Subliminal Messages การซ่อนข้อความหรือความหมายในที่ต่างๆ???

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย k.kwan, 21 พฤศจิกายน 2010.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    พี่ตู้ทอล์กโชว์ 'แร้งกินน้ำ' ๒๕๕๕ โลกาวินาศอยู่ชาติเดียว!!
    โดย ผู้จัดการ 360° รายสัปดาห์ 2 เมษายน 2555 14:26 น.
    [​IMG]
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>ชื่อของเขา “แสลงหู” ผู้คนจำนวนไม่น้อย
    ความคิดของเขา ถูกบางใครเรียกขานในฐานะ “ภัยต่อความมั่นคงของชาติ”
    และตัวตนของเขา คือ “ไม้เบื่อไม้เมา” ของมนุษย์บางจำพวก
    “จรัสพงษ์ สุรัสวดี” หรือ “พี่ตู้” ของใครต่อใคร ยังเจ็บปวดไม่คลายกับเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ ไม่ต่างจากอีกหลายล้านชีวิตในประเทศอันน่าวิตกจริตนี้
    เพราะเหตุการณ์อันน่าจดจำ (ตรงไหน?) ผู้ชายที่เพียบพร้อมด้วยอารมณ์ขันอันร้ายกาจคนนี้ มีความในใจและข้อมูลเต็มสมอง พร้อมที่จะผ่องถ่ายสู่ผู้คนที่สนใจ ในทอล์กโชว์ชื่อแผลงๆ “แร้งกินน้ำ” รับรอง งานนี้มีคน “เสียเลือด”
    แต่ทุกบรรทัดถัดจากนี้ ฟรีก็อปปี้ Taste ขออนุญาตจัดออเดิร์ฟเบาๆ ก่อนจะไปเจอ “ของหนัก” ของจริง ในวันเสาร์ที่ 21 เมษายนนี้ ที่ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย...

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=600 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=600>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> อะไรคือแรงบันดาลใจอันยิ่งยวดที่ทำให้พี่ลุกขึ้นมาจัดทอล์กโชว์ครั้งนี้ครับ?
    มันจะเป็นบ้าครับ ถ้าไม่ได้พูดกับใคร เพราะวันๆ พี่เอาแต่ซ่อมบ้าน พี่ทำเองไม่ยอมใช้ช่าง เพราะช่วงนี้ ช่างขาดแคลนและขูดรีดเนื่องจากลูกค้าเยอะ พี่เป็นสถาปนิก ออกแบบบ้านตัวเองได้ ก็ต้องซ่อมเองได้ แต่ปรากฏว่าซื้อเครื่องมือรวมแล้วแพงกว่าจ้างช่างอีก นี่หมดไปกี่แสนแล้วไม่รู้ ยังไม่ได้รับสามหมื่นที่รัฐบอกจะให้เป็นค่าปิดปากเลยครับ เมื่อไม่ให้ค่าปิดปากก็ขอพูดบนเวทีเลย เพราะสื่อไหนก็ไม่กล้าให้พี่ออกอากาศเพราะปอดแหกกันหมด
    กล้าทำน้ำท่วมแผนดินเกิดขนาดนี้นี่ รัฐบาลกลายเป็นนักเลงใหญ่ ระดับเจ้าพ่อ ไม่มีใครกล้าแตะเลยนะครับ เพราะรัฐบาลไหนก็ไม่เคยกล้าหากินโดยทำร้ายประชาชนที่เลือกตนมาถึงขาดนี้ นี่แบ่งกันสูบจากน้ำกันถ้วนหน้า ไม่เกรงอาญาแผ่นดิน โดยประชาชนก็ไม่กล้าว่าอะไรเลย เป็นสังคมที่ประหลาดที่สุดในโลกแล้วครับ
    ใครจะสิ้นโลกกันปีนี้ แต่แผ่นดินนี้จะสิ้นชาติก่อนเขาสิ้นโลกกันนะครับ ที่พี่จัดทอล์กโชว์ก็ไม่ใช่จะระบายอะไรให้ใครฟัง แค่จะบอกความจริงที่รู้มาว่า เขาวางแผนกันอย่างไร แบ่งกันเท่าไหร่ แล้วเราต้องทำยังไงเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีก ซึ่งเขาตั้งใจให้น้ำท่วมอีกแน่นอน เพราะงบประมาณบรรเทาสาธารณภัยมันมหาศาล เขตไหนขังน้ำนาน เขตนั้นรวยครับ
    ต่างจังหวัดคุ้มครับกับสามหมื่น ตู้กับข้าวใบเดียวเสียหาย หลายจังหวัดยังอยากให้ท่วมอีกด้วยซ้ำปีนี้ แต่ชานเมืองแต่ละหลังหมดเป็นแสน ยิ่งถ้ารถยนต์จมน้ำด้วยก็เป็นล้าน ถ้าฟ้องร้องก็เหนื่อยเปล่าเพราะจำเลยที่หนึ่งเป็นถึงรัฐมนตรียุติธรรม ปลดผู้พิพากษาได้เชียวนะครับ ถ้าเป็นบ้านเมืองอื่นที่ไม่ใช่พุทธ ป่านนี้มีศาลเตี้ยเป็นแถวแล้วครับ
    กลไกทางสังคมเท่านั้นที่จะป้องกันอนาคตได้ ถ้าทุกคนช่วยกันพูดว่า รู้ทันนะ ก็อาจทำให้รัฐบาลรู้จักยั้งคิดเพราะผู้แทนแต่ละเขตคงไม่อยากถูกมองว่ารับเงินค่าปิดปากเพื่อให้เขตของตนเป็นแก้มลิง แต่อีกหลายผู้แทนอาจอยากเป็นแก้มลิงขึ้นมาบ้างก็อาสาขังน้ำเน่าในเขตตน คราวนี้จะท่วมทั้งประเทศได้เลยนะครับ ประเทศอื่นเห็นก็เอาอย่างบ้าง ก็ท่วมทั้งทวีป ทวีปอื่นก็เอาบ้าง ก็ท่วมโลกสิครับทีนี้ โลกาวินาศก็จะมีไทยเป็นต้นเหตุได้ในคราวนี้นั่นเองครับ
    แต่คราวนี้หมดโอกาสเรียกเงินจากนิคมเป็นค่าคุ้มครองอีกแล้วครับ เพราะหลายนิคมล่มไปโดยขอเงินคืนไม่ได้ คือเป็นค่าเสียรู้ว่างั้น ทุกคนเจ็บแล้วจำครับ จะเอาคืนหรือไม่ ขึ้นอยู่กับศักยภาพของแต่ละองค์กรเท่านั้น ใครไร้น้ำยาก็ต้องเงียบ แล้วแก้ตัวไปวันๆ ว่าทำไมจึงแหย

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=333 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=333>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> ในทอล์กโชว์ครั้งนี้ มีหมัดเด็ดที่พอจะเปิดเผยได้บ้างไหมครับ?
    เปิดเผยก่อนเดี๋ยวเป็นคดีความเปล่าๆ ครับ ทอล์กโชว์พี่ไม่เคยบันทึกเทป ไม่เคยเผยแพร่ เพราะไม่ผ่านเซ็นเซอร์แน่นอน บ้านพี่ชั้นเดียว น้ำเข้าทุกห้อง เฟอร์นิเจอร์ต้องทิ้งหมดทุกชิ้นเพราะราขึ้น พี่ต้องพิการเท่านั้นจึงจะให้พี่อยู่เฉยได้ครับ คนมีศักยภาพอย่างพี่จะให้นั่งอมสากอยู่กับบ้านคงทำไม่ได้หรอกครับ คนอื่นเขาเงียบเพราะไม่มีศักยภาพ ก็เรื่องของเขา พี่มีหน้าพลเมืองที่ต้องทำ พี่ไม่ชอบบกพร่องเหมือนผู้บริหารน้ำครับ
    ปัญหาคือผู้ชมบางท่านอยากฟังพี่พูด บางท่านอยากฟังพี่ร้องเพลง พี่ก็กะว่าจะพูดไปร้องไป ถ้ามีใครอยากดูพี่ฆ่าคน พี่ก็ต้องทำให้ดูบนเวทีด้วย ไม่ยากครับเดี๋ยวนี้ เงินจ้างได้หมด จ้างคนที่ทำลายพนังกั้นน้ำให้หยุดทำลายยังได้เลย แค่ผู้แทนเขตที่จมน้ำยอมจนลงหน่อย คือแบ่งกันกินนั่นเอง น้ำท่วมคราวหน้า ใครอยากได้ค่าปิดปากก็ไปพังทำนบกั้นน้ำนะครับ ถ้าเขาไม่ให้ค่าปิดปาก ก็แปลว่าเขาจะให้ฆ่าปิดปากแทนครับ
    พี่จึงจะเขียนหนังสือชื่อ “น้ำท่วม พี่ว่าดีกว่า ฝูงแร้ง” ออกวางแผง ก็หวังค่าปิดปากนี่แหละ แต่ถ้าจะฆ่าปิดปาก พี่ก็พร้อมสวนครับ พี่ยกพื้นเมตรกว่าตั้งแต่สร้างบ้าน น้ำไหนก็ไม่น่าขึ้นถึง ถนนหน้าบ้านน้ำถึงอกยังไม่เข้าบ้านพี่เลย จนกระทั่งไอ้บิ๊กแบ๊กจัญไรนี่แหละครับ น้ำทะลักเข้าบ้านห้าเซ็นฯ แต่มันชั้นเดียว มันก็เข้าทุกห้อง ลำลูกกาแช่น้ำเน่าสองเดือน ต่อให้ทำหมันแล้วก็แค้นได้นะครับ

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=402 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=402>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> คนที่ไปดูทอล์กโชว์ครั้งนี้ จะได้อะไรบ้างครับ?
    ที่แน่ๆ คือ ได้หัวเราะครับ เพราะพี่อารมณ์ดีเสมอเมื่อขึ้นเวที แต่เนื้อหามันเจ็บปวด ก็คงหัวเราะไปขบกรามไป ทำยากนะพี่ว่า แต่ละคนที่พี่เชิญขึ้นเวทีด้วยก็เป็นคนที่รู้เรื่องจริงทั้งสิ้น เอามาเปิดเผยเพราะเขาก็เจ็บปวดเหมือนกัน ใครที่โดนขนาดนี้แล้วไม่เจ็บปวด แสดงว่าต่อมลูกหมากเริ่มเบียดก้านสมองแล้วนะครับ
    พี่เคยพูดเรื่องในหลวงแล้วคนดูร้องไห้ทั้งโรง ทั้งที่เป็นเรื่องที่เขาเคยได้ยินกันแล้ว คราวนี้คงต้องพูดอีก เพราะเป็นช่วงที่มีค่าที่สุดบนเวทีพี่ครับ
    ที่คนดูชอบกันมากคือ การที่พี่เชิญใครก็ได้ขึ้นเวทีเดี๋ยวนั้น ไม่ต้องเตี๊ยมอะไร โดยที่เขาก็ไม่ได้เสียหายอะไร แต่มันสดไงครับ คนไม่ได้หัวเราะเยาะ แต่หัวเราะความน่าเอ็นดูของคนดูด้วยกันที่เป็นธรรมชาติ พี่ไม่เล่นสังขารหรือปมด้อยอย่างที่พวกตลกชอบเล่นกัน พี่เล่นที่ความในใจของเขาครับ คนเราพอมีคนล่วงรู้ความในใจ มันเหมือนจับเขาแก้ผ้า เขาอายนะ ทั้งที่เราไม่ได้ตั้งใจทำให้เขาอายเลย แต่สังคมมันปลูกฝังให้คนเราซ่อนความในใจ ซึ่งพี่ว่าโง่นะ สังคมต่างจังหวัดน่าอยู่เพราะคนบ้านนอกไม่ซับซ้อนซ่อนเงื่อน คือไม่มีลีลานั่นเองครับ แต่ไม่ได้แปลว่าเขาควรโดนน้ำท่วมมิดหัวเพียงเพื่อให้คนบางกลุ่มร่ำรวยนะครับ
    เดิมที พี่ตั้งชื่อทอล์กโชว์คราวนี้ว่า “สองเดือน ลำลูกกา ห่าราก” สื่อเขาขอให้เปลี่ยน เพราะเขาพูดออกอากาศลำบาก

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=333 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=333>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> ที่ผ่านมา เราเคยเห็นแต่ “รุ้งกินน้ำ” แล้ว “แร้งกินน้ำ” มันมาจากไหนครับ? มีเจ็ดสีเหมือนรุ้งกินน้ำไหม?
    ยามใดที่ฝ่ายค้านแข็งแรง ฝ่ายโกงก็ต้องกินอย่างอื่นที่ดูเนียนขึ้นเป็นธรรมดาครับ ภัยธรรมชาติเป็นเหยื่อโอชะที่ธรรมชาติพร้อมเป็นแพะให้เสมอไงครับ บางชาติในลาตินทำแผ่นดินไหวเพื่อกินงบบรรเทาทุกข์และงบก่อสร้างเลยนะครับ นี่เราก็เริ่มของบประมาณยกถนนกันแล้วหลายจังหวัดนะ เป็นวิธีแก้น้ำที่ผิดนะครับ น้ำจะสูงกว่าเดิม ก็จะรวยกันกว่าเดิม ข้าวห่อเยอะขึ้น ถุงยังชีพเยอะขึ้น เรือรับจ้างเยอะขึ้น พวกนี้ต้องจ่ายเจ้าที่นะครับ ไม่งั้นเอาเรือบริจาคมาหากินไม่ได้ พี่จะกลับเข้าไปเอาปืนออกจากบ้าน เรือรับจ้างบอกพี่ว่าเที่ยวละห้าแสน ไปกลับล้านนึง พอพี่บอกว่าแค่จะเข้าไปเอาปืนยี่สิบกว่ากระบอก มันถึงให้ไปกลับฟรี แต่พี่มีเรือของตัวเองแล้ว แค่กวนตีนมันเล่น สนุก ขากลับออกมาพวกเรือจ้างเข้ามาแสดงน้ำใจช่วยพี่ขนปืนกันใหญ่ หายไปสามกระบอก ดูมัน
    “แร้งกินน้ำ” มาจาก “รุ้งกินน้ำ” ที่จริงพี่ควรตั้งชื่อทอล์กโชว์นี้ว่า “แร้งทึ้งน้ำ” หรือ “แร้งสูบน้ำ” เพราะเขาสูบจากน้ำกันจริงๆ ครับ แถมเรียกน้ำเป็น “มวล” ชาวบ้านก็คิดว่าน้ำคงเป็น “มวน” เหมือนมวนบุหรี่ เพราะเห็นสูบน้ำกันเหมือนสูบบุหรี่ ความจริงเขาสูบงบกันครับ ก็คงจะติดน้ำเหมือนติดบุหรี่ด้วย นั่นแปลว่าจะเลิกยาก ก็ต้องท่วมทุกปี ไม่งั้นจะไม่มีอะไรให้สูบกัน ก็จะหิวโซ ไม่มีแรงยกมือในสภา ก็อดได้ค่าจ้างยกมืออีก ห่า แดกไปซะทุกอย่างเลยครับ
    ความแตกต่างคือ รุ้งกินน้ำมีเจ็ดสี แต่แร้งกินน้ำมีแดงสีเดียวครับ

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=right border=0><TBODY><TR><TD width=5>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=402 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=402>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> อะไรคือความหมายและบริบทของ “แร้งกินน้ำ” ครับ?
    แร้งเป็นสัตว์ที่กินของบูดเน่า หรือจากน้ำเน่านั่นแหละครับ แร้งไม่หากินเอง กินจากซากหรือจากความเดือดร้อนของผู้อื่น เขาจะตายอยู่แล้วยังจะซ้ำเติม ที่ไหนเดือดร้อน แร้งจะไปบินวนอยู่บน ฮ. รอว่าจะมีโอกาสสูบกินเมื่อใด
    ซึ่งบางทีก็ไม่รอนะ กินทั้งเป็นๆ นี่แหละ ตะกละมาก จำเป็นครับ เพราะต้องแย่งกันรุมทึ้ง มองจากข้างบนลงมา มันเห็นนี่ครับว่าส่วนไหนยังไม่ท่วม ก็โทรหาผู้แทนเขตนั้นว่า คิดเท่าไหร่ถ้าให้น้ำท่วมเขตนั้น แล้วแบ่งกันกินงบประมาณ ซึ่งไม่เคยถึงประชาชนที่เสียภาษี ถึงแต่ประชาชนที่ไม่เสียภาษี เพราะพวกนั้นเป็นฐานเสียงครับ ตกลงเราเสียภาษีไปเลี้ยงฝูงแร้งและสมุนแร้งกันด้วยความจำยอม
    หลายคนก็หวังดี บอกพี่ว่า พี่ตู้จะพูดทำไม ไม่มีประโยชน์หรอก แต่พี่ไม่ได้ต้องการทำประโยชน์นี่ครับ พี่แค่ไม่อยากบกพร่องในหน้าที่พลเมืองที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญที่ยาวที่สุดในโลก ประเทศที่รัฐธรรมนูญสั้นหรือไม่ต้องมีรัฐธรรมนูญ ไม่มีปัญหาโง่ๆ แบบนี้นะครับ เขาไม่ต้องมีข้อบังคับนักการเมืองเพราะประชาชนของเขาเลือกแต่คนรู้มารยาทเข้าสภา บัตรเลือกตั้งก็ไม่ต้องมีเบอร์ ไม่ต้องมีจุดให้นับ เพราะประชาชนอ่านชื่อผู้สมัครออก ประเทศที่ต้องจับเบอร์ก่อนเลือกตั้งแสดงว่าคนส่วนใหญ่ไร้ปัญญาครับ มีสติปัญญากันไม่ถึงหนึ่งเปอร์เซ็นต์ ก็ดันรวมกันไม่ได้อีก เพราะต่างทรนงว่ามีสมอง ก็เลยไม่มีพลัง ยามวิกฤติก็เลยเป็นเหยื่อพวกแร้งที่ไร้สติปัญญา ที่หากินง่ายๆ ไร้ยางอาย เพราะคนที่มีศักยภาพที่จะต่อสู้ได้ดันยอมไงครับ คือยอมโจร แต่ไม่ยอมคนดีด้วยกัน เถียงกัน แปลกครับ
    เมืองหนาวเขาถึงต้องมีสมาคมลับฟรีเมสันกันทุกประเทศไงครับ สิงคโปร์ยังมีสมาคมนี้อย่างเปิดเผยเลย พี่เคยพยายามตั้งสมาคมนี้ มีสมาชิกคนเดียวคือพี่ ทำห่าอะไรไม่ถนัดเลยครับ คนไทยรวมกันแล้วเถียงกัน ไม่รู้ทำไม ขนาดพี่ตั้งสมาคมคนเดียว พี่ยังเถียงกับตัวเองได้ทุกวัน เถียงแล้วมันดูเท่มั้งครับ มันลบปมด้อยที่ยอมโน่นยอมนี่มาตลอดชีวิต ถูกบังคับให้กราบโน่นกราบนี่จนสิ้นศักดิ์ศรีความเป็นคนมาตั้งแต่เกิด ก็มาระบายกับคนดีเพราะไม่กล้าระบายกับโจร ความขี้ขลาดเป็นบ่อเกิดของความพินาศมาทุกยุคสมัย แล้วก็ให้คนกล้ากอบกู้ให้ทุกคราไป แล้วคนขี้ขลาดก็ขอมีบทบาทเพื่อให้ท้ายโจรทำแผ่นดินทรุดอีก ไม่เคยเข็ดครับ
    การไม่รู้จักขอบคุณคนกล้าด้วยกตเวทิตา เป็นการเนรคุณขั้นสูงสุด ที่จะต้องชดใช้อย่างเปียกปอนซ้ำแล้วซ้ำเล่าครับ
    วันนี้ ถ้าทุกคนรู้จักแสดงความขอบคุณทุกเขตที่ยอมโดนน้ำเน่าขังเพื่อป้องกันเขตที่รอด แผ่นดินจะปลอดภัยพิบัติไปอีกแสนนาน ถ้าเราทำพิธีขอบคุณผู้มีพระคุณกันเป็น เราจะมีแต่ความเจริญกันครับ และยิ่งถ้าเรารู้จักประณามผู้ร้าย เราจะกลายเป็นมหาอำนาจเหมือนเผ่าพันธุ์ที่เขาปฏิบัติเช่นนี้กันอย่างเคร่งครัด จนรุ่งเรืองโดยชีวิตส่วนตนและสังคมส่วนรวมครับ ไม่ลองไม่รู้ แต่สังคมขี้ขลาดไม่เคยกล้าลองอะไรเลยครับ รอให้คนอื่นทำให้ตลอด เดือดร้อนก็เรียกหาทหาร พอปลอดภัยก็เนรคุณทหาร แผ่นดินรับรู้นะครับ และลงโทษรุนแรงมากด้วย
    กองทัพไม่เคยละเลยพิธีขอบคุณวีรกษัตริย์ในวันกองทัพไทย กองทัพจึงยังเกรียงไกร ไม่มีผู้ใดโค่นล้มได้ ถ้าเรากล้าเพียงทำพิธีขอบคุณกองทัพในกรณีน้ำท่วมที่ผ่านมา เราจะก้าวไปแต่ข้างหน้าโดยปลอดภัยครับ แล้วยิ่งถ้าเรากล้าประณามผู้ที่ทำให้น้ำท่วม เรายิ่งจะเหาะเหินเดินฟ้าได้เลยปานนั้นนะครับ พี่ลองแล้ว พี่รู้ดี เป็นมนุษย์ค้างคาวอยู่พักนึง กลางคืนไม่นอนเลย นั่งรอเหยื่อที่จะรุกล้ำเขตบ้าน ให้มันเป็นแพะแทนแร้งที่รังแกเรา เพราะหาแร้งไม่เจอ
    พ่อพสุธาและแม่คงคาจะไม่ปราณีคนที่ดูถูกตัวเองว่าไร้ศักยภาพนะครับ เพราะบกพร่องแล้วในหน้าที่พสกนิกรของแผ่นดินและผืนน้ำอันเป็นถิ่นกำเนิดของตน

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=right border=0><TBODY><TR><TD width=5>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=600 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=600>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> ถามตรงๆ พี่ตู้มีความอัดอั้นตันใจอย่างไรบ้างกับความเป็นไปของบ้านเมืองตั้งแต่ช่วง “แร้งกินน้ำ” เป็นต้นมา?
    ไม่อัดอั้นอะไรเลยครับ ก็คนส่วนใหญ่ให้อำนาจเขา เขาก็ใช้อำนาจเพื่อประโยชน์ของพวกเขา เราต่างหากที่ผิดเพราะยอมครับ “การยอม” ทำให้ต้องแก้ตัวสารพัด พอไม่ยอม กลับไม่ต้องแก้ตัวอะไรให้เหนื่อยเลยครับ ลองดูสิ
    พี่มีระบอบใหม่ที่ไม่ให้อำนาจ คงเหลือไว้แต่หน้าที่ สำหรับผู้ที่อยู่ในสภา ซึ่งพี่จะให้อรรถาธิบายในวันทอล์กโชว์ เสาร์ที่ 21 เมษายน บ่ายสอง ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย หอเล็ก ซื้อบัตรที่ไทยทิกเก็ทเมเจอร์ ๙๐๐ บาททุกที่นั่งนะครับ พี่ต้องการเงินมาซ่อมบ้านให้กันน้ำได้ทั้งหลัง ซึ่งพี่จะสร้างให้ดูบนเวทีด้วยครับ มาสร้างบ้านใหม่กับพี่กันมั้ย?
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    Taste - Manager Online -
     
  2. blank123

    blank123 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +229
    อิอิ แท้งกิ๋ว เจ้าค่ะ อิหม่ามี๊ขราาาา
    ที่อุส่าเอาเรื่อง แร้งกินน้ำ มาโพส หั้ยอ่าน
    อืม...ป๋าตู้ นี่ เป็น ไอดอล อีกคนของนู๋บี เรยนะเนี่ย อิอิ

    [​IMG][​IMG]
     
  3. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    แม๋ๆๆๆๆ ใจเดียวกันอีกละ หุหุ :cool:
     
  4. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    นิทานเซน : คำด่าดั่งของขวัญ

    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 4 เมษายน 2555 07:48 น.

    [​IMG]

    ภาพจาก

    ขณะอาจารย์เซนออกจาริกธรรม ระหว่างการเดินทางบังเอิญพบผู้ที่ตั้งตนเป็นปฏิปักษ์ต่อพระเซน คนผู้นั้นเอาแต่ประณามหยามเหยียดอาจารย์เซน ใช้คำพูดตำหนิหวังให้อาจารย์เซนได้อาย แต่ไม่ว่าจะพูดอย่างไร อาจารย์เซนกลับไม่มีท่าทีสะทกสะท้าน ยังคงสงบสำรวมดังเช่นที่เป็นมา

    ในที่สุดคนผู้นั้นอดรนทนไม่ได้ เอ่ยถามอาจารย์เซนด้วยความสงสัยใคร่ใจว่า "เราตำหนิประจานเจ้าถึงเพียงนี้ เหตุใดเจ้าไม่รู้สึกรู้สา อีกทั้งไม่โต้ตอบ"

    ยามนั้นอาจารย์เซนไม่ตอบ แต่กลับเอ่ยถามคนผู้นั้นกลับไปว่า "หากมีผู้มอบของขวัญให้ท่านแล้วท่านปฏิเสธไม่รับ ของขวัญชิ้นนั้นนับว่าตกเป็นของผู้ใด?"

    คนผู้นั้นตอบว่า "ย่อมยังเป็นของผู้มอบให้"

    อาจารย์เซนจึงกล่าวว่า "นั่นก็ใช่แล้ว หากเราไม่รับคำตำหนิติด่าของท่าน เช่นนั้นมิใช่นับว่าท่านกำลังด่าประณามตนเองหรอกหรือ?"

    ปัญญาเซน : เมื่อมีสรรเสริญ ต้องมีนินทา บัณฑิตผู้ฝึกตนไม่ควรยึดโลกธรรมเป็นอารมณ์

    http://www.manager.co.th/China/ViewNews.aspx?NewsID=9550000042163
     
  5. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ขอบคุณค่า แต่ลองไปฟังแล้วจาหลับ อะค่ะ

    แหะ แหะ
     
  6. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    เรื่องนี้ถึงครูอังคณาแน่! วลีเด็ด...เด็กเกรียน เหน็บถึงนายกฯ ปู
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการรายวัน</TD><TD class=date vAlign=center align=left>10 เมษายน 2555 20:00 น.</TD><TD vAlign=center align=left><SCRIPT src="https://apis.google.com/_/apps-static/_/js/gapi/plusone_unsupported/rt=j/ver=dHMnKGvGPLg.th./sv=1/am=!-SXmuOx1_3GIepEFVA/d=1/rs=AItRSTNOo6yA26SwpOsVMCB8bDLV-sZeIA/cb=gapi.loaded0" async="true"></SCRIPT><SCRIPT src="http://platform.twitter.com/widgets.js" type=text/javascript></SCRIPT>


    <SCRIPT src="https://apis.google.com/js/plusone.js" type=text/javascript gapi_processed="true"> {lang: 'th'}</SCRIPT><?XML:NAMESPACE PREFIX = G /><G:pLUSONE size="medium"></G:pLUSONE>

    <TD></TD></TR></TBODY></TABLE>

    [​IMG]

    ช่วง1-2 วันที่ผ่านมาบรรดาคนใช้อินเทอร์เน็ต โดยเฉพาะชาว facebook 10 ล้านกว่าคน พอเปิดหน้าแรกคงอดแปลกใจและตั้งคำถามว่า ประโยคนี้มันคืออะไร? เมื่อเจอวลีแปลกๆ “เรื่องนี้ถึงครูอังคณาแน่!" ซึ่งกลายเป็นวลีฮอตฮิต โด่งดังชั่วข้ามคืนจนถูกส่งต่อ และแพร่กระจายอย่างรวดเร็วบนโลกออนไลน์ รวมถึงโซเชียลเน็ตเวิร์คอื่นๆ อย่าง twitter และ youtube


    สงสัยไหมว่า ทำไมแค่คำพูดไม่กี่ประโยคของเด็กเกรียนคนหนึ่ง ที่ออกมาระบายความคับแค้นใจผ่านสื่อสังคมออนไลน์จึงกลายเป็นประเด็นทางสังคมได้ในชั่วเวลาเพียงแค่ข้ามคืน หลายคนมองว่าเป็นเรื่องไร้สาระ แต่ก็รู้สึกว่าเป็นเรื่องที่สนุก และให้ความบันเทิง คลิปวิดิโอดังกล่าวจึงส่งต่อๆ กันไป จนกลายเป็นกระแสทางสังคมและเรื่องถูกกล่าวถึงมากที่สุด

    เด็กเกรียนอยากระบาย
    เด็กชายในคลิปวิดิโอดัง ซึ่งต่อมาทราบว่าชื่อ “เด็กชายพงศธร” หรือ “โต๊ด” ถูกเพื่อนในกลุ่มไล่ออกจากการเป็นสมาชิกกลุ่ม ม.1/9 ในเว็บไซต์ facebook เนื่องจากสมาชิกของกลุ่มนี้ส่วนใหญ่จะโพสปรึกษาหารือเรื่องงาน บางครั้งก็มีอาจารย์เข้ามาโพสเรื่องวิชาที่จะออกสอบ แต่เด็กชายโต๊ดจะโพสเพียงคำว่า จุด...จุด...จุด... เป็นร้อยๆ จุด จนดันให้ข้อความที่เพื่อนๆ โพสบนหน้า wallหายไป อาการเหมือนอยากป่วนเพื่อนๆ จนเพื่อนในกลุ่มลงมติให้ลบชื่อเด็กชายโต๊ดออกจากลุ่ม

    หลังจากนั้นเด็กชายโต๊ดจึงเกิดอาหารน้อยใจ ถ่ายคลิปตนเองลงบนเว็บไซต์ youtube จนกลายเป็นกระแสดัง


    เนื้อความในคลิปวีดีโอชื่อดัง “เรื่องนี้ถึงครูอังคณาแน่” ถูกโพสโดยสมาชิกชื่อ Chintakoza ผ่านเว็บไซต์ youtube เป็นการระบายความแค้นใจออกมาด้วยน้ำเสียง และคำพูดเชิงตัดพ้อเพื่อนว่า "ไอ้บอล...ทำไมต้องไล่กูออกด้วย เพราะเรื่องกะโหลกกะลาแค่นี้เหรอ" ต่อมาเด็กชายใช้วลีเด็ดด้วยสีหน้าขึงขัง และน้ำเสียงจริงจัง ประกาศกร้าวว่า "เรื่องนี้ถึงครูอังคณาแน่!" เป็นที่มาของวลีฮิตดังกล่าว ซึ่งหลังจากเผยแพร่เพียงแค่ 2 วัน ก็มียอดคนคลิกเข้าไปดูในเว็บไซต์ยูทูบเกือบ 7 แสนวิวแล้ว

    ต่อมาเด็กชายบอลซึ่งเป็นหัวหน้าห้อง และเป็นคู่กรณีของเด็กชายโต๊ด ออกมาชี้แจงบนเว็บไซต์ facebook ผ่านโทรศัพท์มือถือ มีข้อความว่า "ผมบอลนะครับเรื่องมันมีอยู่ว่าผมเป็นหัวหน้าห้อง 1/9 ในกลุ่มมีอยู่ 28 คน แล้วพงศธรเนี่ยเวลาเขาคุยงานกันก็ไม่ออกความเห็น แต่พอเวลาเขามีงานกันพงศธร ก็จะจุดๆๆ สักทีละร้อยจุดได้ เพื่ออะไรไม่รู้ ก็รู้อยู่ว่าในเฟซตันแค่ 99 ข้อความ แล้วเขาเกินร้อยทีนี้มันก็ค้างสิครับงานก็หายแล้ว คนในกลุ่มเลยรวมความเห็นกัน แล้วบอกให้ผมที่เป็นแอดมิน ไล่ออกจากกลุ่ม …เรื่องมันก็เป็นอย่างนี้แหละครับ ทุกคนก็ดูกันเองว่าใครถูกใครผิด"


    ตัวละครหลักๆ ในเรื่องล้วนดังในชั่วข้ามคืนไม่แพ้กัน เริ่มจาก “เด็กชายพงศธร” (โต๊ด) คือเจ้าของวลีเด็ด “เรื่องนี้ถึงครูอังคณาแน่!” ตัวละครต่อมา “ไอ้บอล” คือหัวหน้าห้อง ม.1/9 ซึ่งเป็นคนที่เด็กชายโต๊ดเข้าใจว่าเป็นคนปลดตนออกจากกลุ่ม และ “ครูอังคณา” ซึ่งเป็นชื่อของครูประจำชั้นห้อง1/9 ก็กลายเป็นบุคคลที่มีคนอยากรู้จักมากที่สุด บ้างก็ตามหาว่าเธอเป็นใคร มีตัวตนอยู่จริงหรือเปล่า แม้กระทั่งชื่อของเธอยังถูกนำไปตั้งเป็นแฟนเพจ และมีคนแต่งเพลง “ครูอังคณา” ตามมาอีกหลายเวอร์ชัน ซึ่งก็เป็นกระแสดังในเว็บไซต์ยูทูบอยู่ในขณะนี้

    ฟ้อง “ครูอังคณา” ฮิตกระจายไปทั่วเมือง
    หลายคนอาจจะมองว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องไร้สาระ บางกลุ่มก็มองว่าเป็นเรื่องขำขัน และนำวลีเด็ดไปใช้เป็นคำพูดเฮฮาในกลุ่มเพื่อนฝูงอย่างสนุกปาก ยกตัวอย่างเช่น


    "ใครที่ชอบทะเลาะกัน เรื่องนี้ถึงครูอังคณาแน่"

    “ใครไม่กดlikeเรื่องนี้ถึงครูอังคณาแน่”

    "สงกรานต์นี้ใครไม่ไป ฟ้องครูอังคณาแน่"


    ณ ตอนนี้ไม่ว่าอะไรๆ ก็เกี่ยวข้องกับครูอังคณาแทบทั้งนั้น แถมยังแพร่กระจายไปถึงแวดวงการเมือง อย่างกรณีภาพของนายกยิ่งลักษณ์ ที่กำลังกดโทรศัพท์อยู่ในงานพระราชพิธี ซึ่งถูกกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในอินเทอร์เน็ตว่าไม่เหมาะสม ทั้งนี้นายพานทองแท้ ก็ได้ออกมาโพสต์เฟซบุ๊กแจงภาพนายกฯ กดโทรศัพท์ว่าแค่ปิดเครื่องก่อนเริ่มงานพระราชพิธี พร้อมเหน็บว่า '..หรือว่าจะให้เรื่องนี้ถึงครูอังคณาครับ'


    "เหตุเกิดจากในงานพระราชพิธีเพลิงพระศพเมื่อวานนี้ครับ เป็นภาพท่านนายกที่กำลังถือโทรศัพท์อยู่ในงาน ผมเองเห็นภาพครั้งแรกยังแอบสงสัยเลยโทรไปสอบถามเรื่องราวทันที ได้คำตอบว่าท่านนายกกำลังปิดโทรศัพท์ก่อนเริ่มงานพิธีครับ ตลกดีนะครับ คนเราช่างว่างจับผิดกันจัง แต่ทุกคนก็มีสิทธิ์คิดได้ เพราะภาพตอนแรกที่ออกมามีแค่ภาพท่านนายกถือโทรศัพท์ ไม่ได้มีภาพในมุมกว้างออกมาด้วย จึงง่ายต่อการเข้าใจผิดกัน หรือว่าจะให้เรื่องนี้ถึงครูอังคณาครับ" ข้อความจากfacebook/Oak Panthongtae Shinawatra

    “ครูอังคณา” ...ไขข้อข้องใจ
    กระแส “เด็กชายโต๊ด” กับวลีเด็ด “เรื่องนี้ถึงครูอังคณาแน่" กลายเป็นกระแสฮิตข้ามคืนบนโซเชียลเน็ตเวิร์ค ถึงขนาดมีคนตั้ง facebook fanpage “เรื่อง นี้ ถึง ครู อังคณา แน่” ซึ่งมียอดคนกด Like กว่า 2 หมื่นแล้ว นอกจากนั้นยังมีเพจของครูอังคณาตัวปลอมออกมาอย่างแพร่หลาย แถมชื่อครูอังคณายังเป็นแรงบันดาลใจให้แก่นักแต่งเพลงบนโลกออนไลน์ สามารถแต่งเพลงออกมาได้ภายในชั่วข้ามคืนอย่างคลิปเพลง “ครูอังคณาครับ” ซึ่งใช้เรื่องราวของเด็กชายโต๊ดเล่าเรื่อง ประกอบกับวลีเด็ด “เรื่องนี้ถึงครูอังคณาแน่” มาแต่งเป็นเพลงที่มีเนื้อหาและท่วงทำนองน่ารักในจังหวะฟังสบายๆ ความยาว3:42 นาที


    หลายคนอยากรู้ว่าครูอังคณาเป็นใคร มีตัวตนจริงหรือเปล่า ซึ่งเธอถือว่าเป็นตัวละครสำคัญที่จะมาไขความกระจ่างในประเด็นต่างๆ ที่คนสงสัยได้


    ครูอังคณากล่าวถึงประเด็นดังกล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่า “เรื่องที่เป็นประเด็นนี้เกิดขึ้นประมาณช่วงเดือนมกราคม พอครูทราบเรื่องก็เรียกสมาชิกในห้องมาเคลียร์กันว่าไม่ให้มีปัญหาแบบนี้เวลาเล่นเฟซกัน หลังจากที่เคลียร์กันจบแล้ว ครูก็ให้หัวหน้าห้องลากเด็กชายโต๊ดกลับเข้ามาในกลุ่ม สำหรับคลิปของเด็กชายโต๊ดซึ่งโพสลงเว็บไซต์ยูทูบเมื่อเร็วๆ นี้ ครูก็ยังงว่ามันเกิดอะไรขึ้น ใครเป็นคนโพส เพราะว่าเรื่องนี้จบไปนานแล้ว เด็กชายโต๊ดก็ยืนยันว่าไม่ได้เป็นคนเอาไปลง ตอนนี้ทุกคนในห้องก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรกัน


    การใช้เฟซบุ๊คมีทั้งแง่ดีและแง่เสีย ครูก็จะมีการบอกกับเด็กว่าการเล่นที่ถูกต้องเป็นยังไง สามารถใช้อะไรจากเฟซบุ๊คได้บ้าง ไม่ว่าจะเป็นรูปภาพที่ไม่สมควรเอามาลง ครูจะพูดกับเด็กๆ เสมอว่า หนูพิมพ์อะไรลงไปมันเป็นชื่อเสียงของห้องด้วยนะ เวลาจะพิมพ์อะไรสักอย่างหนึ่ง ชื่อหนูก็ขึ้น ชื่อห้องก็ขึ้น และครูอังคณาจะตั้งกฎในกลุ่มนี้ว่า หนึ่งห้ามใช้คำหยาบ สองห้ามโพสในเชิงชู้สาว และใครที่ไม่มี facebook เล่น ถ้ามีเรื่องด่วน เรื่องสำคัญก็ให้ใช้วิธีโทรศัพท์แจ้งกัน


    สื่อออนไลน์ถ้าจะใช้ในเชิงสร้างสรรค์ก็เป็นเรื่องที่ดี บางครั้งก็มีให้ส่งงานทางเฟซ หรือมีข่าวอะไรก็จะแจ้งทางเฟซ ก็สามารถรู้กันทั่วถึง คือรู้กฎ กติกา มารยาทในการใช้ ครูก็ต้องสอนเขาค่ะ”


    แม้ว่านานๆ ครั้ง เธอถึงจะเปิดคอมฯ เพื่อเข้าไปเช็คเว็บไซต์เฟซบุ๊ค เพราะที่บ้านไม่ได้ติดอินเทอร์เน็ต แต่พอเข้าไปแล้วเห็นอะไรไม่เหมาะสมครูอังคณาก็โพสตักเตือนเด็กๆ ทันที “บางทีครูเข้าเฟซเห็นอะไรไม่เหมาะสมก็จะตักเตือนบ้างว่า เดี๋ยวนี้เด็กๆ พูดไม่เพราะเลยนะ เขาจะตอบครับ..ค่ะ แต่นานๆ จะเข้าไปทีค่ะ


    ล่าสุดก็มีเด็กโทร. มาบอกว่าครูรู้ไหมว่าตอนนี้มีคนสร้างเพจปลอมโดยใช้ชื่อครู ครูก็บอกว่าครูยังไม่ทราบเลย ยังไม่เปิดคอมเลย เด็กก็บอกอีกว่ามีทั้งบอลปลอม โต๊ดปลอมเกิดขึ้นมาเยอะเลยค่ะ บางคนก็บอกว่าครูไปด่าบอล แต่พวกที่เป็นข่าวยังไม่รู้เรื่องอะไรเลย”


    ทำไมถึงต้องฟ้องครูอังคณา?
    “ไม่ได้เข้าข้างตัวเองนะคะ ครูอังคณาเป็นคนที่ค่อนข้างใจดีมาก ไม่ใช่ครูที่ดุเลยค่ะ ครูคิดว่าที่เขาใช้คำว่าเดี๋ยวฟ้องครูอังคณาแน่ น่าจะหมายถึงว่า เวลามีเรื่องอะไรก็ตามใน 1/9 ครูอังคณาจะบอกเลยว่าในฐานะครูที่ปรึกษา ครูขอรู้จากพวกเรา อย่าให้ครูไปรู้จากคนอื่น ครูจะรู้สึกแย่มากเลยนะ ถ้าเรื่องที่เกิดขึ้นในห้องครูแล้วมีคนอื่นมาบอก ไม่ว่าจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นในห้องเด็กๆ เขาก็จะบอกทุกเรื่องน่ะค่ะ ก็เลยคิดว่าน่าจะเป็นประเด็นนี้ ที่เขาพูดว่าถึงครูอังคณาแน่”

    สำหรับเรื่องที่เป็นกระแสอยู่ตอนนี้ทั้งเฟซบุ๊คแฟนเพจ ตัวจริง ตัวปลอม ครูอยากจะบอกว่าเป็นเรื่องสนุกของคนอื่น แต่เป็นเรื่องทุกข์ของคุณครู ทุกข์ของเด็กด้วย เพราะเขายังเด็กกันอยู่ คนที่มีความรู้มีความสามารถด้านนี้ก็อยากจะให้เอาไปใช้ในเชิงสร้างสรรค์มากกว่า” ครูอังคณาเปิดใจบนเว็บไซต์ soundcloud.com/peerapon-anutarasoat

    วลีเด็ดมาเร็ว...ไปเร็ว
    อย่างไรก็ตามวลีฮิตเหล่านี้ก็คงเป็นกระแสในช่วงสั้นๆ ดังเช่นที่วลีเด็ดๆ ที่ผ่านมา ซึ่งรูปแบบประโยคจะคล้ายคลึงกัน คือเป็นประโยคลอยๆ ขึ้นมา ฟังดูไร้สาระ แต่จะมีคนตั้งคำถามว่ามันคืออะไร? หลังจากนั้นคนก็จะค้นหาที่มาที่ไป และความหมายเพื่อไขความกระจ่าง จนกระทั่งถูกนำมาดัดแปลงกลายเป็นประโยคฮิต กลายเป็นวลีเด็ดที่ถูกส่งต่อกันอย่างแพร่กระจายภายในระยะเวลาอันรวดเร็วยิ่งกว่าเชื้อไวรัส


    "จนกระทั่งโดนธนูปักที่เข่า" หนึ่งในวลีที่เคยฮิตถึงขนาดมียอดคนกดLikeกว่า 3 หมื่น ซึ่งวลีประหลาดๆ นี้ เริ่มฮิตมาจากในกลุ่มคนเล่นเกมส์ The Elder Scrolls V:Skyrim ซึ่งมีตัวละครที่เป็นเหล่าทหารยามประจำเมืองต่างๆ ที่มักจะชอบพูดประโยค ที่ว่า "I used to be an adventurer like you, then I took an arrow in the knee" แปลเป็นไทยประมาณว่า "เมื่อก่อนฉันก็เคยเป็นนักผจญภัยอย่างคุณ จนกระทั่งโดนธนูปักที่เข่า เลยต้องมาเป็นยาม"

    “อาจจะมีพลังงานหรือวิญญาณอยู่ก็เป็นได้” อันนี้เป็นวลีแนวๆ ล้อเลียนคำพูดของพิธีกรรายการ "คนอวดผี" ซึ่งจะมีพิธีกรที่มีความสามารถพิเศษด้านจิตสัมผัส “ริว จิตสัมผัส” และ “เจน ญาณทิพย์” ซึ่งจะชอบพูดด้วยน้ำเสียงอันเป็นเอกลักษณ์เมื่อแขกรับเชิญเจอเหตุการณ์แปลก ๆ ว่า "อาจจะมีพลังงานหรือวิญญาณอยู่ก็เป็นได้" ก็เลยกลายเป็นประโยคที่เล่นใน Facebook แล้วก็แพร่กระจายมาเรื่อย ๆ ซึ่งเพจ “อาจจะมีพลังงานหรือวิญญาณอยู่ก็เป็นได้” ก็กลายเป็นเพจยอดนิยมติดอันดับ มีคนกด Like พุ่งไปถึง 5 หมื่น

    <IFRAME src="http://www.youtube.com/embed/RdhJlOuqE38" frameBorder=0 width=420 height=315 allowfullscreen></IFRAME>

    <IFRAME src="http://www.youtube.com/embed/oqnDOQ9Pg_o" frameBorder=0 width=420 height=315 allowfullscreen></IFRAME>

    <IFRAME src="http://www.youtube.com/embed/cYxx8yuPGSQ" frameBorder=0 width=420 height=315 allowfullscreen></IFRAME>

    <IFRAME src="http://www.youtube.com/embed/cjahvmPrbQo" frameBorder=0 width=560 height=315 allowfullscreen></IFRAME>

    <IFRAME src="http://www.youtube.com/embed/PmuhShyImtc" frameBorder=0 width=420 height=315 allowfullscreen></IFRAME>

    <IFRAME src="http://www.youtube.com/embed/ZOu1X0g0mT4" frameBorder=0 width=420 height=315 allowfullscreen></IFRAME>

    <IFRAME src="http://www.youtube.com/embed/fRI0utzxRjM" frameBorder=0 width=420 height=315 allowfullscreen></IFRAME>

    <IFRAME src="http://www.youtube.com/embed/-yR7hh8UN5o" frameBorder=0 width=560 height=315 allowfullscreen></IFRAME>

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=middle>คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>ภาพนายกฯ กดโทรศัพท์มือถือ ก็เกี่ยวกับครูอังคณาได้ </TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>เด็กนักเรียนห้อง ม.1/9</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>หน้าเพจของครูอังคณาตัวปลอม</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>เด็กชายบอลออกมาชี้แจงถึงกรณี "เรื่องนี้ถึงครูอังคณาแน่"</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>การ์ตูนล้อเลียนจาก 9GAG Thai </TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>ครูอังคณา ดังชั่วข้ามคืน</TD></TR></TBODY></TABLE>
    http://manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9550000045209
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 เมษายน 2012
  7. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    โอ๊ค” โต้แทน “อาปู” แค่ปิดมือถือ พร้อมยกภาพมหาดเล็กเทียบก่อนลบออก

    “โอ๊ค” แก้ตัวแทน “อาปู” ยันโทร.ถามแล้ว เจ้าตัวบอกแค่ปิดมือถือก่อนเริ่มงานพระราชพิธีฯ พร้อมยกภาพทหารมหาดเล็กถ่ายรูปเล่นขณะพักเปรียบเทียบ ก่อนลบออก ด้าน “สุรนันทน์” ป้องไม่ใช่เรื่องสาระที่ควรพูดถึง ส่วนกรณี “ยิ่งลักษณ์” เรียกนายกฯ มาเลย์เป็นประธานาธิบดี ก็เป็นสิ่งปกติที่จะพลาดกันได้

    วันนี้ (10 เม.ย.) เมื่อเวลาประมาณ 13.26 น. นายพานทองแท้ ชินวัตร ได้เผยแพร่ภาพพร้อมข้อความในเพจเฟซบุ๊ก "Oak Panthongtae Shinawatra" โดยมีใจความพูดถึงภาพ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กำลังก้มกดโทรศัพท์มือถือระหว่างร่วมริ้วขบวนพระอิสริยยศงานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี โดยภาพดังกล่าวถูกโพสต์และถูกส่งต่อทางเฟซบุ๊ก พร้อมกับมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์เป็นจำนวนมาก

    โดยนายพานทองแท้ระบุว่า ได้โทร.สอบถามนายกฯ แล้ว ได้รับคำตอบว่าท่านกำลังปิดโทรศัพท์ก่อนเริ่มงานพระราชพิธีฯ พร้อมพูดติดตลกว่าคนเราชอบจับผิดกัน หรือจะให้เรื่องนี้ถึงครูอังคณา

    “เหตุเกิดจากในงานพระราชพิธีเพลิงพระศพเมื่อวานนี้ครับ เป็นภาพท่านนายกฯ ที่กำลังถือโทรศัพท์อยู่ในงาน ผมเองเห็นภาพครั้งแรกยังแอบสงสัยเลยโทร.ไปสอบถามเรื่องราวทันที ได้คำตอบว่าท่านนายกฯ กำลังปิดโทรศัพท์ก่อนเริ่มงานพิธีครับ ตลกดีนะครับ คนเราช่างว่างจับผิดกันจัง แต่ทุกคนก็มีสิทธิ์คิดได้ เพราะภาพตอนแรกที่ออกมามีแค่ภาพท่านนายกถือโทรศัพท์ ไม่ได้มีภาพในมุมกว้างออกมาด้วย จึงง่ายต่อการเข้าใจผิดกัน หรือว่าจะให้เรื่องนี้ถึงครูอังคณาครับ”

    ทั้งนี้ นายพานทองแท้ยังได้นำภาพนายทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ ขณะถ่ายภาพเล่นมาเทียบกับเหตุการณ์นี้ด้วย

    “หรืออย่างรูปนี้ ถ้าผมบอกว่าเป็นการไม่เหมาะที่พี่ๆ ทหารจะมาถ่ายรูปเล่นในพิธีสำคัญอย่างนี้ ผมว่าเรื่องมันหยุมหยิมเล็กน้อยเกินไปครับ”

    หลังจากนั้น นายพานทองแท้ได้ลบภาพดังกล่าวออกเนื่องจากมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นภาพที่อยู่ในเวลาพัก ส่วนกรณี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชัดเจนว่ากำลังอยู่ในริ้วขบวนฯ

    วันเดียวกันนี้ ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ โฆษกประจำตัวนายกรัฐมนตรี ก็ได้ชี้แจงถึงทั้งกรณีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ใช้โทรศัพท์ระหว่างงานพระราชพิธีฯ และการพูดผิดเรื่องตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมาเลเซียว่า ต้องยอมรับว่าคนทำงาน บางครั้งก็ย่อมมีข้อผิดพลาดบ้าง ซึ่งเป็นข้อผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ ที่ไม่ควรนำมาเป็นสาระ อย่างไรก็ตาม หากเป็นสาระในเรื่องของนโยบายต่างๆ ของรัฐบาลนั้น ทั้งนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลก็พร้อมรับฟังความคิดเห็นหรือข้อติติงต่างๆ ทั้งเรื่องความมั่นคง และการต่างประเทศ แต่ขอให้อยู่ในเนื้อหาสาระและข้อเท็จจริง อย่าวิพากษ์วิจารณ์ตามใจตัวเอง หรือมานั่งจับผิดกัน อย่างไรก็ตาม ตนเข้าใจดีว่าฝ่ายค้านเคยเป็นรัฐบาลมาก่อน และก็ยังคงคิดและจินตนาการว่าตัวเองเป็นรัฐบาลอยู่ เลยคิดว่าตัวเองจะต้องไม่ทำอย่างนั้นอย่างนี้ ทั้งที่ตลอด 2 ปีที่เป็นรัฐบาลก็ไม่ได้ทำอะไรเลย ดังนั้นตนจึงอยากให้ดูที่ผลงานและการทำงานของนายกรัฐมนตรีก่อนที่จะมาวิเคราะห์วิจารณ์ดีกว่า

    นายสุรนันทน์กล่าวด้วยว่า ในส่วนที่มีการวิจารณ์ว่านายกรัฐมนตรีมักจะเกิดความผิดพลาดการเรียกชื่อบุคคล และล่าสุดยังเรียกนายกรัฐมนตรีมาเลเซียเป็นประธานาธิบดีว่า เรื่องนี้อยากให้มองเป็นเรื่องปกติธรรมดา เพราะแม้แต่ตน หรือพิธีกร ออกมาพูดผ่านทีวีหลายครั้งก็ยังพูดผิด นายกรัฐมนตรีก็เป็นมนุษย์คนหนึ่ง ที่จังหวัดความคิดอาจจะเร็วกว่าคำพูด จึงทำให้พูดผิดบ้าง ซึ่งตนมองว่าเป็นเรื่องปกติของมนุษย์ อย่างไรก็ตามตนได้กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปแล้ว เนื่องจากรายการ “รัฐบาลยิ่งลักษณ์พบประชาชน” เป็นรายการที่อัดเทปไว้ จึงควรต้องช่วยกันตรวจสอบเพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดขึ้น

    “ผมไม่อยากให้ฝ่ายค้านหรือคนที่ไม่ชอบนายกฯ และรัฐบาล ออกมาโจมตีในเรื่องที่ไม่เป็นสาระ เพราะสิ่งที่นายกฯ ทำหลายๆ เรื่องเป็นสาระ และเป็นประโยชน์ จึงน่าจะเปิดใจให้กว้าง มองที่เนื้อหาการทำงาน แล้วมาช่วยกันวิเคราะห์วิจารณ์หรือเสนอแนะเพื่อประโยชน์ส่วนรวมดีกว่า โดยเฉพาะเรื่องการใช้สมาร์ทโฟนระหว่างงานพระราชพิธี ก็อย่าไปพูดถึงดีกว่า เพราะเป็นเรื่องที่ไม่ใช่สาระ” นายสุรนันทน์กล่าว

    [​IMG]

    ป้อง "อาปู"

    [​IMG]

    ภาพที่ยกมาเปรียบเทียบ

    http://manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9550000045257
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 เมษายน 2012
  8. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>นิทานเซน: ผีบนต้นไม้</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD height=40><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>11 เมษายน 2555 08:19 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=387 border=0><TBODY><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left><CENTER>ภาพจาก http://hzrytai.blog.163.com</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <CENTER><禅无杂邪></CENTER>

    อาจารย์เซนอวิ๋นจีว์ นามเดิมเต้าฉี ชาวเมืองหนานชัง มักจะไปนั่งวิปัสนายังถ้ำในป่าลึกเป็นประจำ พอดีกับที่ในละแวกนั้น มีเด็กซนกลุ่มหนึ่ง คิดแผนการณ์แกล้งอาจารย์เซน ด้วยการหลบซ่อนตัวอยู่บนต้นไม้ ณ เส้นทางที่อาจารย์เซนอวิ๋นจีว์ต้องเดินผ่าน

    ยามค่ำ เมื่ออาจารย์เซนเดินผ่านมา เด็กซนผู้หนึ่งจึงยื่นมือฝ่าความมืดลงไปลูบศีรษะอาจารย์เซน โดยเดิมทีเหล่าเด็กซนคาดการณ์ว่าอาจารย์เซนจะต้องสะดุ้งตกใจเพราะคิดว่าเป็นผีมาหลอก ทว่าเมื่อโดนลูบศีรษะอาจารย์เซนกลับสงบสำรวมดังเดิม เมื่อผิดคาดเหล่าเด็กๆ จึงเป็นฝ่ายตกใจจนหดมือกลับไปเอง ส่วนอาจารย์เซนก็เดินต่อไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

    วันถัดมา เหล่าเด็กซนยังไม่ละความพยายาม มาดักรออาจารย์เซน เมื่อพบหน้าก็แกล้งเอ่ยถามว่า "ท่านอาจารย์ ได้ข่าวว่าละแวกนี้มีผีออกอาละวาดหลอกหลอน เกิดเรื่องเช่นนี้จริงหรือไม่?"

    อาจารย์เซนอวิ๋นจีว์ตอบว่า "ไม่จริง"

    เหล่าเด็กยังคงถามต่อไปว่า "จริงหรือ แต่พวกเราได้ยินมาว่า ยามค่ำคืนมีคนโดยผีร้ายจับศีรษะด้วยนะ"

    อาจารย์เซนตอบว่า "นั่นมิใช่ผีร้าย เป็นเพียงเด็กในหมู่บ้าน"

    เด็กๆ ต่างงุนงงที่อาจารย์เซนรู้ทันจึงถามว่า "ท่านทราบได้อย่างไร?"

    อาจารย์เซนจึงชี้แจงว่า "เพราะมือที่จับศีรษะนั้นทั้งนุ่มนิ่มและอบอุ่น ย่อมมิใช่ผีร้าย"

    ผู้เผชิญความตายแล้วไม่กลัวเกรง คือแม่ทัพใหญ่ ผู้เข้าป่าไม่กลัวสัตว์ร้ายย่อมเป็นนายพราน ผู้ลงน้ำไม่เกรงสิ่งใดมีเพียงชาวประมง ส่วนผู้บรรลุแล้ว ย่อมไร้ซึ่งความหวาดกลัวอันใด

    ปัญญาเซน : เมื่อรู้แจ้งย่อมไร้ซึ่งจิตขลาดกลัว

    China - Manager Online -
     
  9. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    วันที่ 10 เมษายน 2555 12:21
    แบด 'แบน' รีเทิร์น สมานรัชฎ์ กาญจนะวณิชย์
    โดย : ชุติมา ซุ้นเจริญ, อนันต์ ลือประดิษฐ์

    [​IMG]


    ทำไมหนังผี 'เชคสเปียร์ต้องตาย' ถึงถูกเซ็นเซอร์ และทำไมผลงานของผู้หญิงคนนี้ถึงถูกแบนเป็นเรื่องที่สอง หาคำตอบได้จากบทสัมภาษณ์

    วิลเลียม เชคสเปียร์ (William Shakespeare) คือกวีและนักเขียนบทละครชาวอังกฤษที่โลกยกย่อง


    ส่วน เชคสเปียร์ต้องตาย (Shakespeare Must Die) เป็นภาพยนตร์ที่สร้างจากโศกนาฏกรรม "แมคเบธ” ของเชคสเปียร์ ซึ่งกำกับและแปลบทประพันธ์โดย สมานรัชฎ์ กาญจนะวณิชย์ และเป็นภาพยนตร์เรื่องล่าสุดที่คณะกรรมการพิจารณาภาพยนตร์ฯติดเรต "ห" ห้ามฉายในราชอาณาจักรไทย ด้วยข้อหา "ก่อให้เกิดการแตกความสามัคคีระหว่างคนในชาติ"


    ทว่า นี่ไม่ใช่ประสบการณ์ครั้งแรกของผู้กำกับหญิงคนนี้ เมื่อปี พ.ศ. 2539 ผลงานภาพยนตร์เรื่อง คนกราบหมา (My Teacher Eats Biscuits) ก็เคยถูกแบนมาแล้ว ขณะที่ พลเมืองจูหลิง แม้จะรอดพ้นจากคำพิพากษามาได้ แต่เสียงตอบรับในช่วงต้นก็ไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง การเริ่มต้นอีกครั้งกับ เชคสเปียร์ต้องตาย จึงเต็มไปด้วยแรงกดดัน แต่เธอก็ฝ่าฝันมาได้โดยถือคติว่า "ต่อสู้ความกลัวด้วยศิลปะ - สร้างศิลปะด้วยความรัก"


    ในช่วงเวลาที่ "หนังผีเชคสเปียร์" กำลังเป็นทอล์ค ออฟ เดอะ ทาวน์ ชื่อของ สมานรัชฎ์ กาญจนะวณิชย์ ถูกจับตามองอีกครั้ง สำหรับคนที่ไม่รู้จัก อดีตนักศึกษาจิตรกรรมจากประเทศอังกฤษคนนี้ เริ่มต้นการทำงานในเมืองไทย ด้วยการเป็นอาสาสมัครของยูเอ็นช่วยเหลือผู้ลี้ภัยที่อรัญประเทศ เคยเป็นทั้งนักข่าว นักเขียน นักเคลื่อนไหว ศิลปิน ก่อนจะสวมหมวกใบล่าสุดเป็น ผู้กำกับภาพยนตร์


    แต่กับนักอ่านแล้วไม่ต้องเท้าความกันมาก เธอคือเจ้าของนามปากกา "หลานเสรีไทย" ผู้ฉีกหน้ากาก "ตัวฤทธิ์" (Tourist) ในหนังสือ "ข้างหลังโปสการ์ด" ที่ตีพิมพ์มาแล้วหลายครั้ง

    ทำไมในงานเขียนช่วงแรกถึงโฟกัสไปที่ผลกระทบจากการท่องเที่ยว

    ตอนแรกพี่น้อย นันทวัน หยุ่น เห็นเราเดินทางเยอะ เลยชวนให้เขียนคอลัมน์ท่องเที่ยวในนิตยสารลลนา ก่อนหน้านั้นก็เคยเขียนแต่เป็นภาษาอังกฤษ

    จริงๆ เคยพยายามเขียนหนังสือลักษณะเดียวกับที่กลายมาเป็น ข้างหลังโปสการ์ด แต่เป็นภาษาอังกฤษ มีความรู้สึกว่าอยากจะเขียนอะไรเกี่ยวกับการท่องเที่ยว การเดินทาง ซึ่งเราเห็นว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เป็นการเรียนรู้เกี่ยวกับตัวเองและโลก ยิ่งเดินทางเรายิ่งรู้จักบ้านเมืองเราเอง แต่พอเขียนมาได้ 189 หน้า รู้สึกว่ามันห่วย ไปนั่งเขียนอย่างดีเลยนะคะ ไปนั่งเขียนกลางป่าเงียบสงบ มันไม่ได้ ...ไม่รู้สิ เราอ่านแล้วรู้สึกว่ามันแข็ง มันไม่ใช่ ก็เลิกไปเลย ทิ้งไปเลย นึกกลับไปยังรู้สึกเสียใจอยู่เลยว่าไม่น่าทิ้ง จะได้กลับไปดูว่ามันห่วยอย่างไร ทำไมเราถึงคิดว่ามันห่วย ตอนนั้นก็อายุ 24 เอง

    หลังจากนั้น พอมาทำเรื่องท่องเที่ยวว่ามีผลกระทบกับสิ่งแวดล้อม มาทำงานรณรงค์ ก็เลิกเขียนหนังสือไปพักหนึ่ง ไปเดินทาง แล้วกลับมาเขียนเรื่องการท่องเที่ยวอีก เพราะตอนนั้นมันเป็น Visit Thailand Year มันเหมือนการเอาประเทศไทยเป็นโสเภณี...พูดง่ายๆ แล้วเราไปเห็นมาทั่วโลกว่าที่ไหนถูกทำลายอย่างไร เราอยู่ภูเก็ตก็เห็นว่ามันถูกทำลายอย่างไร ซึ่งแต่ละเรื่อง กว่าจะได้ลงเกือบตาย ต้องสู้กับบ.ก.กับอะไร

    แล้วเราก็อยากให้คนรู้จักวิเคราะห์สื่อว่า สื่อทำอย่างไร วิธีเล่นกับสื่อทำอย่างไร วิธีเซ็นเซอร์โดยไม่ต้องเซ็นเซอร์เขาทำอย่างไร วิธีทำให้เรื่องเล็กเป็นเรื่องใหญ่ เรื่องใหญ่เป็นเรื่องเล็กทำอย่างไร ก็เลยเขียนบทความเรื่องวิธีอ่านข่าวและโฆษณาชวนเชื่อระหว่างบรรทัดไปลงนิตยสารลลนา ตอนนั้นเขียนเป็นภาษาไทย พอได้ลงพิมพ์ก็เขียนต่อเนื่องมา รู้สึกว่าการเขียนภาษาไทยนี่ดีจังเลย ความรู้สึกเหมือนเราได้เข้าไปทุกบ้าน แล้วภาษาไทยก็มีทั้งความตีนติดดินมากกว่า ขณะเดียวกันก็ฝันๆ มากกว่าได้

    ในข้างหลังโปสการ์ด คุณเรียกนักท่องเที่ยวว่า "ตัวฤทธิ์" จนถึงทุกวันนี้คิดว่าพฤติกรรมของตัวฤทธิ์เปลี่ยนไปมากน้อยแค่ไหน

    พูดอย่างนี้อาจดูน่าหมั่นไส้ แต่ตัวฉันเองไม่เที่ยวเมืองไทยแล้ว เที่ยวไม่ได้ เพราะเรานี่หน้าเป็นกระโถนหรืออะไรไม่ทราบ ไม่ได้รู้จักกันมาก่อน พอลงจากรถไฟ จังหวัดไหนก็ได้ ขึ้นไปนั่งตุ๊กตุ๊ก เขาจะนั่งบ่นเรื่องนายทุนมาซื้อที่ตรงนั้นตรงนี้ให้ฟัง แต่ทีนี้เราไม่ได้มีพื้นที่เขียนข่าวที่ไหนแล้ว มาทนฟัง ทำอะไรก็ไม่ได้ มันทุกข์ใจ

    แล้วอีกอย่างก็ไม่อยากไป อย่างคนบอก...เกาะนี้สวยนะ เธอต้องชอบแน่เลย เราก็บอก...ฉันไม่ไปแล้วเกาะเมืองไทย ชายหาดเมืองไทย ฉันไม่ไป เพราะว่าอกหักมากๆ เลย จากพีพี ภูเก็ต ฉันรับไม่ได้แล้ว คนอาจจะหาว่าสะดิ้งนะ คือเวลาคนอกหักจากคนเนี่ย...พอจะมีคนเข้าใจ เห็นอกเห็นใจ แต่ในชีวิตนี้เราไม่เคยอกหักจากคน เท่าอกหักเพราะสถานที่เลย การสูญเสียสถานที่ที่เรารัก มันเหมือนแม่เราถูกทำร้าย เพราะฉะนั้นไม่อยากไปหลงรักที่อื่นที่ไหนอีก แผ่นดินนี้มันสร้างความเจ็บปวดมาก

    คุณมองว่าอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเป็นช่องทางหารายได้โดยไม่คำนึงถึงผลกระทบด้านอื่น?

    เราทนไม่ได้ ยอมรับว่าไม่รับรู้ แล้วก็ตัดไปเลย แล้วจากการต่อสู้เรื่อง The Beach (ปี พ.ศ. 2542 กองถ่ายภาพยนตร์เรื่อง The Beach เดินทางมาถ่ายทำที่หาดมาหยา จังหวัดกระบี่ ระหว่างถ่ายทำมีการดัดแปลงพื้นที่ทำลายสภาพแวดล้อม จนเกิดกระแสการคัดค้าน) วันนั้นทำให้รู้สึกว่า ถ้าข้อเท็จจริง มีภาพให้เห็นชัดๆ แล้วคนยังมาเถียงกันอีกว่าเขาทำลายจริงหรือไม่ แล้วตอนนั้นสื่อเกือบทุกสื่อในเมืองไทย ดูเหมือนเข้าข้างปลอดประสพ (สุรัสวดี) หมดเลย แล้วก็สร้างภาพทำร้ายเรา ตอนนั้นรู้สึกเลยว่าถ้ามันเป็นอย่างนี้ ใช้ข้อเท็จจริงมาสู้มาไม่ได้ เพราะนั่นคืออาวุธของเรา มันสู้ไม่ได้แล้ว ไม่ใช่ว่ายอมแพ้ แต่มันสู้ไม่ได้

    ยกเว้นว่าเราจะโยนมหาตมะคานธีทิ้งทะเลไป แล้วหันไปจับอาวุธจริงๆ แทน วางปากกาไปจับปืน แต่เราไม่ได้ไปถึงตรงนั้น ต้องสรุปว่าเมืองไทยมันเซฟไม่ได้ รู้สึกจริงๆ ตอนนั้นว่ามันอนุรักษ์ไม่ได้ มันช่วยไม่ได้ แล้วทุกวันนี้ทุกคนจะพูดเหมือนกับว่าทักษิณเป็นต้นรากของความเลวร้าย แต่ดิฉันอยากจะบอกว่า มันเลวร้ายมาก่อนหน้านั้น

    ความเลวร้ายในการเล่นกับข้อมูล เล่นกับข่าวสาร ใส่ร้ายผู้อื่น ตอนนั้นประชาธิปัตย์ทำกับเราอย่างโหดเหี้ยม ตอนนี้เขาก็โดนเอง เขาเป็นผู้เริ่มวิธีการนี้ แต่ที่ต่างจากทักษิณคือเขาไม่ได้ทำถึงขนาดนั้น เขาทำเฉพาะแอคติวิสต์บางคน ทำให้เสียชื่อเสียง แต่กับพวกทักษิณ เขาทำทั้งองคาพยพ แล้วเขาพร้อมที่จะฆ่าด้วย มันมีความกลัวเพิ่มขึ้นอีกระดับหนึ่ง มีการเอาข้อเท็จจริงมาเล่นมาบิดเบือน จนกระทั่งเราเข้าใจว่าคนไทยไม่สามารถแยกแยะแล้วระหว่าง ความจริง กับ ความเท็จ นั่นแหละคือการปูทางไว้ให้ทักษิณ กับความเลวร้ายที่เราเป็นอยู่ทุกวันนี้

    ช่วงเวลาเดียวกันนั้น หนัง ’คนกราบหมา’ ที่คุณกำกับก็โดนแบนด้วย?

    ค่ะ เป็นการโดนแบนครั้งแรก เราก็ถือว่าสร้างประวัติศาสตร์แล้วนะ โดนสองรอบ ตอนนั้นทั้งเรื่องหนัง ทั้งเรื่อง The Beach เหมือนเราโดนโยนทิ้งขยะ แถมยังถูกกล่าวหาเป็นนางร้าย สุดๆ พื้นที่เขียนอะไรก็ไม่มี เกือบ 10 ปีได้มั้งถึงมาทำเรื่องพลเมืองจูหลิง

    อะไรคือแรงบันดาลใจที่ทำให้กลับมาทำหนังอีกครั้ง

    เรื่องครูจูหลิง พอเกิดขึ้นมันสะกิดใจเรา แล้วพอดีอาจารย์โต้ง ไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ เป็นประธานจัดงานหาทุนช่วยค่ารักษาพยาบาลให้ครูจูหลิง โดยการแสดงงานให้ครูจูหลิง ในวันเปิดงานเราเข้าไปในห้องน้ำ มีผู้หญิงมุสลิมคนหนึ่งร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่ ร้องไห้ปานว่าจะขาดใจตาย เราก็สงสาร ถามว่าคุณเป็นอะไร...เขาบอกว่าสงสารครูจูหลิง เขาเป็นคนสตูล คนมุสลิม เขาเข้าใจมากความรู้สึกอันนี้ ความแปลกแยกของครูจูหลิง มันก็เป็นส่วนหนึ่งที่เราก็เข้าใจเหมือนกัน

    คือในตัวครูจูหลิงเราเห็นเลยว่าสามารถเล่าเรื่องอะไรเกี่ยวกับแผ่นดินไทยได้เยอะมาก แล้วเป็นประตูไปสู่ปัญหาชายแดนภาคใต้ พอทำเรื่องนี้เสร็จรู้สึกว่ามันเศร้ามาก ตอนที่ตัดต่อก็รู้สึกหดหู่มาก ตอนนั้นเรื่องนี้เราก็ส่งไปเทศกาลภาพยนตร์สารคดีนะ ทั่วโลก แล้วบางคนก็ขอไปดูด้วย ก็ได้ยินว่าเขาสนใจ มีคนบอกว่ามันดีมาก แต่กลับถูกปฏิเสธหมดเลย เราก็เลยรู้สึก...เซ็งฉิบหาย ที่เขียนก็ไม่มี เอาอย่างนี้แล้วกัน ต้องหาวิธีให้เซลสมองเราไม่เหลือเลยที่จะเอาไปคิดกับเรื่องบ้าบอคอแตกพวกนี้ ก็เลยลุกขึ้นบอกว่า แปลเชคสเปียร์แล้วกัน นั่นแหละยากที่สุดแล้ว จะได้ไม่เหลือพื้นที่ในสมองให้มาคิดฟุ้งซ่านอะไรทั้งสิ้น ก็เลยมาทำและคิดว่ามันคงใช้เวลานาน ปรากฏว่า 4 เดือนเสร็จ เสร็จเป็นบทภาพยนตร์เลยนะคะ ไม่เข้าใจว่าทำไมมันเร็วอย่างนั้น แต่ว่ามันสนุกมาก การแปลงานของคนที่เป็นอัจฉริยะนี่สนุกนะคะ คนยิ่งเก่งเท่าไหร่การแปลมันยิ่งง่ายขึ้นนะ...แปลก

    เรียกว่ามีทั้งแรงกดดัน มีทั้งแรงบันดาลใจ เป็นพลังในการทำงาน?

    ค่ะ เรื่องนี้มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับความบ้าอำนาจ คือเชคสเปียร์เขาวิเคราะห์มนุษย์ แล้วยังทันสมัยอยู่เสมอ คนทุกสมัยฟังแล้วเข้าใจ อย่างแมคเบธ มักใหญ่ใฝ่สูง ทะยานฟ้า บ้าอำนาจ แล้วก็เป็นบ้าไปทั้งผัวทั้งเมีย บ้าไสยศาสตร์ คนก็บอกว่าอันนี้คุณทำล้อทักษิณใช่มั้ย เราบอกเรื่องแมคเบธเนี่ยถ้าคุณเอาไปให้คนเขมรดู เขาก็นึกถึงฮุนเซน คุณเอาไปให้คนพม่าดู เขาก็นึกถึงตานฉ่วย ถ้าคุณเอาไปให้คนลิเบียดู เขาก็จะบอกว่ากัดดาฟี มันเป็นคลาสสิคยี่ห้อของคนแบบนี้ แล้วมันก็จะบ้าไสยศาสตร์แทบทุกคน

    ทีนี้ถามว่าทำไมทำหนังเรื่องนี้ คำตอบคือ ฉันทำหนังเรื่องนี้เพราะฉันเบื่อ ทนไม่ได้แล้วที่จะอยู่ในประเทศที่ปกครองด้วยความกลัว เรานึกถึงการถูกสิงสู่ ทุกคนที่เคยไปภาคใต้จะถูกมันสิงสู่ตลอดเวลา ท่ามกลางความสว่างแดดจ้าแต่เรารู้สึกว่ามันมืด หลายคนพูดเหมือนกัน เพื่อนที่ไปมาบอกว่า เธอ...ฉันไปมานะ ตอนกลางวันเที่ยงๆ รู้สึกอย่างกับเที่ยงคืน โอ้โห เราขนลุกเลย เพราะนั่นคือสิ่งที่เราพูดกับตัวเอง นั่นมันคือภาคใต้ แต่ตอนนี้มันเริ่มลามไปทุกหมู่บ้าน ทุกหย่อมหญ้า คนไทยอยู่ด้วยความกลัว ต้องแก้ มันเบื่อแล้ว

    เพราะว่าประเทศนี้ไม่เปิดโอกาสให้คนที่เห็นต่างได้นำเสนอสิ่งที่ตัวเองคิดจริงๆ?

    เราจะรอให้โอกาสเปิดไม่ได้ เราต้องทำ อยากทำอะไรก็รีบทำ

    เตรียมใจไว้ล่วงหน้าไหมว่าเรื่องเชคสเปียร์ต้องตายจะถูกแบน?

    ไม่ค่ะ ทุกคนช็อคหมดเลย คือตัวเองค่อนข้างมีเซนส์นะคะว่าอะไรไปได้แค่ไหน อย่างเราเคยเขียนข่าวก็รู้ว่าไปตรงไหนคือปากเหวที่สุด แต่ถ้าคุณตีตนไปก่อนไข้ คุณถอย ก่อนที่เขาจะซัดคุณ ความกลัวก็จะครอบงำพื้นที่ที่คุณถอยมา แล้วสุดท้ายคุณก็จะหลังชนฝา คุณจะไม่เหลืออะไรเลย อย่างตอนพลเมืองจูหลิง หลายคนบอกว่าไม่มีทางผ่าน เราคนเดียวบอกว่า ผ่าน เพราะฉันตัดให้ผ่านน่ะ คือไม่พูดอะไรเลย ให้ดูเฉยๆ มันถึงต้องยาวไง แต่ที่แปลกนะคะ คือพอทำบทเชคสเปียร์เสร็จ เทศกาลโตรอนโตเชิญ เบอร์ลินเชิญ ให้นำหนังพลเมืองจูหลิงไปฉาย ทั้งที่เราไม่ได้สมัคร
    ในเมื่อตัดต่ออย่างระมัดระวังแล้ว คิดว่าอะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้ถูกแบน

    นี่ไงคะมันถึงน่ากลัวมาก มันเป็นผลงานของกวีที่ตายไปแล้ว 400 ปี ถ้ารัฐบาลยิ่งลักษณ์เห็นว่า หรือคนที่คิดแทนรัฐบาลยิ่งลักษณ์เห็นว่า เชคสเปียร์ ทำให้ประเทศแตกแยกได้...ก็น่ากลัวมาก

    มีข้อหนึ่งที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ คือการใช้สีแดงค่อนข้างมากในเรื่อง?

    อยากถามว่าสีแดง ทักษิณมีสิทธิใช้คนเดียวเหรอคะ สีแดงคือสีของความรุนแรง เพชรฆาต นายพราน ก็โพกผ้าแดง แล้วแมคเบธฉบับที่พิมพ์โดย รอยัล เชคสเปียร์ คัมพานี บรรทัดแรกเขาเขียนว่า "แมคเบธเป็นละครโศกนาฎกรรมที่สั้นที่สุดและเร็วที่สุดของเชคสเปียร์ สีของมันคือสีดำและแดง" อันนี้เราก็ไปเปิดให้กองเซ็นเซอร์ดู ดำสำหรับความมืดมน แดงสำหรับเลือด เพราะว่าเป็นเรื่องของทรราช แล้วเราไม่มีสิทธิเหรอคะ เขามี monopoly กับสีแดงเหรอคะ

    บางคนมองว่าหนังเรื่องนี้ได้รับเงินสนับสนุนจากโครงการไทยเข้มแข็งของรัฐบาลชุดก่อน?

    มองว่าเป็นหนังโฆษณาชวนเชื่ออย่างนั้นเหรอคะ... กว่าจะได้เงินก็หนักเหมือนกัน เราเป็นเรื่องสุดท้ายที่ได้เงิน แต่กลายเป็นว่ามีนักข่าวมาถามว่า หนังเรื่องนี้ถูกแบนเพราะหมิ่นสถาบันใช่มั้ย เข้ามาตรา 112 พอเราบอกว่าไม่ใช่นะ อันนี้ได้เงินจากรัฐบาลก่อน เขาก็ไปอีกทาง

    ในเรื่องมีการนำภาพจากเหตุการณ์จริงมาตัดต่อด้วย?

    คือคนดูหนังไม่เป็น จริงๆ ไม่ได้ดูกันด้วยซ้ำ เพราะยิ่งคนทำหนังทุนต่ำมากๆ เรามีอะไรมาเราคว้าเลย อะไรที่เป็นของฟรี เช่นในหนังมีฉากหนึ่งคือ ด้านหลังของแม่มดที่เราถ่ายเป็นกรีนสกรีนไว้ จะมีน้ำไหลบ่ามาแล้วกลายเป็นน้ำตกเลือด จะมีภาพการชุมนุม มีคนมาประท้วง แล้วคนก็กลายเป็นสายน้ำเชี่ยวกราก ซึ่งกลายเป็นลำธารเลือด อันนี้ดิฉันไปถ่ายภาพน้ำตกมาตั้งแต่ปี 2008 ตอนเอาหนังครูจูหลิงไปโตรอนโต มันฟรีทริป แล้วใกล้น้ำตกไนแองการ่า เลยคิดว่าไปถ่ายไนแองการ่าไว้ดีกว่า สต็อกไว้ คือถ้าคุณเป็นผู้กำกับไม่มีสตางค์ คุณต้องทำอย่างนั้นนะคะ แล้วก็มีฟุตเทจเสื้อเหลืองที่เรามาทำเป็นขาว-ดำจะได้ดูไม่มีสี ไม่เห็นหน้าใครเลย ไม่เห็นป้าย เพราะเราไม่มีปัญญาหรอกที่จะเอาคนมาเป็นพันๆ แบบนั้นมันเป็นไปไม่ได้ แล้วก็เอามาตัดผสมกับคนของเราเอง ตอนนั้นรู้สึกจะแค่ 50 คนเอง อันนี้เป็นเทคนิคของผู้กำกับที่ไม่มีเงิน

    ระหว่างการถ่ายทำ ทราบว่ามีอุปสรรคมากมาย?

    ช่วงหนึ่งเราต้องหยุดถ่ายทำเลยนะคะ พอมีการเผาบ้านเผาเมืองเกิดขึ้น เพราะว่าโรงถ่ายที่ม.กรุงเทพเขาปิด เราต้องหยุดไปเลย 2 อาทิตย์ แล้วก่อนหน้านั้นก็มีวันหนึ่งกลับบ้านไม่ได้ เพราะมีเหตุการณ์ทหารถูกยิงตายที่อนุสรณ์สถาน ซึ่งอัลจาซีร่าถ่ายเห็นชายชุดดำ วันนั้นน่ากลัวมาก มีเสียงเฮลิคอปเตอร์ มีเสียงประกาศว่านักศึกษาอย่าออกไปนอกมหาวิทยาลัย น่ากลัว แต่เสียงเฮลิคอปเตอร์นั่น เราก็เอามาใช้ในหนัง คือเราดีไซน์ใหม่ ส่วนฉากไนแองการ่าก็ไม่ใช้แล้ว เพราะมีที่เจ๋งกว่า

    ต้องเข้าใจว่าเวลาศิลปินสร้างงานอะไรก็ตาม... บางคนอาจคิดว่าเราสร้างงานเพื่อให้เข้ากับเหตุการณ์ ที่จริงงานศิลปะมันงอกขึ้นเหมือนต้นไม้ ไม่ใช่เอามาสวม มันเกิดขึ้นจากแผ่นดินเราจริงๆ จากปุ๋ยจากดินนี้จริงๆ ออร์แกนิคจริงๆ มันถูกเชพด้วยสิ่งที่เกิดขึ้นรอบๆ มัน ไม่ใช่เราไปบิดตัวเราให้เหมือนกับสถานการณ์นั้น แต่สถานการณ์ต่างๆ มาบิดเราให้เหมือนมัน เราต้องมองให้ชัด

    แล้วการดูหนังไม่ใช่คิดไปล่วงหน้า แต่ให้ดูทุกอย่างเป็นภาพ หนังแต่ละเรื่องเป็นโลกของมันเอง แล้วนี่คือหนังผีทุนต่ำ อะไรที่เรากลัวอยู่ตอนนั้นมันก็เข้าไปอยู่นั้น เรากลัวอะไรมากๆ เราก็ใส่เข้าไป เช่นมีฉากแม่มด ต้องเฮฮาดีใจปรบมือให้แมคเบธจงเจริญ และปรบมือด้วยความสุข แต่เราถ่ายฉากนั้นหลังวันที่ถนนโดนตัดขาด แล้วเรากลับบ้านกันไม่ได้จนดึก พวกแม่มดเขารู้สึกเศร้ากับสิ่งที่เกิดขึ้น ทำอย่างไรเขาก็ไม่ยิ้ม พอปรบมือเสร็จก็หน้าเหี่ยว เราก็ไม่คัทยิงยาว แล้วมีแม่มดคนหนึ่งบอกว่า เศร้า ในเทคแรกนะคะ ตอนหลังเราก็บังคับให้เขาเฮฮาให้ได้ แต่มันดูไม่จริง พอมาถึงตอนตัดต่อ เทคหนึ่งดีที่สุด หนังมันก็ถูกสถานการณ์เปลี่ยน กลายเป็นว่าแม่มดรู้สึกเสียใจกับสิ่งที่ตัวเองทำให้เกิดขึ้น

    ถึงจะเรียกว่า "หนังผี" แต่ความสนใจส่วนใหญ่ของคุณก็อยู่ในประเด็นสังคมการเมือง?

    แน่นอนค่ะ เรามองเห็นปัญหา บางทีอยากจะถามสวรรค์ว่าทำไมทำให้เราเข้าใจมองเห็นปัญหาต่างๆ ชัดเจนเกี่ยวกับสังคมไทย แต่...(น้ำตาคลอ) เราเข้าใจโรค เราคิดว่าเรามียา แต่ไม่มีใครให้เราใช้ยานั้นกับแม่ของเราเอง คือแผ่นดิน เหมือนเราทนดูแม่เราฆ่าตัวตายแล้วเราทำอะไรไม่ได้เลย เรารู้ว่าเราสามารถช่วยได้ แต่ไม่มีใครเชื่อ แล้วก็ไม่มีพื้นที่ให้ ทำหนังก็โดนแบนสองรอบ

    หลังจากนี้จะทำอย่างไรต่อไป

    ก็คงต้องอุทธรณ์ เราได้เห็นความกล้าหาญของคุณกอล์ฟ (ธัญญ์วาริน สุขะพิสิษฐ์) ด้วยนะคะ Insects in The Backyard เป็นหนังดีมาก ตัวหนังจริงๆ ไม่ได้ลามกอนาจาร ถ้าคุณดูหนังทั้งเรื่องคุณน้ำตาคลอได้เลย เรื่องความละเมียดละไมที่เขาสร้าง คือผู้กำกับเก่ง แล้วเราเห็นความกล้าหาญของเขา พอเห็นคุณกอล์ฟสู้ เราก็คิดว่าคราวนี้คงไม่เหมือนคนกราบหมาหรอกค่ะ เราไม่ยอม

    จะต่อสู้ในแง่มุมไหน

    เรามองว่ามันเป็นเรื่องสิทธิเสรีภาพ เราจะโฟกัสว่ามันไม่ควรจะมีแล้วการเซ็นเซอร์ สังคมที่ต้องมานั่งเซ็นเซอร์กันคือสังคมที่อ่อนแอ อยู่ด้วยความกลัว เราน่าจะให้พื้นที่ ใครอยากพูดอะไรก็พูดให้มันหมด ไปหักล้างกันเอง หาบาลานซ์ของมันเอง แล้วอยากถามว่า ถ้าไม่มีหนังเรื่องนี้แล้วมันจะเกิดความสมานฉันท์เหรอคะ หนังเรื่องนี้ทำให้แตกแยกเหรอคะ เชคสเปียร์เป็นมรดกล้ำค่าของโลก สอนให้คนคิดเป็น วิเคราะห์คนเป็น วิเคราะห์ตัวเองเป็น อันนี้ไม่ได้พูดถึงความสวยงาม พลังของภาษาซึ่งมหาศาล แต่พูดถึงแก่นแท้ที่ทำให้เชคสเปียร์จับใจเรา

    เหมือนคุณต้องการทำหนังเรื่องนี้เพื่อนำคำพูดของเชคสเปียร์มาบอกกับคนไทย?

    อนิจจาบ้านเมืองน่าเวทนา เจ้าแทบไม่กล้ารู้จักตัวเอง มิอาจเรียกได้ว่าแผ่นดินแม่ แต่เป็นหลุมศพของเรา นี่คือคำพูดของเชคสเปียร์

    http://www.bangkokbiznews.com/home/...7/แบด-แบน-รีเทิร์นสมานรัชฎ์-กาญจนะวณิชย์.html
     
  10. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    วันที่ 5 เมษายน 2555 15:06
    ทีมสร้างหนัง เชคสเปียร์ต้องตาย แถลง
    โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
    [​IMG]

    ผู้อำนวยการสร้างออกโรงแถลง

    มานิต ศรีวานิชภูมิ ผู้อำนวยการภาพยนตร์ไทยเรื่อง "เชคสเปียร์ต้องตาย" ออกโรงแถลง หลังจากคณะกรรมการเซนเซอร์ มีมติสั่งห้ามฉายภาพยนตร์ไทยเรื่องนี้ในราชอาณาจักร โดยมีข้อความดังต่อไปนี้



    "แถลงข่าว เรื่อง หนังไทยเชคสเปียร์โดนแบนโดยรัฐบาลไทย

    บ่ายวันนี้ (3 เม.ย.) คณะกรรมการพิจารณาภาพยนตร์ (กองเซ็นเซอร์) ในกรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม ภายใต้รัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มีมติสั่งห้ามฉาย ‘เชคสเปียร์ต้องตาย’ ภาพยนตร์เรื่องสุดท้ายที่ได้รับทุนสร้างจากกองทุนส่งเสริมภาพยนตร์ของ สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย (สศร.) กระทรวงวัฒนธรรม ภายใต้โครงการไทยเข้มแข็งของรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในปี 2553 ซึ่งเพิ่งสร้างเสร็จและเข้าตรวจพิจารณาปีนี้

    ตามเอกสารบันทึกการตรวจพิจารณาภาพยนตร์ (แนบมาใน attachment) : “คณะกรรมการฯ พิจารณาเห็นว่า ภาพยนตร์เรื่องเช็คสเปียร์ต้องตาย (Shakespeare Must Die) มีเนื้อหาที่ก่อให้เกิดการแตก
    ความสามัคคีระหว่างคนในชาติ ตามกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของประเภทภาพยนตร์ และวีดิทัศน์ พ.ศ. 2552 ข้อ 7 (3)

    “จึงมีมติไม่อนุญาต โดยจัดเป็นประเภทภาพยนตร์ที่ห้ามเผยแพร่ในราชอาณาจักร ตามมาตรา 26 (7) แห่งพระราชบัญญัติภาพยนตร์และวิดีทัศน์ พ.ศ. 2551”

    ภาพยนตร์เรื่อง ‘เชคสเปียร์ต้องตาย’ เป็นภาพยนตร์ไทยที่สร้างขึ้นจากบทละคร ‘โศกนาฏกรรมแม็คเบ็ธ’ (The Tragedy of Macbeth) ของ วิลเลียม เชคสเปียร์ (William Shakespeare) กวีเอกของโลก เป็นเรื่องราวของ
    ขุนพลที่มักใหญ่ใฝ่สูงอย่างไร้ขอบเขต และคลั่งไคล้ในไสยศาสตร์ เมื่อมีแม่มดมาทักว่าจะได้เป็นกษัตริย์ในภายหน้า และโดยการยุยงของภรรยา เขาสังหารพระราชาเพื่อสถาปนาตนเองขึ้นเป็นกษัตริย์ แม็คเบ็ธปกครองแผ่นดินด้วย
    ความบ้าอำนาจ พาให้บ้านเมืองตกอยู่ในยุคมืดมนแห่งความหวาดกลัว โดยที่ตัวเขาเองก็ปราศจากความสุข ต้องใช้ความรุนแรงอย่างไม่มีที่สิ้นสุด เพื่อรักษาอำนาจของตน

    อนึ่ง ละครเรื่องแม็คเบ็ธนี้ เมื่อปีที่แล้วได้มีการจัดแสดงโดยคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย นอกจากนี้ ‘แม็คเบ็ธ’ นั้น บรรจุอยู่ในหลักสูตรการศึกษาของเด็กมัธยมต้นทั่วโลก (ในทุกประเทศที่ใช้
    ภาษาอังกฤษ) มาเป็นเวลาหลายชั่วคน และได้ถูกสร้างเป็นภาพยนตร์มาแล้วหลายครั้ง รวมทั้งโดยนักทำหนังอินเดีย ญี่ปุ่น และจีน เป็นต้น

    เหตุการณ์นี้ทำให้ผมเห็นว่า เราไม่สามารถพูดถึงเรื่องศีลธรรม ความโลภ ความบ้าอำนาจ ความมักใหญ่ใฝ่สูงอันไร้ขอบเขตกันได้อีกแล้วในประเทศไทย ผู้คนอยู่กันด้วยความกลัว ราวกับว่าอยู่ใต้แม็คเบ็ธ
    ในบทละครของเชคสเปียร์จริงๆ มันแปลกประหลาดมากที่องค์กรของกระทรวงวัฒนธรรมลุกขึ้นแบนหนัง
    ที่กระทรวงวัฒนธรรมเองเป็นผู้สนับสนุน และกองเซ็นเซอร์ ภายใต้กรมส่งเสริมวัฒนธรรม เห็นควรแบนเช็คสเปียร์

    ด้วยความนับถือ
    มานิต ศรีวานิชภูมิ
    ผู้อำนวยการสร้าง เชคสเปียร์ต้องตาย"
    http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/life-style/movie-music/20120405/445664/%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B8%A1%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%87-%E0%B9%80%E0%B8%8A%E0%B8%84%E0%B8%AA%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%A2-%E0%B9%81%E0%B8%96%E0%B8%A5%E0%B8%87.html
     
  11. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    วันที่ 10 เมษายน 2555 16:54
    วิดพื้น
    โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
    [​IMG]

    ประธานาธิบดีบารัก โอบามา วอร์มร่างกายด้วยการวิดพื้นก่อนร่วมกิจกรรมในเทศกาลอีสเตอร์ ที่ทำเนียบขาว เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา

    http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/politics/world/20120410/446214/%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%9E%E0%B8%B7%E0%B9%89%E0%B8%99.html
     
  12. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ลูกนอกไส้ ไม่มีเหตุผลที่จะรัก..ความสัมพันธภาพเล็กๆระหว่างแม่ชรากับลูกนอกไส้

    [​IMG]

    สาวน้อยเต้นรำเพื่อทำให้ยายมีความสุข
    ณ บ้านหลังเล็กๆ ทรุดโทรม ยังมีสองชีวิตที่มีความเป็นอยู่ที่อัตคัดหากแต่เปี่ยมล้นด้วยความสุขที่เกิด จากความรักที่ให้แก่กัน นางซูเฟ่ย หยิง หญิงชราวัย 92 ปี กับเฟ่ยหยิง เด็กหญิงวัย 13 ปีที่เรียกว่าลูก อาศัยในเมืองหูหนาน นางซูเฟ่ย บอกว่า เมื่อ 13 ปีก่อน วันที่ 25 เมษายน ในขณะที่เธอหาของเก่าเพื่อนำไปขาย เธอได้พบกล่องกระดาษใบหนึ่งวางอยู่ใต้ต้นไม้หน้าโรงพยาบาล ภายในบรรจุเด็กทารกไว้ นางซูไม่ละเลยปล่อยให้เด็กน้อยที่ถูกทิ้งไปตายถากรรม เธอเลี้ยงเด็กน้อย แม้จะอยู่อย่างยากลำบากมากขึ้นเพียงใดเธอก็ยินดีให้เด็กน้อยมีชีวิตอยู่ จนเวลาล่วงเลยผ่านไป 13 ปี

    ถึงแม้นางซูจะไม่มีการศึกษา หากแต่เธอก็เลี้ยงดูเฟ่ยหยิงเป็นอย่างดี เธอได้รับการศึกษาเฉกเช่นเด็กทั่วไป ปัจจุบันที่เรียนอยู่ชั้นมัธยมต้น และโตพอที่จะแบ่งเบาภาระแก่เธอได้

    [​IMG]

    ทุกวันนางซูเก็บขยะเพื่อแยกของนำไปขาย

    [​IMG]

    และน้อยครั้งที่ได้ของดีๆเพื่อกลับมาใช้ที่บ้าน

    [​IMG]

    ได้ร่ำเรียนเหมือนเด็กคนอื่นๆ

    [​IMG]

    แบ่งเบาภาระ

    ช่างดูงดงามนัก ความรักที่บริสุทธิ์

    Credit : ไม่มีเหตุผลที่จะรัก..ความสัมพันธภาพเล็กๆระหว่างแม่ชรากับลูกนอกไส้<!-- google_ad_section_end -->
    http://palungjit.org/threads/war-ro...เพื่อรองรับสถานการณ์ปี-2012-a.288866/page-966
     
  13. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    [​IMG]

    สียงสะท้อน
    ผ่านเฟซ บุ๊ค:พล.ต.วลิต “ไม่แน่ใจว่า
    เรายังต้องเป็นผู้รับผิดในการตายของพวกเขาอีกหรือเปล่า”
    “ผมไม่โกรธ ไม่คับแค้นใจหรอกครับ
    เพราะมันเป็นหน้าที่ของเรา
    ผมอยากให้พวกเขาคุยกันมากกว่า…ถ้าผมยิงสวนไปก็อาจถูกพลเรือน
    ที่มาร่วมชุมนุมธรรมดา ผมไม่ยิงคนไทยด้วยกันเองครับ”


    Adam Fox ขอนำเรื่องราวของเหล่าทหารหาญ ที่ได้เสียสละเมื่อ 10 เม.ย. 53
    มาฝากเพื่อนๆ ช่วยส่งต่อนะครับ
    ——————————————–
    (ขอประมวลถ้อยคำเหล่านี้
    ที่ได้มีโอกาสได้ยินจากปากของนายทหารและพลทหารที่นอนรักษาตัวอยู่ในโรง
    พยาบาล อันเนื่องมาจากเหตุการณ์ปะทะกันกับผู้ชุมนุมเสื้อแดง ในคืนวันที่
    10 เมษายน 2553)

    ในเช้าวันที่ 11 เมษายน 2553….ได้มีโอกาสติดตามคุณน้า พี่เขยและพี่สาว
    ซึ่งเป็นทหาร เข้าไปเยี่ยมนายทหารและพลทหาร ที่ได้รับบาดเจ็บ
    เนื่องจากเป็นหน่วยเดิมของพี่เขย

    ห้องแรกที่ได้เข้าไปเยี่ยมคือนายทหารระดับพลตรี (พล.ต.วลิต โรจนภักดี ผบ.พล.ร.2 รอ.)ท่าน
    นอนอยู่บนเตียง ที่ขามีเหล็กเสียบเพื่อดามขา ที่หักสองท่อน
    ร่องรอยสะเก็ดระเบิดตามร่างกายของท่าน
    เราเห็นรถของกลุ่มคนเสื้อแดงโบกธงแดงขับอยู่บนทางด่วนแถวช่วงถนนพระรามหก
    คนที่มาเยี่ยมก่อนหน้าเราชี้ ไปนอกหน้าต่างและเปรยออกมาว่า
    ”พวกนี้มันเหิมเกริมได้ขนาดนี้…มันทำได้ยังไง”

    ท่านนายพลซึ่งนอนอยู่บนเตียงกลับเป็นผู้บอกว่า “เราอย่าไปโมโหพวกเขา
    พวกเขาแค่โดนหลอกมาด้วยความไม่รู้เท่านั้น”

    ใช่… เป็นคำพูดของนายพลคนเดียวกันกับ ที่โดนระเบิด M79
    จากการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงในคืนที่ผ่านมาและนอนอยู่บนเตียงของโรงพยาบาล
    สายตาที่ทอดยาวตามรถของคนเสื้อ แดง ทอดถอนใจ

    “ผมเองยังไม่แน่ใจว่าเป็นถึงขนาดนี้
    แล้ว เรายังคงต้องเป็นผู้รับผิดในการตายของพวกเขาอีกหรือเปล่า”

    “ผมส่งข้าวแล้วกลับออกมาได้สามนาที เสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว ลูกน้องผมโทรมาบอกว่า โดนไล่ยิงเข้าไปในโรงแรม
    พี่ช่วยผมด้วย ผมก็พยายามขับฝ่าเข้าไปมันก็ ฝ่าไม่ได้
    ลูกน้องผมได้รับความช่วยเหลือ จากพนักงานโรงแรมให้ใส่ชุด พลเรือนหนีออกทางข้างหลัง
    ตั้งแต่เมื่อคืน พวกผมก็ยังไม่ได้นอน ขนทุกคนมาไว้ที่นี่”
    ผู้พันอีกท่านเล่าห้องที่สอง สาม สี่ ห้า
    หก…..ไล่เรียงลำดับยศกันลงมา….

    “เราถูกยิงมาจากบนตึก..พวกเขา เริ่มระดม
    ยิงและปาระเบิดใส่เราจากบนตึก” ทหารหาญเหล่านี้ยังพยายามหาคำ
    ตอบว่าฝ่ายไหนที่ลอบทำร้าย พวกเข า“ผมยังไม่มี
    โอกาสไปเยี่ยมพี่ๆน้องๆที่โดนระเบิดด้วยกันเลย….
    เราร่วมทุกข์ร่วมสุข…สะเก็ด ระเบิดเราก็แบ่งกันรับ”

    สีหน้าท่านเศร้าเมื่อกล่าวถึง พี่เปา หรือผู้พันร่มเกล้า…. “ไม่น่าเป็นเขา ไม่น่าเป็นใครเลย”
    ในห้องผู้ป่วยทุกห้องเปิดดูข่าว ภาพครอบครัวผู้ชุมนุมร่ำไห้จาก
    การสูญเสีย ภาพนักข่าวเรียกร้องหาผู้รับผิดชอบ
    เสียงใครคนนึงถามออกไปยังผู้พันที่นั่งอยู่บนเตียง…
    “รู้สึกคับแค้นใจบ้างไหมที่เห็น แบบนี้”

    คำตอบที่ได้จากชายชาติทหารที่ อยู่ในชุดผู้ป่วยโรงพยาบาล กลับตอบว่า
    “ผมไม่คับแค้นใจหรอกครับ
    เพราะมันเป็นหน้าที่ของเรา ผมอยากให้พวกเขาได้คุยกันมากกว่า…
    หากผมยิงออกไปก็โดนพลเรือน ผมไม่ยิงคนไทยด้วยกัน”

    ใบหน้าที่หมองคล้ำจากแสงแดดของ ทหารที่อยู่ประจำการยิ้มบาง ๆ
    พร้อมคำพูดที่คุยกันเองระหว่าง นายทหารด้วยกัน…..เหมือนคำสัญญาว่าพวกเขา
    ไม่มีวันทำร้ายพลเรือน

    “พวกผมประจำการอยู่หลายวัน ลูกน้องเราก็ล้า”
    เสียงของท่านผู้พันท่านหนึ่งเล่าถึงเหตุการณ์ในค่ำคืนที่ผ่านมา
    “หลังจากที่เราโดนโจมตี เราเอาทหารที่บาดเจ็บขึ้นรถ โบกมือแล้วว่า
    เราขอเอาทหารบาดเจ็บออกไป พวกเขาไม่ยอม เราจะเลี้ยวออกทางใต้สะพานพระราม 8
    พวกเขาก็ไม่ให้ จะไปข้างหน้าเราก็ไปไม่ได้ ทหารบาดเจ็บเต็มรถ
    เสียงร้องระงมทั้งรถ เขาลากลูกน้องผมที่บาดเจ็บลง จากรถไปซ้อม ไปกระทืบซ้ำ…… เจ้าไก่ (ผู้พันไก่) ก็โดน…ผมทำอะไรไม่ได้
    เพราะขาผมเจ็บสะเก็ดระเบิดมันฝังอยู่…”

    แล้วน้ำตาท่านก็ไหลออกมาลงไป ชั้นห้อง ICU พบภรรยาพี่ไก่
    (ผู้พันไก่-พ.ท.เกรียงศักดิ์ นันทโพธิ์เดช
    ผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 12 รักษาพระองค์

    ) พอเห็นหน้าเธอก็ร้องไห้ เธอบอกว่า พี่ไก่พยายามลืมตา “หนูรู้
    หนูต้องเข้มแข็ง เพราะพี่เค้ายังเข้มแข็งอยู่ ยังพยายามอยู่” พี่ไก่ หรือ
    ผู้พันไก่ ถูกยิงกระสุนฝังในสมอง
    ตอนที่ช่วยออกมายังโดนลากลงไปกระทืบและทำร้ายซ้ำโดยกลุ่มคนเสื้อแดง
    ในคืนวันที่ 10 เมษานั้น พี่ไก่ได้รับการผ่าตัดเรียบร้อย แล้ว
    แต่ขณะนี้ยังไม่ฟื้นและหมอเอง ก็บอกว่า ถึงฟื้นก็อาจพิการ ตลอดชีวิต

    ณ ตรงนี้ ขออ้อนวอนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั่วสากลโลกปกปักรักษาพี่ไก่และ
    ครอบครัวนี้อย่าให้สูญเสียผู้นำครอบครัวไปเลยค่ะทหารระดับพลทหารอีกหลายท่านที่ได้รับบาด
    เจ็บต่างก็ดีใจที่มีคนไปเยี่ยม หลายคนติดต่อทางบ้านไม่ได้เนื่
    องจากไม่มีโทรศัพท์
    ครอบครัวเราได้ช่วยใช้โทรศัพท์มือถือโทรไปให้พวกเขาได้คุย เสียงหัวเราะ
    น้ำตาที่เกิดจากกำลังใจ อย่าทอดทิ้งพวกเขาเพียงเพราะ
    เห็นว่าพวกเขาแค่มาทำหน้าที่ ตามอาชีพของพวกเขาเลยค่ะ

    การเอาเงินใส่ซองไปมอบให้ แม้เพียงเล็กน้อย มันหมายถึงกำลังใจมหาศาล
    พลทหารบางท่านยากจน ที่บ้านไม่มีโทรศัพท์ ครอบครัวเราก็ใช้วิธีหาคนรู้
    จักให้ขับรถไปหาไปบอก

    ช่วยให้กำลังใจพวกเขาด้วยนะคะ ช่วยกันคนละนิดละหน่อย
    ภายใต้หมวกเหล็ก ภายใต้เครื่องแบบทหาร นั่นคือคนไทยค่ะ

    ตอนที่เดินอยู่ในตึกโรงพยาบาล ความคิดอื้ออึงไปด้วยความรู้
    สึกสะเทือนใจและเสียใจ ดิฉันนึกถึงถ้อยคำที่ใครหลายคนใช้เรียกทหาร
    บ้างก็กล่าวว่า ทหารมีสองฝ่าย ทหารแตงโม ผ่าสีเขียวออกมาเป็นสีแดง
    ทหารสับประรด ผ่าสีเขียวมาเจอสีเหลือง

    หากแต่วันนี้ ผ่าสีเขียวออกมา เราเจอร่างคนไทยค่ะ
    คนไทยมีเลือดเนื้อ มีหน้าที่ ความรับผิดชอบ มีครอบครัว มีลูก มีเมีย
    มีพ่อแม่ที่ต้องเลี้ยงดูเหมือนเราทุกคน

    ผ่าเสื้อแดงออกมาเราก็เจอร่าง คนไทย
    ผ่าเสื้อเหลืองออกมาเราก็เจอร่าง คนไทย

    จากที่ดิฉันได้เจอ
    อยากบอกทุกท่านที่อ่านว่าทหารไทยกองพลที่ได้รับบาดเจ็บนี้ไม่ใช่ผลไม้ค่ะ
    ผ่าเครื่องแบบสีเขียวออกมาสิ่ง ที่คุณจะเจอคือ สุภาพบุรุษชาติทหาร
    นักรบที่ไม่เคยกล่าวโทษรัฐบาล หรือกลุ่มผู้ชุมนุม
    นักรบที่ไม่เคยอยากยิงปืนใส่ คนไทยด้วยกัน ทหารกองพลนี้คือคนค่ะ
    พวกเขาคือคนไทยที่ร้องเพลงชาติเดียวกันกับเรา มีพ่อหลวงองค์เดียวกันกับเรา
    มีหน้าที่ปกป้องดูแลประเทศชา ติของเราที่จังหวัดชายแดน
    เขามีหน้าที่ดูแลแผ่นดินของเรา

    วันนี้พวกเขาหลายคนอยู่ในชุด ผู้ป่วยสีฟ้าของโรงพยาบาล
    พวกเขาบางคนอยู่บนรถเข็น พวกเขาบางคนอยู่ในกล่องที่โอบ ล้อมด้วยธงชาติไทย
    ชาติไทยที่พวกเขามีใจมุ่งมั่นที่จะปกป้องและรักษา

    ไม่เคยคิดอยากเข้าข้างใคร ค่ะ
    ไม่มีใครขอร้องให้ออกมานั่งเขียนอะไรอย่างนี้ และ
    ดิฉันเองไม่ใช่ผู้สื่อข่าว ที่เข้าไปพูดคุยแล้วทุกคนจะ ต้องมานั่งปรุงแต่ง
    คำพูด
    เพียงแต่ขอติดตามไปเพื่อให้กำลังใจเท่านั้น

    หากแต่คำพูดง่ายๆ ของการพูดคุยกันระหว่างทหารด้วยกัน ห้องแล้วห้องเล่า
    ในเช้าถัดจากกลางคืนที่ยาวนานของพวกเขา มันยืนยันได้
    หนักแน่นมากกว่าแถลงการณ์จากฝ่ายไหนว่าทหารไทยกองพลนี้เป็นนายทหารของประเทศไทยจริงๆ ไม่มีวัตถุประสงค์ปลุกปั่นให้ ทุกคนต่อสู้
    แต่อยากขอโอกาสอธิบายจากมุมของพวกเขาบ้าง

    ทหารทุกท่านที่ดิฉันได้มีโอกาส เข้าเยี่ยมไม่
    มีคนไหนแสดงอา การอาฆาตมาดร้าย กับกลุ่มใดในสิ่งที่เกิดขึ้น
    ไม่มีสรรพนามอื่นใดใช้เรียกผู้ชุมนุมเสื้อแดง
    นอกจากคำว่า “พวกเขา”

    ทหารไทยที่เสียน้อง เพื่อน พี่ ที่อยู่ในหน่วยบังคับบัญชาเดีย วกัน
    พวกเขากลับบอกว่า อยากให้เราคนไทยพูดคุยกัน อยากให้เรารักษาความสงบของบ้าน
    เมือง แล้วพวกเขาจะได้ทำหน้าที่ระวัง ภัยจากนอกประเทศอย่างที่พวก
    เขาควรทำวันนี้

    เราทุกคนช่วยกันได้ค่ะ วันนี้เรารวมน้ำใจกันเป็นหนึ่งเดียวได้
    ประชาธิปไตย คำคำนี้เป็นคำที่ทุกคนพอใจที่ จะปกป้องถูกไหมคะ
    เป็นคำที่มาจากคำว่า “ประชา (ประชาชน) + อธิปไตย
    (อำนาจสูงสุดในการปกครองประเทศ)” ตอนนี้เราต้องทำความเข้าใจกับ
    คำๆนี้ให้ถ่องแท้

    เรามีค่ะ ประชาธิปไตยก็อยู่ในมือเรา
    ไม่จำเป็นต้องแลกมาด้วยเลือดเนื้อของคนไทยด้วยกันเลยค่ะ
    เรามีเวทีทางการเมืองให้แสดงออกอย่างสันติ

    เรามีการเลือกตั้ง เรามีระบบการปกครองที่ประกอบ ไปด้วยฝ่ายบริหาร
    ฝ่ายนิติบัญญัติและฝ่ายตุลาการ เรามีพ่อหลวงเป็นศูนย์รวมจิตใจ
    เรายืนอยู่บนแผ่นดินเดียวกัน เราเป็นประเทศที่พิเศษ
    เป็นประเทศที่เราทุกคนเรียกกัน และกันเสมือนเป็นคนในครอบ ครัว เป็นพี่ ป้า
    น้า อา กันทั่วประเทศ
    เหมือนที่ใครหลายคนกล่าวว่าประเทศไทยน่าอยู่เพราะคนไทยค่ะ

    อย่าให้คนบางคนมาปลุกปั่นให้
    เราทะเลาะกันเพื่อผลประโยชน์ ของพวกพ้องเขา เท่านั้นเลยนะคะ
    ประชาธิปไตยที่ดี น่าจะเป็นการที่เราทุกคนต้อง
    เคารพในสิทธิและหน้าที่ของพลเมือง ที่ดีด้วยเช่นกันค่ะ

    มาช่วยกันทำให้ประเทศนี้น่าอยู่ กันทุกวัน
    ทำดีให้กันและกันทุกวันนะคะ คนละนิดคนละหน่อย
    ทำกันวันละหนึ่งความดีก็ได้ค่ะ
    ขอให้ทุกคนเป็นคนดีให้สมกับที่มีใครหลายคนเสียสละเวลาและชีวิตเพื่อปกป้อง
    ทั้งที่ชายแดนออก ตก เหนือ ใต้ และที่โดนเรียกมารักษาความสงบ
    ในกรุงเทพมหานครในเหตุการณ์ นี้ด้วยค่ะ

    สุดท้าย นี้
    ขอขอบพระคุณทหารหาญทุกท่านที่ได้ร่วมปฏิบัติการโดยสันติวิธีและได้รับบาด
    เจ็บและเสียชีวิตในระหว่างปฏิบัติ หน้าที่จากการปะทะกับกลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อ แดงในคืนวันที่ 10 เมษายน 2553


    ขอขอบพระคุณครอบครัวของท่านที่มอบสุภาพบุรุษชาติทหารให้กับประเทศไทยและ
    ขอร่วมไว้อาลัยและแสดงความเสีย ใจอย่างสุดซึ้งกับการสูญเสีย
    ของทุกครอบครัวมา ณ ที่นี้

    ที่มา http://www.facebook....19588509#post96
    จากใจ..ชายชาติทหาร พลตรี วลิต โรจนภักดี - สภากาแฟ - ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด
     
  14. blank123

    blank123 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +229
    เฮ้ยยยยยยยยยยยยยยย อารายกันนี่
    ขึ้นเวรบ่ายอยู่ว่าง ๆ กะลังนั่งปั่นน้ำลาย(เตรียมเฉ่งโจทก์เก่า ) อยู่ดี ๆ
    จู่ ๆ เก๊าะได้ จ.ม. สั่งนางก่อนลา จากอิหม่ามี๊ ซะงั้น
    เล่นเอาแปลกใจมากมายเรยอ่า

    ฮือ ๆ ในที่สุด แม่นางเซียนฯ ก็ ถูก อาเฮียโคว่จง
    ลามโซ่ติดหัวบันไดเป็นการถาวร ซะแระ
    (แล้วต่อไป ตรูจาหา หน้าม้าระดับพรีเมียม ที่ไหนได้ว้าาา อะซิก ๆ :'( )


    ว่าแต่เคยโดนห้ามเล่น Hi5 นี่หน่า
    ไง๋ ถึงมี เฟซบุ๊ค ก๊ะเค้าได้หว่า
    ขอ อนุญาต ป๋าโจ อ๊ะยังเนี่ย อิอิ
    แล้วถ้ามีโอกาสจาแวะไปยลโฉม เฟซบุ๊ค อิหม่ามี๊ น้าาา
    ( จาหาเรื่อง แอบไปถ้ำมองฮาร์ทจัง เหอ...เหอ... )


    อ้อ ถึงจา โดนป๋าโจจับขังคุกขี้ไก่
    ห้ามเล่นเวบพังจิต เป็นการถาวร
    กระนั้น นู๋บี ก็ได้แต่หวังว่า
    ป๋าโจคงไม่ใจร้ายไส้ระกำ ออกกฏอัยการศึก
    ห้ามไม่หั้ย อิอ่อนเสือนอนกิน
    แอบไปจู๋จี๋ก๊ะ แม่นางเทียวเสี้ยม ที่ สุสานโบราณ นะเจ้าคะ
    ไงก็แวะไปเยี่ยมกันมั่ง เน้อออออ :'(


    โชคดีนะคร้าาาา :cool:


    ปล.

    อ้อ ขอนุยาดแวะมา รดน้ำดำหัว คุงแม่ปั๋ว ย้อนหลังโตยเด้อ [​IMG]


    [​IMG]
     
  15. obs2553

    obs2553 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2011
    โพสต์:
    1,289
    ค่าพลัง:
    +176
    "นอกจากนี้ ‘แม็คเบ็ธ’ นั้น บรรจุอยู่ในหลักสูตรการศึกษาของเด็กมัธยมต้นทั่วโลก (ในทุกประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษ) มาเป็นเวลาหลายชั่วคน และได้ถูกสร้างเป็นภาพยนตร์มาแล้วหลายครั้ง รวมทั้งโดยนักทำหนังอินเดีย ญี่ปุ่น และจีน เป็นต้น"

    น่าเสียดายที่ไม่เคยได้อ่านหรือเรียนเรื่อง 'แม็คเบ็ธ'
    ดิฉันพึ่งรู้จัก 'แม็คเบ็ธ' ก็จากกระแสข่าวไม่กี่วันที่ผ่านมาจากรายการตอบโจทย์ ทางช่องไทยพีบีเอสและในอินเตอร์เน็ต

    เวลาถูกนำมาแสดงเป็นละครเวทีน่าดูมากๆ และไม่ยักกะโดนแบน!
    (คิดเอาว่าอาจเป็นเพราะ คนดูละครเวทีมันเฉพาะกลุ่ม)
    ทำไมต้องแบนหนังด้วย เนื้อเรื่องเดียวกันไม่ใช่เหรอ?

    เรื่องเกี่ยวกับโศกนาฏกรรมของผู้ลุ่มหลงมัวเมาอำนาจ การทรยศหักหลัง และด้านมืดของจิตใจมนุษย์ มันเป็นเรื่องสากลที่คนทุกชาติ ทุกภาษาควรได้ตระหนักกัน มีอะไรที่ไม่ควรเผยแพร่?

    " พรุ่งนี้ และพรุ่งนี้ และพรุ่งนี้
    คืบคลานเข้ามาทีละวัน ทีละวัน
    จวบจนปัจฉิมกาล
    และวันวานส่องแสงให้คนโง่
    เห็นทางสู่ความตายเป็นภัสมธุลี
    ดับไปสิ ดับเสีย เทียนแสนสั้น
    ชีวิตเป็นเพียงรูปเงาโลดแล่น เป็นนักแสดงด้อยฝีมือ
    ที่เดินวางมาดและกลัดกลุ้ม ใช้เวลาให้หมดไปบนเวที
    และแล้วก็เดินลับตาอันตรธานไป ไม่มีใครได้ยินเสียงอีก
    เป็นนิทานที่เล่าโดยคนโง่บัดซบ
    ดีแต่ส่งเสียงและโกรธเกรี้ยว
    ไร้ความสลักสำคัญ "
    "เมื่อคนชั่วยังไม่หยุด ละครก็ยังดำเนินต่อไป"...


     
  16. obs2553

    obs2553 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2011
    โพสต์:
    1,289
    ค่าพลัง:
    +176
    <iframe width="420" height="315" src="http://www.youtube.com/embed/X6tSILnn_bY?rel=0" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

    เพลง...โลกนี้คือละคร

    คำร้อง/ทำนอง ไพบูลย์ บุตรขัน
    ธงไชย แมคอินไตย์ ขับร้อง

    โลกนี้นี่ดูยิ่งดูยอกย้อน
    เปรียบเหมือนละคร ถึงบทเมื่อตอนเร้าใจ
    บทบาทลีลาแตกต่างกันไป
    ถึงสูงเพียงใดต่างจบลงไปเหมือนกัน

    เกิดมาต้องตายร่างกายผุพัง
    ผู้คนเขาชังคิดยิ่งระวังไหวหวั่น
    ต่างเกิดกันมาร่วมโลกเดียวกัน
    ถือผิวชังพรรณบ้างเหยียดหยามกันเหลือเกิน

    โลกนี้คือละคร
    บทบาทบางตอนชีวิตยอกย้อนยับเยิน
    ชีวิตบางคนรุ่งเรืองจำเริญ
    แสนเพลิน...เหมือนเดินอยู่บนหนทางวิมาน

    โลกนี้นี่ดูยิ่งดูเศร้าใจ
    ชั่วชีวิตวัย หมุนเปลี่ยนผันไปเหมือนม่าน
    ปิดฉากเรืองรองผุดผ่องตระการ
    ครั้นแล้วไม่นาน เปิดผ่านเป็นความเศร้าใจ...
     
  17. Ms,13

    Ms,13 บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    ใครมี facebook k.kwan บ้างจ๊ะช่วยส่งให้หน่อย จิ pM มานะ ช่วยหน่อย ช่วยหน่อย
     
  18. ยมยักษ์

    ยมยักษ์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กันยายน 2011
    โพสต์:
    974
    ค่าพลัง:
    +35
    ok นะ คุณ ขวัญ เราค่่อยคุยทาง facebook ละกันนะเพิ่งอ่าน pm จากพวกน้องๆม้น โชคดีพระคุ้มครอง
    http://www.youtube.com/watch?v=JHr0XXfn1Oo&feature=youtube_gdata_player
     
  19. Ms,13

    Ms,13 บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    เพลงอะไรของพี่แกวะ

    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=JHr0XXfn1Oo&feature=youtube_gdata_player]Within You Will Remain by Tokyo Square - YouTube[/ame]
     
  20. ms 13

    ms 13 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    367
    ค่าพลัง:
    +8
    อยากให้มะม๋ากลับมา จัง :'((cry)(cry)(cry)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...