากท่านเลย แต่พอเราเข้าใจว่าเราเป็นพระเจ้าขึ้นมา ก็
    จะมี "บางสิ่ง" ทำให้เราถลำออกจากเส้นบางๆ นั้นไป เราจะเริ่มหลงตัว
    เองมากขึ้น และการสื่อสารจะขาดหาย เพราะความหลงตัวเองของเรา
    เมื่อนั้น แม้คุณจะทำหน้าที่สื่อสารจากพระเจ้า หรือสิ่งศักดิสิทธิ์อื่นๆ อยู่
    ทว่า มันไม่ใช่ มันเปลี่ยนไป สัญญาณเดิมขาดหาย สัญญาณใหม่ถูกมา
    แทนที่ไปแล้ว โดยที่คุณไม่รู้ตัว นั่นหละ ทำให้การสื่อสารฯ ผิดพลาดได้


    ดังนั้น คุณจำเป็นต้องเข้าใจ "ภาวะความเป็นหนึ่งเดียวกันของหลายตัว
    ตน" และเข้าใจหน้าที่ที่แตกต่างกันของ "ทุกตัวตน" ว่าทุกตัวตนมีความ
    สำคัญมาก "เท่ากัน" แต่ทำกิจที่แตกต่างกันไปเท่านั้นเอง และคุณควรจะ
    ภูมิใจในตัวตนของคุณ สิ่งที่คุณเป็นอยู่ และความเป็นมนุษย์ของคุณด้วย
    ไม่ใช่ละทิ้งความเป็นตัวคุณ ความเป็นมนุษย์ เพื่อจะเป็นพระเจ้าเสียเอง?
    เพราะ "บางสิ่งที่ไม่ใช่" จะเข้ามาแทนที่ระหว่างคุณและพระเจ้าได้ ดังนั้น
    คุณจึงจำเป็นต้องเข้าใจภาวะของความเป็นหนึ่งเดียวกันของหลายตัวตน
    จริงๆ เพราะหากล้ำเส้นบางๆ นั้นไป คุณก็ออกจากขอบเขตแห่งความเป็น
    หนึ่งเดียวกันฯ นั้นไปแล้ว นั่นคือ คุณต้องเข้าใจ "ความสำคัญที่แตกต่าง
    กันของแต่ละตัวตน" ซึ่งคุณเองก็มีความสำคัญ ไม่จำเป็นต้องเป็นพระเจ้า
    หรือมีตัวตนแห่งพระเจ้า คุณเป็นหนึ่งเดียวกันได้ภายใต้การเชื่อมโยงอยู่
    แล้ว คุณควรให้ความเคารพทุกตัวตนด้วย ทุกตัวตนล้วนสำคัญ และคุณก็
    ควรเข้าใจหน้าที่ของพระเจ้า หรือสิ่งศักดิสิทธิ์ ว่ามีหน้าที่เหมือนแสงส่อง
    ทางแก่คุณ เมื่อคุณระลึกนึกถึง เชื่อมโยงเป็นหนึ่งเดียวกันกับท่าน นั่นคือ
    หน้าที่ของท่าน (ส่องทางให้แก่คุณ) ในขณะที่คุณก็มีหน้าที่ที่สำคัญมาก
    บนโลก ในฐานะมนุษย์ ในตัวตนแห่งความเป็นมนุษย์นี้ด้วย ซึ่งพระเจ้าไม่
    อาจกระทำด้วยพระองค์เอง เอาละ พระจิตของเราไม่ต่างกัน จิตของเราก็
    ไม่ต่างจากจิตของพระเจ้า แต่เรามีองค์ประกอบอื่นๆ ที่ปรุงต่างกันเพื่อทำ
    หน้าที่ที่ต่างกัน ก็เท่านั้นเอง ดังนั้น เราก็สำคัญไม่ต่างจากพระเจ้าเช่นกัน
     
  3. อู่หยาจื่อ

    อู่หยาจื่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    4,333
    ค่าพลัง:
    +3,828
    อนึ่ง ผมไม่ได้กำลังแยกคุณออกจากพระเจ้านะ อย่างที่ผมเน้นย้ำ
    ว่าเราคือหนึ่งเดียวกับสิ่งศักดิสิทธิ์ และเป็นตัวแทนของท่านบนโลก
    เพื่อทำหน้าที่ในฐานะตัวตนแห่งมนุษย์ เพียงแต่กำลังทำให้คุณชัด
    เจนขึ้น จากความเข้าใจที่พัวพันกันยุ่งเหยิงนั้น ถึงสภาวะที่แท้จริง
    ของ "การเป็นหนึ่งเดียวกันของหลายตัวตน" ที่ไม่จำเป็นจะต้องนำ
    ทุกตัวตนมารวมเป็นหนึ่งตัวตนเดียวกัน มันก็เป็นหนึ่งเดียวกันอยู่แล้ว


    เพราะ "ธรรมชาติความจริง มันเป็นหนึ่งเดียวกันอยู่แล้ว" คุณจึงไม่
    ต้องเอามันมารวมให้เป็นตัวเดียวกันอีก หน้าที่คุณเพียงเข้าใจในสิ่งนี้
    และทำหน้าที่ไปอย่างเป็นเอกภาพให้ได้ ก็พอ เพราะการที่ธรรมชาติ
    จัดสรรให้มีหลายตัวตนนั้น เพราะมันมีเหตุผล ความจำเป็น และความ
    สำคัญของมันอยู่แล้วในตัว ที่เราพูดถึงว่าคุณคือหนึ่งเดียวกันกับพระ
    เจ้า ก็เพื่อให้คุณเข้าใจภาวะความเป็นหนึ่งเดียวกันแบบนี้ ไม่ใช่ให้คุณ
    ไปยกตัวเองขึ้นเป็นพระเจ้า ทำตัวเป็นพระเจ้า ก็หาไม่ เพราะนั่นทำให้
    คุณไม่ทำหน้าที่ในความเป็นมนุษย์ หรือในตัวตนแห่งมนุษย์ของคุณ!
     
  4. อู่หยาจื่อ

    อู่หยาจื่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    4,333
    ค่าพลัง:
    +3,828
    นั่นคือ การเข้าใจผิดเพียงเล็กน้อย ที่อาจทำให้เกิดผลเสียขึ้นอย่างมาก
    ได้ เอาละ ถ้าคุณปรารถนาเป็นพระเจ้า มันก็อาจจะสามารถเป็นได้ ถ้าคุณ
    สามารถทำได้ ในวันหนึ่งข้างหน้านะ แต่ ณ เวลานี้ คุณควรให้ความสำคัญ
    กับ "ตัวตนแห่งความเป็นมนุษย์" ของคุณให้มากก่อน เพราะ ณ เวลานี้ นี่
    คือ "หน้าที่ของคุณ" ไม่เช่นนั้น พระเจ้าคงไม่สร้างมนุษย์ขึ้นมาหรอกจริง
    ไหม? ท่านคงสร้างแต่พระเจ้า ทุกคนก็ถูกสร้างเป็นพระเจ้ากันไปหมดแล้ว
    แต่นี่ไม่ใช่ มันต้องมีเหตุผลสิ ที่เราต้องมาในตัวตนแห่งความเป็นมนุษย์นั้น
    ดังนั้น "จงใช้ความเป็นมนุษย์ของคุณให้คุ้มค่าที่สุด" ก่อนที่คุณจะไปสู่ตัว
    ตนอื่นๆ ที่เหนือและพ้นแล้วจากความเป็นมนุษย์ไป เมื่อใดที่คุณยังมีกิเลส
    อยู่ ก็ใช้มันซะ ก่อนที่คุณจะไม่มีให้ใช้ เมื่อใดที่คุณยังไม่ใช่พระเจ้า คุณก็
    ใช้ความไม่ใช่พระเจ้า ทำหน้าที่ของคุณซะ เพราะถ้าหมดโอกาสนี้ไปแล้ว
    คุณจะไม่สามารถทำได้ ย้อนเวลากลับมาทำได้อย่างนี้อีก โอเคไหมครับ?


    การแนบสนิทเป็นหนึ่งเดียวกับสิ่งศักดิสิทธิ์ เช่น พระเจ้า เป็นสิ่งที่ดีมากแต่
    เราต้องเข้าใจด้วยว่ามันคืออะไร ทำอย่างไร จะได้ไม่ล้ำเส้นหลงตัวเองไป
    ในที่สุด โอเคละ ผมไม่ได้บอกว่าคุณต่ำกว่าพระเจ้า และล้ำเส้นเพราะทำ
    ตัวเป็นพระเจ้านะ ไม่ใช่อย่างนั้น ผมบอกว่าคุณมีความสำคัญมากๆ เลย
    เท่ากับพระเจ้านั่นแหละ เพียงแต่อยู่ในหน้าที่ที่แตกต่างกันเท่านั้น คุณจึง
    ไม่จำเป็นต้องเป็นพระเจ้าตอนนี้ เป็นมนุษย์อย่างที่คุณเป็นนี่ละ คุณก็เป็น
    หนึ่งเดียวกับพระเจ้าอยู่แล้ว ถ้าคุณไม่หลงลืมสัจธรรมข้อนี้ ดังนั้น มันจึง
    ไม่มีความจำเป็นอะไรเลย ที่คุณจะต้องแบ่งแยกว่าคุณคือพระเจ้า หรือมี
    ใครไม่ใช่พระเจ้า นี่คือ กลุ่มที่เป็นพระเจ้า นี่คือ กลุ่มที่ไม่ใช่พระเจ้า อะไร
    สิ่งเหล่านี้ ไม่ใช่เลย ไม่ใช่สิ่งที่เราต้องการให้ท่านเป็นเลย มันคือ การแบ่ง
    แยกเท่านั้นเอง ทั้งๆ ที่ทุกอย่างเป็นหนึ่งเดียวกันอยู่แล้ว เราก็ไม่ควรจะไป
    แบ่งแยกมันอีก หวังว่าคุณคงเข้าใจคำว่า "ความเป็นหนึ่งเดียวกัน" กับ
    "ตัวตนแต่ละตัวตน" นะครับ มันคนละอย่างกัน มันไม่ใช่ทั้งภาวะ "ตัวใคร
    ตัวมันเป็นเอกเทศ" และไม่ใช่ทั้ง "เราเป็นตัวนั้นตัวนี้" แต่มันเป็นหนึ่งเดียว
    กันในแบบที่พ้นแล้วจาก "ตัวตนในมิติที่ต่ำกว่า" ที่คุณเห็นเป็น สังขาร นี้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 26 พฤษภาคม 2012
  5. อู่หยาจื่อ

    อู่หยาจื่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    4,333
    ค่าพลัง:
    +3,828
    เรื่องต่อไป คือ เรื่อง "ความรัก" และ "ความสัมพันธ์" ซึ่งพวกคุณ
    แยกมันไม่ออก และทำให้คุณสับสนในตัวเองอย่างมาก เอาละ ผม
    จะอธิบายให้ง่ายที่สุดนะ "ความรัก" เป็นสิ่งที่บริสุทธิ์ในตัวเอง เป็น
    กลาง ไม่ใช่แบบใดแบบหนึ่งเลย ไม่ใช่ความรักแบบชาย-หญิง หรือ
    พ่อ-ลูก หรือ เพื่อนพ้อง ฯลฯ มันเป็นกลาง ไม่ใช่อะไรเลย รักได้หมด
    ทุกคน, ทุกเพศ, ทุกวัย, ทุกชาติ, ทุกศาสนา ฯลฯ นั่นคือ "ความรัก"
    เมื่อมันเกิดขึ้นแล้ว คุณอาจจะงงเล็กน้อย เช่น เอ? เรารักเพศเดียวกัน
    หรือเปล่า? เรารักอมนุษย์หรือเปล่า? เรารักผิดธรรมชาติหรือเปล่า?
    นั่นเพราะคุณกำลัง "ปรุงแต่งความรัก" คุณกำลังใส่ "สัมพันธภาพ"
    หรือกำลังพันธนาการความรักอยู่ ให้มันอยู่ในแบบนั้นแบบนี้ แบบใด
    แบบหนึ่ง แทนที่คุณจะให้อิสระภาพแก่ความรัก คือ "เรารัก" ก็แค่นั้น
    จบ ไม่ต้องไปปรุงแต่ง หรือพันธนากรมันด้วยอะไร ปล่อยให้มันแค่รัก
    ก็พอ นั่นแหละ ความรักที่บริสุทธิ์ ไม่ปรุงแต่ง รักแท้ ที่เราต้องการบอก


    ต่อไปคือ เรื่อง "ความสัมพันธ์" ซึ่งมันถูก "ห่อหุ้มความรัก" อีกที มัน
    ก็เป็นเหมือน "ห่อขนม" แต่ไม่ใช่ขนมเสียหน่อย ดังนั้น คุณต้องเข้าใจ
    มันด้วยว่า "มันแค่ห่อหุ้ม" ไม่ใช่ตัวความรัก เช่น คุณรักใครสักคนแล้ว
    ห่อหุ้มมันด้วย "สัมพันธภาพ" แบบ "พ่อ-ลูก" ก็ได้, "พี่-น้อง" ก็ได้ นี่
    นา แล้วคุณก็อยู๋ร่วมกับเขา อย่างมีความสุขได้ ใช่ไหมละ? ไม่จำเป็นที่
    คุณจะต้องไปห่อหุ้มมันด้วยความรักแบบ "คู่รัก" เลย คุณรู้ไหม มีคู่รัก
    หลายคู่มีความรักเกิดขึ้นแล้ว เขาได้แต่งงานกัน มีเครื่องห่อหุ้มเป็นสามี
    ภรรยากัน ทว่า แล้วเป็นไง? 555 ผมไม่ได้หัวเราะเยาะนะ แต่คิดว่าคุณ
    น่าจะเห็นภาพ มันเยอะแยะเลย ฆ่ากันตายก็ยังมีออกบ่อย นั่นแหละ คุณ
    ต้องการให้ความรักของคุณ เป็นแบบนั้นหรือ? หรือคุณคิดว่าควรให้คน
    รักของคุณได้รับอิสรภาพ คุณให้อิสรภาพแห่ความรักของคุณ และช่วย
    เหลือเขาให้ได้ประสบความสำเร็จสูงสุดในหน้าที่ที่สำคัญของเขาเองละ
     
  6. อู่หยาจื่อ

    อู่หยาจื่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    4,333
    ค่าพลัง:
    +3,828
    26 พ.ค. 2555


    "เสียงจากนิรนาม"
    รับสื่อสารโดย


    瑠璃王
     
  7. phudit999

    phudit999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +2,396
    การ จะ เป็น หนึ่ง เดียว กับ พระ เจ้า ไม่ ใช่ จะ เป็น ได้ ง่าย ๆ

    เพราะ สภาวะ ที่ จะ เข้า ถึง ได้ ต้อง ผ่าน กาย ธรรม ก่อน

    หรือ อีก แนว คือ รู้ ใน อาตมัน ก่อน ดังนั้น การ หลง ตัว เอง

    จะ ไม่ เกิด ขึ้น แน่ นอน

    เอา เฉพาะ เบื้อง ต้น ที่ พระ เจ้า สร้าง มา ก่อน ดี กว่า

    น่ะ จ๊ะ คือ เป็น หนึ่ง เดียว กับ ธรรม ชาติ ก่อน

    ประ สาน เป็น หนึ่ง เดียว กับ ธรรม ชาติ ก่ จะ รู้

    อะไร ที่ มาก กว่า นั้น ได้ ...
     
  8. มินาโก๊จัง

    มินาโก๊จัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2012
    โพสต์:
    1,004
    ค่าพลัง:
    +138
    ก็โดนกันหมดทุกคนอ่ะ แล้วไง พอคุณอ้างว่าคุณคือแสงสว่าง แล้วพอคนอื่นเขาไม่เข้าใจ สงสัย คุณก็เอาความกลัวเข้ามาบังคับข่มขู่เขา ให้เขาเชื่อ ให้เขานับถือ ให้เขาศรัทธา เนี่ยเหรอ แสงสว่างที่แท้จริงน่ะ

    คุณต้องพิสูจน์ตัวเองให้เขาเห็นสิว่า คุณน่ะ เป็นแสงสว่ายังไง ไม่ใช่ไปไล่ตำหนิปมหรือสิ่งที่อยู่ในใจเขา ทักนู่นทักนี่ แล้วก็ไปบอกเขาว่า "เห็นแมะ ฉันทักแม่น ทีนี่เชื่อฉันรึยังล่ะ" แบบนี้ใช่ไม่ได้หรอก

    มันเหมือนกับการใช้ความกลัวเข้าไปข่มขู่เขาทางอ้อมนั่นเองน่ะ
     
  9. 12345*

    12345* เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    53
    ค่าพลัง:
    +332
    จขกท ข้อความเรื่องราวของคุณมีมากมาย แต่ว่าชื่อคุณขาดองค์ประกอบสำคัญหลายอย่างที่จะชักจูงคนให้เชื่อ ให้เขว ให้คล้อยตามได้

    1.ชื่อคุณขาดความน่าเชื่อถือมากมาย ความน่าเชื่อถือของชื่อดูตรงไหนบ้าง
    1.1 ดูตรง ได้รับอนุโมทนา ยิ่งมากยิ่งดี
    1.2 ดูตรงพลังการให้คะแนน เขียวยิ่งยาว ยิ่งดี
    1.3 ข้อความใต้ชื่อ เช่น ผู้สนับสนุนเว็ปพลังจิต สมาชิก....
    สิ่งเหล่านี้ทำให้ผู้อ่านรู้สึกว่า คนๆนี้ ดี น่าเชื่อถือ เป็นคนที่ได้รับการยอมรับจากคนอื่นมาก คนส่วนใหญ่ถูกทำให้เขว โดยสิ่งเหล่านี้โดยไม่รู้ตัว

    2.อีกประการต่อมา ที่ทำให้กระทู้ของคุณดูไม่น่าสนใจ ไม่่น่าเชื่อถือ เพราะคุณไม่มีคลิป ไม่มีดาวหลายๆดวงต่อท้ายชื่อกระทู้ ซึ่งคนส่วนใหญ่จะสนใจอ่าน และเลือกที่จะเชื่อถือกระทู้ที่มีสิ่งเหล่านี้ โดยไม่รู้ตัว

    3.ที่มาที่ไปของเรื่องราวที่นำมาเสนอ ควรมีความน่าเชื่อถือมากกว่านีั้้ เช่น คุณบอกว่าคุณเป็นผู้รับสื่อสารเอง อันนี้คนอ่านจะรู้สึกว่าไม่น่าเชื่อถือโดยไม่รู้ตัวทันที เพราะการที่คนส่วนใหญ่จะเลือกเชื่อใครนั้น เขาจะดูจากองค์ประกอบไม่กี่อย่างมาประกอบการเชื่อ มันคือองค์ประกอบที่ทำให้ไขว้เขวได้ง่าย โดยที่ผู้อ่านรับข้อมูลนั้นไม่รู้สึกตัว
     
  10. มินาโก๊จัง

    มินาโก๊จัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2012
    โพสต์:
    1,004
    ค่าพลัง:
    +138

    นั่นก็ไปกันใหญ่เลยจะบอกให้ คนที่มีความน่าเชื่อถือมากๆนั่นแหละ ตัวดีเลยคุณเอ้ยยย ลองคิดดูนะ ง่ายๆนะ ไม่ต้องไปมองคนอื่น อย่างเช่นถ้าเราคิดจะหลอกคนอื่น เราจะทำตัวยังไงกันล่ะ เราก็ต้องทำตัวให้น่าเชื่อถือ ดูดี ดูน่าเคารพศรัทธาใช่มั้ยล่ะ

    แต่ก็อย่างว่าแหละ การที่จะรวมใจคนได้ มันก็ต้องอาศัยความน่าเชื่อถือใช่มั้ยล่ะ

    แต่ก็อย่างว่า มันก็อยู่ที่กรรมของแต่ละบุคคล ว่าจะเชื่อใครมากกว่า อะไรยังไง มันบังคับกันไม่ได้เลยจริงๆ

    เชื่อคนถูก ก็ดีไป เชื่อคนผิด อ้าววว ก็เป็นกรรมของเรา
     
  11. 12345*

    12345* เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    53
    ค่าพลัง:
    +332
    3.1 ที่มาที่ไปของเรื่องราวที่นำมาเสนอ ถ้าเปลี่ยนจากผู้รับสารคือคุณที่ดูไม่น่าเชื่อถือเลย เป็นบุคคลที่ดูน่าเชื่อถือมากกว่าแทน เรื่องของคุณจะอยู่ในความสนใจของคนอื่นมากขึ้น และผู้ที่อ่านเรื่องราวนั้น ก็จะคล้อยตามง่ายขึ้นด้วย คุณเคยพบหรือไม่เรื่องเดียวกัน แต่คนสื่อสาร นำมาแสดงเป็นคนละคน เรื่องของคนที่น่าเชื่อถือกว่า ดูดีกว่า จะได้รับความสนใจมากกว่า

    ลองมาดูว่า คนไทยส่วนใหญ่ชื่นชมใครเป็นพิเศษ
    1.คนไทยคนหนึ่งที่ไม่มีใครรู้จัก
    2.คนพม่า ที่เราไม่รู้จัก
    3.คนจีน ที่เราไม่รู้จัก
    4.คนอังกฤษ ที่เราไม่รู้จัก

    ถ้าคุณพบคนทั้ง4นี้มาขอความช่วยเหลือด้วยภาษาของแต่ละคน คุึณคิดว่า คนไหนที่คุณจะไว้ใจ ช่วยเหลือมากที่สุด
     
  12. 12345*

    12345* เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    53
    ค่าพลัง:
    +332
    ก็คุณเป็นคนฉลาดเลือก
    แต่ผมหมายถึงคนส่วนใหญ่จะเลือกเชื่อโดยไม่รู้สึกตัว เรียกว่า เขว แบบไม่รู้ตัวเพราะองค์ประกอบในการตัดสินใจเพียงไม่กี่อย่างที่คนส่วนใหญ่ใช้ตัดสินเรื่องต่างๆ อยู่แค่ในระดับของรูปที่ตาเห็นก่อน

    เปรียบเหมือนพบคนแต่งตัวดีมีชื่อเสียง มีคนรู้จักมากมาย กับคนแต่งตัวเหมือนคนเร่ร่อน
    ทั้งสองคนนี้มาเตือนเราด้วยเรื่องเดียวกันแต่คนเร่ร่อนมาเตือนก่อน คุณว่า คนส่วนใหญ่จะเชื่อเขาใหม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 26 พฤษภาคม 2012
  13. 12345*

    12345* เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    53
    ค่าพลัง:
    +332
    เรื่องพวกนี้ไม่ใช่เรื่องที่ผมแต่งขึ้นเอง แต่ไปอ่านเจอจากหนังสือ ซึ่งผู้เขียนเป็นฝรั่งต่างชาติ
    บอกไว้ก่อนผมไม่ได้เชื่อเพราะเรื่องนี้ฝรั่งแต่ง ผมรู้มากว่าฝรั่งนั่นอีก แต่เห็นว่าเขาสื่อให้คนเข้าใจได้ในแบบที่ง่ายกว่า จึงนำมาบอกต่อ

    มีตัวอย่างที่เขาเอามาเล่า
    เป็นเรื่องของพวกนักชีวะวิทยา หรือนักวิยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียงกับไม่มีชื่อเสียง
    เล่าอย่างย่อๆ คนที่ไม่มีชื่อเสียงได้ค้นพบสิ่งที่ขัดแย้งกับความเชื่อของนักวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่ แบบมีหลักฐานเป็นวัตถุที่ค้นพบ มายืนยัน แต่นักวิทยาศาสตร์เหล่านั้น(ส่วนใหญ่) ก็ไม่เชื่อ และอ้างเรื่องต่างๆมาหักล้างเรื่องราวเหล่านั้นอย่างไม่ใยดี

    ต่างกับอีกคนที่มีชื่อเสียงเป็นระดับอาจารย์มหาลัยดัง สร้างหลักฐานเป็นของปลอมมากมายแต่ เอามาโชว์ไว้ในพิพิธภัณที่มีชื่อ พร้อมเรื่องราวเท็จ นักวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่ กลับเชื่อถือเขาอย่างง่ายดาย กว่าจะรู้ว่าเป็นเรื่องลวงโลกก็หลายปี

    นี่คนฉลาดขนาดนักวิทยาศาสตร์นะครับ แล้วนับประสาอะไรกับเด็กไทยทั่วๆไป ถ้ารู้หลักวิธี
    ก็ทำให้เชื่อได้ง่ายๆสบายๆ
     
  14. มินาโก๊จัง

    มินาโก๊จัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2012
    โพสต์:
    1,004
    ค่าพลัง:
    +138

    จะฉลาดเลือกแค่ไหนละก็ ถ้ากรรมบังตาละก็ ก็หนีไม่พ้นหรอก

    ไม่เห็นเหรอ ตอนเลือกคนมาเป็นแฟน เป็นเนื้อคู่เราน่ะ ตอนแรกกรรมบังตา ทุกอย่างจะดีหมด แต่พอนานไป เริ่มเปลี่ยนไปล่ะ เนี่ยแหละ "กรรมบังตา"

    กว่าจะมารู้ตัว ก็นู่น "หมดเวรหมดกรรมนั่นแหละ"

    คิดว่าฉลาดเลือกแล้ว แต่ยังไม่พ้นกรรม เฮ้อออ
     
  15. มินาโก๊จัง

    มินาโก๊จัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2012
    โพสต์:
    1,004
    ค่าพลัง:
    +138

    ก็นั่นน่ะสิ แล้วจะมาเชื่อเด็กทำไมกันล่ะ 555

    ถ้าเผอิญว่า ถ้าเด็กไม่พูดไปโดนใจเข้าเสียก่อนน่ะ 555
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 พฤษภาคม 2012
  16. เมขต์

    เมขต์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มกราคม 2012
    โพสต์:
    1,537
    ค่าพลัง:
    +119
    จขกท คงสื่อสื่อจากสภาวะที่รับได้ ณ ขณะนั้นครับ มันไม่ได้อยู๋ที่ว่าใครจะเชื่อ หรือไม่เชื่ออย่างไรครับ เขาเลยแชร์เป็นข้อมูล ให้ประสานกับสภาวะนั้น แล้วก็จะรับรู่ไม่ผิดพลาด เขาคงหมายถึงแบบนั้น_ ^ _

    เขาเลยพูดถึงเรื่องตัวตนรวม network ไม่ให้ยึดติด ผูกเป็นตัวตนของๆเราๆ ครับ ความหมายคือให้ละวางอุปทานนะครับ "เราเป็นตัวนั้นตัวนี้" แต่มันเป็นหนึ่งเดียว กันในแบบที่พ้นแล้วจาก "ตัวตนในมิติที่ต่ำกว่า" ที่คุณเห็นเป็น สังขาร นี้ ขอโทษนะครับ หากเข้าใจผิด _^ ^_ สาธุในธรรมของทุกท่านครับ
     
  17. มินาโก๊จัง

    มินาโก๊จัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2012
    โพสต์:
    1,004
    ค่าพลัง:
    +138
    คุณเมขต์ ค่อยพูดเข้าท่าหน่อยแฮะ<!-- google_ad_section_end --> อืม นั่นสิเนาะ
     
  18. เมขต์

    เมขต์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มกราคม 2012
    โพสต์:
    1,537
    ค่าพลัง:
    +119
    อ่าว กลายเปนเรือไปส่ะแล้ว (เข้าท่า) 555 เข้าได้แปปเดียวนะครับ
    ท่านี้คงจะมีเรือเยอะแล้้ว 55 จอดนานเดี๋ยวขาดทุน 555555
     
  19. Anurak_Pokun

    Anurak_Pokun Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    40
    ค่าพลัง:
    +57
    ผมคิดว่า จขกท. เพียงต้องการสื่อสารหรือบอกกล่าวเรื่องราวเหล่านี้กะคนพิเศษบางคนเท่านั้น เพราะฉนั้นจึงไม่จำเป็นต้องสร้างภาพอะไร และเขาก็ทำสำเร็จแล้วด้วย ยินดีกะ จขกท.ด้วยคุณทำหน้าที่ได้ดีมากๆ ขอบคุณมาก
     
  20. เมขต์

    เมขต์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มกราคม 2012
    โพสต์:
    1,537
    ค่าพลัง:
    +119
    จิิงง่ะ 555 แต่ผมชอบสร้างภาพนะ โดยเฉพาะภาพ anatomyมนุษย์ 5555 痛苦。(ตัวจีน)เขาหวังไปถึงผลพลอยได้โดยทั่วละมั้งครับ ไม่เป็นไร ไม่ได้ว่า ตัวแทนของอีกมิติหนึ่ง 55 หนังบางเรื่อง คนดูน้อย ไม่ค่อยเก็ท หนังมีเนื้อหาที่ลึกมาก ต้อง deep ดู คนดูเก็บเนื้อหาไปได้ต่างกันไม่แปลกครับ คนดูมีต้นทุนซื้อตั๋วเข้ามาดูเท่าๆกันครับ ตามสบาย สู้ต่อไปเหล่าอัศวิน 555

    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=is_7LUAs4V0]Angels We Have Heard On High-Lyrics-Leigh Nash Sixpence None The Richer - YouTube[/ame]

    _^ ^_
     

แชร์หน้านี้

Loading...