เรื่องเด่น ประมวลภาพพลังจิตธรรมสัญจร 55

กราบอนุโมทนาบุญกับทุกท่านด้วยนะครับ..ดูรูปสังเกตุเห็นดวงแก้วลอยอยู่ .ผมกำหนดถามเป็นของหลวงพ่อฤาษีลิงดำแสดงถึงครูบาอาจารย์ท่านรับรู้...เห็นแล้วอิ่มบุญกับทุกท่านจริงๆครับ
สาธุครับ

 

สวัสดีทุกท่าน ครับ
ช่วงนี้ชีพจรลงที่เท้า จริงๆ(หลายท่านด้วย)ก่อนอื่นขออนุโมทนาบุญทุกท่าน ที่ร่วมทริป น่ะแห่งนี้ที่วัดใจ พลังจิตธรรมสัญจร (๗) นมัสการสักการะพระพุทธบาทเขาวงพระจันทร์-พระพุทธบาทสระบุรี-พิธีพุทธาภิเษกรูปหล่อพระศรีอาริยเมตไตรย์ วัดเขาวง (ถ้ำนารายณ์) จ.ลพบุรี-สระบุรี วันที่ ๒๕-๒๖ ก.พ. ๕๕ ที่คุณหญิง ได้เกริ่นนำไปแล้ว

-เริ่มจากที่กระผมไม่ได้จอง ในคณะคือเมื่อกลับมาจากพระพุทธบาทพลวง ก็ปรึกษากันว่าจะไปหรือไม่ ถามไปถามมาก็ตกลงขับรถไปเอง เพราะคุณอ้อย กลัวว่าจะเป็นลูกตุ้มถ่วงชาวคณะ ก็เลยเดินทางออกตอนบ่ายของวันเสาร์ เพราะได้ข้อสรุปว่าเมื่อปี2554ไม่ได้มาเนื่องจากงานเข้า เลยยกให้ผู้ที่มีความประสงค์จะไปให้ไปแทน เดินทางมาแวะกราบพระองค์ใหญ่วัดม่วง อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง เรื่อยๆมาจนถึงเขาวงพระจันทร์มืดครับเวลาประมาณ20.38น.​

สถานที่แรกที่แวะเข้าไปกราบพระหลวงพ่อใหญ่วัดม่วงครับ






















​

 

หลวงพ่อองค์ใหญ่ที่มาของการขอพร ให้หายจากโรคภัย ซึ่งได้พบเจอกัลยาธรรมท่านหนึ่งได้เล่าให้ฟังว่าเคยไปที่พระพุทธบาทเขาวงพระจันทร์ตั้งแต่ ยังไม่มีบันได เดินขึ้นเขา ไปตามทางที่ไต่ไปกับรากไม้ จนเดียวนี้เขาอายุ68 แล้วอย่างอ้อยนี้ไปได้ ให้ขอพรจากพระใหญ่นี่ซิ่ ขึ้นได้ให้ลูบนิ้วกลางท่านแล้วอธิฐานให้หายเจ็บ ให้หายป่วย ถ้าอยากรวยให้ลูบนิ้วแล้ว เอาเข้ากระเป๋าแล้วว่า รวยๆๆๆรวยๆๆๆรวยๆๆๆ (นี่เป็นความเชื่อเฉพาะบุคคลห้ามลอกเรียนแบบ ฮิ...ฮิ...)
​

 

ศิลปะปูนปั้นพญานาคราชที่งดงามเมื่อต้องแสงอาทิตย์ ขนาดดวงอาทิตย์ใกล้ลับฟ้าแล้วยังมีประกายสะท้อนออกมาให้เห็น









มุมมองทางไกล้เมื่อออกมาจากวัดม่วง เพื่อเดินทางสู่เขาวงพระจันทร์ จ.ลพบุรี
​

 

-เมื่อไปถึงเวลาประมาณ20.38น. มีแต่ความมืดกับมืดครับ ไปจอดรถใกล้ร้านค้าที่อยู่ที่วัดเขาวงพระจันทร์ คุณลุงที่อยู่ที่ร้าน ยังไม่นอนกำลังดูทีวีอยู่ ก็ได้ออกมาพูดคุยด้วย ถามคุณลุงว่าเดินขึ้นไปได้ไหมลุงบอกว่าได้มีไฟฉายก็ไปได้เนื่องจากมืดมากๆและไฟฟ้าลายทางก็ไม่ได้เปิดไว้ เราสองคนก็เดินครับเดินขึ้นเขาที่มืดๆอย่างนี้แหละ เนื่องจากพึ่งมาครั้งแรกเดินไปตามทางแล้วน้องหมาก็เห่าต้อนรับฝูงใหญ่ทั้งที่วัดและตามทางราบ ก็เลยโทรถามคุณหญิงว่าลักษณะทางเป็นอย่างนี้ มีสระน้ำและต้นตะเคียนขนาดใหญ่อยู่ถูกทางไหม คุณหญิงบอกถูกแล้วเมื่อขึ้นไปพบหินก้อนใหญ่และซุ้มประตูนั้นแหละ ถึงยอดเขาแล้ว​

เมื่อเดินขึ้นสองคนได้ระยะหนึ่ง ซึ่งมีแต่มืดกับมืดมองลงมาด้านล่างเห็นแสงไฟตามถนนอยู่ด้านล่างวิวสวยครับ





มองดูตามภาพจะเห็นว่าเมื่อเดินไปได้ซักพักก็เริ่มพิงเชือกเหมือนนักมวย ยกที่ห้า เลยครับ

เห็นแล้วบันไดพญานาค ใกล้ถึงจุดหมายยามค่ำคืนนี้แล้ว เห็นแววตาแห่งชัยชนะ ของความมุ่งมั่น แม้นจะเหนื่อย ปานใด ดูได้จากแววตาครับ

เมื่อแน่ชัดว่าถึงแล้วเริ่มชูครับ ชูสองนิ้ว หนูทำได้แล้ว







ข้างบนมืดสนิท มีไฟนีออนหลอดเดียว เดินสำรวจดูมีน้องนอนหลับอยู่คนเดียว ก็เลยต้องเงียบ ลืมบอกไป เดินขึ้น เวลา21.00 น.ถึงเวลาประมาณ23.20น. ใช้เวลาสองชั่วโมงกว่าๆ ถือว่าใช้ได้ ข้างบน ลมแรงมากๆ เราไม่ได้หลับทั้งคืน ทั้งสองคน กราบพระบนเขาแล้วนั่งทำกรรมฐาน และเดินจงกรม ครับ

​

 

-ยิ่งดึกลมยิ่งแรงจนหนาวครับ มีทั้งหมอกมาเป็นระยะทำให้ยิ่งเย็นเพิ่มขึ้นอีกเวลาประมาณ02.50น.เริ่มเห็นความเคลื่อนไหวข้างล่าง มองไปเห็นรถวิ่งเข้ามา จากถนนด้านนอกใช้กล้องตรวจการณ์เห็นเป็นรถบัสวิ่งเข้ามาแสดงว่าคณะพลังจิตธรรมสัญจรมาถึงแล้ว ซักพักเมื่อรถจอด มองเห็นไฟฟ้าลายทางเปิดขึ้น จากข้างล่างครึ่งหนึ่ง กระผมก็เลยเดินหาสวิทช์ไฟเปิดช่วงข้างบนอีกครึ่งเพื่อรอรับคณะ

เพื่อนๆที่มาถึงคนแรกชื่อน้องอะไรไม่ทราบพอน้องขึ้นมาถึง น้องก็เดินกราบสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ บนเขาเลยแรงดีจริงๆ

พระพุทธรูปชุดนี้แหละครับที่กระผมนั่งกรรมฐานเมื่อขึ้นมาถึงอยู่ด้านนอก









คุณครูมาแล้ว

เมื่อมาถึงก็อดไม่ได้ที่จะชักภาพร่วมกันอีก







ข้างบนเป็นที่สัมปายะมากๆ เหมาะทำวิปัสสนา-กรรมฐาน
​

 

​

​

สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์บนเขาแล้วอย่าลืมลงมาดูที่ถ้ำแม่ศรีประจันต์
​

​

​

​

​

​

​

​

ภายในถ้ำซึ่งมองเห็นแผ่นพระพุทธบาทอยู่เหนือศีรษะ​

 

รูปหล่อหลวงปู่โอภาสี







ขณะนั้นเวลา05.20น.บรรยากาศยังมืดครับ มองลงมาด้านล่างก็เห็นแสงไฟอยู่ริบๆ



คุณอ้อยได้เดินมารอคณะพี่ปลา ซึ่งกำลังไต่ระห่ำ ขึ้นมาครับ
​

 

บางคณะที่เดินขึ้นมาถึงแล้วก็นั่งพักเพื่อคลายกล้ามขาที่คอยจะแข็งเป็นตะคิว







บ้างก็กราบขอพรพระแม่กวนอิม







คณะพี่ปลา ได้เดินขึ้นมาถึงแล้วครับนี่แหละครับ พี่ใหญ่อาวุโสที่สุดในทริป
​

 

แสงสีทองเริ่มจับขอบฟ้า มองเห็นหมอกลอยเรียบ ขุนเขาที่สลับซ้อนกันอยู่ริบๆ





ลานสนามฮ. และทางเดินผานางฟ้า





​

 

หลังจากไม่เจอกันมาหนึ่งอาทิตย์ ได้มาเจอกันบนยอดเขาวงพระจันทร์















คุณหญิงนำคณะกราบวันทา รอยพระพุทธบาทและขอพร "ขอให้รวย..ขอให้รวย.."

​

 

ใครล่ะน่ะ..นั่งห่อผ้าเป็นที่ภูทอกอยู่ล่ะน่ะ..



กดชัตเตอร์สองแช่ะ...ก็ได้ภาพหมู อุ้ยไม่ใช่ ภาพหมู่น่ะ











คุณหญิงพาคณะลงถ้ำ





วันนี้อากาศแจ่มใสมากๆ องค์พระแม่กวนอิมดูงดงามมากๆเมื่อตัดกับฟ้า


​

 

ขณะที่เพื่อนๆลงไปอยู่ในถ้ำพระอาทิตย์ก็โผลขอบฟ้ามาให้ชมแสงเรืองรอง

พระสังฆจาย ที่อยู่ด้านทางไปผานางฟ้า







ก่อนลงมานั่งถ่ายภาพที่หินก้อนใหญ่เป็นที่ระลึกว่า"พวกข้านี่แหละได้พิชิตยอดเขาวงพระจันทร์มาแล้ว"(ตาล่ะห้อยหลายคนเลย)




ถ่ายรูปเสร็จแล้วเริ่มแปรรูปขบวน เดินลงจากยอดเขา

​

 

ช่วงนี้เริ่มแปรรูปขบวน มีทั้งชุดนำหน้าและชุดระวังหลัง



คุณหญิงมาแนะนำว่า"นี่พี่ลงอย่างนี้"ทำไปทำมามันจะไม่ลงอย่างนี้น่ะซิ่ มันจะกลิ้งเป็นลูกขนุน น่ะที่นี้ชันมากๆยิ่งกว่าทริปอื่นๆที่ไปมาอีก















ระหว่างทางมีที่พัก(ให้หายใจแบบเต็มปอด)และพระพุทธรูปกราบขอพรเป็นระยะ

​

 

ขณะเดินลงก็สวนกับคณะอื่นๆที่เดินทางมากราบนมัสการ พระพุทธบาทกันเป็นระยะ















ขาลงก็ลงอย่างเดียวจริงๆ แต่คุณอ้อยแข็งแรงขึ้นเยอะตั้งแต่ภูทอก พระพุทธบาทพลวง แล้วเขาวงพระจันทร์ ไม่มีเป็นอะไรเลย ทั้งๆที่เจ้าตัวเป็นทั้งโรคหอบ(หอบข้าวของแล้วมาตกอยู่ที่กระผม ฮิ..ฮิ..)โรคภูมิแพ้ โรคเลือด แต่อาศัยแรงพลังบุญ ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างมลายหายไปสิ้น ครับ
​

 

มืออาชีพสวนกับมือสมัครเล่นทำให้มือสมัครเล่นเห็นแล้วหยอง...





จุดที่พักระหว่างทางมีพระพุทธรูปกราบขอพรและเป็นกำลังใจให้เดินหน้าขึ้นสู่ยอดเขา​

 

นี่ครับบริการแบกขึ้นไปบนเขา เพื่อนมัสการพระพุทธบาท สำหรับผู้ที่ไม่สะดวกในการเดินขึ้น ราคาเห็นคุณหญิงแจ้งไว้ว่า 2,000บาท



นี่ก็มืออาชีพสอบถามน้ำหนักก็ 40กก.เองครับ









วิธีการสไลด์ลงโดยใช้กระสอบรองคุณอ้อยเจอต้องโดดหลบครับ



ข้อแนะนำอีกอย่าง คือการไปที่เขาวงพระจันทร์ ควรขึ้นเวลาตีสี่ เช้ามืด และเผื่อเวลาลงด้วย เพราะพอสายอากาศจะร้อนมากๆเสียเหงือเยอะ


​

 

จุดนี้เป็นจุดเริ่มที่ต้องไต่ความสูง...สูง...สูง ยิ่งขึ้นไปเรื่อยๆ












ป้ายนี้แหละป้ายสุดท้ายสำหรับผู้พิชิต
"เก็บความภาคภูมิใจไว้ แม้นเหนื่อยนัก หยุดพัก เสียก่อน พอเหงื่อแห้งก็หายเหนื่อย"





ด้านล่าง พิพิธภัณฑ์ กระผมให้เลย หมื่นล้านๆๆๆ คิดว่าประเมิณค่ามิได้​

 

พระพุทธรูปที่งดงามหลายปาง ที่ประเมินค่ามิได้ ที่หลวงปู่ท่านเก็บไว้ให้ลูกหลานได้ ชม มองเห็นแล้วทำให้นึกถึง น้องวัน น้องมา พระเครื่องเลย​

 

ภาพนี้เป็นรอยพระบาทที่พบในครั้งแรกที่อยู่บนยอดเขาวงพระจันทร์

อุกาบาตที่ตกมาจากฟากฟ้า น้ำหนัก๑๒ กิโลกรัม







มีดหมอของหลวงพ่อเดิม หลวงพ่อกัน วัดเขาแก้ว ทั้งเล่มเล็ก และใหญ่ มารวมอยู่ที่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ ครับ
​