สังคมเปลี่ยนแต่ศาสนาเปลี่ยนไม่ได้

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย อุรุเวลา, 31 มกราคม 2012.

  1. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=w8X6z26R2Ik&feature=player_embedded]สังคมเปลี่ยน แต่ศาสนาเปลี่ยนไม่ได้ - YouTube[/ame]
     
  2. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๗ จุลวรรค ภาค ๒ หน้าที่ ๒๕๑/๒๗๙
    ท่านทั้งหลาย ขอสงฆ์จงฟังข้าพเจ้า สิกขาบทของพวกเราที่ ปรากฏแก่คฤหัสถ์
    มีอยู่ แม้พวกคฤหัสถ์ก็รู้ว่า สิ่งนี้ควรแก่พระสมณะเชื้อสายพระศากยบุตร สิ่งนี้ไม่ควร
    ถ้าพวกเราจักถอนสิกขาบทเล็กน้อย เสีย จักมีผู้กล่าวว่า พระสมณโคดมบัญญัติสิกขาบท
    แก่สาวกทั้งหลาย เป็นกาลชั่วคราว พระศาสดาของพระสมณะเหล่านี้ยังดำรงอยู่ตราบใด
    สาวกเหล่านี้ยังศึกษาในสิกขาบททั้งหลายตราบนั้น เพราะเหตุที่พระศาสดาของพระ
    สมณะเหล่านี้ปรินิพพานแล้ว พระสมณะเหล่านี้จึงไม่ศึกษาในสิกขาบททั้งหลายใน
    บัดนี้ ถ้าความพร้อมพรั่งของสงฆ์ถึงที่แล้ว สงฆ์ไม่พึงบัญญัติสิ่งที่ไม่ทรงบัญญัติไม่พึง
    ถอนพระบัญญัติที่ทรงบัญญัติไว้แล้ว พึงสมาทานประพฤติ ในสิกขาบททั้งหลายตามที่
    ทรงบัญญัติแล้ว นี้เป็นญัตติ
    ท่านทั้งหลาย ขอสงฆ์จงฟังข้าพเจ้า สิกขาบทของพวกเราที่ ปรากฏแก่คฤหัสถ์
    มีอยู่ แม้พวกคฤหัสถ์ก็รู้ว่า สิ่งนี้ควรแก่พระสมณะเชื้อ สายพระศากยบุตร สิ่งนี้ไม่ควร
    ถ้าพวกเราจักถอนสิกขาบทเล็กน้อยเสีย จักมีผู้กล่าวว่า พระสมณโคดมบัญญัติสิกขาบท
    แก่สาวกทั้งหลายเป็นกาล ชั่วคราว พระศาสดาของพระสมณะเหล่านี้ยังดำรงอยู่ตราบใด
    สาวก เหล่านี้ยังศึกษาในสิกขาบททั้งหลายตราบนั้น เพราะเหตุที่พระศาสดา ของพระ
    สมณะเหล่านี้ปรินิพพานแล้ว พระสมณะเหล่านี้จึงไม่ศึกษาในสิกขาบททั้งหลายใน
    บัดนี้ สงฆ์ไม่บัญญัติสิ่งที่ไม่ทรงบัญญัติ ไม่ถอนพระ บัญญัติที่ทรงบัญญัติแล้ว สมาทาน
    ประพฤติในสิกขาบททั้งหลายตามที่ ทรงบัญญัติไว้แล้ว การไม่บัญญัติสิ่งที่ไม่ทรงบัญญัติ
    ไม่ถอนพระบัญญัติ ที่ทรงบัญญัติไว้แล้ว สมาทานประพฤติในสิกขาบททั้งหลายตามที่
    ทรงบัญญัติแล้ว ชอบแก่ท่านผู้ใด ท่านผู้นั้นพึงเป็นผู้นิ่ง ไม่ชอบแก่ท่านผู้ใด ท่านผู้นั้น
    พึงพูด
    สงฆ์ไม่บัญญัติสิ่งที่ทรงบัญญัติ ไม่ถอนพระบัญญัติตามที่ทรง บัญญัติแล้ว
    สมาทานประพฤติในสิกขาบททั้งหลายตามที่ทรงบัญญัติ แล้ว ชอบแก่สงฆ์ เหตุนั้นจึง
    นิ่ง ข้าพเจ้าทรงความนี้ไว้ ด้วย อย่างนี้ ฯ
     
  3. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๖ จุลวรรค ภาค ๑ หน้าที่ ๓๔/๓๒๘
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ไฉน ภิกษุโมฆบุรุษเหล่านั้นจึงได้ประพฤติอนาจาร เห็นปานดังนี้ คือ
    ได้ปลูกต้นไม้ดอกเองบ้าง ได้ใช้ให้ผู้อื่นปลูกบ้าง ได้รดน้ำ เองบ้าง ได้ใช้ให้ผู้อื่นรดบ้าง ได้เก็บ
    ดอกไม้เองบ้าง ได้ใช้ให้ผู้อื่นเก็บบ้าง ได้ ร้อยกรองดอกไม้เองบ้าง ได้ใช้ให้ผู้อื่นร้อยกรองบ้าง
    ได้ทำมาลัยต่อก้านเองบ้าง ได้ใช้ให้ผู้อื่นทำบ้าง ได้ทำมาลัยเรียงก้านเองบ้าง ได้ใช้ให้ผู้อื่นทำบ้าง
    ได้ทำ ดอกไม้ช่อเองบ้าง ได้ใช้ให้ผู้อื่นทำบ้าง ได้ทำดอกไม้พุ่มเองบ้าง ได้ใช้ให้ผู้อื่น ทำบ้าง ได้ทำ
    ดอกไม้เทริดเองบ้าง ได้ใช้ให้ผู้อื่นทำบ้าง ได้ทำดอกไม้พวงเองบ้าง ได้ใช้ให้ผู้อื่นทำบ้าง ได้ทำ
    ดอกไม้แผงสำหรับประดับอกเองบ้าง ได้ใช้ให้ผู้อื่น ทำบ้าง พวกเธอได้นำไปเองบ้าง ได้ใช้ให้ผู้อื่น
    นำไปบ้าง ซึ่งมาลัยต่อก้าน ได้นำ ไปเองบ้าง ได้ใช้ให้ผู้อื่นนำไปบ้าง ซึ่งมาลัยเรียงก้าน ได้นำไปเองบ้าง
    ได้ใช้ให้ ผู้อื่นนำไปบ้าง ซึ่งดอกไม้ช่อ ได้นำไปเองบ้าง ได้ใช้ให้ผู้อื่นนำไปบ้าง ซึ่ง
    ดอกไม้พุ่ม ได้นำไปเองบ้าง ได้ใช้ให้ผู้อื่นนำไปบ้าง ซึ่งดอกไม้เทริด ได้นำไปเองบ้าง ได้ใช้ให้
    ผู้อื่นนำไปบ้าง ซึ่งดอกไม้พวง ได้นำไปเอง บ้าง ได้ใช้ให้ผู้อื่นนำไปบ้าง ซึ่งดอกไม้แผงสำหรับ
    ประดับอก เพื่อกุลสตรี เพื่อกุลธิดา เพื่อกุมารีแห่งตระกูล เพื่อสะใภ้แห่งตระกูล เพื่อกุลทาสี
    พวก เธอได้ฉันอาหารในภาชนะอันเดียวกันบ้าง ได้ดื่มน้ำในขันใบเดียวกันบ้าง ได้นั่ง บนอาสนะ
    อันเดียวกันบ้าง ได้นอนบนเตียงอันเดียวกันบ้าง ได้นอนร่วมเครื่องลาด อันเดียวกันบ้าง ได้นอน
    คลุมผ้าห่มผืนเดียวกันบ้าง ได้นอนร่วมเครื่องลาดและ คลุมผ้าห่มร่วมกันบ้างกับกุลสตรี กุลธิดา
    กุมารีแห่งตระกูล สะใภ้แห่งตระกูล กุลทาสี ได้ฉันอาหารในเวลาวิกาลบ้าง ได้ดื่มน้ำเมาบ้าง ได้ทัด
    ทรงดอกไม้ของหอม และเครื่องลูบไล้บ้าง ได้ฟ้อนรำบ้าง ได้ขับร้องบ้าง ได้ประโคมบ้าง ได้เต้นรำ
    บ้าง ได้ฟ้อนรำกับหญิงฟ้อนรำบ้าง ได้ขับร้องกับหญิงฟ้อนรำบ้าง ได้ประโคมกับหญิงฟ้อน รำบ้าง
    ได้เต้นรำกับหญิงฟ้อนรำบ้าง ได้ฟ้อนรำกับหญิงขับร้องบ้าง ได้ขับร้องกับหญิง ขับร้องบ้าง ได้
    ประโคมกับหญิงขับร้องบ้าง ได้เต้นรำกับหญิงขับร้องบ้าง ได้ ฟ้อนรำกับหญิงประโคมบ้าง ได้ขับ
    ร้องกับหญิงประโคมบ้าง ได้ประโคมกับหญิง ประโคมบ้าง ได้เต้นรำกับหญิงประโคมบ้าง ได้ฟ้อนรำ
    กับหญิงเต้นรำบ้าง ได้ขับ ร้องกับหญิงเต้นรำบ้าง ได้ประโคมกับหญิงเต้นรำบ้าง ได้เต้นรำกับหญิง
    เต้นรำบ้าง ได้เล่นหมากรุกแถวละแปดตาบ้าง ได้เล่นหมากรุกแถวละสิบตาบ้าง ได้เล่น หมากเก็บ
    บ้าง ได้เล่นชิงนางบ้าง ได้เล่นหมากไหวบ้าง ได้เล่นโยนห่วงบ้าง ได้เล่นไม้หึ่งบ้าง ได้เล่นฟาด
    ให้เป็นรูปต่างๆ บ้าง ได้เล่นสะกาบ้าง ได้เล่น เป่าใบไม้บ้าง ได้เล่นไถน้อยๆ บ้าง ได้เล่นหกคะเมน
    บ้าง ได้เล่นไม้กังหันบ้าง ได้เล่นตวงทรายด้วยใบไม้บ้าง ได้เล่นรถน้อยๆ บ้าง ได้เล่นธนูน้อยๆ
    บ้าง ได้เล่นเขียนทายบ้าง ได้เล่นทายใจบ้าง ได้เล่นเลียนคนพิการบ้าง ได้หัดขี่ช้าง บ้าง ได้หัด
    ขี่ม้าบ้าง ได้หัดขี่รถบ้าง ได้หัดยิงธนูบ้าง ได้หัดเพลงอาวุธบ้าง ได้วิ่งผลัดช้างบ้าง ได้วิ่งผลัดม้า
    บ้าง ได้วิ่งผลัดรถบ้าง ได้วิ่งขับกันบ้าง ได้วิ่ง เปี้ยวกันบ้าง ได้ผิวปากบ้าง ได้ปรบมือบ้าง ได้ปล้ำ
    กันบ้าง ได้ชกมวยกันบ้าง ปูลาดผ้าสังฆาฏิ ณ กลางสถานที่เต้นรำแล้ว ได้พูดกับหญิงฟ้อนรำ
    อย่างนี้ว่า น้องหญิง เธอจงฟ้อนรำ ณ ที่นี้ ดังนี้บ้าง ได้ให้การคำนับบ้าง ได้ประพฤติ อนาจาร
    มีอย่างต่างๆ บ้าง เมื่อก่อนชาวบ้านยังมีศรัทธาเลื่อมใส แต่เดี๋ยวนี้เขา ไม่ศรัทธาไม่เลื่อมใสแล้ว
    แม้ทานประจำของสงฆ์ก่อนๆ บัดนี้ทายกทายิกาได้ ตัดขาดแล้ว ภิกษุผู้มีศีลเป็นที่รักย่อมหลีกเลี่ยง
    ไป ภิกษุเลวทรามอยู่ครองเล่า
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย การกระทำของโมฆบุรุษเหล่านั้นนั่น ไม่เป็นไปเพื่อ ความเลื่อมใสของ
    ชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส ... ครั้นแล้ว ทรงทำธรรมีกถา รับสั่ง กะพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะว่า
    ไปเถิด สารีบุตรและโมคคัลลานะ พวกเธอ ไปถึงชนบทกิฏาคีรีแล้วจงทำปัพพาชนียกรรมแก่ภิกษุ
    พวกอัสสชิ และปุนัพพสุกะ จากชนบทกิฏาคีรี เพราะภิกษุพวกนั้นเป็นสัทธิวิหาริกของพวกเธอ
     
  4. เทพเมรัย

    เทพเมรัย Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    262
    ค่าพลัง:
    +80
    ศาสนา ก็ตกอยู่ภายใต้กฏธรรมดาๆ มีเกิด มีเสื่อม มีสลายหายไป ไม่อาจให้มันไม่เปลี่ยนแปลงได้ไม่
     
  5. TK the Naka

    TK the Naka เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    217
    ค่าพลัง:
    +1,190
    เห็นด้วยอย่างมากครับผม
     
  6. ms 13

    ms 13 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    367
    ค่าพลัง:
    +8
    เดี๋ยว คนบางคน ก็มาอีกหลอกทะเราะกันอีก ขาเขาใหญ่น่า ล่อเป้า
     
  7. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    ข้อความซ้ำ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 กุมภาพันธ์ 2012
  8. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๙ สังยุตตนิกาย ขันธวารวรรค หน้าที่ ๙๐/๓๑๐
    [๑๖๗] ลำดับนั้นแล เป็นเวลาเย็น พระผู้มีพระภาคเสด็จออก จากที่พักผ่อนแล้ว
    เสด็จไปยังนิโครธาราม แล้วประทับนั่งบนอาสนะที่เขาปูไว้ ครั้นแล้ว พระผู้มีพระภาคทรงบันดาล
    ด้วยอิทธาภิสังขาร ให้ภิกษุเหล่านั้นเกรงกลัว เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคจนถึงที่ประทับ ทีละรูป
    บ้าง สองรูปบ้าง ครั้นแล้วต่างก็ถวายบังคมแล้ว นั่งลง ณ สถานที่ควรส่วนข้างหนึ่ง. ครั้น
    ภิกษุเหล่านั้น นั่งลงเรียบร้อยแล้ว พระผู้มีพระภาค จึงได้ตรัสพระพุทธวจนะว่า ดูกรภิกษุทั้ง
    หลาย ข้อเลวทรามของการเลี้ยงชีพทั้งหลาย ก็คือการแสวงหาบิณฑบาต. ภิกษุทั้งหลาย ย่อม
    ได้รับคำแช่งด่าในโลกว่า เป็นผู้มีมือถือบาตรเที่ยวแสวงหาบิณฑบาต. ดูกรภิกษุทั้งหลายก็กุลบุตร
    ทั้งหลาย เป็นผู้เป็นไปในอำนาจแห่งเหตุ อาศัยอำนาจแห่งเหตุ จึงเข้าถึงความเป็นผู้แสวงหา
    บิณฑบาตนี้แล ไม่ใช่เป็นคนหนีราชทัณฑ์ ไม่ใช่เป็นคนขอให้โจรปล่อยตัวไปบวช ไม่ใช่เป็น
    คนมีหนี้ ไม่ใช่เป็นคนมีภัย ไม่ใช่เป็นคนมีอาชีพแร้นแค้น ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็อีกอย่าง
    หนึ่ง กุลบุตรนี้บวชแล้ว โดยที่คิดเช่นนี้ว่า เราทั้งหลายเป็นผู้อันชาติ ชรา มรณะ โสกะ
    ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัส อุปายาส ครอบงำแล้ว ชื่อว่าเป็นผู้มีทุกข์ครอบงำแล้ว มีทุกข์ประจำ
    แล้ว ไฉนหนอ ความทำที่สุดแห่งกองทุกข์ ทั้งมวลนี้ จะพึงปรากฏ. แต่ว่ากุลบุตรนั้น เป็นผู้
    มากด้วยอภิชฌา มีราคะกล้าในกามทั้งหลาย มีจิตพยาบาท มีความดำริแห่งใจ อันโทษะประทุษ
    ร้ายแล้ว มีสติหลงลืม ไม่มีสัมปชัญญะ มีใจไม่เป็นสมาธิ มีจิตหมุนไปผิด ไม่สำรวมอินทรีย์.
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย เรากล่าวบุคคลผู้เสื่อมแล้ว จากโภคะแห่งคฤหัสถ์ด้วย ไม่ทำประโยชน์ คือ
    ความเป็นสมณะให้บริบูรณ์ด้วยว่า มีอุปมาเหมือนกับดุ้นฟืนในที่เผาศพ ซึ่งไฟติดทั้งสองข้าง
    ตรงกลางก็เปื้อนคูถจะใช้เป็นฟืนในบ้านก็ไม่ได้ ฉะนั้น.

    ----
    ศาสนาก็ต้องเสื่อมไม่มีสิ่งใดอยู่เหนือกฏธรรมชาติ แต่พระธรรมยังอยู่ตราบใดที่ยังมีอริยสัจ ๔ และมรรค ๘ หนทางพ้นทุกข์ยังมีโลกไม่พึงว่างจากพระอรหันต์

    พระธรรมยังมีอยู่พระสงฆ์ก็ยังมีอยู่ แต่มีส่วนน้อยที่เป็นพระสงฆ์ที่มีข้อวัตรปฏิบัติที่ดีงาม สงฆ์ส่วนใหญ่ก็อย่างที่พวกท่านเห็นรับเงินทอง ใช้จ่ายเงินทอง ปลุกเสก รดน้ำมนต์ เป็นหมอดู ทำเดรัจฉานวิชา ท่านสวดปาติโมกข์(ศีล 227 ข้อ)ทุก 15 วันจะอ้างว่าไม่รู้ไม่ได้ ผมมีแค่ศีลแปดผมไม่ขอตำหนิท่านแต่ผมไม่ขอทำบุญกับดุ้นฟืนในที่เผาศพ
     
  9. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    แล้วรูปหล่อ รูปปั้น ยกไปเทียบกับพระธาตุ ไปนับถือว่าฆราวาสเป็นคนสร้างรูปหล่อรูปปั้นแล้วยิ่งใหญ่เป็นรองพระธาตุ เมื่อยังแยกพระพุทธรูปกับรูปหล่อ รูปปั้นไม่ออก อย่าไปถามหา "ความไม่เที่ยง" เลยท่าน
     
  10. BIGBANG.POWER

    BIGBANG.POWER สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +2
    เปลี่ยนได้แน่นอน

    สังคมเปลี่ยน ศาสนาเปลี่ยนได้แน่นอน
    โดยเฉพาะศาสนาที่ละเอียดอ่อน และไม่เผยแผ่อย่างเป็นระบบ
     
  11. COME&Z

    COME&Z เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,144
    ค่าพลัง:
    +234
    อนุโมทนาสาธุ ดีแล้ว ชอบแล้ว
    นิพพานังปัจจโยโหตุ
     
  12. Humra

    Humra สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กันยายน 2011
    โพสต์:
    149
    ค่าพลัง:
    +5
    ทุกอย่างมันเป็นสิ่งไม่เที่ยง (แอบจำตามเขา) มีเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ศาสนา ก็น่าจะเป็นไปตามหลักเดียวกัน ในที่สุดแล้วก็จะสูญสลายไป รอการค้นพบรื้อฟื้นขึ้นมาใหม่ของศาสดาองค์ต่อไป ที่นี้ขอถกเรื่องพระวินัยที่พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติไว้สำหรับ สาวกซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่ดี แต่ ณ. กาลเวลาบัดนี้ การจะหาพระผู้ทรงวินัยได้ทั้งหมด น่าจะเป็นเรื่องยากมาก
    เพราะสังคมปัจุบันเปลี่ยนแปลงไป พระสงฆ์ท่านต้องเมตตาสงเคราะห์คนจำนวนมาก :cool::cool:
     
  13. เอาฮา

    เอาฮา สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    116
    ค่าพลัง:
    +19
    มันเปลี่ยนตั้งแต่พระห่มจีวรสีเหลืองแล้วล่ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...