ข้อดีของการค่อยๆ เปลี่ยนเป็นประชาธฺปไตยของพม่า จะดีกว่าไทยแน่นอน?

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย อู่หยาจื่อ, 16 เมษายน 2012.

  1. อู่หยาจื่อ

    อู่หยาจื่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    4,333
    ค่าพลัง:
    +3,828
    การเปลี่ยนแปลงของไทย เป็นไปแบบรีบร้อน
    ถ้าไม่รีบ ก็ไม่ได้ครองอำนาจ ว่างั้นเถอะ แต่
    เราจะวิจารณ์ตรงๆ ไม่ได้ จะถูกแบนนะครับ


    จึงวิจารณ์ของพม่าก็แล้วกันว่าเขาดีอย่างไร
    แล้วเอามาเป็นกระจกสะท้อนมองดูตัวเราครับ
     
  2. อู่หยาจื่อ

    อู่หยาจื่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    4,333
    ค่าพลัง:
    +3,828
    การยกอำนาจให้ประชาชนเร็วเกินไป ปรับตัวไม่ทัน จะถูกครอบงำโดยง่าย


    ประเทศที่เปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองจากแบบ "อำนาจรวมศูนย์เบื้องบน" มาสู่
    ประชาธิปไตยนั้น จะทำอย่างรีบร้อน ไม่ได้ แต่เมื่อทำไปแล้วก็จะกลายเป็นโจทย์ให้
    อนุชนคนรุ่นหลังตามแก้ไขกันต่อไป เพราะอะไร? เพราะประชาชนไม่พร้อม ไม่เคย
    มีอำนาจด้วยตนเอง ในการที่จะใช้วินิจฉัยส่วนตัวในการวิเคราะห์เลือกผู้นำ ดังนั้นจึง
    ไม่ต่างอะไรกับ "การเอาประเทศเป็นหนูลองยา" ลองผิด ลองถูกกันไปก่อน และก่อ
    ผลเสียกับประเทศตามมาภายหลัง (พร้อมๆ กับการพัฒนาของทุนนิยม) ประเทศไทย
    ยังโชคดีหลายอย่าง เช่น เราไม่เจริญมากนักในช่วงแรก จึงไม่เหมือนหมูอ้วน ถ้าเรามี
    อะไรมากไป ต่างชาติก็จะกรูเข้ามารุมกินโต๊ะในช่วงเปิดประเทศโดยที่ภายในเรายังไม่
    เข้มแข็งมากพอรับได้ ทว่า เราโชคดี เขาไม่มาตอนนั้น เปิดโอกาสให้ชนชั้นนายทุน
    ของเราปัจจุบันยังเป็นคนไทย ไม่ใช่ชาวต่างชาติ เป็นหลักใหญ่ ยังมีคนไทยได้เกิดมี
    เป็นนายทุนใหญ่ได้ แต่ภายหลัง ไม่ใช่เช่นนั้น เช่น ที่ภูเก็ต, พัทยา ฯลฯ ชาวต่างชาติ
    มายึดครองเป็นเจ้าของธุรกิจกันมาก โดยชาวไทยดั้งเดิมเสียผลประโยชน์ (อันนี้ ไม่
    ค่อยดี) การพัฒนาของพม่า เข้าสู่ประชาธฺปไตยต่างจากไทย คือ ค่อยๆ พัฒนาให้มี
    เปอร์เซ็นต์ของประชาธิไตยทีละน้อยๆ แต่ยังคงภาพรวมเป็นคอมมิวนิสต์อยู่ ทำให้มี
    เวลามากพอที่ประชาชนจะเรียนรู้และพัฒนาตนเอง ไม่เร็วเกินไป ตรงนี้ต่างจากไทย
    มาก (ไทยเปลี่ยนทีเดียว 90%) ประชาชนไทย จริงๆ ยังไม่ใช่ประชาชน ในระบอบ
    ประชาธิปไตย แต่ยังเป็น "ไพร่" ในระบบเจ้าขุนมูลนายกันอยู่ ไม่ค่อยรู้หน้าที่ในฐานะ
    ประชาชนในระบอบประชาธฺปไตย แต่ยังหลงยึดติดคิดว่าจะมี "เจ้าจากฟ้ามาโปรด"
    เช่น เชื่อเรื่องพระศรีอาร์ฯ มากๆ แล้วรอให้พระศรีอาร์ฯ มาทำทุกอย่าง แทนที่จะเดิน
    หน้าขับเคลื่อนประชาธิปไตย พึ่งตนเอง ไม่หวังรอ เจ้านายจากฟ้ามาสู่ดิน นี่แหละที่
    กล่าวว่าคนไทยยังไม่ใช่ประชาชนในระบอบประชาธิปไตย แต่เป็นไพร่ในระบบเจ้าขุน
    มูลนาย บ้างเลือกนายคนนั้น นายคนนี้ เป็นนายเหนือหัวตน เพื่อให้ตนรอดและได้รับ
    ความเจริญ บ้างเข้ากลุ่มเสื้อเหลือง บ้างเข้ากลุ่มเสื้อแดง น้อยนักจะบอกว่าประชาชน
    คนไทย ไม่มีแบ่งสี และเราทำเพื่อคนไทยทั้งมวลไม่แบ่งแยก (แบบหน้าที่ ประชาชน
    ในระบอบประชาธิปไตย ยืนหยัดขับเคลื่อนได้ด้วยตนเอง) เพราะอะไร? เพราะเราติด
    ยึดว่า "ต้องมีนายคุ้มหัว" ซึ่งก็ไม่ผิดอะไร เป็นธรรมชาติของมนุษย์ซึ่งเป็นสัตว์สังคม
    แต่ "ยังไม่พัฒนาเป็นประชาธิปไตย" อย่างเต็มตัว ก็เท่านั้นเอง นี่แหละ ปัญหาสำคัญ
     
  3. ดินหอม

    ดินหอม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    195
    ค่าพลัง:
    +187
  4. อู่หยาจื่อ

    อู่หยาจื่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    4,333
    ค่าพลัง:
    +3,828
    ไม่หรอก ข้อมูลนี้ผมถูกสั่งให้มอบแด่ "ผู้ปฏิบัติธรรม" ที่
    มีบารมีธรรมรองรับได้เท่านั้น ในเว็บและกระทู้การเมือง
    บางท่านศึกษาแต่การเมือง แต่บารมีธรรมไม่มีรองรับ
    ไม่ควรได้รับครับ (มีแต่จะเถียงกันตาย)


    โอเคไหม?
     
  5. อู่หยาจื่อ

    อู่หยาจื่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    4,333
    ค่าพลัง:
    +3,828
    ปัญหาของพม่าคือ ความแตกแยกภายใน และการถูกครอบงำจากภายนอก


    ถ้าแก้ไขสองอย่างนี้ได้ พม่าจะก้าวเข้าสู่ความเป็นประชาธิปไตยได้อย่างงดงามเลย
    เพราะถ้าไม่ใช้ระบอบคอมมิวนิสต์ในปัจจุบัน จะดูแลประเทศให้เป็นหนึ่งเดียวไม่ได้
    ชนกลุ่มน้อยแต่ละกลุ่มต่างก็มีกองกำลังทหารของตนเองทั้งนั้น พร้อมที่จะแยกตัว
    เป็นรัฐอิสระเสมอ ดังนั้น "คอมมิวนิสต์" จึงจำเป็นสำหรับพม่า จวบจนกว่าจะไม่มี
    ปัญหาเรื่องการแบ่งแยกดินแดน อนึ่ง อองซานเป็นที่ต้องการของคนพม่ามาก ทว่า
    ถ้าเขาพิสูจน์ตัวเองได้ว่าสามารถรวมประเทศเป็นหนึ่ง เจรจาและทำให้ชนกลุ่มน้อย
    ยอมสยบ ไม่คิดแบ่งแยกดินแดนได้ เขาก็ควรได้เป็นประธานาธิบดีในระบอบ ปชต.
    แต่ถ้าเขาทำไม่ได้ ก็แสดงว่าประเทศยังไม่พร้อมเป็นประชาธิปไตย (จะแตกแยก)


    ปัญหาข้อที่สองคือ พม่ายังมีทรัพยากรณ์ธรรมชาติ "อีกมากมาย" ในขณะที่ทั่วโลก
    กำลังเบนความสนใจมาที่เอเชีย ทั้งพม่าก็เป็นทางผ่านขนส่งสินค้าไปจีนได้ ดังนั้น
    พม่าอาจตกอยู่ในสถานะถูกรุมกินโต๊ะจากชาวต่างชาติได้ ด้วยเหตุนี้ นายพล ที่ยังมี
    อำนาจอยู่ก็จำต้องยึดถืออำนาจไว้ในมือก่อน (แม้เบื่อแล้วก็ตาม) ทั้งยังต้องใช้มัน
    เพื่อไม่ให้ต่างชาติเข้ามายึดครองทรัพยากรณ์ของพม่าไป (คนพม่าครองเสียเอง ก็
    ยังดีกว่าให้ต่างชาติมายึดครอง) ปัญหาข้อนี้ ทำให้แม้พม่าพัฒนานิคมอุตสาหกรรม
    และท่าเรือน้ำลึกแล้ว พม่า ก็ยังเป็น "ประชาธิปไตย" ไม่ได้ เพราะคนพม่า ก็ยังไม่มี
    อำนาจและความพร้อมพอที่จะรับ "กระแสทุนนิยม" ที่ไหลบ่ามาอย่างแรงนั้นได้เลย
     
  6. อู่หยาจื่อ

    อู่หยาจื่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    4,333
    ค่าพลัง:
    +3,828
    หากเดินเกมไม่พลาดแล้ว พม่าจะกลายเป็นหนึ่งในอาเซียนเหนือไทยและเวียดนาม


    ต้องไม่ลืมว่า "เทคโนโลยีปัจจุบัน ย่อย่นเวลาให้สั้นลงได้พริบตา" ถ้าประเทศหนึ่งๆ ได้รับก็
    จะพัฒนาตัวเองได้อย่างรวดเร็ว เพราะเทคโนโลยีในการสร้างสิ่งต่างๆ ในปัจจุบัน ย่อย่นได้
    ย่อเวลาลงได้ ทำให้สิ่งต่างๆ สำเร็จได้รวดเร็วมาก แม้ว่าพม่าจะล้าหลังกว่าไทย ณ ปัจจุบัน
    ทว่า "ภายใน 5 ปี" เทคโนโลยี" สามารถเปลี่ยนแปลงประเทศได้อย่างรวดเร็ว ประกอบกับ
    การที่พม่าเป็นคอมมิวนิสต์ จึงไม่ต้องรอประชาชนสั่งการโดยตรงจากเบื้องบนได้ทันที และ
    ประกอบกับสถานการณ์โลกปัจจุบันมีแรงขับดับสองประการที่ยิ่งใหญ่มาก คือ 1. เศรษฐกิจ
    โลก เอนขั้วมาทางเอเชีย โดยเฉพาะประเทศจีน 2. ประเทศจีน ไม่มีเสรีการค้า และการค้า
    ที่ไม่ยุติธรรม ทำให้ยากต่อการเข้าไปทำธุรกิจของประเทศอื่น สองปัจจัยนี้บีบให้ต้องลงทุน
    ที่ พม่า, ไทย, ลาว, เวียดนาม 4 ประเทศนี้เป็นจุดยุทธศาสตร์ในด้าน "ฐานการผลิต" ซึ่ง
    จะขนส่งไปขายที่ประเทศปลายทางคือ "ประเทศจีน" นั่นเอง นี่จึงบอกว่าพม่ามีโอกาสมาก


    ปัจจุบัน ไทยไม่มั่นคงทางการเมือง, เวียดนามมีนโยบายต่างประเทศที่เรรวน ดังนั้น พม่า
    จะกลายเป็นอีกประเทศที่ได้รับความสนใจจากต่างชาติอย่างสูง เพราะเป็นจุดยุทธศาสตร์
    ที่สำคัญ หากไม่เดินเกมผิดพลาด ก็จะกลายเป็นมังกรทยานฟ้า เหนือไทยและเวียดนามได้
     
  7. อู่หยาจื่อ

    อู่หยาจื่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    4,333
    ค่าพลัง:
    +3,828
    การสร้างเมืองคู่ขนานแบบ "ทวิภพ" เมืองอนุรักษ์และเมืองเทคโนโลยี


    การปรับเปลี่ยนพัฒนาประเทศของพม่า จะทำทันทีทั้งประเทศไม่ได้ เพราะยัง
    ไม่มีความพร้อมทั้งประเทศ แต่จะไม่ทำเลย ก็ไม่ได้ เพราะสถานการณ์โลกบีบ
    บังคับ ดังนั้น การเลือกจุดยุทธศาสตร์สำคัญสองจุด คือ 1. เมืองอนุรักษ์ และ
    2. เมืองเทคโนโลยี ก็จะทำให้เกิดการดำเนินกิจกรรมแบบคู่ขนานกันไปทั้งการ
    อนุรักษ์และการพัฒนา แต่ต้องเลือกให้เหมาะสม ซึ่งปัจจุบัน วางจุดยุทธศาสตร์
    ได้ดีแล้ว เหมาะสมแล้ว เมืองหลวงใหม่ จำเป็นต้องเป็นเมืองอนุรักษ์ และค่อย
    เป็นค่อยไป พร้อมๆ กันทั้งประเทศ เป็นจุดศูนย์กลางของอำนาจ แต่เมืองท่าที่
    จะพัฒนาเป็นเมืองเทคโนโลยีจะต้องเป็น "เขตผ่อนปรนพิเศษ" เพื่อเปิดโอกาส
    ให้เกิดการพัฒนา ดำเนินไปได้โดยสะดวก ไม่ติดขัด ไม่เช่นนั้น แม้ก่อสร้างถาวร
    วัตถุได้ แต่จะไม่มีการดำเนินกิจกรรมอย่างลื่นไหลไปได้เลย ดังนี้ จึงต้องมีการ
    "กำหนดเขตพัฒนาพิเศษ" ขึ้น ทั้งยังต้องออกกฏหมายเพื่อผ่อนปรน ทั้งยังเป็น
    การ "ทดลองระบบทุนนิยม" เหมือนใช้เมืองท่านั้นเป็น "เมืองทดลอง" ไม่ได้ใช้
    เมืองหลวงเป็นเมืองทดลอง ทดลองระบบทุนนิยมว่าเข้าได้แค่ไหนกับพม่า และ
    ชาวพม่าพร้อมรับได้แค่ไหน? (ในความจริง ไม่ใช่ในความต้องการที่เรียกร้องกัน)


    อนึ่ง เมืองทวิภพนี้ เคยประสบความสำเร็จมาแล้วในอาณาจักรสุโขทัย ซึ่งมีเมือง
    ศรีสัชนาลัยเป็นเมืองอนุรักษ์ที่คงความเป็นสุโขทัยและล้านนาเดิมไว้คู่กัน ส่วนที่
    เมืองสุโขทัย (เมืองหลวง) นั้น ใช้ระบบการปกครองใหม่ แบบเสรีคือเปิดประเทศ
    เต็มที่ ทำให้ชนชาติต่างๆ เข้ามาค้าขายในเมืองสุโขทัยมากมาย (อันจะทำให้มีผล
    กระทบต่อสุโขทัยด้านต่างๆ มาก เช่น วัฒนธรรม หรือแม้แต่ภาษาที่ใช้ในการพูด
    สื่อสารกัน ยังสับสนและมากหลายจนพ่อขุนรามฯ ต้องรวบรวมแล้วบัญญัติอักษร
    ไทยใหม่ในยุคนั้น เพื่อให้คุยกันรู้เรื่องไม่สับสน) ซึ่งเมืองทวิภพ นี้ได้ประสบความ
    สำเร็จอย่างสูงในยุคนั้นจนทำให้สุโขทัยซึ่งเป็นอาณาจักรใหม่ แผ่ขยายอิทธิผลได้
     
  8. อู่หยาจื่อ

    อู่หยาจื่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    4,333
    ค่าพลัง:
    +3,828

    อะไรเนี่ย ผมไม่ได้ยุ่งกะคุณนะ
    มายุ่งกะผมทำไม ผมแค่สื่อสาร
    ข้อมูลผ่านไปเท่านั้น คนทำไม่ใช่
    ผม คนบอกกับคนทำคนละคนกัน


    ผมก็เหมือนคุณชยุตต์น่ะแหละ แต่
    สื่อสารข้อมูลต่างกันเท่านั้นเอง
    เป็นผู้สื่อ (ทูต) ไม่ใช่นักปฏิบัติ
     
  9. อู่หยาจื่อ

    อู่หยาจื่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    4,333
    ค่าพลัง:
    +3,828
    เข้าใจคนทรงไหม?
    ผมมีสภาพแบบนี้
    ไม่ทำก็ไม่ได้


    เขาให้ทำ ไม่ทำก็ป่วย
    เขาให้สื่อสารข้อมูล
    ก็ต้องทำไป ไม่ใช่
    "ตัวกระทำ" เป็นแค่
    ผู้สื่อสารข้อมูลเท่านั้น


    โปรดเข้าใจด้วยครับ
     
  10. อู่หยาจื่อ

    อู่หยาจื่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    4,333
    ค่าพลัง:
    +3,828
    อะไรเนี่ย ผมทำงานไม่ได้แล้ว
    ไม่มีสมาธิเลย การสื่อสารขัดข้อง


    บายละครับ


    :z8
     
  11. illanzer

    illanzer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    631
    ค่าพลัง:
    +840
    ว้าว คุณต้นมะขามนี่สุดยอดไปเลยครับ อิอิ (^_/\_^)
     
  12. sutanon

    sutanon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    1,553
    ค่าพลัง:
    +170
    จะไปดีได้ไงครับที่มีรัฐบาลเผด็จการกดหัวประชาชน

    ครั้งที่ผ่านมาพม่าได้ผลักภาระราคาน้ำมันให้ประชาชน
    จึงเกิดการประท้วง และฆ่าประชาชนและพระที่มาประท้วงไปมากมาย

    ไม่เห็นด้วยที่อำนาจรัฐจะกดขี่และผลักภาระให้ประชาชน

    รัฐบาลต้องมาจากประชาชนเลือก อย่างน้อยก็ไม่เข่นฆ่าประชาชน
     
  13. ms 13

    ms 13 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    367
    ค่าพลัง:
    +8
    พี่จ๋า sutanon ยศบนบ่าพี่หายไปไหนแล้วละ ผู้สนับสุนเว็บพลังจิตอะ ค้าาา
     
  14. HLC

    HLC เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    466
    ค่าพลัง:
    +259
    บอกแล้วววว ว่ามันต๊อง

    อาการแบบนี้ลองเปิดใจ ไปพบจิตแพทย์ดูคับ
    ไปสื่อสารบอกกล่าวข้อมูลกับหมอท่านดู

    ช่วยได้แน่นอน

    (||)(||)(||)(||)(||)
     
  15. ms 13

    ms 13 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    367
    ค่าพลัง:
    +8
    [​IMG]

    (||)(||)(||)(||)(||)(||)(||)(||)(||)(||)(||)(||)(||)(||)(||)(||)(||)(||)(||)(||)(||)(||)(||)(||)(||)(||)(||)(||)(||)(||)(||)(||)(||)(||)(||)(||)
     
  16. สุมิตราจ๋า

    สุมิตราจ๋า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2012
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +1,529

    ลุงอ่านดูก็รู้ว่าเอ็งมีอิทธิพลความคิดมาจากตำรากระแสหลัก ระวังไว้เถิดมันคือการล้างสมอง เมื่อก่อนข้าก็คิดแบบเอ็งนี้แล อย่าง
    "ประเทศที่เปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองจากแบบ "อำนาจรวมศูนย์เบื้องบน" มาสู่ ประชาธิปไตยนั้น จะทำอย่างรีบร้อน ไม่ได้ แต่เมื่อทำไปแล้วก็จะกลายเป็นโจทย์ให้อนุชนคนรุ่นหลังตามแก้ไขกันต่อไป เพราะอะไร? เพราะประชาชนไม่พร้อม ไม่เคยมีอำนาจด้วยตนเอง ในการที่จะใช้วินิจฉัยส่วนตัวในการวิเคราะห์เลือกผู้นำ "

    นี่ข้าเคยคิดแบบนี้เมื่อนานมาแล้ว แต่ทุกวันนี้ข้าเห็นอะไรมามาก ข้าแก่แล้ว ถึงรู้ว่าไอ้ความเข้าใจนี้มันคือการล้างสมอง เพราะชนชั้นบนไม่ต้องการให้ประเทศไทยมีประชาธิปไตยอย่างแท้จริง มันถึงได้เทิดทูลแค่ชาติ ศาสนา คิง ไง ไหนล่ะประชาชน ไหนละเสรีภาพทางความคิด ไหนล่ะประชาธิปไตย ไม่มีมันเน้นชาติ ทำเพื่อชาติ และมองว่าการทำเพื่อชาติก็คือทำเพื่อทุกคน นี่มันชาตินิยม ไม่ใช่ประชาธิปไตย เป็นเผด็จการในคราบประชาธิปไตย เรื่องนี้มันเริ่มมาตั้งแต่ยุค จอมพล ป. นั้นแล ไอ้พรรค์ประชาธิปัตย์นี้ก็ตัวดีพวกนี้แต่โบราณมาสนใจแต่อำนาจ คนพวกนี้มองว่าชาวบ้านโง่ ไม่รู้อะไร ชื่อประชาธิปัตย์แต่มันไม่อยู่ข้างประชาชนมันอยู้ข้างศักดินา ทีนี้มายุคหนึ่งท่านอ.ปรีดี แพ้จอมพล ป. กับ พรรค์ประชาธิปปัตย์ ก็ตอนที่ในหลวงร.8 จากไปนั้นแล ทีนี้พวกนี้เข้ามามีอำนาจอีกครั้ง ก็ปลูกฝังความคิดทำนองนี้ลงหัวคนว่า คณะราษฎร เป็นพวกใจร้อนด่วนได้อยากรีบมามีอำนาจ เกลียดเจ้า ดูสี่แผ่นดินเถิดจะเห็นว่าไอ้เรื่องนี้มันสนับสนุนความคิดทำนองนี้ ใช้นิยายเป็นเครื่องมือล้างสมอง ทำนองนี้ ถ้าตอนนั้นท่านอ.ปรีดีชนะประเทศไทยก็คงมีประชาธิปไตยอย่างแท้จริง มิใช่แบบจอมปลอมที่มีแต่ตัวเลือกชั่วๆๆแบบนี้ดอก ทีนี้ทุกวันนี้อ้ายพวกนี้ก็ยังกลัว ผีปรีดี มีใครพูดถึงท่านบ้างล่ะ ไม่มี ท่านนี้ความดีไม่แพ้พระนเรศวร พระเจ้าตาก ท่านกู้ไทยจากการเป็นผู้แพ้สงคราม ท่านไถ่คนไทยจากไพร่ให้เป็นประชาชน คนไม่พูดเพราะกลัวความคิดท่านจะเข้ามาทำให้ปัญญาชนตาสว่างขึ้น และ ท้าทายอำนาจชั่ว หาว่าท่านเป็นคอมมิวนิสต์
    ทุกวันนี้หนังสือการเมืองการปกครองไทยมันก็เขียนทำนองนี้ มันสอนสืบๆๆกันมา ไอ้พวกเสื้อแดงมันก็เกิดมาจากจุดนี้นั้นแล จนมันมาระเบิดออกในยุคนี้ ส่วนทักษิณมันแค่ตัวแปรหนึ่ง แต่ไม่ใช่ทั้งหมดและก็ดีแล้วที่ถูกเอาลง ไม่งั้นมันจะวิบัติกว่านี้ที่นี้ไอ้คนเอาลงมันใช้ผิดวิธี มันดูถูกพลังประชาชนเพราะมันถูกสอนมาแบบนี้ คนจน พวกชั้นล่างชั้นกลางมันโง่ มันก็เลยกลายเป็นแบบนี้ ถ้ามันรู้จักรอ รับรองประชาชนจะเป็นคนลงมือกันเอง นั้นแลความชั่วมันจะถูกถอนราก ทีนี้มันไม่งั้น ปฏิวัติเสร็จ แม้ไม่ทำอะไรเลย คนส่วนใหญ่ก็เลยไปเข้าใจว่าเอาคนนี้ลงแม้งไม่มีอะไรดีขึ้นเลย เลวลงอีกมั้ง ทีนี้ก็เลยกลายเป็น คนไปสงสารทักษิณกัน แทนที่จะเห็นหายนะ มันก็เลยยังคงชนะ นั้นแลอีกประการหนึ่งไอ้เสื้อเหลือ เสื้อแดงนี้มันเกิดมาจาก อวิชชาทั้งนั้น มันไม่รู้จริง มันรู้แต่พวกกู พวกมึง ของกู ของมึง นั้นแล มันเลยเป้นแบบนี้ มันไม่หันหน้าหากัน

    ส่วนเรื่องทุนนิยมนี้มันชั่วมาก มันชั่วมาตั้งแต่ ตอนที่เราไปยอมให้อเมริกันมันมาเป็นนายเหนือหัว เราในยุคอ้ายสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เปิดให้ทุนนิยมเข้ามาเต็มที่ความจริงมันก็เข้ามานานแล้วตั้งแต่ยุค ร.4 ไอ้ทุนนิยมนี้ แต่มันเข้ามาเต็มที่ในยุคอ้ายสฤษดิ์ แล้วมันขุดรากถอนโคลนเราหมด ดูเถิดชีวิต คนไทยมันขึ้นกับกากเดนของนายทุน เป็นทาสนายทุน มันลืมตน ทุกวันนี้ประเทศไทยนะหรือมันเหมือนปลาที่ถูกทอดไปแล้วทั้งตัว เตรียมถูกขึ้นโต๊ะ รอพวกบรรษัทข้ามชาติ แบงค์โลก กิน นี่มันเป็นขนาดนี้ เอ็งไปโรงบาล เอ็งไม่มีเงิน มันก็ปล่อยเอ็งตาย มันจิ้มเอ็งสองที มันคิดค่ายาเอ็งเป็นพันๆเป็นหมื่นๆ ยาเหี้ยอะไรมันแพงขนาดนี้ แต่เอ็งก็ต้องยอม ถ้าใช้สวัสดิการรัฐ เอ็งก็ได้แต่พารา นี่ข้าไม่ได้โทษหมอ หมอก็ต้องหากิน แต่การแพทย์บ้านเรามันถูกครอบงำ โดยบรรษัทยาข้ามชาติ ต้นทุนมันแพง มันผูกขาด ทุนมันคลุมโรงบาลแทนที่จะเน้นช่วยคนมันเน้นหาเงินหากำไร ที่สำคัญ ไอ้พวกเวรในสภามีลาภจากพวกนี้มันก็เลยปล่อยเลยตามเลย นั้นแล ยังมีอีกหลายเรื่องนัก เอ็งไปดูเถิดทุกๆ เช้า ตีห้าครึ่งป้ายรถเมล์คนยืนเต็ม นี่มันรีบออกไปหาเงิน ดึกกลับมานอนตาย เช้าไปใหม่ ยุคลุงไม่มีแบบนี้ แต่นี่ไม่กี่สิบปีมันเป็นขนาดนี้ ไปดูระบบมหาลัยสิ แรงงาน เราผลิตแรงงาน ที่ดี ถุย มันไม่เห็นนักศึกษาเป็นคนแล้ว ทุนนิยมมันทำให้คนบ้าขนาดนี้ นั้นแล
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 18 เมษายน 2012
  17. สุมิตราจ๋า

    สุมิตราจ๋า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2012
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +1,529
    วันนี้ข้าบ่น เสี่ยงคุกยิ่งนัก ข้าจะมิเอ่ย วจีเรื่องนี้อีก เพียงแต่พูดให้พวกเอ็งคิดนั้นแล
    บ๊ะ จักรับหมากพลูไหม
     
  18. ทะเลลึก

    ทะเลลึก Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    126
    ค่าพลัง:
    +80
    คุณบาร์โดครับ พม่าไม่ได้ปกครองด้วยระบอบคอมมิวนิสต์ แต่ปกครองด้วยระบอบเผด็จการทหารน่ะครับ มันแตกต่างกันมากอยู่
     
  19. ต้นมะขาม

    ต้นมะขาม สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    88
    ค่าพลัง:
    +3
    ออกจะคล้ายๆกันนะครับ เพียงแต่ว่า เขามีแค่อำนาจทหารอยู่ในมือเท่านั้น
     
  20. Pelagia

    Pelagia เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2008
    โพสต์:
    790
    ค่าพลัง:
    +1,198
    เท่าที่พอรู้มานะครับ การปกครองด้วยคอมมิวนิสต์ ประชาชนจะไม่ได้เป็นเจ้าของที่ดินที่แท้จริง จะต้องเช่าเอาจากรัฐ ที่จีนก็เป็นอย่างนี้เหมือนกัน ตามอุดมคติแล้วสิ่งที่ประชาชนทำมาก็ต้องเข้ากองกลางแล้วแบ่งกันด้วย เช่นเก็บเกี่ยวผลไม้ได้เท่าไหร่ก็เข้ากองกลางแล้วแบ่งแจกจ่ายให้เท่ากันหมดทุกคน

    แต่การปกครองด้วยเผด็จการทหาร ที่ดินยังไงก็ยังเป็นของประชาชนไม่ได้เป็นของรัฐ เพียงแต่ว่าการปกครองประชาชนจะไม่มีสิทธิ์ออกเสียงหรือออกความเห็นเท่าไหร่ ตรงส่วนนี้จะคล้ายๆ กับคอมมิวนิสต์ แต่การปกครองโดยทหารผู้ปกครองจะมีอำนาจปืนอยู่ในมือ ใครทำผิดกฏหมายอาจโดนปืนได้ แต่ทั้งนี้ก็อยู่กับผู้ปกครองด้วยว่าจะโหดแค่ไหน
     

แชร์หน้านี้

Loading...