ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ดร.อาจอง ท่านเคยให้สัมภาษณ์เตือนคนไทยที่มีญาติอยู่ในแคลิฟอร์เนียให้รีบกลับบ้านได้แล้ว

เพราะแผ่นเปลือกโลกแปซิฟิคจะมุดเข้าหาทวีปอเมริกาตรงจุดนั้น
ซึ่งเป็นภัยร้ายแรงกว่าแผ่นดินไหวทั่วไปอย่างไม่อาจจะคาดเดาใดๆได้

 

คิดว่าน่าสนใจ เอาไปวิเคราะห์กันนะคะ

http://palungjit.org/threads/ตามรอย-พระมหาชนก.248273/page-55#post6046726

โดยส่วนตัวคิดว่า ก๊กที่ไม่มีผู้นำบนหลังช้าง อาจเป็นลุงที่หอบเสื่อผืนหมอนใบ
ด้านล่างก็ได้ค่ะ หนีเข้าป่าไปอย่างเงียบๆเพราะความเบื่อหน่ายก็เป็นได้

 

5 พ.ค. 55 สามก๊ก

หนังยังไม่ทันลงโรง ผู้คนก็เริ่มพูดถึงหนังเรื่องนี้กันมาก ถ้าเริ่มต้นฉายตามโรงคงสนุกมากทีเดียว จะให้ดีควรจะมีหนังสือเรื่องสั้นออกวางขายก่อนที่หนังจะฉาย

จะได้รู้ว่าผู้กำกับเรื่องคือใคร? ใครแสดงเป็นตัวดีหรือตัวร้ายหรือตัวประกอบ สุดท้ายผู้อยู่เบื้องหลังของหนังเรื่องนี้เขาจะจบอย่างไร?

 

นั่นสิคุณลุง สุดท้ายผู้อยู่เบื้องหลังของเรื่องนี้จะเป็นอย่างไร เห็นเขาทายว่าจะตายตั้งแต่ 2 ปีที่แล้วไม่เห็นตายเลย เป็นมะเร็งต่อมลูกหมากบ้างละ อื่นๆอีก คุณลุงช่วยไขข้อข้องใจให้หน่อยนะคะ

 

6 พ.ค. 55 กฏแห่งกรรม

กรรมใด ใครก่อ ก็รับ
กระชับ ความตาย เข้ามา
ยมทูต กำลัง เรียกหา
ไม่ช้า ได้รับ ข่าวคราว

องค์อินทร์ ๙๗
ทำการแทน

 

วุ่นวาย เดือดร้อนกันถ้วนหน้า เพราะคนคนเดียว หวังว่าผลกรรมหนัก คงส่งผลแบบติดจรวด

 

ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ karan20
อะไรเป็นสัญญาณก่อนเกิดภัยพิบัติในปี 2555


สัญญาณอันตรายน่าจะเป็นเหตุการณ์การต่อสู้นองเลือดทางการเมืองในปีพ.ศ. 2555
คือประเทศไทยเกิดความขัดแย้งถึงที่สุด หมดซึ่งความสามัคคี


คิด ว่าลิ้งข้างล่างนี้มีประโยชน์ต่อมวลมนุษย์ชาติมากค่ะ ก่อนภัยพิบัติจะเกิด เราจะเตรียมตัวเตรียมใจทำตัวทำใจอย่างไรที่จะใช้พลังรักพลังสามัคคีคำ้จุน ผืนแผ่นดินที่เรายืนอยู่ ให้รอดเหมือนดังปริศนาธรรมของพระองค์ท่าน

ลิ้ง นี้ทุกท่านโปรดดูให้จบ และตั้งใจดูและใช้ปัญญาคิดตาม เป็นของชมรมจิตจักรวาลศึกษาแห่งโลก(โดยอาจารย์ปริญญา ตันสกุล)เป็นผู้ถ่ายทอด สามารถดูไ้ด้ทุกชาติ ศาสนา ทุกคนที่อยากมีชีวิตรอดจากภัยที่จะเกิด พยายามติดตามการสื่อพระโอวาทของอาจารย์ให้บ่อยๆ ท่านจะสัญจรไปเดือนละจังหวัด

และท่านจะได้คำตอบว่า ท่านควรจะไปอยู่ณ.ที่แห่งใดเมื่อวันนั้นมาถึง อาจารย์ท่านมีคำตอบให้ค่ะ (ตอนนี้อาจารย์กำลังเตรียมที่ที่ไว้แห่งนีงไม่ไกลจากกรุงเทพเท่าไรเท่าที่ทราบ แต่อาจารย์ขออุบไว้ก่อน ถ้าเราติดตามท่านไปเรื่อยๆ และเราเป็นลูกที่ดีเราก็คงจะมีบุญอยู่ที่ๆแห่งนั้นก็อาจเป็นได้.......
ที่อยากให้ดูก่อนคือ

สื่อพระโอวาทฯครั้งที่ 170 เรื่อง "56วัน 7ราตรี"

สื่อพระโอวาทฯครั้งที่ 129 เรื่อง "ธรรมจักรกัปปวัฒนสูตร"

และค่อยๆไล่ดูตอนที่เหลือ สำคัญและดีเยี่ยมทุกหัวข้อการสื่อค่ะ

VDO สื่อพระโอวาทฯ

ป.ล. โปรดเปิดใจดู และรับรู้ข่าวสารที่อาจารย์ปริญญา ตันสกุล ได้เมตตาสื่อ เมื่อดูแล้ว โปรดอย่าเพิ่งเชื่อ แต่ขอให้ใช้ปัญญาคิดตาม และท่านจะได้ชื่อว่า เป็นคนไม่โง่และไม่งมงาย( ส่วนตัวแล้วรักและเคารพในตัวอาจารย์ท่านมากค่ะ) __________________

 

เตรียมรับมหันตภัยโลกปี 2556 - YouTube

[ame="http://www.youtube.com/watch?v=GTrFyjx6CH8&feature=related"]?????????????????????? 2556 - YouTube[/ame]

 

<TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD>เตือนนทท.ลงเกาะสตูล 5-9 พ.ค.ระวังคลื่นลมแรง </TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
นายวิสูตร ศรีสงวน หัวหน้าอุทยานแห่งชาติตะรุเตา อ.เมืองสตูล เปิดเผยผู้สื่อข่าว ว่า ในช่วงวันหยุดยาวในสัปดาห์นี้มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไปเที่ยวยังเกาะแก่งต่างๆในเขตอุทยานแห่งชาติตะรุเตา จำนวนมาก ถึงแม้ว่าจะมีคลื่นลมแรงก็ตาม

โดยเฉพาะที่เกาะตะรุเตาเรือเข้าลำบาก นักท่องเที่ยวจะไปเกาะอาดัง เกาะหลีเป๊ะ ซึ่งสามารถเข้าไปเที่ยวได้และเชื่อว่าหลังจากช่วงวันหยุดยาวนักท่องเที่ยวคงจะเข้าไปเที่ยวน้อยและเบาบางลง เพราะมรสุมเข้ามาเร็ว ซึ่งปกติแล้วลมมรสุมคลื่นลมแรงจะเข้าในช่วงประมาณ 16 พ.ค.55

"ช่วงมรสุมนักท่องเที่ยวจะเข้าไปเที่ยวน้อยทางอุทยานฯก็จะมีการปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆของอุทยานฯเช่นอาคาร ร้านค้าและที่พักนักท่องเที่ยว เพื่อที่จะรองรับนักท่องเที่ยวอีกครั้งในช่วง 3 เดือนข้างหน้า ในขณะเดียวกันก็จะปล่อยให้ธรรมชาติได้มีโอกาสฟื้นฟูตัวเองและฟื้นคืนธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ให้กลับคืนมามีความสมบูรณ์และสวยงามเพื่อรับการไปเยือนของนักท่องเที่ยวอีกครั้งหนึ่ง"นายวิสูตร กล่าว

นายปณพล ชีวะเสรีชล ผช.อุทยานฯตะรุเตา ซึ่งดูแลรับผิดชอบบริเวณเกาะอาดัง เกาะหลีเป๊ะ กล่าวว่า ในช่วงวันหยุดยาวรับวันฉัตรมงคล นี้มีนักท่องเที่ยวเดินทางไปท่องเที่ยวยังเกาะอาดัง เกาะหลีเป๊ะและเล่นน้ำที่เกาะราวรี จำนวนหลายพันคน เรือหางยาวโดยสารนับร้อยลำนำนักท่องเที่ยวไปเล่นน้ำ ดำน้ำ ดูปะการัง กัน

โดยทางเจ้าหน้าที่อุทยานฯตะรุเตาจะลงไปดูแลรักษาความปลอดภัยให้แก่นักท่องเที่ยวอย่างใกล้ชิดเนื่องจากช่วงนี้มีคลื่นลมแรงโดยเฉพาะในช่วงวันที่ 5-9 พ.ค.55 นี้จะมีคลื่นลมแรง



</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD>แฉ “โทลูอีน” ต้นตอเหตุบึ้มโรงงานมาบตาพุด </TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
พ่อเมืองสรุปเหตุบึ้มโรงงานนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด เกิดจากการขนถ่ายสาร “โทลูอีน” ใช้ในการผลิตยาง ยอดตายส่อขยับเพิ่มอีก

วันนี้ (6 พ.ค.) นายเสนีย์ จิตตเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง กล่าวถึงความคืบหน้า เหตุระเบิดภายในโรงงาน กรุงเทพ ซินธิติกส์ หรือบีเอสที ในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จ.ระยอง ว่า จากการสอบถามพยานแวดล้อมทั้งหมด ในเบื้องต้นสามารถสรุปสาเหตุได้ ว่าเกิดขึ้นขณะขนการถ่ายสารโทลูอีน ซึ่งเป็นสารสังเคราะห์ที่ผลิตยางรถยนต์ ระหว่างที่เจ้าหน้าที่เปลี่ยนถ่ายไปใส่ถังใหม่เกิดความร้อน ทำให้สารดังกล่าวที่เป็นวัตถุไวไฟระเบิดขึ้น โดยขณะนี้ สรุปยอดผู้เสียชีวิตรวม 12 ศพ และเจ้าหน้าที่กู้ภัยคาดว่าจะเจอศพเพิ่มอีก

สำหรับสารโทลูอีน (Toluene) เป็นอนุพันธ์ของเบนซิน มีลักษณะเป็นของเหลว ไม่มีสี ระเหยเป็นไอและติดไฟได้ง่ายที่ความดันบรรยากาศและอุณหภูมิปกติ มีกลิ่นคล้ายเบนซิน กลิ่นหอมหวานแรง สูตรโมเลกุลคือ C6H5CH3 ในปัจจุบันโทลูอีนส่วนใหญ่เป็นผลพลอยได้ของอุตสาหกรรมถ่านหินและอุตสาหกรรมปิโตรเคมี ในอุตสาหกรรมถ่านหินจะได้โทลูอีนจากแก๊สและ coal tar ส่วนในอุตสาหกรรมปิโตรเคมีจะได้จากการกลั่นน้ำมันดิบ หรือ ก๊าซธรรมชาติ สมบัติทางเคมีและกายภาพของโทลูอีนที่ควรรู้จัก เช่น จุดหลอมเหลว -95°C จุดเดือด 110.4°C จุดวาบไฟ 6-10°C ความหนาแน่น 0.866 g.mL-1 อุณหภูมิที่ติดไฟได้เอง 623°C เป็นต้น

สำหรับประโยชน์โทลูอีนมีหลายอย่างเช่น ใช้ทำสารทำละลาย ในอุตสาหกรรม ยา เคมี ยาง พลาสติก และ สี ใช้เป็นวัตถุดิบตั้งต้นในการผลิตสารเคมีหลายชนิด ใช้ในอุตสาหกรรมหนังเทียม เส้นใย การเคลือบกระดาษ และหมึกพิมพ์ ใช้ใส่ในน้ำมันเชื้อเพลิง ใช้เป็นส่วนผสมหลักของทินเนอร์ในสี แลกเกอร์ และน้ำมันชักเงา เป็นต้น.



</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

เมื่อไหร่จะมาซะที คนขายยาบ้า ยาไอซ์ แถวๆไม่ไกลจากบ้านมีมากมายหลายครอบครัว เดินเชิดหน้า เป็นที่ชูตาแกผู้คนมากมาย มีเงินทองมีคนยำเกรง เยอะแยะ คนสอยมะพร้าวจนๆก็มีอยู่มากเทียวไปวัดวาบ้างที่ไม่กินและกินเหล้าขาวก็ยังต้องเครดิสไว้ ก็วายโดนด่าและสาปแช่ง สวนคนเฒ่าคนแกเลิกจากงานเลไม่ออกทำมาหากินแล้วนานมาอยู่เฝ้าสวนโดยถูกจ้างไม่หวังลูกหลานมาให้เลี้ยงยังโดนนินทาโดนดูแคลนให้เป็นที่อกตรม คนชั่วมากมายอยู่สุขสบาย จนผู้คนที่ผ่านโลกผ่านมาหลายเวลาเรียกถามหาไหนว่ะทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ภาวนาให้มันมาถึงไว เจ้าภัยพิบัติเอ๋ยยย

 

สงสัยจะเป็นทุกสังคม ทุกวันคนจะให้เกียรติกันวัดกันที่มีรถขับยี่ห้ออะไร โดยไม่พิจารณาว่ารถหรูดังกล่าวมาจากเงินสกปรก คนดีที่อยู่ในสังคมคนชั่วก็จะอยู่ไม่ได้ เพราะดูเหมือนจะทำให้พวกเค้าดูเลวลงไปอีก ก็คิดจะกำจัดคนดีเพราะรับที่จะเห็นความชั่วของตัวเองชัดเจนไม่ไหว ยังไงคนไม่ได้อยุ่คนเดียวในโลก คนชั่วที่ว่าก็ต้องเกี่ยวข้องด้านการงาน หรือชีวิตประจำวันกับคนดีอยู่ดี คนดีไปไหว้พระ สวดมนต์ นั่งสมาธิ แผ่ส่วนกุศลให้ ก็ไม่ช่วยให้คนชั่วกลับใจได้ หรือ ใครมีญาณวิเศษช่วยไปกำจัดคนชั่วที คนดีจะได้มีความสุขในชีวิตสักที ถ้าทำไม่ได้ ก็ให้เกิดภัยพิบัติไปซะ เผื่อว่าจะเป็นดังคำทำนายว่าจะเหลือแต่คนดี แผ่นดินจะได้สูงซะที.....ถ้าอย่างเลว จะได้ตาย ตายไปซะ ทั้งชั่วและดี จะได้ไม่ต้องมาเกี่ยวข้องกันอีก

 

โอกาศจะได้มีมากขึ้น สำหรับคนที่จะสั่งสอนต่อไปเดียวนี้มันมองไม่เห็นบอกลูกหลาน ทำดีน่ะ อย่าเอาเปรียบคดโกงเพื่อนน่ะมันเป็นสิ่งที่ไม่ดี เด็กมันมองแล้วพยักหน้า มันเดินไปร้านเกมเห็นเด็กใช้โปรโกงคนอื่น มันทำกันยกร้านเลยผู้ใหญ่อีกคนโหลดให้ กลับมาบ้านบ้านมันจะแทบไม่มีจะแดรก บอกนายจ้างโกงค้าจ้างกับค่าแรงว่างานเสียหายหักเงินแถมเรียกค่าเสียหายเพิ่มเพื่อได้ไล่ออกแบบไม่ต้องเสียอะไรเลยทั้งๆที่รู้ไอลูกจ้างนี้ไล่มันออกครอบครัวมันแย่แน่ พอวันรุ่งขึ้นมันขี่จักรยานบีเอ็มเอ็กซาเล้งคือเก่ามากไปบ้านเพื่อนมันแล้ว เพื่อนมันก็ชวนไปดูของเล่นใหม่ที่บ้านเด็กแถวบ้านเพื่อนมันเพราะมีของเล่นใหม่ๆคอมเล่นเกมแรงๆมีครบครัน พอเข้าไปดูโอโหนี้มันดูดีจนเปรียบไม่ได้กับบ้านตูเลย อ่า!! นี้ก็ไม่เคยเห็นนี้เล่นยังไงไม่กล้าแตะกลัวของเขาพัง แปบนึง อ่า!! นั้นเจ้าของบ้านหล่ะเพื่อนมันบอกพอมันเห็นก็แทบวิ่งกลับบ้านเดี๊ยวนั้นเลยเพราะนั้นคนนั้นที่ไล่พ่อมันออกจากงานเมื่อวานนี้เดียวเขาจำได้ ก็กลัวมันไล่อีกคน มันคิดไงต่อไปต่อกันเอาเองไอเด็กนั้นต่อไปเป็นไงใครสอนไรมันได้ก็เทพแล้วไอคำว่าคนดีอ่ะเจอแบบนี้ตลอดชีวิตปัจจุบัน จะเอาอะไรอีกก

 

ภัยพิบัติทางสังคม ผมว่าน่ากลัวกว่าภัยพิบัติทางธรรมชาติเสียอีก เพราะอย่างแรกเราต้องอยู่กับมันจนวันตายแบบทรมานผ่อนส่ง อย่างที่สองมาเมื่อไหร่ก็ตายเมื่อนั้น ไม่น่ากลัวสักนิด

 

ผมก็รออยู่ นาน หวังไว้ให้มีคนมาตอบมีเพียงท่านเดียว แสงสีขาว อันนี้เป็นแสงที่อย่ากลางความมืดหรือไม่สำหรับผม ใช่เลย


คือที่หวังให้มีคนตอบเพื่ออยากรู้ความกระตือรือล้นของการระวังภัยไม่ใช้เพียงภัยธรรมชาติเท่านั้น นั้นคือ ภัยที่เกิดจากมนุษย์ด้วยครับ ทั้งนี้ผมหวังเพียงให้ทุกคนที่มีโอกาศได้สั่งสอนบุคคลที่ท่านสั่งสอนได้ ลูกหลาน คนในโอวาท ให้มีความดีพร้อมแม้เป็นการเริ่มการกระทำเพียงเล็กน้อยก็ควรตระหนัก ในความเป็นจริงแล้ว เราควรเริ่มและทำกันมาตั้งนานแล้วแต่ว่าเริ่มช้าก็ยังดีกว่าไม่เริ่มเลย เลิกมันสะมองข้ามหัวไปเลยวัตถุ เขามีมากมีน้อยมองข้ามมันไปให้หมดเอาความเป็นคนเป็นมนุษย์เท่านั้นที่ควรเคารพและช่วยเหลือ มองก็มองด้วยสายตาเดียวคือเมตตา กระทำก็กระทำด้วยจิตที่มากด้วยกุศล โลกนี้จะน่าอยู่แม้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม หรือ จะปกติอยู่แบบนี้ก็เถอะขอเพียงแต่เรา เริ่มได้แล้ว

ขออภัยหากข้อความขาดตกบกพร่องไปหรือพิมพ์ผิดถูก การสนในการเรียนผมน้อยเวลานั้นแต่ความเป็นมนุยษ์มันสั่งให้ผมออกความเห็นบ้าง แหะๆๆๆ
ก่อนข้อความนี้จะออกมา ขอขอบคุณอีกท่านที่ออกความเห็นครับ

 

ข้อมูลปะปนกันไปหมด ไม่รู้จะตรงตามเจตนาของจขกท รึป่าว ถ้าเป็นไปได้ แนะนำตั้งแยกอีกกระทู้ก็จะดีนะครับ

 

เธอจงระวังความคิดของเธอ
เพราะความคิดของเธอกลายเป็นความประพฤติของเธอ<O></O>
เธอจงระวังความประพฤติของเธอ<O></O>
เพราะความประพฤติของเธอจะกลายเป็นความเคยชินของเธอ<O></O>
เธอจงระวังความเคยชินของเธอ<O></O>
เพราะความเคยชินของเธอจะกลายเป็นอุปนิสัยของเธอ<O></O>
เธอจงระวังอุปนิสัยของเธอ<O></O>
เพราะอุปนิสัยของเธอจะกำหนดชะตากรรมของเธอชั่วชีวิต


หลวงปู่ชา สุภัทโท วัดหนองป่าพง


ข้อคิดสำหรับคนที่มีอุปนิสัยที่ไม่ค่อยยอมรับการเตือน คำบอกกล่าว
จากผู้อื่น..คิดว่าตัวเองเก่ง..จนภัยอันตรายมาถึงตัวถึงจะสำนึกได้..

 

<TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD>อุตุฯ ประกาศเตือนภัย "ฝนตกหนัก-น้ำท่วมฉับพลัน" ฉ.9 </TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>กรมอุตุนิยมวิทยา ได้ออกประกาศเตือนภัย "ฝนตกหนัก น้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลาก " ฉบับที่ 9 ลงวันที่ 07 พฤษภาคม 2555 ว่า

ลมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมประเทศไทยยังคงมีกำลังค่อนข้างแรง ประกอบกับ มีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมภาคเหนือตอนล่าง ลักษณะเช่นนี้ทำให้ทางตะวันตกของประเทศ และภาคตะวันออกยังมีฝนหนาแน่น และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งโดยเฉพาะในภาคเหนือ จึงขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยตามที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงราย เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง แพร่ อุตรดิตถ์ สุโขทัย ตาก พิษณุโลก กำแพงเพชร พิจิตร และเพชรบูรณ์ ระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ซึ่งอาจจะทำให้เกิดสภาวะน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลากได้ ในช่วงวันที่ 7-8 พฤษภาคม 2555 สำหรับ ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันควรเดินเรือด้วยความระมัดระวังในระยะ 1-2 วันนี้
ประกาศ ณ วันที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2555
ออกประกาศ เวลา 05.00 น.

สำนักพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา
กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร


</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์มติชน
</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD>เหนือ ตอ. อีสาน ใต้ฝั่งตต.มีฝนเกือบทั่วไป 70-80%ของพื้นที่ </TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ( 7 พ.ค. ) ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้. ( 8 พ.ค.)

ภาคเหนือ มีเมฆมากกับมีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง บริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงราย เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง แพร่ อุตรดิตถ์ สุโขทัย ตาก พิษณุโลก กำแพงเพชร พิจิตร และเพชรบูรณ์ อุณหภูมิต่ำสุด 21-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 27-31 องศาเซลเซียส ลมแปรปรวน ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีเมฆมากกับมีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดเลย ขอนแก่น ชัยภูมิ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี อุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
ภาคกลาง มีเมฆมากกับมีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี กาญจนบุรี และราชบุรี อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

ภาคตะวันออก มีเมฆมากกับมีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดสระแก้ว และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 24-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดระนอง และพังงา อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีเมฆเป็นส่วนมากกับมีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 27-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.


</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD>ลำพูนน้ำท่วมแล้ว! หลังฝนตกหนักต่อเนื่อง 2 วัน 2 คืน </TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle>ภาพประกอบ เครดิตตามรูป</TD></TR></TBODY></TABLE>
จากกรณีฝนตกหนักต่อเนื่องตลอด 2 วัน 2 คืนที่ผ่านมา นายชุมพร อินตะเทพ ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดลำพูน เปิดเผยว่า


กรณีดังกล่าว ส่งผลให้ถนนภายในเขตเทศบาลเมืองลำพูนหลายสายเกิดน้ำท่วมขัง ซึ่งเป็นจุดที่เคยน้ำท่วมเป็นประจำทุกปี


เนื่องจากการระบายน้ำภายในเขตเทศบาลเมืองลำพูน ไม่ทัน แต่รถจักรยานยนต์ และรถยนต์ขนาดเล็กทุกชนิดยังสามารถวิ่งผ่านไปมาได้ เบื้องต้นเทศบาลเมืองลำพูนได้ระดมเครื่องสูบน้ำเร่งสูบน้ำบริเวณจุดต่างๆ แล้ว

พร้อมเน้นย้ำอาสาสมัครมิสเตอร์เตือนภัยตามอำเภอต่างๆ ว่า หากมีสถานการณ์รุนแรงเกิดขึ้นให้รีบแจ้งโดยด่วน

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์มติชน
</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD>ก๊าซคลอรีนรั่วอีกนิคมระยอง 300คนอาการแย่ เร่งส่งร.พ. </TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE> เมื่อเวลา 19.00 น. วันที่ 6 พฤษภาคม พ.ต.ท.อาคม บุญแสง สว.เวร สภ.ห้วยโป่ง อ.เมือง จ.ระยอง

ได้รับแจ้งมีสารเคมีรั่วไหล บริเวณ บริษัท อดิตยาเบอร์ล่าเคมีคัลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ในนิคมอุตสาหกรรมเหมราช ต.ห้วยโป่ง อ.เมือง จ.ระยอง ทำให้ประชาชนได้รับผลกระทบเป็นจำนวนมากที่เข้ารักษาตัวที่ รพ.มาบตาพุดจำนวนมาก ท่ามกลางแตกตื่นโกลาหล เนื่องจากกลิ่นแก๊สฟุ้งกระจายเป็นระยะทางไกล

เจ้าหน้าที่ แพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่มูลนิธิสยามระยอง

กำลังช่วยกันขนย้ายผู้ป่วยจำนวนมากที่ได้รับสารพิษ เพื่อให้แพทย์ทำการรักษา โดยลักษณะอาการของผู้ป่วยส่วนใหญ่สูดดมสารเคมี ทำให้เกิดอาการแสบจมูก แสบคอ แน่นหน้าอก คลื่นไส้ อาเจียน และมีบางรายหมดสติ แพทย์ต้องเร่งทำการรักษา

นอกจากนี้เจ้าหน้าที่มูลนิธิได้นำรถขนย้ายชาวบ้านในชุมชนมาบชะลูดและมีคนงานก่อสร้างของบริษัท ไทยคาจิมา จำกัด

ซึ่งเป็นบริษัทผู้รับเหมาที่ตั้งแคมป์อยู่ใกล้บริเวณที่เกิดเหตุ อพยพไปยังสนามฟุตบอลกีฬากลางเทศบาลเมืองบ้านฉาง จ.ระยอง จำนวนกว่า 500 คน ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บเข้ารักษาตัวที่ รพ.มาบตาพุดจำนวน 42 ราย และนอนพักรักษาตัวอยู่ รพ.บ้านฉาง 20 ราย,ซึ่งแพทย์และพยาบาลกำลังช่วยเหลือ ปฐมพยาบาลและเยียวยาอย่างเต็มที่


สารเคมีที่รั่วออกมาเบื้องต้นทราบว่าเป็นสารไฮโปรคลอไรด์เป็นสารตั้งต้นผลิตโซดาไฟของบริษัท อดิตยาเบอร์ล่าเคมีคัลส์ (ประเทศไทย) จำกัด โดยทางบริษัทได้หยุดเดินเครื่อง เพื่อชัตดาวน์ทำให้สารเคมีเกิดการรั่วไหล ซึ่งยังไม่ทราบสาเหตุ

เบื้องต้นยังไม่มีผู้บริหารของบริษัท ออกมาชี้แจงหรือให้ข้อมูลเกี่ยวกับการรั่วไหลของสารเคมี และเมื่อปี 2553 เกิดสารเคมีรั่วไหลลักษณะดังกล่าวเช่นเดียวกัน ซึ่งทำให้ชาวบ้านได้รับบาดเจ็บกว่า 500 คน


</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์มติชน
</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

น้ำเริ่มท่วมมาจากทางภาคเหนือแล้ว ส่วนภาคอื่นๆ เตรียมพร้อมกันหรือยัง

 

8 พ.ค. 55 ปลอบใจ

น้ำท่วม มาจาก ทางเหนือ
คงเหลือ ลงมา ไม่มาก
ขอท่าน อย่าคาด ผิดพลาด
วิปลาศ ในจิต ตัวเอง

เขียนมา ให้ท่าน สบายใจ
เรื่องภัย ไม่มา เยี่ยมเยือน
ถึงมา ไม่ต้อง เขยื้อน
ให้เปลือง ทรัพย์สิน เงินทอง

องค์อินทร์ ๙๗
ทำการแทน

 

เมื่อเศรษฐกิจโลกล้มครืน...ทุกๆท่านต้องรีบปรับเปลี่ยนตัวเองเพื่อความอยู่รอด !!!


อาจารย์ยักษ์แห่งมหาวิทยาลัยคอกหมู บอกว่า "ปลูกมันไว้บ้างก็จะดี จะช่วยให้ผู้คนอยู่รอดยามวิกฤติแร้นแค้น"

หากใครผ่านสงครามมา ผ่านภัยพิบัติธรรมชาติมา ก็จะรู้ดีว่า ในภาวะแบบนั้นที่ผู้คนไม่สามารถทำมาหากินได้ปกติ ข้าวปลาอาหาร พืชผักผลไม้ต่าง ๆ จะกลายเป็นของหายาก หรืออาจจะหาไม่ได้เลย หัวมันที่เคยไร้ค่าอยู่ใต้ดิน จะเป็นสิ่งมีค่าสำหรับการมีชีวิตอยู่รอดทันทีเมื่อรู้อย่างนี้แล้วเรามาช่วยกันปลูกหัวมัน ตามโครงการชั่งหัวมันของพระองค์ท่านกันเถอะ ใครจะไปรู้ว่าวันหนึ่ง หัวมันของเราอาจจะช่วยชีวิตผู้คนมากมายนับไม่ถ้วนก็ได้ ถึงเวลานั้นหัวมันที่เราปลูกก็จะเป็น หัวมันที่ให้ผลบุญติดตัวผู้ปลูกไปชั่วชีวิตเลยทีเดียว

มารู้จัก อาจารย์ยักษ์แห่งมหา'ลัยคอกหมู กันก่อน


อาจารย์ยักษ์แห่งมหา'ลัยคอกหมู

อาจารย์ยักษ์ เป็นหนึ่งในปราชญ์เดินดิน ร่างกายกำยำสูงใหญ่ เป็นชาวจังหวัดฉะเชิงเทรา ชื่อจริงคือ ดร. วิวัฒน์ ศัลยกำธร อดีตผู้อำนวยการประเมินผลและข้อมูล สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อการประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สำนักนายกรัฐมนตรี มีหน้าที่ตามเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไปทุกหนแห่ง เพื่อจดบันทึกพระราชดำริเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงอย่างละเอียด

อาจารย์ยักษ์ได้รับใช้ใต้เบื้องพระยุคลบาท มาเป็นเวลากว่า ๑๖ ปี นอกจากนี้ ผู้บังคับบัญชาชอบใช้ไปบรรยายตามหน่วยงานต่าง ๆ ให้ชาวบ้านฟัง ก็ได้ไปบรรยายตามที่พระองค์ท่านพระราชทานพระราชดำริไว้ แต่แปลกไปบรรยายที่ไหน ไม่มีคนเชื่อเลย ทั้งๆที่เป็นข้าราชการระดับสูงแล้ว คนฟังบรรยายบอกว่า ก็ท่านเป็นถึงผู้อำนวยการ เงินเดือนก็มีกิน รถยนต์หลวงก็มีใช้ น้ำมันหลวงก็มีให้เติม จะพูดอย่างไรก็ได้ แน่จริงลาออกมาทำอย่างที่พูดสิ ทำนาเอง ทำปุ๋ยเอง ทำยาเอง ทำน้ำมันเอง

บรรยายอยู่หลายปี จนวันหนึ่งได้ตัดสินใจลาออกจากราชการ เพื่อลงมือปฏิบัติตามแนวทางพระราชดำริบนผืนดินบ้านเกิดอย่างแข็งขัน โดยมาอาศัยอยู่ในคอกหมูแคบ ๆ และลงมือทำทุกอย่างด้วยน้ำพักน้ำแรงของตนเอง หวังพลิกฟื้นความอุดมสมบูรณ์ของผืนดินให้กลับมา หวังเป็นตัวอย่างให้พี่น้องไทยได้ประจักษ์และเดินตามรอยเท้า "พ่อหลวงของแผ่นดิน" โดยตั้งเป้าไว้ว่า วันหนึ่ง... จะต้องมีคนเดินทางมาหาความรู้ ความคิด ความเชื่อ และความศรัทธา ณ คอกหมูแห่งนี้


อาจารย์ยักษ์

อ่านประวัติ อาจารย์ยักษ์ เพิ่มเติมได้ที่ ผู้ก่อตั้ง | มูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติ

ประวัติความเป็นมาของมูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติ ที่อาจารย์ยักษ์เป็นผู้ก่อตั้ง

อาจารย์ยักษ์ ได้รวบรวมกลุ่มคนในหลาย ๆ อาชีพ ที่มีแนวคิด แนวอุดมการณ์ในการที่จะฟื้นฟูประเทศโดยการนำแนวคิดเรื่องทฤษฏีใหม่ เศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ ใช้กับการทำการเกษตร และการดำรงชีวิตให้อยู่รอดได้อย่างยั่งยืน รวมทั้งการรณรงค์ให้เกษตรกรเลิกใช้สารเคมี หยุดการพึ่งพาชาติตะวันตก หันกลับมาพึ่งพาตนเอง โดยใช้เทคโนโลยี และภูมิปัญญาชาวบ้านที่สืบทอดกันมาเพื่อ เน้นการทำการเกษตรที่ยั่งยืนบนผืนแผ่นดินไทยจึงได้จัดตั้งเป็น “ชมรมกสิกรรมธรรมชาติไท” มาเป็นเวลากว่า ๔ ปี

การดำเนินงานครั้งแรกเริ่มที่ อาจารย์ยักษ์ลงมือทำเองจากการผลิตเอ็นไซม์สมุนไพรธรรมชาติใช้กันเองในนาข้าว พืชชนิดอื่น ๆ ทั้งพืชผักและไม้ผล รวมถึงการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำด้วย โดยทำการทดลองที่ ศูนย์กสิกรรมธรรมชาติมาบเอื้อง ต. หนองบอนแดง อ. บ้านบึง จ. ชลบุรี และนำประสบการณ์ที่ปฏิบัติจริงไปเผยแพร่ความรู้ให้แก่เกษตรกร ขณะเดียวกันก็ทำการศึกษาค้นคว้า วิจัยและเทคโนโลยีการผลิต เอ็นไซม์สมุนไพรธรรมชาติ สมุนไพรไล่แมลง

โดยได้ทำการทดลองและเผยแพร่ในพื้นที่ของเกษตรกว่า ๕๐ จังหวัดทั่วทุกภาคของประเทศ ได้ทดลองกับพืชหลากหลายชนิด เช่น ข้าว ข้าวโพด พืชตระกูลแตง พืชตระกูลถั่ว หอมแดง หอมแบ่ง หน่อไม้ฝรั่ง มันสำปะหลัง ไม้ไผ่ตง อ้อย ยางพารา ทุเรียน มังคุด ขนุน ลองกอง มะม่วง มะไฟ ส้ม ลำไย ฯลฯ ส่วนในด้านการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ได้แก่ การเลี้ยงกุ้งกุลาดำ-กุ้งก้ามกาม การเลี้ยงปลาดุก และปลานิล เป็นต้น

จนกระทั่งสมาชิกในชมรมฯ เห็นพ้องต้องกันว่าเพื่อให้การดำเนินงานของชมรมฯ เป็นไปอย่างยั่งยืนคล่องตัว และชัดเจนมากยิ่งขึ้น จึงได้จดทะเบียนขึ้นเป็น มูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติ เมื่อวันที่ ๑๗ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๔ เป็นการนำโครงการต่าง ๆ ที่ชมรมได้ดำเนินการมาสานต่อและเผยแพร่ ขยายให้กว้างไกลยิ่งขึ้น

ที่ตั้งมูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติ เลขที่ ๑๑๔ ซอย บี ๑๒ หมู่บ้านสัมมากร สะพานสูง กรุงเทพฯ ๑๐๒๔๐ โทรศัพท์ ๐๒-๗๒๙๔๔๕๖

ผู้สนใจขอเชิญอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ มูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติ มูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติ | ผองเราจะสร้างความจริงให้ปรากฏแก่แผ่นดิน ด้วยสัมมาทิฏฐิแห่งพวก

ปลูกมันไว้บ้างก็จะดี จะช่วยให้ผู้คนอยู่รอดยามวิกฤติ แร้นแค้น


อาจารย์ยักษ์กับนายไข่ รายการปราชญ์เดินดิน

สืบเนื่องจากโครงการชั่งหัวมัน ตามพระราชดำริ อำเภอท่ายาง จังหวัดเพชรบุรี อาจารย์ยักษ์ขอตีความตามแบบฉบับอาจารย์ยักษ์ว่า พระองค์ท่านกำลังบอกให้เรากลับมา “หา” สิ่งที่สำคัญ จำเป็นพื้นฐานของชีวิต ใครอยากจะเจริญทันสมัย มีไฮไฟ มีอินเทอร์เน็ต มียานอวกาศไปถึงพระจันทร์ ดาวอังคาร มุ่งหาแต่ความเจริญทางวัตถุ หาทรัพย์สินเงินทองก็ปล่อยเขาไป ไม่ต้องไปสนใจ เรากลับมาหาสิ่งที่สำคัญ จำเป็นพื้นฐานของชีวิตให้ชีวิตเรามีพออยู่พอกิน มีอาหาร ไม่ต้องเป็นเสืออย่างคนอื่น แต่มีความสุขก็พอแล้ว

และหัวมัน เป็นพืชใต้ดินที่ไม่มีใครเห็น ดู ๆ ไปแล้ว ก็มิได้มีค่าอะไร เป็นพืชที่ขึ้นง่าย ขึ้นในทุกสภาพภูมิอากาศ แม้ในที่ที่แล้งที่สุด หัวมันก็ยังขึ้นได้ หัวมันจึงเป็นสัญลักษณ์ของสิ่ง “มีค่า”ในยามวิกฤติที่สุด ไม่มีข้าว ไม่มีปลา ก็ยังมีหัวมันที่เราสามารถใช้ประทังชีวิตได้

ถ้าใครคิดว่า “หัวมัน” นั้นไร้ค่า เป็นอาหารชั้นสอง ก็ลองมาฟังเรื่องจริงของมหาเศรษฐีชาวญี่ปุ่นเจ้าของเกียวโตแบงค์ ที่ร่ำรวยขึ้นมาจากหัวมัน ในคราวสงครามโลกครั้งที่สองที่ญี่ปุ่นแพ้สงคราม การสู้รบยาวนานในสงคราม ทำให้ผู้คนในประเทศญี่ปุ่นอดอยากยากแค้น เศรษฐีญี่ปุ่นเจ้าของธนาคารเกียวโตผู้นี้ในยุคนั้นก็เป็นชาวไร่ชาวนาที่ปลูกมัน แต่ความอดอยากทำให้เจ้าของที่ดินหลายรายในยุคนั้นเอาที่ดินมาแลกกับหัวมัน เพื่อประทังชีวิตให้อยู่รอด

หลังสงครามที่ทุกอย่างสงบ จากชาวไร่ชาวนาธรรมดาที่ปลูกหัวมัน เจ้าของธนาคารเกียวโตผู้นี้ก็เปลี่ยนสถานภาพกลายเป็นเจ้าของที่ดินมูลค่ามหาศาลและจากเจ้าของที่ดิน ก็กลายมาเป็นนายธนาคารที่ร่ำรวยที่สุดคนหนึ่งของประเทศญี่ปุ่น ใครจะรู้ว่า หัวมัน ที่ไร้ค่าก็สามารถเปลี่ยนชะตาชีวิตคนจากหน้ามือเป็นหลังมือได้

แต่หัวมันที่อาจารย์ยักษ์ให้ลูกศิษย์ลูกหาช่วยกันระดมปลูกในขณะนี้ มิได้ปลูกเพื่อหวังร่ำหวังรวยเหมือนนายธนาคารญี่ปุ่นผู้นี้ แต่หัวมันนี้จะเป็นหัวมันบุญที่เอื้อให้ผู้คนอยู่รอดในยามวิกฤติ แร้นแค้น หากใครผ่านสงครามมา ผ่านภัยพิบัติธรรมชาติมาก็จะรู้ดีว่า ในภาวะแบบนั้นที่ผู้คนไม่สามารถทำมาหากินได้ปกติ ข้าวปลาอาหาร พืชผักผลไม้ต่าง ๆ จะกลายเป็นของหายาก หรืออาจจะหาไม่ได้เลย หัวมันที่เคยไร้ค่าอยู่ใต้ดิน จะเป็นสิ่งมีค่าสำหรับการมีชีวิตอยู่รอดทันที

เมื่อรู้อย่างนี้แล้วเรามาช่วยกันปลูกหัวมัน ตามโครงการชั่งหัวมันของพระองค์ท่านกันเถอะ ใครจะไปรู้ว่าวันหนึ่ง หัวมันของเราอาจจะช่วยชีวิตผู้คนมากมายนับไม่ถ้วนก็ได้ ถึงเวลานั้นหัวมันที่เราปลูกก็จะเป็น หัวมันที่ให้ผลบุญติดตัวผู้ปลูกไปชั่วชีวิตเลยทีเดียว


อาจารย์ยักษ์กับนายไข่ รายการปราชญ์เดินดิน

(ผู้เขียนเคยเขียนบทความ "โครงการชั่งหัวมันฯ" ไว้เมื่อวันที่ ๓ ธันวาคม ๒๕๕๓ ผู้สนใจขอเชิญอ่านได้ที่ โครงการชั่งหัวมันตามพระราชดำริ - สำนักงานเกษตรจังหวัดเพชรบุรี...โครงการตามพระราชดำริล่าสุดที่หลายท่านคงจะยังไม่ทราบ และร่วมถวายพร