จิตเป็นพลังงานคลื่นรูปหนึ่งที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ เป็นพลังงานที่เข้าควบคุมชีวิต ร่วมกับพลังจักรวาล (พลังธรรมชาติ หรือปราณชี่กง) รวมเป็นรูปเรียก ว่าจิตวิญญาณ ดังนี้ ทั้งจิตและวิญญาณล้วนเป็น พลังงานและมีพลังงานในตัวเองอยู่แล้ว
ดังนี้ จิต คือ พลังงานรูปหนึ่ง มีพลังอยู่ในตัวอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องไปเอาพลังใคร ไปดูดพลังใคร ไปดูดพลังอะไรมา การไปเอาพลังมามากๆ จะเสียสมดุล จนกระทบร่างกายได้ พบได้ในพวกเล่นพลังธาตุต่างๆ เช่น ไฟ, น้ำ ทำให้ร่างกาย เสียสมดุล แล้วมานั่งปรับสมดุลผิดๆ เช่น คิดว่ากินเลือด.. จะช่วยเพิ่มพลังวัตรเป็นต้น
การฝึกจิตวิญญาณ มีสองลักษณะ คือ การฝึกจิต คือ การฝึกจิตเข้าสู่ความบริสุทธิ์หนึ่ง และใช้พลังจิตไปทำงานได้หนึ่ง การฝึกลมปราณ คือ การควบคุมพลังวิญญาณ เพื่อช่วยการทำงานของร่างกายต่างๆ การฝึกจิต มีไม่น้อยกว่า 40 วิธี เรียกว่า "กรรมฐาน" แบบของพราหมณ์เก่าที่พระพุทธองค์ ไปเรียนมาแล้วมาปรับถ่ายทอดต่อให้พระสาวกเก็บสืบทอดต่อมา แล้วยังมีส่วนที่พระพุทธองค์ ทรงบัญญัติเอง และส่วนที่พระอรหันตสาวกค้นคิดเองอีกด้วย ส่วนการฝึกปราณ พัฒนาจากอานาปานสติเป็นสำคัญ มาแตกแขนงตอนท่านตั๊กม้อมาเผยแพร่ แล้วแตกแขนงมากขึ้นอีก จนถึงรุ่นท่านปรามาจารย์จางซานฟง ถือเป็นจุดสุดยอดของพลังชี่กง
ปกติ เราควรฝึกจิตให้บริสุทธิ์ก่อน ให้รู้จักจิตแท้ จึงค่อยต่อด้วยการฝึกใช้งานจิต และใช้พลังจิต จากนั้นจึงต่อด้วยการฝึกลมปราณ แขนงต่างๆ โดยมีเป้าหมายคือการพ้นทุกข์ทั้งมวลและอยู่ในโลก อย่างไม่ทุกข์เกินไป รักษาตัวเองได้ด้วยพลังตนเอง ดังนี้ ปกติ แล้วหากจิตไม่บริสุทธิ์ หรือไม่มีจิตตรงต่อนิพพาน (โสดาบัน) จะไม่มีการถ่ายถอดกรรมฐานขั้นสูงกันอย่างเด็ดขาด พระพุทธองค์ทรงห้ามไว้ ทรงเทศนาก่อน เมื่อบรรลุโสดาบันแล้ว ท่านจึงให้กรรมฐานตามหลัง เพราะกรรมฐานทำให้คนยึดได้อีก บางคนยึดปัจจุบันแล้ว พอมาฝึกจิต เห็นอดีต ยึดอดีตต่อ เห็น อนาคตยึดอนาคตต่อ เห็นสวรรค์ยึดสวรรค์ต่อ ดังนี้ จึงไม่สอนง่ายๆ สมัยกระผ้มเด็กๆ มีคนมาขอวิชชาจากตามากมายเพราะตามีวิชชาคุณไสย์ ท่านพยายามรอเพื่อถ่ายทอดให้ผม แต่ผมไม่เอาเลยเพราะเป็นคุณไสย์ แม่เล่าว่าตาได้รับผลกรรมก่อนตายต้องเป็นอัลไซเมอร์กว่าจะเสีย เพราะเคยทำศรัตรูคนหนึ่งตายด้วยคุณไสย์ ดังนี้ ผมจึงเห็นว่าไม่ดีเลย...
พลังจิตก็คือการกำหนดจิต ทำให้การเคลื่อนไหวของจิตสำนึกมาเชื่อมติดกับการเคลื่อนไหวของชีวิต รวบรวมและย่อการเคลื่อนไหวของจิตสำนึกให้หดตัวอยู่ภายใน ซึ่งเป็นการรวบรวมการเคลื่อนไหวของจิตสำนึกที่ไม่เป็นระเบียบให้เป็นเรื่องเดียวกัน คิดถึงแต่เรื่องเดียวเท่านั้น แต่บางครั้งจิตใต้สำนึก(เรื่องราวในอดีต)อาจจะหลุดออกมาเป็นความคิด แต่เราใช้จิตสำนึกพิจารณา ว่าควรทำตามจิตใต้สำนึกหรือไม่ทำตาม หากเราสามารถเอาชนะจิตใต้สำนึกที่ไม่ดีได้ แสดงถึงเรามีพลังจิต สามารถบังคับบัญชาจิตซึ่งทำหน้าที่คิดไปเรื่อยๆ หากพัฒนาไปจนถึงระดับ รู้เท่าทันในปัจจุบันขณะ เรียกว่าสำเร็จวิชาแล้วครับ
เห็นด้วยจากใจจริงครับ ไม่มีศีลกำกับ เกิดอัตตา โมหะ โทสะ เกิด อาจจะเผลอใจใช้พลังโจมตีไปโดยไม่รู้ตัวครับ บาปกรรมจริงๆจะหนักกว่าวิ่งไปต่อยแน่นอน ที่จริงก่อนหน้านี้ผมก็ทดลองแล้วแหละครับ พลังดรอปลงเลย เมื่อวาน6.30น.กำลังทำสมาธิ ตุ๊กแกร้อง3ที มีลูกคอด้วย แล้วมีแมลงภู่บินมาชนแขนซ้าย ผมโดดหลบไม่พ้น แล้วหายไปอ่ะ งงเลย อยากเรียนไสย์ขาวไว้ช่วยคนเหมือนกันนะครับ มีวิชาดีแนะนำด้วยนะครับ
ถ้าจำไม่ผิด ในพระไตรปิฏก วิญญาณ เป็นภาษาบาลี แปลเป็นไทยว่า จิต จิต กับวิญญาณ คือ อย่างเดียวกัน การอ่านป้าย บอกทางตั้งแต่แรก แปลผิดเมื่อไร หลงทันที
พลังจิตเกิดจากจิตที่บริสุทธิ ไม่มีนิวรณ์ ๕ จากนั้นทำสมาธิกรรมฐานจนได้ฌาณ เมื่อจิตบริสุทธิเข้าสมาธิ กำลังของฌาณจะ ทำให้จิตนั้นมีพลัง มโนมยิทธิก็เรียก ฤทธิทางใจก็เรียก พลังเหล่านี้คือผลพลอยได้ จากการละวางกิเลสต่างๆ หากปฏิบัติต่อไป มีโอกาสบรรลุธรรมขั้นสูง มีฤทธิมีเดชขึ้นมาอีก เรียกฌาณสมาบัติ วิชชา สุดท้ายวิมุติ ต่อเมื่อบรรลุมรรคผลแล้ว จะไม่สนใจในฤทธิในเดชใดๆ มีเพียงวิมุติ ดับจิตดับสังขารต่อไป ผิดพลาดประการใด ขอทุกท่านชี้แนะได้ สาธุ เจริญพร..
พลังจิต คือ การทำของความถี่ในสมองนั้นทำงานโดยใช้ความคิดของผู้ใช้พลังจิต เพราะฉะนั้น อย่าเอาเรื่องศาสตร์ศาสนา มาเกี่ยวข้องด้วยแม้แต่พระเจ้าก็เช่นกัน เพราะมันเป็นที่พึงพาใจด้วยความเชื่อ ถ้าอยากใช้พลังตามความเชื่อของศาสนาละก็ ไปเรียนเรื่อง เวทมนต์