เมื่อใดสัจธรรมปรากฏ "สมมุติจะถูกทำลายล้าง" ไปทีละน้อยๆ

เมื่อใดมนุษย์ค้นพบสัจธรรม
เมื่อนั้น "สมมุติ" ก็จะถูกล้าง
ทำลายไปเรื่อยๆ ยิ่งค้นพบไป
มากเรื่อยๆ ก็ทำลายมากเรื่อยๆ
ยิ่งมีผู้เข้าถึงสัจธรรมมากเรื่อยๆ
การทำลายล้างสมมุติ ก็จะมาก
ขึ้นเรื่อยๆ


เพราะอะไรหรือ?


เพราะจักรวาลนี้เดิมที "ว่างเปล่า"
มันทำหน้าที่นำพา "สรรพจิต" ให้
กลับสู่นิพพาน เพื่อมันจะได้หมด
หน้าที่แล้วพักงาน กลับเข้าสู่ภาวะ
เดิมแท้คือ "ว่างเปล่า" ดังเดิม...

 

มาเยี่ยมบาร์โด

 

เมื่อสัจธรรมดำเนินไปถึงที่สุด แม้จักรวาลก็จะถูกทำลายล้าง


แท้จริงแล้ว มันไม่ได้ถูกทำลายล้าง แต่กลับเข้าสู่ภาวะเดิมแท้ของ
มันเท่านั้นเอง นั่นคือ "ภาวะที่เสถียร" ที่สุดของมัน ก่อนที่จะเกิด
Chaos หรือ "ความยุ่งเหยิง" อันมาจากการ "เสียดุลยภาพ" ขึ้น
ภาวะที่มีอยู่, เกิดอยู่, ดำรงอยู่นี้ ล้วนเป็นไปด้วยอาการตึงเครียด
ของจักรวาล ความอลหม่านของจักรวาลทั้งสิ้น เมื่อใดที่มันหมด
หน้าที่ คือ "สรรพจิตเข้าสู่นิพพาน" ได้ จักรวาลก็จะพักงานแล้วก็
กลับสู่ภาวะดังเดิมของมัน คือ "ว่างเปล่า" การปรากฏขึ้นของการ
ตรัสรู้จริง และสัจธรรมแท้จริง ก็คือ การเริ่มต้นของการกลับสู่ภาวะ
ดั้งเดิมของจักรวาล หรือก็คือ "การทำลายล้างสมมุติที่ยุ่งเหยิงนั้น"

 

ตำนานแรคน่าร็อค Ragnarok ​

<SHAPETYPE id=_x0000_t75 class=inlineimg title="Tongue out" stroked="f" filled="f" path="m@4@5l@4@11@9@11@9@5xe" src="http://palungjit.org/images/smilies/tongue-smile.gif" alt="" border="0" o<STROKE joinstyle="miter" /><FORMULAS><F eqn="if lineDrawn pixelLineWidth 0" /><F eqn="sum @0 1 0" /><F eqn="sum 0 0 @1" /><F eqn="prod @2 1 2" /><F eqn="prod @3 21600 pixelWidth" /><F eqn="prod @3 21600 pixelHeight" /><F eqn="sum @0 0 1" /><F eqn="prod @6 1 2" /><F eqn="prod @7 21600 pixelWidth" /><F eqn="sum @8 21600 0" /><F eqn="prod @7 21600 pixelHeight" /><F eqn="sum @10 21600 0" /></FORMULAS>
<LOCK aspectratio="t" v:ext="edit" /></SHAPETYPE><SHAPE style="Z-INDEX: 1; POSITION: absolute; TEXT-ALIGN: left; MARGIN-TOP: 7.7pt; WIDTH: 222pt; HEIGHT: 199.8pt; MARGIN-LEFT: 138pt; LEFT: 0px; mso-wrap-distance-left: 0; mso-wrap-distance-right: 0; mso-position-vertical-relative: line" id=_x0000_s1026 o:allowoverlap="f" type="#_x0000_t75"><IMAGEDATA o:title="special221" src="file:///C:\DOCUME~1\Kaw\LOCALS~1\Temp\msohtml1\01\clip_image001.jpg" /><WRAP type="square" /></SHAPE>


ในอดีตคือ เป็นชื่อหนึ่งในตำนานชาวเหนือ (Norsemen) หมายถึงช่วงวาระสุดท้ายของเทพต่างๆ (คล้าย วันพิพากษาโลกในศาสนาคริสต์) โดยได้แบ่งฝ่ายกันต่อสู้จนตายเกือบหมดทั้งสามโลก เหลือรอดอยู่ไม่กี่องค์ แต่ก็พอที่จะสร้างโลกใหม่ที่เราอยู่กันทุกวันนี้ ภาวะอันวุ่นวายในช่วงเวลาดังกล่าวนี่แหละ ที่ทำให้ศิลปินสมองใสชาวญี่ปุ่นนำมาเขียนเป็นการ์ตูนให้เด็กอ่านติดกันงอมแงม แล้วชาวเกาหลีก็เอาไปสร้างเป็นเกมส์อีกที.....





ชาวเหนือเชื่อกันว่า จักรวาลแบ่งออกเป็นเก้าโลก เป็นของชาวสวรรค์กับพวกเอลฟ์ ตัวขาวเสียสาม เป็นของมนุษย์ (ซึ่งเรียกว่า แผ่นดินมิดเดิ้ลการ์ด ฟังแล้วชวนคิดถึงชื่อ มิดเดิ้ลเอิร์ท ในเรื่อง เดอะ ลอร์ด ออฟ เดอะ ริง-มหันตภัยแห่งแหวน ยังไงไม่รู้) คนแคระ เอลฟ์ตัวดำ และยักษ์นํ้าแข็งอีกสี่ และใต้พิภพอีกสอง ทว่าความไม่ลงรอยกันในระหว่างเผ่าพันธุ์ เหล่านี้เริ่มมาตั้งแต่โลกเริ่มต้น ตั้งแต่สิ่งมีชีวิตสิ่งแรก โผล่ออกมาจากภาวะนํ้าแข็ง และไฟที่รุนแรง โดยเฉพาะระหว่างเทพกับยักษ์นํ้าแข็ง ความสัมพันธ์อันหมิ่นเหม่เปราะบาง ถูกทอนให้ร่อยลงทุกทีด้วยความเกลียดชัง ระหว่างกัน เสริมด้วยฟืนแห่ง ความโกรธแค้นนานาประการ ตั้งแต่ที่ โลกิ เทพจอมโกง หากลวิธีเข่นฆ่า บาลเดอร์ เทพแห่งความงามและความดี ก่อให้เกิดความแค้นคุอยู่ในใจเทพทั้งมวล ยิ่งนานวันความกระหายจะทำสงครามก็ปะทุมากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงช่วงรักนาร็อค ความเดือดดาล ความโลภ และความเกลียดชังก็ระเบิดออกมา ในรูปของสงครามครั้งยิ่งใหญ่ที่สุด ในตำนานของชาวเหนือ




<WRAP type="square">
</WRAP>

สงครามระหว่างเทพกับยักษ์นํ้าแข็งครั้งนี้เกิดบนทุ่งวิกฤติ (Vigrid-วิกริด ฟังแล้วเหมือน วิกฤติ และความหมายก็แทบจะคล้ายกันด้วย) หลังจากฤดูหนาว แสนทารุณที่ยาวเหยียดถึงสามปี พวกเทพนำโดย โอดิน ธอร์ รวมทั้งวิญญาณนักรบผู้กล้าที่ขึ้นไปอยู่ในวัลฮัลลา ส่วนพวกยักษ์นำโดยโลกิ เทพจอมโกง กับวิญญาณจากนรก หมาป่า เฟนเรอ (Fenrir) และสัตว์ ประหลาดจากท้องทะเล จอร์มุน กานด์ (Jormungand)




เริ่มด้วยสวรรค์ แอสการ์ดถูกทำลายลง และสะพานรุ้งนํ้าแข็ง ก็ถูกยักษ์เซิร์ทจุดไฟเผาจอร์มุนกานด์ (พญางูแห่งมิดเดิ้ลการ์ด) ดีดตัวขึ้นจาก ทะเลที่กำลังเดือดขึ้น ไปโอบตัวเหนือทุ่งวิกฤติ พ่นพิษไปทั่วทุกทิศทาง หมาป่าเฟนเรอแหกที่คุม ขัง พาฝูงหมาป่าเข้าพิฆาตมนุษย์ มันไม่เพียงแต่จะทำลายล้าง สิ่งมีชีวิตต่างๆ แต่กลืนกินดวงอาทิตย์ และดวงจันทร์ จน โลกทั้งโลกตกอยู่ในความมืด โลกิจอมลวงแล่นเรือพายักษ์นํ้าแข็งข้ามทะเล ที่ปั่นป่วนไปสู่ทุ่งสังเวียน ขณะที่ เฮล ลูกสาวของเขาก็พาวิญญาณขึ้นมาจากนรก มันเป็นสงครามที่แม้แต่ อิกดราซิล (Yggdrasil) ต้นไม้แห่งจักรวาลก็ยังสั่นไหว ด้วยแรงแค้นแห่งผู้อาศัยทั้งมวล

โอดินผู้ล่วงรู้ชะตาลิขิต ถึงแม้จะรู้ว่าจะต้องแพ้สงคราม แต่ก็สู้จนเลือดหยาดสุดท้ายอย่างกล้าหาญ ในที่สุดโอดินถูกเฟนเรอฆ่า ส่วนธอร์ โอรสของโอดิน แม้จะสังหารจอร์มุนกานด์ได้ แต่<SHAPE style="Z-INDEX: 5; POSITION: absolute; MARGIN-TOP: 30.35pt; WIDTH: 165pt; HEIGHT: 148.5pt; MARGIN-LEFT: 199.5pt; mso-wrap-distance-left: 0; mso-wrap-distance-right: 0; mso-position-vertical-relative: line; mso-position-horizontal-relative: text" id=_x0000_s1030 o:allowoverlap="f" type="#_x0000_t75"> <IMAGEDATA o:title="special223" src="file:///C:\DOCUME~1\Kaw\LOCALS~1\Temp\msohtml1\01\clip_image006.jpg" /><WRAP type="square" /></SHAPE>พิษของมันทำให้เขาสิ้นชีพ โลกิปลํ้าอยู่กับ เฮมดาล เทพแห่งแสงสว่างคู่ปรับตลอดกาล และต่างคนต่างตายเพราะคมดาบของอีกฝ่าย หมู่บริวารไม่ว่าเทพ หรือยักษ์ต่างล้มตายเกลื่อนกลาด ทั่วท้องทุ่งเต็มไปด้วยซากศพ

ครั้นแล้ว เมื่อสงครามแผ่วลง จนเซิร์ทยักษ์แห่งไฟเห็นว่าพวกตน ไม่มีทางชนะอย่างเด็ดขาด ก็กวัดแกว่งดาบเวียนเหนือศีรษะ จุดไฟให้ลุกทั่วทั้งเก้าโลก เผาผลาญราชวังแอสการ์ดแห่งสวรรค์ มิดเดิ้ลการ์ดแผ่นดินของมนุษย์ รวมทั้งแผ่นดินนรกใต้พื้นพิภพ หวังให้ไฟนั้น "ล้าง" ทุกสิ่งทุกอย่างไม่ให้มีอะไรเหลือ แผ่นดินจมหายลงไปใต้สมุทรอันเดือดพล่าน เป็นการสิ้นสุดจักรวาลของชาวเหนือ
ดูเหมือนว่าท่ามกลางความโหดร้าย ทุกๆ อย่างจะสิ้นสูญ ทว่าก่อนที่สงครามจะอุบัติ มนุษย์ สองคน ลิฟและลิฟธราเซอร์ (ผู้ชายกับผู้หญิงคู่หนึ่ง เหมือนกับอดัมกับอีฟยังไงไม่รู้) แอบไปกำบังตัวอยู่บนต้นไม้แห่งโลกอิกดราซิล กระทั่งโลกใหม่ (แผ่นดินใหม่) ผุดขึ้นจากนํ้า เขียวชอุ่มงดงามอีกครั้ง ทั้งสองก็ออกมาจากที่ซ่อนเพื่อสร้างพลเมืองให้โลก รวมทั้งเทพชั้นลูกชั้นหลานอีกหลายองค์ที่เหลือรอด เช่น ลูกของโอดิน คือ วิดาร์, วาลี และ โฮเนอร์ ลูกของธอร์ คือ โมดิ และ แมกนิ ผู้สืบทอดค้อน และทั้งบาลเดอร์ผู้กลับมาจากความตาย ต่างก็ช่วยกันสร้างโลกกันใหม่ คงเป็นโลกที่เราอยู่กันในปัจจุบัน (ละมั้ง)



เรื่องแรคนาร็อค เป็นสงครามที่ซาบซึ้งอยู่ในใจ ของพวกไวกิ้งเป็นอันมาก มันผนึกอยู่ในตำนานที่สร้างศรัทธา ในการต่อสู้อย่างห้าวหาญ ทั้งนี้ เพราะชาวเหนือเป็นพวกที่ชอบการรบ และไม่เกรงกลัวความตาย เขามีชีวิตอย่าง "ยามศึกเรารบ ยามสงบเราไปปล้น" ทำให้กลายเป็น พวกรุกรานยุโรป หลังจากโรมันเสื่อมอำนาจ อย่างช่วยไม่ได้ และสงครามที่ไวกิ้งรบแต่ละครั้ง ก็จะตราความน่ากลัว อยู่ในความทรงจำ ของคนชนิดลืมไม่ลง <SHAPE style="Z-INDEX: 4; POSITION: absolute; MARGIN-TOP: 16.4pt; WIDTH: 111pt; HEIGHT: 99.9pt; MARGIN-LEFT: 354pt; mso-wrap-distance-left: 0; mso-wrap-distance-right: 0; mso-position-vertical-relative: line; mso-position-horizontal-relative: text" id=_x0000_s1029 o:allowoverlap="f" type="#_x0000_t75"><IMAGEDATA o:title="special224" src="file:///C:\DOCUME~1\Kaw\LOCALS~1\Temp\msohtml1\01\clip_image007.jpg" /><WRAP type="square" /></SHAPE>จนมีการบันทึกไว้หลายที่ ทว่า ในมุมมองของชาวไวกิ้งแล้วสงครามครั้งใด ก็ไม่รุนแรงเท่าที่เกิดขึ้น ในแรคนาร็อค....

 

เวลาบนโลกนับถอยหลังแล้ว
ณ เวลานี้ ท่านกำลังทำอะไรกันอยู่หรือ?

 

ขอบคุณครับ...............เข้าใจแล้ว..

 

ขอบคุณท่านมากๆ ที่เตือนสติ ตัวเราย่อมรู้ดีที่สุดว่าเราเป็นคนเช่นไร.. คนที่รู้จักเราจริงๆ ก็ย่อมรู้ว่าเราเป็นคนแบบไหน? ใครที่ไม่รู้จักก็ปล่อยไป.. ทุกสิ่งคือบททดสอบ.. เพียงแต่บทนี้หนักหน่อยเท่านั้นเอง..

 

ที่เหลือคือ "เราจะรับหน้าที่อะไร"


ในภาวะที่ระเบิดเวลาเดินหน้าและเวลา
ของโลกเริ่มเดินถอยหลังแล้ว?


ถ้าเรามีบารมีเราเลือกทางได้ แต่นั่นก็
ต้องขึ้นอยู่กับกรรมทำแต่งมาด้วยเช่นกัน

 

เทพชุดเก่าจะปลดระวาง (ตาย) เทพชุดใหม่มาแทนที่


เทพชุดใหม่ จะถือกำเนิดจากมนุษย์ที่บำเพ็ญบารมีนี่เอง จะขึ้น
ไปทำหน้าที่แทนชุดเก่าทั้งหมด ซึ่งจะเปลี่ยน "ยกสวรรค์เลย"
(เฉพาะสามภพนี้นะครับ ส่วนโลกธาตุอื่นไม่ทราบครับ) ดังนั้น
ท่านที่ยัง "ไม่รีบนิพพาน" ย่อมต้องรับหน้าที่สักอย่างอยู่ต่อไป
หน้าที่ก็ต้องมาพร้อมตำแหน่ง ซึ่งก็เรียกว่า "เทพ" นั่นเอง ช่วง
เวลานี้ ท่านก็จะได้รับการ "ปรับเปลี่ยนพลังงาน" จากพลังงาน
เก่าไปเป็นพลังงานใหม่ พลังงานใหม่จะประสานลงมามาก เช่น
พลังเทพองค์ต่างๆ เพื่อให้มนุษย์รับช่วงตามต่อไป สมมุติ คนที่
เคยรับตำแหน่ง "ดาวเทพพระเกตุ" บำเพ็ญชาตินี้แล้ว ย่อมที่จะ
เปลี่ยนหน้าที่ ชำระล้างพลังงานเก่า เพื่อรับพลังงานใหม่ (ซึ่งก็
คือ พลังงานที่ถ่ายจากเทพองค์เก่าให้เรามารับช่วงต่อ นั่นเอง)
เมื่อเรารับได้ บำเพ็ญได้ เราก็ได้ไป ตำแหน่งเทพองค์นั้นๆ เมื่อ
เราละสังขารจากโลก ก็ขึ้นไปทำหน้าที่ตามตำแหน่งเทพที่เรารับ

 

ยินดีต้อนรับไอ้นอกโลก บาร์โด และทุกๆท่านกลับบ้านจ้า

 

อืม เพราะเดี๋ยวนี้เทพเดิมๆไม่ค่อยช่วยอะไรเหล่ามนุษย์เลย จึงน่าจะถึงเวลาอัพเกรดแล้วมั้ง

 

มนุษย์ที่รับหน้าที่เทพได้ จะอยู่ได้ต่อไป ที่เหลือก็ถูกเก็บ


มนุษย์ที่รับหน้าที่เทพได้ จะมีชีวิตรอดบนโลกต่อไป เพื่อทำกิจ
ที่ตนรับมานั้นๆ ต่อไปจนจบกิจ จึงจะได้ขึ้นสวรรค์ ส่วนมนุษย์ที่
ไม่สามารถรับหน้าที่อะไรได้เลยและไม่มีหัวหน้าที่มีบารมีมากพอ
ก็จะถูกเก็บ ดังนั้น ไม่ต้องแปลกใจว่าภาวะวิกฤตินั้น ทำไม มีคน
กลุ่มหนึ่ง ชอบแห่ไปศรัทธางมงายคนที่มีฤทธิ์ มีเดช กันมาก นี่
คือ "ธรรมชาติของการเอาตัวรอดของสัตว์" ที่จะอาศัยบารมีกัน
ดำรงตนอยู่ต่อไป ตามบุญบารมี วาสนาของแต่ละคนที่ทำกันมา
ทว่า คนที่มีบารมีมากเป็นยอดพีรามิด คนน้อยนักจะเข้าถึงได้แต่
คนที่บารมีน้อย กลับเป็นฐานพีรามิดที่คนเข้าถึงได้มากกว่า จึงมี
คนแห่เข้ามาห้อมล้อมมากกว่า นั่นเอง สุดท้าย คนที่อยู่สูงเกินไป
ก็ "ก้าวลงมาสู่เบื้องล่าง" ซึ่งการก้าวลงนี้ จะก้าวลงมาได้นั้น ต้อง
"ก่อกรรมเพื่อให้ตนเองเสื่อมต่ำลง" ดังนั้น ไม่ต้องแปลกใจ ถ้าคุณ
สร้างบารมีได้มากแล้ว กลับไม่ได้ทำสิ่งที่ดี แต่กลับถูกสิ่งแวดล้อม
บีบบังคับให้ต้องก่อกรรมเลว ทั้งๆ ที่ใจไม่ได้อยากกระทำเลยก็ตาม

 

มนุษย์เสวยผลบุญเกินตัวเสียแล้ว
เทพไม่อาจช่วยได้อีก อย่าโทษ
เทพเทวดาเลย


ลองกลับไปดูแต่ละคนดีๆ สิว่าเขา
เสวยผลบุญมากกันแค่ไหน?

 

การเสวยผลบุญ "ล่วงหน้า" ทำให้เป็นทาสซาตาน


สมมุติ นาย ก จะได้ผลบุญครองบ้าน 1 หลัง ในอีก 6 ปี
ข้างหน้า ตอนนี้ นาย ก มีเงินเก็บประมาณหนึ่งแล้ว ทว่า
นาย ก ถูกความละโมบครอบงำ ทำให้ "ใจร้อน-ไม่อดทน"
ไม่รอให้ถึงวันที่จะได้เสวยผลบุญ ซาตานมาปรากฏแล้ว
บอกว่า "ข้าเป็นพระเจ้า ให้เจ้าได้ทุกอย่าง จะให้วันนี้เลย"
ต่อมา นาย ก ก็ผ่อนบ้าน ได้บ้านทันทีดั่งใจหมาย ทว่า มี
หนี้อีกหลักล้านที่จะต้องทำงานในระบบทาสทุนนิยม ใช้ไป
ผ่อนไป เป็นบ่วงพันนาการผูกรัดอยู่ แม้จะไปบวชพระ ก็ทำ
ไม่ได้แล้ว เพราะต้องผ่อนบ้านให้ครบ 10 ปี หรือกี่ปีก็ว่ากัน
ไป เช่นนี้ เทพที่กำลังจะทำหน้าที่ให้บ้านแก่นาย ก เลยไม่มี
งานทำ ตกงาน เพราะซาตานทำแทนไปแล้ว นาย ก ไม่รอ
เทพอีกแล้ว พอจะเข้าใจสถานการณ์ของโลกชัดเจนขึ้นไหม?

 

สังสารวัฏนี้ มันเหมือนยักษ์ตัวใหญ่
ที่คอยกินสัตว์ทั้งหลาย ไม่มีวันอิ่ม
ไม่มีที่ไหนในสังสารวัฏนี้ ที่จะรอด
พอจะเห็นภาพชัดไหม?

 

ยักษ์อะไรเอ่ย กินเท่าไรก็ไม่มีวันอิ่ม?

 

[ame=http://www.youtube.com/watch?v=S7q1nXI21zM&feature=related]梵音大悲咒 - YouTube[/ame]

 

เพราะดีครับ บาร์โด อรุนสวัสดิ์!!!

 

ชอบ ผมชอบอะไรใหม่ๆ แต่คุณบาร์โดโชคดียังไม่ใครมาขัด

 

สัจธรรมปรากฏอยู่ตลอดเวลา แต่มนุษย์มองไม่เหนเอง เอะ!!หรือไม่ได้มอง