มหัศจรรย์แห่งพลังพีรามิดผสานพลังจิตพิชิตโรคพลัง

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย ลูกหลานหลวงปู่, 24 พฤษภาคม 2007.

  1. ลูกหลานหลวงปู่

    ลูกหลานหลวงปู่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    550
    ค่าพลัง:
    +3,589
    องค์ความรู้ที่เกิดจากสมาธิจิต ของพระอาจารย์ รัตน์ รัตนญาโณ เจ้าอาวาสวัดดอยเกิ้ง จังหวัดแม่ฮ่องสอน และเป็นผู้ก่อตั้ง ศูนย์ปฏิบัติธรรมเพื่อพัฒนากายและจิต สวนบูรณะรักษ์ อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่
    โลกเปลี่ยน โรคเกิด
    วิกฤตธรรมชาติที่เกิดจากน้ำมือมนุษย์ ไม่ว่าจะมาจากการตัดไม้ทำลายป่า จากควันน้ำมันที่ปล่อยออกมาจากโรงงานอุตสาหกรรม หรือยานพาหนะที่ขับขี่กัน หรือสารซีเอฟซีที่ปล่อยเข้าสู่บรรยากาศ ทำให้เกิดภาวะโลกร้อนซึ่งทวีความรุนแรงขึ้นทุกวัน ส่งผลให้สภาพอากาศแปรปรวน เกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติมากมาย นอกจากนี้ คลื่นความร้อนจากแสงอาทิตย์ ที่ไม่สามารถสะท้อนกลับไปยังนอกชั้นบรรยากาศได้นั้น ยังกลายเป็นตัวการที่ก่อให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บตามมาด้วยเพราะคลื่นความร้อนซึ่งถูกควันน้ำมันที่ปกคลุมอยู่อย่างหนาแน่นขวางไว้ จะสะท้อนกลับไปกลับมาระหว่างควันน้ำมันกับพื้นโลก จนความถี่ลดน้อยลง กระทั่งหมดแรงกลายเป็นแสงเฉื่อยและแทรกซึมเข้าสู่ร่างกาย พลังงานในร่างกายซึ่งมีความถี่มากกว่าจึงถูกถ่ายเทออกไปให้คลื่นแสงซึ่งมีความถี่น้อยนี้ ทำให้พลังงานในร่างกายลดกำลังลงไป การสั่นสะเทือนและการไหลเวียนของลมปราณและเลือดก็อ่อนแรงลง ส่งผลให้ภูมิต้านทานโรคต่ำตามลงไปด้วยโรคภัยต่างๆก็คุกคามได้ง่ายขึ้น เพราะเลือดไม่สามารถนำสารอาหารไปเลี้ยงเซลล์ได้เพียงพอ เซลล์ใหม่ก็ไม่สารถสร้างขึ้นมาเพื่อแทนที่เซลล์เก่าได้ ส่วนของเสียก็ไม่สามารถถูกขับอกมาได้ด้วยนั่นเอง ในขณะเดียวกัน ควันน้ำมันและก๊าซพิษเหล่านี้ก็ยังเป็นสารพิษที่เข้าไปสะสมในร่างกายมากขึ้น ส่งผลต่อระบบทางเดินหายใจและการทำงานของเซลล์ต่างๆในร่างกายด้วย
    นอกจากนี้ วิกฤตธรรมชาติ ยังทำให้เส้นแรงแม่เหล็กเปลี่ยนแปลง จากที่ไหลเวียนอย่างเป็นระบบ บัดนี้ก็แปรปรวน ไร้ระเบียบ และยังฟุ้งกระจายไปทั่วโลก เส้นแรงแม่เหล็กนี้ก็ยังทำให้เกิดการเสื่อมถอยของเซลล์ในร่างกายด้วยเช่นกัน ส่งผลให้นิวเคลียสของเซลล์ในร่างกายที่เป็นระเบียบอยู่นั้นแตกตัวออกจากกันอย่างไร้ระเบียบ ก่อปฏิกิริยาทางเคมีและฟิสิกส์ เร่งให้ร่างกายเสื่อมสลายเร็วขึ้น ที่สำคัญพลังกระแสลมปราณที่ลดลงมาดังที่ได้กล่าวมาข้างต้นแล้วนั้น ยังทำให้ร่างกายเราไม่มีแรงมากพอที่จะขับเส้นแรงแม่เหล็กนี้ออกจากตัว เส้นแรงแม่เหล็กจึงตกค้างอยู่ในร่างกายมากขึ้นเรื่อยๆส่งผลให้เกิดอาการปวดเมื่อย ชาตามตัว หรือกล้ามเนื้ออ่นแรง บางคนก็จะรู้สึกอึดอัด หายใจไม่ออก หรือเจ็บหน้าอกเช่นกัน
    ดังนั้นหลักการในการดูแลรักษาสุขภาพให้แข็งแรง หายจากโรคภัยไข้เจ็บ ก็คือการทำให้เซลล์ในร่างกายมีการสั่นสะเทือนเป็นปกติ เพื่อที่จะได้ระบายของเสียที่ตกค้างอยู่ในร่างกายออกไปได้ในขณะเดียวกันก็สามารถที่จะซ่อมแซมและฟื้นฟูเซลล์ให้ทำงานได้อย่างเป็นปกติมากขึ้นด้วย นกจากนี้เราก็ควรอยู่ในที่ที่มีกระแสปราณดีๆไว้ให้หายใจและปลดภัยจากเส้นแม่เหล็กที่ผันผวน ซึ่งพลังพีระมิดก็เข้ามามีบทบาทสำคัญที่ช่วยให้เราอยู่ในสภาพเช่นที่กล่าวนี้ได้นั่นเอง
    รูปทรงที่ไม่มีจุดศูนย์กลางของพีระมิดนั้นสามารถที่จะหักเหเส้นทางการเคลื่อนที่ของเส้นแม่เหล็ก โดยส่วนหนึ่งจะพุ่งออกไปบริเวณยอดแหลมของพีระมิด ส่วนที่เหลือจะถูกจัดเรียงใหม่ให้เคลื่อนตัวอย่างมีระเบียบมากขึ้น และการหมุนเป็นเกลียวที่เป็นระเบียบตรงแกนกลางของพีระมิดนี้จะเป็นตัวดึงดูดให้กระแสลมปราณรวมทั้งพลังงานดีๆอย่างพลังมโนธาตุและธาตุว่างให้เข้ามาอยู่ในพีระมิด และส่งเข้าสู่ร่างกายเราได้นั่นเอง ที่สำคัญเมื่อเรานำเอาพีระมิดมาจัดวางในทิศทางที่ถูกต้อง ก็จะทำให้เกิดคลื่นพลังงานที่ทำให้แสงเฉื่อย ลมปราณพิษ หรือเชื้อโรค ไม่สามารถดำรงอยู่ได้และถูกขับดันออกไปในที่สุด ในขณะเดียวกัน พลังงานนี้ก็ช่วยเหนี่ยวนำทำให้นิวเคลียส เซลล์ทั้งหลายในร่างกายสั่นสะเทือน ช่วยให้เลือดและลมปราณไหลเวียนได้ดีขึ้นด้วย
    ซึ่งในปัจจุบันได้พัฒนาประยุกต์เป็นอุปกรณ์ต่างๆและนำมาใช้ควบคู่กับน้ำ คืออาศัยโมเลกุลของน้ำซึ่งครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 70 % ของผิวโลกและเป็นส่วนประกอบสำคัญกว่าร้อยละ 70 ของร่างกายเราของเซลล์ และนิวเคลียสในร่างกายมนุษย์ทุกคน ควบคู่กับ พลังจิต ซึ่งทุกคนมีและเป็นพลังที่มีกำลังมหาศาล ด้วย เป็นตวช่วยเหนี่ยวนำดึงเอาพลังที่ดีอันเกิดจากกระวนการทำงานของพีระมิดเข้าสู่ร่างกาย และก่อให้เกิดประโยชน์ต่อสุขภาพกายและใจของผู้ใช้มากที่สุดนั่นเอง
    ตัวอย่างที่น่าสนใจ
    เตียงสุขภาพ
    เตียงนี้จะประกอบไปด้วยท่อน้ำสแตนเลสซึ่งทำเป็นรูปทรงสามเหลี่ยม(เหมือนหลังคาบ้าน) มีแถบพีระมิดติดไว้ทั้งหมด 4 ตำแหน่งๆละ 4 ก้อน และมีถังน้ำพร้อมปั้ม
    หลักการทำงานของเตียงมีอยู่ว่า กลุ่มพีระมิดที่ติดอยู่กับท่อน้ำจะเหนียวนำพลังที่ดีเข้ามาสู่น้ำที่อยู่ในถัง และจ่ายพลังงานที่ดีนั้นไปตามท่อซึ่งอยู่รอบๆตัวเราเมื่อเรานอนอยู่ภายในเตียงนี้ เราก็จะได้รับพลังดีๆ เข้าสู่เซลล์เราตลอดเวลาโดยการสั่นสะเทือนของโมเลกุลน้ำในท่อที่มีความถี่มากกว่าก็จะไปเหนียวนำโมเลกุลน้ำของร่างกาย ทำให้เซลล์เกิดการกระเพื่อม มีการแลกเปลี่ยนหมุนเวียน เกิดการซ่อมแซม และฟื้นฟูเซลล์อยู่ตลอดเวลา ของเสียที่ตกค้างอยู่ก็จะถูกขับออกมา อาจจะทางการเรอ การหาว ทางเสมหะ ทางปัสสาวะ อุจจาระ หรือทางผิวหนัง คืออาจจะมีเม็ดผื่นขึ้น ที่สำคัญหากใครป่วยอยู่มากๆ เช่นเป็นมะเร็งอยู่ไปทำเคมีบำบัด หรือกินยามามาก สารพิษที่ตกค้างอยู่จะถูกน้ำในท่อเหนี่ยวนำออกมาและปรากฎให้เห็นในถัง คือบางคนน้ำอาจจะเปลี่ยนเป็นสีเขียวและมีกลิ่นเหม็นเลยที่เดียว แต่เมื่อเห็นของเสียออกมาเช่นนี้ก็อย่าตกใจ ให้เปลี่ยนน้ำทิ้งอยู่เสมอ แต่ถ้าคนปกติ 4-5 วัน ค่อยเปลี่ยนน้ำครั้งหนึ่งก็ได้
    สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
    คุณจีรพันธ์ ประศาสน์วุฒิ 025382341
    คุณอินทิรา จิวาลักษณ์ 0863145121
    --------------------------------------------
    หนังสือ บี เวลล์ No20 vol.2 พฤษภาคม 2550 หน้า 51-60
     
  2. kikinlala

    kikinlala เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    4,939
    ค่าพลัง:
    +8,843
    ซื้อแล้วล่ะ แต่เอามาโพสต์แบบนี้ไม่เป็นค่ะ "-"
     
  3. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,086
    น้ำพลังปิรามิด ที่พระอาจารย์รัตน์ ประดิษฐ์ขึ้น
    เคยนำมาสาธิต ในงานสัปดาห์วิทยาศาสตร์ทางจิต เมื่อปี 2548
    น่าสนใจมาก ตามที่คุณลูกหลานหลวงปู่ได้นำมาโพสข้างต้น

    ขออนุโมทนาครับ
     
  4. apichan

    apichan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    825
    ค่าพลัง:
    +4,424
    พอจะบอกราคาได้ไหมครับ
     
  5. ลูกหลานหลวงปู่

    ลูกหลานหลวงปู่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    550
    ค่าพลัง:
    +3,589
    วันนี้ได้ปลูกต้น สนมังกร 5 ต้นไว้ข้างบ้านทางทิศตะวันออก ก็เลยทำฐานกองดินเป็นพีระมิดดูว่าจะส่งผลอย่างไรไหม ใครอยู่แถวเชียงใหม่ น่าจะทดลองไปที่สวนบูรณะรักษ์ อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ ดูนะครับ เผื่อว่าชุมชนชาวพลังจิตจะได้ใช้ประโยชน์ ถังกรองน้ำบางยี่ห้อที่ขายกันแพงๆก็ใช้หลักการเดียวกันนี้แหละครับ หากทำเองได้เงินตราจะไม่รั่วไหลไปต่างประเทศ ลำน้ำปิงก็เป็นหนึ่งในน้ำพีระมิดที่ครูบาศรีวิชัยได้สร้างพีระมิดพลังจิตคลุมไว้ที่แถวดอยสุเทพครับ ท่าน 3 EYE เคยกล่าวไว้ครับ
     
  6. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ผมอยากหาหนังสือที่ท่านพระอาจารย์รัตน์ท่านเขียนสักเล่ม แต่ไม่รูจะไปหาซื้อที่ไหน
    และผมก็อยากได้ปิรามิดที่พระอาจารย์รัตน์ท่านทำขึ้น (หมายถึงชุดที่นำมาวางไว้มนบ้านแบบ 9 ลูกหรือ 11 ลูกอะไรแบบนั้นหนะครับ) ก็ไม่รู้จะไปหาที่ไหนเหมือนกันครับ

    ใครช่วยแนะนำทีครับ
     
  7. kikinlala

    kikinlala เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    4,939
    ค่าพลัง:
    +8,843
    ซื้อหนังสือ B-Well น่ะค่ะ เล่มละ 75 บาท. (เป็นนิตยสารรายเดือน เกี่ยวกับสุขภาพ เดือนนี้มีของพระอาจารย์รัตน์ ลงด้วย)
     
  8. kikinlala

    kikinlala เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    4,939
    ค่าพลัง:
    +8,843
    ลองโทรติดต่อที่เบอร์.. ของลูกศิษย์ท่าน

    มีอยู่ในกระทู้ที่ เคยตั้งไว้ค่ะ เดี๋ยวหามาให้นะคะ.
     
  9. kikinlala

    kikinlala เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    4,939
    ค่าพลัง:
    +8,843
    2 ท่านนี้ก็เป็นลูกศิษย์ท่านค่ะ คุณchayutt ลองโทรติดต่อได้เลย.
    คุณจีรพันธ์ ประศาสน์วุฒิ 025382341
    คุณอินทิรา จิวาลักษณ์ 0863145121
     
  10. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,086
    ได้ผลประการใด คุณชยุต นำมาเล่าสู่กันฟังด้วยนะครับ
    อาจนำมาประยุกต์ใช้กับกิจกรรมงานของกลุ่มฯได้อีกทางหนึ่ง
     
  11. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ขอบคุณมากครับ
     
  12. จักรพนธ์

    จักรพนธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    373
    ค่าพลัง:
    +4,622
    เมื่อวานพระอาจารรัตน์ออกรายการสยามทูเด ช่วงหกโมงถึงหนึ่งทุ่มด้วยครับ
    เรื่องพลังพีระมิดพิชิตโรคร้าย
     
  13. ลูกหลานหลวงปู่

    ลูกหลานหลวงปู่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    550
    ค่าพลัง:
    +3,589
    การปรับเปลี่ยนการใช้พลังพีระมิด และพลังกระแสลมปราณ
    การปรับเปลี่ยนและเพิ่มเติมองค์ความรู้ในครั้งนี้มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้นลูกศิษย์ ผู้ฝึก ผู้ป่วย จำเป็นต้องปรับเปลี่ยน และรับความรู้ใหม่เพิ่มเติมจึงจะได้รับประโยชน์จากพลังพีระมิดเหมือนเดิม
    การเปลี่ยนแปลงของพลังงานได้เกิดขึ้นอย่างรุนแรงหลายครั้งด้วยกัน เช่น
    13 พ.ค. 2547
    พระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณ ได้เดินทางถึงประเทศอียิปต์ และเชื่อมโยงการทำงานของพลังงานระหว่างสฟิงซ์-มหาพีระมิด-ดวงดาว และมหาอาณาจักรแอตแลนตีส

    13 มิ.ย. 2547
    พลังกระแสลมปราณที่ดาวโลกเคยได้รับอย่างพอเพียงจากดวงอาทิตย์ลดน้อยลงไปจนแทบจะไม่มีเลยเนื่องจากสภาพที่เลวร้ายของบรรยากาศสิ่งแวดล้อมที่ทวีความรุนแรงขึ้นทุกวันๆ


    พระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณ ใช้พลังจิตดึงพลังกระแสลมปราณมาจากดวงอาทิตย์ และนำพลังงานเก็บพักไว้ก่อน ซึ่งเป็นกระบวนการที่ช่วยทำให้พลังงานกระแสลมปราณบริสุทธิ์ ปราศจากมลภาวะของชั้นบรรยากาศ แล้วจึงใช้พลังจิตเชื่อมโยงพลังกระแสลมปราณเข้าสู่วัตถุ-อุปกรณ์ของท่าน เช่น พีระมิด และ สฟิงซ์


    พลังกระแสลมปราณเป็นพลังงานที่มีประโยชน์และสำคัญเป็นอย่างยิ่งต่อร่างกายมนุษย์ซึ่งมนุษย์จะขาดมิได้เลย เช่น เป็นภูมิคุ้มกันร่างกายตามธรรมชาติ, เป็นพลังงานช่วยระบายของเสียออกจากร่างกายตามธรรมชาติ, เป็นพลังงานหล่อเลี้ยงหลอดเลือดไม่ให้ตีบหรือตัน

    22 มิ.ย. 2547
    พีระมิดทุกก้อนที่พระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณ ผลิตขึ้นเพื่อใช้เป็นอุปกรณ์ของการฝึกจิตและทางเลือกของสุขภาพ จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงคือให้ใช้สว่านเจาะเป็นรูที่ ด้านหนึ่งด้านใดของรูปทรงสามเหลี่ยมเพื่อให้พระอาจารย์ใช้พลังจิตเชื่อมโยงกระแสลมปราณเข้าสู่ก้อนพีระมิด ทำให้พีระมิดมีพลังในการดูดของเสีย และลดความเจ็บปวดได้เหมือนดังเดิม


    สำหรับสนามพลังพีระมิดที่ประกอบด้วยพีระมิดทั้ง 11 ก้อน ซึ่งในขณะนี้ (มิถุนายน 2547 เป็นต้นไป) ให้จัดวางโดยวางยอดแหลมตั้งขึ้นทุกก้อน (D) และก้อนที่ต้องใช้สว่านเจาะให้เป็นรูเพื่อเชื่อมโยงหรือนำกระแสลมปราณเข้าคือก้อนล่าง และก้อนกลางของแกนพลังงานเพียง 2 ก้อน เท่านั้น (ก้อนแกนกลางที่วางอยู่ก้อนบนสุดและก้อนบริวารอีก 8 ก้อน ไม่ต้องเจาะ)


    เมื่อเจาะแล้วให้นำไปวางคืนที่แกนพลังงานดังเดิม โดยวางด้านสามเหลี่ยมที่เจาะเป็นรูไปทางทิศตะวันออกเท่านั้น


    ก้อนพีระมิดอื่นๆ ที่ใช้สำหรับกำไว้ในมือ หรือกำไล สร้อยข้อมือ หรือ จี้ ให้ใช้สว่านเจาะเป็นรูเช่นกัน (การใช้พีระมิดวิธีนี้ ไม่ต้องสัมพันธ์กับทิศแต่อย่างใด


    พระอาจารย์รัตน์ รตนณาโณ จะส่งพลังจิตนึกไปถึงพีระมิดของท่านทุกก้อนที่เจาะเป็นรูปเรียบร้อยแล้วเพื่อเชื่อมโยงพลังกระแสลมปราณให้โดยอัตโนมัติไม่ว่าพีระมิดเหล่านั้นจะอยู่ที่ไหนก็ตาม


    วิธีเจาะพีระมิด
    1. เลือกด้านสามเหลี่ยมด้านใดด้านหนึ่งของก้อนพีระมิด และใช้สว่านเจาะเป็นรู ดังตัวอย่างในภาพ
    2. เจาะให้ลึกตรงเข้าไปข้างในประมาณถึงกึ่งกลางเพื่อให้ของเสีย หรือความเจ็บความปวดได้ระบายออกทางยอดแหลมของก้อนพีระมิดพอดี (ห้ามเจาะทะลุ)

    การใช้พลังกระแสลมปราณจากสฟิงซ์ (SPHINX)
    เนื่องจากในปัจจุบันนี้มนุษย์เราได้รับกระแสลมปราณจากธรรมชาติในปริมาณที่น้อยมากจนถึงขั้นเป็นอันตรายต่อชีวิตได้ ดังนั้นสฟิงซ์ (SPHINX) จึงถูกนำมาใช้เป็นอุปกรณ์เสริมที่พระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณ ได้ใช้พลังจิตบรรจุพลังของกระแสลมปราณเข้าไว้เป็นจำนวนมหาศาล และนำไปใช้เป็นประโยชน์ในการสร้างภูมิต้านทานและช่วยรักษาโรคทุกโรคด้วยตนเอง เช่น อัมพฤกษ์ อัมพาต เบาหวาน ความดันโลหิตสูง-ต่ำ หัวใจ ไต มะเร็ง เอดส์ โรคทางเดินหายใจทุกชนิด ฯลฯ
    การใช้พลังกระแสลมปราณจากสฟิงซ์ 2 ตัว (องค์)
    การจัดวาง
    วางสฟิงซ์ทั้ง 2 ตัว(องค์) ให้อยู่ในแนวทิศตะวันตกและทิศตะวันออก โดยหันใบหน้าของสฟิงซ์ไปทางทิศตะวันตกทั้งคู่ และผู้ฝึก ผู้ป่วย นั่งอยู่ระหว่างกลางและหันหน้าไปทางทิศตะวันตกด้วยเช่นกัน (สำหรับผู้ป่วยหนักให้นอนหันศีรษะไปทางทิศตะวันตก)

    วิธีปฏิบัติ
    1. ให้ผู้ฝึก ผู้ป่วย นั่ง(นอน) หันหน้าไปทางทิศตะวันตก และสฟิงซ์สำหรับทิศตะวันตกและตะวันออก หันใบหน้าไปทางทิศตะวันตก
    2. ให้ผู้ฝึก ผู้ป่วย ส่งความรู้สึก นึกไปถึงใบหน้าของสฟิงซ์ที่วางอยู่ข้างหน้าและข้างหลังของตนเอง พลังกระแสลมปราณจากสฟิงซ์ทั้งคู่จะไหลเข้าหากันโดยอัตโนมัติทำให้ร่างกายของผู้ป่วย ผู้ฝึก ถูกดึงไป-มา หน้า-หลัง
    3. ให้ผู้ฝึก ผู้ป่วย ทำตัวอ่อนๆ คล้อยตามแรงดึงแรงผลักที่เกิดขึ้น (ไม่สร้างความรู้สึกต้าน) พลังกระแสลมปราณจากสฟิงซ์จะเข้าไปช่วยรักษาและฟื้นฟูเซลล์ที่บกพร่องมีอาการเจ็บปวดไปทั่วร่างกาย
    4. ผู้ฝึก ผู้ป่วย จะมีความรู้สึกว่าความเจ็บปวดได้ทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น ให้มีความอดทน เสมหะ น้ำลาย หนองหรือเลือดเสีย จะถูกขับออกมาจากร่างกายอย่างต่อเนื่อง ให้บ้วนทิ้ง (รวมทั้งอาการหาว เรอ ปัสสาวะ อุจจาระ) พีระมิดที่วางอยู่ด้านหลังของสฟิงซ์จะทำหน้าที่ดันระบายของเสียทิ้งออกไปจากร่างกาย
    5. ถ้าผู้ฝึก ผู้ป่วย อยากให้อาการเจ็บป่วยที่มีอยู่หายเร็วยิ่งขึ้น ให้ผู้ฝึก ผู้ป่วย ใช้พลังจิตของตนเองเพียงเล็กน้อยทำงานร่วมกับพลังงานกระแสลมปราณจากสฟิงซ์ โดยการนึกให้พลังกระแสลมปราณเคลื่อนที่ขึ้น-ลง เป็นการถูขึ้นและถูลงเป็นจังหวะๆ (เหมือนกับการถูของเส้นแสง) ช่วยให้เซลล์หรือเนื้อเยื่อได้รับการฟื้นฟูอย่างรวดเร็ว
    6. ในช่วงเวลาปกติ เช่น พักผ่อน หรือทำกิจการงานหรือนอนหลับในเวลากลางคืน ผู้ฝึก ผู้ป่วย ไม่จำเป็นต้องบังคับหรือกำหนดให้ตนเองหันหน้าไปทางทิศตะวันตกตลอดเวลา ให้ปฏิบัติตนตามปกติ เพียงแต่ให้จัดวางสฟิงซ์ไว้ให้สุดมุมห้อง หรือเตียง โดยหันใบหน้าสฟิงซ์ไปทางทิศตะวันตกทั้ง 2 ตัว (องค์) ผู้ฝึก ผู้ป่วย จะได้พลังรักษาจากพลังกระแสลมปราณตลอด 24 ชั่วโมง
    a. วิธีการฝึกปฏิบัติ ข้อ 1-6 อาจจะมีผลทำให้ผู้ฝึก ผู้ป่วย มีความรู้สึกเหมือนกับว่านอนหลับไม่อิ่ม หรือหลับไม่สนิท ซึ่งมีสาเหตุเนื่องมาจากพลังกระแสลมปราณจากสฟิงซ์จะให้พลังรักษาตลอดเวลาทำให้เซลล์ในร่างกายได้รับการกระตุ้น และฟื้นฟูตลอดระยะเวลาที่นั่ง-นอนอยู่ภายในรัศมีของสฟิงซ์ 2 ตัว (องค์) ซึ่งถ้าผู้ฝึก ผู้ป่วยสังเกตตนเองจะพบว่าถึงแม้จะรู้สึกว่านอนหลับไม่ลึก หลับไม่สนิท แต่จะไม่รู้สึกเพลีย
    b. โดยหลักธรรมชาติเมื่อเซลล์ได้รับการกระตุ้นฟื้นฟูอยู่ตลอดเวลาจะช่วยเพิ่มความเป็นหนุ่มสาวให้แก่ร่างกาย
    c. เมื่อใดก็ตามที่ร่างกายดูดซับพลังกระแสลมปราณจากสฟิงซ์ไว้อย่างเพียงพอแล้ว กระแสลมปราณจะถูกตัดโดยอัตโนมัติ
    7. สำหรับผู้ฝึกบางท่าน เมื่อได้รับพลังกระแสลมปราณเข้าสู่ร่างกายอย่างพอเพียง และรู้สึกว่าร่างกายสมบูรณ์แข็งแรงดีแล้ว ให้ผู้ฝึก เปลี่ยนทิศของการนั่ง โดยนั่งหันหน้าไปทางทิศตะวันออก และปรับสฟิงซ์ให้หันหน้าตามไปทางทิศตะวันออกด้วยเช่นกัน เพื่อเป็นการปรับสมดุลของพลังงานภายในร่างกาย

    8. ผู้ฝึก ผู้ป่วย สามารถวางสฟิงซ์โดยหันหน้าไปทางทิศตะวันออกทั้ง 2 ตัว (องค์) เพื่อให้ได้ประโยชน์ ตามรายละเอียดในข้อ 6 นั้น แต่จะมีสิ่งที่แตกต่างกันบ้าง คือ จำนวนของพลังกระแสลมปราณที่ได้รับจากสฟิงซ์ ที่จัดวางให้หันหน้าไปทางทิศตะวันออกจะมีน้อยกว่า จึงทำให้หลับลึก หลับสนิท เพราะเซลล์ในร่างกายได้รับการกระตุ้นที่น้อยกว่าด้วยเช่นกัน (ฉะนั้นการวางสฟิงซ์วิธีนี้ อาจจะไม่เหมาะกับผู้ป่วยหนัก ที่ต้องการพลังของการรักษามากกว่า)
    การใช้สฟิงซ์ 1 ตัว (องค์) ร่วมกับพลังจิต
    การจัดวาง
    ผู้ฝึก ผู้ป่วย นั่งหันหน้าไปทางทิศตะวันตก และสฟิงซ์วางไว้ด้านหน้าของผู้ฝึก ผู้ป่วยและหันใบหน้าไปทางทิศตะวันตกด้วยเช่นกัน

    วิธีปฏิบัติ
    1. ให้ผู้ฝึก ผู้ป่วย นึกไปถึงใบหน้าของสฟิงซ์เพื่อนึกดึงพลังกระแสลมปราณจากสฟิงซ์เข้าสู่ร่างกาย
    2. นึกให้พลังกระแสลมปราณทำการรักษาส่วนที่บกพร่องโดยการถูขึ้น-ถูลง เหมือนกับการถูของเส้นแสง หรือนึกให้พลังกระแสลมปราณเข้าไปกระตุ้น กระทุ้ง ตามจุดลมปราณทั้ง 12 จุดทั่วร่างกาย
    3. เมื่อทำการรักษาหรือสิ้นสุดการฝึกปฏิบัติในแต่ละครั้ง ผู้ฝึก ผู้ป่วย สามารถเลือกทำได้ 2 วิธี
    a. จบการฝึกปฏิบัติในทิศตะวันตก
    b. เปลี่ยนทิศของการนั่งโดยนั่งหันหน้าไปทางทิศตะวันออก และปรับสฟิงซ์วางไว้ด้านหน้าผู้ฝึก และหันหน้าไปทางทิศตะวันออกด้วยเช่นกัน เพื่อช่วยปรับสมดุลของพลังงาน และดูดระบายของเสีย
    ข้อควรจำ
    1. เมื่อใดก็ตามที่ใช้พลังจากสฟิงซ์ทั้ง 2 ตัว(องค์) นั่นหมายความว่า ผู้ฝึก ผู้ป่วย ได้รับพลังกระแสลมปราณช่วยในการสร้างภูมิต้านทานหรือรักษาร่างกายอย่างพอเพียง (จะใช้พลังจิตเข้าร่วมด้วยหรือไม่ ท่านสามารถเลือกเองได้)
    2. ถ้าใช้สฟิงซ์ 2 ตัว (องค์) จะต้องวางสฟิงซ์หันใบหน้าตามไปในทิศทางเดียวกัน เช่น วางหันหน้าไปทางทิศตะวันตกทั้งคู่ หรือหันไปทางทิศตะวันออกทั้งคู่

    มรณานุสสติ”
    สมาธิการเตรียมตัวตายก่อนตาย
    โดย พระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณ

    หลักการ
    วาระสุดท้ายของมนุษย์ทุกผู้ทุกนาม ทุกชั้นวรรณะ ทุกระดับชั้น ทุกตำแหน่งหน้าที่การงาน ต่างตกอยู่ภายใต้กฏแห่งกรรมที่เหมือนกัน คือ การสิ้นสลายของรูปร่างกาย หรือ “การตาย” นั่นเอง มนุษย์แทบทุกคนจะกลัวตาย และไม่มีใครอยากตาย
    ถ้าผู้ฝึก ผู้ป่วย ได้มีโอกาสศึกษาถึงเรื่อง กิเลส และการตายบ้าง จะรู้ว่า กิเลสและการตายยังผูกโยงไปถึงการเกิดใหม่อีกด้วย เนื่องจากถ้าเราเสียชีวิตลง แต่ยังมีกิเลสเหลืออยู่ กิเลสเหล่านั้นคือเชื้อหรือสาเหตุที่นำไปสู่การเกิดใหม่ตามกระแสของบุญหรือบาปที่แต่ละบุคคลได้เคยทำไว้ ดังนั้น การตายสำหรับบางคน จึงเป็นเพียงการถอดเสื้อผ้าชุดเก่าที่ขาด เปื่อยยุ่ย ไม่สามารถปะชุนได้อีก ด้วยความชราภาพ หรือถูกโรคร้ายกัดกินทำลาย แล้วหาเสื้อผ้าชุดใหม่ หรือร่างใหม่ ดำเนินชีวิตต่อไปตามกระแสของกรรม
    การพิจารณาความตาย การมีสติรู้เท่าทันความตาย เป็นอุบายที่พระพุทธองค์ทรงตรัสสรรเสริญ ไว้มากยิ่งนัก หากผู้ฝึก ผู้ป่วยได้ฝึกปฏิบัติทดลองตายก่อนตายจริง จะเป็นการช่วยให้ผู้นั้นไม่กลัวตาย กล้าเผชิญหน้ากับความตายที่มาถึงได้อย่างกล้าหาญ

    วิธีปฏิบัติ
    ก่อนอื่น ผู้ฝึก ผู้ป่วย ต้องทำความเข้าใจให้ชัดเจนก่อนว่าอุบายวิธีนี้เป็นการทดลองฝึก “ตาย” ก่อนตายจริง ไม่ใช่การฆ่าตัวตาย เนื่องจากสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับร่างกายของผู้ฝึก คือการตายหลอกที่จะให้ความรู้สึกเหมือนกับการตายจริง
    8.1 ให้ผู้ฝึก ผู้ป่วย คลายอารมณ์ปล่อยความรู้สึกนึกและคิดที่เป็นอนาคต อดีต ปัจจุบัน รวมทั้งความดี ความชั่ว ฯลฯ ให้ออกไปพร้อมกับลมหายใจออกเป็นความว่างสักระยะหนึ่ง
    8.2 ลำดับต่อมา ให้ผู้ฝึก ผู้ป่วย นึกมาที่ฐานอารมณ์ในโพรงจมูก (ดูรูปหน้า 39) จะเห็นว่าจุดฐานอารมณ์ จะอยู่ประมาณกึ่งกลางในโพรงจมูก หรืออยู่ระหว่างกลางของต่อมไซนัสทั้ง 2 ข้างหรือจุดที่ผู้ฝึกเคยรู้สึกคัดจมูกในเวลาที่เป็นหวัด
    8.3 ให้ผู้ฝึก ผู้ป่วย วางหรือจี้ความรู้สึก (จิต) ลงที่ฐานอารมณ์ซึ่งหาไว้ได้แล้ว กำหนดจี้ลงไปที่ฐานเดียว ไม่เคลื่อนความรู้สึก (จิต) แส่ส่ายออกไปที่อื่นๆ พร้อมทั้งกำหนดว่า ตาย ตาย ตาย และสร้างความรู้สึกว่าพร้อมแล้วที่ตาย ไม่เสียหายชีวิตเพราะทุกคนหนี “ความตาย” ไม่พ้น
    8.4 หลังจากกำหนด ตาย ตาย ตาย ไปสักระยะหนึ่ง ผู้ฝึกและรู้สึกว่าลมหายใจเข้า-ออก ได้ลดน้อยลงไปเรื่อยๆ จนรู้
    สึกอึดอัด หูอื้อ จมูกจะห่อ ตาถูกบีบเหมือนจะถลนออกมา รู้สึกชา และเจ็บปวดไปทั่วร่างกาย ผู้ฝึกจะรู้สึกกลัวตาย ครองสติให้มั่นคง และยอมตาย ลมหายใจจะค่อยๆ อ่อนลงๆ ความดำมืดจะแผ่คลุมไปทั่วไป จนผู้ฝึกหมดความรู้สึกไปในที่สุด เหมือนกับการตายจริง
    8.5 สำหรับผู้ฝึก ผู้ป่วย บางท่านที่มีความเจ็บปวดมากเพราะโรคร้ายกำลังลุกลาม ให้ผู้ฝึกให้จุดเจ็บปวดเหล่านั้น เป็นฐานกำหนดมรณานุสสติ แทนฐานอารมณ์ โดยการจี้ความรู้สึก (จิต) ลงไปที่ความเจ็บปวดนั้นๆ และกำหนด ตาย ตาย ตาย ความรู้สึก (จิต) ตั้งมั่นอยู่ที่ฐานเดียว ไม่หนีไปที่อื่นๆ ความเจ็บปวดทรมานจะเพิ่มมากขึ้นๆ จนรู้สึกหูอื้อ ตาลาย หายใจอึดอัด ฯลฯ ความดำมืดแผ่ซ่านเข้าไปทั่วทุกส่วนของร่างกาย ให้ยอมตาย อย่าแอบสืบลมหายใจเข้า จนกระทั่งความรู้สึกจะดับวูบไป
    8.6 ผู้ฝึก ผู้ป่วย จะผ่านการดับของเวทนา ซึ่งไม่ใช่การตายที่เกิดเพราะหมดลมหายใจ คือไม่มีก๊าซออกซิเจนไหลเข้าสู่ร่างกายอีกต่อไป และหัวใจหยุดทำงาน การดับในครั้งแรกๆ ผู้ฝึกจะรู้สึกว่าทรมานมากและแต่ละบุคคลให้เวลาของการดับมากน้อยแตกต่างหัน เมื่อผู้ฝึก ผู้ป่วย เริ่มรู้สึกตัว ฟื้นคืนกลับมา จะรู้สึกเย็น โล่ง สบาย แสงสว่างปรากฏอยู่ทั่วร่างกาย และในขณะนั้น ผู้ฝึก ผู้ป่วยจะยังคงไม่มีลมหายใจ เข้า-ออก เช่นเดียวกับก่อนจะเกิดการดับแต่ไม่ตายหลับมีแต่ความสดชื่น ความเจ็บปวดทรมานหมดสิ้นไป

    คุณประโยชน์
    1. ผู้ฝึก ผู้ป่วย มีโอกาสได้สัมผัส และเห็นขั้นตอนของการดับซึ่งเหมือนกับการตายได้อย่างละเอียดชัดเจน ในชีวิตประจำวันร่างกายของทุกคนจะมีการเกิดและดับอยู่ ทุกๆ 1 วินาที นับเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเร็วมาก จนจิตมนุษย์ทั่วๆ ไปตามไม่ทัน ถ้าผู้ฝึก ผู้ป่วยได้รู้ซึ้งถึงความไม่เที่ยงของร่างกาย ไม่ยึดติดในขันธ์ 5 ได้แก่ รูป คือร่างกาย, เวทนาคือความรู้สึกทุกข์ สุข เฉย, สัญญาคือความจำได้ และวิญญาณคือ ตัวรู้ สภาพรู้ เกิดการปล่อยวาง ผู้นั้นมีโอกาสที่จะเข้าถึงธรรมได้
    2. ผู้ฝึกที่มีความเจ็บปวดมาก หรือเป็นโรคที่รักษาให้หายได้ยาก ถ้าสามารถกำหนด ตาย ตาย ตาย ให้ผ่านจุดดับไปได้ โรคภัยทุกชนิดจะหายหมดไปด้วยเช่นกัน นับได้ว่าเป็นยาขนานเอกเลยทีเดียว
    3. ถ้าผู้ฝึก สามารถผ่านจุดดับไปได้ ผู้ฝึกจะไม่กลัว “ความตาย” เพราะสามารถเอาชนะความตายมาได้แล้วด้วยการทดลองตายก่อนตายจริง และเมื่อถึงคราวสิ้นอายุขัย ผู้นั้นจะสามารถเผชิญกับความตายอย่างกล้าหาญและมีสติ จะไม่มีพญามัจจุราชหรือยมทูตมาปรากฏให้เห็น

    ข้อเสนอแนะ
    ความเจ็บ ความปวด หรือภาวะที่รู้สึกอึดอัดเหมือนหายใจไม่เข้า เป็นการลวงหลอกของขันธ์ 5 ชักจูง ดึงจิตของผู้ฝึกให้ไขว้เขวไม่ตั้งมั่น เช่น จะถูกดึง ชักนำให้เลิกฝึกบ้าง ให้แอบสืบลมหายใจสักนิดเดียว ผู้ฝึกต้องตั้งสติให้มั่นคง สร้างความรู้สึกที่ถูกต้องก่อนว่า ขณะนี้ตนเองยังมีลมหายใจเข้า-ออกเป็นปกติ ไม่ได้เอามืออุดจมูก บีบจมูก หรือใช้วัสดุใดๆ มาปิดจมูกไม่ให้ก๊าซออกซิเจนไหลเข้าสู่ร่างกาย
    สิ่งที่ผู้ฝึกได้กระทำคือ เพียงแต่จี้ความรู้สึก (จิต) ลงที่ฐานอารมณ์ ซึ่งเป็นทางผ่านของลมหายใจเข้าและหายใจออกเท่านั้น เมื่อจิตอยู่ในอารมณ์สมาธิ คือ ตั้งมั่น ตั้งใจทำ จะส่งผลให้ลมหายใจเข้า-ออกตามปกติ ค่อยๆ ช้าๆ ลงจนสัมผัสไม่ได้อีกต่อไป ซึ่งไม่ได้หมายความว่า ไม่มีลมหายใจเข้า-ออกอีกเลย สิ่งที่หมดไปหรือหยุดไปหรือดับไป คือความรู้สึก ทุกข์ สุข เฉย ที่อาศัยการเกิดขึ้นหรือปรุงแต่งจากการมีลมหายใจเข้า-ออกต่างหาก

    อุปสรรค
    1. ความกลัวตาย ที่จะเกิดขึ้นเป็นระยะๆ ตลอดเวลา
    2. ถ้ากดหรือจี้ความรู้สึก (จิต) ลงไปที่ฐานอารมณ์ เป็นจังหวะๆๆ จะเป็นการส่งความรู้สึก (จิต) เข้าไปชนที่ฐาน ไม่ใช่การจี้หรือการนิ่งที่ฐาน ซึ่งเป็นการส่งความรู้สึก (จิต) ไปชนที่ฐานเป็นจังหวะๆๆ นั้น จะทำให้เกิดพลังงาน คือแสงสว่างปรากฏขึ้นในโพรงจมูก หรือที่ฐานอารมณ์ หรือกล่าวได้ว่า ผู้ฝึกทำผิดวิธีนี้ จะไม่เห็นการดับ
     
  14. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,086
    ขอโมทนา ครับ คุณ ลูกหลานหลวงปู่<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_588730", true); </SCRIPT>
    เนื้อหาข้างต้นดีมากครับ
     
  15. ลูกหลานหลวงปู่

    ลูกหลานหลวงปู่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    550
    ค่าพลัง:
    +3,589
    วิธีป้องกันและรักษาโรคไข้หวัดนก

    ทางเลือกของสุขภาพ
    วิธีป้องกันและรักษาโรคไข้หวัดนก
    องค์ความรู้ของพระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณ
    เจ้าอาวาสวัดดอยเกิ้ง อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน
    ศูนย์ฝึกอบรมสวนบูรณรักษ์ธรรม ต.แม่แรม อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ 50180 (053-861267)

    องค์ความรู้ของพระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณ ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการรักษาโรคและสร้างภูมิต้านทานให้แก่ร่างกายล้วนมีพื้นฐานมาจากอุบายวิปัสสนาทั้งสิ้น พระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณ ได้ประยุกต์วิธีการของการเจริญสติและการหมุนธรรมจักรให้เป็นการกระตุ้นเซลล์เพื่อสร้างภูมิต้านทานให้แก่ร่างกาย, การระบายของเสีย และการจัดเรียงโมเลกุลใหม่
    เมื่อประมาณปลายปี พ.ศ.2534 จนถึงปีพ.ศ.2542 เป็นช่วงเวลาที่โรคเอดส์ได้แพร่ระบาดอย่างรุนแรง วิทยาศาสตร์ทางการแพทย์กำลังถึงทางตัน ไม่มียารักษาโรคเอดส์ให้หายขาดได้ พระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณ
    จึงได้มีโอกาสเข้ามาช่วยเหลือสังคมด้วยการนำหลักคำสอนของพระพุทธศาสนามาประยุกต์ใช้ วัดดอยเกิ้งจึงเป็นวัดที่สังคมรับรู้กันดีว่าเป็นวัดที่สอนวิธีบำบัดให้แก่ผู้ป่วยติดเชื้อ HIV หลังจากนั้นกองควบคุมโรคติดต่อ กระทรวงสาธารณสุขจึงได้ให้เงินช่วยเหลือแก่วัดดอยเกิ้งเป็นเวลา 8 ปี ผู้ป่วยติดเชื้อ HIV ได้เรียนรู้การใช้พลังจิตของตนเองเพื่อสร้างภูมิต้านทานของร่างกายให้เป็นปกติหรือเพิ่มมากขึ้น จึงทำให้ผู้ป่วยมีชีวิตอยู่ได้อย่างคนปกติ ไม่เสียชีวิตด้วยเชื้อไวรัส HIV
    ปัจจุบันนี้มนุษย์กำลังตื่นกลัวกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส H5N1 หรือที่เรียกกันว่า
     
  16. ลูกหลานหลวงปู่

    ลูกหลานหลวงปู่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    550
    ค่าพลัง:
    +3,589
    อนึ่ง สารที่เป็น มโนธาตุ ในประเทศของเรามีหลากหลายอย่าง หนึ่งในจำนวนนั้นท่านอาจจะเคยได้พบเจอมาแล้ว กล่าวคือ สารที่มีลักษณะสีดำ วาว สามารถดูดเหล็กได้ ดูดเหรียญ 2 บาทได้ มีลักษณะคล้ายลูก รักบี้ แต่จะเรียงตัวในแนวทิศ ตะวันออก-ตะวันตก ซึ่งในอดีตจะพบเจอได้ยาก แต่ในปัจจุบันสามารถพบเจอได้จากแหล่งขายของเด็กเล่น เรียกกันว่าเป็น แม่เหล็กดูด ราคาไม่เกินสิบบาท ส่งมาจากเมืองจีน บางประเภทจะมีสีสรรอื่นๆเช่น สีเงินยวง สีผสมระหว่างสีดำกับสีแดงหรือสีม่วง อาจมีบางประเภทที่ไม่สามารถดูดเหล็กได้ แต่สามารถสั่นสะเทือนคลื่นพลังงานได้ดี บางครั้งพากันเรียกว่า โคตรเหล็กไหล หรือ ไหลฤาษี ลองสังเกตุสังกาแถวใกล้โรงเรียนอนุบาล หรือแถวคลองถม หรือแถวท่าพระจันทร์ เพียงแต่ว่าต้องต่อรองราคาให้ดีครับ เพราะคนที่นำมาเสนอ อาจกำหนดราคาไว้สูง สำหรับบางท่านอาจจะได้มาในราคาที่สมเหตุผลครับ
    ของดีๆ คนที่รู้ค่า ได้มาราคาก็ไม่แพงครับ
     
  17. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    น่าจะนำภาพประกอบมาลงด้วยนะครับ จะได้มองเห็นภาพชัดเจนขึ้นครับ
     
  18. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,086
    ถ้ามีบุญวาสนา กลุ่มพลังจิตพิชิตภัย
    คงได้ฟังบรรยายจากพระอาจารย์รัตน์
    และฝึกการใช้อุปกรณ์ต่างๆ ที่พระอาจารย์ได้กล่าวมา
    ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างมาก กับงานของกลุ่มที่กำลังดำเนินอยู่
     
  19. ลูกหลานหลวงปู่

    ลูกหลานหลวงปู่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    550
    ค่าพลัง:
    +3,589
    รูปพีระมิดกับอุปกรณ์ประยุกต์ใช้บำบัดโรคและปฏิบัติสมาธิ

    เราสามารถดัดแปลงไปใช้ในรูปแบบอื่นๆด้วย เช่น นำน้ำไหลเวียนตามแนวสันของพีระมิดเป็นต้น ใช้ประยุกต์ทำน้ำที่มีการจัดเรียงโมเลกุลของน้ำ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  20. kikinlala

    kikinlala เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    4,939
    ค่าพลัง:
    +8,843
    ถ้ายังไม่มีการเปลี่ยนแปลง พระอาจารย์ท่านก็จะลงมากทม.ทุก 3เดือนค่ะ มาบรรยายเรื่องดังกล่าวให้ฟังค่ะ.
     

แชร์หน้านี้

Loading...