ทำบุญให้ทานไปเพื่ออะไร

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย vacharaphol, 26 เมษายน 2007.

  1. vacharaphol

    vacharaphol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    8,849
    ค่าพลัง:
    +27,175
    [​IMG]
    ในสังคมเราชาวพุทธมีหลายคนอาจจะยังไม่ค่อยเข้าใจในเรื่องการทำบุญให้ทานในพระพุทธศาสนา บางคนไม่เข้าใจว่าทำบุญเพื่ออะไร ? ทำไปทำไม ? ทำบุญนั้นคืออะไร ?

    บางคนก็ทำบุญโดยสักแต่เหมาเอาเพื่ออยากได้บุญ, เห็นเขาทำก็ทำเหมือนเขาเพราะเขาบอกว่าทำแล้วได้บุญ ถึงเทศกาลงานทำบุญใหญ่ในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา หรือวันขึ้นปีใหม่ เป็นต้น หลายคนกลัวไม่ได้ใส่บาตรพระหรือใส่บาตรไม่ทันพระเดิน ก็ชุลมุนเบียดเสียดแย่งกันเข้าไปใส่บาตรข้าวสารอาหารแห้งกับพระภิกษุสงฆ์กันวุ่นวาย เพราะกลัวตนไม่ได้บุญ, บางคนก็สักแต่ว่าทำบุญโดยไม่รู้ว่าเอาบุญไปทำอะไร, บางคนทำบุญเพื่อปรารถนาทางโลก อธิษฐานในภพหน้าชาติหน้าชาติต่อๆ ไป เช่น ขอให้รวยๆ ขอให้สวย เป็นต้น ซึ่งเป็นการเพิ่มกิเลสไปโดยไม่เข้าใจ

    บางคนมีอุปทานในบุญ เพื่อได้ไปสวรรค์ มีวิมานสวยๆ, บางคนทำบุญเอาหน้าทำบุญอวดคนก็มี อุปมาเหมือนปิดทองเฉพาะหน้าพระอย่างเดียว และบางคนไม่เข้าใจเรื่องการทำบุญ ทำบุญโดยผิดศีล เมื่อมีงานบุญใหญ่ เช่น ทำบุญผ้าป่า ทำบุญบ้าน ทำบุญงานศพ เป็นต้น เป็นอันต้องได้ล้มวัวล้มควายมาเลี้ยงกันในงานบุญ (มักพบในต่างจังหวัด)

    ถ้าทำบุญโดยไม่เข้าใจอย่างนี้แล้วจะเป็นการเพิ่ม กิเลส ตัณหา อุปาทาน มีอวิชชา (ความโง่, ความหลง) ครอบงำได้ ทำให้วนเวียนอยู่ในวัฏฏะอย่างไม่สิ้นสุด

    บางคนก็มีอคติกับการทำบุญสุนทานอยู่ในใจ และไม่ชอบการทำบุญเพราะมองว่าเป็นความเชื่อ ขาดปัญญาและงมงาย เมื่อเห็นคนศรัทธาในการทำบุญมากๆ บริจาคเงินมากๆ ก็ว่าคนหลงบุญเบาปัญญา เหมือนคนโง่งมงายเอาเงินไปทำบุญกันทำไม เงินทองนั้นหามายาก....กว่าจะเก็บจะออมได้ และยิ่งเห็นพวกคนจนๆแต่ศรัทธาสูง แล้วยังจะเจียดเงินที่ไม่ค่อยจะมีอยู่แล้ว อุตส่าห์ไปหาซื้ออาหารมาใส่บาตรพระภิกษุอีก (เห็นแล้วก็สมเพชพวกคนจนๆ เหล่านี้จริงๆ ไม่คิดถึงตนเองที่มัวงมงายขาดปัญญา มีแต่ศรัทธาอย่างเดียว เป็นต้น)

    บางคนก็มองว่าการทำทานนั้นไม่ใช่เรื่องที่สำคัญของพระพุทธศาสนานักจึงไม่ให้ความสำคัญ แต่จริงๆ แล้วพระพุทธองค์ท่านสอนให้ทำทาน รักษาศีล เจริญภาวนา (ปัญญา) ไปควบคู่กัน โดยไม่ให้ขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งไป เพราะถ้าทำแต่ทานไม่มีศีลก็จะมีโอกาสทำชั่วมาก ตกนรกภูมิเวียนวนชดใช้กรรมในวัฏสงสาร และไม่เจริญภาวนาสู่ปัญญาก็ไม่มีปัญญาหาทางเข้าสู่นิพพาน พ้นทุกข์ไม่ได้

    เมื่อมีแต่ศีลหรือเจริญภาวนาอย่างเดียวในชาตินี้ (และยังไม่สามารถเข้าสู่พระนิพพานได้ในชาตินี้) ถ้าไม่ทำทานก็เกิดมาอดอยากมีชีวิตลำบากโอกาสผิดศีลในชาติต่อไปย่อมมีมากกว่าคนที่มีฐานะดี ทำให้อาจทำกรรมชั่วได้ง่ายเพราะความจน และไม่มีเวลามาสนใจในการภาวนาเพราะลำพังความจนก็ทุกข์ทรมานหิวโหยอยู่แล้วจะเอาเวลาที่ไหนมานั่งภาวนาเพราะต้องทำมาหาเลี้ยงชีพ ซึ่งต่างกับคนมีฐานะดี ยิ่งเป็นเศรษฐีแม้ไม่ต้องทำงานก็มีทรัพย์จุนเจือกินใช้ไม่หมดในชาตินี้ มีเวลาสามารถมาเจริญภาวนาสู่ปัญญาได้โดยไม่ต้องเดือดร้อนเรื่องเงินทอง เป็นต้น

    ดังนั้นผู้พิมพ์จึงได้รวบรวมข้อมูลในเรื่องทานนี้จากหนังสือทาน,จากนิยามคำสอนของหลวงปู่มั่น,และคำสอนของท่านพุทธทาสภิกขุ มารวบรวมเรียบเรียงให้ท่านผู้อ่านได้เข้าใจในเรื่องทานมากยิ่งขึ้น

    ทาน : การให้, สิ่งที่ให้, ให้ของที่ควรให้แก่คนที่ควรให้ เพื่อประโยชน์แก่เขา, สละให้ปันสิ่งของของตน เพื่อประโยชน์แก่ผู้อื่น

    ทานแบ่งเป็น ๒ หมวด ดังนี้

    ทานหมวดที่ ๑ ได้แก่

    - อามิสทาน คือให้สิ่งของ เป็นเครื่องบริหารกาย
    - ธรรมทาน คือให้ธรรมะ เป็นเครื่องบริหารใจ

    ทานหมวดที่ ๒ ได้แก่

    - สังฆทาน ให้แก่สงฆ์ หรือให้เพื่อส่วนรวม
    - ปาฏิบุคลิกทาน ให้เจาะจงแก่บุคคลผู้ใดผู้หนึ่งโดยเฉพาะ

    พุทธศาสนิกชนถ้าไม่บำเพ็ญทานเลย ภิกษุทั้งหลายย่อมอยู่ไม่ได้ เมื่อภิกษุไม่มีเสียแล้ว พระพุทธศาสนาจะตั้งอยู่อย่างครบถ้วนบริบูรณ์ได้อย่างไร ขอแต่ว่าผู้บำเพ็ญทานอยู่เป็นประจำแล้ว อย่าได้ย่ำเท้าอยู่กับที่ ขอให้รักษาศีลและเจริญภาวนาร่วมด้วย มิฉะนั้นท่านก็ไม่อาจที่จะรับอานิสงส์แห่งพระพุทธศาสนาได้ครบวงจร

    การทำบุญนั้นทำเพื่อบูชาคุณท่าน เพื่อสงเคราะห์ผู้อื่น เพื่อกำจัดความตระหนี่ถี่เหนียว หรือความเห็นแก่ตัว เมื่อทำบุญอย่าหวังเพื่อขอให้เกิดมารวย ขอมีวิมานในสวรรค์สวยๆ มีบริวารมากมาย เป็นต้น เพราะเป็นการเพิ่มกิเลสตัณหา อุปาทาน เป็นเหมือนการลงทุนเพื่อหวังผลตอบแทน ทำให้ผลแห่งทานนั้นไม่บริสุทธิ์ และมีอานิสงส์อ่อน ไม่ขัดเกลากิเลส เพิ่มตัณหา เป็นไปเพื่อวัฏฏะ ไม่พ้นทุกข์

    เมื่อเราทำบุญทำทานไว้แล้ว ตราบใดที่เรายังต้องเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในวัฏสงสาร เราต้องได้รับอานิสงส์แห่งบุญนั้นอยู่แล้ว ดังเช่นพระพุทธพจน์กล่าวไว้ในอันนสูตร ๑๕/๔๒ ว่า
     
  2. putipongb

    putipongb เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2007
    โพสต์:
    587
    ค่าพลัง:
    +3,844
    อนุโมทนาครับ สำหรับผมก็ชอบถวายสังฆทานและพิมพ์หนังสือธรรมะแจกโดยคิดว่าต้องการอุทิศกุศลให้ญาติฯลฯ และรู้สึกสบายใจที่ได้ทำบุญเข้าวัด บางทีมีโอกาสดีๆได้แง่คิดดีๆจากพระ(แท้)มาปฎิบัติ เอาเป็นว่าผมมีความสุขที่ได้ทำทานกับพุทธศาสนาก็แล้วกันครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...