เราจะเชื่อคำทำนายของหมอดูได้แค่ไหนกัน

เราจะเชื่อคำทำนายของหมอดูได้แค่ไหนกันโดยเฉพาะเรื่องคู่ครอง

 

ก้อยว่า หมอดูก็ดูไม่แม่น 100 % หรอกนะคะ ขึ้นอยู่กับตัวเรามากกว่า

 

อือ ช่าย ช่ายยย ปัจจัยที่ใกล้ที่สุด เป็นปัจจัยที่ทรงพลังที่สุด ถึงเราจะชอบคนนี้ หรือคนไหนคนนั้นมาจีบเรา ก็ใช่ว่าเราจะได้กับไอ่นั่น เพราะเราจะได้กับใครมันขึ้นกับว่า เรายอมถ่างขา เอ้ย ยอมมอบร่างกายของเราให้ใคร ถ้าเรายอมมอบร่างกายของเราให้ใคร ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรทั้งสิ้น เราก็จะได้กะคนๆนั้น แต่ถ้าเราไม่ยอมมอบตัวเราให้กับคู่ครองของเรา ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรทั้งสิ้น เราก็จะไม่ได้กับคู่ครองของเรา
(b-ng)

 

เราเคยไปดูหมอมาอ่ะ ประมาณว่าน้าของเพื่อนเป็นคนทรง เค้าก็บอกแม่นดีนะเราว่า บอกถึงอดีตชาติเลยล่ะ ส่วนเรื่องคู่ครองอานนี้เราว่าก็ให้มันเป็นไปตามธรรมชาติของมันเหอะ (b-smile)

 

คือว่า เราจะค้องเพียรทำความดีค่ะ ความจริงหมอดูบางคนก็ดูแม่นมากค่ะ แต่อะไรๆก็ไม่เหนือองค๋สมเด็จพระศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็คิอ อะไรที่ดีๆ ก็จำไว้เป็นกำลังใจ ทำดีต่อไปเพื่อจะให้ดียิ่งๆขึ้น แต่อะไรที่ร้ายๆ ก็ป้องกัน หาทางแก้ ไม่ยอมแพ้กับมันค่ะ เอาเป็นเป็นเครื่องเตือนใจเตือนตน

 

เอ...ศาสตร์ของหมอดูนี่ มันเกี่ยวกับทฤษฎีความน่าจะเป็นมากนะ คือบางคนเนี่ยจะมีความสามารถในการเห็นอนาคตอันใกล้ ๆ ได้ โดยอนุมานจากกรรมของบุคคลนั้น ๆ แล้วประมวลผลเป็นคำทำนายออกมา ส่วนความเชื่อยังไงซะก็คือความเชื่อ ความจริงยังไงก็คือความจริง แต่ลองเราเชื่ออะไรสักอย่างแล้วสิ่งนั้นมันก็จะกลายเป็นความจริงสำหรับเราทันที แต่อาจจะไม่ใช่ความจริงของคนอื่น (b-green)
เรื่องคู่ครองนี่ก็จะเกี่ยวข้องกับฝ่ายตรงข้าม(หญิงหรือชายที่จะมาเป็นคู่ครองเรา) ว่ามีเหตุ มีปัจจัยเพียงพอที่จะก่อรูปความสัมพันธ์กันได้หรือเปล่า (b-oneeye) จริง ๆ แล้วคำว่าคู่ครองนี่ก็นิยามยากอยู่จะหมายถึงคนรักรึ บางทีคนที่แต่งงานกันใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันได้ เป็นเรื่องของความเหมาะสม อาจจะไม่ได้รักกันก็ได้ แต่บางทีคนที่รักกันอาจจะไม่ได้แต่งงานกันแต่ก็ยังรักกันอยู่ก็มี (b-2love) พิมพ์ไปพิมพ์มาชักสับสนความคิดตัวเองซะแล้ว (b-glass)
เอ้าเป็นว่าเชื่อรึไม่เชื่อหมอดูก็ขึ้นอย่กับวิจารนญาณส่วนตัวละกันนะ :boo:

 

อืมมม ก็เข้าใจอ่ะนะว่าโลกมันเป็นแบบนี้ ถ้าจะแก้ไอ่แบบนี้ก็ต้องเปลี่ยนคนทั้งโลกซึ่งไม่มีใครคิดอยากจะทำ แต่ขอแนะนำไว้หน่อยนึงว่า จริงอยู่ที่เรามีสิทธิที่จะเลือกใครมาเป็นคู่ครอง มาแต่งงานด้วย แต่เราควรเลือกคนที่เรารัก และคนที่เราปราถนาในร่างกายของเราที่สุดมาเป็นคู่ครองเรา เพราะว่าถ้าคู่ครองของเราไม่ใช่คนที่เรารักมากที่สุด หรือไม่ใช่คนที่เราอยากจะฟันมากที่สุด ชีวิตคู่ของเราจะอยู่ในสภาวะที่อ่อนแอและเปราะบาง... ( มันจะไม่อ่อนแอและเปราะบางได้ไง ก็ในเมื่อเราอยากเอาคนอื่นมากกว่าเมียเรา แล้วคิดว่าเราจะไม่ไปร่อนกระทุ้งรูคนอื่นเพื่อเมียเรารึยังไง ไร้สาระสิ้นดี ไม่มีใครคิดอยากจะทำกันหรอก เราเองยังไม่อยากจะทำเลย ) ดังนั้น เราจึงควรที่จะป้องกันสภาพที่เปราะบางนั้นอย่าให้มันเกิดขึ้นจะดีกว่านะ
(bb-flower

 

ดูดวงนี่ บางทีก็ทำให้เราไม่สบายใจได้เหมือนกันนะ ก้อยว่า ถ้าไม่จำเป็นจริงๆก็อย่าไปดูดีกว่า ตอนแรก ก้อยก็ไปดูดวงมาแถวศิริราช เป็นอาจารย์อะค่ะ เค้าบอกว่า แฟนคนที่ก้อยคบอยู่ตอนนี้อะ จะเลิกกันเพราะเขามาเกาะเรา ก้อยก็คิดมากใหญ่เลย ร้องไห้ด้วย แล้วก็โทรไปปรึกษาอ.ไก่ อ.ก็บอกว่า "ถ้าเขาบอกเราว่า หมาเป็นเนื้อคู่เรา งั้นเราก็ไปแต่งงานกับหมาสิ" เออจริงแฮะ ...

ถ้าเราสร้างแต่กรรมดี ดวงชะตาก็ไม่สามารถกำหนดชีวิตเราได้ค่ะ เช่น ดวงเราจะต้องเจออุบัติเหตุจริงๆ ล้าน% แต่ถ้าเราเพียรทำความดีมากๆๆๆ ก็อาจจะไม่เจอเลยก็ได้ ผู้ที่กำหนดชะตาชีวิตเราคือ "การกระทำของเรา" ซึ่ง การกระทำของเราก็มาจาก "ตัวเรา"นี่ล่ะค่ะ เพราะฉะนั้น ไม่ต้องไปให้คนอื่นมาดูดวงเราหรอก เรานั่นแหละที่จะรู้ชะตากรรมของตัวเองดี

 

อันนี้ก็แล้วแต่ว่าหมอคนไหน

 

เจริญพร ๕๕๕ (หัวเราะแบบไทย ๆ )
ตอนที่เจ้าชายสิตธัตถะประสูทก็มีคนไปทำนายนะ
หลังจากนั้นพระเจ้าสุทโธทนะ ก็กลัวว่าบุตรของตนจะออกบวชมากกว่าเป็นกษัตริย์
คนในวัง ใครแก่ ไล่ออกหมด เพราะกลัวว่าลูกตนจะเห็นสัจจธรรมแล้วจะหนีออกบวช
ออกไปเที่ยวไหน คนแก่ คนพิการ ก็ให้จับขังไว้ในบ้าน กลัวลูกของตนจะเห็น
เพราะอะไร เพราะคำทำนายของพวกชอบทำนายน่ะสิ ทำให้คนในสมัยก่อนต้องเดือดร้อน
คำทำนายมีแต่จะทำให้กิเลสของตนนั้นฟุ้งขึ้น หาความสงบสุขอันใดในคำทำนายไม่ได้
ดังนั้น อย่าไปเชื่อเลย

 

http://GrathonBook.net/book/9.3.html

ถาม : แล้วดวงชะตานั้นมีจริงไหมคะ?
ตอบ : ดวงชะตาก็คือบุญกรรมที่เราทำมาส่งผลให้ เราทำความดี ผลดีก็ส่งผลให้เราเจริญรุ่งเรืองให้ร่ำให้รวย ให้มีโชคมีลาภ แต่เราทำชั่ว มาถึงเวลาก็ทำให้ตกต่ำเคราะห์ร้าย ต้องรับในเรื่องที่มันไม่ดีต่าง ๆ ที่มันประกอบกันเข้ามา ช่วงของบุญของบาป มันสลักกันมาให้ผล ถ้าบุญขาดช่วงลงบาปก็เข้าแทรก ถ้าหากกำลังบาปอ่อนตัวลงกำลังบุญก็ไล่บาปพ้นไป
ความดีก็สลับกลับคืนมาใหม่ คราวนี้พวกบรรดาพราหมณ์นี้เขาเก็บสถิติมาเป็นพัน ๆ ปี เขาช่างสังเกต เขาสังเกตว่าคนที่เกิดวันนี้เวลานี้ที่มันใกล้เคียงกันน่ะถึงเวลาเท่านั้นๆ ผลดีผลร้ายจะเกิดขึ้นกับเขา คนที่เกิดใกล้เคียงกันแสดงว่าบุญบาปใกล้เคียงกันมันก็เลยสามารถที่จะสรุปลงมาเป็นตำราได้ว่าดวงชะตาของแต่ละคนเป็นอย่างไร แต่ว่ามีโอกาสผิดพลาดมาก ถูกเต็มที่ได้ไม่เกิน ๘๐ % แล้วอีกอย่างหนึ่งตัวที่ผันแปรดวงชะตาได้ดีที่สุดก็คือกำลังของความดีสูง ๆ อย่าง ทาน ศีล ภาวนา ๓ ตัวนี้ ถ้าเรามีการให้ทานเป็นปกติ รักษาศีลเป็นปกติ เจริญภาวนาเป็นปกติ ผลของดวงชะตาหรือบุญกรรมในอดีตส่วนใหญ่ที่เป็นผลบาปที่เราเรียกว่ากรรมให้ผลได้ไม่เกิน ๒๕ % ถ้าคนประเภทนี้หมอดูจะทายผิดประจำ เขาเรียกว่าพวกนอกเหตุเหนือผลเกินตำรา
มีหมอดูอยู่คนหนึ่งเก่งมากเลยเป็นชาวพม่า ตอนสมัยหลวงพ่ออุตตมะ ยังบวชเณรอยู่ไปให้หมอดูทำนายดวงชะตา หมอดูดวงชะตาของหลวงพ่ออุตตมะแล้วบอกว่า ของท่านไม่สามารถจะทำนายได้ ถามว่าทำไม ท่านบอกว่าดวงชะตาของท่านเกินตำรา ไม่มีบอกเอาไว้ มันจะไปทายพระอรหันต์ (หัวเราะ) ใช่ไหม? ตำราบอกไม่ถึงเพราะว่าหลวงพ่ออุตตมะท่านเป็นพระดีถึงที่สุดแล้ว
ตอนนั้นยังเป็นเณรอยู่นะแต่ว่าภายหลังท่านปฏิบัติดีปฏิบัติชอบจนกระทั่งกลายเป็นพระดีที่สุดแล้ว หลวงพ่อท่านเคยบอกไว้ว่าหลวงพ่ออุตตมะเป็นพระวิชชาสาม ในเมื่อเป็นพระดีขนาดนั้นตำรามันว่าไม่ถึง เขายอมรับว่าตำราเขาไม่ถึง แต่เขาดูแม่นจริง ๆ พวกนี้ส่วนใหญ่แล้วน่าจะมี ทิพยจักขุญาณด้วย ถ้าลำพังยึดตำราอย่างเดียวคงรู้ไม่ถึงขนาดนี้

 

[b-wai] ผมไม่ค่อยดูดวง เลย... แต่ผมว่ามีประโยชน์นะ ..


มันเป็นการรู้แผนที่ คร่าวๆ ของชีวิต ...


รู้ว่าจังหวะใด เราควรทำอะไร... จะเตรียมพร้อมอะไร ล่วงหน้าบ้าง ...


ผมว่าเป็นประโยชน์มากๆ...

แต่ที่ผมไม่กล้าดูดวง เพราะกลัว หมอ ไม่แม่น นี่ล่ะ...