ฝากทุกคนที่รักพุทธศาสนาครับ เรื่องละเอียดนิดหนึ่ง

คือหลายครั้งแล้ว ที่ผมเห็น รูปพระพุทธองค์ อยู่ในถังขยะ
เพราะอะไรรู้ไหมครับ เพราะว่า พวกขายธูป เอารูปท่านมาใส่
ไม่ว่าจะเป้น เทพหลายๆ ท่าน หรือ เจ้าแม่กวนอิมก็ตาม
อยากรู้ว่า มันไม่มีวิธี แก้ปัญหานี้หรอครับ เพราะผมดูแล้วไม่เหมาะสม
บางครั้งก็ตกพื้น คนเหยียบ ไปมา เหมือนผมเคยเห็นข่าว
ประเทศไหนนี้แหละ ที่ห้ามทิ้งรูป แนวนี้ลงถึงขยะ ถ้าทิ้งปรับเงินครับ
แล้วประเทศไทย ไม่มีแนวทางแก้ปัญหานี้หรอครับ
ผมเลยคิดว่า ถึงเวลาแล้ว ที่พวกท่าน ทั้งหลาย
ที่ชอบปกป้องศาสนา ควรจะรับมือกับเรื่องพวกนี้

 

มันอยู่ที่คน มันก้ไม่ต่างอะไรกับธนบัตรที่มีรูปพระเจ้าอยู่หัว
เราอย่าไปยึดติดที่สิ่งของเลย เกิดมามีอยู่แล้วก็ดับไปนะ

 

พุทโธ เม นาโถ
ธัมโม เม นาโถ
สังโฆ เม นาโถ

พุทธัง ชิวิตัง เม ปูเชมิ
ธัมมัง ชีวิตัง เม ปูเชมิ
สังฆัง ชีวิตัง เม ปูเชมิ

 

จริงครับ องค์หลวงปู่มั่น ท่านก็ ทรง ให้ข้อคิดคติธรรมเกี่ยวกับรูปภาพเช่นกัน ที่หอยา สมัยก่อนมีรูปองค์พระสังกัจจายน์ ท่านเก็บขึ้นไว้ที่สูงแล้ว พูดว่า นิองค์พระสังกัจจายน์ ทำเล่นได้ที่ไหน และอีกอย่าง องค์หลวงปู่มั่น ท่านจะไม่ จำวัดในที่ๆ มีภาพพระพุทธรูป หรือ พระสงฆ์ วางไว้ต่ำๆ ต้องเก็บขึ้นไว้ที่สูงก่อน จึงจะ ถูกต้อง

 

ขนาดศาสนาที่เคยเป็นศาสนาประจำชาติยังรักษาไว้ไม่ได้ แล้วจะให้ว่าอย่างไรผู้ใหญ่สมัยนี้สนใจแต่เรื่องเงินกะการเสพกาม ผมอาจจะคิดผิดก็ได้

 

1.พวกพระกระเทยก็เหมือนกัน พระพุทธองค์ก็บัญญัติไว้แล้ว

อรรถกถาจารย์แบ่งกะเทยไว้ ๕ ประเภท คือ

๑. อาสิตตบัณเฑาะก์ (ยสฺส ปเรสํ องฺคชาตํ มุเขน คเหตฺวา อสุจินา อาสิตฺตสฺส ปริฬาโห วูปสมติ อยํ อาสิตฺตปณฺฑโก) หมายความว่า กะเทยพวกที่ชอบใช้ปากอมองคชาตของผู้อื่น ความเร่าร้อนสงบไปเมื่อถูกน้ำอสุจิรั่วรดแล้ว พวกนี้เรียกว่า อาสิตตบัณเฑาะก์

๒. อุสสุยบัณเฑาะก์ (ยสฺส ปน ปเรสํ อชฺฌาจารํ ปสฺสโต อุสฺสุยยาย ปริฬาโห วูปสมติ อยํ อุสฺสุยฺยปณฺฑโก) หมายความว่า กะเทยพวกที่เห็นคนอื่นเขาประพฤติล่วงประเวณี หรือเห็นคนอื่นเขาเสพสังวาสกันความเร่าร้อนด้วยราคะที่ฟุ้งขึ้นของเขาก็สงบไป พวกนี้เรียกว่า อุสสุยยบัณเฑาะก์ (พวกชอบแอบดู)

๓. โอปักกมิยบัณเฑาะก์ (ยสฺส อุปกฺกเมน พีชานํ อปนีตานิ อยํ โอปกฺกมิย ปณฺฑโก) หมายความว่า กะเทยพวกที่ถูกตอนแล้ว ถ้าเป็นประเพณีเก่าของจีนคือพวกขันที คือคนพวกที่ถูกเขาควักเอาอัณฑะออกแล้ว (น่าจะตัดออก) พวกนี้เรียกว่า โอปักกมิยบัณเฑาะก์

๔. ปักขบัณเฑาะก์ (เอกจฺโจ ปน อกุสลวิปาเกน กาฬปกฺเข ปณฺฑโก โหติ ชุณฺหปกฺเข ปนสฺส ปริฬาโห วูปสมติ อยํ ปกฺขปณฺฑโก) หมายความว่า กะเทยพวกนี้เป็นกะเทยมีราคะกล้าเฉพาะวันข้างแรมไปจนถึงเดือนดับเพราะอกุศลวิบาก แต่พอข้างขึ้นก็สงบไป พวกนี้เรียกว่า ปักขบัณเฑาะก์

๕. นปุงสกบัณเฑาะก์ (อิตฺถีอุภโตพยญฺชนกสฺส อิตฺถีสุ ปุริสตฺตํ กโรนฺตสฺส อิตฺถี นิมิตฺตํ ปฏิจฺฉนฺนํ ปุริสนิมิตฺตํ ปากฏํฯ ปุริสอุภโตพยญฺชนกสฺส ปุริสานํ อิตฺถีภาวํ อุปคจฺฉนฺตสฺส ปุริสนิมิตฺตํ ปฏิจฺฉนฺนํ โหติ อิตฺถีนิมิตฺตํ ปากฏํ โหติฯ อิตฺถีอุภโตพยญฺชนโก สยญฺจ คพฺภํ คณฺหาตีติ ปรญฺจ คณฺหาเปติฯ ปุริสอุภโตพยญฺชนโก ปน สยํ น คณฺหาติ ปรํ คณฺหาเปติฯ)
หมายความว่า กะเทยพวกนี้มี ๒ เพศในร่างเดียวกัน คือ พวกอุภโตพยัญชนกเมื่อทำหน้าที่ของผู้ชายให้หญิง ก็ซ่อนรูปเพศหญิงไว้แต่เพศชายปรากฏ, เมื่อทำหน้าที่เป็นหญิง เพศชายหายไปแต่เพศหญิงปรากฏ, เรียกพวกนี้ว่า ปุริสอุภโตพยัญชนกฯ ส่วนอิตถีอุภโตพยัญชนก ท้องเองก็ได้ และทำผู้อื่นท้องก็ได้ ส่วนปุริสอุภโตพยัญชนกไม่ได้ตั้งท้องเอง แต่ทำให้หญิงท้องก็ได้ (ผู้เขียนฯ เคยเห็นภาพในหนังสือคู่มือแพทย์)

พวกพระตุ๊ด เณรตุ๊ด ถ้ายังบวชอยู่สึกไปซะ ยิ่งครองจีวรนานยิ่งบาปเท่านั้น
ไปรักษาศีล 5 ศีล 8 ยังจะสร้างกุศลได้ดีกว่า

พวกพระเล่นเกมส์ พวกพระที่บิณฑบาตรแล้วเอาไปขายแม่ค่าต่อ
หรือเดินวนบินฑบาตรอยู่นั่น

พระขับรถเอง พระที่พูดคำหยาบคาย พระนักเทศน์ที่เทศน์สอนชาวบ้านแต่ตัวเองไม่ประพฤติเอง

พระใหญ่(เจ้าคณะ)ลงอเวจี

 

ผมใช้วิธีบรรจุ (เผา) ถ้าจำไม่ผิดจำได้ว่าจากการแนะนำขององค์หลวงปู่มั่น ที่ได้บอกไว้กับศิษย์ของท่าน ปัจจุบันถ้าเจอ ผมก็บรรจุหมด ไม่อยากให้คนอื่นล่วงเกิน
หากท่านใดไม่แน่ใจ ก็ค้นหาข้อมูลได้ น่าจะอยู่ในหมวดของ หลวงปู่มั่น

 

ไม่ควรจะทำอย่างนี้ถูกต้องที่สุดครับ
แต่คงห้าม และปรับเงินไม่ได้หรอกครับ จะับังคับใช้กับคนที่เขาไม่นับถือสิ่งนี้คงลำบาก


ครูบาอาจารย์ท่านเคยบอก ถ้ามีเยอะเกินไปไม่สามารถเก็บไว้ได้ ก็ให้ขอขมาเเล้วนำไปเผาไฟครับ จะได้ไปต้องไปทิ้งตามถังขยะ ตามพื้นให้คนเดินข้ามไปมา ซึ่งเป็นการปรามาสพระรัตนตรัยด้วยครับ รวมถึงใบบอกบุญงานทอดผ้าป่าหรือกฐินด้วยนะ

 

ความเห็น

..ผม.. ก็ อยากให้ ศาสนาพุทธ เป็นศาสนาประจำ ชาติ ไทยจริงๆ เพราะ คนนับถือ พุทธศาสนา ตามบัตรประชาชน มีประมาณ ๘๕ % แต่ ... เสียดายด้วยครับ เราไม่มีศาสนาประจำชาติ จริงๆ มีเพียงความเชื่อและ หลักนิยมครับว่า ศาสนาพุทธ เป็นศาสนาประจำชาติ เพราะ มีคนนับถือ มากที่สุด แต่ นั่นมันทางพฤตินัย นะครับ ... ทางนิตินัย ไม่มี ครับ และ ไม่เคยมีมาตั้งแต่ เปลี่ยนแปลงการปกครอง ใน ปี ๒๔๗๕ แล้ว...เสียดายจริงๆ

 

ผมก็รู้สึกดีที่มีคนคิดได้นะครับ
ผมก็ดิดครับ แต่ไม่กล้าตั้งประเด็นเองครับ ผมก็ยกไปยันเรื่องรูป พระบรมฉายาลักษ์ของพระมหากษัติย์ด้วยนะครับ ที่ห้างร้านต่างๆชอบเอามาใส่ที่ปฎิทินอ่ะครับ
บ้านผมก็มีเยอะครับ เค้าแจกฟรีมาทั้งนั้น แต่ที่หมดปีแล้วก็เยอะครับ ผมก็กัดฟัน อธิฐานในใจ ขอให้ประธานอภัยให้ครับ แล้วผมก็เผาไปหมดแล้วครับ เฉพาะที่หมดปีนะครับ ผมก็ไม่รู้จะทำไงครับ ก็ไม่อยากเอาไปขายชั่งกิโลเศษกระดาษด้วยครับ

 

ขอบคุณครับลุง O ใด้ความรู้อีกแล้ว

 

ที่บ้านเก็บไว้เยอะเลยครับ ไม่กล้าทิ้งเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นภาพพระ เทพ โพธิสัตว์ เซียน
​

 

ก็เผาทิ้งซิก็จบ คนจะได้ไม่เดินเหยียบไม่ต้องเก็บให้รกบ้าน

 

แสดงว่า คงไม่มีทางออกซินะครับ
สำหรับเรื่องนี้ น่าเศร่า

 

ใช่ค่ะ เป็นคำแนะนำของหลวงปู่มั่น ดิฉันก็เคยบรรจุ (เผา) รูป ครูบาอาจารย์
เหมือนกัน คือ ทำเอง ดีกว่าให้คนอื่นมาล่วงเกินโดยไม่ตั้งใจ

 

ผมเองตอนศึกษาธรรมะแรกๆ ก็เคยพลาดนะครับ ปริ้นท์บทสวดมนต์ออกมาแล้วรูปแบบยังไม่ถูกใจ ก็เลยจะปริ้นท์ใหม่ แต่ดันเอาของเก่าไปทิ้งถังขยะ ผ่านไป 1-2 วัน มานั่งคิดทบทวนดู ก็รีบไปหยิบออกมาจากถึงขยะ ก็เก็บไว้มาจนถึงทุกวันนี้ ตอนนี้รู้แล้วว่าควรจะทำอย่างไร ก็คงต้อง "บรรจุ" ตามคำแนะนำครับ ...คือเหตุที่ต้องมานั่งคิดทบทวนดูก็คือว่า ลูกค้าหายหมด ก็มาคิดว่าเกิดอะไรขึ้น แปลกๆ ก็มานั่งคิดย้อนหลัง ก็เลยต้องรีบไปค้นออกมาจากถังขยะ...

 

เอาท่านมาเป็นเหมือนเครื่องหมายการค้า

 

ก็เป็นที่น่ายินดีที่พวกเราได้ระลึกในสิ่งที่เห็นสมควรว่าดี ก็ทำไปตามความเหมาะสมก็แล้วกัน แต่ก็อย่าไปยึดติดอะไรมากมาย สิ่งที่ควรทำที่สำคัญยังมีอีกมากมายที่ยังทำกันไม่ค่อยได้ก็ทำให้ได้เสีย ทำตนให้เป็นต้นแบบแบบอย่างในทางที่ถูกที่ควรให้ผู้อื่นทำตามนั้นสำคัญกว่า ก็ระลึกถึงตัวเองให้มากๆในการทำสิ่งที่ถูกต้องดีกว่าไปใช้ให้คนอื่นให้ทำ เพราะปัจจุบันคนเรานั้นมากด้วยกิเลสจะให้ได้ดั่งใจเรานั้นยากยิ่งนัก ถ้าเราสามารถทำให้ตัวเองได้ดีดั่งต้องการได้แล้ว นั่นแหระคือตัวอย่างที่ดี ที่พร้อมจะให้ผู้อื่นทำตามได้ ดั่งที่เคยมีผู้ทำเป็นต้นแบบแบบอย่างที่ดีมาแล้วในอดีตที่ผ่านมา จุดมุ่งหมายของพุทธศาสนาไม่ไช่ให้เราไปใส่ใจเรื่องว่าใครลบหลู่ศาสนาหรือไม่ แต่จุดมุ่งหมายที่แท้จริงคือต้องการให้เราลดละกิเลสเพราะฉนั้นเราต้องมุ่งทำให้ตัวเองลดละกิเลสลงไปเรื่อยๆจนหมดให้ได้ตามแบบพุทธศาสนา ก็ขอฝากไว้ ด้วยความเคารพกับพวกเราทั้งหลายผู้ใฝ่ดีต่อพุทธศาสนา ขออนุโมทนา

 

เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป มันเป็นเช่นนั้นเอง

 

ผมก็บรรจุอยู่เรื่อยๆ