นางฟ้าหมอดู โดยหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย ๐Novice๐, 14 กุมภาพันธ์ 2012.

  1. ๐Novice๐

    ๐Novice๐ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    62
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +357
    [​IMG]

    นางฟ้าหมอดู​


    ต่อไปนี้ก็คุยถึง นางฟ้าหมอดู นางฟ้าคนที่ ๓ เธอขยับเข้ามา นางฟ้าปลาทูก็ถอยไป จบเรื่องของเธอแล้ว เข้ามาเธอก็กราบ
    เธอถามคำแรกว่า จำฉันได้ไหม
    เลยตอบเธอแบบสัพยอกว่า เวลานี้ฉันยังเป็นคน จำเธอไม่ได้ ถ้าฉันเป็นเทวดาอาจจะจำเธอได้ เพราะเธอสวย
    เธอก็ยิ้ม เธอก็บอกว่า ชอบพูดล้อแบบนี้อยู่เสมอ ในสมัยที่ฉันยังไม่ตายก็ชอบพูดแบบนี้ ชอบพูดว่าเวลานี้ฉันแก่แล้ว ถ้าไม่แก่ฉันอาจจะแต่งงานกับเจ้าสาวสัก ๑,๐๐๐ คน ในคราวเดียวกัน คือ ชอบพูดในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ล้อเล่นให้เกิดความสนุก

    เธอก็บอกว่า ในสมัยที่เป็นมนุษย์ฉันเคยทำบุญกับท่าน และก็เคยเจริญพระกรรมฐานกับท่าน แต่ว่าการเจริญกรรมฐานของฉันใช้หลายวัด ฉันศึกษาวัดต่าง ๆ มาก่อนหลายวัด ฉันชอบเจริญสมาธิ แล้วก็ต่อมาเมื่อข่าวของท่านปรากฏขึ้น ฉันก็เลยไปศึกษาที่ท่านด้วย แต่ผลที่เจริญสมาธิอยู่เรื่อย ๆ มีผลอย่างหนึ่ง นั่นคือได้ ทิพจักขุญาณ แต่ความจริงคำว่า ทิพจักขุญาณ เธอไม่สามารถจะแจ่มใสเท่าพระอรหันต์ นั่นก็ไม่เป็นไร ก็พอใช้ได้ตามสมควร และก็เลยทำกรรมฐานเรื่อยมา จิตเป็นสุข

    ความจริงทิพจักขุญาณนี่ช่วยให้จิตเป็นสุขมาก วันไหนถ้ามีอาการแห้งแล้งทางใจเกิดขึ้น หรือหงอยเหงาทางใจเกิดขึ้น ความหดหู่ทางใจเกิดขึ้น ก็ใช้ทิพจักขุญาณเป็นเครื่องปลอบนั่นก็หมายความว่าหาทางเห็นเทวดา เห็นนางฟ้า เห็นพรหม เห็นพระ แล้วก็คุยกับท่าน ท่านก็คุยด้วย ฉันก็คุยกับท่าน สร้างความเพลิดเพลิน เทวดาก็ดี นางฟ้าก็ดี พรหมก็ดี พระก็ตาม ท่านไม่คุยเรื่องอกุศล ท่านคุยเฉพาะสิ่งที่เป็นกุศลเสมอ อะไรที่บกพร่องอยู่ท่านเตือน เตือนให้ปฏิบัติตามแบบง่าย ๆ ฉันก็ทำตามท่าน

    ถามเธอว่า เวลานี้เธอเป็นนางฟ้าของสวรรค์ชั้นไหน
    เธอตอบว่า ฉันอยู่ชั้นยามาค่ะ
    ตกใจ ที่ตกใจเพราะว่าผู้หญิงดีกว่าเรา เรายังเป็นคนด๊อกแด๊ก ๆ ปวดท้อง เสียดท้อง อืดอยู่ทุกวัน อาการร่างกายเครียดขึ้นทุกวัน ไม่มีทางดีขึ้น เวลานี้เธอละร่างกายไปแล้ว และก็ไปอยู่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์กันบ้าง ชั้นยามากันบ้าง

    ร่างกายของพวกเธอทั้งหมด ไม่มีความเปลี่ยนแปลง เกิดระดับแรก เป็นสาวขนาดไหนก็เป็นสาวขนาดนั้น รูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร ก็เป็นอย่างนั้นตลอด มีแต่การรุ่งโรจน์สวยงามมากขึ้น ถ้าบุญบารมีเพิ่ม ไอ้เราเองนี่ย่ำแย่ แก่ลงทุกวัน ประสาทก็ใช้ไม่ค่อยได้ทุกวัน งานก็หนักจึงอยากจะเลิกงาน อยากจะพักทุกอย่างเสียให้หมด แต่ก็พักไม่ได้ เพราะมีกฎจำกัด

    รวมความว่าก็ตามเรื่องตามราว มันเป็นกฎของกรรม เกิดมาชาตินี้ก็ให้มันไปหนึ่งชาติ มันจะอยู่ไปเท่าไรก็เชิญมันอยู่ไปตามชอบใจของมัน มันจะมีทุกขเวทนาขนาดไหน ก็เชิญเป็นไปตามชอบใจของมัน แต่ก็พยายามรวบรัดการงานให้แล้ว ๆ เร็วที่สุด ก็อยากจะทำเฉพาะงานภายใน คือ สอนกรรมฐาน เพราะจิตเป็นสุข อย่าบ่นเลยนะคนแก่มันขี้บ่น

    เล่าเรื่องราวของเธอต่อไป จึงถามเธอว่า อยากจะดูวิมาน วิมานของเธอสวยไหม แต่ความจริงบรรดาท่านพุทธบริษัท นางฟ้าคนนี้มีเครื่องแต่งกายแตกต่างจากนางฟ้า ๒ คน ที่พูดมาแล้ว คนแรก นางฟ้าปูทะเล เธอมีพื้นผ้าประดับกายสีเขียวอ่อน สวยเย็นตา แพรวพราวเป็นระยับ สวยงามมาก เวลาพูดนี้เธอก็ยิ้ม น่ากลัวจะยิ้มอวด และต่อมานางฟ้าปลาทู ชุดแต่งกายของเธอมีสีเหลือง ทั้งนี้ เพราะอะไร เธอบอกมาเดี๋ยวนี้ เธอบอกว่า เพราะจิตใจจับพระสงฆ์องค์นั้น พระสงฆ์องค์นั้นท่านมีสีเหลือง คือ ผ้าของท่านเหลือง

    เธอตอบต่อไปอีกนิดหนึ่งว่า เธอไม่ทราบหรอกว่าพระสงฆ์องค์นั้นเป็นพระที่มีความสำคัญ
    ก็ถามเธอว่า มีความสำคัญขั้นไหน ขั้นฌานโลกีย์หรือ
    เธอตอบว่า ไม่ใช่
    ถามว่า เป็นโลกุตตระหรือ

    เธอก็ยิ้ม ถ้าไม่ใช่ฌานโลกีย์ ก็เป็นฌานโลกุตตระ พอจะถามต่อไปเธอก็สั่นหน้า เธอบอกว่า ห้ามถาม ขั้นไหนไม่บอก บอกอย่างเดียวว่า ไม่ใช่ฌานโลกีย์
    อยู่แถวไหน
    เธอตอบว่า ไม่บอก ตะวันออกก็ได้ (ลองเล่นกับนางฟ้าดู) ถามว่าอยู่แถวไหน เธอบอกว่า ไม่บอก ตะวันออกก็ได้ เลยสงสัยว่าอาจจะอยู่ทางทิศตะวันออก

    พระองค์นี้เป็นพระดีจริง เป็นพระที่มีความฉลาดมาก อาตมาก็ขอโมทนาในความฉลาดของท่าน ที่ท่านเป็นหมอดู คนชอบหมอดู เวลานี้ ถ้าคนไหนเป็นหมอดู คนนั้นมีเสน่ห์มาก คนชอบมาก คนไปมาก และพระองค์นี้ก็ฉลาด แถมให้นึกถึงท่าน นี่สำคัญมาก การนึกถึงท่าน ท่านบอกว่าจะช่วยได้ง่าย ๆ มีอะไรเกิดขึ้น อุปสรรคเกิดขึ้น อาศัยใจต่อใจประสานกันอย่างนี้มันไม่ใช่กามารมณ์ เพราะพระท่านก็แก่แล้ว คนที่ถูกแนะนำก็แก่แล้ว เป็นการแนะนำที่ฉลาด ให้เจริญ สังฆานุสสติกรรมฐานอย่างง่าย ๆ

    แหม...ต้องชมความฉลาดของพระองค์นี้ ขอชมจริง ๆ อยู่ที่ไหนก็ช่าง เผอิญฟังเทปก็โปรดทราบด้วยว่า ผมโมทนาในความดีของท่าน รู้สึกขอบคุณท่านที่ช่วยจรรโลงพระพุทธศาสนา การเป็นหมอดู ดึงคนให้เกิดศรัทธาได้ดี แต่ว่าอาตมาไม่ไหวนะ ได้แต่เป็นหมอดู ดูว่าเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย ถ้าจะให้พยากรณ์นี่ไม่ไหว

    ก็ถามเธอต่อไปว่า วิมานของเธอ (ขอโทษ!) เครื่องประดับของนางฟ้าชั้นยามานี่ใสขาว เป็นแก้วแพรวพราวทั้งตัวเหมือนกับวิหารแก้ว (ขอโทษ!) เหมือนกับมณฑปแก้ว หรือวิหาร ๑๐๐ เมตร วิมานของเธอก็เลื่อนเข้ามา วิมานของเธอก็ขาวใสเหมือนกัน แพรวพราว เป็นเพชร เป็นระยับ เต็มหลังไปหมด วิมานใหญ่ แต่วิมานของเธอมีวิมานแถม วิมานหลังใหญ่ ก็มีเป็นวิมานหลังย่อม ๆ เป็น ๒ หลัง คล้าย ๆ กับสถานที่นั่งเล่น เธอคงทำบุญไว้มาก

    เธอก็ตอบว่าใช่ สมัยที่เป็นหมอดู ชอบเป็นหมอดูทางใน (นั่นแน่! เอาเข้านั่นแน่ เจอะตัวดีเข้าแล้ว) เธอใช้ ทิพจักขุญาณ ดู
    การใช้ ทิพจักขุญาณ ดูนี่มีประโยชน์มาก เพราะตอนเช้าก็ต้องคุมอารมณ์ของนิวรณ์ ไม่ให้นิวรณ์กวนใจ ตั้งแต่เช้าตรู่ พอตื่นขึ้นมาแล้วปั๊ปก็ต้องจับจิต ไล่นิวรณ์กันทันที ถึงกระนั้นมันก็อดกวนใจไม่ได้ แต่กวนใจไม่ได้นาน ขับนิวรณ์ ขับออกไปให้จิตใจผ่องใสไว้เสมอ ใครถามเมื่อไรตอบได้ทันที

    เมื่อขับนิวรณ์แล้ว สิ่งที่จับประจำอยู่ก็คือ พระพุทธเจ้า กับครูบาอาจารย์ กับเทวดาหรือพรหมทั้งหลายที่ท่านเมตตา รวมความว่าจิตเป็นสมาธิ เป็นพุทธานุสสติด้วย เป็นสังฆานุสสติด้วย เป็นเทวตานุสสติด้วย เป็นประจำกำลังเธอจึงสูง

    ก็เลยถามเธอว่า อะไรนะที่มันห้อย ๆ อยู่รอบ ๆ วิมาน ปรากฏมองแล้วเหมือนกับถังตักน้ำ แต่ถังมันก็เป็นเพชรแพรวพราว อันนี้ไม่ใช่ทองคำ เป็นเพชรแพรวพราว เป็นระยับและของที่ใส่ข้างบนก็เป็นเพชร สูงขึ้น สวยมาก รอบวิมาน
    เธอก็บอกว่า นี่คือการถวายสังฆทานที่พระคุณเจ้าจัดให้ใส่ถัง ถังนั้นก็เลยมาห้อยรอบ ๆ วิมานของฉัน

    ถามว่า เธอถวายสังฆทานแบบถัง ๆ นี่กี่ครั้ง มันจึงมากมายแบบนี้ แต่ถังเวลานั้นสวยมาก ไม่เหมือนถังที่เขาหิ้วถวายสังฆทาน ถังที่ถวายสังฆทานเป็นถังเก่า ของข้างในก็แลดูมัว ๆ แต่นี่ทุกอย่างเป็นเพชรหมด ของข้างในก็เป็นเพชร แพรวพราวเป็นระยับ มีแสงออกสวยมาก

    เธอก็ตอบว่า การถวายสังฆทานจริง ๆ ไม่เกิน ๑๐ ครั้ง เฉพาะสังฆทานถัง เพราะเวลานั้นสังฆทานถัง ๑๐๐ บาท ยังไม่มี มีแต่สังฆทานถัง ๕๐๐ บาท เงิน ๕๐๐ บาท มันก็หาได้ยาก แต่เวลาใครเขามาดู ให้พยากรณ์ เขาให้ก็เก็บไว้ ไว้ถวายสังฆทานบ้าง ไว้ใส่บาตรบ้าง

    เวลาพระท่านขัดข้องอะไรขึ้นมาก็ทำบุญกับพระบ้าง ทุกอย่าง เงินที่ได้มาทั้งหมดก็ใช้ ๒ ประการ คือ กินใช้เองตามความจำเป็น ไม่เก็บกักไว้ แต่เก็บกักไว้บ้างเพียงแต่ยารักษาโรค ป้องกันการเจ็บป่วย นอกนั้นก็ทำบุญหมด ก็คิดว่าเราต้องตาย

    และโดยเฉพาะอย่างยิ่งก่อนจะตาย ก็เห็นวิมานที่ชั้นยามานี่ก่อน ถามพระ ถามเทวดาท่านว่า คนอย่างฉันถ้าตายจากความเป็นคนจะไปอยู่ที่ไหน ท่านก็ชี้ให้ดูวิมานหลังนี้ วิมานหลังนี้มันเกิดก่อนฉันตายมาก พอฉันได้ทิพจักขุญาณ ฝึกได้แล้ว และก็มาที่นี่ได้ อาศัยมโนมยิทธิมาที่นี่ได้ ฉันก็เห็นวิมานหลังนี้แล้ว วิมานหลังนี้ว่างจากเจ้านาย แต่ว่ามีคนอยู่ นั่นคือบริวาร ถามว่า บริวารของเธอมีเท่าไร ก็ตอบว่า บริวารของฉันเวลานี้มี ๔,๐๐๐ คน เป็นนางฟ้าทั้งหมด

    เธอบอกให้ดูบริวารของเธอแล้ว ก็เห็นทุกคนนั่งสงบสงัด ก็ถามว่า เขานั่งเงียบ ๆ เขาทำอะไรกัน
    เธอก็บอกว่า บริวารทั้งหมดนี้ทำสมาธิ
    ก็ถามว่าเธอมีบริวารทำไมกันนะ ในเมื่อเป็นนางฟ้าเป็นเทวดาก็ตาม เป็นพรหมก็ตาม ไม่มีงานจะพึงทำ และมีบริวารก็ไม่ได้ใช้ บริวารทุกคนต่างคนต่างนั่งหลับตา อย่างนี้ก็คือว่ามีบริวารตอไม้จะดีกว่า เรานั่งฉี่บนตอไม้ได้

    เธอก็หัวเราะ เธอบอกว่า มันเป็นระเบียบของสวรรค์ ในเมื่อมาเห็นก็เห็นบริวารเต็มแล้ว
    ก็ถามว่า บริวารพวกนี้มาจากไหน
    เธอก็ตอบว่า บริวารพวกนี้เป็นคนที่เคยเจริญสมาธิ เคยให้ทาน เคยรักษาศีล เคยฟังเทศน์ แต่ว่า ขาดการสร้างวิหารทาน คนประเภทนี้มีมาก ในเมื่อ ไม่เคยสร้างวิหารทาน วิมานของตัวเองก็ไม่มีอยู่ ก็ต้องมาอยู่ร่วมกัน แต่คำว่าบริวารนี้ก็ไม่ใช่ทาสรับใช้ ถือว่าเป็นเพื่อนแก้เหงาดีกว่า

    ก็รวมความว่า บุญบารมีของเธอบรรดาท่านผู้ฟัง รู้สึกว่านางฟ้าหมอดูนี่เธอเป็นหมอดู ก็ถามเธอต่อไปว่า การเป็นหมอดูของเธอมีประโยชน์อะไรบ้าง
    เธอบอกว่า ทำจิตใจผ่องใสตลอดเวลา อารมณ์เป็นสุข
    ก็ถามว่า เวลานี้เธอมานั่งในกลุ่มของคนที่มีบาปอยู่เบื้องหลัง ซึ่งมี นางยักษิณีคุมอยู่ข้างหลัง แต่ความจริงเขาไม่ได้คุมอยู่ เขาแสดงเป็นภาพ เป็นนางยักษิณี แต่ความจริงไม่ใช่นางยักษิณี เป็นภาพแสดงอาการว่า ทุกคนยังมีบาปอยู่เบื้องหลัง ถ้าพลาดจากสวรรค์เมื่อไร ลงไปเกิดเป็นมนุษย์ ก็ต้องลงเลย ไปถึงอบายภูมิ

    เธอก็ตอบว่า บาปเก่า ๆ มันมีอยู่ ก่อนที่จะมีจิตศรัทธาในพุทธศาสนาจริง ๆ ความจริงพ่อแม่ก็เป็นคนของพระพุทธศาสนา นับถือพุทธศาสนา การนับถือในระหว่างนั้นมันก็ไม่แน่นักที่ว่าไม่แน่เพราะอะไร เพราะว่ากำลังใจว่าอะไรว่าตามกัน ท่านบางท่าน ครูบาอาจารย์บางคน พระบางองค์ บางทีท่านก็ไม่เข้าใจในพระพุทธศาสนา บาป ปาณาติบาต ฉันก็เคยทำ อทินนาทาน มีบ้าง ตอนเด็ก ๆ เล็ก ๆ น้อย ๆ กาเมสุมิจฉาจาร ขอผ่านไป ไม่มี ไม่เคยแย่งสามี ภรรยาของใคร

    ถามว่า มีสามีหรือเปล่า
    เธอบอกว่า มี
    ถามเธอว่า ก่อนมีสามี มีสามีพิเศษหรือเปล่า
    เธอยิ้ม เธอถามว่า ถามทำไม

    ก็อยากจะทราบว่า รูปร่างหน้าตาสะสวยแบบนี้ มันน่าจะมีคนชอบมาก ๆ
    เธอก็ตอบว่า คนชอบมากก็มีก็ได้แต่ชอบ เขาชอบฉัน ฉันก็ชอบเขา แต่ว่าฉันก็ไม่ชอบให้มาลวนลามถึงขนาดนั้น แค่คุยกันคุยได้ แต่ทำอย่างอื่นทำไม่ได้ เพราะผิดประเพณีนิยม (นี่เคร่งครัดมาก คนนี้เก่ง จริงหรือเปล่าก็ไม่ทราบ อ้าว! คุยกับนางฟ้ามันก็ต้องจริงสินะ)

    ก็รวมความว่า ถามว่า บาปที่มีความสำคัญของเธอมีอะไรบ้าง เท่าที่พูดมามันไม่หนัก
    เธอก็ตอบว่า บาปที่มีความสำคัญอยู่อย่างหนึ่ง ไม่ถึงกับปรามาสพระรัตนตรัย แต่ว่า ปรามาสนักบวชที่ไม่เคารพในพระพุทธศาสนา (เอาเข้าแล้ว ๆ นี่ด่าฉันหรือเปล่าก็ไม่ทราบสินะ ชักสงสัย)
    ก็ถามเธอคำว่า พระรัตนตรัย
    เธอบอก พระรัตนตรัย คือ ๑. พระพุทธเจ้า ๒. พระธรรม คำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ๓. พระอริยสงฆ์

    อย่างนี้ คือ ๓ รัตนะ แก้ว ๓ ดวง แก้วจริง ๆ ไม่มีเสีย เป็นของดีมาก มีแต่ความผ่องใส แค่นักบวชบางคนไม่เคารพพระพุทธศาสนา อย่างนี้ไม่อยู่ในเกณฑ์พระรัตนตรัย (เอาเข้าแล้ว ๆ พูดเสียใจเต้น ตึ๊ก ๆ ๆ ๆ ๆ เอ๊ะ! ยายคนนี้แกพูดยังไงหว่า)
    ก็ถามว่าเป็นอย่างไร

    เธอตอบว่า การที่ฉันทำบุญ แกก็นินทาว่าทำไมทำบุญต้องไปทำวัดโน้นต้องไปทำวัดนี้บุญมันก็ได้ทุกวัด เธอก็ยอมรับว่าความจริงบุญได้ทุกวัด แต่กำลังใจมันไม่ฟู มันไม่อิ่มใจ จึงตั้งใจทำบุญเฉพาะวัดที่มีความเลื่อมใส พระพวกนี้ก็ว่า นักบวชพวกนี้ก็ว่า ฉันก็เลยไม่ชอบใจ เมื่อว่าฉันมา ฉันก็ว่าบ้าง

    ตอนฉันเจริญกรรมฐานแกก็หาว่า บ้า ตอนที่ฉันเป็นหมอดู แกก็ป่าวประกาศกับบรรดาประชาชนว่าอย่าไปเชื่อ อีนี่มันหลอกลวง มันเป็นลูกเจ๊กลูกจีน (ขอโทษ! ลืมบอกไปว่าลูกเจ๊กผิวขาวโปร่ง) มันเป็นลูกเจ๊กลูกจีน ไม่นับถือพุทธศาสนาจริง หลอกลวง แต่ว่าการดูของเธอไม่เก็บเงิน ไม่เรียกเงิน ไม่เรียกของ ไม่เรียกอะไรทั้งหมด ถ้าเขาให้ รับ ไม่มีการกะเกณฑ์ คนไม่มีสตางค์ให้ก็ไม่เป็นไร แต่การดูของทุกคนต้องนำดอกไม้ธูปเทียนมาครบ เขียนคำถาม ๕ ข้อ

    ทุกคนเมื่อนำดอกไม้ธูปเทียนมาแล้วต้องไปบูชาพระพุทธรูปก่อน แล้วจึงจะพยากรณ์ให้ รวมความว่า เธอแนะนำให้คนมีบุญ และคนพวกนี้แหละบรรดาท่านพุทธบริษัทที่เป็นบริวาร
    เอาละ บรรดาท่านทั้งหลาย เวลานี้มองดูนาฬิกา มันเหลือเพียง ๒๐ วินาที เท่าที่ตั้งไว้ ก็ต้องขอลาก่อน ขอความสุขสวัสดิ์พิพัฒนมงคลสมบูรณ์พูนผล จงมีแด่บรรดาท่านพุทธศาสนิกชนผู้รับฟังทุกท่าน สวัสดี

    ที่มา: หนังสืออ่านเล่น เล่มที่ 4
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 5 มีนาคม 2013
  2. Chang_oncb

    Chang_oncb ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    12,276
    ค่าพลัง:
    +80,040
    [​IMG][​IMG] หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

    กราบหลวงพ่อฤาษีลิงดำ กราบหนึ่ง กราบสอง กราบสาม [www.marateebook.com]
     
  3. Chang_oncb

    Chang_oncb ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    12,276
    ค่าพลัง:
    +80,040
    [​IMG] สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ปฐม [​IMG] สมเด็จพระศรีอาริยเมตไตรย

    กราบสมเด็๋จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ปฐม กราบสมเด็จพระศรีอาริยเมตไตรย กราบหลวงพ่อฤาษีลิงดำ กราบหนึ่ง กราบสอง กราบสาม [www.marateebook.com]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 กุมภาพันธ์ 2012

แชร์หน้านี้

Loading...